ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ALLY! -. เมื่อผมกลายเป็นนางร้าย แต่นางเอกดันเป็นแฝดผมเอง

    ลำดับตอนที่ #2 : ALLY 00 :: พี่น้องฝาแฝด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 931
      68
      5 เม.ย. 62



    ALLY 00

    “ THE TWINS 





    บางทีมนุษย์ กับ ความตายอาจจะเป็นสิ่งที่อยู่คู่กัน


    ความตายนั่นคือสิ่งที่ไม่อาจเลี่ยงได้ บางคนจบชีวิตเมื่อถึงยามชรา บางคนจับชีวิตด้วยเหตุไม่คาดฝัน บางคนจบชีวิตด้วยฝีมือของมนุษย์ด้วยกันเอง ในขณะที่บางคนเลือกจบชีวิตตนเองเพื่อวิ่งหนีปัญหาที่ต้องเผชิญ


    เสียงไซเรนดังก้องกังวานภายในจัตุรัสกลางเมืองใหญ่ เสียงฝีเท้าเดินขวักไขว่จากทุกสารทิศต่างหยุดชะงัก เสียงพูดคุยเรื่องราวในชีวิตประจำวันถูกแทนที่ด้วยเสียงคุยจอแจจนฟังไม่เป็นศัพท์ นัยน์ตาทุกคู่ต่างจับจ้องไปยังหน้าร้านขายเกมแห่งหนึ่งด้วยความอารมณ์อันแสนหลากหลาย


    เคยได้ยินไหมว่าสิ่งที่ทำให้มนุษย์พร้อมใจกันมองได้นั้นมีเพียงแค่สองอย่างเท่านั้น นั่นคือ เรื่องราวดีๆ และ เรื่องราวสุดเลวร้าย ถ้าพูดถึงเรื่องราวดีๆ คงเป็นป้ายลดราคาสินค้ากว่าเก้าสิบเปอร์เซนต์ตรงหน้าร้าน แต่นั่นก็มีแค่คนบางกลุ่มสนใจ ในขณะบางกลุ่มแทบไม่เหลียวมอง


    ...ถ้าสิ่งที่ทำให้พวกเขาหยุดนิ่ง...คือเรื่องร้ายล่ะ?


    เลวร้ายสุดๆ เลย


    กำแพงสีขาวนวลถัดจากประตูร้านไปไม่ถึงสิบเมตรถูกย้อมไปด้วยสีแดงจากโลหิตที่ไหลรินออกมาจากร่าง ...ไม่สิ ศพของคนแปลกหน้า เรือนผมสีบลอนด์สว่างซีกหนึ่งกลายเป็นสีเลือดเนื่องจากของเหลวไหลออกจากช่องขนาดเล็กที่ไม่ได้เกิดเองตามธรรมชาติบนศีรษะ ดวงตาสีทองคล้ายกับแมวดูเลือนลอยราวกับเจ้าของร่างกายไม่ได้มีชีวิตอีกต่อไป ทว่าถึงกระนั้นนัยน์ตานั้นก็ยังคงจ้องมองลงไปยังหน้าตักที่มีร่างของเด็กหนุ่มผู้คล้ายกันราวกับกระจกนอนหน้าคว่ำอยู่ ตรงท้ายทอยเต็มไปด้วยเลือดไหลออกจากปากแผล


    ชายหนุ่มในชุดอาสาสมัครเดินเร็วๆ เข้ามาพร้อมกับเปล พวกเขามองร่างที่นั่งนิ่งโชกเลือดตรงหน้าก่อนยกขึ้นเปลจากระมัดระวัง ถึงแบบนั้นก็เถอะ ในความคิดของพวกเขานั้นชายหนุ่มที่หน้าคว่ำกับพื้นไม่น่ารอด แต่หน้าที่ของพวกเขาคือพาร่างไปยังโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าร่างนั้นจะมีชีวิตอยู่หรือกลายเป็นศพไปแล้วก็ตาม


                ทันทีที่มาถึงจุดหมายคนหนึ่งถูกแยก และ ส่งไปยังห้องเก็บศพ เพราะเจ้าตัวเสียชีวิตในทันที ส่วนอีกคนถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉิน เหล่าบุคลากรของทางโรงพยาบาลใช้เวลาอยู่ในห้องนั้นไม่กี่ชั่วโมงเลย สุดท้ายผลออกมาว่าเสียชีวิตไปแล้วเหมือนกันทำให้ต้องย้ายศพไปห้องเก็บศพ

     


              หลังจากนี้มาฟังเรื่องราวจากผู้เสียชีวิตทั้งสองกันเถอะ


                ย้อนไปหกชั่วโมงก่อนหน้านี้


    ห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดกลางถูกตกแต่งด้วยโทนสีสว่าง หากแต่กลับถูกปิดทับเอาไว้เพื่อป้องกันแสงจากดวงอาทิตย์ ร่างของชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องนอนฟุบหน้าบนโต๊ะ เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ดังก้องกังวานหลายนาทีทำให้เขาชายหนุ่มค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองภาพตรงหน้าด้วยความรำคาญ มือสีซีดยกขึ้นขยี้ผมเบาๆ ยิ่งทำให้เรือนผมสีบลอนด์ยุ่งเหยิงมากกว่าเดิม ดวงตาสีทองจ้องหน้าจอมือถือเครื่องสีขาวพร้อมข้างหรี่ลงเล็กน้อยหลังจากรู้สึกว่าไม่ค่อยชินกับแสงจ้าบนหน้าจอ ทันทีที่เห็นตัวเลขเวลาบนหน้าจอเขาขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความหงุดหงิดพลางวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม


                เฟลิกซ์ มอสเพียร์ ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องขยับตัวเบาๆ เพื่อคลายความล้าของร่างกายอยู่นาน จากนั้นตรงไปทำธุระส่วนตัวในยามเช้า ไม่สิ...ตอนนี้มันเกือบเที่ยงแล้วนี่


    ใช้คำว่าสายดูจะเหมาะกว่าหรือเปล่านะ

    อืม...ช่างเถอะ


    หลังจากจัดการธุระทุกอย่างเสร็จ เฟลิกซ์สวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ธรรมดาเดินออกจากห้องนอนตรงไปยังส่วนของจุดนั่งเล่น ที่นี่ไม่ใช่บ้านหลังใหญ่หรือหรูเลิศอะไร เป็นแค่คอนโดทั่วๆ ไป


    เฟลิกซ์ยกมือขึ้นป้องปากหาวหวอดเล็กน้อย จังหวะที่กำลังเดินไปส่วนครัวนัยน์ตาสีทองเหลือบเห็นร่างชายหนุ่มอีกคนนอนหลับบนโซฟาทำให้เขาชะงักฝีเท้าพลางหันมองอีกรอบ คนที่นอนอยู่บนโซฟา คือ ไอแซค มอสเฟียร์ บุคคลที่มีใบหน้าเหมือนกับเฟลิกซ์อย่างกับแกะ อันที่จริงคงไม่แปลกเท่าไรที่ไอแซคมีหน้าตาเหมือนเขา...ก็หมอนี้เป็นน้องชายฝาแฝดนี้ ส่วนแตกต่างคงมีแค่การแบ่งผมคนละทิศกัน แต่นั่นแหละทำให้เวลายืนมองหน้ากันแล้วรู้สึกคล้ายกำลังส่องกระจก


    ทว่าถึงหน้าตาจะเหมือนก็ตาม ใช่ว่าเสียงของพวกเขาจะเหมือนกันไปเสียทุกเรื่อง สิ่งที่ชัดที่สุดน่าจะเป็นเสียงของพวกเขา มันแตกต่างกันทั้งน้ำเสียง แล้วก็โทนด้วย...แต่ถ้าให้ดัดหรือเปลี่ยนโทนเสียงให้เหมือนฝาแฝดก็ไม่ยากเท่าไร  ชายหนุ่มผู้เป็นพี่ชายยืนนิ่งมองน้องชายตนเองนานก่อนใช้เท้าเตะต้นขาอีกคน เพื่อเป็นการปลุกพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเมินเฉย


                “เฮ้ ตื่นเดี๋ยวนี้”


                “หา?


                เฟลิกซ์แน่ใจว่าไอแซคไม่ได้ตื่นเพราะเสียงเรียกหรอก แต่เป็นเพราะแรงเตะต่างหาก ชายหนุ่มผู้เป็นน้องยันตัวขึ้นนั่งบนโซฟาโดยที่ไม่ได้แม้แต่มองคนที่ปลุกตนเอง นัยน์ตาสีทองกวาดไปมองรอบห้องหลายรอบจนในที่สุดยอมเลื่อนขึ้นมองชายหนุ่มผู้มีใบหน้าพิมพ์เดียวกัน ที่ตอนนี้กำลังยืนเท้าสะเอวมองอยู่


    “...อรุณสวัสดิ์...”


    ไอแซคพึมพำอย่างแผ่วเบาพร้อมล้มตัวลงนอนอีกรอบทำให้แฝดพี่เผลอทำหน้าเบื่อพลางบ่นเสียงห้วน


    “จะนอนไปถึงเมื่อไร”


    “เฮียเองวันนี้ท่าทางหลับยาวใช่เล่น เพิ่งเห็นย้ายก้นออกจากห้องได้”


    อันนี้ไม่ขอเถียงแล้วกัน...


    “วันนี้โดดซ้อม?”


    เฟลิกซ์ถามต่อด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยเป็นผลให้น้องชายฝาแฝดเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง สีหน้าไอแซคไม่มีแม้แต่ความกังวล หรือ รู้สึกผิดแม้แต่น้อยที่ตนเองโดดซ้อม นอกจากไม่มีสีหน้ารู้สึกผิดใดๆ แล้ว ชายหนุ่มที่นั่งบนโซฟายังแถมยังไหล่ราวกับบอกว่าไม่สนอะไรทั้งสิ้นอีก ทำเอาพี่ชายอย่างเฟลิกซ์อดเอือมกับนิสัยไม่แคร์โลกของน้องตนเองไม่ได้


    “ใช่ วันนี้ขี้เกียจเกินไป ขอผ่านแล้วกัน”


     “หวังว่าคงไม่โดนไล่ออกนะ”


    “ช่างสิ ใครสน”


    ไอแซคตอบกลับพลางเอนตัวลงนอนอีกรอบ ทางด้านเฟลิกซ์ถอนหายใจเบาๆ อย่างช่วยไม่ได้ นัยน์ตาสีทองกวาดมองภายในตู้เย็นที่เริ่มว่างเปล่าลงเรื่อยๆ สบถอย่างแผ่วเบา


    “ชิ”


    “เป็นอะไรอีก?”


    ดูเหมือนไอแซคจะหูดีเกินไป หรือไม่ก็ ตั้งใจฟังว่าพี่ชายกำลังจะบ่นอะไรไหม เฟลิกซ์ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลไหน เอาเป็นว่าหมอนี้ได้ยินเสียงไม่พอใจของเขาจนต้องเอ่ยถาม ชายหนุ่มผู้เป็นพี่ปิดตู้เย็นด้วยแรงระดับกลางจากนั้นหันไปคุยกับฝาแฝดตนเองต่อ


    “ต้องออกไปซื้อของมาเพิ่มอีกแล้ว”


    “นานๆ ทีออกไปรับแสงแดดบ้าง ตอนนี้ซีดจนจะเป็นศพแล้ว”


    ยังมิวายหาเรื่องแขวะกันได้อีก ถึงตั้งใจแขวะพี่ชายก็เถอะ แต่ถามจริงไม่รู้สึกจุกบ้างรึไง เฟลิกซ์กลอกตาไปมาอย่างเอือมระอาพร้อมตอบกลับด้วยน้ำเสียงห้วนๆ


    “ฉันออกไปเกือบทุกวันแหละ ยังกับไม่มีงานทำ แต่วันนี้วันหยุด ขออยู่บ้านหน่อยไม่ได้หรือไง แล้วก็ถ้าฉันซีดเหมือนคนตายนายก็พอๆ กันแหละ คุณน้องชาย”


    --- อีกอย่างนี่มันสีผิวธรรมชาติ แถมไม่ได้ซีดถึงขั้นคนตายสักหน่อย


    ไอแซคหัวเราะในลำคอเบาๆ เมื่อถูกพี่ชายฝาแฝดตนเองตอบกลับแบบนั้น ฝ่ายทันทีที่เห็นท่าทีที่ไม่มีอะไรจะพูดต่อนอกจากหัวเราะ เฟลิกซ์ยกนิ้วขึ้นชี้ไปยังตู้เสื้อผ้าราวกับเป็นคำสั่ง


    “ไปแต่งตัวซะ”


    “แล้วทำไมผมต้องไปด้วย?”


     “พวกเราเป็นฝาแฝดกันไง”


    ...เหตุผลโลกไหนของพี่แกเนี่ย...


    สาบานได้ว่าทันทีที่ได้ยินคำตอบนี้ ไอแซคถามหลุดอุทานอย่างงุนงงออกมา ถึงจะเป็นแฝดกันใช่ว่าจะเข้าใจกันทุกเรื่อง...แล้วก็เหตุผลแบบนี้มองยังพี่แกก็ขี้เกียจสรรหาคำพูดเสียมากกว่า แต่ถึงกระนั้นคนน้องก็ยังทำตามที่พี่ชายบอกอยู่ดี ไอแซคลุกพรวดขึ้นจากโซฟาพลางยกมือขึ้นหนึ่งขึ้นเหนือศีรษะพร้อมตอบกลับเสียงร่า


    “รับทราบครับ คุณพี่ชาย!


    ไอแซคทำท่าคล้ายกับนายทหารรับคำสั่งจากผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าตนเอง จากนั้นเดินผิวปากไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างสบายใจจนน่าหมั่นไส้

     

                หลังจากเปลี่ยนชุดเรียบร้อยพวกเขาตรงไปห้างสรรพสินค้าโดยใช้รถไฟ ความจริงมีรถยนต์อยู่นะ แต่ไอแซคเพิ่งทำพังจนต้องเข้าอู่ซ่อมไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ดังนั้นเลยต้องใช้รถไฟกัน พูดตามตรงพี่ชายฝาแฝดไม่ค่อยถูกกับรถไฟเท่าไร ส่วนหนึ่งเพราะนิสัยขี้รำคาญของเจ้าตัวทำให้ไม่ถูกกับที่คนแออัด ยังโชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุด แถมยังช่วงบ่ายคนเลยไม่เยอะเหมือนวันปกติ


                ทันทีที่รถไฟเทียบชาลาทั้งสองรีบก้าวลงพร้อมเดินเข้าไปภายในห้างขนาดกลางที่อยู่ห่างจากสถานีไม่ถึงห้าร้อยเมตร ของที่ต้องซื้อก็มีแค่พวกวัตถุดิบสำหรับทำอาหาร เห็นแบบนี้เขาพอทำอาหารเป็นอยู่ ทางด้านไอแซคเดินหยิบพวกขนม แล้วก็เครื่องดื่มมาใส่ตะกร้าอย่างสบายอารมณ์ ไม่สนใจว่าใครเป็นคนออกเงินด้วย แน่นอนว่าเพราะมีเครื่องดื่มขวดใหญ่อยู่ในตะกร้าทำให้มันค่อนข้างหนักสำหรับเฟลิกซ์


              หนักแล้วยังไงต่อเหรอ...?

    ยัดใส่มือน้องชายฝาแฝดสิ


    ผู้เป็นพี่ชายยื่นตะกร้าพลาสติกให้ฝาแฝดด้วยสีหน้าเรียบนิ่งทำเอาไอแซคเผลอเลิกคิ้วนิดๆ ก่อนรับตะกร้ามาถือไว้ ถ้าเทียบกันแล้ว คนที่ออกกำลังกายประจำอย่างไอแซค กับ คนที่ไม่ค่อยออกแรงทำอะไรเลยอย่างเฟลิกซ์ น้องชายฝาแฝดต้องแข็งแรงกว่าเขาอยู่แล้ว เพียงแต่มองจากภายนอกมันดูไม่ค่อยออกเท่านั้นเอง


    เมื่อซื้อของทุกอย่างเสร็จทั้งสองตัดสินใจกลับห้องของตนเองในทันที หากแต่ระหว่างทางผู้เป็นน้องชายกลับเหลือบไปเห็นป้ายบางอย่างเข้าทำให้เขาฉุดพี่ชายตนเองไว้ เฟลิกซ์ชะงักฝีเท้าทันทีที่อีกคนดึงตนเองไม่ให้เดินต่อ คิ้วขมวดเข้าหากันนิดๆ และ หันมองชายหนุ่มที่มีใบหน้าพิมพ์เดียวกัน


                “จู่ๆ จะฉุดไว้ทำไมเนี่ย”


    “โปรโมชั่นลดราคาสินค้า”


    “หืม?”


    คำตอบของไอแซคทำให้เฟลิกซ์มองตาม นัยน์ตาสีทองจ้องมองป้ายขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ตรงหน้าร้านเกมใกล้ๆ กับห้างสรรพสินค้า ลดเกือบครึ่งเลยล่ะ แถมวันนี้วันสุดท้ายด้วย จังหวะที่เขาเหลือบมองน้องชายฝาแฝดนั้นบังเอิญเป็นจังหวะเดียวกับไอแซคมองมาทางนี้พอดีทำให้กลายเป็นการจ้องตากันอยู่พักใหญ่


    ทั้งสองก้าวเข้าประตูร้านโดยที่ไม่มีใครกล่าวชวน หรือ ออกปากว่าไปกันเถอะเลยแม้แต่คนเดียว พูดง่ายๆ ก็เข้าใจสิ่งที่แฝดตนเองต้องการสื่อแหละ แถมหลายๆ ครั้งพวกเขามักคิดเหมือนกัน เลยกลายเป็นว่าทำอะไรแบบเดียวกันเป๊ะๆ หลังจากเดินในร้านพักใหญ่ เฟลิกซ์ปรายตามองไอแซคที่เดินตามหลังโดยอัตโนมัติ


    ...แต่หมอนั้นหายหัวไปไหนแล้วไม่รู้


    เอาเถอะ พอได้เกมที่ต้องการแล้วยังไงหมอนั้นก็ต้องตามหาเขาอยู่ดี ดังนั้นเดินดูไปเรื่อยๆ จนกว่าไอแซคจะมาหา หรือ โทรตามก็ไม่เห็นเป็นอะไร


    ชายหนุ่มผมบลอนด์มองชั้นวางแผ่นเกมโดยไม่ได้ใส่ใจมากนักว่าตนเองอยู่ตรงไหนของร้าน จนกระทั่งเริ่มเห็นการตกแต่งชั้นวาง รวมทั้งปกเกมเกือบทั้งหมดเป็นโทนสว่างสดใส อย่างเช่น สีขาว ชมพู ฟ้า จะมีโทนมืดบ้างแต่ไม่เยอะ แถมปกโทนมืดยังให้ความรู้สึกเซ็กซี่แปลกๆ เมื่อเห็นดังนั้นนัยน์ตาสีทองเหลือบขึ้นมองป้ายที่อยู่เหนือศีรษะตนเองเล็กน้อย


    ....Otome Game…


    --- โซนนี้เกมสำหรับสาวๆ สินะ


    เขาถอยหายใจเบาๆ ก่อนถอยห่างจากชั้นวางสินค้า หากแต่เพราะเฟลิกซ์ไม่ได้มองทางบวกกับใครบางคนเดินสวนมาอย่างเร่งรีบทำให้ไหล่ชายหนุ่มเผลอชนแขนคนๆ นั้น ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีทองหันมองคนที่ตนเองเผลอชนอย่างรวดเร็ว ทว่าก่อนที่จะมองใบหน้าของคนๆ นั้นเสียงกล่องสินค้าหล่นลงพื้นกลับดังขึ้นมาเสียงก่อนทำให้เฟลิกซ์เลื่อนสายตามองทางนั้นแทน


    “ขอโทษ...” ชายหนุ่มผมบลอนด์กล่าวพลางก้มลงหยิบกล่องสินค้าที่หล่นใกล้ๆ เท้าตนเองยื่นให้เด็กสาวแปลกหน้า


    “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเองก็ไม่ทันระวัง”


    เธอก้มศีรษะนิดๆ ราวกับเป็นการขอโทษตนเองเดินชนก่อนเดินก้มๆ ออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว ทางด้านเฟลิกซ์ หลังจากยื่นกล่องสินค้าให้เด็กสาว ชายหนุ่มผมบลอดน์ชายตามองป้ายโปรโมทที่ตั้งอยู่ด้านหลัง


    กล่องสินค้าเมื่อกี้คือเกมเดียวกับป้ายนี่สินะ


    ชายหนุ่มก้าวเข้าไปหยุดหน้าชั้นวางสินค้าก่อนหยิบแผ่นเกมที่วางโชว์ออกมาดู ทว่าระหว่างกำลังยืนอ่านปกหลังอยู่นั้น ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนกำลังถูกมองทำให้นัยน์ตาสีทองเริ่มกวาดมองรอบๆ ก่อนหยุดลงเมื่อเห็นเด็กสาวกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ห่างๆ ความจริงมันก็ไม่อะไรมากหรอก ถ้าพวกเธอไม่มองเขาเป็นระยะๆ แบบนี้น่ะ หากแต่ถึงกระนั้นเฟลิกซ์ก็เลือกไม่ใส่ใจ ชายหนุ่มยืนเท้าสะเอวอ่านปกหลังด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง จนกระทั่งมีเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นมาภายในโสตประสาท


    “ทำอะไรอยู่น่ะ”


    เสียงทักของน้องชายฝาแฝดดังขึ้นมาข้างหูทำให้เขาหันมองพลางชูแผ่นเกมขึ้นให้อีกคนดูแทนคำตอบ ไอแซคยักมือขึ้นลูบคางก่อนทำหน้าประหลาดใจสุดขีด จากนั้นกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงร่าเริง


    “หายากนะที่เฮียจะสนใจ”


    “เปล่า ก็ไม่ได้สนใจนี่”


    เฟลิกซ์ตอบกลับเสียงเรียบๆ พร้อมวางแผ่นเกมทีเดียว ทางด้านไอแซคเชิดหน้าขึ้นนิดหน่ออยก่อนทำเสียงคล้ายกับกำลังสงสัยออกมา


    “แล้วทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้”


    “แค่เดินเรื่อยๆ แล้วบังเอิญมาถึงเองน่ะ”


    ผู้เป็นพี่ชายตอบพลางหันไปจ้องตาน้องชายฝาแฝดตนเองนานก่อนถามต่อด้วยน้ำเสียงห้วนๆ


    “นายคิดว่าหน้าตาฉันดูแย่ไหม?”


    “..ไม่นี่ หล่อออก”


    ไอแซคยืดอกอย่างมั่นใจ สาบานว่าแวบแรกแอบสงสัยว่าจะมั่นอกมั่นใจไปเพื่ออะไร ทั้งๆ ที่พี่ชายถามถึงหน้าตาของเขา แต่พอมานึกอีกที...


    ... สาบานคำชมว่านั่นไม่ได้ตั้งใจชมเฟลิกซ์หรอก แต่เนียนยอตัวเองล้วนๆ

    ความจริงไม่ควรถามคำถามแบบนี้กับฝาแฝดตัวเองเลยด้วยซ้ำ...


    ชายหนุ่มผมบลอนด์กลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย ในขณะที่น้องชายมองรอบๆ อย่างกระตือรือร้น จนกระทั่งเห็นป้ายโปรโมทขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ห่างทำให้เขาบ่นพึมพำออกมา


    “ป้ายใหญ่ชะมัด”


    “เพราะกำลังดังล่ะมั้ง”


    ตอบกลับโดยไม่แม้แต่หันดู มองยังไงก็กำลังพูดส่งเดชชัดๆ แต่คนน้องดันถามต่อไปได้อีก แม้พี่ชายจะตอบมั่วๆ ก็ตาม


    “วางขายครั้งแรกตอนไหนนะ?”


    “จะรู้ไหม”


    คำตอบของเฟลิกซ์ทำให้ไอแซคหัวเราะในลำคอเบาๆ พลางหยิบแผ่นเกมออกมาจากชั้นวาง เขานิ่งไปพักใหญ่ก่อนพึมพำอย่างแผ่วเบา...แต่ยังไงคนที่ยืนอยู่ใกล้สุดๆ อย่างเฟลิกซ์ก็ได้ยินอยู่ดี


    “เซียนน่า ฟีโอเร่”


    “ใครล่ะ นั่น” ผู้เป็นพี่ถามในขณะที่คิ้วข้างหนึ่งยักนิดๆ


    “นางเอกไง”


    ไอแซคตอบเป็นผลให้ชายหนุ่มข้างตัวผงกศีรษะเบาๆ เขายืนรอน้องชายฝาแฝดอ่านปกหลังของแผ่นนานพอสมควร นัยน์ตาสีทองมองตัวเลขเวลาในโทรศัพท์ก่อนตัดสินใจสะกิดฝาแฝดตนเอง และ กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง


    “กลับบ้านได้แล้วมั้ง”


    “อ่า โทษที เฮีย”


    ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าพิมพ์เดียวกันตอบกลับพร้อมหยิบวางแผ่นเกมลง และ หยิบแผ่นที่อยู่ด้านหลังออกมาแทนทำให้เฟลิกซ์ถามอย่างงุนงง


    “ซื้อด้วยเหรอ?”


    “แน่นอน”


    ไอแซคตอบอย่างร่าเริงพร้อมเดินไปยังเคาน์เตอร์โดยที่มีเฟลิกซ์ตามหลังมาติดๆ หลังจากที่ชำระเงินเสร็จทั้งสองเดินก้าวออกจากร้านเพื่อตรงไปยังสถานีรถไฟ...หากแต่จู่ๆ ไอแซคกลับสะกิดเบาๆ ทำให้เฟลิกซ์หยุดเดินพร้อมหันมอง นัยน์ตาสีทองฉายแววความงุนงงในตัวนิดหน่อยก่อนน้องชายฝาแฝดจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงปกติของเจ้าตัว


    “เฮียช่วยยื่นมือออกมาที”


    “เพื่ออะไร?”


    “เอาเถอะน่า”


    แม้จะงุนงงในระดับหนึ่ง แต่สุดท้ายเฟลิกซ์ก็ยื่นมือออกมา น้องชายฝาแฝดยกมือข้างหนึ่งขึ้นจับมือเขาก่อนยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวแหลม ไอแซคจ้องมือของพี่ชายตนเองครู่หนึ่งก่อนเงยขึ้นมองใบหน้าเฟลิกซ์ และ อ้าปากพูดสิ่งที่ตนเองต้องการบอกกับพี่ชายออกมา


    “จะว่าไป----”


    ยังไม่ทันที่ผู้เป็นน้องชายจะกล่าวสิ่งที่ตนเองต้องการบอกออกมาจบเลยด้วยซ้ำ ไม่สิ เพิ่งเริ่มอ้าปากแค่คำเดียวเสียมากกว่า ร่างของไอแซคทำท่าคล้ายจะล้มลง หากแต่เพราะเจ้าตัวจับมือพี่ชายฝาแฝดอยู่ทำให้เฟลิกซ์สามารถพยุงร่างของเขาให้ยืนต่อไปได้


    ใช่ มันควรเป็นแบบนั้นแหละ


    ภาพที่ไอแซคกำลังล้มลงนั้นช่างเหมือนภาพสโลว์ชั่วขณะ หากแต่ยังไม่ทันได้เห็นร่างล้มพับลงกับพื้นเลยด้วยซ้ำความรู้สึกเหมือนบางอย่างกระแทกเข้าที่ศีรษะเกิดขึ้น ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงอย่างฉับพลันบวกกับน้ำหนักของน้องชายฝาแฝดที่จับมือตนเองไว้ทำให้ร่วงลงนั่งกับพื้นอย่างง่ายดาย ทัศนวิสัยที่เคยแจ่มชัดเริ่มพร่ามัวผสมกับของเหลวสีแดงปนดำไหลลงมายังดวงตาทั้งสองข้าง อวัยวะที่ใช้สำหรับเคลื่อนไหวเกิดอาการชาจนขยับตัวไม่ได้ โลหิตไหลรินออกจากช่องว่างขนาดเล็กบนศีรษะ


    เฟลิกซ์แยกไม่ออกว่าความร้อนที่รู้สึกถึงมันมาจากโลหิตหรืออะไรกันแน่ แต่ในตอนนี้ความเจ็บปวดกลับน้อยนิดผิดกับแผลฉกรรจ์ ความรู้สึกมากมายเหล่านั้นเกิดขึ้นไม่ถึงนาทีเลยด้วยซ้ำก่อนทุกอย่างจะวูบดับไป


    ราวกำลังเคลิ้มหลับไปเสียมากกว่า


    ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

    แถมยังไม่ทันได้คิดอะไรเลย

     

     

    ...

    ......

     

     

    “นี่เธอ ยังมีชีวิตอยู่รึเปล่า...ได้ยินไหม เฮ้?” 




    -----------------------

    ฉากตายนี้เน้นความรวดเร็ว(?)ค่ะ
    ไอแซคถูกยิงที่ก้านสมอง ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตนเองตายไปแล้ว
    ส่วนเฟลิกซ์รู้ค่ะ เพราะเขารู้สึกตัวก่อนตายอยู่ ถึงจะแค่ไม่ถึงนาทีก็เถอะ
    สาเหตุการตายของทั้งสองคือถูกยิงค่ะ



    S
    N
    A
    P
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×