ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic devil may cry)The story of them(yaoi)

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter1 - start of story....จุดเริ่มต้นของเรื่องราว(100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 947
      1
      29 มี.ค. 51


             กลางคืนที่บรรยากาศไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ หิมะตกหนักทำเอาหน้าต่างที่เคยใสเกาะเต็มไปด้วยฝ้าขาว ร่างเล็กในชุดนอนสีแดง

    จ้องมองผ่านกระจก ดวงตาสีฟ้าใสจ้องมองอย่างไม่วางตา ทำเอาคนเป็นพี่ที่หน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะต้องเดินตามไปดู

    "มองอะไรอยู่รึดันเต้?" เสียงเล็กๆจากพี่ชายที่อายุเท่ากัน แต่ความคิดและสมองดันโตกว่าตัวถามขึ้น 

    "เปล่า ฉันแค่สงสัย" คำตอบที่ได้รับทำให้ผู้เป็นพี่ชายเลิกคิ้ว ก่อนจะถามต่อ

    "แล้วเจ้าสงสัยอะไร" มันเป็นคำถามที่ผู้เป็นน้องค่อนข้างจะต้องใช้ความคิดก่อนจะตอบมันออกไปสักหน่อย

    "ฉันสงสัย ว่าพี่รักฉันมั้ย" มันเป็นคำถามของเด็กอายุ 5 ขวบ 

    "รักสิ ถ้าข้าไม่รักเจ้าแล้วข้าจะไปรักใครละ?" ส่วนนี้ก็เป็นคำตอบของเด็กอายุ 5 ขวบ แต่คนตอบคงไม่รู้ว่ามันเป็นคำตอบ

    ที่ผู้ถามจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต

     "ฮ่ะๆๆ ฉันก็รักพี่นะ" พูดจบก็ส่งยิ้มไปให้พี่ชาย ก่อนจะใช้นิ้วเขียนไปบนกระจกที่ขึ้นฝ้า

                            ............I  love you.......

     "ข้าเคยเห็นเวลาท่านพ่อบอกรักท่านแม่ ท่านพ่อจะให้ดอกไม้สีแดงๆ" เวอร์จิลพูด นิ้วมือเล็กๆก็บรรจงเขียนไปบนกระจก

                            ............l love you too........

     "พี่อยากได้มั้ย??" ดันเต้หันหน้ามาถาม ตอนนี้ในแววตาไม่มีแววซุกซน กลับเป็นสายตาที่มุ่งมั่นและตั้งใจ

     "อืม.....ก็อยากได้" เวอร์จิลตอบ ก่อนจะหาววอดๆ นี่ก็เลยเวลาเข้านอนของเด็กมามากแล้ว ดวงตาที่เคยกลมโต

     ก็หรี่ลงเล็กน้อย แต่เจ้าน้องชายกลับยังตาใสปิ๊งเป็นประกาย

    "ฉันจะเอามาให้พี่เอง ไปนอนกันดีกว่าเดี๋ยวจะโดนแม่ดุเอา" ดันเต้พูดจบก็กระโดดขึ้นไปบนที่นอน เวอร์จิลก็รีบขึ้นตามไป

     พอหัวถึงหมอนความง่วงเข้าครอบงำ ดวงตาก็หลับพริ้มท้นที 

    "ฝันดีนะฮะพี่ จุฟ" ดันเต้พูดจบก็บรรจงจูบหน้าผากพี่ชายที่บัดนี้หลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร และดันเต้คงจะไม่รู้เลยว่า

    เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วจะพบกับฝันร้ายที่ไม่อยากจะเจอ 

               (70%)
    (ก๊อปจากเวิร์ดมาลง ง่ะ เอิ๊กส์ๆๆ พอดีเน็ตตัด -*-)

    เช้าวันใหม่ ดันเต้วิ่งกระหืดกระหอบไปทั่วบ้าน ค้นหาทุกซอกทุกมุม เหมือนกำลังตามหาอะไรบางอย่างอยู่

                
                 
    แม่ฮะ แม่!!” ดันเต้ตะโกนเรียกผู้เป็นแม่เสียงดังลั่นบ้าน ทำเอาหญิงสาวที่กำลังเข้าครัวเตรียมอาหารต้องรีบวิ่งออกมาตามเสียงเรียกของลูกชาย

                
                 
    มีอะไรหรือจ๊ะดันเต้?? อีวา ผู้เป็นแม่ถามขึ้น ใบหน้าที่ถึงแม้จะดูเศร้าหมองแต่ก็ยังส่งรอยยิ้มอ่อนโยนไปให้

                    พี่เขาไปไหนฮะ? ดันเต้ถามขึ้น ซึ่งเป็นคำถามที่ทำเอาอีวาถึงกับแสดงสีหน้าเศร้าออกมาอย่างชัดเจน

                  
                   
    ไปทำธุระกับพ่อจ๊ะ เดี๋ยวเดียวก็กลับมาแล้วละจ๊ะ อีวาตอบพร้อมส่งรอยยิ้มไปให้ ทั้งๆที่ในใจเจ็บปวดเจียนตาย รู้ทั้งรู้ว่าจากกันไปวันนี้จะไม่มีวันได้พบกันอีก กลัวเหลือเกินกลัวจริงๆว่าวันต่อไปจะตอบคำถามลูกชายตัวเองยังไง

                 
                   
                     
    แล้วทำไมพี่เขาไปไม่บอกผมละ พ่อด้วย ดันเต้ตัวน้อยถาม ใบหน้าก็บูดบึ้งทำแก้มป่องอมลมก่อนจะลงไปนั่งบนเก้าอี้ทานอาหาร


                   
    พวกเขากลัวแม่เหงาไงจ๊ะ เลยให้ดันเต้มาอยู่เป็นเพื่อนแม่....หรือดันเต้ไม่อยากอยู่กับแม่หึ? อีวาพูด และอุ้มลูกชายมานั่งบนตัก ดันเต้ที่ได้ฟังก็ส่ายหน้าไปมาก่อนจะหอมแก้มแม่เข้าฟอดใหญ่


                   
    เปล่าฮะ ผมรักแม่จะตาย ดันเต้ตอบ เป็นคำตอบที่เรียกรอยยิ้มจากผู้เป็นแม่ได้เป็นอย่างดี


                   
    จ๊ะ แม่ก็รักลูก.......  อีวาพูดได้แค่นั้น คำพูดที่จะพูดต่อไปเกรงว่าถ้าพูดไปแล้วจะสะกดกลั้นน้ำตาตัวเองไว้ไม่อยู่ ทำไมกันทั้งๆที่เรื่องราวไม่น่าจะเป็นแบบนี้เธอต้องสูญเสียคนที่รักไปถึงสองคนในเวลาเพียงคืนเดียว

                   

     

     

     

     

                    จากชั่วโมงเป็นวัน จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ตอนนี้ผ่านไปหลายปีแล้ว หลายปีกับการรอคอย ตอนนี้เขารู้หมดทุกอย่างแล้วรู้ทุกเรื่อง ถึงแม่จะไม่ยอมบอก ถึงแม่จะพูดซ้ำๆว่าเดี๋ยวพวกเขาก็กลับมา แต่ในความรู้สึกคำว่า กลับมา มันช่างฟังดูเลือนรางเหลือเกิน แม่เฝ้าพูดซ้ำๆกับเขาตั้งแต่วันนั้น เวลาแม่มองหน้าเขาแม่จะต้องร้องไห้ แม่ต้องทนอยู่กับการรอคอยจนถึงวันสุดท้ายที่มีลมหายใจ แม่จากไปนานแล้ว สิ่งที่ดูต่างหน้าก็มีแต่สร้อยที่ได้จากวันเกิด กับรูปถ่ายแม่

                   

    กริ๊งงงงงงงงงงงง~!!!!        


                   
    เออ...มีไรพูดมาดิ๊ เสียงรับสายพูดอย่างงัวเงีย


                   
    เฮ้! ดันเต้ฉันมีเรื่องด่วน เสียงหวานจากปลายสายรีบพูดซะจนเกือบฟังไม่ทัน


                   
    อะไรของเธออีกเนี่ยเลดี้ ให้มันด่วนจริงๆเหอะนะ ดันเต้พูดอย่างเบื่อหน่าย เวลาโทรมาต้องมีปัญหาทุกที แต่ละเรื่องหน้าปวดหัวทั้งนั้น


                   
    นายได้ (ปัง) รับจดหมาย (ปัง ปังๆๆๆ) โอ้ย! ให้ตายเหอะ ตรู๊ดๆๆๆๆ เสียงพูดสลับกับเสียงปืน ที่ยิ่งฟังก็ไม่รู้เรื่องบวกกับเสียงที่ไม่พึงประสงค์ เดาได้เลยว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่


                   
    อะไรของยายนี่นะ ดันเต้วางหูโทรศัพท์ ก่อนจะเปิดกล่องพิซซ่าที่ตั้งอยู่บนโต๊ะมากินแทนอาหารเที่ยง

                   

     

     

                    บรืนนนน~ เอี๊ยดดดด!!! เสียงรถมอเตอร์ไซค์ที่ขับมาอย่างเร็วก่อนจะจบลงด้วยการเบรก ร่างหญิงสาวที่ลงมานั้นช่างไม่เหมะกับรถคันใหญ่ๆ อย่างนี้เอาซะเลย เธอตัดผมสั้นทรงสวอน ดวงตาสองสี สีฟ้าและสีแดง เสื้อที่ใส่คือเสื้อเชิ้ตแขนยาวถึงข้อศอก กางเกงขาสั้นสีดำและบาซูก้าที่สะพายอยู่ข้างหลัง พร้อมด้วยอาวุธที่พร้อมจะออกรบได้ทุกเมื่อ


                   
    ดันเต้!”


                   
    อะไรเลดี้!” ดันเต้ตอบกลับ เขาเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำใส่แค่กางเกงหนังสีน้ำตาลเข้มตัวเดียว


                   
    นายได้รับจดหมายนี่รึเปล่า เลดี้พูดพร้อมชูซองจดหมายสีขาวที่ดูยับยู่ยี่ขึ้นมา


                   
    ไม่ได้


                   
    ฉันเปิดอ่านแล้ว เปิดปุ๊บก็เจอพวกปีศาจปั๊บ ฉันว่ามันแปลกๆอยู่นาเลดี้พูดและจ้องมองเศษกระดาษในมือ


                   
    ว้าว! น่าสนุกหนิ แล้วมันเขียนว่าไง ดันเต้พูดด้วยท่าทางตื่นเต้น พูดถึงเรื่องสนุกๆกำลังวังชาก็กลับมาทันที


                   
    เหอะๆ สนุกบ้านนายสิ.....แต่ฉันทำมันขาดอ่ะ แต่จำได้ว่าสองทุ่มใจกลางเมือง ลงชื่อ... เลดี้ทำท่าครุ่นคิด อยากจะบ้าตายจริงๆ จดหมายบ้านี้อยู่ๆก็มาอยู่บนรถเธอเปิดซองก็เจอปีศาจอ่านยังไม่ทันจบ พอมาดูอีกทีมันก็เหลือครึ่งท่อนแถมยังไปโดนเลือดพวกมันกระเด็นใส่อีก


                   
    ชื่ออะไรละ? ดันเต้ถามพร้อมกับยกเบียร์ขึ้นกระดก


                   
    อ๋ออออ!!! นึกออกแล้ว เวอร์จิล ใช่ เวอร์จิล คำตอบของเลดี้ทำเอาดันเต้สำลักแทบจะทันที


                   
    ว่าไงนะ เวอร์จิลเหรอ!” ดันเต้ถามเลดี้อีกครั้งอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง


                   
    หูหนวกรึไง ก็บอกไปแล้วว่าเวอร์จิล!” เลดี้ตะโกนใส่หน้า ก่อนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่กำลังคลืบคลานเข้ามา


                   
    ดันเต้ ฉันว่าเราเจอปัญหาแล้วละ เลดี้พูดขึ้นก่อนจะกระชับกระบอกบาซูก้า


                   
    หึๆ ฮ่ะๆๆ ได้เวลาแล้วเลดี้ พูดจบ ชายหนุ่มเจ้าของเสียงก็เหวี่ยงเสื้อโค้ทสีแดงไปกลางอากาศและสอดแขนทั้งสองข้างเข้าไปอย่างง่ายได้แต่ก็ยังมิวายสะบัดชายเสื้ออีก เรียกความหมั่นไส้จากเลดี้ได้เป็นอย่างดี ท่ามากจริงๆ เจ้าบ้านี่


                   
    “Let’s rock” เลดี้พูดขึ้น


                   
    เฮ้! ยัยบ้าแย่งบทฉันทำไมฟะ!! -*-




    ..........................................................................................................................................................................
















       

       
       
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×