การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้
การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ประการแรกต้องเริ่มจากตัวเราในการอนุรักษ์ ป่าไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่อำนวยความสะดวกทั้งทางตรงและทางอ้อมให้แก่มนุษย์ทั้งหลาย ควบคุมสภาพดินฟ้าอากาศให้อยู่ในสภาพปกติ รักษาต้นน้ำลำธารพรรณพฤกษชาติและสัตว์ป่าอีกทั้งยังเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจป่าไม้เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่มนุษย์ได้บริโภคใช้สอย ประกอบอาชีพด้านการทำป่าไม้ เก็บของป่าด้านอุสาหกรรม การผลิตไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ใช้วัตถุดิบจากไม้และของป่าแต่สภาพปัจจุบันประชากรไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจึงเป็นแรงพลักดันทำให้เกิดการบุกรุกทำลายป่าไม้เพื่อบุกเบิกพื้นที่ทำกิน ลักลอบตัดไม้ป้อนโรงงานอุตสาหกรรมและเผาถ่านอีกทั้งยังมีการก่อสร้างถนนสร้างเขื่อนทำให้มีการตัดไม้โดยไม่คำนึงถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ป่าไม้จึงมีเนื้อที่ลดลงตามลำดับ และบางแห่งอยู่ในสภาพเสื่อมโทรม
วิธีการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้
การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้มีหลายวิธี ดังต่อไปนี้ คือ
1. จำแนกประเภทของประโยชน์จากเนื้อที่ป่าไม้ให้ชัดว่า เนื้อที่ป่าใดควรจะใช้ประโยชน์ เพื่อจัดเป็นป่าประเภทใด เป็นการป้องกันภัย หรือป่าสาธารณะประโยชน์ เช่น อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าต้นน้ำลำธาร เป็นป่าผลิตผลทางไม้ หรือเพื่อประโยชน์ทางอ้อมอื่นๆ ก็ให้รีบดำเนินการ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์นั้นๆ
2. วางมาตรการอย่าง เข้มงวด ต่อการรักษาป่าถาวร เจ้าหน้าที่ป่าต้องหมั่นออกตรวจตราปราบปราม เพื่อป้องกันการบุกรุกแผ้วถางป่า และการทำไม้เถื่อน
3. เร่งประกาศพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าในพื้นที่ดำเนินการสำรวจเรียบร้อยแล้ว ไม่ควรปล่อยให้เนิ่นนานออกไป จะทำให้ยากแก่การควบคุม เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแล
4. ดำเนินการแก้ไขพระราชบัญญัติที่ล้าสมัย บทลงโทษที่เบาเกินไป ควรจะเพิ่มให้หนัก ให้เหมาะสมกับภาวะของบ้านเมือง
5. เกี่ยวกับกรณีชาวเขาที่อาศัยอยู่ตามภูเขาสูง ซึ่งเป็นต้นน้ำลำธาร ควรดำเนินการอพยพ ลงมาสู่ที่ราบ เพื่อป้องกันการทำลายป่าต้นน้ำลำธาร และป้องกันการแร่กระจายของเชื้อโรค ควรกำหนดบริเวณให้ชาวเขาอาศัยเป็นแหล่งทำมาหากิน ควบคุมไม่ให้มีการทำไร่เลื่อนลอย
6. รีบเร่งปลูกสร้างสวนป่า ในพื้นที่ที่ถูกทำลาย หรือ เป็นป่าเสื่อมโทรม เพื่อให้ได้ผลผลิตไว้ใช้ในอนาคต ช่วยป้องกันการพังทลาย และการสูญเสียหน้าดิน
8. ชะลอการเปิดป่าให้ช้าลงไป โดยการหาวิธีการเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้นให้เพียงพอกับความต้องการของพลเมือง โดยการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ เช่นการใส่ปุ๋ยเพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ให้แก่ดิน
9. ส่งเสริม และเผยแพร่การวางแผนครอบครัวแก่ราษฎร เพื่อลดอัตราการเพิ่มของพลเมือง ซึ่งช่วยลดปัญหาการไม่มีที่ทำกิน จะได้ไม่บุกรุกป่า
10. ปฏิรูปที่ดินอย่างมีประสิทธิ์ภาพ โดยคำนึงถึงฐานะ อาชีพ กิจการ ขนาดของครอบครัวราษฎร ในการครอบครองที่ดิน
การอนุรักษ์สัตว์ป่า
สัตว์ป่า เป็น ทรัพยากร ธรรมชาติ ที่สามารถ ทำให้ เพิ่มจำนวน
การอนุรักษ์ สัตว์ป่า จึงควร มีหลักดังนี้
2. การสงวน แหล่งที่อยู่ อาศัย ของสัตว์ป่า หมายถึง การป้องกัน รักษา
3. การเพาะ พันธุ์เพิ่ม เช่น ตามสวนสัตว์ ต่าง ๆ เขตรักษา พันธุ์สัตว์ หลายแห่ง เลี้ยงสัตว์ บางชนิด ไว้ใน กรงเพื่อ เพาะพันธุ์เพิ่ม เมื่อมีมาก แออัด จึงนำ สัตว์บางชนิด ไปปล่อย ไว้ใน ป่าเปิด ของอุทยาน แห่งชาติ เช่น สัตว์ที่ มีมาก จากสวนสัตว์ ดุสิต เจ้าหน้าที่ ได้นำ ไปปล่อย ไว้ที่ อุทยาน แห่งชาติ เขาเขียว เขาชมพู่ เป็นต้น
4. การค้นคว้า วิจัย ทางวิชาการ ถือได้ ว่าเป็น พื้นฐาน ของการ จัดการ สัตว์ป่า ให้มี จำนวน เพิ่มขึ้นในระดับที่ พอเหมาะ กับอาหาร และที่หลบภัย ในท้องที่นั้น ๆ
5. การใช้ ประโยชน์ จากสัตว์ ตรงตาม หลักการ อนุรักษ์ ทรัพยากรโดยไม่เก็บ ทรัพยากร ไว้เฉย ๆ เท่านั้น ยังต้อง รู้จัก นำทรัพยากร นั้น ๆ มาใช้ ให้เป็น ประโยชน์ มากที่สุด เช่น จัดสถานที่ ชมสัตว์ป่า จัดสวนสัตว์ ให้เป็น ที่พักผ่อน หย่อนใจ แก่มนุษย์ ให้ความรู้ ตามสมควร ถ้ามี จำนวน สัตว์บาง ชนิดมาก เกินไป ก็ควร เปิดให้มี การล่าสัตว์ นั้น ๆ ตาม หลักของ สมดุล ธรรมชาติ...
การอนุรักษ์สัตว์ป่าในประเทศไทย
พ.ศ. 2443 - ประเทศไทยมีกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่าเพียงฉบับเดียว คือ พรราชบัญญัติการรักษาช้างป่า
- ในสมัยนั้นการล่าสัตว์ของชาวชนบทถือเป็นเรื่องปกติ
- คนเมือง การล่าสัตว์เพื่อเอาเขา หรือหนัง ถือเป็นเกมกีฬาชนิดหนึ่ง
พ.ศ. 2503 ออกพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 เนื่องจาก
- หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อุปกรณ์ต่างๆ ทันสมัยขึ้น เข้าไปในเขตทุรกันดารได้ง่าย การล่าจึงมีมากขึ้น
- การขยายพื้นที่การเกษตร บุกรุกแผ้วถางป่า
- สัตว์ป่าลดจำนวนลงรวดเร็ว บางชนิดสูญพันธุ์
พ.ศ. 2535- ปรับปรุงกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า เนื่องจาก
- พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 บังคับใช้เป็นระยะเวลานานกว่า 30 ปี ส่งผลให้มาตรการที่มีอยู่ ไม่สามารถทำให้การสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- ไทยเข้าร่วมกับอนุสัญญา CITES
การสงวนและรักษาแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า
คือ การรักษาป่าไม้ประเภทต่างๆ ซึ่งมีความเหมาะสมต่อการดำรงชีวิต
ของสัตว์ป่าแต่ละชนิด ให้คงอยู่ตลอดไป
โดยมีรูปแบบการจัดการพื้นที่เป็น2ลักษณะ คือ
1. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 และ พ.ร.บ. สงวน
โดยปลอดภัย เพื่อว่าสัตว์ป่าในพื้นที่ดังกล่าวจะได้มีโอกาสสืบพันธุ์และ
ขยายพันธุ์ตามธรรมชาติได้มากขึ้น ทำให้สัตว์ป่าบางส่วนได้มีโอกาสขยาย
จำนวนออกไปในท้องถิ่นอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
อ้างอิง http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/nakhonsithamrat/arunee_w/cheevit/sec05p05.html
http://www.school.net.th/library/create-web/10000/science/10000-11096.html
ความคิดเห็น