เขาชนไก่ Day III - เขาชนไก่ Day III นิยาย เขาชนไก่ Day III : Dek-D.com - Writer

    เขาชนไก่ Day III

    โดย 4~Tis

    ครั้งหนึ่งในชีวิต

    ผู้เข้าชมรวม

    1,189

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    1.18K

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  3 ก.พ. 53 / 16:45 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    เขาชนไก่วันที่ 3 ครับ

    ผมชอบที่สุดแล้ว หนุกๆ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เขาชนไก่ Day III (รายละเอียดมากที่สุดใน 5 วัน 555+)

                      วันนี้ตื่นประมาณ ตี4 อีกแล้วครับ แต่วันนี้ดั๊นตื่นสาย ตื่นตอนที่เขาเป่านกหวีดเรียกรวมแล้วซะงั้นอ่ะ และแล้วผมต้องทำสิ่งที่สำคัญก่อน คือเอาของที่ไม่จำเป็นยัดใส่ถุงเพราะว่าจะได้ไม่หนักกระเป๋าตอนขึ้นเขาเลยต้องวิ่งไปเข้าแถวทั้งๆที่ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อย เชือกรองเท้าก็ยังไม่ได้มัด เสื้อก็ยังไม่ได้ติดกระดุม ฯลฯ พอเข้าแถวรวมแล้ว รู้สึกว่า 2 วันนี้จะมีคนที่ยังหลับในเต๊นท์อยู่แค่คนเดียวมา 2 วันติดกัน ต้องให้เพื่อนๆไปปลุก แล้วก็ขายขี้หน้าตามลำดับ เหอะๆ พอคนครับปุ๊บก็เริ่มเดินทางขึ้นเขาทั้งๆทียังมองอะไรไม่ค่อยเห็นเลย และยังไม่ได้ทานข้าวเช้า จะต้องเดินแถวเป็น 2 แถวแล้วพยายามเอามือแตะคนข้างหน้าเพื่อกันหลง พอเริ่มเข้าป่าไป ก็จะต้องข้ามสะพานไม้ที่เขียนเลขกำกับและไม่มีราวจับอีกด้วย และมีลำธารสายหนึ่งไหลผ่าน มองไปข้างล่างเสียวชะมัดเลย คิดอยู่ตลอดเลยว่า ถ้าตกไปจะเกิดอะไรขึ้น...หลังจากสะพานก็เข้าโรงเรียนวัดแห่งหนึ่งซึ่งเงียบเหมือนโรงเรียนร้างเลย แต่มีคนเรียนนะครับวันปกติอ่ะ น่ากลัวมากๆ เพราะต้องเดินผ่านสนามกว้างๆในโรงเรียนซึ่งเดาได้ว่าอาจเป็นสนามฟุตบอลของเด็กๆ และแล้วพอถึงที่หมาย คือกองพัน 31 ที่อยู่บนภูเขา แดดก็ออกมาพอดีเลย ถึงปั๊บก็ต้องไปวางกระเป๋าที่เต๊นท์ แต่ไปๆมาๆ ก็วางกันมั่วไปหมดเพราะว่าจำนวนเต๊นท์ไม่พอ วางของเสร็จทหารก็เรียกรวมเลย  ชณะนั่งฟังคำชี้แจงอยู่นั้น ครูพี่เลี้ยงหมวดเรา (กองร้อย 3 หมวด 3) ซึ่งตัวดำๆตากับฟันขาวๆ เวลายิ้มตาจะโตเหมือนนกฮูก ก็โดนแซวอย่างหนักว่าชอบหัวหน้าหมวด (พี่อู๋ หอวัง) เพราะว่าเขาไปชมหัวหน้าหมวดกับหัวหน้ากองร้อยว่า ทำได้ดีมาก!” แล้วก็ยิ้มแบบน่ากลัวๆอ่ะ เหอะๆ นึกแล้วสยอง...555+ ยิ้มทีเดียวนี่ขนลุกกันทั้งกองพันเลยอ่า ...555+ และแล้วครูฝึกก็พาไปเข้าสถานีแรก (ตอนเช้าเข้าอยู่ 2สถานี) คือสถานีการพราง

                     ส่วนใหญ่จะโดนพรางกลางวัน คือพรางอย่างน้อย (พรางส่วนที่นูนและสะท้อนแสง) ส่วนไอ้พวกที่แสบๆก็จะโดนพรางอย่างหนัก คือ พรางกลางคืนคือทั้งหน้าและคอจะต้องมืดหมด สีที่พรางจะมีอยู่ 3 สี คือน้ำตาล ดำ และเขียว ผมโดนสีน้ำตาล ส่วนสถานีที่ 2 คือสถานีรูปขบวนหมู่แถวตอนและหน้ากระดานของปลย.11 ถึงที่นี่เขาจะให้ตั้งแถวแล้วก็นับ 1-11 พอนับเสร็จก็แจกเสื้อคนกวาดขยะแบบสะท้อนแสงอ่ะ 555+ แต่เขาเรียกกันว่าเสื้อวิน  คนแรกที่ทหารเรียกคือเพื่อนผมเอง.................พอเขาให้คนแรกออกไปทหารก็เห็นท่าทางทะแม่งๆ ก็เลยสงสัยว่าเป็น...กระเทยรึเปล่า พอเรียกแถวตอนก็ยังเสียงแมนๆอยู่หรอก แต่พอเรียกแถวหน้ากระดาน โดนทหารกดดันเยอะๆ วิ่งไปวิ่งมา ทันใดนั้นสิ่งที่ไม่ขาดฝันก็เกิดขึ้น  คือ จากเสียงที่ทุ้มๆแมนๆ ทันใดนั้น เสียงเธอก็เปลี่ยนมาแหลมขึ้นทันใด...เหอะๆ ได้ยินแค่นี้ทุกคนในหมวดก็หัวเราะกันหมดเลย ระหว่างเปลี่ยนจากแถวตอนเป็นแถวหน้ากระดาน ถ้าทำไม่เร็วพอจะโดนทหารสั่งวิ่งไปๆกลับๆ หรือว่าถ้าหากใครมึนจริงๆ จะโดนหมอบ แล้วก็จะมีสโลแกน เด็ดประจำสถานีนี้คือ หมอบ!...เข้าป่าไป....ซึ่งตอนนี้ทุกคนก็ติดและนำมาใช้ในชีวิตประจำวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 555+ หลังจากเข้าหมู่หน้ากระดานแล้ว ก็จะต้องคล้านสูง คลานต่ำ โผ หรือแม้แต่ คลานหงายอ่ะ สรุป มาสถานีเดียวนี่ ได้ครบทุกท่า! ^^ หลังจากจบก็พักทานข้าวกันก่อน พอเสร็จแล้วก็ไม่รอช้ากัน ไปสถานีที่ 3 ต่อเลย สถานีนี้มี effect พร้อมเลย ระเบิดเอย เสียงปืนกลเอย...ผมเห็นเพื่อนผมคนนึงมีแผลมาจากสถานีที่แล้วเลยบอกให้มาพักก่อน แต่โดนครูฝึกเรียกออกไปซะงั้นเพราะว่าคนเจ็บเยอะ...ผมเข่าช้ำเลยไม่ได้ฝึก ที่จริงฝึกได้แหละแต่เห็นเด็กแต่ละคนที่ฝึกจบ เหงื่อนี่จะเต็มเสื้อเลย ผมก็เลยไม่อยากฝึกเพราะว่าเอามาแค่ชุดเดียว กลัวราขึ้นเสื้อก่อนกลับบ้านอ่ะ 555+ นอกจากเรื่องเหงื่อแล้วผมก็เห็นเด็กแต่ละคนบอกว่าได้แผลมาอย่างนู้นอย่างนี้ แผลแต่ละอันนี่น่ากลัวมากมาย

                                      จบจากสถานีที่ 3 แล้วก็ไปพักดื่มน้ำกัน ต่อมาก็เข้ามายังสถานีสุดท้ายคือ สถานีฝึกการดำรงชีวิตในป่า ครูลงทุนเอาใบไม้มาเคี้ยวให้ดูสดๆเลยอ่ะ.....เล่นจริงแสดงจริงสุดๆ ใบที่เอามาจะมีใบขี้เหล็กและยาสมุนไพรชนิดต่างๆที่สามารถหาได้ในป่าทั่วไป ซึ่งเขาจะสอนว่า ถ้าโดนอะไรกัดควรจะทำอย่างไรบ้าง ฯลฯ ส่วน highlight ของสถานีนี้คือการโชว์จับงูเป็นๆ ทั้งทีมีและไม่มำพิษ เท่าที่จำได้นะครับ จะมีงูเห่า งูจงอาง งูสามเหลี่ยม งูเหลือม ฯลฯ ทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมากันหมดเลย ทุกคนส่งเสียงเชียร์ครูฝึกเพราะว่างูเห่ามันเกิดทะลึ่ง ครูฝึกปกติจะจับงูให้หัวมันห้อยลง แต่งูเห่ามันเริ่มเงยหน้าและเลื้อยมาที่แขน ทำให้ทุกคนลุ้น....ครูฝึกแก้ปัญหาโดยการสะบัดงูเห่าให้หัวมันห้อยลง แต่มันก็เลื้อยขึ้นแบบนี้มา 2 – 3 ครั้งแหนะ ครูเกือบโดนงูเห่ากัดแล้วไหมหล่ะ เหอะๆ และแล้วเขาก็พาไปรวมกันที่ลานกว้างๆแห่งหนึ่ง แล้วเรียกแบ่งเป็นแถวๆละ 12 คน ตอนนี้เป็นสิ่งที่ผม ชอบมากที่สุด อันตรายที่สุด ฮาที่สุด แล้วก็มีปากเสียงกับเพื่อนมากที่สุดด้วย เพราะว่ามันถึงเวลา <<!!!!!!!ทำอาหาร!!!!!!!!>> เหตุที่มีปากเสียงมากที่สุดเพราะว่าเวลาปรุง ต้องเถียงกันว่าใส่น้ำปลาอีกหน่อย อีกคนก็จะค้านๆบอกว่าเค็มแล้ว อะไรอย่างนี้ กลุ่มผมมี ฟลุค(ผม) ซัน กล้า พรพรหม นฤดล แล้วก็ห้องอื่น เริ่มแรกก็ต้องหุงข้าวกันก่อน เขามีมาให้ 3 กระติกไว้สำหรับหุงข้าว แล้วอีก 3 กระติกไว้ทำกับข้าว ข้าวนี่หุง 3 รอบกว่าจะสุก นอกจากข้าวเขาให้ เครื่องต้มยำมาถุงนึง หมูมา 1ถุงใหญ่ๆ มะนาวแล้วก็น้ำปลา มีคนนึงกลุ่มเราให้เกียรติยกย่องเขาเป็น chef มือ 1 แต่ผมเถียงกับเขาตลอดเลยเรื่องปรุงอาหารว่าเค็มไปไม่ใช่หรอ? เขาจะเติมแต่ผมไม่ให้เขาเติมน้ำปลา 555+ กลุ่มเราเป็นกลุ่มที่ช้าที่สุดและน่าจะอร่อยที่สุดด้วยเนื่องจากพิถีพิถันกันเหลือเกิน แทบจะเป็นหมึกแดงกันทุกคนเลยเชียว...ผมว่าแกงอร่อยสุด รองมาก็ต้มย้ำที่รสรู้สึกจืดมา กลิ่นไม่ค่อยออกอ่ะ อยากกลับไปกินแกงหม้อนั้นอีก คิดถึงๆๆๆ กว่าจะล้างๆเช็ดๆกันก็นานอยู่

                      หลังจากทำอาหารกินกันเสร็จท้องฟ้าก็มืดลงอย่างรวดเร็ว และแล้วก็ไปฝึกการรบในเวลากลางคืน ในที่สุดก็เข้าสถานีแรกที่เรากไปฝึกฐานแรกครูสั่งว่า ถ้าหากเห็นแสงสว่างบนท้องฟ้า เช่น พลุให้รีบหมอบเดี๋ยวนั้นไม่งั้นอาจจโดนยิงโดยไม่รุ้ตัว  เดินข้ามเนินไป แล้วจะมีพลุยิงออกมา แล้วทุกคนต้องหมอบ พอหมอบได้สักพักเขาก็เรียกเดินไปอ้อมดงป่าใกล้ๆ แล้วก็เจอครูฝึกอีกคน ในการผ่านด่านนี้เราต้องบอกพาสเวิร์ดที่ถูกต้อง เช่น เขาจะพูดว่า พระจันทร์ เราต้องตอบว่า ถั่วเขียว เพื่อไม่ให้มีความเกี่ยวข้องกันเพื่อป้องกันการแฝงตัวของศัตรู

       

                      สถานีต่อมาก็มาฟังเสียงว่าข้าศึกทำอะไรกันอยู่ ฟังสัก 3-4 อย่าง มีผ่าฟืน ล้างหม้อ ตรวจปืน (ชัก 3-4 ที) แต่ถ้า ชักทีเดียวแสดงว่า รู้ว่าเรามาแล้วกำลังเตรียมจะยิงเราอยู่... ต่อมาก็เดินไปตรงที่โล่งๆฝึกการเดินให้ไม่มีเสียง โดยเราจะต้องคุกเข่า ก่อนเอาเข่าลงเราต้องเอามือหยิฐเศษใบไม้ต่างๆที่จะทำให้เกิดเสียงออกก่อนทุกครั้ง หลังจากนั้นก็เดินกลับ tent ทีแรกผมหากระเป๋าอยู่ตั้งนานเพราะว่ามันมั่วกันหมด แต่จำได้ว่าวางไว้เต๊นท์ C และแล้วพอเจอกระเป๋าก็จะมานอน แต่เขาไปนอนเพื่อนอีกคนแล้ว บาง tent เขานอนเบียด กัน 3 คนแหนะ ผมเลยไม่เอา ผมก็เลยอยู่โดดเดี่ยวไม่มีเต๊นท์นอน ทีแรกจะไปนอนกับทหารบนสนามหญ้า แต่แล้วโชคก็เข้าข้าง เจอเต๊นท์ว่างพอดีเลยเลยเอาของไปวางแล้วก็ไปเข้าห้องน้ำ  พอกลับมาเห็นคนโรงเรียนเดียวกัน จำได้ว่าอยู่ห้อง 7 คุ้นหน้าแต่ไม่รู้จักชื่อ เห็นเขาปูที่นอนบนเต๊นท์ที่ใกล้ๆจะล่มแล้ว ผมเลยชวนเขามานอนด้วย คุยไปคุยมาก็รู้จักชื่อเขา ตาโตมาก นิสัยดี ไม่วุ่นวาย สงบเรียบร้อย ตอนนอนก็นอนหดๆอ่ะ ตัวเล็กแล้วยังประหยัดพื้นที่อีก...555+ ก่อนนอนเขาก็บอกผมว่าต้องเข้าเวรตอนตี 3-4 คืนนั้นก็หลับไปก่อน พอถึง ตี3 เขาก็ปลุกผมตื่นมาเข้าเวร ตอนนั้นยังมืดอยู่เลย คิดแล้วว่าถ้าเข้าเวรแล้วจะไม่มีเวลานอนต่อ เพราะเขาเรียกรวมตอน 04.00 กว่าๆ ตอนนั้นเห็นรอบๆนี่มึดหมดเลย ไม่เห็นครูฝึกสักคน เลยนั่งอยู่ในเต๊นท์สักประมาณ 45 นาที ดูดาว ที่เขาชนไก่ ดาวต่างๆสว่างชัดเจนมากแล้วก็ ไม่มีเมฆมาบังเลย อีกไม่นานพวกเราก็นอนในเต๊นท์ต่ออีก 15 นาที...แล้วทหารก็เรียกพลตอนเวลา 04.00 พอดีเป๊ะเลยครับ

       

                                                                                   End of day III

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×