ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    God Command พระเจ้า! ทำไมท่านไม่หาร่างใหม่ให้ข้า![Reverse Harem]

    ลำดับตอนที่ #18 : บทที่16 การฝึกย่อมมาพร้อมบาดแผลเสมอ [1]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.53K
      183
      5 ม.ค. 64

    บทที่16 การฝึกย่อมมาพร้อมบาดแผลเสมอ [1]

                ‘พับผ่าสิ!’

                นางสบถพร้อมกลอกตาพลัน  ดูก็รู้ว่าต้องมีเรื่องเกิดขึ้นแน่นอน

                สาวใช้สายพันธ์เอลฟ์ของเธอวิ่งนำผู้อื่นมาหลายช่วงตัว  เมื่อเห็นสภาพแขนของหล่อนก็ถึงกับน้ำตาตก  รักษาแขนไปพลางร้องไห้สะอึกสะอื้นไปพลาง

                “ทะ  ทำไม  ฮึก  ถะ  ถึงเจ็บหนักถึงเพียงนี้คะคุณหนู?”

                ลักซ์มองคนอายุมากกว่าหลายปีซึ่งกำลังร้องไห้เป็นเด็ก ๆ ด้วยสีหน้าเจือยิ้ม  มือที่ไม่เป็นอะไรค่อย ๆ ดัดแขนข้างที่หักให้เข้าที่  ซึ่งมันทรมานจนหน้าซีดปากสั่น

                “ผลกระทบ...จากรอบที่แล้ว”  หล่อนพักหอบหายใจเมื่อความเจ็บทำให้ตาลายนิดหน่อย  “ข้าไม่คิดว่ายังรักษาได้ไม่หมด  พอมาทำอะไรรุนแรงก็เลย...เจ็บหนัก”

                ยิ่งพูด  หน้าเบลีนยิ่งเบะ  ลักซ์ก็ยิ่งขำ  ทำให้แขนสะเทือนจนต้องครางอูยออกมาเสียงยาว

                ท่านพ่อและท่านแม่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ ด้วยสีหน้าเป็นห่วง  ยังไม่คิดที่จะเข้ามาถามใด ๆ  นั่นทำให้เด็กหญิงค่อนข้างพอใจ  เพราะอย่างน้อยก็ถือว่ายืดเวลาตายไปได้อีกนิด

                แขนกำลังถูกดัดจนตรง  และค่อย ๆ ดัดงอตามตำแหน่งข้อพับเดิม  ปล่อยทิ้งไว้  รอการรักษาจนกว่าจะเสร็จสิ้น  จริง ๆ

                ‘มาทายกันเล่น ๆ ดีกว่ากวางน้อยมาฉันจะโดนอะไรบ้าง

                “ลูกคงพร้อมบอกกับพ่อและแม่แล้วใช่มั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”

                สเลนกล่าวเสียงนุ่ม  ยังคงดูอ่อนโยนแม้ว่าสีหน้าจะไม่ค่อยสู้ดีนักก็ตาม  เด็กหญิงกลอกตาไปมาอย่างใช้ความคิดแวบหนึ่ง

                ไม่ทันจะได้ตอบอะไร  อิริคก็เดินออกมาข้างหน้าและทิ้งตัวลงคุกเข่า  ก้มหัวลงต่ำจนหน้าผากติดพื้น

                “เป็นเพราะคุณหนูได้ประลองดาบกับข้า  และข้าเองที่ไม่ระมัดระวัง  เป็นเหตุให้คุณหนูบาดเจ็บครับ”

                คำสารภาพเหมือนจะทำให้บรรยากาศแย่ลงทันใด  พวกองครักษ์คนอื่น ๆ จึงรีบเข้ามาช่วยอธิบายว่าเรื่องนี้เป็นเพียงอุบัติเหตุในการฝึกซ้อมเท่านั้น

                “อาจใช่ที่นี่เป็นอุบัติเหตุ  ทว่าบุตรของเราก็เจ็บหนัก  อย่างไรก็ต้องมีการลงโทษ”

                เอมิเรียว่าขึ้น  ใบหน้าที่มักประดับยิ้มงดงามบัดนี้นิ่งเรียบ  หล่อนเหลือบมองมาทางลูกสาวตัวแสบอย่างตำหนิ  ลักซ์ยิ้มเซ่อ  ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เต็มที่

                ท่านแม่คนงามดึงสายตากลับไปทางอิริคซึ่งยังไม่ลุกขึ้น  พูดเสียงเรียบ

                “แลนช์  นำสัญญาของเด็กคนนี้มาให้ข้า”

                เด็กชายรับคำ  กำลังจะหมุนตัวเดินจากไป  ไม่คาดว่าจะถูกตวาดใส่ด้วยเสียงอันดัง

                “หยุด!

                รอบข้างพลันเงียบกริบ  ทุกการเคลื่อนไหวเหมือนถูกแช่แข็ง  ลักซ์จ้องมองมารดาซึ่งตีหน้านิ่งไร้อารมณ์ก่อนถอนหายใจ  มองไปทางพ่อบ้านของตน  แล้วจึงเบือนไปหามารดา

                “ข้าต้องการทราบว่าจะนำสิ่งนั้นมาที่นี่ทำไมคะ?”

                “ฉีกสัญญาณอย่างไรเล่า”

                คำตอบแสนง่ายตรงกับที่ลักซ์คิดไว้จนน่าหงุดหงิด  หล่อนกลอกตาตามความเคยชิน  ตีหน้าเมื่อยพร้อมเบ้ปากด้วยความเซ็ง

                “มันเป็นเพียงอุบัติเหตุ  ไฉนต้องถึงขั้นฉีกสัญญาทิ้งคะ?  ไม่ดูทำเกินกว่าเหตุไปหน่อยหรือ?”

                เธอยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ  แต่ในประโยคก็เจาะจงชัดเจนว่าหล่อนไม่เห็นด้วย  ทั้งยังไม่พอใจ  ทำเอาคนที่ได้ยินสะดุ้งไปตาม ๆ กัน

                ในดวงตาของมารดาคนงามพลันปรากฏความเย็นเยียบขึ้น  ลักซ์จึงจำต้องปิดปากเงียบ  ทว่าแววในดวงตาที่จ้องตรงไม่หลบเลี่ยงนั้นหาร่องรอยความกลัวใด ๆ ไม่ได้เลย

                “...เหตุใดยังไม่ไปอีก  แลนช์?”

                น้ำเสียงเย็น ๆ เรียกสติของแลนช์ให้กลับมา  เขาหมุนตัวก้าวจากไป  บรรยากาศมาคุด้านหลังทำเอาขนลุกวาบเป็นระยะ ๆ

                เด็กหญิงปากเตรียมจะเอ่ยรั้ง  แต่ก็ต้องละความพยายามเมื่อท่านพ่อท่านแม่ที่เคารพต่างมองมาอย่างตำหนิเล็กน้อย

                แลนช์กลับมาพร้อมใบสัญญาที่ถูกส่งให้นายหญิงของบ้าน  เขายังคงยกยิ้มอย่างสงบ  ทว่าในดวงตากลับสะท้อนความกังวลออกมา

                แม้แต่พวกองครักษ์เองก็มีสีหน้าไม่ต่างจากพ่อบ้านนัก  ทุกคนรู้สึกถูกชะตาพ่อหนุ่มหน้านิ่งนามอิริคผู้นี้มาก  เพิ่งจะรู้จักกันได้เพียงครึ่งวัน  จะต้องจากการแล้วหรือ?

                เอมิเรียยังคงรักษาสีหน้าเรียบเฉยเอาไว้  ไอความกดดันที่แผ่ออกมาเข้มข้นจนไม่มีใครกล้าสบตา  สเลนเดินเข้าไปจับมือภรรยาให้ใจเย็นลง

                หญิงสาวขยำใบสัญญานั่นอย่างแรง  อารมณ์ของลักซ์พลันพุ่งปรี๊ดอย่างไม่ทราบสาเหตุ  หยิบดาบไม้ขึ้นมาปาอัดพื้นอย่างแรง

                เปรี๊ยะ!

    ทุกคนมองดาบไม้ที่ถูกเด็กหญิงเหยียบคราเดียวก็แหลกด้วยสายตาตกตะลึง  ร่างกายสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวขึ้นมาทันใด

                “...ข้าบอกแล้วไงว่ามันเป็นอุบัติเหตุ  หูหนวกกันรึไงคะ?”

                วาจาก้าวร้าวเล่นเอาทุกคนอ้าปากค้าง  แม้แต่อิริคยังสะดุ้ง  เงยหน้ามองเด็กหญิงทันใด  สีหน้าของนางดูหงุดหงิดอย่างมาก  มันบิดเบี้ยวอย่างน่ากลัว  นั่นทำเอาเขาผวาจนต้องหลบตาวูบ

                “ทำไมต้องพูดยากพูดเย็นกันนักนะ  น่ารำคาญ!

                เธอหวีดเสียงออกมา  ใบหน้ายิ่งบิดเบี้ยวด้วยความโมโหมากขึ้นเรื่อย ๆ  แรงที่ส่งไปที่เท้าทำให้ดาบไม้มีสภาพที่ยับแย่กว่าเดิม  มันค่อย ๆ ฝังลึกจนแทบจะจมหายลงไปในเนื้อดิน

                “...ลูกต้องสงบใจ  ลักซ์”  สเลนเห็นท่าไม่ดีรีบกล่าว  เดินไปหาบุตรสาวอย่างช้า ๆ  “ท่านแม่เพียงต้องการตักเตือน  หาได้จะกระทำจริง ๆ ไม่”

                เอมิเรียเลิกคิ้วพลัน  กำลังจะพูดบางอย่าง  แต่ผู้เป็นสามีกลับรีบหันมาส่งสายตาปราม  นางจึงสงบลง  แล้วส่งม้วนสัญญาคืนให้แก่แลนช์

                เมื่อเห็นว่าใบนั่นถูกนำจากไปแล้ว  ใบหน้าที่เคยน่ากลัวก็เปลี่ยนเป็นเหม่อลอย  นางมองม้วนกระดาษในมือแลนช์ด้วยสายตาที่เหมือนไม่ได้จับจ้องอะไรเลย  รอยยิ้มค่อย ๆ ถูกฉีกออกจนกว้างขวาง  กว้างเสียจนรูปหน้าเด็กหญิงผิดเพี้ยนไปจากปกติ

    ทุกคนในที่นี้ต่างพากันหนาววูบด้วยความหวาดกลัว  ไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้นมองเป็นครั้งที่สองสักคน

                ลักซ์เป็นคนอารมณ์รุนแรงและแปรปรวน  ใคร ๆ ในคฤหาสน์ก็ทราบทั้งนั้น  เรื่องที่นาง  ป่วย  ก็เช่นกัน  ทว่านี่เป็นครั้งแรก  ที่ทุกคนได้เห็นอาการดังกล่าวเต็มตา

                มันน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูกจริง ๆ

                อาการโกรธเกรี้ยวก่อนหน้านี้ไม่ใช่แค่การแสดง  และรอยยิ้มหวานด้วยความพอใจนี้ก็เป็นของจริงด้วยเช่นกัน  มันไม่ใช่อารมณ์ที่แปลก  แต่เมื่ออาการทั้งสองเกิดขึ้นติดต่อกันต่างหากที่  แปลก

                มันเป็นการปรับเปลี่ยนอารมณ์ที่ต่างขั้วกันเกินไป  ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกไม่ดีกับคนผู้นั้น  คล้ายมีสัญญาณเตือนว่าคนที่ทำแบบนี้ได้  จะไม่ปกติ

                ใช่  เพราะเธอ  ป่วย

                ลักซ์เดินไปฉุดอิริคให้ลุกขึ้นจากพื้น  มองหน้าเขาสลับกับคนอื่นก่อนฉีกยิ้มออกมา

                “เจ้ารอดแล้ว  พ่อองครักษ์ใหม่”

                พร้อมด้วยเสียงหัวเราะ  ทำราวกับว่าความเกรี้ยวกราดประดุจปีศาจร้ายก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น

                ทุกอย่างกลับสู่ความสงบอีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไปพักใหญ่ ๆ  พวกองครักษ์พากันแยกย้ายไปพักผ่อน  ในลานเหลือเพียงลักซ์กับอิริคสองคนเท่านั้น

                ฉึก!

                เสียงหัวธนูปักลงบนกึ่งกลางแป้นดังขึ้นท่ามกลางความเงียบระหว่างคนทั้งสอง  ลักซ์มองผลงานของตัวเองครู่หนึ่ง  ลดคันธนูลงแล้วเดินเข้าไปใกล้ ๆ

                เมื่อเห็นว่ามันไม่ได้กึ่งกลางอย่างสมบูรณ์แบบก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา  หันไปพูดกับชายหนุ่มข้างกายด้วยเสียงเอื่อยเนือย

                “เกือบได้กลับไปใช้ชื่อชายจรจัดเหมือนเดิมแล้วไหมล่ะ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×