คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : บทที่16 การฝึกย่อมมาพร้อมบาดแผลเสมอ [1]
บทที่16 การฝึกย่อมมาพร้อมบาดแผลเสมอ [1]
‘พับผ่าสิ!’
นางสบถพร้อมกลอกตาพลัน ดูก็รู้ว่าต้องมีเรื่องเกิดขึ้นแน่นอน
สาวใช้สายพันธ์เอลฟ์ของเธอวิ่งนำผู้อื่นมาหลายช่วงตัว เมื่อเห็นสภาพแขนของหล่อนก็ถึงกับน้ำตาตก รักษาแขนไปพลางร้องไห้สะอึกสะอื้นไปพลาง
“ทะ ทำไม ฮึก ถะ ถึงเจ็บหนักถึงเพียงนี้คะคุณหนู?”
ลักซ์มองคนอายุมากกว่าหลายปีซึ่งกำลังร้องไห้เป็นเด็ก ๆ ด้วยสีหน้าเจือยิ้ม มือที่ไม่เป็นอะไรค่อย ๆ ดัดแขนข้างที่หักให้เข้าที่ ซึ่งมันทรมานจนหน้าซีดปากสั่น
“ผลกระทบ...จากรอบที่แล้ว” หล่อนพักหอบหายใจเมื่อความเจ็บทำให้ตาลายนิดหน่อย “ข้าไม่คิดว่ายังรักษาได้ไม่หมด พอมาทำอะไรรุนแรงก็เลย...เจ็บหนัก”
ยิ่งพูด หน้าเบลีนยิ่งเบะ ลักซ์ก็ยิ่งขำ ทำให้แขนสะเทือนจนต้องครางอูยออกมาเสียงยาว
ท่านพ่อและท่านแม่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ ด้วยสีหน้าเป็นห่วง ยังไม่คิดที่จะเข้ามาถามใด ๆ นั่นทำให้เด็กหญิงค่อนข้างพอใจ เพราะอย่างน้อยก็ถือว่ายืดเวลาตายไปได้อีกนิด
แขนกำลังถูกดัดจนตรง และค่อย ๆ ดัดงอตามตำแหน่งข้อพับเดิม ปล่อยทิ้งไว้ รอการรักษาจนกว่าจะเสร็จสิ้น ‘จริง ๆ’
‘มาทายกันเล่น ๆ ดีกว่ากวางน้อยมาฉันจะโดนอะไรบ้าง’
“ลูกคงพร้อมบอกกับพ่อและแม่แล้วใช่มั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
สเลนกล่าวเสียงนุ่ม ยังคงดูอ่อนโยนแม้ว่าสีหน้าจะไม่ค่อยสู้ดีนักก็ตาม เด็กหญิงกลอกตาไปมาอย่างใช้ความคิดแวบหนึ่ง
ไม่ทันจะได้ตอบอะไร อิริคก็เดินออกมาข้างหน้าและทิ้งตัวลงคุกเข่า ก้มหัวลงต่ำจนหน้าผากติดพื้น
“เป็นเพราะคุณหนูได้ประลองดาบกับข้า และข้าเองที่ไม่ระมัดระวัง เป็นเหตุให้คุณหนูบาดเจ็บครับ”
คำสารภาพเหมือนจะทำให้บรรยากาศแย่ลงทันใด พวกองครักษ์คนอื่น ๆ จึงรีบเข้ามาช่วยอธิบายว่าเรื่องนี้เป็นเพียงอุบัติเหตุในการฝึกซ้อมเท่านั้น
“อาจใช่ที่นี่เป็นอุบัติเหตุ ทว่าบุตรของเราก็เจ็บหนัก อย่างไรก็ต้องมีการลงโทษ”
เอมิเรียว่าขึ้น ใบหน้าที่มักประดับยิ้มงดงามบัดนี้นิ่งเรียบ หล่อนเหลือบมองมาทางลูกสาวตัวแสบอย่างตำหนิ ลักซ์ยิ้มเซ่อ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เต็มที่
ท่านแม่คนงามดึงสายตากลับไปทางอิริคซึ่งยังไม่ลุกขึ้น พูดเสียงเรียบ
“แลนช์ นำสัญญาของเด็กคนนี้มาให้ข้า”
เด็กชายรับคำ กำลังจะหมุนตัวเดินจากไป ไม่คาดว่าจะถูกตวาดใส่ด้วยเสียงอันดัง
“หยุด!”
รอบข้างพลันเงียบกริบ ทุกการเคลื่อนไหวเหมือนถูกแช่แข็ง ลักซ์จ้องมองมารดาซึ่งตีหน้านิ่งไร้อารมณ์ก่อนถอนหายใจ มองไปทางพ่อบ้านของตน แล้วจึงเบือนไปหามารดา
“ข้าต้องการทราบว่าจะนำสิ่งนั้นมาที่นี่ทำไมคะ?”
“ฉีกสัญญาณอย่างไรเล่า”
คำตอบแสนง่ายตรงกับที่ลักซ์คิดไว้จนน่าหงุดหงิด หล่อนกลอกตาตามความเคยชิน ตีหน้าเมื่อยพร้อมเบ้ปากด้วยความเซ็ง
“มันเป็นเพียงอุบัติเหตุ ไฉนต้องถึงขั้นฉีกสัญญาทิ้งคะ? ไม่ดูทำเกินกว่าเหตุไปหน่อยหรือ?”
เธอยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ แต่ในประโยคก็เจาะจงชัดเจนว่าหล่อนไม่เห็นด้วย ทั้งยังไม่พอใจ ทำเอาคนที่ได้ยินสะดุ้งไปตาม ๆ กัน
ในดวงตาของมารดาคนงามพลันปรากฏความเย็นเยียบขึ้น ลักซ์จึงจำต้องปิดปากเงียบ ทว่าแววในดวงตาที่จ้องตรงไม่หลบเลี่ยงนั้นหาร่องรอยความกลัวใด ๆ ไม่ได้เลย
“...เหตุใดยังไม่ไปอีก แลนช์?”
น้ำเสียงเย็น ๆ เรียกสติของแลนช์ให้กลับมา เขาหมุนตัวก้าวจากไป บรรยากาศมาคุด้านหลังทำเอาขนลุกวาบเป็นระยะ ๆ
เด็กหญิงปากเตรียมจะเอ่ยรั้ง แต่ก็ต้องละความพยายามเมื่อท่านพ่อท่านแม่ที่เคารพต่างมองมาอย่างตำหนิเล็กน้อย
แลนช์กลับมาพร้อมใบสัญญาที่ถูกส่งให้นายหญิงของบ้าน เขายังคงยกยิ้มอย่างสงบ ทว่าในดวงตากลับสะท้อนความกังวลออกมา
แม้แต่พวกองครักษ์เองก็มีสีหน้าไม่ต่างจากพ่อบ้านนัก ทุกคนรู้สึกถูกชะตาพ่อหนุ่มหน้านิ่งนามอิริคผู้นี้มาก เพิ่งจะรู้จักกันได้เพียงครึ่งวัน จะต้องจากการแล้วหรือ?
เอมิเรียยังคงรักษาสีหน้าเรียบเฉยเอาไว้ ไอความกดดันที่แผ่ออกมาเข้มข้นจนไม่มีใครกล้าสบตา สเลนเดินเข้าไปจับมือภรรยาให้ใจเย็นลง
หญิงสาวขยำใบสัญญานั่นอย่างแรง อารมณ์ของลักซ์พลันพุ่งปรี๊ดอย่างไม่ทราบสาเหตุ หยิบดาบไม้ขึ้นมาปาอัดพื้นอย่างแรง
เปรี๊ยะ!
ทุกคนมองดาบไม้ที่ถูกเด็กหญิงเหยียบคราเดียวก็แหลกด้วยสายตาตกตะลึง ร่างกายสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวขึ้นมาทันใด
“...ข้าบอกแล้วไงว่ามันเป็นอุบัติเหตุ หูหนวกกันรึไงคะ?”
วาจาก้าวร้าวเล่นเอาทุกคนอ้าปากค้าง แม้แต่อิริคยังสะดุ้ง เงยหน้ามองเด็กหญิงทันใด สีหน้าของนางดูหงุดหงิดอย่างมาก มันบิดเบี้ยวอย่างน่ากลัว นั่นทำเอาเขาผวาจนต้องหลบตาวูบ
“ทำไมต้องพูดยากพูดเย็นกันนักนะ น่ารำคาญ!”
เธอหวีดเสียงออกมา ใบหน้ายิ่งบิดเบี้ยวด้วยความโมโหมากขึ้นเรื่อย ๆ แรงที่ส่งไปที่เท้าทำให้ดาบไม้มีสภาพที่ยับแย่กว่าเดิม มันค่อย ๆ ฝังลึกจนแทบจะจมหายลงไปในเนื้อดิน
“...ลูกต้องสงบใจ ลักซ์” สเลนเห็นท่าไม่ดีรีบกล่าว เดินไปหาบุตรสาวอย่างช้า ๆ “ท่านแม่เพียงต้องการตักเตือน หาได้จะกระทำจริง ๆ ไม่”
เอมิเรียเลิกคิ้วพลัน กำลังจะพูดบางอย่าง แต่ผู้เป็นสามีกลับรีบหันมาส่งสายตาปราม นางจึงสงบลง แล้วส่งม้วนสัญญาคืนให้แก่แลนช์
เมื่อเห็นว่าใบนั่นถูกนำจากไปแล้ว ใบหน้าที่เคยน่ากลัวก็เปลี่ยนเป็นเหม่อลอย นางมองม้วนกระดาษในมือแลนช์ด้วยสายตาที่เหมือนไม่ได้จับจ้องอะไรเลย รอยยิ้มค่อย ๆ ถูกฉีกออกจนกว้างขวาง กว้างเสียจนรูปหน้าเด็กหญิงผิดเพี้ยนไปจากปกติ
ทุกคนในที่นี้ต่างพากันหนาววูบด้วยความหวาดกลัว ไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้นมองเป็นครั้งที่สองสักคน
ลักซ์เป็นคนอารมณ์รุนแรงและแปรปรวน ใคร ๆ ในคฤหาสน์ก็ทราบทั้งนั้น เรื่องที่นาง ‘ป่วย’ ก็เช่นกัน ทว่านี่เป็นครั้งแรก ที่ทุกคนได้เห็นอาการดังกล่าวเต็มตา
มันน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูกจริง ๆ
อาการโกรธเกรี้ยวก่อนหน้านี้ไม่ใช่แค่การแสดง และรอยยิ้มหวานด้วยความพอใจนี้ก็เป็นของจริงด้วยเช่นกัน มันไม่ใช่อารมณ์ที่แปลก แต่เมื่ออาการทั้งสองเกิดขึ้นติดต่อกันต่างหากที่ ‘แปลก’
มันเป็นการปรับเปลี่ยนอารมณ์ที่ต่างขั้วกันเกินไป ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกไม่ดีกับคนผู้นั้น คล้ายมีสัญญาณเตือนว่าคนที่ทำแบบนี้ได้ จะไม่ปกติ
ใช่ เพราะเธอ ‘ป่วย’
ลักซ์เดินไปฉุดอิริคให้ลุกขึ้นจากพื้น มองหน้าเขาสลับกับคนอื่นก่อนฉีกยิ้มออกมา
“เจ้ารอดแล้ว พ่อองครักษ์ใหม่”
พร้อมด้วยเสียงหัวเราะ ทำราวกับว่าความเกรี้ยวกราดประดุจปีศาจร้ายก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น
ทุกอย่างกลับสู่ความสงบอีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไปพักใหญ่ ๆ พวกองครักษ์พากันแยกย้ายไปพักผ่อน ในลานเหลือเพียงลักซ์กับอิริคสองคนเท่านั้น
ฉึก!
เสียงหัวธนูปักลงบนกึ่งกลางแป้นดังขึ้นท่ามกลางความเงียบระหว่างคนทั้งสอง ลักซ์มองผลงานของตัวเองครู่หนึ่ง ลดคันธนูลงแล้วเดินเข้าไปใกล้ ๆ
เมื่อเห็นว่ามันไม่ได้กึ่งกลางอย่างสมบูรณ์แบบก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา หันไปพูดกับชายหนุ่มข้างกายด้วยเสียงเอื่อยเนือย
“เกือบได้กลับไปใช้ชื่อชายจรจัดเหมือนเดิมแล้วไหมล่ะ”
ความคิดเห็น