คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #42 : บทที่40 สงบศึก [1]
บทที่40
สงบศึก [1]
“นี่เหรอพี่น้องคนใหม่ของพวกเรา?”
กลุ่มเด็กหลากหลายอายุรุมล้อมร่างของลักซ์ไว้อย่างอยากรู้อยากเห็น เธอมองกลับ
พวกนั้นมีตั้งแต่อายุช่วงอนุบาลไปจนถึงระดับมหาลัย มีทั้งเพศชาย
เพศหญิงและเหล่าเพศทางเลือกทั้งหลาย
พวกเขาดูเป็นคนมีอัธยาศัยดียิ่ง แต่ลักซ์รู้ดีว่าพวกนั้นไม่ได้ ‘ดี’ ขนาดนั้น
“เธอชื่อลักซ์ใช่ไหม?” ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาพูดขึ้นระหว่างมองสำรวจขึ้น ๆ ลง ๆ “ดูผอมจังแฮะ
แต่กลับมีแรงดึงดูดทางเพศสุด ๆ ”
ลักซ์เหลือบตากลับไปมองเขา อีกฝ่ายพูดออกมายิ้ม ๆ สีหน้าไม่ได้มีความต้องการใดแฝงอยู่ในนั้น เธอดึงสายตากลับ ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป
“คุณพ่อบุญธรรมบอกว่าเขามอบหมายงานแรกให้เธอ เป็นงานอะไรเหรอ?”
เด็กน้อยวัยประมาณ 4 ขวบถามขึ้นเสียงหวาน แต่ในดวงตากลับไม่ได้ไร้เดียงสาเช่นท่าที
ลักซ์มองหล่อน ยอมเปิดปากขึ้นในที่สุด
“...ทำลายคู่แข่งค้ายา”
“เอ๋” เด็กน้อยคนนั้นร้องอย่างตกใจ “ให้เด็กใหม่ไร้ประสบการณ์แบบเธอเนี่ยนะไปทำงานใหญ่ขนาดนั้น คุณพ่อบุญธรรมบ้าไปแล้วแน่ ๆ ”
มือเล็ก
ๆ นั่นยื่นออกมาส่ายไปมาคล้ายล้อเลียน ทุกคนหัวเราะออกมาอย่างพร้อมเพรียง
รอยยิ้มจืดชืดยกขึ้นบนมุมปาก ดวงตาไม่ได้สื่อถึงอารมณ์ใด ลักซ์เอื้อมมือไปจับแขนเล็กป้อมนั้น อีกมือยื่นไปคว้าไหล่ไว้อย่างแผ่วเบา
ไร้จิตสังหาร ไร้อารมณ์
ไร้ไออันตรายใด ๆ
ไม่ทันที่ใครจะได้คาดคิด เด็กสาวก็ทำการกระชากแขนเล็ก ๆ นั่นจนขาดออกมาทั้งท่อน!
“เด็กอย่างเธอ...ไม่มีสิทธิมาปากดีกับฉัน”
เมื่อมื้ออาหารจบลง ทั้งสามก็กล่าวลาแล้วต่างแยกย้ายกันไปทำธุระของตัวเอง เซตินลุกจากไปแล้ว ทว่าสองพี่น้องยังคงไม่ไปไหน
เบิร์นวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ กล่าวถามลักซ์เสียงเนือย
“อะไรทำให้เจ้ากับองค์ชายรองร่วมโต๊ะทานอาหารด้วยกันได้?”
ลักซ์ตามองมองเหม่อไปไกล ทว่าก็ยังคงได้ยินคำถาม นางเลิกคิ้วโดยไม่ได้หลุดจากอาการจ้องเขม็ง นิ่งคิดแวบหนึ่ง
“อะไร...งั้นเหรอ?” เธอทวนคำถามเบา ๆ “เพราะ...หน้าที่ล่ะมั้ง?”
เบิร์นขมวดคิ้ว ส่ายหน้าแล้วดื่มน้ำในแก้วต่อจนหมด
“เจ้านี่...ชักจะพูดจาไม่รู้เรื่องขึ้นทุกวันแล้วนะ”
นางหัวเราะ ดึงแก้วออกจากมือชายหนุ่มแล้วเทน้ำแข็งข้างในเข้าปากเคี้ยวกร้วม
ๆ อย่างไม่มีเกรงใจเจ้าของแม้แต่น้อย เบิร์นเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วดึงแก้วกลับมากระทำในอิริยาบถเดียวกัน
ลักซ์หยักยิ้มขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ ทว่ามันกลับไม่สามารถส่งไปถึงดวงตาได้
“พูดจาไม่รู้เรื่องงั้นเหรอ?” นางกล่าวคล้ายพึมพำกับตัวเอง หันไปสบตากับชายหนุ่มที่มองมาอยู่ก่อนแล้วพลางไหวไหล่ “ข้าก็ว่างั้น”
ลักซ์ยื้อยุดอีกฝ่ายให้นั่งเอ้อระเหยเป็นเพื่อนตนอยู่กว่าครึ่งชั่วโมง จึงได้ยอมขุดตัวเองขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินออกจากโรงอาหาร
“รีบอะไรของเจ้านักหนาเจ้าไหม้”
คนโดนเปลี่ยนชื่อคิ้วกระตุก ยื่นมือไปผลักหัวหล่อนจนเด็กสาวหงายหลัง ลักซ์เพียงส่งเสียงจิ๊จ๊ะเบา ๆ แล้วเดินต่อโดยลากแขนอีกฝ่ายให้ตามมาอย่างไม่ปรานี
ทั้งคู่มาถึงอาคารวิชาการได้ในที่สุด หลังจากเดี๋ยวเดินเดี๋ยวหยุดตีกันมาตลอดทาง จำนวนนักเรียนที่อยู่ภายในตึกเทียบไม่ได้กับพื้นที่ด้านหลัง ทว่าก็ไม่ใช่น้อยเลย
ทั้งสองขึ้นบันไดไปต่อแถวยอยู่ที่หน้าห้อง ๆ หนึ่งเพื่อลงทะเบียนวิชาเลือกกับยื่นยืนยันชมรม
ในส่วนนี้ใช้เวลาไม่นาน เพียงไม่กี่นาทีทั้งคู่ก็ลงทะเบียนจนเสร็จ ตารางเรียนสำหรับพวกเธอถูกยืนยันความถูกต้องโดยอาจารย์แล้ว
หล่อนมองมันเพียงแวบหนึ่งก็เก็บลงกระเป๋าอย่างไม่ใส่ใจ
กึ่งเดินกึ่งวิ่งลงบันไดโดยจงใจทิ้งคนด้านหลังไว้ด้านบนเต็มที่ เบิร์นหรี่ตามองตามร่างเพรียวที่ผลุบหายไปจากระยะสายตาอย่างรวดเร็วด้วยนึกหน่ายใจ เดินตามลงไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน
เมื่อไม่เห็นชายหนุ่มอยู่ในบริเวณใกล้
ๆ สีหน้าของหล่อนก็พลันคืนสู่ความเรียบเฉย ลักซ์จ้องมองฝ่ามือของตัวเอง ในหัวครุ่นคิดอย่างแช่มช้า
จัดการเป้าหมาย...จัดการอย่างไรล่ะ?
แน่นอนว่ามันไม่มีคำตอบ เธอจะต้องตอบมันด้วยตัวเอง
ดวงตาสีมรกตกวาดมองรอบตัว พลันก็หยุดชะงักอยู่บนร่างสูงสง่าของเซตินที่กำลังเดินไกลออกไป แววภายในนัยน์ตาค่อย ๆ ล้ำลึกขึ้นอย่างช้า ๆ
จัดการ...หมายถึงสังหารรึเปล่านะ?
นางได้แต่เก็บมันไว้ในใจเงียบ
ๆ แล้วเดินไปนั่งที่ชุดโต๊ะหินอ่อนสลักอย่างงดงามเพื่อรอพลช้า(?)ทางด้านหลัง
ภาพของหญิงสาวที่กำลังนั่งเอนกายอย่างสบายใจเฉิบอยู่บนเก้าอี้ดูจะขัดกับนิสัยเป็นคนเคร่งในระเบียบการวางตัวเสียจนผิดตา เบิร์นก้าวขาให้เร็วขึ้นแล้วจึงดีดไปที่แก้มเจ้าหล่อนเบา
ๆ คราหนึ่ง
“เจ้าหลุดแล้ว”
คำเตือนสั้น
ๆ เรียกสติของลักซ์ที่กำลังเหม่อลอยให้กลับมา
หล่อนเลิกคิ้วไม่ตอบคำ เพียงเอื้อมไปให้อีกฝ่ายดึงแล้วเดินออกจากตรงนี้เท่านั้น
ลักซ์นอนเหยียดอยู่ในรถม้าอย่างไม่สนใจเลยว่าน้อยชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจะมองมาด้วยสายตาแบบใด แสงแดดยามเช้าลอดผ่านม่านเข้ามา ทำให้ภายในนี้ค่อนข้างจะสว่างไสว
เด็กสาวไม่ได้คิดใส่ใจกับการมองมาของอีกคน ในมือของเธอคือสมุดวาดภาพกับดินสอและยางลบ หล่อนนอนจดจ้องกระดาษเปล่ามาพักใหญ่ตั้งแต่บ้านก็ยังไม่ได้ลงเส้นใด
ๆ ลงไป
เธออยากวาดรูป แต่ไม่รู้ว่าอยากวาดอะไร
รถม้าหยุดลง เธอเก็บของในมือลงกระเป๋านักเรียน ก้าวนำชายหนุ่มลงไป มองภาพของโรงเรียนในยามเช้าตรู่อย่างไม่ใคร่จะใส่ใจนัก
สองเท้าพาร่างกายเดินเข้าโรงเรียนไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน เด็กจำนวนไม่น้อยกำลังเดินเข้ามา หล่อนกวาดสายตาไปเรื่อย จนมาหยุดลงที่ภาพเหตุการณ์หนึ่ง
เป็นภาพของเด็กผู้หญิงที่กำลังกอดอยู่กับพ่อและแม่ของเธออย่างรักใคร่กลมเกลียว เป็นภาพที่อบอุ่นเสียจนลักซ์อดไม่ได้ที่จะหยุดยืนมอง
เธอจ้องมองจนพวกเขาแยกย้ายกันไปจึงได้เริ่มเดินต่อเพื่อไปให้ถึงห้องเรียนให้เร็วที่สุด
ตอนนี้หล่อนอยากวาดภาพที่เห็นเมื่อครู่เหลือเกิน
เบิร์นนึกประหลาดใจกับท่าทีรีบร้อนของอีกฝ่าย จำต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามไป ใจก็นึกฉงนว่าเมื่อครู่สาวเจ้าหยุดดูครอบครัวนั้นทำไมตั้งนานสองนาน
คำถามที่ค้างคาไม่ได้ถูกเอ่ยออกมา เขาเพียงถอนหายใจเบา ๆ และวิ่งจนสามารถเดินอยู่เคียงข้างอีกฝ่ายได้เท่านั้น
ความคิดเห็น