คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #43 : บทที่41 สงบศึก [2]
บทที่41
สงบศึก [2]
เมื่อลักซ์มาถึงโต๊ะเรียน เธอรีบหยิบสมุดสเก็ตซ์ออกมาเริ่มร่างภาพทันที สิ่งที่เห็นก่อนหน้ายังคงฉายชัดอยู่ในความทรงจำ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะวาดออกมา
เพียงไม่นานภาพร่างของครอบครัวที่อบอุ่นก็พลันออกมาเป็นรูปเป็นร่าง
เบิร์นมองมันอย่างสนใจ เรื่องทักษะในด้านศิลปะไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่สำหรับสาวเจ้า ทว่าภาพที่วาดออกมาต่างหากที่ชวนให้สงสัย
วาดภาพครอบครัวสุขสันต์เนี่ยนะ? ปกติเห็นชอบแต่วาดพวกธรรมชาติกับวาดเล่นไร้สาระเท่านั้น น้อยครั้งนักที่จะเห็นหล่อนวาดรูปเหมือนของคน
ลักซ์วาดภาพนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจเสียจนไม่ได้รับรู้เลยว่ากำลังมีคนมามุงดูเธอมากขนาดไหน
เด็กสายมนตราส่วนใหญ่คือพวกที่มุ่งเน้นตัวเองมาทางสายต่อสู้และภาคปฎิบัติทั้งสิ้น ทางด้านการเรียน ศิลปะอะไรเช่นนี้จึงค่อนข้างจะด้อยกว่าอีกสายโขทีเดียว
ทว่าลักซ์กลับมีฝีมือในระดับใกล้เคียงมืออาชีพแล้ว ไม่แปลกเลยที่จะตกเป็นจุดสนใจ
หล่อนขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อมีเงาศีรษะของใครบางคนตกกระทบลงบนกระดาษ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ทำการปรับเปลี่ยนอารมณ์กลายเป็นอาเรนเซีย พูดกับชายคนนั้นยิ้ม ๆ
“ช่วยถอยไปหน่อยได้มั้ยจ๊ะ พอดีมันบังแสงน่ะ”
ชายคนนั้นรีบก้าวถอยร่นไปทันทีพร้อมกับกล่าวขอโทษเธอเสียงเบา
หล่อนกำลังจะหันไปตอบกลับเขาตามมารยาท เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาก้มหน้าลงมองมาพอดี ทำให้สายตาของคนทั้งคู่ผสานกันโดยบังเอิญ
นั่นทำให้พวกเขาชะงักอึ้งไปคล้ายตกใจในอะไรบางอย่าง
หลังจากจ้องกันอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้สติ ต่างฝ่ายต่างหลบตากันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
มือของลักซ์ดูจะสั่นอยู่เล็กน้อย สมาธิเริ่มแตกกระเจิง แม้จะยังคงวาดรูปต่อ ทว่าหัวกับไม่ได้สนใจภาพในมือเท่าไหร่นัก
ความรู้สึกเมื่อกี้มัน...
เธอเกือบจะร้องว่า ‘shit’ ออกมาอยู่แล้ว หากไม่ได้รีบกัดฟันยั้งเอาไว้ก่อน
หล่อนส่ายหน้าไม่ให้คิดอะไรต่อ เริ่มกลับมาจดจ่อกับสมุดในมืออีกครั้ง คนทั้งสามถูกลงรายละเอียดมาได้มากกว่าครึ่งแล้ว
เธอยังคงรับรู้ได้ถึงสายตาจากชายที่เผลอสบตาเข้าเมื่อครู่นี้ นั่นทำให้สมาธิของหล่อนไม่อยู่กับร่องกับรอยเท่าไหร่นัก
‘อ๊ะ เจ้าแรเงาออกนอกเส้นแล้ว’
เสียงทักของกวางน้อยทำให้สติของเธอกลับมา เด็กสาวจ้องมองเส้นดินสอที่เลยออกจากกรอบมานิดหน่อยพลางถอนหายใจยาว
เพราะมัวแต่เหม่อนั่นแหละ พลาดจนได้
เธอหยิบยางลบขึ้นมาเล็มออกเบา
ๆ อย่างใจเย็น
‘ปกติเจ้าเป็นคนที่มือนิ่งมาก ข้าไม่เคยเห็นเจ้าพลาดเลยสักครั้ง มีอะไรกวนใจรึเปล่า?’
คำถามนั้นตรงจุดเสียจนมือที่กำลังใช้ยางลบถูกับกระดาษสั่นเล็กน้อย สุดท้ายก็ลอบถอนหายใจอย่างไร้เสียงออกมาอีกรอบ
‘ก็นิดหน่อย’
‘นิดหน่อย? ข้าช่วยเจ้าได้มั้ย?’
นางร้องถามอย่างหวังดี นั่นทำให้ลักซ์ถึงกับหลุดยิ้มออกมา
‘ไม่ต้องช่วยหรอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่เจอ
[พวก] เฉย ๆ ’
‘พวกเหรอ?’
อาเรนเซียเอ่ยถาม พยายามครุ่นคิดถึงความหมายของคำว่า ‘พวก’ อย่างเป็นจริงเป็นจังจนถึงขั้นต้องทิ้งกายละเอียดลงนั่งกอดอก
พวกที่นางหมายถึงอาจเป็นได้ทั้งคนที่มีความชอบเหมือนกัน คนจากโลกเดียวกัน คนที่มีอะไรคล้ายกัน เช่นนั้นแล้วเป็นแบบไหนล่ะ?
คล้ายลักซ์จะทราบดีว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรจึงได้หัวเราะออกมาเบา
ๆ
‘ฉันหมายถึงพวกที่บ้า ๆ เหมือนกันน่ะ’
‘...บ้า?’
‘I'm a psycho’
ลักซ์เกร็งเสียงให้แตกพร่าเหมือนเสียงของพวกปีศาจร้ายตัวใหญ่
ๆ ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาทีหนึ่งจนคล้ายกับคนสะอึก
เด็กสาวเลิกคิ้วอย่างงุนงง
...ประโยคนั้นไม่ได้แปลว่าฉันเป็นคนโรคจิตหรอกหรือ?
คนโรคจิต...
อาเรนเซียเหงื่อตกทันใด
‘โอ้...’
เธออุทานเสียงเบา รู้สึกว่าหลังจากนี้จะต้องมีเรื่องยุ่ง
ๆ ขึ้นแน่อย่างบอกไม่ถูก
รูปในมือถูกวาดจนเสร็จโดยที่ลักซ์ก็เอาแค่คุยเพลินจนไม่ได้รับรู้แต่อย่างใด เธอตวัดลายเซ็นลงไปที่มุมภาพอย่างคล่องแคล่ว ในหัวยังคงสนทนาต่อ
เสียงชื่นชมจากรอบข้างทำให้เธอคืนสติ เมื่อจ้องดูที่ภาพดี ๆ จึงได้เห็นว่ามันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
หลังจากจ้องมองอยู่นับนาที จู่ ๆ เธอก็ยิ้มออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเสียอย่างนั้น
“ฝีมือการวาดภาพของเจ้าไม่ใช่ธรรมดาเลย”
เธอเงยหน้าขึ้นมองคนพูด เห็นเป็นชายคนเดิมก็ให้ยิ้มออกมา อีกฝ่ายเองก็ยิ้มตอบกลับด้วยท่าทีอ่อนโยนเป็นมิตรชวนให้อยากคบหาเหมือน
ๆ กัน
นอกจากรอยยิ้มจะออกมาในทางเดียวกันแล้ว ดวงตาของทั้งคู่ยังฉาบประกายนิ่งเฉยไร้อารมณ์ออกมาดุจเดียวกันอีกด้วย
เพราะตอนแรกมัวแต่ตกใจที่เจอ ‘พวกเดียวกัน’ เธอจึงไม่ได้มองสำรวจเขา เมื่อตอนนี้ลองได้พิจารณาดู พบว่าเขาเป็นคนที่กำลังตามหาอยู่เชียว
ลักซ์ยิ้มรับคำพูดนั้นด้วยท่าทีติดประหม่าอยู่เล็กน้อย
“ไม่ขนาดนั้นหรอกจ้ะ” เธอทำท่าคล้ายนึกขึ้นได้ ก่อนยิ้มละไม
“ข้าชื่ออาเรนเซีย เวลด้า และนี่น้องข้า
เบิร์น ไม่ทราบว่าเจ้า...?”
เขาโค้งหัวเล็กน้อย ก่อนตอบกลับมายิ้ม ๆ
“เลเวียส ทาโนเบล
ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ”
นางกล่าวเสียงใส ทำเป็นมองไม่เห็นสายตารับไม่ได้จากเบิร์นที่นั่งอยู่ข้าง
ๆ เลเวียสหัวเราะเล็กน้อย มองใบหน้าหมดจดงดงามของเด็กสาวอย่างนิ่งงันก่อนพึมพำ
“เราเหมือนกันจริง
ๆ ด้วย...”
ลักซ์ยังคงยิ้ม ทว่าในส่วนของดวงตานั้นกลับหรี่แคบลงอย่างชัดเจน เธอทำเป็นไม่ได้ยินถ้อยคำกระซิบเมื่อครู่ พลิกหน้ากระดาษวาดรูปต่อ ทางนั้นเองก็ไม่ได้รั้งอยู่นาน เมื่อเห็นว่าเธอไม่สนใจก็ได้จากไปทันที
“ไม่ขนาดนั้นหรอกจ้ะงั้นเหรอ?”
เบิร์นทวนประโยคของสาวเจ้าออกมาเบา
ๆ หรี่ตามองอย่างรับไม่ได้
การกระทำเพียงเท่านี้ถือว่าเขาไว้หน้าหล่อนมากแล้ว หากอยู่กันตามลำพัง ตนล่ะอยากจะตะโกนออกมาดัง ๆ เหลือเกินว่า ‘ยัยจิ้งจอกเอ๊ย!’
ลักซ์นั้นมั่นใจในฝีมือวาดรูปของตัวเองในระดับที่ค่อนข้างมากทีเดียว เวลาได้รับคำชมจากคนในคฤหาสน์ก็มักตอบรับเหมือนไม่ใส่ใจ คล้ายกับคำชมเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร
แล้วตอนนี้อะไร? ไม่ขนาดนั้นหรอกจ้ะเนี่ยนะ? แสดง! นี่มันการแสดงชัด
ๆ !
ลักซ์หันไปยักคิ้วใส่อีกฝ่ายอย่างกวนประสาทเต็มที่ ยื่นมืออกไปบีบแก้มเขาอย่างแรงจนเป็นรอยแดง เบิร์นถึงกับเบ้ปากด้วยความเจ็บ
ชายหนุ่มยกมือขึ้นยึดแขนข้างนั้นไว้ ก่อนออกแรงกัดนิ้วหัวแม่มือของเธอไม่ยอมปล่อย
เด็กสาวเลิกคิ้วพลางกล่าว
“เป็นหมารึไง?”
เขาทำทีเป็นไม่ได้ยิน เลื่อนมากัดตรงข้อมืออีกทีก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอิสระ
ลักซ์มองรอยฟันจาง
ๆ พลางเบ้ปาก พึมพำเสียงเบา
“หมาเอ๊ย...!”
เธอก้มลงวาดร่างใบหน้าในมุมต่าง
ๆ ต่อได้อีกไม่กี่รูปก็ต้องเก็บของทั้งหมดแล้วเตรียมตัวไปเรียนวิชาแรก หล่อนมองชุดวาดภาพที่เหน็บอยู่ใต้โต๊ะแวบหนึ่งก่อนเดินตามเบิร์นออกจากห้องเรียนไป
ความคิดเห็น