คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #60 : บทที่58 ล่า [1]
บทที่58 ล่า [1]
“นี่มันคู่ที่เท่าไหร่แล้ว? สิบสองหรือสิบสาม?”
นักสืบวัยกลางคนหน้าตาดุดันพูดขึ้นเสียงเขียว มอง ‘ผลงานชิ้นล่าสุด’ ของเจ้าฆาตกรอันถูกขนานนามว่า ‘นักศิลปะ’ แล้วสบถเสียงดัง
ทั้ง
ๆ ที่ศพถูกกระทำอย่างอุกอาจและโหดเหี้ยม แต่กลับไม่สามารถสาวไปถึงตัวใครได้เลย ทั้งด้วยการจัดการกับหลักฐานของตัวฆาตกรและความเฮงซวยของเรื่องอำนาจในหมู่ตำรวจด้วยกัน
เจ้าฆาตกรน่าตายนี่...ไม่ใช่คนธรรมดาแน่
“พอจัดการกันไม่ได้ก็ขอความช่วยเหลือจากเซฟ แต่กลับกลัวพวกเราจะได้หน้าเนี่ยนะ” นักสืบท่านนั้นบ่นพึมพำ โยนถุงมือยางส่งให้คนที่เพิ่งเดินเข้าห้องมาอย่างส่ง
ๆ แล้วจุดบุหรี่ขึ้นสูบ “น่ารังเกียจฉิบหาย จิตใจเห็นแก่ตัวแบบนี้จะไปต่างอะไรจากพวกผู้ร้ายวะ?”
ภาคินมองคนอารมณ์ร้ายพร้อมสวมถุงมือไปด้วย
“คุณอนันต์คิดจะทำตามคำเตือนของพวกตำรวจจริง
ๆ เหรอครับ?”
นักสืบนามอนันต์หัวเราะเหอะ ใช้สองนิ้วขยี้บุหรี่ในส่วนที่ติดไฟอย่างไม่กลัวร้อน แล้วเก็บที่เหลือลงซองที่กระเป๋าเสื้อด้านใน ดวงหน้าฉายชัดถึงความหงุดหงิด
“พูดเหมือนเพิ่งเคยทำงานกับฉันวันแรกอย่างนั้นแหละเจ้าหนู” เขายิ้มร้ายกาจ หรี่ดวงตามองพวกตำรวจที่เดินผ่านไปอย่างเกียจคร้านไม่จริงจังอย่างรังเกียจ “ทำไมฉันต้องเชื่อฟังไอ้พวกเห็นแก่ตัวพวกนี้ด้วย”
มุมปากของเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องขยับเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากำลังลังยิ้มหรือไม่
“แบบนั้นก็ไม่เห็นต้องไปหัวเสียเลยนี่ครับ? หากเทียบกันเรื่องอำนาจและความนิยมจากประชาชนแล้ว พวกตำรวจไม่มีสิทธิแม้แต่จะทำงานในฐานะเดียวกับเราด้วยซ้ำ”
อนันต์หัวเราะร่า ตบไหล่อีกฝ่ายอย่างชอบใจ
“ปากยังคมเหมือนเดิม ฉันชอบ!”
เงาเส้นสุดท้ายถูกขีดลงบนภาพ เด็กสาววางดินสอในมือลง จ้องมองภาพวาดของตัวเองท่ามกลางแสงจากเตาผิงด้วยสายตายากคาดเดาอารมณ์
ในที่สุดรูปใบหน้าใน ‘ทุก ๆ มุม’ ก็วาดจนเสร็จเสียที
ลักซ์นำปึกกระดาษดังกล่าวเก็บกลับเข้าไปในกระเป๋าผ้า แล้วจึงหยิบเอาม้วนกระดาษยาวประมาณฝ่ามือออกมาคลี่อ่านแทน
ตัวอักษรสีดำสะท้อนแสงไฟจากเตาผิง เธออ่านมันอย่างเงียบ ๆ ก่อนจับมันม้วนดังเดิม แล้วเดินนำมันไปโยนลงในกองไฟจนมอดไหม้
ลักซ์เดินกลับมาที่ชุดโต๊ะรับแขก หยิบอาวุธชนิดต่าง ๆ เหน็บไว้ตามซองหนังบนร่างกาย ยาพิษหลายแบบถูกเก็บรวมกันไว้ที่ถุงย่ามขนาดเล็กซึ่งผูกติดกับซองหนังบนบั้นเอวข้างขวา
เมื่ออาวุธทั้งหมดถูกจัดเก็บจนหมดแล้ว เธอจึงได้หยิบเสื้อคลุมสีดำด้านตัวยาวมาสวมทับ
ก๊อก ๆ
ประตูห้องถูกเปิดออก ชายหนุ่มที่แต่งกายกลืนไปกับความมืดเดินเข้ามาอย่างแช่มช้า ใบหน้าครึ่งล่างที่ปกปิดไว้ด้วยแถบผ้าโปร่งสีดำปรากฎให้เห็นเป็นรอยยิ้มเลือนรางบนมุมปาก
“อาจารย์ซีเรียส”
นางเอ่ยทักพลางยิ้มตอบ จดจ้องดวงหน้าหล่อเหลาอันมีเสน่ห์อย่างเหลือร้ายนั่นพลางโครงศีรษะ
เธออดคิดไม่ได้จริง
ๆ ว่าหากเขาวางมือจากการเป็นนักล่า แล้วหันไปทำงานด้านขายหน้าตาอันหล่อเหลาอย่างร้ายกาจของชายหนุ่ม จะร่ำรวยขนาดไหน
เขายกมือขึ้นลูบหัวหล่อนเพื่อขัดความคิดประหลาดของอีกฝ่าย ทางนั้นยิ้มร่าอย่างซุกซน ทว่าดวงตากลับหาได้ร่าเริงเช่นเรียวปากไม่
มันอาจไม่ได้ถึงกับเย็นชา แต่ก็ไม่ได้ดูมีความสุขเท่ารอยยิ้มของเธอ
ชายหนุ่มทำราวไม่ได้สังเกตเห็นมัน ยังคงหยักยิ้มให้ลูกศิษย์เพียงคนเดียวของตนอย่างอ่อนโยน
“ชอบงานนี้หรือไม่ครับ คุณหนู?”
เด็กสาวกลอกตานึกทวนไปยังรายละเอียดงาน ก่อนพยักหน้ารับช้า ๆ ดวงตาหลุบตามองพื้น ทำให้บดบังแววในดวงตาไปมากกว่าครึ่ง
“ก็พอได้ค่ะ ข่าวลือของที่นี่น่าสนใจไม่หยอก”
งานของเธอก็แค่การทรมานคน
ๆ หนึ่งจนกว่าจะตาย แม้จะสนุกดี
แต่หมอนั่นไม่ใช่ ‘แบบที่เธอชอบ’ มันจึงไม่ได้สนุกขนาดนั้น
ข่าวลือของที่นั่นยังจะน่าสนใจกว่าเจ้าแก่อ้วนนั่นเสียอีก
มือแกร่งเลื่อนจากศีรษะลงมาที่ใบหน้าของหล่อน เขาตบมันเบา ๆ
สองทีอย่างอ่อนโยน
“ขอให้งานผ่านไปอย่างราบรื่นนะครับ คุณหนูลักซ์”
นางพยักหน้าตอบยิ้ม ๆ ก่อนเอื้อมมือไปหยิบหน้ากากสีขาวพาดรอยแดงโค้งเป็นรูปยิ้มยาวสุดขอบทั้งสองข้างขึ้นมาถือไว้
“คุณหนูไม่รู้สึกว่ายามใส่หน้ากากนั่นมันมองยากบ้างหรือครับ?”
“ก็ไม่นี่คะ” นางตอบ
ตาหลุบมองหน้ากาก ที่มีช่องสำหรับดวงตาเป็นเพียงรูเล็กกลมขนาดปลายนิ้วนิ่ง “อันที่จริง
หากข้ารู้รายละเอียดของที่นั่นมากกว่านี้
ข้าจะใช้หน้ากากที่ไม่ต้องเจาะตามาใส่แทน
จะได้มั่นใจว่าไม่มีใครเห็นใบหน้าของข้า”
ซีเรียสไม่ตอบสิ่งใด ด้วยรู้ถึงความสามารถของลูกศิษย์ดี เพียงยิ้ม
แล้วกล่าวออกมาเบา ๆ เท่านั้น
“กลับมาอย่างปลอดภัยนะครับ”
“ค่ะ อาจารย์”
นางตอบรับยิ้ม
ๆ สวมหน้ากากลงไปบนใบหน้า ทันใดนั้น
ดวงตาที่เคยส่องประกายแห่งอารมณ์ออกมาเล็กน้อยก็ให้เลือนหายไปสิ้น กลับคืนสู่ความหนาวเหน็บราวน้ำแข็งพันปี
เธอเดินมาจนถึงด้านนอกสมาคมนักล่า
รอบกายคือต้นไม้และทางลาดไล่ระดับ ใช่ สมาคมของหล่อนตั้งอยู่ท่ามกลางป่าทึบบนภูเขาอันโดดเดี่ยว
สงบเสียไม่มี
รถม้าสีดำคันหนึ่งพุ่งออกมาจากส่วนด้านหลังของสมาคม เธอกระโดดเข้าไปในประตูที่เปิดค้างไว้ โดยที่ตัวรถม้ามิได้ชะลอความเร็วลงเลยแม้แต่น้อย
ตัวรถม้าสั่นโคลงอย่างรุนแรงจากความชันและขรุขระของภูเขา ลักซ์ที่นั่งนิ่งอยู่ภายในทำราวกับไม่รู้สึก เธอนั่งมองกำแพงอย่างสงบ ดวงตาหรี่ลงกึ่งหนึ่ง ยากจะคาดเดาว่ากำลังคิดอะไรอยู่
นิ้วมือเรียวยาวภายใต้ถุงมือหนังสีดำขยับอย่างแช่มช้า บีบสลับคลายอยู่เช่นนั้น
เธอนั่งอยู่ในท่านั้นนานนับชั่วโมง เสียงเคาะก็ได้ดังมาจากที่นั่งของสารถี เด็กสาวลุกพรวด เปิดประตูรถม้าแล้วกระโดดลงไปทันที ไม่มีลังเลเลยว่าตอนนี้รถม้ากำลังวิ่งด้วยความเร็วสูง
ตุบ!
เด็กสาวม้วนร่างอย่างสวยงาม นอกจากเศษฝุ่นที่เปรอะเปื้อนก็ไม่มีอาการใดที่แสดงถึงการบาดเจ็บเลย
สูงขึ้นไปบนเนินริมทะเลสาบ คฤหาสน์หลังงามที่ส่องสว่างด้วยไฟแห่งงานรื่นเริง ช่างเด่นสะดุดตาราวสมบัติล้ำค่าก็ไม่ปาน
ดวงตาสีมรกตพลันหรี่เล็กลง เมื่อรวมเข้ากับรอยขีดแดงเป็นยิ้มที่ฉีกกว้างผิดมนุษย์ก็ยิ่งดูน่าสะพรึงกลัว
ลักซ์รุกคืบเข้าไปใกล้บริเวณคฤหาสน์อย่างเงียบงัน เสื้อผ้าสีดำที่ปกปิดผิวเนื้อทั่วทั้งร่างกายทำให้นางราวกับหายตัวได้
เข้าใกล้จนห่างจากบริเวณรั้วอันเนืองแน่นไปด้วยเวรยามเพียงสิบเมตร ไม่มีใครเอะใจถึงการมีอยู่ของเธอแม้สักคนเดียว
บริเวณนี้มีต้นไม้ขึ้นอยู่ประปราย ไม่หนาแน่นพอจะลอบสังหารแล้วหลบซ่อนต่อได้ ลักซ์จึงเริ่มกลอกตาหาวิธีจัดการเวรยามอย่างเร่งด่วน
ในจังหวะที่ดวงตากลอกจนครบรอบนั้น มันก็สว่างวาบขึ้นด้วยคิดบางอย่างออก
พลันก้อนหินที่ปลายเท้าก้อนหนึ่งก็ถูกเตะออกไป แล้วตกลงที่พงหญ้าฝั่งตรงข้ามซึ่งไกลออกไปหลายเมตรอย่างแม่นยำ พวกเวรยามถูกเสียงดังกล่าวทำเอาสะดุ้ง ต่างหันขวับไปมองโดยพร้อมเพรียง
พวกเขาเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง ทำให้บริเวณหนึ่งของกำแพงว่างโหวงไร้การป้องกันไป
ลักซ์อาศัยจังหวะนั้นพลิ้วกายดุจลม ปีนขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
เปรี๊ยะ!
กายปะทะเข้ากับเกราะเวทรูปแบบป้องกันการบุกรุกเข้าอย่างจัง บางอย่างถูกล้วงออกมาจากหลังคอ เธอโยนกระดาษแผ่นหนึ่งออกไปส่ง ๆ
เสียงคล้ายกระจกแตกดังเบา
ๆ คราหนึ่ง ไอเวทที่เคยจับกลุ่มเป็นเกราะป้องกันก็พลันแตกสลายไปหมด
ลักซ์กระโดดลงพื้นอย่างนุ่มนวล ห่างออกไปไม่ไกลคือเวรยามสองคนที่กำลังยืนคุยกันในสภาพเมามาย
เหตุการณ์ต่อจากนี้อาจจะไม่สวยงามนัก เธอจึงรู้สึกดีใจมากที่กวางน้อยเป็นพวกเด็กอนามัย เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ มิเช่นนั้นหูนางคงได้ชาไปเป็นเดือนแน่
นางรุดเข้าใกล้โดยไร้สุ้มเสียง สะกิดไหล่เรียกคนทั้งสอง เมื่อพวกเขาหันมา ก็คว้าหมับเข้าที่ลำคอ ส่งแรงบีบลงไปคราหนึ่งสั้น ๆ
ความคิดเห็น