ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    God Command พระเจ้า! ทำไมท่านไม่หาร่างใหม่ให้ข้า![Reverse Harem]

    ลำดับตอนที่ #60 : บทที่58 ล่า [1]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.29K
      101
      6 ม.ค. 64

    บทที่58 ล่า [1]

    “นี่มันคู่ที่เท่าไหร่แล้ว?  สิบสองหรือสิบสาม?”

              นักสืบวัยกลางคนหน้าตาดุดันพูดขึ้นเสียงเขียว  มอง  ผลงานชิ้นล่าสุด  ของเจ้าฆาตกรอันถูกขนานนามว่า  นักศิลปะ  แล้วสบถเสียงดัง

              ทั้ง ๆ ที่ศพถูกกระทำอย่างอุกอาจและโหดเหี้ยม  แต่กลับไม่สามารถสาวไปถึงตัวใครได้เลย  ทั้งด้วยการจัดการกับหลักฐานของตัวฆาตกรและความเฮงซวยของเรื่องอำนาจในหมู่ตำรวจด้วยกัน

              เจ้าฆาตกรน่าตายนี่...ไม่ใช่คนธรรมดาแน่

              “พอจัดการกันไม่ได้ก็ขอความช่วยเหลือจากเซฟ  แต่กลับกลัวพวกเราจะได้หน้าเนี่ยนะ”  นักสืบท่านนั้นบ่นพึมพำ  โยนถุงมือยางส่งให้คนที่เพิ่งเดินเข้าห้องมาอย่างส่ง ๆ แล้วจุดบุหรี่ขึ้นสูบ  “น่ารังเกียจฉิบหาย  จิตใจเห็นแก่ตัวแบบนี้จะไปต่างอะไรจากพวกผู้ร้ายวะ?”

              ภาคินมองคนอารมณ์ร้ายพร้อมสวมถุงมือไปด้วย

              “คุณอนันต์คิดจะทำตามคำเตือนของพวกตำรวจจริง ๆ เหรอครับ?”

              นักสืบนามอนันต์หัวเราะเหอะ  ใช้สองนิ้วขยี้บุหรี่ในส่วนที่ติดไฟอย่างไม่กลัวร้อน  แล้วเก็บที่เหลือลงซองที่กระเป๋าเสื้อด้านใน  ดวงหน้าฉายชัดถึงความหงุดหงิด

              “พูดเหมือนเพิ่งเคยทำงานกับฉันวันแรกอย่างนั้นแหละเจ้าหนู”  เขายิ้มร้ายกาจ  หรี่ดวงตามองพวกตำรวจที่เดินผ่านไปอย่างเกียจคร้านไม่จริงจังอย่างรังเกียจ  “ทำไมฉันต้องเชื่อฟังไอ้พวกเห็นแก่ตัวพวกนี้ด้วย”

              มุมปากของเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องขยับเล็กน้อย  ไม่รู้ว่ากำลังลังยิ้มหรือไม่

              “แบบนั้นก็ไม่เห็นต้องไปหัวเสียเลยนี่ครับ?  หากเทียบกันเรื่องอำนาจและความนิยมจากประชาชนแล้ว  พวกตำรวจไม่มีสิทธิแม้แต่จะทำงานในฐานะเดียวกับเราด้วยซ้ำ”

              อนันต์หัวเราะร่า  ตบไหล่อีกฝ่ายอย่างชอบใจ

              “ปากยังคมเหมือนเดิม  ฉันชอบ!

     

     

                เงาเส้นสุดท้ายถูกขีดลงบนภาพ  เด็กสาววางดินสอในมือลง  จ้องมองภาพวาดของตัวเองท่ามกลางแสงจากเตาผิงด้วยสายตายากคาดเดาอารมณ์

                ในที่สุดรูปใบหน้าใน  ทุก ๆ  มุม  ก็วาดจนเสร็จเสียที

                ลักซ์นำปึกกระดาษดังกล่าวเก็บกลับเข้าไปในกระเป๋าผ้า  แล้วจึงหยิบเอาม้วนกระดาษยาวประมาณฝ่ามือออกมาคลี่อ่านแทน

                ตัวอักษรสีดำสะท้อนแสงไฟจากเตาผิง  เธออ่านมันอย่างเงียบ ๆ  ก่อนจับมันม้วนดังเดิม  แล้วเดินนำมันไปโยนลงในกองไฟจนมอดไหม้

                ลักซ์เดินกลับมาที่ชุดโต๊ะรับแขก  หยิบอาวุธชนิดต่าง ๆ  เหน็บไว้ตามซองหนังบนร่างกาย  ยาพิษหลายแบบถูกเก็บรวมกันไว้ที่ถุงย่ามขนาดเล็กซึ่งผูกติดกับซองหนังบนบั้นเอวข้างขวา

                เมื่ออาวุธทั้งหมดถูกจัดเก็บจนหมดแล้ว  เธอจึงได้หยิบเสื้อคลุมสีดำด้านตัวยาวมาสวมทับ

                ก๊อก ๆ

                ประตูห้องถูกเปิดออก  ชายหนุ่มที่แต่งกายกลืนไปกับความมืดเดินเข้ามาอย่างแช่มช้า  ใบหน้าครึ่งล่างที่ปกปิดไว้ด้วยแถบผ้าโปร่งสีดำปรากฎให้เห็นเป็นรอยยิ้มเลือนรางบนมุมปาก

                “อาจารย์ซีเรียส”

                นางเอ่ยทักพลางยิ้มตอบ  จดจ้องดวงหน้าหล่อเหลาอันมีเสน่ห์อย่างเหลือร้ายนั่นพลางโครงศีรษะ

    เธออดคิดไม่ได้จริง ๆ ว่าหากเขาวางมือจากการเป็นนักล่า  แล้วหันไปทำงานด้านขายหน้าตาอันหล่อเหลาอย่างร้ายกาจของชายหนุ่ม  จะร่ำรวยขนาดไหน

                เขายกมือขึ้นลูบหัวหล่อนเพื่อขัดความคิดประหลาดของอีกฝ่าย  ทางนั้นยิ้มร่าอย่างซุกซน  ทว่าดวงตากลับหาได้ร่าเริงเช่นเรียวปากไม่

                มันอาจไม่ได้ถึงกับเย็นชา  แต่ก็ไม่ได้ดูมีความสุขเท่ารอยยิ้มของเธอ

                ชายหนุ่มทำราวไม่ได้สังเกตเห็นมัน  ยังคงหยักยิ้มให้ลูกศิษย์เพียงคนเดียวของตนอย่างอ่อนโยน

                “ชอบงานนี้หรือไม่ครับ  คุณหนู?”

                เด็กสาวกลอกตานึกทวนไปยังรายละเอียดงาน  ก่อนพยักหน้ารับช้า ๆ  ดวงตาหลุบตามองพื้น  ทำให้บดบังแววในดวงตาไปมากกว่าครึ่ง

                “ก็พอได้ค่ะ  ข่าวลือของที่นี่น่าสนใจไม่หยอก”

                งานของเธอก็แค่การทรมานคน ๆ  หนึ่งจนกว่าจะตาย  แม้จะสนุกดี  แต่หมอนั่นไม่ใช่  แบบที่เธอชอบ  มันจึงไม่ได้สนุกขนาดนั้น

                ข่าวลือของที่นั่นยังจะน่าสนใจกว่าเจ้าแก่อ้วนนั่นเสียอีก

                มือแกร่งเลื่อนจากศีรษะลงมาที่ใบหน้าของหล่อน  เขาตบมันเบา ๆ  สองทีอย่างอ่อนโยน

                “ขอให้งานผ่านไปอย่างราบรื่นนะครับ  คุณหนูลักซ์”

                นางพยักหน้าตอบยิ้ม ๆ  ก่อนเอื้อมมือไปหยิบหน้ากากสีขาวพาดรอยแดงโค้งเป็นรูปยิ้มยาวสุดขอบทั้งสองข้างขึ้นมาถือไว้

                “คุณหนูไม่รู้สึกว่ายามใส่หน้ากากนั่นมันมองยากบ้างหรือครับ?”

                “ก็ไม่นี่คะ”  นางตอบ  ตาหลุบมองหน้ากาก  ที่มีช่องสำหรับดวงตาเป็นเพียงรูเล็กกลมขนาดปลายนิ้วนิ่ง  “อันที่จริง  หากข้ารู้รายละเอียดของที่นั่นมากกว่านี้  ข้าจะใช้หน้ากากที่ไม่ต้องเจาะตามาใส่แทน  จะได้มั่นใจว่าไม่มีใครเห็นใบหน้าของข้า”

                ซีเรียสไม่ตอบสิ่งใด  ด้วยรู้ถึงความสามารถของลูกศิษย์ดี  เพียงยิ้ม  แล้วกล่าวออกมาเบา ๆ  เท่านั้น

                “กลับมาอย่างปลอดภัยนะครับ”

                “ค่ะ  อาจารย์”

                นางตอบรับยิ้ม ๆ  สวมหน้ากากลงไปบนใบหน้า  ทันใดนั้น  ดวงตาที่เคยส่องประกายแห่งอารมณ์ออกมาเล็กน้อยก็ให้เลือนหายไปสิ้น  กลับคืนสู่ความหนาวเหน็บราวน้ำแข็งพันปี

                เธอเดินมาจนถึงด้านนอกสมาคมนักล่า  รอบกายคือต้นไม้และทางลาดไล่ระดับ  ใช่  สมาคมของหล่อนตั้งอยู่ท่ามกลางป่าทึบบนภูเขาอันโดดเดี่ยว

                สงบเสียไม่มี

                รถม้าสีดำคันหนึ่งพุ่งออกมาจากส่วนด้านหลังของสมาคม  เธอกระโดดเข้าไปในประตูที่เปิดค้างไว้  โดยที่ตัวรถม้ามิได้ชะลอความเร็วลงเลยแม้แต่น้อย

                ตัวรถม้าสั่นโคลงอย่างรุนแรงจากความชันและขรุขระของภูเขา  ลักซ์ที่นั่งนิ่งอยู่ภายในทำราวกับไม่รู้สึก  เธอนั่งมองกำแพงอย่างสงบ  ดวงตาหรี่ลงกึ่งหนึ่ง  ยากจะคาดเดาว่ากำลังคิดอะไรอยู่

                นิ้วมือเรียวยาวภายใต้ถุงมือหนังสีดำขยับอย่างแช่มช้า  บีบสลับคลายอยู่เช่นนั้น

                เธอนั่งอยู่ในท่านั้นนานนับชั่วโมง  เสียงเคาะก็ได้ดังมาจากที่นั่งของสารถี  เด็กสาวลุกพรวด  เปิดประตูรถม้าแล้วกระโดดลงไปทันที  ไม่มีลังเลเลยว่าตอนนี้รถม้ากำลังวิ่งด้วยความเร็วสูง

                ตุบ!

                เด็กสาวม้วนร่างอย่างสวยงาม  นอกจากเศษฝุ่นที่เปรอะเปื้อนก็ไม่มีอาการใดที่แสดงถึงการบาดเจ็บเลย

                สูงขึ้นไปบนเนินริมทะเลสาบ  คฤหาสน์หลังงามที่ส่องสว่างด้วยไฟแห่งงานรื่นเริง  ช่างเด่นสะดุดตาราวสมบัติล้ำค่าก็ไม่ปาน

                ดวงตาสีมรกตพลันหรี่เล็กลง  เมื่อรวมเข้ากับรอยขีดแดงเป็นยิ้มที่ฉีกกว้างผิดมนุษย์ก็ยิ่งดูน่าสะพรึงกลัว

                ลักซ์รุกคืบเข้าไปใกล้บริเวณคฤหาสน์อย่างเงียบงัน  เสื้อผ้าสีดำที่ปกปิดผิวเนื้อทั่วทั้งร่างกายทำให้นางราวกับหายตัวได้

                เข้าใกล้จนห่างจากบริเวณรั้วอันเนืองแน่นไปด้วยเวรยามเพียงสิบเมตร  ไม่มีใครเอะใจถึงการมีอยู่ของเธอแม้สักคนเดียว

                บริเวณนี้มีต้นไม้ขึ้นอยู่ประปราย  ไม่หนาแน่นพอจะลอบสังหารแล้วหลบซ่อนต่อได้  ลักซ์จึงเริ่มกลอกตาหาวิธีจัดการเวรยามอย่างเร่งด่วน

                ในจังหวะที่ดวงตากลอกจนครบรอบนั้น  มันก็สว่างวาบขึ้นด้วยคิดบางอย่างออก

                พลันก้อนหินที่ปลายเท้าก้อนหนึ่งก็ถูกเตะออกไป  แล้วตกลงที่พงหญ้าฝั่งตรงข้ามซึ่งไกลออกไปหลายเมตรอย่างแม่นยำ  พวกเวรยามถูกเสียงดังกล่าวทำเอาสะดุ้ง  ต่างหันขวับไปมองโดยพร้อมเพรียง

                พวกเขาเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง  ทำให้บริเวณหนึ่งของกำแพงว่างโหวงไร้การป้องกันไป  ลักซ์อาศัยจังหวะนั้นพลิ้วกายดุจลม  ปีนขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

                เปรี๊ยะ!

                กายปะทะเข้ากับเกราะเวทรูปแบบป้องกันการบุกรุกเข้าอย่างจัง  บางอย่างถูกล้วงออกมาจากหลังคอ  เธอโยนกระดาษแผ่นหนึ่งออกไปส่ง ๆ

                เสียงคล้ายกระจกแตกดังเบา ๆ คราหนึ่ง  ไอเวทที่เคยจับกลุ่มเป็นเกราะป้องกันก็พลันแตกสลายไปหมด

                ลักซ์กระโดดลงพื้นอย่างนุ่มนวล  ห่างออกไปไม่ไกลคือเวรยามสองคนที่กำลังยืนคุยกันในสภาพเมามาย

                เหตุการณ์ต่อจากนี้อาจจะไม่สวยงามนัก  เธอจึงรู้สึกดีใจมากที่กวางน้อยเป็นพวกเด็กอนามัย  เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ  มิเช่นนั้นหูนางคงได้ชาไปเป็นเดือนแน่

                นางรุดเข้าใกล้โดยไร้สุ้มเสียง  สะกิดไหล่เรียกคนทั้งสอง  เมื่อพวกเขาหันมา  ก็คว้าหมับเข้าที่ลำคอ  ส่งแรงบีบลงไปคราหนึ่งสั้น ๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×