คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : บทที่13 จัตุรัส
บทที่13 จัตุรัส
“ฮัดชิ้ว!”
ณ ที่อันไกลจากคฤหาสน์ตระกูลแฟนธอมไฮฟ์ไปโข แวมไพร์หนุ่มผู้ถูกกล่าวถึงจามออกมาเสียจนเกือบทำหนังสือในอ้อมแขนหล่น เขายกมือขึ้นถูจมูก กวาดตามองซ้ายมองขวาพลางขยับแว่นตาหนาเตอะซึ่งถูกการจามเมื่อครู่ทำเอาเอียงกระเทเร่กลับเข้าที่
“ฉันเกลียดอากาศที่นี่” เขาพึมพำพร้อมกับย่นหัวคิ้ว
ตาขาวแปรเปลี่ยนเป็นสีดำไปชั่วแวบหนึ่งก่อนจะกลับมาเป็นปกติ ปลายจมูกเป็นสีแดงจาง “อยากได้หน้ากากมาใส่ชะมัด”
ว่าพลางกระชับชุดเครื่องแบบอาจารย์ให้เข้าที่
ปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นอ่อนโยนก่อนจะเปิดประตูเข้าไปยังห้องเรียนที่เขาต้องสอนในวันนี้
อาเคร่าแน่นอนว่าไม่รับรู้ถึงสถานการณ์ในอีกที่หนึ่ง บัดนี้เธอกำลัง ‘ยุ่งยากใจ’ กับปัญหาการบังคับรถม้า
เพราะคงไม่ดีหากจะขนข้ารับใช้ที่ทำงานได้ออกไปจากคฤหาสน์ทั้งหมดและทิ้งนายน้อยเอาไว้
“...ก็แค่ว่าต้องมีผู้ชายสักคนมาบังคับม้าสินะคะ?”
เธอถาม จ้องเข้าไปในดวงตาของพ่อบ้านหนุ่ม
“ครับ จะว่าอย่างนั้นก็ได้”
อาเคร่าผงกศีรษะ ตวัดนิ้วไปยังความว่างเปล่าข้างกาย กลุ่มควันสีม่วงดำทอประกายระยับหลั่งไหลออกมาจากปลายนิ้ว พวกมันม้วนตัวเป็นเกลียวสวย บิดรูปบิดร่างพลิ้วไหวไปมา สุดท้ายควันเหล่านั้นกระจายตัวหายไป
แทนที่ด้วยมนุษย์วัยกลางคนหน้าตาธรรมดาผู้หนึ่งขึ้นแทนที่
ดวงตาสีแดงของปีศาจหนุ่มเบิกกว้าง แตะมือลงไปบนแขนของสารถีผู้นั้น พบว่ามันไม่ต่างอันใดจากผิวหนังของมนุษย์จริง ๆ
เลยแม้แต่น้อย
แม้แต่ท่วงท่ากิริยายามยืนก็ยังดูเหมือนกับมีชีวิตจริง ๆ ไม่ผิดเพี้ยน
“มหัศจรรย์มาก” เขาพึมพำ
ในดวงตาที่หันไปมองทางหญิงสาวเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อและสนอกสนใจ “ไม่อยากจะเชื่อเลยนะครับ ว่าเวทมนตร์จะทำได้ถึงขั้นสร้างมนุษย์ขึ้นมาแบบนี้”
“ก็แค่ของเลียนแบบนั่นแหละค่ะ”
เธอว่า เลื่อนสายตามองไปทางสารถี เขายิ้มอย่างสุภาพก่อนโค้งให้แก่คนทั้งคู่
การเคลื่อนไหวใดล้วนเป็นธรรมชาติอย่างน่าอัศจรรย์
หล่อนเอื้อมมือไปทางเขา กรีดปลายเล็บลงบนผิวตรงหลังมือ โลหิตไหลซึม
ทว่าใบหน้าของเขากลับยังยิ้มกว้าง
“เป็นเพียงหุ่นที่สร้างด้วยภาพลวงตา
หุ่นกลวง ๆ ที่หากไม่มีผู้บังคับก็จะทำอะไรไม่ได้เลย”
“แปลว่าเขาจะทำทุกอย่างตามที่คุณสั่งสินะครับ”
“ค่ะ
ทุกอย่าง ไม่ว่าจะยิ้ม ร้องไห้หรือเจ็บปวด” เธอละมือออก
เลือดบนปลายนิ้วมีกลิ่นคาวสมจริง
แต่เพียงพริบตามันกลับสลายไป
และชายคนนั้นก็เริ่มส่งเสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดออกมาเมื่อถูกหล่อนปรายตามองวูบหนึ่ง “หากฉันไม่สั่ง เขาก็จะไม่แสดงอารมณ์ออกมา
จะให้ขยับแขนขยับขาฉันก็ต้องเชิดด้วยตัวเอง ก็เป็นเพียงพลังเวทกลุ่มเล็ก ๆ
กลุ่มหนึ่งนี่นะคะ”
ว่าถึงตรงนี้ก็ยักไหล่ คล้ายอยากจะพูดว่ามันก็แค่นั้นเอง
เขามองหล่อนสลับกับสารถีคนนั้น ในดวงตาประกายวาวด้วยความสนอกสนใจ
“คุณเนี่ยทำผมประหลาดใจได้ตลอดเลยนะครับ”
เขาว่ากลั้วหัวเราะ เดินไปเปิดประตูให้หญิงสาวเข้าไปในรถม้าเฉกเช่นคนอื่น
ๆ เธอมองเขาอย่างเฉยชาเช่นทุกที หลุบตามองมือที่ถูกยื่นมาหาครู่หนึ่ง ยื่นมือไปจับที่มือแกร่งนั้นเบา ๆ
“ก็ฉันมัน ‘สิ่งหายาก’ นี่คะ”
เธอพูดพลางปล่อยให้เขาช่วยพยุงตนขึ้นไปบนรถม้าทั้ง ๆ ที่หาใช่เรื่องจำเป็นไม่ เธอไม่ลืมที่จะหันมาผงกหัวให้เขาอย่างสุภาพ “ขอบคุณค่ะ”
“ยินดีครับ”
อาเคร่าเตรียมจะหมุนตัวกลับเข้าไปในรถม้า ไม่คาดว่ามือที่เคยถูกกุมไว้เบา ๆ
จะโดนกระชับแน่น
หล่อนเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
เซบาสเตียนยิ้มให้เธอ
บนมุมปากประดับรอยยิ้มแฝงเลศนัยอย่างปีศาจมากเล่ห์
เขาจุมพิตเบา ๆ
บนข้อนิ้วของหล่อน
กระซิบพูดเสียงต่ำราวต้องการล่อลวงหล่อนให้ยกวิญญาณให้แก่เขา
“รีบไปรีบมานะครับ”
อาเคร่ามองเขา
รับรู้ได้ถึงความพยายามอดกลั้นไม่ฝังเขี้ยวลงไปบนนิ้วเธอของเขา
“ค่ะ
ฉันจะรีบกลับมาให้ทันช่วยคุณทำมื้อค่ำแน่นอนค่ะ”
เธอไม่แม้แต่จะเปลี่ยนสีหน้า ราวว่าการจู่โจมเมื่อสักครู่ไม่ได้ส่งผลใด ๆ
ต่อเธอเลย
เพียงโค้งตัวให้เขาครั้งหนึ่งแล้วเข้าไปนั่งลงด้านในเท่านั้น
ประตูรถม้าปิดลง เสียงหวดแส้ดังขึ้น ล้อกลมหมุนไปข้างหน้า รถม้าหน้าตาไม่หรูหราเคลื่อนตัวอย่างไม่ช้าไม่เร็ว ค่อย ๆ เคลื่อนผ่านออกนอกอาณาเขตคฤหาสน์ไป
ชายหนุ่มยืนดูจนลับตาจึงค่อยหมุนตัวกลับเข้าไปในคฤหาสน์ ใช้ปลายนิ้วไล้ไปบนริมฝีปาก กลิ่นหอมเย้ายวนยังคงติดอยู่บนนั้น เย้ายวนเสียจนอดเลียริมฝีปากไม่ได้ นึกถึงรสชาติอันล้ำเลิศของเลือดเนื้อที่ได้ลิ้มรสในวันนั้นเขาก็เกือบจะคลั่งไป
เซบาสเตียนให้เวลาหลายนาทีกว่าจะดึงสติของตัวเองออกมาจากความหิวกระหายเหล่านั้นได้ เขาหัวเราะ
นึกขันที่ตัวเองซึ่งมีอายุมานานขนาดนี้ดันมาเสียการควบคุมกับแค่เพียงเพราะสิ่งน่ากินเพียงสิ่งหนึ่ง
ชายหนุ่มส่ายหน้า หยิบนาฬิกาพกขึ้นดูเวลาก่อนรีบสาวเท้าเข้าคฤหาสน์ไป
“หวังว่าจะมีอะไรน่าสนใจในเมืองนะ” โซมาพูดพลางถูมือไปมา ในดวงตาเป็นประกายด้วยความคาดหวัง
เขามองสำรวจหญิงสาวซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ทั้ง ๆ ที่เขานั้นก็คุ้นเคยกับการถูกรับใช้และเข้าใจในเรื่องของชนชั้นดี ทว่ากลับรู้สึกต่อหล่อนไม่คล้ายนายต่อข้ารับใช้ “มีสถานที่ใดหรือสิ่งใดน่าสนใจจะแนะนำพวกเราหรือไม่? เป็นอะไรที่เจ้าเห็นแล้วต้องร้องอุทานออกได้ยิ่งดี!”
อาเคร่าเอียงคอคิด ทว่าคิดจนหัวจะระเบิดก็คิดไม่ออกเสียที
หากเป็นยามเธอ ‘ปกติเหมือนคนอื่น’
ก็คงมีบ้างแหละที่จะตื่นเต้นกับอะไรสักอย่าง
ทว่า...ใน ‘ตอนนี้’ น่ะหรือ?
ยากแฮะ
เห็นเจ้าหล่อนนิ่งเงียบไม่ตอบคำอยู่นานโซมาก็เหมือนจะเพิ่งตระหนักอะไรได้
เขาจ้องมองใบหน้าหมดจดงดงามซึ่งเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง เกาหัวตัวเองแกรก ๆ
“ดูท่าคงไม่มีอะไรให้เจ้าอุทานได้เลยสินะ?”
“ก็...ค่ะ”
“นั่นสิน้า ข้าก็ไม่น่าถามเจ้าเลยให้ตายสิ”
เขาพูดกลั้วหัวเราะ
เขาดูไม่ใส่ใจแม้ว่าจะไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการก็ตามที
อัคนีมองหญิงสาว เจ้าหล่อนเองก็มองกลับมา เขาจึงยิ้มให้เธออย่างสุภาพ ทางนั้นเองก็ผงกศีรษะกลับมาเช่นกัน
ดวงตาสีม่วงสวยละผ่านไปทางหน้าต่างรถม้าที่กำลังเคลื่อนตัวไปไม่หยุดพัก
“...ดิฉันไม่อาจกล่าวได้ว่ารู้จักเมืองนี้ดีนักหรอกค่ะ อีกทั้งหากจะหาสิ่งใดที่แปลกกว่าปีศาจ ดิฉันเองก็คงจนปัญญา”
เธอกล่าวตามความจริงทุกประการ มิติแห่งนี้ไม่ได้มีเรื่องเหนือธรรมชาติสูงนัก แม้จะมีสิ่งที่เรียกว่ายมทูตหรือปีศาจแบบเซบาสเตียน ทว่าด้วยความสัตย์จริง พวกเขานั้นดู ‘ปกติ’ กว่ามนุษย์ในมิติที่เธอเกิดและตายมากมายนัก หากให้กล่าววิจารณ์โดยไม่เกรงใจ
สำหรับเธอเซบาสเตียนก็เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่ค่อนข้างจะฆ่าไม่ตายตนหนึ่งก็เท่านั้นเอง
อ้อ
แล้วก็มีหน้าตาเป็นอาวุธด้วย
ดวงตาสีอเมทิสต์เหม่อมองข้างทางซึ่งเลื่อนผ่านไปไม่หยุด
พบว่ารถม้าคันนี้กำลังเลื่อนเข้าใกล้กับจัตุรัสซึ่งค่อนข้างคึกคักด้วยร้านค้าแห่งหนึ่งพอดี ผู้คนยังไม่มากแต่ร้านเกินครึ่งเปิดแล้ว ของขายหลากหลาย น่าจะพอให้สองแขกจากต่างแดนเพลิดเพลินได้บ้าง
“ตอนนี้เราอยู่ที่จัตุรัสค่ะ ร้านค้าเยอะและหลากหลายทีเดียว เห็นว่ามีของขายจากหลายทวีป สนใจอยากลองแวะชมไหมคะ?”
สองหนุ่มมองออกไปนอกหน้าต่าง จัตุรัสแห่งนี้จะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ แต่ร้านรวงเนืองแน่นอยู่เต็มทุกที่ทั้งในอาคารและตั้งโต๊ะกลางแจ้ง
ข้าวของมากมายหลากสีสันย้อมให้ที่แห่งนี้ดึงดูดใจเป็นพิเศษ
“เอาสิ”
โซมาตอบกลับมาแทบจะทันที เขาเบื่อที่จะนั่งอุดอู้อยู่ในรถม้าเต็มทน แม้จะบอกไม่ได้ว่าที่นี่มีอะไรน่าสนใจหรือไม่ ทว่าก็คงดีกว่านั่งอยู่ในนี้ต่อเป็นไหน ๆ
ก็แหม...เขามันพวกอยู่ไม่สุขนี่นา
อาเคร่าพยักหน้ารับ โดยที่ไม่ต้องส่งสัญญาณใดแก่สารถี รถม้าพลันหยุดลงแทบจะในทันที เธอเปิดประตู
กำลังจะลงไปวางที่เหยียบให้แก่แขกทั้งสอง
แต่กลับถูกอัคนีตัดหน้าไปอย่างรวดเร็วราวกับว่าเขานั้นคอยท่าอยู่ก่อนแล้ว
เธอเปิดทางให้แก่เจ้าชายจากต่างแดนได้ลงไปก่อน โซมากระโดดลงไปอย่างคล่องแคล่วคึกคัก แล้วหันกลับมาส่งมือให้กับหญิงสาว เป็นจังหวะเดียวกับที่อัคนีก็ยื่นมือมาทางเธอในลักษณะเดียวกัน
หล่อนกะพริบตา หัวสมองทึมทื่อกำลังพยายามประมวลผล รู้ดีว่าออกจะไม่เหมาะ ทว่าก็ยังยื่นสองมือออกไปให้ทั้งคู่ช่วยพยุงตนหน้าตาเฉย ทำราวกับลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็นเพียงสาวใช้ตัวเล็ก
ๆ คนหนึ่ง
อาเคร่าถือกำเนิดในครอบครัวพ่อมดแม่มดชั้นสูง แต่เพราะอะไรหลาย ๆ อย่างทำให้เธอถูกมารดาแท้ ๆ
ไล่ออกจากตระกูลตั้งแต่เพิ่งเริ่มจำความได้
พี่ชายพี่สาวจึงออกจากตระกูลตามมาเพื่อดูแลเธอซึ่งยังเล็ก เธอมีชีวิตที่ดีมาตลอด
พี่ชายพี่สาวร่ำรวยพอจะทำให้เธอใช้ชีวิตโดยไม่ต้องทำอะไรเลยได้ยันตาย อีกทั้งยังมีคนข้างกายที่มีสถานะต่ำกว่าอยู่คนสองคน
จึงไม่แปลกหากเธอจะไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองต้อยต่ำกว่าคนอื่นตรงไหน
ก่อนตายเธอเองก็ถูกบันทึกชื่อกลับเข้าไปในตระกูลแล้ว ด้วยสถานะนั้นของเธอ
หากให้พูดโดยไม่กลัวว่าจะเป็นการเสียมารยาท การที่เจ้าชายเมืองมนุษย์อย่างโซมามาเป็นพ่อบ้านให้หล่อนยังถือว่าเมตตาเกินไปด้วยซ้ำ
อืม...แต่เธอไม่เคยคิดจะอยากได้ใครต่อใครมาเป็นพ่อบ้านหรอกนะ ก็ทำอะไรเองมันเร็วกว่าตั้งเยอะนี่นา
หญิงสาวกะพริบตาเพื่อดึงตัวเองกลับมายังปัจจุบัน
สองหนุ่มดูประหลาดใจที่เห็นว่าหล่อนเอาแต่ยืนตัวแข็งไม่ขยับ อาเคร่าผงกศีรษะเป็นเชิงขอโทษ ผายมือทำท่าจะนำทางพวกเขาเดินไปรอบ ๆ
โซมายกมือเบรกเธอทันควัน
“ไม่ต้อง พวกข้าอยากเดินดูกันเอง
เจ้าเพียงเดินตามมาไม่ก็แยกไปดูตามสะดวกเจ้าเถอะ”
เขาพูดอย่างใจกว้าง แม้จะเจอกันได้ไม่เท่าไหร่
แต่อะไรบางอย่างกลับดึงดูดโซมาให้นึกสนิทสนมกับสาวใช้ผู้นี้อย่างยิ่ง เขาไม่เคยใส่ใจที่เจ้าหล่อนเป็นเพียงสาวใช้ตัวน้อย
ๆ เจ้าหล่อนนั้นเก่งกาจ เต็มไปด้วยพลังพิเศษน่าอัศจรรย์
และดวงตางดงามที่คล้ายจะแฝงอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้ภายใต้หมอกหนาเย็นสงบ
ชายหนุ่มเห็นชัดว่าดวงตาคู่นั้นเหมือนกับลูกปัดไร้ชีวิตเพียงใด แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ยามดวงตาคู่นั้นมองมา
เขากลับคล้ายรู้สึกได้ถึงห้วงอารมณ์หนึ่งที่มีต่อเขาและอัคนี
มันคือความเห็นใจ
เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่ทุกครั้งที่สัมผัสมันได้ เขาจะขนลุกซู่
และรู้สึกราวกับว่าตนนั้นได้สูญเสียบางอย่างที่สำคัญมากไป
วันนี้นึกครึ้มอยากเขียนเรื่องนี้ พอปั่นจบตอนปุ๊บ มือถือเราสั่นปั๊บ แล้วก็ขึ้นว่ามีคนเม้นท์ให้เรื่องนี้ คืองงมาก บังเอิญเกิน 555
ความคิดเห็น