ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Black Butler | OC] The crimson roses ชะตาสีเลือด [LIAR'S FATE SERIES #2]

    ลำดับตอนที่ #14 : บทที่13 จัตุรัส

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 389
      18
      26 ก.พ. 65

    บทที่13 จัตุรัส

    “ฮัดชิ้ว!

                 ณ ที่อันไกลจากคฤหาสน์ตระกูลแฟนธอมไฮฟ์ไปโข  แวมไพร์หนุ่มผู้ถูกกล่าวถึงจามออกมาเสียจนเกือบทำหนังสือในอ้อมแขนหล่น  เขายกมือขึ้นถูจมูก  กวาดตามองซ้ายมองขวาพลางขยับแว่นตาหนาเตอะซึ่งถูกการจามเมื่อครู่ทำเอาเอียงกระเทเร่กลับเข้าที่

                “ฉันเกลียดอากาศที่นี่”  เขาพึมพำพร้อมกับย่นหัวคิ้ว  ตาขาวแปรเปลี่ยนเป็นสีดำไปชั่วแวบหนึ่งก่อนจะกลับมาเป็นปกติ  ปลายจมูกเป็นสีแดงจาง  “อยากได้หน้ากากมาใส่ชะมัด”

                ว่าพลางกระชับชุดเครื่องแบบอาจารย์ให้เข้าที่  ปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นอ่อนโยนก่อนจะเปิดประตูเข้าไปยังห้องเรียนที่เขาต้องสอนในวันนี้

                อาเคร่าแน่นอนว่าไม่รับรู้ถึงสถานการณ์ในอีกที่หนึ่ง  บัดนี้เธอกำลัง ยุ่งยากใจ กับปัญหาการบังคับรถม้า  เพราะคงไม่ดีหากจะขนข้ารับใช้ที่ทำงานได้ออกไปจากคฤหาสน์ทั้งหมดและทิ้งนายน้อยเอาไว้

                “...ก็แค่ว่าต้องมีผู้ชายสักคนมาบังคับม้าสินะคะ?”

                เธอถาม  จ้องเข้าไปในดวงตาของพ่อบ้านหนุ่ม

                “ครับ  จะว่าอย่างนั้นก็ได้”

                อาเคร่าผงกศีรษะ  ตวัดนิ้วไปยังความว่างเปล่าข้างกาย  กลุ่มควันสีม่วงดำทอประกายระยับหลั่งไหลออกมาจากปลายนิ้ว  พวกมันม้วนตัวเป็นเกลียวสวย  บิดรูปบิดร่างพลิ้วไหวไปมา  สุดท้ายควันเหล่านั้นกระจายตัวหายไป  แทนที่ด้วยมนุษย์วัยกลางคนหน้าตาธรรมดาผู้หนึ่งขึ้นแทนที่

                ดวงตาสีแดงของปีศาจหนุ่มเบิกกว้าง  แตะมือลงไปบนแขนของสารถีผู้นั้น  พบว่ามันไม่ต่างอันใดจากผิวหนังของมนุษย์จริง ๆ เลยแม้แต่น้อย  แม้แต่ท่วงท่ากิริยายามยืนก็ยังดูเหมือนกับมีชีวิตจริง ๆ ไม่ผิดเพี้ยน

                “มหัศจรรย์มาก”  เขาพึมพำ  ในดวงตาที่หันไปมองทางหญิงสาวเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อและสนอกสนใจ  “ไม่อยากจะเชื่อเลยนะครับ  ว่าเวทมนตร์จะทำได้ถึงขั้นสร้างมนุษย์ขึ้นมาแบบนี้”

                “ก็แค่ของเลียนแบบนั่นแหละค่ะ”

                เธอว่า  เลื่อนสายตามองไปทางสารถี  เขายิ้มอย่างสุภาพก่อนโค้งให้แก่คนทั้งคู่  การเคลื่อนไหวใดล้วนเป็นธรรมชาติอย่างน่าอัศจรรย์

                หล่อนเอื้อมมือไปทางเขา  กรีดปลายเล็บลงบนผิวตรงหลังมือ  โลหิตไหลซึม  ทว่าใบหน้าของเขากลับยังยิ้มกว้าง  “เป็นเพียงหุ่นที่สร้างด้วยภาพลวงตา  หุ่นกลวง ๆ ที่หากไม่มีผู้บังคับก็จะทำอะไรไม่ได้เลย”

                “แปลว่าเขาจะทำทุกอย่างตามที่คุณสั่งสินะครับ”

                “ค่ะ  ทุกอย่าง  ไม่ว่าจะยิ้ม  ร้องไห้หรือเจ็บปวด”  เธอละมือออก  เลือดบนปลายนิ้วมีกลิ่นคาวสมจริง  แต่เพียงพริบตามันกลับสลายไป  และชายคนนั้นก็เริ่มส่งเสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดออกมาเมื่อถูกหล่อนปรายตามองวูบหนึ่ง  “หากฉันไม่สั่ง  เขาก็จะไม่แสดงอารมณ์ออกมา  จะให้ขยับแขนขยับขาฉันก็ต้องเชิดด้วยตัวเอง  ก็เป็นเพียงพลังเวทกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งนี่นะคะ”

                ว่าถึงตรงนี้ก็ยักไหล่  คล้ายอยากจะพูดว่ามันก็แค่นั้นเอง

                เขามองหล่อนสลับกับสารถีคนนั้น  ในดวงตาประกายวาวด้วยความสนอกสนใจ

                “คุณเนี่ยทำผมประหลาดใจได้ตลอดเลยนะครับ”

                เขาว่ากลั้วหัวเราะ  เดินไปเปิดประตูให้หญิงสาวเข้าไปในรถม้าเฉกเช่นคนอื่น ๆ  เธอมองเขาอย่างเฉยชาเช่นทุกที  หลุบตามองมือที่ถูกยื่นมาหาครู่หนึ่ง  ยื่นมือไปจับที่มือแกร่งนั้นเบา ๆ

                “ก็ฉันมัน สิ่งหายาก นี่คะ”  เธอพูดพลางปล่อยให้เขาช่วยพยุงตนขึ้นไปบนรถม้าทั้ง ๆ ที่หาใช่เรื่องจำเป็นไม่  เธอไม่ลืมที่จะหันมาผงกหัวให้เขาอย่างสุภาพ  “ขอบคุณค่ะ”

                “ยินดีครับ”

                อาเคร่าเตรียมจะหมุนตัวกลับเข้าไปในรถม้า  ไม่คาดว่ามือที่เคยถูกกุมไว้เบา ๆ จะโดนกระชับแน่น  หล่อนเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม  เซบาสเตียนยิ้มให้เธอ  บนมุมปากประดับรอยยิ้มแฝงเลศนัยอย่างปีศาจมากเล่ห์

                เขาจุมพิตเบา ๆ บนข้อนิ้วของหล่อน  กระซิบพูดเสียงต่ำราวต้องการล่อลวงหล่อนให้ยกวิญญาณให้แก่เขา

                “รีบไปรีบมานะครับ”

                อาเคร่ามองเขา  รับรู้ได้ถึงความพยายามอดกลั้นไม่ฝังเขี้ยวลงไปบนนิ้วเธอของเขา

                “ค่ะ  ฉันจะรีบกลับมาให้ทันช่วยคุณทำมื้อค่ำแน่นอนค่ะ”

                เธอไม่แม้แต่จะเปลี่ยนสีหน้า  ราวว่าการจู่โจมเมื่อสักครู่ไม่ได้ส่งผลใด ๆ ต่อเธอเลย  เพียงโค้งตัวให้เขาครั้งหนึ่งแล้วเข้าไปนั่งลงด้านในเท่านั้น

                ประตูรถม้าปิดลง  เสียงหวดแส้ดังขึ้น  ล้อกลมหมุนไปข้างหน้า  รถม้าหน้าตาไม่หรูหราเคลื่อนตัวอย่างไม่ช้าไม่เร็ว  ค่อย ๆ เคลื่อนผ่านออกนอกอาณาเขตคฤหาสน์ไป

                ชายหนุ่มยืนดูจนลับตาจึงค่อยหมุนตัวกลับเข้าไปในคฤหาสน์  ใช้ปลายนิ้วไล้ไปบนริมฝีปาก  กลิ่นหอมเย้ายวนยังคงติดอยู่บนนั้น  เย้ายวนเสียจนอดเลียริมฝีปากไม่ได้  นึกถึงรสชาติอันล้ำเลิศของเลือดเนื้อที่ได้ลิ้มรสในวันนั้นเขาก็เกือบจะคลั่งไป

                เซบาสเตียนให้เวลาหลายนาทีกว่าจะดึงสติของตัวเองออกมาจากความหิวกระหายเหล่านั้นได้  เขาหัวเราะ  นึกขันที่ตัวเองซึ่งมีอายุมานานขนาดนี้ดันมาเสียการควบคุมกับแค่เพียงเพราะสิ่งน่ากินเพียงสิ่งหนึ่ง

                ชายหนุ่มส่ายหน้า  หยิบนาฬิกาพกขึ้นดูเวลาก่อนรีบสาวเท้าเข้าคฤหาสน์ไป

     

     

                “หวังว่าจะมีอะไรน่าสนใจในเมืองนะ”  โซมาพูดพลางถูมือไปมา  ในดวงตาเป็นประกายด้วยความคาดหวัง  เขามองสำรวจหญิงสาวซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม  ทั้ง ๆ ที่เขานั้นก็คุ้นเคยกับการถูกรับใช้และเข้าใจในเรื่องของชนชั้นดี  ทว่ากลับรู้สึกต่อหล่อนไม่คล้ายนายต่อข้ารับใช้  “มีสถานที่ใดหรือสิ่งใดน่าสนใจจะแนะนำพวกเราหรือไม่?  เป็นอะไรที่เจ้าเห็นแล้วต้องร้องอุทานออกได้ยิ่งดี!

                อาเคร่าเอียงคอคิด  ทว่าคิดจนหัวจะระเบิดก็คิดไม่ออกเสียที

                หากเป็นยามเธอ ปกติเหมือนคนอื่น ก็คงมีบ้างแหละที่จะตื่นเต้นกับอะไรสักอย่าง  ทว่า...ใน ตอนนี้ น่ะหรือ?

                ยากแฮะ

                เห็นเจ้าหล่อนนิ่งเงียบไม่ตอบคำอยู่นานโซมาก็เหมือนจะเพิ่งตระหนักอะไรได้  เขาจ้องมองใบหน้าหมดจดงดงามซึ่งเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง  เกาหัวตัวเองแกรก ๆ

                “ดูท่าคงไม่มีอะไรให้เจ้าอุทานได้เลยสินะ?”

                “ก็...ค่ะ”

                “นั่นสิน้า  ข้าก็ไม่น่าถามเจ้าเลยให้ตายสิ”

                เขาพูดกลั้วหัวเราะ  เขาดูไม่ใส่ใจแม้ว่าจะไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการก็ตามที

                อัคนีมองหญิงสาว  เจ้าหล่อนเองก็มองกลับมา  เขาจึงยิ้มให้เธออย่างสุภาพ  ทางนั้นเองก็ผงกศีรษะกลับมาเช่นกัน  ดวงตาสีม่วงสวยละผ่านไปทางหน้าต่างรถม้าที่กำลังเคลื่อนตัวไปไม่หยุดพัก

                “...ดิฉันไม่อาจกล่าวได้ว่ารู้จักเมืองนี้ดีนักหรอกค่ะ  อีกทั้งหากจะหาสิ่งใดที่แปลกกว่าปีศาจ  ดิฉันเองก็คงจนปัญญา”

                เธอกล่าวตามความจริงทุกประการ  มิติแห่งนี้ไม่ได้มีเรื่องเหนือธรรมชาติสูงนัก  แม้จะมีสิ่งที่เรียกว่ายมทูตหรือปีศาจแบบเซบาสเตียน  ทว่าด้วยความสัตย์จริง  พวกเขานั้นดู ปกติ กว่ามนุษย์ในมิติที่เธอเกิดและตายมากมายนัก  หากให้กล่าววิจารณ์โดยไม่เกรงใจ  สำหรับเธอเซบาสเตียนก็เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่ค่อนข้างจะฆ่าไม่ตายตนหนึ่งก็เท่านั้นเอง

                อ้อ  แล้วก็มีหน้าตาเป็นอาวุธด้วย

                ดวงตาสีอเมทิสต์เหม่อมองข้างทางซึ่งเลื่อนผ่านไปไม่หยุด  พบว่ารถม้าคันนี้กำลังเลื่อนเข้าใกล้กับจัตุรัสซึ่งค่อนข้างคึกคักด้วยร้านค้าแห่งหนึ่งพอดี  ผู้คนยังไม่มากแต่ร้านเกินครึ่งเปิดแล้ว  ของขายหลากหลาย  น่าจะพอให้สองแขกจากต่างแดนเพลิดเพลินได้บ้าง

                “ตอนนี้เราอยู่ที่จัตุรัสค่ะ  ร้านค้าเยอะและหลากหลายทีเดียว  เห็นว่ามีของขายจากหลายทวีป  สนใจอยากลองแวะชมไหมคะ?”

                สองหนุ่มมองออกไปนอกหน้าต่าง  จัตุรัสแห่งนี้จะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่  แต่ร้านรวงเนืองแน่นอยู่เต็มทุกที่ทั้งในอาคารและตั้งโต๊ะกลางแจ้ง  ข้าวของมากมายหลากสีสันย้อมให้ที่แห่งนี้ดึงดูดใจเป็นพิเศษ

                “เอาสิ”

                โซมาตอบกลับมาแทบจะทันที  เขาเบื่อที่จะนั่งอุดอู้อยู่ในรถม้าเต็มทน  แม้จะบอกไม่ได้ว่าที่นี่มีอะไรน่าสนใจหรือไม่  ทว่าก็คงดีกว่านั่งอยู่ในนี้ต่อเป็นไหน ๆ

                ก็แหม...เขามันพวกอยู่ไม่สุขนี่นา

                อาเคร่าพยักหน้ารับ  โดยที่ไม่ต้องส่งสัญญาณใดแก่สารถี  รถม้าพลันหยุดลงแทบจะในทันที  เธอเปิดประตู  กำลังจะลงไปวางที่เหยียบให้แก่แขกทั้งสอง  แต่กลับถูกอัคนีตัดหน้าไปอย่างรวดเร็วราวกับว่าเขานั้นคอยท่าอยู่ก่อนแล้ว

                เธอเปิดทางให้แก่เจ้าชายจากต่างแดนได้ลงไปก่อน  โซมากระโดดลงไปอย่างคล่องแคล่วคึกคัก  แล้วหันกลับมาส่งมือให้กับหญิงสาว  เป็นจังหวะเดียวกับที่อัคนีก็ยื่นมือมาทางเธอในลักษณะเดียวกัน

                หล่อนกะพริบตา  หัวสมองทึมทื่อกำลังพยายามประมวลผล  รู้ดีว่าออกจะไม่เหมาะ  ทว่าก็ยังยื่นสองมือออกไปให้ทั้งคู่ช่วยพยุงตนหน้าตาเฉย  ทำราวกับลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็นเพียงสาวใช้ตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง

                อาเคร่าถือกำเนิดในครอบครัวพ่อมดแม่มดชั้นสูง  แต่เพราะอะไรหลาย ๆ อย่างทำให้เธอถูกมารดาแท้ ๆ ไล่ออกจากตระกูลตั้งแต่เพิ่งเริ่มจำความได้  พี่ชายพี่สาวจึงออกจากตระกูลตามมาเพื่อดูแลเธอซึ่งยังเล็ก  เธอมีชีวิตที่ดีมาตลอด  พี่ชายพี่สาวร่ำรวยพอจะทำให้เธอใช้ชีวิตโดยไม่ต้องทำอะไรเลยได้ยันตาย  อีกทั้งยังมีคนข้างกายที่มีสถานะต่ำกว่าอยู่คนสองคน  จึงไม่แปลกหากเธอจะไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองต้อยต่ำกว่าคนอื่นตรงไหน

                ก่อนตายเธอเองก็ถูกบันทึกชื่อกลับเข้าไปในตระกูลแล้ว  ด้วยสถานะนั้นของเธอ  หากให้พูดโดยไม่กลัวว่าจะเป็นการเสียมารยาท  การที่เจ้าชายเมืองมนุษย์อย่างโซมามาเป็นพ่อบ้านให้หล่อนยังถือว่าเมตตาเกินไปด้วยซ้ำ

                อืม...แต่เธอไม่เคยคิดจะอยากได้ใครต่อใครมาเป็นพ่อบ้านหรอกนะ  ก็ทำอะไรเองมันเร็วกว่าตั้งเยอะนี่นา

                หญิงสาวกะพริบตาเพื่อดึงตัวเองกลับมายังปัจจุบัน  สองหนุ่มดูประหลาดใจที่เห็นว่าหล่อนเอาแต่ยืนตัวแข็งไม่ขยับ  อาเคร่าผงกศีรษะเป็นเชิงขอโทษ  ผายมือทำท่าจะนำทางพวกเขาเดินไปรอบ ๆ

                โซมายกมือเบรกเธอทันควัน

                “ไม่ต้อง  พวกข้าอยากเดินดูกันเอง  เจ้าเพียงเดินตามมาไม่ก็แยกไปดูตามสะดวกเจ้าเถอะ”

                เขาพูดอย่างใจกว้าง  แม้จะเจอกันได้ไม่เท่าไหร่  แต่อะไรบางอย่างกลับดึงดูดโซมาให้นึกสนิทสนมกับสาวใช้ผู้นี้อย่างยิ่ง  เขาไม่เคยใส่ใจที่เจ้าหล่อนเป็นเพียงสาวใช้ตัวน้อย ๆ  เจ้าหล่อนนั้นเก่งกาจ  เต็มไปด้วยพลังพิเศษน่าอัศจรรย์  และดวงตางดงามที่คล้ายจะแฝงอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้ภายใต้หมอกหนาเย็นสงบ

                ชายหนุ่มเห็นชัดว่าดวงตาคู่นั้นเหมือนกับลูกปัดไร้ชีวิตเพียงใด  แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด  ยามดวงตาคู่นั้นมองมา  เขากลับคล้ายรู้สึกได้ถึงห้วงอารมณ์หนึ่งที่มีต่อเขาและอัคนี

                มันคือความเห็นใจ

                เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด  แต่ทุกครั้งที่สัมผัสมันได้  เขาจะขนลุกซู่  และรู้สึกราวกับว่าตนนั้นได้สูญเสียบางอย่างที่สำคัญมากไป





              วันนี้นึกครึ้มอยากเขียนเรื่องนี้ พอปั่นจบตอนปุ๊บ มือถือเราสั่นปั๊บ แล้วก็ขึ้นว่ามีคนเม้นท์ให้เรื่องนี้ คืองงมาก บังเอิญเกิน 555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×