ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Black Butler | OC] The crimson roses ชะตาสีเลือด [LIAR'S FATE SERIES #2]

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่4 เหมือนกัน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.44K
      76
      30 เม.ย. 64

    บทที่4 เหมือนกัน

                หญิงสาวกระโดดถอยหลัง  มือข้างหนึ่งดีดนิ้วส่งคลื่นบางอย่างให้แผ่ขยายปกคลุมโดยรอบ  ทำให้กรงเล็บที่ฟาดมาพลาดเป้าไป  เธอยกขาถีบเข้าที่กลางท้องของมัน  ทว่าขาทั้งข้างกลับทะลุท้องมันไปเสียเฉย ๆ  แล้วร่างของมันก็สลายเป็นควันพุ่งผ่านร่างเธอไปแล้วก่อตัวขึ้นอีกคราที่ด้านหลัง  สองแขนยื่นมาล็อคคอของหล่อนไว้

                กร๊อบ!

                เสียงกระดูกคอที่หักดังสนั่นไปทั้งโถงทางอันเงียบสงัด   ร่างของหญิงสาวกระตุกไปครู่หนึ่งก่อนจะยกมือขึ้นจับศีรษะดำทะมึนของมันไว้  เพลิงสีดำพลันลุกไหม้

                เสียงกรีดร้องแหลมดังสนั่นก่อนที่มันจะผละออกไปไกล  อาเคร่าจึงใช้โอกาสนี้จับคอที่พับไปด้านหลังให้กลับเข้าที่  สองแขนแปรเปลี่ยนเป็นใบเคียวดังแขนตั๊กแตน

                บนใบหน้าสีดำปรากฏช่องว่างโค้งสูงเป็นรอยยิ้มราวกับกำลังเยาะเย้ย  มันมองมาทางหญิงสาวในชุดสาวใช้ราวเห็นเป็นเพียงอาหารจานหนึ่ง

                “น่ากิน...อร่อย”

                คำพูดที่ทั้งขาดห้วงและไม่ชัดเจนดังกระท่อนกระแท่นจากช่องว่างบนใบหน้านั้น  อาเคร่ามองมันด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง  ราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดเมื่อครู่

                เงาดำกระโจนเข้าใส่ราวกับสัตว์ร้าย  หญิงสาวโยกหลบพร้อมทั้งฟันมือเคียวใส่ร่างของมันโดยไม่ลังเล  มันเองเมื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายก็ดีดร่างถอยร่นไปทันใด  จนเมื่อได้โอกาสแล้วจึงพุ่งเข้าใส่อีกครา  ก่อนจะถูกหญิงสาววาดขาเตะจนกระเด็น

                พลั่ก!

                ร่างของมันลอยไปหลายเมตรตามแรงถีบอันมหาศาล  แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เจ็บไม่ปวดเลยสักนิดเดียว  อีกทั้งเมื่อลุกขึ้นมาก็ยังส่งเสียงหัวเราะน่าเกลียดคล้ายล้อเลียนเธออีกด้วย  เงาร่างดำทะมึนขยับไหวราวกลุ่มพลันที่ล่องลอยไร้ตัวตน

                อาเคร่าเพียงมองอย่างไม่ใส่ใจ  สองขาเปลี่ยนรูปร่างไปดังขาของจิงโจ้  กระโดดใส่เงาดำเบื้องหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมฟาดเคียวใส่อย่างรุนแรง

                เคร้ง!

                เสียงใบเคียวที่กระทบเข้ากับกลุ่มควันดำที่จับตัวเป็นดังโล่พลันสนั่นหวั่นไหวชวนบาดหู  แต่น่าแเปลกที่กลับไม่มีใครสักคนในคฤหาสน์ที่ดูท่าจะโผล่มาที่นี่

                ตูม!

                ควันดำที่ก่อตัวเป็นโล่พลันระเบิดออก  ส่งให้ร่างของหญิงสาวกระเด็นออกไปหลายเมตร  ดีที่เธอพลิกตัวกลางอากาศได้อย่างทันท่วงที  ฝีเท้ายามลงจึงเบาดุจขนนก

                สองฝ่ายหยุดดูเชิงกันครู่หนึ่งก็พุ่งเข้าใส่กันอีกครา  หญิงสาวเงื้อมือเคียวขึ้นสูง  เงาดำเห็นดังนั้นก็รีบกางม่านกันด้านบน  ไม่คาดว่าจังหวะนั้นช่วงท้องมันจะรู้สึกเจ็บแปลบ  ร่างกายกระเด็นอย่างรุนแรงไปนับสิบเมตร  ทิ้งรอยร้าวไว้เป็นทางยาว

                อาเคร่าที่เพิ่งใช้ขาจิงโจ้ทั้งสองข้างถีบเข้าที่ท้องของมันสะบัดมือไปมา  จากรูปร่างดั่งแขนตั๊กแตนก็ได้เปลี่ยนกลายเป็นมือของคนดังเช่นปกติ

                เงาดำไม่คาดคิดว่ามันจะถูกถีบอย่างแรงเช่นนี้ถึงกับตัวสั่นด้วยความทรมาน  เมื่อลุกขึ้นมายืนได้อย่างมั่นคงสีหน้าก็พลันกลายเป็นเกรี้ยวกราดน่าขนลุก

                “อ้าว  โกรธแล้วเหรอ?”

                เธอร้องถามเสียงเรียบ  ดวงตานิ่งเฉยดุจลูกแก้ว

                เปลวไฟสีดำก่อตัวขึ้นและพุ่งเข้าเผาร่างของเงาดำอย่างรวดเร็ว  ทว่ามันกลับไม่สามารถทำอันใดมันได้  คิ้วเรียวงามจึงเลิกคิ้วน้อย ๆ อย่างประหลาดใจ

                “วิญญาณที่เคยลงนรกแต่ไม่แพ้ไฟนรก?”  เธอไหวไหล่  “ยุ่งยากขึ้นอีกอย่างแล้ว”

                สะบัดมือเบา ๆ  ข้อนิ้วพลันงอกยาว  ฝ่ามือใหญ่ขึ้นหลายเท่า  เพียงคู่เดียวก็กลายสภาพเป็นมือของอสูรร้ายขนาดมหึมาไปแล้ว

                สองฝ่ายต่างพุ่งเข้าใส่กันอีกครั้งด้วยความเร็วประดุจเงาวาบผ่าน  หากกล่าวกันตามตรงแล้วนั้น  อาเคร่านับว่าทั้งด้านชั้นเชิง  ความสามารถและการตัดสินใจนั้นดีกว่าเงาดำนั่นมากนัก  ทว่ามันก็ใช่ว่าจะอ่อนด้อย  ไม่เพียงแต่จะอึดจนน่าโมโห  แต่เจ้าสิ่งนี้ยังสามารถสร้างโล่และสลายร่างตัวเองได้ทุกเมื่อ  การจะจัดการให้เรียบร้อยจึงไม่นับว่าง่ายเลยเมื่อเทียบกับพวกก่อน ๆ ที่เธอเคยจัดการ

                คิดได้เช่นนั้นดวงตาก็พลันหลุบต่ำ  ในใจครุ่นคิดกับตัวเองในขณะที่เท้ากับมือก็ทำงานไปด้วย

                “สมแล้วที่เป็นงานใหญ่  แม้แต่เสี้ยวเล็ก ๆ ก็ยังเหนือกว่าพวกอสูรปีศาจโดยทั่วไปมาก”  เสียงราบเรียบพึมพำคล้ายไม่ยีหระ  ในดวงตาไร้อารมณ์พลันมีวูบหนึ่งที่เป็นประกายดุจนักล่า  “หากไม่เอาจริงสักหน่อยคงจับแกไม่ได้เป็นแน่  ใช่มั้ย?”

                จบคำ  ร่างของเธอพลันคล้ายมีบางอย่างระเบิดออกมาจนกรีดผ่านชั้นบรรยากาศให้สั่นระรัว  บานกระจกสั่นและส่งเสียงกรีดร้องราวกับว่าจะพังทลายได้ทุกเมื่อ  รอบกายหญิงสาวบังเกิดสายลมหมุนวนเบา ๆ  ส่งผลให้ชายชุดและเรือนผมปลิวไสวน้อย ๆ

                แม้จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง  แต่มันกลับมีท่าทีหวาดกลัวจนสังเกตุได้

                เงาดำพลันผงะถอยหลังทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงอันตราย ทำทีจะสลายร่างเป็นควันหนีไป  ทว่าแน่นอนว่าอาเคร่าไม่มีทางปล่อยเหยื่อที่เข้ามาถึงปากแล้วให้หลุดรอดจากไป

                เหนือฝ่ามือเรียวงามคือกลุ่มพลังสีดำประกายม่วงที่ค่อย ๆ ก่อตัวรวมกันเป็นกลุ่มก้อน  อาเคร่าลอบส่งเสียงถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา  ตวัดนิ้วเบา ๆ บอลเวทขนาดเท่าฝ่ามือก็พุ่งไปทางเงาดำอย่างรวดเร็วราวหมาล่าเนื้อพุ่งเข้าขย้ำเหยื่อ

                อาเคร่าตั้งแต่ตายก็ใช้เวทมนตร์น้อยครั้งลงมาก  ยิ่งพบว่าพลังในการเปลี่ยนแปลงร่างกายนั้นตนเองใช้ได้เข้ามือมากก็ยิ่งใช้เวทน้อยลงจนเอามาใช้แต่เพียงเรื่องจิปาถะ  ด้วยรู้สึกว่าในแต่ละโลกนั้นผู้คนค่อนข้างอ่อนแอเกินไป  พลังเวทของเธออาจทำให้อะไรต่อมิอะไรพังเสียหายเกินความจำเป็นได้

                ดวงตาดุจอัญมณีมองดูพลังเวทที่เพียงครู่เดียวก็พุ่งถึงมวลควันสีดำ  ลูกบอกขนาดเท่ากำปั้นเมื่อเข้าถึงตัวเหยื่อก็แผ่ขยายใหญ่ยักษ์ดั่งอ้าปากงับ  เพียงชั่วหริบตาก็กลืนกินเงาดำทั้งหมดสิ้น

                บอลเวทยักษ์สั่นไหวพร้อมกับเสียงโหยหวนอย่างทรมานที่ดังลอดออกมา  อาเคร่าก้าวเท้าฉับเข้าไปมา  สะบัดมือคว้ากรงนกมาจากอากาศอันว่างเปล่า  ยื่นมันไปทางบอลเวท  ปะตูกรงพลันเปิดออก  พลังเวทสีม่วงดำเห็นดังนั้นก็สลายตัว  ควันดำที่ถูกปล่อยออกมาจึงถูกดูดเข้าไปในกรง  กลับกลายเป็นเพียงนกน้อยที่ล้อมรอบด้วยเปลวไฟสีดำสนิทตัวหนึ่ง

                หญิงสาวดีดนิ้วอีกครา  คลื่นพลังที่เคยปกคลุมทั้งโถงทางเดินพลันส่งเสียงแตกเบา ๆ ดุจแก้ว  ละอองแสงที่อ่อนจางจนแทบมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นเกิดขึ้นในอากาศชั่วแวบหนึ่งก่อนหายไป

                เธอพลิกมองนกในกรงอย่างพิจารณา  ก่อนจะพยักหน้าอย่างพอใจอยู่เล็กน้อย

                ไฟนรกสีดำนับว่าเป็นพลังที่ไว้ใช้จัดการกับวิญญาณได้ดีที่สุด  แต่นั่นก็ต่อเมื่อผู้ที่ถูกไฟนรกแผดเผาไม่ได้มีความเข้ากันได้หรือถูกยอมรับก็เท่านั้น

                เจ้านกน้อยตัวนี้เป็นเหมือนเธอ  มันไม่ได้เป็น บุคลากร ในนรกก็จริง  แต่มันกลับมีความเข้ากันได้กับไฟนรก  ทำให้เปลวไฟที่แสนจะร้ายกาจไม่มีผลอันใดกับมันแม้แต่นิดเดียว

                เธอจิ้มนิ้วจนกรงสั่นไหว  ดวงตาสีแดงคู่นั้นจ้องเธอเขม็ง  หญิงสาวเองก็มองตอบอย่างเฉยชา  ปากพึมพำอย่างชื่นชมอยู่เล็ก ๆ

                “แม้จะเป็นเสี้ยวเล็ก ๆ ก็ยังมีความสามารถขนาดนี้  ไม่รู้ว่าหากแกรวมกลายเป็นหนึ่งเดียวแล้วจะร้ายกาจเพียงใด”

                นกในกรงได้ยินเช่นนั้นศีรษะก็สั่นไปมา  ก่อนที่ปากเล็ก ๆ ของมันจะขยับขึ้นลง

                “เจ้า...ไม่เหมือนกับพวกมัน”

                อาเคร่าฟังเสียงแหบพร่าขาดห้วงของมันอย่างออกจะประหลาดใจอยู่ไม่น้อย  เธออาจเพิ่งทำงานในนรกได้เพียงปีกว่า  แต่ก็เคยจัดการวิญญาณมาแล้วนับพันนับหมื่นดวง  ทว่านี่กลับเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นว่านกในกรงนี่สามารถสนทนาตอบโต้เธอได้

                ดวงตาสีแดงของมันเป็นประกายแวววาว  ก่อนที่ปีกจะยกขึ้นตีกระพืออย่างบ้าคลั่ง

                “แกเหมือนกับข้า!  แข็งแกร่งเช่นข้า!

                เธอจับกรงนกที่สั่นอย่างรุนแรวไว้มั่น  ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย

                “แล้วยังไงไม่ทราบ?”

                มันจ้องมองเธอ  ทว่ากลับไม่ยอมตอบ  เอาแต่กระพือปีกดังพึ่บพั่บไม่หยุด

                อาเคร่าเห็นเช่นนั้นก็ไม่คิดจะคาดคั้น  เพียงโยนกรงนกเข้าในช่องว่างสีดำอย่างไม่ใส่ใจ  สองเท้าก้าวฉับมุ่งไปทางประตูคฤหาสน์

                เพียงชั่วพริบตาร่างขาวซีดภายใต้ชุดสาวใช้สีดำก็ก้าวหายออกนอกคฤหาสน์ไปแล้ว

                เซบาสเตียนมองลงมาจากหน้าต่างทางเดินชั้นบน  เขาอาจไม่ได้ยินเสียงการต่อสู้เมื่อสักครู่แต่ที่อีกฝ่ายก้าวเดินอย่างรีบร้อนออกจากคฤหาสน์นั้นล้วนอยู่ในสายตาเขาตลอด  จึงหมุนตัวเดินไปทางห้องทำงานของชิเอล แฟนธอมไฮฟ์แล้วรายงานสิ่งที่เห็นไปตามตรง

                “อาเคร่าออกจากคฤหาสน์ไปอีกแล้วขอรับ”

                มือที่กำลังจับปากกาอยู่พลันชะงัก  ชิเอลเงยใบหน้าขึ้นจากเอกสารแวบหนึ่งก่อนจะกล่าว

                “มีอะไรน่าสงสัยรึเปล่า?”

                “นอกจากท่าทีที่เหมือนว่าจะรีบร้อนอยู่สักหน่อยก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรผิดปกตินะขอรับ”

                ดวงตาค่อนไปทางกลมโตหรี่ลงเล็กน้อย  โบกมือเบา ๆ

                “คอยจับตาดูอยู่ห่าง ๆ  หากหล่อนไม่ได้ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อเราก็ปล่อยเธอทำตามใจไปก่อน”

                ชายหนุ่มได้ยินคำสั่งแล้วก็โค้งตัวอย่างช้า ๆ  รับคำด้วยรอยยิ้ม

                Yes, My lord

     

     

                หลังจากใช้เวทมนตร์แจ้งเรื่องให้ชายหนุ่มทั้งสองคนทราบ  ทั้งเธอ  อัลและแดริลก็ต่างมารวมตัวกันอยู่ที่บาร์ต่างมิติกันอย่างพร้อมหน้า

                อาเคร่าหยิบเอากรงนกออกมาจากช่องว่าง  วางลงบนเคาท์เตอร์บาร์ต่อหน้าชายหนุ่มทั้งสอง

                อัลเห็นนกสีดำในกรงดวงตาก็ให้เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย  แม้แต่แดริลที่นับว่ามีอายุยืนยาวที่สุดในกลุ่มยังอดจะตกใจไม่ได้

                “ไม่คิดว่าได้รับเข็มกลัดไม่นานก็จะล่อมันออกมาได้แล้ว”

                แดริลพึมพำอย่างติดจะเหลือเชื่อ

                “อย่างที่คิด  เธอมันเหยื่อล่อชั้นดีสุด ๆ เลย”  อัลกล่าวต่อ  ละสายตาจากนกในกรงแล้วมากวาดมองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า  “ไม่เลว ๆ”

                อาเคร่าได้ยินแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย  เพียงไหวไหล่เบา ๆ เหมือนไม่เห็นคำพูดติดจะเหน็บแนมของแวมไพร์หนุ่มอยู่ในสายตา

                แดริลเมื่อหายตะลึงก็หันไปยิ้มให้กับหญิงสาวที่ยังคงมีสีหน้าตายด้านตามประสาคนไร้ความรู้สึก  ในดวงตาเจือประกายชื่นชมอยู่ลาง ๆ

                “ทำได้ดีมาก”  เขามองไปทางนกที่ยืนอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ในกรง  ทอดถอนใจอย่างไร้เสียง  “การมี บุคลากรพิเศษแบบเธอเอาไว้สักคนสองนับว่าเป็นเรื่องที่สมควรอย่างยิ่งจริง ๆ  ไม่เช่นนั้นเจ้านี่ต่อให้ส่งเจ้าพนักงานระดับสูงของนรกมาก็ใช่ว่าจะจัดการได้ง่าย ๆ”

                อาเคร่าเพียงโคลงศีรษะเบา ๆ  ตายังคงเอาแต่จ้องมองไปทางนกดำในกรง  มือข้างหนึ่งลูบไล้เข็มกลัดบนอกเสื้อด้วยท่าทีครุ่นคิด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×