ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ความลับในหุบเขาหมอก

    ลำดับตอนที่ #5 : ++ เสียงเพลงในสายลม++ สัญญา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 994
      1
      18 มิ.ย. 50

    4

    สัญญา

    ริมหน้าผาสูงชันที่ทอดตระหง่านเป็นกำแพงกั้นทะเลสาบกับเทือกตะวันออกของหุบเขาหมอก บุรุษร่างสูงเพรียวอายุราวยี่สิบกลางๆ ยืนอยู่ชิดขอบผาโดยไม่กลัวตก เส้นผมสีดำสนิทปลิวน้อยๆ ตามแรงลม ดวงตาสีฟ้าทอดมองออกไปไกล ริมฝีปากสีสดบนผิวขาวจัดเหยียดออกน้อยๆ ก่อนเอ่ย

    "ทำไมถึงปล่อยให้ไป"

    "ชะตากรรมของหล่อนรออยู่ที่นั่น"

    คนตอบทรุดนั่งลงบนโขดหิน มือขาวลูบไล้ต้นมอสสีสดเล่น แสงแดดทอลอดผ่านใบไม้หลากสีสันสะท้อนเส้นผมสีทองยาวระต้นคอจนเป็นประกายเงางาม ดวงตาสีเขียวอ่อนราวกับใบไม้ผลิเจือไปด้วยความรื่นรมย์ ใบหน้าอ่อนเยาว์เปล่งรัศมีแห่งความสุข ราวกับผู้ที่ไม่เคยพบเรื่องทุกข์ร้อนใจใดๆ ในชีวิต

    บุรุษหนุ่มผมสีทองเอนกายลงนอนบนผืนมอสนุ่ม เหม่อมองไปยังท้องนภาสีฟ้าสดตามฤดูกาล คนที่ยืนอยู่ริมผาก็ยังยืนอยู่ตรงนั้น เสื้อผ้าและเส้นผมสีดำสนิททำให้เขาดูราวกับรูปปั้น

    "คิดว่าจะแก้ไขอะไรได้งั้นหรือ"

    "ข้าห้ามไม่ได้หรอก...และจะไม่ห้ามด้วย ข้าเป็นเพียงเพื่อนของนาง"

    "หึ...เพื่อน" คนผมดำแค่นหัวเราะในลำคอ

    "เลเซธ...นี่ก็สิบกว่าปีมาแล้ว เจ้ายังไม่ปล่อยวางอีกหรือ"

    "สิบปีมันก็แค่ชั่วพริบตา" ชายหนุ่มตอบเสียงกระด้างคล้ายตวาด ดวงตาสีฟ้าส่องประกายดุจเพลิงลุกไหม้ "เอย์ระ ข้ายอมรอเพราะเห็นแก่เจ้า ถ้าซานากีกลับมาเมื่อไหร่ ข้าจะฆ่านาง"

    "กลับบ้านไปก่อนดีไหม ป่านนี้ลูกท่านหิวนมแล้วกระมัง"

    สิ้นคำของบุรุษนามเอย์ระ ต้นมอสบริเวณที่ชายหนุ่มนอนอยู่ก็ระเบิดกระจุยไหม้เกรียม แต่คนกลับหายไป

    "ขอโทษ ข้าลืมไปว่าลูกเจ้าสิบกว่าขวบแล้ว"

    สุนัขป่าตัวใหญ่ยักษ์กระโดดลงมากลางรอยไหม้ โดยมีคนที่เคยนอนอยู่ตรงนี้นั่งอยู่บนหลัง

    "เพราะนิสัยแบบนี้น่ะสิ ท่านถึงได้เป็นปีศาจ ส่วนข้าเป็นเทพ"

    "เอย์ระ…!"

    เลเซธคำรามในลำคอ ในมือเกิดประกายไฟมารวมกันเกิดเสียงปะทุแหลมลั่นแก้วหู

    "คนที่จะยอมคบท่านก็เหลือแต่ข้าคนเดียวแหละ ไปกันเถอะ ซีฟ"

    ไม่รอให้คนผมดำตอบคำ สุนัขป่าขนสีขาวราวหิมะก็กระโดดข้ามศีรษะบุรุษนามเลเซธลงไปจากหน้าผาสูงราวติดปีก

    ดวงตาสีฟ้าที่ส่งประกายกล้าค่อยๆ อ่อนแสงลง ก่อนที่ลูกไฟสีฟ้าจะถูกส่งตามลงจากหน้าผาไป

    ตูม!

    หลังจากความเงียบเพียงชั่วครู่ เสียงระเบิดที่เหมือนกับเสียงฟ้าผ่าก็ดังกึกก้องกัมปนาท น้ำในทะเลสาบกระเซ็นขึ้นสูงราวกับมีวัตถุขนาดยักษ์ตกลงไปโดยแรง สะท้อนแสงอาทิตย์จนเกิดสายรุ้งโค้งพาดผ่านท้องฟ้า

    ชายหนุ่มปาดหยดน้ำที่กระเซ็นขึ้นมาเปียกใบหน้า แล้วก้มลงพูดกับสุนัขป่าที่ตนขี่อยู่

    "อยู่ในเขตแดนของคนอื่นแล้วยังชอบทำกร่าง จะกี่ปีก็ไม่เคยเปลี่ยน"

    ดวงตาสีเขียวอ่อนของสุนัขป่าเหลือบมองผู้ที่โดยสารอยู่บนหลังแวบหนึ่ง แล้วก็สะบัดตัวอย่างแรงจนร่างนั้นพลัดตก ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ

    "ซีฟ!"

    เอย์ระตะโกนก้องฟ้า สุนัขป่านามซีฟถีบตัวจากพื้นที่มองไม่เห็น ไปหยัดยืนอยู่บนชะง่อนผาที่ยื่นออกมาได้อย่างนุ่มนวล ปล่อยให้ชายหนุ่มผมสีทองร่วงหล่นลงไปกลางทะเลสาบ

    อีกเพียงไม่กี่อึดใจ ร่างสูงเพรียวก็จะกระแทกกับผิวน้ำ เมื่อเห็นว่าซีฟไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาช่วย ชายหนุ่มก็ขยับยิ้มบาง

    "หมาดื้อ"

    สองแขนกางออกราวกับจะโอบกอดท้องฟ้า สายลมกระพือพัดเส้นผมสีทองจนปลิวไสว แล้วแผ่นหลังที่น่าจะกระแทกผิวน้ำก็กลับหยุดนิ่งอยู่เหนือผืนทะเลสาบเพียงไม่กี่นิ้ว

    "เฮ้ย!"

    เอย์ระอุทานอยู่ในลำคอเมื่ออุ้งเท้าใหญ่โตเหยียบลงเต็มๆ ท้อง ซีฟรู้ทันเขา จึงกระโจนลงจากชะง่อนหิน พาทั้งสองชีวิตจมลงสู่ห้วงน้ำใสเย็น

    หนึ่งบุรุษหนึ่งสุนัขป่าปลุกปล้ำดำผุดดำว่ายกันอยู่นานจนเหน็ดเหนื่อย เอย์ระจึงลอยตัวเฉยๆ ให้สุนัขป่าคู่ใจคาบคอเสื้อไว้แล้วลากเข้าฝั่ง

    ซีฟสลัดน้ำออกจากตัว กระเซ็นเป็นฟองฝอย ชายหนุ่มนอนนิ่งอยู่บนหาดทรายขาวละเอียด อากาศเริ่มเย็นทันทีที่หมดแดด แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา

    ทำไมถึงปล่อยให้ไป...

    คำถามของเลเซธทำให้เขาลังเล บางที...บาซันอาจจะยังไม่พร้อม

    ชายหนุ่มหลับตาลงแล้วส่ายหน้า ก่อนจะยิ้มให้กับตัวเอง

    ไม่...เด็กคนนั้นไม่มีวันพร้อม มีแต่ต้องไปเท่านั้น

    คืนนั้นอากาศร้อนจนนอนไม่หลับ เขาก็เลยออกมาเดินเล่นเสียไกล

    วิหารร้างดูสะอาดสะอ้านผิดปกติ ชายหนุ่มเดินดูด้วยความแปลกใจ แล้วพลันนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้ ได้ยินเสียงสวดถวายเจ้าสาว

    เอ...ใครขอ

    เขาทรุดกายลงข้างๆ ร่างเล็กในเครื่องแต่งกายสีสด พิศดูแล้วจึงเห็นว่าเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักน่าชัง ผิวขาวแก้มแดงจิ้มลิ้มพริ้มเพรา หล่อนนอนจมอยู่ในกองดอกไม้ เหมือนรอคอยให้เจ้าชายมาช่วยปลุกแบบในนิทาน

    เจ้าชายเอย์ระจึงนึกครึ้มจะทดลองจุมพิตดูแบบในนิทาน

    แต่ทันทีที่มือใหญ่แตะลงบนผิวแก้มเนียนใส สัมผัสที่เคยคุ้นลงไปถึงจิตวิญญาณก็พลันวาบเข้าสู่มโนความคิด

    หล่อนมาด้วยภาระหน้าที่

    เขาเขย่าตัวหล่อนเบาๆ ไปจนถึงแรงๆ  แต่เจ้าหญิงที่กำลังหลับใหลไม่ยอมตื่นจากนิทรา จะทิ้งไว้ก็เห็นจะต้องตกเป็นเหยื่อของสุนัขป่า ชายหนุ่มที่มาเดินเล่นจึงเก็บกลับไปด้วย

               

    เมื่อหล่อนลืมตาขึ้น ก็ต้องรีบหลับตาลงใหม่ด้วยความแสบเคือง

    แสงแดดสะท้อนจากมวลดอกไม้สีสันเจิดจ้า ทอดไกลสุดลูกหูลูกตา งดงามยิ่งกว่าช่อดอกไม้แห่งความโหดเหี้ยมเย็นชาที่ประดับอยู่บนร่างของหล่อน

    บุรุษตรงหน้าแย้มยิ้มกว้างขวาง เขาดูเป็นชายหนุ่มอายุราวๆ ยี่สิบปีที่มีเส้นผมสีทองอร่ามเจิดจ้า มีดวงตาสีเขียวอ่อนที่สดใสเป็นประกายราวยอดไม้ชุ่มน้ำค้าง

    "เจ้าสาวตัวน้อยของข้า ขอโทษที่พาไปบ้านไม่ได้ ที่นั่นเขาเกลียดมนุษย์กัน" ดวงตาของชายหนุ่มอ่อนแสงลง ก่อนเอ่ย "หญิงสาวชาวมนุษย์ทำให้พวกเราอายุสั้น"

    ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกลมโตยังคงจับจ้องใบหน้าของชายหนุ่มตาไม่กะพริบ เอย์ระยิ้มรับระรื่น แล้วจึงเดินมานั่งตรงหน้าเด็กสาว

    "เอ้า ของขวัญ"

    มงกุฎดอกไม้ที่ถูกถักร้อยอย่างลวกๆ ถูกสวมลงบนศีรษะเล็กอย่างพอดี เด็กน้อยหยิบมันลงมาดู ก่อนจะสวมกลับเข้าไปใหม่ เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนจึงถูกแซมด้วยสีสันหลากหลาย เอย์ระลูบศีรษะหล่อนเบาๆ ก่อนจะดึงร่างเล็กให้ลุกยืนขึ้น

    "ไม่เหนื่อยแล้วใช่ไหม"

    หล่อนพยักหน้า

    "จะไปหาเขาใช่ไหม"

    เด็กที่ไม่เคยพูดก็ยังไม่พูด ชายหนุ่มจึงพูดต่อเสียเอง

    "ข้าจะพาไป"

    เมื่อสิ้นฤดูฝน เขาก็กลับมายังทุ่งดอกไม้แห่งนี้อีกครั้ง ไม่มีดอกไม้เหลือแล้ว มีแต่ไม้พุ่มเตี้ยเขียวชอุ่ม

    ร่างเล็กมอมแมมเปื้อนดินโคลนนั่งพิงสุนัขป่าตัวใหญ่อยู่กลางทุ่ง ดวงตาเหม่อลอยไร้จุดหมาย เมื่อหล่อนเห็นเขาก็เดินมาหา แล้วก้มศีรษะลง

    ชายหนุ่มย่อตัวลงแล้วก้มศีรษะตามหล่อน เด็กสาวเห็นดังนั้นก็ล้วง 'บางสิ่ง' ออกมาจากอกเสื้อ ก่อนจะค่อยๆ สวมลงบนศีรษะของชายหนุ่ม

    เอย์ระหยิบของสิ่งนั้นออกมาดู มันคือมงกุฎต้นหญ้าสีเขียวสดที่ถักร้อยไว้ด้วยกันอย่างแน่นหนา

    เขาสวมมันกลับเข้าไปใหม่ ก่อนจะจุมพิตที่แก้มเปื้อนดินเบาๆ

    "น่ารักจริงเจ้าสาวของข้า กลับไปหาท่านยายกัน เดี๋ยวซีฟจะจับนกให้เป็นของฝากใช่ไหมซีฟ"

    ประโยคท้ายเขาหันไปพูดกับสุนัขป่า ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกลมโตจ้องมองใบหน้าหวานของชายหนุ่มสลับกับใบหน้าแหลมใหญ่โต แต่ยังนั่งนิ่งไม่ลุกขึ้น

    "ซานากี...บาซัน" มือใหญ่วางทับมือเล็ก "ข้าสัญญาแล้วไงว่าจะไม่ให้ใครมาฆ่าเจ้า"

    เด็กหญิงพยักหน้ารับ

    "ทำหน้าที่ให้สำเร็จ เจ้าอาจจะรอดมือหมอนั่นไปก็ได้"

    สุนัขป่าสีขาวกระโดดข้ามสันเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ละก้าวไกลเกินกว่าที่สามัญสำนึกจะรับได้ ราวกับร่างกายเบาหวิวไร้น้ำหนัก เพียงไม่กี่อึดใจก็เห็นหมู่บ้านอยู่ลิบๆ

    ชายหนุ่มกระโดดลงจากหลังซีฟ แล้วยืนรออยู่บนหน้าผา ไม่ได้ตามไปจนถึงหมู่บ้าน

    เขาโบกมือให้หล่อน ดวงตาของเด็กสาวจับจ้องร่างสูงจนเหลียวหลัง ก่อนที่ริมฝีปากสีสดจะขยับเล็กน้อย เสียงที่เปล่งออกมาแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน

    "เอย์...ระ"


    "ข้าชื่อโยชัวร์ ต่อจากนี้ จะเป็นผู้บังคับบัญชาของเจ้า ตอนนี้ผ่านการทดสอบแล้ว เจ้าจะได้รับเงินสิบเหรียญทองก่อน จะเอาไปให้ญาติก็ตามใจ เมื่อกลับไปที่ครูเซนแล้ว เจ้าจะได้รับเบี้ยเลี้ยงอีกเดือนละห้าเหรียญทอง ที่พัก อาหาร เสื้อผ้า ฟรี และข้าจะพาลูกน้องไปเลี้ยงเหล้าเมื่อโอกาสอำนวย เดือนหนึ่งมีวันหยุดสี่วัน ใช้ระบบผลัดกันหยุด"

                ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองใบหน้าคมคายนิ่ง หลังจากที่โยชัวร์อธิบายเรื่องราวต่างๆ ยาวเหยียด บาซันก็ตอบรับโดยการพยักหน้าหนึ่งครั้ง

                "โดยปกติแล้วพวกเราไม่รับผู้หญิง แต่เจ้าเป็นกรณีพิเศษ เพราะข้ากำลังจะกลับไปรับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยอัศวินศักดิ์สิทธิ์ เขาให้ข้าหาอัศวินสาวๆ ไปดูแลพวกแม่ชีอยู่พอดี สาวน้อย เจ้าจะได้เป็นอัศวินหญิงคนแรกของศาสนจักร ดีใจไหม"

                เด็กสาวตอบคำถามด้วยอาการนิ่ง อัศวินหนุ่มยังไม่รู้จักหล่อนดีพอที่จะรู้ว่า...นิ่งคือไม่

                "ว่าแต่เจ้าชื่ออะไร"

                อัศวินหญิงคนแรกแห่งศาสนจักรยังคงใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว นางซิเครมที่ยืนอยู่ข้างๆ เป็นฝ่ายอดรนทนไม่ได้ จึงเอ่ยแทรก

                "ท่านอัศวิน หลานสาวข้าไม่ค่อยปกติ อย่ารับนางเลย"

                ชายหนุ่มโบกมือไปมาให้หญิงชราคลายกังวล

                "ไม่เป็นไร นางไม่ได้เป็นใบ้หรือหูหนวกนี่ ท่าทางจะเชื่อฟังคำสั่งดีด้วย อัศวินน่ะใช้ฝีมือมากกว่าฝีปาก"

                "บาซัน...บอร์" เด็กสาวพึมพำ นางซิเครมหันไปมองหน้าหลานสาวด้วยความแปลกใจ เป็นครั้งแรกในรอบสองเดือนที่นางได้ยินเสียงหล่อน

                "อืม...บาซัน ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นอัศวิน เจ้าจะต้องเข้ารับการอบรมในโรงเรียนทหารก่อนหนึ่งปี แต่เจ้าเป็นผู้หญิงคนแรกและคนเดียว อาจจะไม่ได้รับความสะดวกเท่าไหร่ โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัว…" ชายหนุ่มทอดเสียงไปครู่หนึ่ง ดวงตาสีมรกตที่จับจ้องใบหน้าหมดจดของเด็กสาวฉายแววลังเลออกมา

                หน้าตาดีไปหน่อย...

    "เอาเถอะ เรื่องนั้นข้าจะดูแลให้เป็นพิเศษ เจ้ายอมรับได้ไหม"

    เมื่อเขาพูดถึงคำว่า 'ดูแลให้เป็นพิเศษ' หญิงชราก็เหลือบตามองเขาแวบหนึ่ง ทำให้อัศวินหนุ่มขยับกายอย่างอึดอัดเล็กน้อย

    "ข้าไม่ต้องพลีร่างให้ชายเชยชมใช่ไหม"

    คำถามที่บาซันโพล่งออกมาทำเอาเงียบกันไปทั้งกระโจม นางซิเครมอยากจะมุดดินหนีแทนหลานสาวที่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย นางผิดเองที่ไปอธิบายให้บาซันฟังว่า...คนในหมู่บ้านจะขายนางไปทำอะไร

    โยชัวร์กุมขมับเครียด ก่อนจะต่อด้วยอาการหัวเราะลั่น เขาลุกจากเก้าอี้มาตบไหล่เด็กสาวเบาๆ

    "เอาเถอะ ถ้ามีผู้ชายคนไหนอยากจะเชยชมเจ้า ก็เอาดาบที่เอวนั่นเสียบให้ทะลุได้เลย ข้าอนุญาต"

    หล่อนเหลือบตามองมือเขา แล้วเบี่ยงตัวออกอย่างนุ่มนวล

    "วางใจได้ หน่วยอัศวินศักดิ์สิทธิ์ไม่ค้าเนื้อสด...อย่างน้อยก็ไม่เคยมาก่อน"

    หล่อนจ้องหน้าเขาพักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ

    แม้สองยายหลานจะออกไปนอกกระโจมแล้ว นายทหารหนุ่มก็ยังหยุดหัวเราะไม่ได้

    หึหึ...เด็กคนนี้...พูดน้อย แต่เขาสังหรณ์ใจว่าพูดแต่ละครั้งคงจะน่าสนใจ

    ต่อไปที่ครูเซนคงจะมีเรื่องน่าสนุกอยู่เรื่อยๆ สมกับนโยบายรับทหารหญิงมาเป็นสีสัน ต้องให้ไปเล่นกับอเล็กซิสหน่อยแล้ว อ้อ...อามาสด้วย เสือผู้หญิงพรรค์นั้นต้องสยองแน่

    "ท่านโยชัวร์ นักบวชประจำหมู่บ้านกับหัวหน้าหมู่บ้านมาขอพบขอรับ"

    เสียงรายงานของผู้ใต้บังคับบัญชาทำให้เขาหลุดจากภวังค์ เขาหันไปพยักหน้าอนุญาต ชายสองคนที่ยืนรออยู่ด้านนอกจึงเข้ามาในกระโจม

    "ท่านอัศวิน" ชายชราโค้งคำนับอย่างสุภาพ "เรามีเรื่องจะมาบอกท่าน เกี่ยวกับเด็กคนนั้น...บาซัน"

    คิ้วเข้มเลิกสูง ชายหนุ่มเชื้อเชิญให้ผู้มาเยือนนั่งลงบนเก้าอี้ แต่เขายังไม่ทันตอบ ชายศีรษะล้านในชุดนักบวชก็เอ่ย

    "บอกตามตรง พวกเรามีสัญญาที่จะส่งเด็กคนนั้นให้คนอื่นไปแล้ว ก่อนที่ท่านจะมา"

    ใบหน้าคมคายเคร่งขรึมขึ้นทันที ดวงตาสีมรกตจับจ้องไปที่ชายทั้งสองก่อนเอ่ยเสียงเรียบ

    "ศาสนจักรไม่สนับสนุนการค้าประเวณี ท่านทั้งสองกล้ามากนะที่มาบอกเรื่องนี้กับข้า"

    น้ำเสียงเฉียบขาดของอัศวินหนุ่มทำให้เมราซสั่นสะท้าน แต่อูลยังคงนิ่ง

    "เอาล่ะ จะเอาเท่าไหร่ก็ว่ามา ข้าจะไถ่ตัวเด็กคนนั้น"

    "ไม่ได้ขอรับ" อูลตอบเสียงเรียบ

    "ว่าไงนะ" คนฟังชักไม่สบอารมณ์

    "คนคนนั้นมอบเงินให้หมู่บ้านเราห้าร้อยเหรียญทอง..."

    ห้าร้อยเหรียญทอง...นางคณิกาที่โด่งดังยังมีค่าตัวเพียงสามร้อยเหรียญทองเป็นอย่างมาก

    คนฟังแค่นหัวเราะทันทีอย่างไม่เชื่อถือ อูลจึงเอ่ยต่อ

    "แลกกับเจ้าสาวที่ยังมีชีวิตของครูซ"

    "บาซันเอ้ย ทำไมเจ้าถึงอยากเป็นอัศวิน"

    ซิเครมช่วยหลานสาวเก็บของที่มีไม่มากนัก แม้จะรู้ว่าคงจะไม่ได้รับคอตอบ นางก็อดถามไม่ได้

    "ยายไม่ว่าที่เจ้าจะทิ้งยาย เจ้าไปจากหมู่บ้านเฮงซวยนี่ซะได้ยายก็ตายตาหลับแล้ว แต่ว่าไปเป็นอัศวิน...เป็นทหาร ชาวป่าชาวเขาอย่างเราจะไม่ถูกเขาดูถูกหรือ"

    บาซันยังคงเก็บของไปเงียบๆ ก่อนจะเดินไปเอาเนื้อสัตว์ที่กองไว้หน้าบ้านตั้งแต่เมื่อคืนมาแล่ตาก ขุดเอาไหผักดองที่ฝังไว้ในดินมาวางเรียงในครัว

    "ปากพวกเขาบอกว่าเคารพนับถือครูซ แต่กลับอ้างเรื่องปากท้องกระทำแต่บาปกรรม พวกเขาขี้ขลาดนัก กล้าสังเวยเด็กผู้หญิงที่เคยยกให้ครูซไปแล้ว แต่ไม่กล้าเผชิญความจริง"

    นางซิเครมมองตามก็รู้ว่าหลานสาวเตรียมอาหารไว้ให้นางพอกินเป็นปี แสดงว่าไม่ได้ไปทดสอบทหารด้วยความคิดชั่ววูบ บางที...บาซันอาจจะหาโอกาสมาตลอด

    ประกายแห่งคำถามแอบแฝงอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกลมโต

    "ไม่ ไม่ใช่ว่ายายเกิดเคารพบูชาครูซขึ้นมาหรอก แต่ยายเชื่อว่าครูซเมตตาเจ้า"

    หญิงชราส่ายศีรษะเมื่อเด็กสาวยื่นมือมาหานาง

    "ยายจะอยู่ที่นี่ อยู่กับเอสรา คอยดูพวกแล้งน้ำใจต้องพินาศไปด้วยน้ำมือของครูซ"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×