ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ความลับในหุบเขาหมอก

    ลำดับตอนที่ #8 : ++ เสียงเพลงในสายลม++ ยามเช้า

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 831
      2
      18 มิ.ย. 50

    7

    ยามเช้า

    เช้าวันรุ่งขึ้น สาวน้อยบ้านป่าก็ยังไม่พร้อมที่จะแนะนำตัว

    เด็กสาวนอนหน้าซีดเหมือนคนตาย หว่างคิ้วย่นลึกแสดงว่าปวดศีรษะไม่น้อย หล่อนโซซัดโซเซไปทำธุระส่วนตัวตอนย่ำรุ่งแล้วก็ไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย

    หนุ่มน้อยอายุสิบสามปียืนมองเด็กสาวที่ยึดเตียงอีกฟากของห้องไว้ด้วยความรู้สึกยากจะบรรยาย

    ชาวป่า ตัวใหญ่ล่ำดำถึก ท่าทางซื่อๆ เซ่อๆ...

    ไม่ใช่สักนิด เขาเดาไม่ถูกสักอย่างเดียว เรียกได้ว่าความฝันพังทลายหรือเปล่านี่ และที่สำคัญ...

    นี่มันผู้หญิง!

    เมื่อผู้บังคับบัญชาออกมาจากบาร์กะเทย เขาก็ส่งเด็กสาวในอ้อมแขนให้เด็กหนุ่มที่ยอมเสียฟอร์มยืนรออยู่ข้างนอกเอาใส่หลังขึ้นม้าไปด้วยกันด้วยเหตุผลสั้นๆ

    "เจ้าเบากว่า ม้าจะได้ไม่รับภาระหนัก"

    และเมื่อกลับมาถึงหอพักอัศวิน ชายหนุ่มก็พุ่งกลับห้องตัวเองไปลิ่วๆ ปล่อยเด็กสาวที่มีกลิ่นเหมือนอาหารย่อยแล้วไว้กับเขา

    "ไม่เอาขอรับมาสเตอร์" เขาเอาหล่อนพิงเสาไว้แล้วรีบวิ่งตามผู้บังคับบัญชาไป

    "เจ้านอนคนเดียวไม่ใช่รึ" คนร่างสูงตอบพลางอ้าปากหาวอย่างเกียจคร้าน

    "ก็ใช่ แต่นางเป็นผู้หญิงนะขอรับ"

    "ก็อารามนางชีปิดประตูแล้วนี่ เจ้าก็รู้ว่าพวกนั้นนอนกันตั้งแต่หัวค่ำ"

    "ให้นางไปนอนคนเดียวก็ได้นี่ขอรับ ห้องว่างมีตั้งเยอะ"

    "ต้องไปขอกุญแจจากกรมพรุ่งนี้ อีกอย่าง ตื่นมานางต้องรู้สึกแย่แน่ๆ มีคนดูแลหน่อยก็ดี"

    "แต่ข้าเป็นผู้ชาย ทำแบบนี้มันไม่เหมาะ"

    เขาจำได้ว่ามุมปากของมาสเตอร์โค้งขึ้นเล็กน้อยก่อนจะจางหายไปในพริบตา ชายหนุ่มวางมือลงบนศีรษะของเขาแล้วขยี้ไปมา

    "ข้าเชื่อในเกียรติแห่งอัศวินของเจ้า เอเธเนียล"

    เชื่อในเกียรติของอัศวิน...

    เห็นเขาเป็นเด็กสิไม่ว่า ถึงท่านนายพลอามาสจะยังไม่เคยพาเขาไป 'ขึ้นครู' แต่เขาก็ไม่ได้โง่ แล้วทำไมต้องดูแลด้วย ยายนี่มาเป็นทหารไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่เจ้าหญิงเสียหน่อย

    แม้จะคิดแบบนั้น แต่เขาก็เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้หล่อนและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อย่างเรียบร้อยในความมืด แม้กระทั่งหางเปียเลอะอ้วก เขาก็แกะออกล้างให้

    หึ...แม้กระทั่งเรื่องดูแลคนเมา เขาก็ยังเป็นอัจฉริยะ

    เขามีนิสัยชอบตื่นแต่เช้ามาอ่านหนังสือ อัศวินมักจะฝึกอาวุธกันจนเย็นย่ำ กว่าจะมีเวลาส่วนตัวก็กลางคืนแล้ว เขาไม่อยากเสี่ยงอ่านหนังสือในที่มืด หากสายตาผิดปกติไป อนาคตทางการเป็นนักรบคงดับวูบ คงต้องเบนสายไปเป็นเสธแบบท่านคาร์ล

    เขาไม่เคยเที่ยวเตร่ตามเพื่อนทหารคนอื่นเพราะห่วงเรื่องสุขภาพ ตำแหน่งที่เขากะจะเสียบก็คือตำแหน่งนายพลของท่านนายพลอามาส หนักทั้งเหล้าทั้งกะเทยแบบนั้นคงจะไปก่อนเพื่อน

    แสงแดดในยามเช้าสาดส่องผ่านม่านสีขาวเนื้อบางที่กระพือเพยิบพะยาบไปตามแรงลม ตอนนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ อากาศในยามเช้าจึงออกจะเย็นเกินไปสักหน่อย เด็กหนุ่มเอื้อมมือข้ามร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงไปดึงหน้าต่างปิด

    ดูเหมือนว่าเสียงปิดหน้าต่างจะทำให้หล่อนรู้สึกตัว เด็กสาวพลิกกายจากท่านอนตะแคงไปเป็นนอนหงาย แล้วดวงตาสีน้ำตาลอ่อนก็ปรือขึ้นสบกับดวงตาสีฟ้าสดของเขา ดวงตาคู่นั้นกะพริบถี่ๆ อยู่หลายครั้ง ก่อนที่มือเล็กจะคว้าคอเสื้อของเขาแล้วกระชากลงบนที่นอน

    "ทำอะไรของเจ้า!"

    เขาจับข้อมือข้างนั้นไว้แล้วบิดกลับไปอีกทาง หล่อนนิ่วหน้าแล้วปล่อยมือเขาทันที แต่ก็ไม่วายกระแทกเข่าเข้าที่ลิ้นปี่ ความจุกแล่นลามสู่คอหอย แข้งขาพานอ่อนยวบจนต้องทิ้งร่างลงบนเตียง

    มืด...นุ่ม

    เขาล้มทับลงไปบนตัวหล่อน ดูเหมือนว่าหน้าของเขาจะซบอยู่บนหน้าอกแบนๆ ของหล่อนพอดี

    จะดีจะชั่วก็หน้าอกล่ะนะ

    เด็กหนุ่มอยากจะลุกขึ้นแต่ก็ยังจุกจนขยับตัวไม่ได้ น้ำหนักของเขาก็พลอยทำให้เด็กสาวคนนี้ลุกไม่ได้เช่นเดียวกัน

    ก๊อก...ก๊อก

    นรกทรงโปรด! มีคนกำลังเคาะประตู

    "เอเธเนียล มีไอ้นั่นไหม"

    จะมาเอา 'ไอ้นั่น' อะไรกันตอนนี้!

    เด็กหนุ่มกำหมัดแน่น เหงื่อเย็นๆ เริ่มซึมออกมาตามไรผม แต่เขาก็ยังไม่สามารถจะเอาหน้าออกไปจากเนินเนื้อนุ่มนิ่มได้ เขาพยายามคลำเปะปะหาที่ยันกาย แต่ก็จับได้แต่ผิวเนียนๆ อุ่นๆ ของเนื้อคน

    นี่มัน...ขา

    "เอเธเนียล!"

    เสียงเคาะทวีความแรงขึ้นอย่างไร้ความเกรงใจ กะว่าต่อให้เขาหลับอยู่ก็ต้องตื่นขึ้นมาหยิบ 'ไอ้นั่น' ให้ ไม่นาน เสียงลูกบิดประตูก็ลั่นแกรก

    ตายล่ะหว่า เมื่อเช้าเขาออกไปจากห้อง แล้วตอนกลับเข้ามาไม่ได้ล็อก

    ไม่! จะให้ใครมาเห็นเขาในสภาพแบบนี้ไม่ได้

    ย้าก...!

    "อากาศดีจริงๆ"

    "หวังว่าเจ้าเด็กบ้านกระหม่อมจะไม่ทำให้บรรยากาศในวิหารหลวงเหม็นบูด"

    ชายหนุ่มผมสีเงินหัวเราะเสียงใส ก่อนจะจิบน้ำชาควันกรุ่น แสงแดดอ่อนๆ ทอลอดใบไม้สีสดลงมาสู่ร่างเพรียวของชายหนุ่มในชุดขาว

    องค์ชายอเล็กซิสอยู่ในชุดนักบวชสีขาว ปักลวดลายด้วยเส้นไหมสีม่วงและดิ้นเงินละเอียดยิบ ยิ่งอยู่บนร่างของบุรุษที่มีผิวสีขาวราวน้ำนม ยิ่งขับความสง่างามสูงศักดิ์ของคนใส่จนคนมองตาพร่า ดวงตาสีไวโอเลตใสดุจน้ำค้างทอดไปไกล ริมฝีปากบางที่มักมีรอยยิ้มประดับอยู่เป็นนิจขยับน้อยๆ เพราะเจ้าตัวกำลังดื่มน้ำชา

    เขาคงจะมองเพลินกว่านี้ ถ้าไม่ใช่ว่าถูกเรียกมาอบรม

    ท่าทางเจ้าโยชัวร์จะมาฟ้องแต่หัวรุ่ง เขาจึงถูกเชิญมารับประทานอาหารเช้าร่วมกับองค์ชายอเล็กซิส และต้องเดินตามไปอีกสามวันสามคืน เพื่อให้คนที่งานยุ่งแสนยุ่งอบรมแบบทำงานไปบ่นไป

    "ท่านเอย์ระเอาของฝากจากพี่ชายท่านมาให้ข้า ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก"

    "แต่สายตาของพวกลุงๆ ทิ่มแทงจนกระหม่อมพรุนไปหมดแล้ว"

    "อย่าใส่ใจเลย พวกเขาก็ทิ่มแทงไปเสียทุกคนนั่นแหละ"

    "ยกเว้นฝ่าบาท"

    นกพิราบสีขาวบินลงมาเกาะไหล่ของชายหนุ่ม ก่อนจะไต่ลงมาตามตัว แล้วจิกกินเศษขนมปังที่ติดอยู่บนแขนเสื้อ

    "อะไรมาเกาะข้าเนี่ย"

    "นกน่ะ มาอึรดฝ่าบาท"

    องค์ชายอเล็กซิสขมวดคิ้ว แล้วพยายามขยับตัวให้นกบินออกไป แต่นกเกล่านั้นก็ดูจะรู้ว่าคนถูกเกาะเป็นเพียงนักบวชไร้พิษสง จึงไต่ไปมาหาเศษขนมกินอย่างไม่อนาทรร้อนใจ

    องค์ชายอเล็กซิสตามองไม่เห็น

    ดวงตาสีม่วงใสราวกับน้ำในทะเลสาบ แต่ไม่อาจสะท้อนภาพใดๆ ตอนองค์ชายยังทรงพระเยาว์ก็ปกติดี แต่เมื่อโตขึ้น ดวงตาก็มืดมัวลงเรื่อยๆ จนเมื่อทรงมีพระชนมายุได้สิบเจ็ดชันษา ราชสำนักก็ประกาศออกมาว่าพระเนตรทรงบอดสนิทแล้ว

    เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นหลังจากองค์หญิงกลอเรียถูกถวายไปราวสองเดือน องค์ชายทรงผนวชเป็นนักบวช และขึ้นเป็นประมุขแห่งศาสนจักร

    กิจการทหารทั้งหมดตกอยู่ใต้อำนาจของเขา นายพลอามาส มาครูซ ท่าทีกระด้างกระเดื่องของเอย์ระจึงทำให้สภาสูงแห่งครูเซนวิตกกังวล...มาก

    แม้ชายตรงหน้าจะตาบอด แต่พลังแปลกประหลาดที่อยู่ในตัวเขากลับยิ่งใหญ่ราวปาฏิหาริย์

    น้ำที่ไหลผ่านมือของเขา ไม่ว่าสกปรกเพียงไรก็จะกลับมาใสสะอาด ต้นไม้ที่เหี่ยวแห้งใกล้ตาย หากองค์ชายอเล็กซิสสวดให้ก็จะฟื้นคืนชีวิต เขาเคยเห็นชายหนุ่มทำให้ดอกไม้บานทั่วอุทยานมาแล้ว

    แต่จะงามอย่างไร เจ้าตัวก็ไม่เคยได้เห็น

    "ใกล้จะถึงเทศกาลใบไม้แดงแล้ว ฝ่าบาทคงยุ่ง กระหม่อมลาดีกว่า จะไปดูพวกเด็กๆ ซ้อมสวนสนามเสียหน่อย" อามาสเอ่ยแล้วเลื่อนเก้าอี้ลุกดังครืด

    "ไม่มีท่านพวกเขาก็ซ้อมกันได้" เสียงเย็นๆ ระเรื่อยราวสายน้ำขัดขึ้น "ท่านมาคุยกับข้าเรื่องการควบคุมจิตใจให้ตั้งมั่นอยู่กับความดีงามดีกว่า"

    ในเมืองคึกคักไปด้วยผู้คนที่ออกมาจับจ่ายซื้อของ ต้นไม้ที่ปลูกไว้รอบๆ จัตุรัสกลางเมืองเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและแดงแจ่มจ้าหมดทุกต้น

    เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลทองหอบข้าวของเต็มสองมือ ตามมาติดๆ ด้วยเด็กสาวในชุดทหารหลวมโคร่งที่ถือของมากมายไม่แพ้กัน

    'เด็กใหม่' และ 'น้องเล็ก' ถูกใช้ให้มาซื้อของ และโทษฐานที่รักกันหวานแหววเกินหน้าเกินตารุ่นพี่ ความหมายที่แท้จริงก็คือ ต้องซื้อไวน์ผลไม้ประจำเทศกาลใบไม้แดงไปเลี้ยงทุกคน

    แค่เหล้าสิบกว่าถังไม่ทำให้เขาขนหน้าแข้งร่วงอยู่แล้ว แต่เรื่องอื่นนี่สิ...

    เหลือบมองไปทางเด็กสาวหน้าสวยที่เดินเยื้องอยู่ด้านหลังโดยไม่ปริปากบ่น แล้วก็นึกเคืองจนต้องสะบัดหน้าหนี

    เมื่อเช้า...เขาหลบไม่ทัน

    หล่อนจึงเป็นฝ่ายถีบเขากระเด็นไปกระแทกประตูที่กำลังแง้มออกแทน ท่านคาร์ลโดนบานประตูกระแทกใส่จนกระเด็นไปด้านหลัง แว่นตาหล่นกระแทกพื้นแล้วถูกเหยียบซ้ำจนแหลกละเอียด

    เสียงโครมครามเรียกเหล่าอัศวินใหญ่น้อยที่พำนักอยู่ใกล้ๆ ให้พรวดพราดเข้ามาในห้อง คนถีบนั่งงัวเงียอยู่บนเตียงในสภาพสวมเสื้อตัวใหญ่โคร่งตัวเดียว ขาขาวๆ โผล่ออกมานอกชายเสื้อ เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสยายยุ่งเหยิง

    วิ้ว...

    เสียงผิวปากดังจากใครสักคน แต่เขาไม่กล้าหันไปดู เด็กสาวตรงหน้าบิดขี้เกียจซ้ายทีขวาที ต่อจากนั้นหล่อนก็ลุกจากที่นอน เดินเซแซ่ดๆ มาหาทางเขา ขณะที่เขากำลังงงว่าหล่อนจะทำอะไร มือขาวที่ออกจะสากเล็กน้อยก็วางลงบนศีรษะเขาแล้วลูบไปลูบมา

    ทำอะไรของเธอ ยายบ้า!

    ท่าทางหล่อนจะเดาเรื่องราวออกแล้วว่าเขาไม่ได้มีเจตนาไม่ดี แต่ทำไมไม่พูดไม่อธิบายอะไรสักคำ ปล่อยให้เขาแก้ตัวเป็นพัลวันอยู่คนเดียว

    "ทำแล้วไม่รับไม่ดีนะเจ้าหนู ดูซิ ผู้หญิงเขายังไม่ได้ว่าอะไรเลย"

    ถ้าหล่อนว่าอะไรออกมาสักคำ เรื่องราวน่าจะสวยกว่านี้

    ท่านโยชัวร์เดินแหวกกลุ่มชายหนุ่มในชุดนอนเข้ามาในห้อง วันนี้มาสเตอร์โกนหนวดโกนเครามาแล้วเรียบร้อย ดูหล่อเหลาคมคาย ดวงตาสีมรกตกวาดไปมาเพียงแวบเดียว มุมปากก็โค้งขึ้นเล็กน้อย ชายหนุ่มถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกมาคลุมให้เด็กสาว ปิดขาอ่อนขาวราวน้ำนม แล้วจึงหันร่างบางให้ทุกคนได้เห็นหน้าชัดๆ

    "นี่บาซัน บอร์ นายทหารใหม่ ขอให้ทุกคนรู้จักไว้"

    มาสเตอร์ส่งเครื่องแบบที่พับเรียบร้อยให้หล่อน ก่อนจะพาไปยังห้องพักในอารามชีที่วิหารหลวงครูเซน เหลือแต่เขาที่ต้องรับมือกับคำถามที่พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทุกทางเพียงลำพัง

    หลังจากที่การตรวจแถวตอนเช้าเสร็จสิ้นลงโดยปราศจากเงาของนายพลอามาส ก็เป็นการซ้อมสวนสนามของเหล่าทหารและอัศวิน เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลใบไม้แดง พวกทหารจะต้องเดินสวนสนามตั้งแต่หน้าวิหารหลวงไปรอบเมืองหนึ่งรอบ ก่อนจะไปสิ้นสุดที่วิหารแห่งครูซที่จัตุรัสกลางเมือง

    เขารู้สึกว่าสายตาคมๆ จากดวงตาสีน้ำตาลใส ทำให้หลายคนก้าวเท้าผิดจังหวะ เด็กสาวในชุดทหารตัวหลวมโคร่งเดินเคียงข้างมาสเตอร์โยชัวร์ไปตลอดทาง เขาเห็นชายหนุ่มพูดโน่นพูดนี่ให้หล่อนฟัง นานๆ เด็กสาวจะพยักหน้าสักที แต่ไม่เห็นหล่อนปริปากพูดอะไรสักคำ

    แต่ก็ช่างเถอะ หล่อนไปแล้ว หล่อนเพิ่งเข้ามาเป็นทหาร ส่วนเขาเป็นอัศวิน คงอีกนานกว่าจะโคจรมาพบกัน พอไม่มีเรื่อง ข่าวลือก็คงจะหายไปเอง

    แต่เขาคิดผิด

    "บาซันยังไม่มีอุปกรณ์การเรียน เจ้าพานางไปซื้อหน่อยนะเอเธเนียล"

    คำสั่งมาสเตอร์ ใครจะไปขัดได้ เขาจึงต้องขี่ม้าออกจากกรมท่ามกลางเสียงโห่ฮาป่าของทหารกลุ่มใหญ่

    เข้าชี้ๆๆ หล่อนก็หยิบๆๆ ไม่พูด ไม่เถียง ไม่ถาม การซื้ออุปกรณ์การเรียนจึงจบลงอย่างรวดเร็วเกินคาด สิ่งหนึ่งที่เขาได้รับรู้จากการมาซื้อของกับหล่อนก็คือ...หล่อนไม่ได้เป็นใบ้ และหล่อนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้

    เงาของความยุ่งยากเริ่มส่อเค้ามาแต่ไกล

    ขณะที่เด็กหนุ่มเดินจ้ำอ้าวกลับหอพัก เด็กสาวก็หยุดยืนนิ่งอยู่กลางลาน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจับจ้องไปยังหลังคาบ้านหลังหนึ่งเขม็ง เอเธเนียลเห็นหล่อนหยุดเดิน ก็หยุดมองตาม

    "แสง..." บาซันเอ่ยสั้นๆ ตามนิสัย

    "เขาอาจจะเปลี่ยนกระเบื้องใหม่ ชาวบ้านแถวนี้นิยมมุงหลังคาด้วยทองแดง ทองแดงใหม่ๆ จะยังไม่เป็นสีเขียว"

    แสงนั้นกะพริบถี่ๆ คลอไปกับเสียงดนตรีท่วงทำนองไม่คุ้นหู

    "ใกล้เทศกาลใบไม้แดงแล้ว คนต่างถิ่นเข้ามาเปิดการแสดงมาก เจ้าคงได้ดูจนเพลินเชียว"

    "สัญญาณ..."

    ดวงตาสีฟ้าสดเหลือบมองคนเดินตามหลังเพียบแวบเดียว ก่อนจะหันกลับไปเดินต่อ

    "ถ้าไม่หัดพูดให้รู้เรื่องกว่านี้ ข้าก็ไม่เข้าใจหรอกนะ"

    "แสงคือสัญญาณ" เด็กสาวเค้นออกมาอีกหน่อย

    "รีบกลับเถอะ ถ้าช้าไปเขาจะหาว่าเราไปพลอดรักกัน"

    คำตอบนั้นทำให้เด็กสาวขมวดคิ้ว บาซันนิ่งมองแสงกะพริบนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามเด็กหนุ่มไป

    ขลุ่ยหินส่งเสียงแหลมใสกังวาน ดังถี่สลับห่าง เป็นจังหวะหลากหลายซับซ้อน มันดังจากทางโน้นทีทางนี้ที คนละฟากฝั่งของมุมเมือง

    แสงวูบวาบจากกระจกเงาดังตอบเสียงเหล่านั้น กลุ่มคนที่เป่าขลุ่ยหินจึงเคลื่อนที่มารวมกันที่จัตุรัสกลางลาน

    พวกเขามีผิวสีคร้ามเข้มกว่าชาวครูเซนทั่วไป ยกเว้นชายหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มที่มีผิวขาวจัดเหมือนคนเมืองหลวง

    ดวงตาสีเขียวอ่อนเฝ้ามองพวกเขาวิ่งพล่านไปรอบเมืองอยู่บนหอคอยตั้งแต่เช้า

    เทศกาลใบไม้แดงปีนี้คงจะมีเรื่องสนุกๆ เกิดขึ้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×