ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Reborn : จันทราเจ้าเอย... (OC) [END]

    ลำดับตอนที่ #13 : Moon Number.11 < Finish >

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.24K
      676
      18 ก.พ. 63

    Moon Number.11

    < Finish >

     

    จันทราเจ้าเอย..

    เสร็จสิ้น

     

     

     

     

    โครตเท่ห์

     

    ปะป๊าโครตเท่ห์!!!

     

    ท่ามกลางซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้าง ในมุมอับสายตาเล็กๆ ที่มีเงามืดบดบัง มารีบิดชายเสื้อตัวเองอย่างอดกลั้น ริมฝีปากถูกฟันขาวขบเม้มจนน่ากลัวว่าจะได้แผลหากเธอไม่ได้หนังเหนียวจนยากจะเลือดตกยางออก เด็กสาวอดชื่นชมซันซัสไม่ได้ ทั้งๆ ที่เวลาตกอกตกใจเธอไม่เคยหลุดร้องกรี้ดแม้แต่แอะเดียว แล้วปะป๊าเป็นใคร ทำไมเธอต้องมาวี้ดว้ายในใจเพราะความเท่ห์ของเขาด้วย!

     

    เธอรู้สึกเหมือนใจจะวายเอาให้ได้ตอนปะป๊าสบถด่าสั้นๆ แล้วปล่อยเพลิงพิโรธใส่ศัตรู ใจเต้นระรัวขนาดที่ว่าอยากจะเอาเหตุการณ์ตกหลุมรักในโชโจมังงะมาใช้เปรียบเทียบ

     

    จิตใจดวงน้อยๆ ของมารีถูกความฮอตของปะป๊าเวอร์ชั่นสิบปีข้างหน้าปะทะอย่างรุนแรง

     

    อะเเฮ่ม

     

    ถามว่าทำไมมาหลบอยู่ตรงนี้ อย่างแรกเลยคืออยากเห็นบอสแห่งวาเรียต่อสู้ อีกส่วนคือรู้ว่าถ้าเขาไปขัดปะป๊าคงหงุดหงิด ดังนั้นเด็กสาวจึงได้แต่นั่งเกาะขอบสนามแอบมองอยู่ห่างๆ

     

    พวกแกน่ะ... ทำให้ฉันโกรธจริงๆแล้ว”

     

    “...”มือเรียวซีดรีบยกขึ้นตะครุบปากไม่ปล่อยเสียงเล็ดลอดออกมาให้ใครได้ยิน ไอ้ก้อนเนื้อที่เต้นตุบๆ ในทรวงอกเหมือนจะทะลุออกมาเลย หางตาคล้ายมีหยาดน้ำเอ่อคลอเล็กน้อย แบบว่า ปะป๊าโหดได้ใจหนูมาก มารีชอบ มารีตื่นเต้น อยากตะโกนเชียร์ใจแทบขาดแต่ต้องฮึบไว้ อดทนเสียแทบกระอักเลือด

     

    ปะป๊างานดี! ซัดมันเลยค่ะ ซัดมัน!

     

    ได้แต่โวกเวกในใจ ชูป้ายไฟแบบที่เห็นในโทรทัศน์ได้เธอคงโบกมันไปมาแล้ว

     

    นับหนึ่งถึงห้าเรียกสติกลับคืน ศีรษะทุยก็โผล่ออกมาจากซากผนังที่ใช้กำบังตัว ดวงตากลมกระพริบปริบๆ มองการต่อสู้ของซันซัสด้วยความระยิบระยับ

     

    มารีว่าคนที่ชื่อจิลอะไรนั้นกับพ่อบ้านปากเจ่อน่ารำคาญ พล่ามอะไรไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว แต่เธอก็มีเวลาเห็นซันซัสในสภาพโกรธสุดๆ ให้ถ่ายเก็บไว้มากตามไปด้วย นิ้วรัวแป้นเซฟภาพอย่างไวกับแลปท็อป เด็กสาวไม่เคยเห็นซันซัสโกรธจัดๆ แบนั้นเลย ถึงจะชอบเวลาปะป๊าเกรี้ยวกราดแต่ใช่ว่าจะอยากเจอกับตัวเอง อย่างเธอโดนดุหน่อยก็ซึมแล้ว

     

    ซ่าา...

     

    [ใครได้ยินตอบที!! เกิดบ้าไรขึ้นเนี่ย!]

     

    กึก

     

    ไหล่เล็กกระตุกโหยงรีบดึงหูฟังสื่อสารสำหรับวาเรียออกจากหูเมื่อมันเชื่อมต่ออัตโนมัติจากตอรกที่เธอปิดทิ้งเอาไว้ เสียงของสควอโล่ทำแก้วหูเธอแทบแตก มันคงจะรวนเพราะเผลอใส่ลงไปแช่น้ำก่อนหน้านี้ พอนึกได้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ทุกคนกระจัดกระจายไปกันหมด พี่ชายคนดีก็คงกังวลว่าจะมีเรื่องร้ายแรง เมื่อเธอตั้งใจจะตอบกลับก็พบว่าไมค์มันพังไปเสียแล้

     

     

    ขอโทษนะคะพี่ชาย มารีจะรออยู่ตรงนี้แล้วกันนะ ไว้มาถึงเดี๋ยวก็รู้เรื่องเอง มารีเชื่อว่าไม่ใช่พี่คนเดียวหรอกที่ตกข่าว

     

    คิดจบก็บีบหูฟังทิ้ง

     

    ...เมื่อกี้บีบท่าเดียวกับปะป๊าเลยอะ! หวังว่าจะออกมาเท่ห์เหมือนกันนะ มารีชอบช็อตนั่นมาก ถ่ายวีดิโอเก็บไว้ด้วย! ว่าแต่ตอนนี้ถึงไหนเเล้วนะ?

     

    มารีประคองแลปท็อปในมือ เตรียมอัดคลิปต่อ

     

    “..นั่นแปลว่าฉันจะให้พวกแกเลือกวิธีตาย”

     

    นอกจากเท่ห์แล้วยังใจดีกับศัตรู.. มารีพยักหน้าหงึกหงัก รอดูต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้น ซึมซับทุกการกระทำและคำพูด นับถือปะป๊าเป็นไอดอลในดวงใจ หวังว่าสักวันเธอจะกลายเป็นหญิงสาวสุดคูลที่แค่กระดิกนิ้วก็ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามแบบซันซัส

     

    เด็กสาวค่อนข้างจะเมินคำพูดของคนที่ดูคล้ายเจ้าชาย ชิล.. ใช่ไหมหรือจิลช่างเหอะ แค่เสียงก็ทุเรศแล้ว คนอุบาทว์แบบนั้นเป็นพี่ชายของเบลเฟกอลจริงเหรอถ้าไม่ได้ฟังจากเครื่องมือสื่อสารคงเชื่อไม่ลง ไอ้ท่าหัวเราะเอาลิ้นออกมานั่นน่าเกลียดสุดๆ หวังว่าเจ้าชายของเธอคงไม่ทำแบบนั้น ไม่อย่างนั้นมารีจะไม่เข้าใกล้เขาเลย คอยดู

     

    การต่อสู้เริ่มขึ้นอีกครั้ง แรงปะทะทำผมปลิวตีหน้าเธอแถมพันกันมัวไปหมด โบกมือปัดควันข้างหนึ่ง ข้างที่เหลือก็ปิดปากไอเบาๆ เช็คว่าแลปท็อปยังดีอยู่ก็พับเก็บใส่กระเป๋าก่อนมันจะได้เสียหายจริงๆ ได้ยินเสียงเนิบนาบของซันซัสก็รับรู้ได้ว่าศึกนี้ใกล้จบเต็มที

     

    จะส่งพวกแกลงนรกให้สาสม พวกเศษขยะ”

     

    ว้าว อัพเลเวลจากสวะเป็นเศษขยะแล้ว 

     

    ชื่นชมต่อไม่กี่ประโยค ตาแก่หน้าบากกับสัตว์กล่องก็โดนสอยร่วงไปตามระเบียบ 

     

    ไลเกอร์ของปะป๊าดูขนนุ่มดี ไว้มารีจะลองขอเล่นด้วยหลังเสร็จเรื่องนี้

     

    .

    .

    .

     

    “..จบการรายงานค่ะ”

     

    [โอ้ ขอบใจมาก]

     

    ยินดีค่ะ ขอแลกเปลี่ยนเป็นแลปท็อปที่ให้มาแล้วกันนะคะ”

     

    [ตามสบายเลย]

     

    เด็กสาววางสายจากอัลโกบาเรโน่อรุณ หันไปยิ้มรับลุสซูเรียที่เดินบิดตัวมาแต่ไกลก่อนวิ่งเหยาะแหยะไปทางร่างสูงบนเก้าอี้บุนวม ซันซัสปิดปากหาวราวกับเหตุการณ์เมื่อกี้มันน่าเบื่อเต็มทีจนชวนง่วง ใกล้จนได้ทีก็ชะงักเท้าค้าง

     

    เกือบจะโดดไปนั่งตักแล้ว ลืมเสียสนิทว่าตอนนี้ตัวไม่ใช่น้อยๆ เลยได้แต่ถอนใจมองปะป๊าตาละห้อย

     

    ยัยเด็กสวะ มานี่” แต่คนที่น่าจะไม่สนใจอะไรกลับเรียกเธอไปหาด้วยสายตาคมปลาบนั่น

     

    คะ...!?”

     

    ชั่วครู่เดียวที่ภาพตรงหน้าเคว้งตัดเปลี่ยนมุมมองฉับพลัน เอวบางถูกมือหนาคว้ากระชากจนตัวลอย เสียงอุทานของลุสซูเรียไม่ได้กระทบเข้ากับโสตประสาทของเธอ พอกระพริบตาอีกทีก้นนิ่มก็วางแหมะอยู่บนตักของซันซัส อ้อมแขนกระชับให้หลังของเธอแนบชิดกับอกแกร่งของเขา

     

    อุ่น..ความอบอุ่นเป็นความรู้สึกแบบนี้นี่เอง

     

    ปะป๊า?”

     

    เงียบ”

     

    แม้จะสูงขึ้นเป็นสิบเซนฯ พอเทียบกับทุกคนตัวเธอก็ยังเล็กอยู่ดี คนตัวใหญ่กว่าเอ่ยคำประกาศิตให้มารีปิดปากลงฉับ จากนั้นจึงเอนหลังพิงบัลลังก์ของเขา มารีที่โดนกอดอยู่เลยต้องเอนตาม เด็กสาวพับคอวางบนบ่ากว้าง ขยับยุกยิกซุกหัวทาบลำคอของปะป๊าเพราะเริ่มเหมื่อย ตาก็ปรือลง

     

    ง่วง

     

    ก็ว่าทำไมความรู้สึกช้าลงจากปกติ 

     

    ออกแรงเยอะ อากาศเย็น เจออะไรอุ่นจนตาแทบปิดถึงเพิ่งนึกออก... เธอเป็นมนุษย์แล้วนี่นา ยิ่งเห็นปะป๊าหาวก็เลยยิ่งกระตุ้นอารมณ์อยากนอนขึ้นมา พออยู่แบบนี้แล้ว...

     

    หลับซะ”

     

    เสียงกระซิบเหนือหัวราวสวิตซ์สั่งการ

     

    ความมืดคือสิ่งต่อมาที่เธอรับรู้

     

    ☽☽☽

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×