ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Reborn : จันทราเจ้าเอย... (OC) [END]

    ลำดับตอนที่ #24 : -After Sunset Before Moon rise-

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.51K
      578
      19 ก.พ. 63

    Feat. Fic Reborn ยามตะวันตกดิน



    After Sunset Before Moon rise


    <Mission>







    เมอริเอตต้าทั้งสองได้รับภารกิจจากผู้กำกับ


    เมอริเอตต้า มารี = มารี

    เมอริเอตต้า มารี ฟรอนว์ = ฟุรุยะ อาซามิ

















    "1 2.. ได้ยินเสียงฉันไหมทั้งสองคน" เสียงโมโนโทนเอ่ยผ่านลำโพงด้วยไมค์จิ๋ว การถ่ายทำครั้งนี้ ผู้กำกับจะอยู่หลังจอซึ่งถ่ายทอดด้วยกล้องวงจรปิดหรือการซ่อนกล้องอีกที


    "ได้ยินค่ะ"


    "ชัดแจ๋วเลยค่ะ!"


    สองร่างนั่งหันหน้าเข้าหากัน ในตอนนี้อาซามิไม่ได้ปลอมตัว เธออยู่ในสภาพตัวจริง หน้าไม่เเต่ง วิกไม่ใส่ เรียกว่ากลายเป็นแฝดกับมารีไปเสียเเล้ว ทั้งคู่เหลือบตามองสบกัน หนึ่งยิ้มสนุกสนาน หนึ่งแสยะยิ้มเกรียน


    "หวังว่าวันนี้จะเป็นวันที่น่าสนุกนะ"


    "เช่นกันค่ะ ฝากตัวด้วยนะคะ คุณอาซามิ"



    "พูดคุยกันเสร็จแล้ว ทั้งคู่เปลี่ยนเสื้อผ้าได้เลยนะ"


    เมอริเอตต้าสองคนขานรับ เช็คชุดที่วางอยู่บนโต๊ะกลางห้อง ทว่าในขณะที่อาซามิมองหาที่เปลี่ยนชุดคนข้างตัวกลับแก้ผ้าเรียบร้อยเเล้ว


    "มารี!"เด็กสาวแหวใส่ ถึงแบบนั้นก็สำรวจร่างกายอีกฝ่ายเสร็จสรรพ ไอ้รอยคิสมาร์กที่เต็มไปหมดทั้งตัวนั่นมันอะไรกัน! เฮ้ ในใบประวัติที่ให้อ่านคร่าวๆ มารีไม่มีคนรักนี่นา!?


    "คะ?"อาซามิมองใบหน้าฉบับเดียวกันเป๊ะ เทียบแล้วมารีอายุมากกว่าเธอปีหนึ่ง ระยะห่างระหว่างวัยเพียงแค่นั้นไม่ได้สร้างความแตกต่าง แต่ที่ทำให้สามารถแยกแยะพวกเธอชัดเจนคงเป็นสีหน้านี่แหละ


    มารีเป็นคนร่าเริง แต่เธอเหมือนเด็กเล็กๆ สีหน้าซื่อบื้อชวนให้ด่าว่าเอ๋อนั่นเจือด้วยอากัปน่าเอ็นดู เป็นเหตุให้อาซามิตะหงิดใจที่จะสุภาพกับเธอทั้งที่มองมารีเป็นเหมือนน้องสาวมากกว่า


    ส่วนอาซามินั่นมีนิสัยเกรียนเข้าขั้นบ้า จะมองมุมไหนก็คล้ายจะส่อแววกวนประสาทชวนตี


    แล้วตอนนี้ผู้กำกับที่กำลังมองอยู่เบื้องหลังในห้องอัดก็ราวจะเห็นอันธพาลสาวเขย่าตัวเด็กเอ๋ออย่างหาเรื่อง


    "ใครทำ!?"


    "อ้อ ปะป๊าน่ะค่ะ"ยังมีหน้ายิ้มซื่อ อาซามิอ้าปากเหวอจนมารีหัวเราะขบขัน ก่อนจะร้องอุทานเบาๆ เมื่อมือจับอะไรบางอย่างได้ในกองผ้าตนเอง


    "มีอะไรเหรอ?"


    "วันนี้ลืมใส่กางเกงในมาพอดี ขอบคุณผู้กำกับนะคะที่เตรียมมาให้"


    อาซามิตาเหลือก ก้มมองต่ำแล้วเห็นว่าทั้งตัวอีกฝ่ายไม่มีอะไรเลย.. ไม่มี.. เสื้อในไม่ใส่ยังไม่หนักเท่าลืมกางเกงใน! นี่หล่อนโตมายังไงกันยะ!


    การแต่งตัวอันแสนยาวนานและวุ่นวายเกิดขึ้นเพียงเพราะอาซามิต้องการซักถามที่มาของร่องรอยบนตัวและทอดยาวไปยันความสัมพันธ์อันน่าสับสน


    "...เธอนี่มัน.. อยู่ท่ามกลางสัตว์ป่าไม่ใช่รึไง"


    "จะว่าแบบนั้นก็ได้นะคะ โดนกินบ่อยเลย"


    เธออยากจะถามเหลือเกิน ว่าที่โดนกินน่ะ กินไปถึงขั้นไหน แต่นั่นคงเป็นอะไรที่ควรปล่อยให้ชาวบ้านสงสัยต่อไป


    ในที่สุดก็เปลี่ยนชุดเสร็จ


    อาซามิอยู่ในชุดของหน่วยลอบสังหารวาเรีย มองเผินๆ อาจจะเห็นเป็นมารีสวมเสื้อตัวใหญ่ของสควอโล่ เเต่ถ้าเพ่งพิศเสียหน่อยคงจะเเยกออกอย่างแน่นอน เวลาเดียวกันนั้นก็เป็นมารีในชุดนักเรียนนามิโมริ เธอบ่นนิดหน่อยเรื่องการใส่เสื้อผ้าหลายชิ้นเพราะปกติใส่เเบบชิ้นเดียวมาตลอด


    “เหมือนเเฝดกันเลย!”


    มารียิ้มรับ กวาดสายตาอย่างวิเคราะห์แล้วพบว่าร่างกายเธอผอมกว่าอีกฝ่ายนิดหน่อย ฮึ่ม.. ถ้ามีน้ำมีนวลเท่าอาซามิคงถูกจับเป็นที่ลับฟันของปะป๊าแน่ๆ… แค่ปัจจุบันนี้ก็ระบมพอเเล้วล่ะ


    “ภารกิจแรก เราจะไปโลกของอาซามิกันก่อน เตรียมตัววาร์ปใน สาม.. วาร์ป!”


    “สองกับหนึ่งหายไปไหน!!”




    .

    .

    .



    “ลงจอดอย่างปลอดภัยกันนะ?”



    “...”


    มารีหัวเราะแหะ


    เมื่อสักครู่มีเหตุขัดข้องนิดหน่อย ดันตกลงมาจากฟ้า ถ้าไม่ใช่เพราะพลังจิตก้นกรุที่เก็บไว้จนหยากไย่เกาะพวกเธอคงบี้ติดพื้นดาดฟ้าโรงเรียนนามิโมริไปเเล้ว เเขนเล็กคลายกอดเล็กน้อย ให้ร่างของแฝดต่างมิติขยับลุกขึ้นจากตัว ดีเเค่ไหนที่มารีคว้าอีกฝ่ายมากอดได้ทันจะกระเเทกพื้น


    “อย่าให้เจอหน้านะ! จะกระโดดเเทะหัวให้สำนึกเลย!”


    เหมือนว่าจะไม่มีอารมณ์มาสุภาพกับผู้กำกับเเล้วสินะ..



    “จะเริ่มอธิบายภารกิจเเล้ว ช่วยฟังดีๆล่ะ”


    “เมินกันหนิเฮ้ย!”




    นอกจากหน้าตาแล้ว นิสัยก็ยังชวนปะทะสินะ


    "ภารกิจนี้มารีเริ่มก่อนนี่นา"อาซามิท้าวสะเอว มือขวายกขึ้นกุมคาง แว่นตาที่เอามาใส่ตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบส่องแสงราวกับติดไฟนีออน


    "..อะไรเหรอคะ? นั่นน่ะ"


    "ไม่เคยดูเหรอ ถึงตัวจะเป็นเด็--"



    "เดี๋ยวก็โดนแบนหรอกฟุรุยะ"


    "อะแฮ่ม.. เอาล่ะ ไปเล่นกันเถอะ!"


    "ค่ะ"ถึงจะไม่เข้าใจเท่าไรแต่ก็ยิ้มแย้มเออออตามไป






    เป้าหมายเเรก ให้มารีไปทักทายฮิบาริ เคียวยะ


    "เห็นท่าไม่มีก็ชิ่งก่อนเลยนะ"ไหล่เล็กถูกเขย่าเรียกความสนใจ เป็นอาซามิที่แสดงท่าทีห่วงจริงจัง มารีกระพริบตาปริบเอียงคอครุ่นคิด หรือพี่เคียวของที่นี่จะน่ากลัว?


    "ไม่เป็นไรนะคะ ที่นู่นมารีกับพี่เคียวตีกับประจำเลยค่ะ"เด็กสาวยิ้มจนตาปิด อาซามิดึงเธอมากอดรัด


    ทั้งที่หน้าตาเหมือนกันแท้ๆ ทำไมถึงให้บรรยากาศน่าเอ็นดูต่างจากเธอราวฟ้ากับเหว ไม่เข้าใจเลย



    "รีบๆ ไปได้แล้ว"






    "สวัสดีค่ะ"


    หัวหน้ากรรมการคุมกฎแห่งนามิโมริจดจ้องมองร่างของเด็กสาวเบื้องหน้า ปรายตามองเห็นว่าเป็นรุ่นน้องที่แปลกตาไปเนื่องจากไม่ได้อยู่ในรูปลักษณ์ของสาวสวยเช่นเดิม ถึงแบบนั้นก็ใช่ว่าเขาจะจำหน้าจืดๆ นั่นไม่ได้


    แต่เหมือนมีอะไรผิดปกติ


    มารีฟังคำสั่งจากหูฟังบลูทูธ ได้ยินเสียงให้กำลังใจจากอาซามิก็หลุดขำเบาๆ ระหว่างก้าวเท้าไปนั่งโซฟา ดีใจที่อีกคนในห้องไม่ชักทอนฟามาฟาดเอาๆอย่างพี่เคียวในโลกของเธอ


    จะว่าไปทางนั้นก็ไม่ได้เจอกันนานแล้วเเหะ


    "มองอะไรของคุณ"


    'มองหน้าหาเรื่องมั้งคะ' ถ้าเป็นปกติอาซามิจะต้องตอบเเบบนั้น แต่..


    "แค่คิดถึงน่ะค่ะ"


    มือที่พับเก็บเอกสารบนโต๊ะหยุดนิ่ง สังเกตถึงน้ำเสียงและบรรยากาศที่แปรผัน คำพูดที่คิดว่ายังไงก็ต้องออกมาจากปากของเธอไม่เหมือนอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งสีหน้า ท่าทาง คำพูด แววตา


    "คุณเป็นใคร"


    ไม่ใช่ฟุรุยะ อาซามิของเขา


    "คะ?"


    เสียงขานรับสั้นๆ นั้นยิ่งทำให้มั่นใจ คนพูดมากอย่างอาซามิไม่มีทางถามโดยไร้ประโยคเรียกฝ่าเท้าหรอก


    "ผมไม่ถามซ้ำ"


    คล้ายได้ยินเสียงล้อเลียนพี่เคียวจากปลายสาย ผู้กำกับบอกให้ลองเล่นตัวอีกหน่อย มารีเลยทำการแสดงต่อ แม้ว่ามันจะไม่เนียนเลยก็ตาม


    "น.. ฉันก็คือฉันไงล่ะคะ ..รุ่นพี่ถามอะไรแปลกๆ"


    อีกสิ่งหนึ่งที่สนับสนุนความคิดของเด็กหนุ่ม คือสัญชาตญาณของเขา ผู้หญิงที่นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี้ให้ความรู้สึกเหมือนสัตว์ตัวเล็ก ไร้พิษภัย อยู่ด้วยเฉยๆแล้วผ่อนคลาย ต่างจากอาซามิที่แค่เห็นหน้าก็ครั่นเนื้อครั่นตัวอยากไล่ฟาดสักรอบสองรอบ


    มั่นใจว่าไม่ใช่แน่ๆ แต่ไม่ได้อันตรายอะไร


    "ฮิบาริ ฮิบาริ"


    ยิ่งเจ้านกอ้วนปุกนั่นบินเข้าหน้าต่างไปนอนเล่นบนหัวยิ่งมั่นใจ


    "ฮ่ะๆ ไม่เจอกันนานเลยนะคะ เจ้าตัวน้อย"


    เหมือนสัตว์เล็กสองตัวเล่นกัน





    ในอีกด้าน อาซามิอ้าปาก


    "ทั้งที่รู้ว่าไม่ใช่ฉันแต่ก็ปล่อยเลยตามเลยเหรอ! หรือว่าจะตกหลุมความน่าเอ็นดูของมารี.. ไม่นะ! สเปครุ่นพี่เป็นแบบนั้นเรอะ!?"


    "เลิกสติแตกได้รึยัง…"


    ในระยะเวลาหนึ่งชั่วโมงในห้องรับแขกของโรงเรียนนามิโมริ ฮิบาริ เคียวยะ นั่งทำงานอย่างสงบโดยมีคนแปลกหน้าซึ่งเล่นกับฮิเบิร์ดเป็นที่พักสายตา








    "ดีจังเลยค่ะ ได้เล่นกับเจ้าก้อนกลมด้วย"


    "รุ่นพี่.."


    "?"




    "เอ้าๆ จะวาร์ปไปอิตาลีแล้วนะ"


    "2… วาร์ป!"


    "ทำไมโผล่มาแค่สองล่ะยะ!"



    .

    .


    ยังดีที่คราวนี้ลงจอดอย่างนุ่มนวล เป็นห้องของหน่วยเก็บกวาดที่อาซามิถูกเรียกใช้งานบ่อยๆ


    "มารี เปลี่ยนกลับไปใส่ชุดเดิม"


    เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่นั่นล่ะ แต่มารียินดีเปลี่ยนกลับเพราะอึดอัดเต็มที มือเล็กถอดเสื้อผ้าออกราวกับดึงทึ่ง โยนลงพื้นก่อนรับเสื้อของหน่วยลอบสังหารตัวโคล่งแสนคุ้นชินมาใส่ จมูกรั้นขยับดมฟุดฟิดได้กลิ่นแชมพูพี่ชายที่ติดเจือจางจากเสื้อก็คล้ายจะแผ่ออร่าแฮปปี้เสียจนผู้กำกับเห็นพื้นหลังเป็นดอกไม้บาน


    "เป้าหมายต่อไป เดินเล่นรอบปราสาท"


    ตั้งใจจะให้เจอพวกซันซัสชัดๆ!


    "มารี.. วาเรียของที่นี่ไม่ได้-- เอ๊ะ อ้าว"อาซามิที่ตั้งใจหันไปเตือนคนด้านข้างกลับพบเพียงอากาศธาตุว่างเปล่า "มนุษย์ล่องหน!"


    "สตินะ มารีเพิ่งวิ่งออกไป"


    "สติไม่ใช่สตังค์ค่ะ ไม่จำเป็นต้องมี"


    "เออ เรื่องของหล่อน"




    ทางด้านของเด็กซน มารีวิ่งเท้าเปล่าไปทั่วทางเดิน ที่นี่ไม่ค่อยต่างจากโลกของเธอเท่าไร เส้นทางคุ้นตา ต่างไปแค่ไม่มีโพสอิทแปะบนกำแพง


    มารีขี้เบื่อง่าย เวลาทุกคนไม่ว่างเล่นด้วยเธอก็จะแปะโพสอิทไว้เต็มผนัง ไม่มีใครเอ็ดเธอก็ทำต่อไป ทุกคนเวลาเดินผ่านก็จะอ่าน หลายครั้งที่มีคนเขียนตอบ ส่วนมากไม่ลุสซูเรียก็เบลเฟกอล กลายเป็นของตกแต่งไปแล้ว


    ปึก


    "โว้ย!! แหกขี้ตาดูทางบ้างสิไอ้เวร!"


    "ทำไมเกรี้ยวกราดจังเลยค่ะ.."เด็กสาวแหงนหน้ามองคนสูงกว่า เห็นสีหน้าปุเลี่ยน


    สควอโล่ที่ผ่านมาขมวดคิ้วมองเธอด้วยความรู้สึกที่ตีกันแปลกๆ อารมณ์เหมือนเจอคนข้างบ้านที่ฟาดกันบ่อยๆ แต่มันตงิดเหมือนจะทักผิดคน ก้มมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าเเล้วก็เอ่ย


    “เเต่งตัวบ้าอะไรของแก”จำได้ว่าหน่วยที่อาซามิทำงานไม่น่าจะสวมเครื่องเเต่งกายแบบเขา ชุดหลวมโผลก แถมรองเท้าก็ไม่ใส่ ที่น่าแปลกใจคือไม่เล่นหูเล่นตาก่อนชิ่งเหมือนปกติ เฮ้ย ไม่ใช่ว่าเป็นศัตรูปลอมตัวมานะเว้ย! แต่ตัวเขาไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านอะไร อีกฝ่ายเเผ่ออร่าไร้พิษภัยสุดๆ


    แต่ยังไงก็..


    “พี่ชายกำลังจะไปไหนเหรอคะ?”


    ไม่ใช่คนที่เขารู้จักเเน่ๆเว้ย!


    ปลายดาบนาบอยู่ข้างลำคอ มารีมองคนท่าทางน่ากลัวรอยยิ้มไม่จางหาย เพียงขยับคอหลบนิดหน่อยเท่านั้น


    “แกเป็นใครว--”


    ผลั่ก! โครม!


    “ปั่นเกียร์หมาเลยจ้าาาา”


    มารีนิ่งไปชั่วขณะก่อนหลุดขำพรืดเมื่อฉลามคลั่งคนนั้นถูกอาซามิกระโดดถีบลงถังขยะไร้ที่มา เดาได้เลยว่าเป็นเธอนั่นแหละที่เป็นคนลาก เด็กที่ถูกแบกหนีมองขาสองข้างที่ชี้เด่สะบัดไปมาเพราะออกจากภาชนะใส่ขยะไม่ได้แล้วสำลักหัวเราะจนเเทบขาดอากาศ


    ตาย ถ้าอยู่กับอาซามิเเล้วเจอเเบบนี้ทุกวันเธอต้องขาดอากาศตายเเน่ๆ ขอโทษนะคะพี่ชาย เเต่มันตลกจริงๆ





    “สรุปคือไม่เนียนเลยสินะ”


    “แน่สิ เห็นว่าเนียนรึไง!”


    “ใจเย็นๆ นะคะ..”




    "เวลาเหลือไม่มากแล้วเอ้า รีบกลับไปโลกของมารีทำภารกิจสุดท้ายดีกว่า!"


    "วาร์ป!"



    "คราวนี้ไม่นับล่ะเฮ้ย!!"





    "..."


    คราวนี้เป็นตาของอาซามิบ้างที่ต้องเดินสำรวจปราสาทวาเรียที่… อืม


    เธอคิดว่าตัวเองคงอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก เฉาตายแน่ๆ มองหน้ามารีของที่นี่ก็รู้ว่าโลกนี้เป็นอย่างไร ไม่มีคนตบชงมุกแบบที่นู่นแหง่ อาซามิรับไม่ได้ จืดชืด แค่หน้าเธอก็จืดชืดพอแล้วชีวิต


    สายตากวาดมองทั่วโถงทางเดิน เห็นโพสอิทมากมายแปะเรียงรายหลากสี ตัดสินใจเข้าไปอ่านดู


    'วันนี้มารีทำแพนเค้ก แต่ไหม้อะ ไว้ทำได้อร่อยจะให้ทุกคนชิมนะคะ'


    'เจ้าชายแอบชิมแล้วนา ใช่ได้นี่ ชิชิชิ~'


    'เดี๋ยวก็ท้องเสียหรอกค่ะ!'


    อาซามิยิ้มขบขัน อะไรกัน ที่นี่น่ารักกันจริง


    'ทุกคนคะ ถ้ายังไม่รีบกลับมา หนูจะเผาคลังเตกีล่าของปะป๊า!'


    'เขียนตั้งเเต่เมื่อไรเนี่ย มารีจัง?'


    'เอ๊อะ นั่นสิคะ ลืมไปแล้วอ่า'


    ไม่มีเอกลักษณ์ชัดเจนแต่เดาว่าคงเป็นกระเทยประจำหน่วยอรุณนั่นล่ะ


    "ฮึ่ม.. ทำไมไม่เจอใครเลยนะ.."


    "เธอไม่มีดวงมากกว่า"


    "เพราะฉันดึงดูดเเต่พวกไร้สติไงล่ะ! คนตบมุกไม่ได้น่ะ ไม่เจอกันดีแล้ว!" อีกอย่าง วาเรียที่นี่ดูอันตรายกว่าฝั่งของเธอเสียอีก ไม่เจอนั่นแหละดี


    ที่นู่นหนีตายจริง แต่ถ้าเป็นแบบที่เห็นตามรอยบนตัวของมารี.. อาซามิขอปาดคอตายเป็นผีหลอกรุ่นพี่จนฟ้าดินสลายดีกว่า



    "งั้นปิดจ๊อบวันนี้แล้วแยกย้ายกลับบ้านดีกว่า"


    "เสียเที่ยวจริง"


    เท้าของเธอชะงักลง เห็นที่มุมทางเลี้ยวของฝั่งตรงข้ามมีสมาชิกระดับสูงวิ่งแบกของอยู่ พออ่านคำบนป้ายใหญ่ก็ยกยิ้ม


    รู้เเล้วล่ะว่าทำไมเงียบ


    "ผู้กำกับนี่ไม่เช็ควันที่เลยสินะ.."


    "สาม… สอง.. วาร์ป!"




    ก็วันนี้ครบรอบสองปีที่มารีอยู่กับวาเรีย


    คนเขาวิ่งวุ่นจัดงานกันอยู่นี่เนอะ


    อือ มีครอบครัวที่ดีจริงๆ





    .

    .

    .



    "ลวกเพ่~~"


    "..."ฮิบาริส่งสายตาเอือมระอาตอบสิ่งที่ชีวิตที่โดดเกาะเขาเป็นปลิงตั้งแต่เมื่อสักครู่ ขาเรียวเกี่ยวรัดรอบแขนจนสะบัดไม่ได้ หัวเขาถูกกอดจนมองทางแทบไม่เห็น


    นี่หล่อนกำลังเลียนแบบลิง?


    "สเปครุ่นพี่เป็นแบบนั้นเหรอคะ ทำไมไม่บอกฉันแต่เเรกล่ะ คนเจ้าชู้ คนหลายใจ คนผีทะเล!"


    ทำอย่างกับเป็นผัวเมียกัน


    เขากลอกตา เดินตรวจโรงเรียนรอบเย็นต่อ ดีที่ไม่มีนักเรียนอยู่แล้ว


    "หนัก"


    "ว่าฉันอ้วนเหรอคะ!?"


    "..."


    "ตอบฉันสิคะ โฮ!"


    เป็นวันนั้นของเดือนรึไง… "เดี๋ยวเลี้ยงซูชิ"


    "...."


    "...."


    "...."


    "แซลมอนโรลห้าชุด"


    "รักที่สุดเลยค่ะ รุ่นพี่"


    =_=


    เฮ้อ ปวดหัว


    "จริงๆฉันรู้หรอกนะคะว่ารุ่นพี่มีฉันคนเดียว ไม่ต้องห่วงค่ะ จากนี้ทั้งชีวิตจะมีแค่ฉันเท่านั้นที่ตามรังควาญรุ่นพี่ ไม่ปล่อยให้คนแย่งไปแน่นอน"


    …..


    อย่างกับสัมภเวสี


    อาซามิหัวเราะคิกคัก พูดเล่นให้อีกฝ่ายขนลุกเฉยๆ รอดูปฏิกิริยาด้วยความคึกคะนอง


    "ทำให้ได้แบบที่พูดแล้วกัน"


    "แน่อยู่แล้-- เอ๊ะ?"


    "..."


    "เมื่อกี้รุ่นพี่ว่าไงนะคะ? นี่!"


    "..."


    "ทำไมไม่เคยเคลียร์!?"


    เมินกันเหรอ? ได้ ได้! แทะหัวแม่ม!!


    "ยัยสัตว์กินพืชนี่!"


    "แง่งงง"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×