ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Reborn : จันทราเจ้าเอย... (OC) [END]

    ลำดับตอนที่ #3 : Moon Number.1 < They are … >

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.81K
      772
      17 ก.พ. 63

    อย่าลืมไปอ่านการชี้แจงในบทแรกกันนะคะ

    รัก

    จากนักเขียน




    Moon Number.1

    < They are … >

     

    จันทราเจ้าเอย..

    พวกเขาคือ..

     

     

     

     

    [Writer Side]

     

    แท๊งค์น้ำสำหรับทดลองที่สต๊าฟร่างของมารีถูกเปลี่ยนเป็นโลงสองชั้น ด้านในคือกระจกถูกล้อมด้วยไม้สักเคลือบเงาด้านนอก ดูสวยงามและมีศิลปะขึ้นเยอะเลย เจ้าของกายาในภาชนะปรบมือแปะๆ ยกยิ้มกว้างพลางกล่าวขอบคุณพี่ชายใจดีขี้โวยวาย

     

    ถึงปากจะบอกว่าของเก่าเทอะทะเกินไป แต่ของใหม่นี้ก็ประณีตเกินกว่าจะบอกว่าสั่งซื้อมาส่งๆ จะมองมุมไหนก็ของแพงแน่นอน

     

    กายหยาบของเด็กหญิงถูกเปลี่ยนชุดใหม่ จากเครื่องแบบผู้ป่วยกลายเป็นเดรสระบายสีขาวน่ารักแบบที่ไม่เคยนึกว่าจะได้ลองใส่ เห็นแบบนั้นก็สร้างชุดมายาให้ร่างวิญญาณของตัวเองบ้าง กระโดดหมุนตัวกลางอากาศ เดาได้ว่าดวงตาของเธอคงระยิบระยับยามมองดูริ้วลูกไม้ที่ขยับตามแรงลมหลอกๆ ซึ่งสร้างขึ้นมา

     

    ปลอม

     

    แต่ก็สนุก

     

    รองเท้าหุ้มข้อมีส้นถูกสวมเพิ่มเข้าไป พร้อมกับดอกไม้แห้งประดับที่ถูกจัดแต่งรอบศพ

     

    เมอริเอตต้า มารี มีส่วนสูง148เซนติเมตร รูปร่างสมส่วนค่อนไปทางผอม ใบหน้าของเธอนั้นแสนธรรมดา ไร้ซึ่งความโดดเด่น เทียบกับเด็กวัยเดียวกันแล้วยังใช้คำว่าน่ารักไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่จะน่าเกลียด เรียกมองแล้วสบายตาจะถูกกว่า บวกกับรอยยิ้มชวนให้รู้สึกเอ็นดู ทำให้ใช้คำว่าน่ามองได้ไม่ระคายปาก รูปลักษณ์ของวิญญาณนั้นคล้ายคนยังมีชีวิต สีเลือดฝาดบริเวณแก้มกลมราวจะบอกว่าร่างนี้มีชีวิตชีวา แต่กลับโปร่งแสงอย่างที่มนุษย์ไม่ควรจะเป็น เส้นผมสีเบจตัดสั้นประบ่าและหน้าม้าตรงเข้ากับดวงตาสีฟ้าสว่างของเด็กหญิงได้ดี

     

    "ขอบคุณมากจริงๆ นะคะ พี่ชาย"

     

    ถ้อยวาจาอ่อนน้อมกล่าวอย่างจริงใจ มองสควอโล่หันหน้าหนีจนเส้นผมสีเงินงดงามนั้นสะบัดตาม อดไม่ได้ที่จะเข้าไปออดอ้อนขอให้เขาอุ้ม

     

    แม้จะเป็นดวงจิต แต่เพราะเป็นสายหมอก กับแค่การสร้างร่างกายให้อีกฝ่ายสัมผัสตัวได้ เรื่องแค่นั้นเล็กน้อย

     

    ตัวของมารีที่ไม่เคยทำตัวน่าเอ็นดูกับใครมาก่อนรู้สึกสนุกสนานและพอใจกับการกระทำตัวแบบนี้ เพียงเข้าไปเกาะแขนของชายหนุ่ม ช้อนสายตามองแล้วเอ่ยถ้อยคำหวานหู

     

    "เออๆ น่ารำคาญจริง" กายเล็กโปร่งแสงถูกช้อนขึ้น ก้นวางแหมะบนท่อนแขนแข็งแรง ลำตัวเอนพิงกับอกกว้างพร้อมวางแก้มเหนือบ่าใหญ่ดูอบอุ่น

     

    แค่นี้สควอโล่ก็ทำตามคำขอแล้ว มารีชอบ รู้ว่าชายหนุ่มไม่ได้หลงเล่ห์ เขาทำแค่เพราะอยากทำ ส่วนหนึ่งก็รู้ว่าฉลามผมเงินคนนี้ก็พอใจนิดหน่อยกับสิ่งที่เด็กหญิงแสดงออก

     

    โลงของเธอถูกเคลื่อนย้ายอย่างระมัดระวัง

     

    ลูกน้องของหน่วยพิรุณซึ่งสควอโล่ควบคุมสั่งการไม่ได้หันมามองเธอเลย พวกเขาทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ดังนั้นเธอจึงไม่คิดวอแวให้มากความ

     

    "เคยไปอิตาลีรึเปล่า"

     

    นั่นไม่ใช่คำถามหรอก

     

    "คงจะน่าสนุกนะคะ"

     

    มารีนับมันเป็นคำชวน

     

     

    .

    .

    .

     

    ปราสาทหลังใหญ่ตระการตา

     

    แสงอาทิตย์ยามเย็นย้อมให้นภาเป็นสีแดงฉาน

     

    มารีทิ้งตัวนั่งเหนือบ่าของคุณพี่ชาย สร้างน้ำหนักเบาๆ ให้รู้ว่าเธออยู่ตรงไหน สควอโล่จะได้ไม่ต้องคอยถามหาเพราะแสงแดดทำให้ตัวตนของเด็กหญิงจางหายไป

     

    แท้จริงใช่ว่าเธอจะสร้างภาพตัวเองในเวลาที่ต้องแสงตะวันไม่ได้ แต่นั่นกินพลังมากเกินไป เหมือนวิญญาณเธอไม่ถูกกับดวงอาทิตย์อยู่แล้ว ก็เป็นวิญญาณนี่ ใช่ไหม?

     

    เด็กสาววางแขนบนหัวของสควอโล่ นิ่งสักพักก่อนจะเปลี่ยนไปกอดรอบศีรษะ เมินเส้นผมที่โด่เด่ขึ้นมาจากพลังสายหมอกอันทำให้เกิดสัมผัสแบบมนุษย์ เมื่อขยับจนได้ที่ก็ซบหัวตามลงไป ช่างสบายเสียเหลือเกิน

     

    "ฉันต้องไปรายงานเรื่องเธอ" เสียงของเขาเบาลงแม้จะยังดังกว่าคนทั่วไปเวลาพูดปกติ แสดงถึงความจริงจัง ขายาวก้าวเข้าสู่เขตสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่

     

    "หนูจะซ่อนตัวไว้ก่อน จนกว่าพี่ชายจะคุยเสร็จนะคะ"

     

    มารีให้สัญญาว่าจะไม่กวน นอกจากกอดหัวแล้วซบเส้นผมนุ่มนิ่มนั่นต่างหมอน

     

    แม้เธอจะรู้สึกถึงเพียงความว่างเปล่าก็ตาม 

     

    พี่ชายคุยงานเสร็จแล้ว นำเสนอเธอเรียบร้อย ระหว่างนั้นมารีทำตามสัญญา ไม่ซุกซนไม่ส่งเสียง

     

    "มอริเอตต้า?"

     

    ราวกับเสียงคำรามของราชสีห์ เจ้าของชื่อนึกขลาดกลัวขึ้นมายามสายตาเฉียบคมนั่นสบเข้ากับเนตรกระจ่างของเธอที่ยังพลางตัวอยู่ ..น่าหวาดหวั่นอะไรปานนี้

     

    อีกนัยหนึ่ง ซันซัสกำลังบังคับกรายๆ ให้เธอเปิดเผยตัวตน

     

    มารีใช้เวลาเรียกสติเล็กน้อย เนื่องจากไม่เคยได้เจอคนแบบหัวหน้าหน่วยลอบสังหารวาเรียควอลิตี้.. เขาเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามอย่างแท้จริง

     

    ร่างเล็กปรากฏในครรลองสายตา มายาถูกปัดเป่า เจ้าวิญญาณตัวน้อยเผชิญหน้ากับราชสีห์ตัวใหญ่

     

    ถึงจะสั่นไหว

     

    "สวัสดีค่ะ"

     

    แต่ก็ระริกระรี้ด้วยความตื่นเต้นซะมากกว่า

     

    "ขอฝากตัวด้วยนะคะ"

     

    แย่จัง สีหน้าตอนนี้จะน่าเกลียดรึเปล่านะแต่ชายคนนั้นกำลังกระตุกยิ้มนี่นา

     

    "ทำตัวให้มีประโยชน์แล้วกัน ยัยสัมภเวสีสวะ"

     

    "เรื่องถนัดเลยค่ะ... ปะป๊า"

     

    สุดยอดไปเลย สุดยอดกว่าตอนอยู่กับคุณพ่อ เขาคนนี้ต่างหากที่คู่ควรจะเป็นปะป๊าของเธอ บรรยากาศอันหนักอึ้งเชิญชวนให้เธอวิ่งโร่เข้าสู่ความอันตราย

     

    "หึ"

     

    มารีกัดริมฝีปากไม่ให้ยิ้มกว้างจนเกินไป แววตาเปล่งประกายจ้องตอบชายผู้มีแผลเป็นตรงหน้า โดยมีรอยยิ้มนึกสนุกของสเปลบี สควอโล่สนับสนุน

     

    บอสได้ของเล่นชิ้นใหม่

     

    ส่วนเด็กสาวก็ได้พ่อคนใหม่

     

    เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรกันนะใครจะบอกได้กันล่ะ

     

    "แต่โปรดอย่าเรียกหนูว่าสัมภเวสีสิคะ มันเจ็บปวดสำหรับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ นะ"

     

     

     

    ไม่ใช่ความคิดที่ผิดเลยกับการตามพี่ชายมา

     

    วาเรียไม่น่าเบื่อเลยสักนิด

     

    หลังจากที่ซันซัสยอมรับให้อยู่อาศัยได้มารีก็ไปทำความรู้จักกับสมาชิกคนอื่นๆ เรียกว่าเปิดโลกใหม่เลยก็ดี ที่นี่ครึกครื้นจนเข้าขั้นน่าหนวกหู ทว่ามารีไม่ได้เกลียดอะไร

     

    เลวี่ อาแทน เป็นผู้พิทักษ์อัสนี เขาตัวใหญ่ ใบหน้ามีเอกลักษณ์ด้วยตาดำเล็กๆ และหนวดคล้ายปลาชนิดหนึ่ง เด็กหญิงไม่ได้รู้สึกรำคาญที่เลวี่ทำตัวเทิดทูนปะป๊าของเธอจนเกิดไปหรอกนะ คุณลุงคนนี้ปั่นหัวสนุกด้วยซ้ำ พอรู้ว่าบอสของตัวเองยอมให้วิญญาณตัวน้อยเรียกปะป๊า ก็ยอมเล่นกับเธอด้วย พอเวลาผ่านไปเลวี่ก็จะไม่บ่นด้วย น่าพอใจๆ

     

    คนต่อไปที่ได้รู้จักคือเบลเฟกอล ผู้พิทักษ์วายุ เด็กหนุ่มแนะนำตัวเองว่าเป็นเจ้าชาย และมารีก็ไม่ขัดใจอะไรกับการเรียกฝ่ายตรงข้ามแบบนั้น เสียงหัวเราะของเขาระลื่นหูกว่าพวกผู้ใหญ่ชุดขาวนั่นเยอะเลย แถมเบลเฟกอลยังมีฝีมือทำมีดสังหารด้วยตัวเอง เด็กหนุ่มคนนี้มีผมหน้าม้ายาวปิดบังดวงตา มารีอยากจะเห็นดวงตาของเขาชัดๆ สักครั้งหนึ่ง

     

    มาม่อน ผู้พิทักษ์สายหมอก เป็นคู่หูของเจ้าชายดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เห็นพวกเขาอยู่ด้วยกัน มารีเลยได้พบอัลโกบาเรโน่จอมโลภพร้อมเบลเฟกอล มาม่อนค่อนข้างระแวงเด็กหญิงที่มีไฟธาตุเดียวกัน แต่มารีผู้ไร้พิษสงสำหรับคนที่น่าสนใจไม่ใช่คนที่ควรนับเป็นศัตรูในเวลานั้น คงจะกังวลว่าเธอเป็นสายให้คุณพ่อ แต่นึกได้ทีหลังว่าก็ล้างบางไปหมดแล้วนี่เนอะ?

     

    คนสุดท้ายที่ได้พบคือลุสซูเรีย มารีได้รับความสนใจอย่างมากจากเธอ.. จริงๆ ไม่รู้จะแทนตัวว่าเขาดีไหม แต่เด็กหญิงคิดจะเรียกตามน้ำไปก่อน เห็นได้ชัดว่าผู้พิทักษ์อรุณคนนี้เอ็นดูเธอราวลูกแท้ๆ ส่วนความประทับใจอื่น.. มารีถูกใจทรงผมของเธอด้วยล่ะนะ

     

    ในส่วนของปะป๊าและพี่ชาย เด็กหญิงติดพวกเขาอย่างกับอะไรดี ส่วนของซันซัส มารีมักจะแอบเข้าไปเล่นด้วยเมื่อแสงตะวันสอดส่องเข้าห้องทำงานของคนหน้าดุ แต่ก็โดนจับได้ทันที คงเป็นเพราะธาตุไฟเข้มข้นของเธอไปกระตุ้นสัญชาตญาณของเขา

     

    บางครั้งถ้าเข้าไปตอนหงุดหงิด วิญญาณของเธอก็เละบ้างกระจุยกระจายบ้างเพราะเพลิงพิโรธของเขา แต่มันเป็นสีสันของชีวิต เธอก็ไม่เจ็บ ซันซัสก็ได้ระบายอารมณ์จนใจเย็นลง

     

    มาม่อนพอใจกับเธอด้วยซ้ำที่ใช้พลังรับไว้จนความเสียหายน้อยลง งบประมาณค่าบูรณะซ่อมแซมจึงลดลงไปด้วย

     

    อยู่ไปได้สักสัปดาห์ ทุกคนในวาเรียก็ปรับตัวกันได้ จะมีบ้างเป็นบางครา มารีก็อยากออกไปซุกซนข้างนอก ลากพวกลองดีที่ซ่อนตัวในป่ารอบปราสาทกลับมาให้ เด็กหญิงชื่นชอบการละเล่นกับลูกน้องในแต่ละหน่วย พวกเขามีของเล่นมาให้เธอเสมอแล้วก็ตลกมากๆ

     

    พอเข้าสัปดาห์ที่สอง เบลเฟกอลก็ชวนเธอไปเที่ยว มารีตื่นเต้นมาก จึงไม่ปฏิเสธลาภลอยครั้งนี้

     

    เจ้าชายพาเธอไปเปิดหูเปิดตา และวาเรียก็ได้รับรู้ถึงอีกความสามารถของเธอ

     

     

     

    "มีความเป็นไปได้80%ที่จะมีสไนเปอร์ซุ่มยิง 60%คือแย่งเหยื่อคนเดียวกันค่ะ"

     

    "ชิชิชิ เป้าหมายซ้อนสินะ?"

     

    มารียิ้มร่าพยักหน้าหงึกหงัก "ส่วนเปอร์เซ็นต์ที่เหลือคือสอยคนที่แย่งเหยื่ออีกทีค่ะ พวกเขาจะมาเป็นทีม"

     

    เจ้าของฉายาปริ้นซ์ เดอะ ริปเปอร์หัวเราะอย่างพึงพอใจ "มีอะไรน่าสนอีกไหม มารี"

     

    "แต่ละคนน่าจะมีค่าหัวไม่ต่ำกว่าสามพันเหรียญ--"

     

    "เยี่ยม!"

     

    งานนี้ครื้นเครงจริงๆ ทั้งที่มาทำกันแค่หนึ่งคนกับหนึ่งวิญญาณแท้ๆ

     

    "สามนาฬิกา สองคน"

     

    ฉึก!!

     

    "ด้านบน ปืนพก คนเดียวค่ะ"

     

    อ้าก!!!

     

    "มีความเป็นไปได้75% ที่ห้องนี่จะมีทางลับไปยังเอกสารสำคัญค่ะ"

     

    เป็นงานที่มีคุณภาพ และน่าพึงพอใจจนหุบยิ้มไม่ได้เลย

     

    มารีจะรู้ไหมนะ ว่ารอยยิ้มบนใบหน้าตอนนี้ทำให้เธอดูเหมือนวิญญาณร้ายไม่น้อย แต่จะว่าได้อย่างไรกัน ในเมื่อเพื่อนร่วมภารกิจก็ฉีกยิ้มกว้างสนุกสนานไม่แพ้เธอ



    "ทำได้ดี" ซันซัสเอ่ยชมเป็นครั้งแรกตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา เด็กหญิงเม้มปากแต่รอยยิ้มจันทร์เสี้ยวกลับเก็บไม่มิด เอนหัวเข้าไปหาปะป๊าของตนโดยใช้มายาปลอมสัมผัสเทียมขึ้น

     

    "..." 

     

    เงียบอยู่นาน ศีรษะทุยก็เอียงเข้าไปใกล้เรื่อยๆ สุดท้ายฝ่ามือหนาหยาบกร้านนั่นก็แปะลงบนหัว

     

    ปุ 

     

    เด็กหญิงยิ้มพอใจ ไม่สนว่ามือนั้นนิ่งสนิท เธอขยับหัวถูไถไปมากับมือของปะป๊าอย่างสุขใจ ไม่นานนักซันซัสก็ชักแขนกลับ ใบหน้าไร้อารมณ์ใดๆ

     

    มารีชอบ และหวังว่าจะมีสักวันที่คนตรงหน้าจะลูบหัวเธออย่างเต็มใจ

     

    วิญญาณโปร่งแสงล่องลอยทะลุพื้นกำแพงให้คนที่เดินผ่านตามชั้นต่างๆ ตกใจเล่น จนสุดท้ายเสียงโวยวายจากห้องอาหารก็เรียกให้เธอลอยเอื่อยตามไป

     

    "ปักดีๆ สิวะ!! เค้กหน้าเละแล้วโว้ย!!!"

     

    พี่ชายฉลามเงินแน่นอน

     

    "ชิชิชิสตอเบอรี่น้อยไปไหมลุสซูเรีย"

     

    คงไม่ต้องเดาว่าใคร

     

    "เห็นว่านายเพิ่งกินไปเองนะเบล"

     

    มาม่อนขัดด้วยเสียงเหนื่อยหน่ายใจขณะที่ลุสซูเรียหวีดร้องเสียงสูงแปลกๆตามมา

     

    "เฮ้ยๆ อย่าชน!"

     

    ลุงเลวี่จะรอดไหมนั่น โหยหวนเชียว

     

    มารียืนหลบอยู่หลังบานประตู ฟังเสียงแสนวุ่นวาย เหมือนจะชุลมุนกันน่าดู เสียงฝีเท้าหนึ่งเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังของร่างเล็กในเวลาที่เธอไม่ได้ระวังตัว เขาคือบอสใหญ่ประจำถิ่นนี้นั่นเอง

     

    "เข้าไป"

     

    ออกคำสั่งพลางกดแก้วตาสีโกเมนคู่งามมองต่ำลงมาที่เธอเด็กหญิงแหงนหน้ามองด้วยความไม่เข้าใจทว่าก็ยกมือขึ้นผลักบานประตูให้เปิดกว้างขึ้น เมื่อนั้นภาพทุกอย่างก็ปรากฏสู่สายตาเค้กนมสดก้อนใหญ่ก็แทบจะพุ่งปะทะหน้าของมารี

     

    "สุขสันต์วันเกิดและยินดีต้อนรับ!"

     

    ตามมาด้วยถ้อยคำโวยวายชุดใหญ่

     

    วันเกิดอายุ11ปีรอบที่เจ็ดวนมาถึงแล้วเหรอเนี่ย ลืมไปซะสนิทเลย

     

    "ถึงจะกินไม่ได้ แต่ก็ขอบคุณมากนะคะ"

     

    "ยัยเด็กบ้า แกร้องไห้เรอะ!?"

     

    พี่ชายอย่าตะโกนสิ.. คุณลุงหน่วยอัสนีเขาหัวเราะเยาะแล้วนะ

     

    "เปล่าค่ะ ไม่ได้ร้องสักหน่อย"

     

    วิญญาณน่ะ จะร้องไห้ได้ไงกัน?

     

    ปะป๊า พี่ชาย มาม่อน เจ้าชาย คุณลุสซูเรีย ลุงเลวี่ ...พวกเขาคือวาเรีย

     

    ที่นี่สนุกสุดๆ ไปเลย

     

     

    ☽☽☽

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×