ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic reborn];;แย่ล่ะ เราหลุดมาในรีบอร์นได้ไง?!O_o

    ลำดับตอนที่ #29 : the true story [ ความจริง ]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 480
      3
      6 ธ.ค. 58



                          ซาวาดะ สึนะโยชิกำลังยืนอึนมึนอยู่ที่หน้ากำแพงบ้านญี่ปุ่นขนาดใหญ่ที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นที่พำนักของบอสแห่งแก๊งค์เซอร์บีรัสและครอบครัว(?)  ในใจยังคงกึ่งยอมรับกึ่งมึนงงว่าทำไมตัวเองและเพื่อนๆผู้พิทักษ์ถึงต้องมายืนอยู่ ณ ที่แห่งนี้    


                           ถ้าจะให้ย้อนความกลับไปก็คงเป็นเมื่อวานตอนเย็นๆหลังจากที่พวกเขากลับจากค่ายสานสัมพันธ์ของห้องพิเศษแห่งโรงเรียนมัทธยมปลายนามิโมริเสร็จนั่นแหละ อยู่ๆเขาที่กำลังนั่งๆนอนๆเอกเขนกอยู่ในห้องของตนก็ได้ยินเสียง ซาวาดะ นานะแม่บังเกิดเกล้าผู้น่ารักเสมอก็เรียกเขาให้ลงมาชั้นล่างด้วยเสียงใสจับใจความได้ว่า  'มีเพื่อนมาหา'


                           แล้วเขาก็พบกับ เซเซรินะ โย  มนุษย์ผู้ชายที่ตั้งแต่มันปรากฎตัวก็มีแต่เรื่อง  แถมทั้งแก๊งค์ของมันเอย เพื่อนของมันเอย(ซึ่งก็ควรจะนับเป็นเพื่อนของเขาด้วย)ครอบครัวของมันเอยก็มีแต่เรื่องน่าสงสัยไปซะหมด  จนทำให้เขาต้องออกตัวสอบถามหลายต่อหลายครั้งเพราะว่าแก๊งค์เซอร์บีรัสนั้นถือว่าเป็นโคตรของโคตรพันธมิตร  เพราะกว่าจะลงเอยทำสัญญาพันธมิตรต่อกันได้นั้นแทบจะยื่นข้อเสนอไปประเคนไอ้คุณยามานิชิ รินโดแบบถวายพานก็ไม่ปานถ้าหากเกิดเรื่องหรือเซอร์บีรัสคิดจะทำอะไรที่ส่งผลเสียต่อวองโกเล่เขาเองก็คงจะอยู่เฉยไม่ได้ใช่ไหมละ?  


                            กลับเข้าเรื่อง.....   ไอ้มนุษย์ผู้ชายผมน้ำตาลแดงที่มักจะมาพร้อมปัญญาคราวนี้ก็มาปรากฎตัวต่อหน้าเขา ที่บ้าน  ขอย้ำว่าที่บ้าน !!! แถมยังส่งรอยยิ้มแหยๆเหมือนจะร้องไห้ก็ไม่ปานมาให้เขาอีกตะหาก  ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเห็นหน้าแบบนี้ของผู้ชายคนนี้หรอกเพราะเวลามันเจอเขาโหมดเหี้ยมทีไรมันก็ทำหน้าแบบนี้ใส่เขาทุกที  แต่โดยปกติแล้วมันจะชอบฉีกยิ้มกวนส้นมากกว่าแต่ไหงอยู่ๆมันถึงบุกมาที่บ้านแถมมาทำหน้าแบบนี้ใส่เขาอีกละวะ  


    "นายมาที่นี่ทำไม"สึนะกระพริบตาไล่ความงงงันออกจากหัวก่อนจะถามคนตัวเล็กกว่าด้วยน้ำเสียงเรียบๆ


    โยยิ้มแหยๆให้เขาอีกครั้งก่อนจะตอบ

    "คือว่านะ...."


                          สาเหตุใหญ่ๆที่โยบุกมาถึงบ้านเขาอยากกระทันหันก็คือเซเซรินะ โซยุกิบอสอีกคนของเซอร์บีรัสได้กลับมาจากการประมูลอาวุธมหาบรรลัย(?)แล้ว และจะมีการเลี้ยงตอนรับนาง ในฐานะที่เป็นทั้งพันธมิตรและเพื่อนร่วมห้อง  พี่สาวคนดีศรีสังคมของมันเลยบังคับปนขู่ขวัญให้มันลากพวกเขาไปให้ได้      สรุปสุดท้ายแล้วนั่นก็กลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เขามาอยู่ ณ จุดนี้จะว่าสงสารก็ไม่ใช่ขำก็ไม่เชิงกับการที่ผู้ชายตัวโต(ละมั้ง)อยากพวกโยสี่คนจะกลัวพี่สาวตัวเล็กๆ(ก็ละมั้งอีกเช่นเคยเพราะไม่เคยเห็นตัวจริง)มากมายขนาดนี้   และด้วยสาเหตุอีกอย่างคือเขายังไม่เคยเห็นหน้าค่าตากับบอสอีกคนของเซอร์บีรัสเลยนี่จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้เจอแถมถือเป็นโอกาสอันดีที่จะสานสัมพันธ์ระหว่างแฟมมิลี่เพิ่มด้วย      และด้วยเหตุแบบเดียวกันกับเขาคือมีคนบุกไปขอร้องอ้อนวอนข่มขู่ถึงที่....โกคุเดระนี่ยังไม่เท่าไหร่...แต่ มุคุโร่กับฮิบาริที่ไม่น่าจะสนใจอะไรเทือกนี้ก็ดันมากับเขาด้วย  จึงกลายเป็นว่าผู้พิทักษ์มากันครบทีมอย่างสมบูรณ์ แม้แต่แรมโบ้ก็ยังมาด้วยเพราะยังไงก็ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์



    ไม่นานนักมือขวาหน้าเดิมของรินโดก็เดินออกมาต้อนรับพวกเขา


    "เชิญครับ ตามผมมาเลย"


    "เย่  คุณแรมโบ้อยากกินแล้ววว ฮ่าๆๆ"แรมโบ้ก็ยังคงดี้ด้าน่าหมั่นไส้ตามปกติในขณะที่พวกเขาเริ่มเดินตามอาเบะ



                         อาเบะพาพวกเขาเข้ามานั่งในห้องรับแขกสไตล์ญี่ปุ่นขนาดใหญ่ โต๊ะญี่ปุ่นที่ทำจากไม้ชั้นดีถูกนำออกมาเรียงต่อกันให้ยาวรองรับกับจำนวนคนบนโต๊ะถูกผ้าวางรองเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย  ในขณะที่สึนะหันไปก็เห็นรินโดกำลังนั่งจิบชาแถมอ่านหนังสือพิมพ์สบายใจเฉิ่มอยู่ที่หัวโต๊ะนั่นเอง


    "=_="


    "อ้าว  สวัสดีวองโกเล่มาสิครับ นั่งก่อนอาเบะไปบอกให้คุณคุมะซาว่าเตรียมชารับแขกด้วยนะ"รินโดฉีกยิ้มสบายๆตามปกติของเขาให้พวกสึนะก่อนจะเอามือตบที่นั่งข้างๆหัวโต๊ะเหมือนเป็นสัญญาณเรียกให้พวกสึนะนั่ง 



                          ซึ่งก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่สึนะจะต้องนั่งใกล้รินโดที่สุด แล้วก็ไม่รู้ทำไมไอ้พวกเพื่อนผู้พิทักษ์ทั้งหลายถึงพร้อมใจนั่งโต๊ะฝั่งเดียวกับเขาซะหมด  ปล่อยให้เชาประจันหน้ากับบุคคลเกือบอันตรายผมสีน้ำเงินเพียงคนเดียว=_=


    "ไหงมีแค่แกคนเดียวฟะ"ฮิบาริพอนั่งปุ้บก็เปิดปากจิกรินโดไปหนึ่งดอกทันที


    "อ้อ พอดีว่าโซยุกำลังจัดการน้องๆของผมอยู่น่ะครับ"รินโดพูดยิ้มๆจนน่าหมั่นไส้ตามเคย



                           เมื่อชามาเสริพก็เป็นมารยาทปกติที่จะต้องจิบเข้าไปสักเล็กน้อย แต่ทำไมกันนะสึนะถึงไม่ค่อยอยากจะดื่มน้ำตอนนี้อย่างไรก็ไม่รู้



    "อ้าว!! มากันแล้วเหรอ"เสียงหวานใสที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนดังขึ้นในขณะที่เสียงฝีเท้าค่อยๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆ



                           ปรากฎร่างของหญิงสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่งเดินเข้ามานั่งฝั่งตรงข้ามกับสึนะ  เขารู้สึกได้ถึงหน้าตาที่ละม้ายคล้ายคลึงกับโยมาก  คือมีผิวสีน้ำนมนัยน์ตาสีนิลกับผมยาวสีน้ำตาลแดงยาวสลวย แทบจะเหมือนกับโยตอนที่โดนแฝดนรกจับแต่งหญิง  แต่ว่าผู้หญิงคนนี้ดูโตกว่า สง่ากว่า และสะสวยกว่าในขณะที่โยน่าจะถูกจำกัดความอยู่ในคำว่าน่ารักมากกว่า ....แต่เขาไม่ได้หมายความว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นน่ารักนะเว้ย....



    "สวัสดีครับ"สึนะโค้งคำนับเล็กน้อยพอเป็นพิธีเพราะอย่างน้อยเขาก็รู้ว่าคนตรงหน้าอายุมากกว่าตนแน่นอนแถมน่าจะพ่วงมาด้วยนำแหน่งบอสหญิงแห่งเซอร์บีรัส


    "สวัสดีจ๊ะ  ชั้นชื่อโซยุกิ  เราคงพึ่งจะเจอกันเป็นครั้งแรก  ยินดีมากที่พวกเธอมางานเลี้ยงของชั้น"เธอยกรอยยิ้มขึ้นมานิดหน่อยแต่พองามทุกอากัปกิริยาราวกับนางพญาก็ไม่ปาน


    "แล้วไอ้พวก...เอ้ย พวกเลนอยู่ไหนล่ะครับ"โกคุเดระถามขึ้นเมื่อเห็นว่าในห้องไม่มีใครนอกจากชายหญิงคู่นี้ในห้องเลย


    "แหมม  จะรีบเร่งอะไรกันนักหนายะ เจ้าภาพงานเขาก็ควรมีการเตรียมตัวกันมั่งสิ"เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นในขณะที่กรีน แพมม่า อาโอมิ และเรด้าเดินเข้ามา


    "แต่นี่มันงานคุณโซยุตะหากละกรีน"อาโอมิแย้งเสียงใส


    "ก็เหมือนงานของไอ้พวกนั้นด้วยอยู่ดีละน่า  คิก คิก.."เรด้าพูดพลางหัวเราะอย่างมีเลศนัย


    "ก็ไม่ได้แต่งตัวอะไรไม่ใช่เหรอ ชุดปกตินิ ก็แค่ยังทำใจจะออกมาไม่ได้มากกว่ามั้ง"แพมม่าหัวเราะรวนบ้าง


    "พวกมันอะทำใจได้ปกติของพวกมันอยู่แล้ว  แต่พวกเนี้ย"กรีนพยักเพยิบมาทางพวกสึนะก่อนจะพูดต่อ


    "ชั้นว่ามีช็อค"


    "พวกเธอพูดบ้าอะไรกันเนี้ย"โกคุเดระขมวดคิ้วขณะที่ได้ยินคำพูดแปลกๆพวกนั้น


    "เดี๋ยวก็รู้"ทั้งสี่หัวเราะปิดท้ายอีกรอบก่อนจะขอตัวออกไปหาพวกโย



                          เมื่อหญิงสาวทั้งสี่ออกไปไม่ทันจะถึงนาที แม้แต่ช่วงจังหวะหายใจยังไม่ทันทั่วท้องดี อยู่ๆห้องญี่ปุ่นก็ไฟดับวูบลงก่อนที่ความหนาวเย็นจนถึงไขสันหลังก่อนตัวขึ้นก่อนที่ไฟจะกระพริบถี่ๆจนสุดท้ายก็กลับมาติดอีกครั้ง



    "แหม  งานเลี้ยงนี่น่าสนุกจังน้า~~~~"เสียงอีกเสียงดังขึ้น เล่นเอาทุกคนสะดุ้ง ฮิบาริตวัดทอนฟาไปยังผู้มาใหม่ตามสัญชาติญาณนักล่าปกติของตนแต่กลับหยุดข้างกลางอากาศอย่างไม่มีสาเหตุ


    "ขยับ..ไม่ได้..แกทำอะไร"ชายหนุ่มกัดฟันกรอดร่างกายพยามต่อสู้ดึงดันกับอาการที่เหมือนถูกตรึงค้างไว้กลางอากาศ


    "อยู่ๆก็ฟาดของอันตรายแบบนี้ใส่ผู้หญิงนิสัยไม่ดีเลยน้า"ผู้มาใหม่ยิ้มกรายในขณะค่อยๆเดินเยื้องย่างเข้าใกล้รินโดกับโซยุกิขึ้นเรื่อยๆ



                         นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของสึนะเบิกกว้าง เขาจำคนคนนี้ได้.....ผู้หญิงร่างบางในชุดโกทิคสีดำสนิทกับเส้นผมยาวถึงสะโพกสีเงินยวง  นัยน์ตาสีฟ้าใสสะท้อนภาพที่เจ้าตัวเห็นราวกับกระจกจนน่าขนลุก....เธอคือผู้หญิงที่วันนั้นโยวิ่งตาม....


    "แก!!!"โซยุกิทำท่าจะพุ่งเข้าใส่หญิงสีดำคนนั้นแต่กลับถูกรินโดกันไว้


    "ขะขอโทษที่คุณวิเวียนอยู่ๆก็บุกเข้ามานะค่ะ ขอโทษจริงๆค่ะ"เด็กผู้หญิงอีกคนที่ดูท่าทางหัวอ่อนรีบขอโทษขอโพยใหญ่



                           ในขณะที่คนในห้องรวมทั้งสึนะได้แต่สงสัยว่าทั้งสองคนเข้ามาจากทางไหนและเมื่อไหร่  เหมือนอยู่ๆพวกเธอก็ปรากฎตัวออกมาจากเงามืดในห้อง แค่นั้น......



    "คุณมาทำอะไรที่นี่  แล้วต้องการอะไรครับ"รินโดถามใบหน้าของเขาไม่ได้เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มอีกต่อไป เสียงทุ้มของเขาเยียบเย็นจนสึนะสัมผัสได้...นี่คงเป็นเรื่องไม่น่ายินดีที่สุดในงานนี้สินะ.....งานยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ



    "มาทำตามสิ่งเธอชั้นเคยบอกเธอไว้ครั้งสุดท้ายที่เราเยอกันไงจ๊ะ"วิเวียนยิ้มพรายด้วยสีหน้าเย็นเยียบ  มันไม่ได้เป็นสีหน้าของคนเย็นชาแบบฮิบาริแต่เป็นสีหน้าแบบคนที่รู้อะไรมากมายจนเห็นทุกอย่างเป็นแค่เรื่องเล่นมากกว่า


    "ตอนนั้น..."


    " ที่ว่า เจอกันคราวหน้า  ทุกอย่างจะกระจ่างชัด ไงล่ะจ๊ะ"วิเวียนยิ้มพลางหันซ้ายหันขวามองไปรอบห้อง


    "แล้วเด็กๆพวกนั้นไปไหนละ  เราควรจะต้องคุยกันอย่างพร้อมหน้าสิถึงจะถูก"


    "ขอโทษนะสึนะที่ทำให้พวกเธอเสียเวลา  แต่ช่วยกลับไปก่อนได้ไหม"รินโดพูดเสียงเครียดในขณะที่นัยน์ตาขวางๆนั่นยังคงมองหญิงสีดำไม่วางตา


    "ไม่ได้สิ   เพราะว่า ไม่ งั้น มัน จะ ไม่ พร้อม หน้า พร้อม ตา"วิเวียนพูดเน้นทีละคำจนทำให้สึนะขมวดคิ้ว.....หมายความว่าพวกเขาเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องบ้าบอนี้ด้วยอย่างงั้นหรือ?


    "ใช่แล้วตอนนี้องค์ประกอบครบแล้ว  เพราะฉะนั้นชั้นจึงอยู่ที่นี่"วิเวียนพูดขณะที่เดินไปรอบๆแล้วนั่งลงที่หัวโต๊ะอีกฝั่งเหมือนประจันหน้ากับรินโดโดยที่มีเด็กผู้หญิงคนเดิมวิ่งตามไปนั่งข้างๆ


    "ดื่มน้ำก่อนสิเดี๋ยวเราต้องพูดกันอีกยาว"เธอพูด และด้วยอะไรสักอย่างมันทำให้ทุกคนหยิบน้ำขึ้นมาดื่มแทบจะในทันทีเหมืินต้องมนตร์


    "ก่อนอื่นก็องค์ประกอบหลักอีกสี่ชิ้น"วิเวียนหลับตาพูดขณะที่เริ่มได้ยินเสียงโครมครามมาตามทางเดิน

    "เอาล่ะนายวองโกเล่ทั้งหลาย เตรียมตัวเตรียมใจช็อคค้างได้เลย"กรีนพูดขณะที่เดินเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวคนอื่นๆอีกเจ็ดคนกับอีกหนึ่งหนุ่ม...ละมั้ง


    ............................



    .......................



    ..................




    .............




    .......




    ...




    .




                             โรคุโด มุคุโร่ ไม่รู้จะอธิบายสถาณการณ์ในเวลานี้ว่าอย่างไรดีอยู่ๆที่ก็เจอผู้หญิงแปลกหน้าที่ใช้พลังประหลาดต่อด้วยเห็นอะไรประหลาดอีก....เมื่อคนที่เข้ามาในห้องเป็นผู้หญิงทุกคน!!!  แถมหน้าตาแม่งโคตรจะคุ้นเลยครับ=_=!!!



    "พรู้ดดดดดดดด"โกคุเดระถึงกับพ่นน้ำชาออกมาเมื่อเห็นโอคิตะ เลนที่อยู่ในชุดกระโปรงอีกครั้ง



    เปรี๊ยะ!  ฮิบาริที่กำลังถือถ้วยชาดินเผาเองก็ถึงกับบีบจนแก้วร้าวเมื่อเห็นคุคาบาระ เซย์เดินมาพร้อมกับผมยาวสลวย



    "นายแต่งหญิงอีกทำไมติดใจเหรอ-_-"สึนะที่ดูเหมือนจะมีสติดีที่สุดทักขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ  เมื่อโยที่ใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อตัวเล็กเข้ารูปจนเห็นทรวดทรงเดินเข้ามานั่งข้างๆโซยุกิแถมยังผมยาวพอกับโซยุกิ  เห็นแล้วเขาต้องยอมรับเลยว่าพี่น้องเหมือนกันมาก



    "เฮีย  ทำไมยัยแม่มดนี่ถึงอยู่ที่นี่"

                          



                     คนที่ดูจะปกติที่สุดคงเป็ยามานิชิ ชิน  ที่ใส่ชุดฮูดฮิพฮอพกับกางเกงวอร์มตัวใหญ่แบบตามสไตล์การแต่งตัวของมัน...แต่..ทำไมเสื้อมันสั้นจังวะ..โชว์สะดือซะอย่างนั้น  ตอนช่วงล่าลายเซ็นที่เขาเคยเกี่ยวเอวดึงมันเข้ามาไม่ให้ตกลงไปโหม่งโลกตาย ก็คิดว่ามันเอวเล็กผิดชายไปหน่อย แต่พอมันใส่เสื้อเอวลอยแบบนี้ยิ่งเห็นชัดเข้าไปใหญ่   แล้วไอ้ตรงหน้าอกนั่นมันอะไร....   

                      


                      ชินตวัดเสียงถามรินโดด้วยเสียงห้วนๆเมื่อเห็นว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญอยู่ในห้องรับแขก วิเวียนยกรอยยิ้มไม่หยี่ระให้เขาก่อนที่รินโดจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาน้องชายของเขาด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก



    "เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน  จัดการธุระของพวกแกให้เสร็จซะ"รินโดถอนหายใจก่อนจะทำมือไล่ให้พวกโยนั่งลงตรงตรงข้ามกับพวกมุคุโร่  ในขณะที่พวกกรีน แพมม่า อาโอมิ และเรด้า เดินหนีไปนั่งใกล้ๆวิเวียนแทนถึงแม้จะทำหน้าสงสัยไม่ต่างกับพวกเขานัก


    "งะ งั้นก็  อะแฮ่ม!"โยทำเสียงกระแอ่มเหมื่อนให้สัญญาณ  มุคุโร่หันไปมองตรงหน้าตนทำให้เห็นคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาก็คือยามานิชิ ชิน ก่อนที่เขาจะกลับไปให้ความสนใจกับคนที่พูดอยู่เหมือนเดิม


    "สวัสดี"ทั้งสี่ก้มลงเล็กน้อยตามมารยาทการแนะนำตัว...ว่าแต่จะแนะนำตัวทำไมวะครับ=_=.....


    "ชั้นชื่อเซเซรินะ โยรุ เป็นน้องสาวแท้ๆของพี่โซยุกิ  หรือพวกนายคงจะจำได้ในชื่อ โย  มากกว่า"โยพูดพลางยกรอยยิ้มแหยๆให้พวกมุคุโร่แก้มใสแดงขึ้นเล็กน้อยไม่แน่ใจว่าเป็นความประหม่าหรืออายกันแน่แต่เนื้อหามันฟังดูแปลกๆเนาะ....อ้อ โยเป็นผู้ชายที่เป็นน้องสาวของโซยุกิ..อ้อ....ห๊ะ...ว่าไงนะ  ขอรีบูธเครื่องในสมองใหม่อีกรอบได้ไหมครับ?!


    "ชั้นชื่อคุคาบาระ ซาโย  หรืออีกชื่อก็เซย์ตามที่พวกนายรู้"เซย์ฉีกยิ้มกว้างพลางชูสองนิ้วให้พวกเขาก่อนจะยืดแขนออกไปจนสุดแขนแล้วเอานิ้วจิ้มหน้าผากของฮิบาริ เคียวยะราวกับจะหยอกเย้า


    "ชั้นโอคิตะ เรนะเป็น...ผู้หญิงไม่มีดุ้นแต่อย่างใด-v-"เลนเองก็ยืดอกพูดอย่างเหมือนจะภูมิใจ


    "..........."




                          และแล้ว บรรยากาศในห้องเริ่มดูเพี้ยนๆไปทุกทีในขณะที่มุคุโร่ใช้นัยน์ตาสองสีสบกับนัยน์ตาสีน้ำเงินคมโตที่สั่นระริกเหมือนกำลังกลั้นขำของยามานิชิ ชินผู้ที่เป็นทั้งคู่กัดและน้องรหัสของเขา



    "ชั้นยามานิชิ ชินิ เป็นน้องสาวแท้ๆของเฮียรินถึงจะไม่ค่อยเหมือนก็เถอะนะ"ชินยกรอยยิ้มที่เรียกว่าถอดแบบมาจากรินโดให้เขาก่อนจะเอานิ้วเกาแก้มตัวเองแก้เก้อ



    นับถอยหลังการสตั้นแปบนะครับผู้อ่านทุกคน....



    1





    2





    3





    "หาาาาาาาาาาาาา"เสียงของเหล่าบุรุษทั้งหลายแห่งวองโกเล่ตะโกนออกมาเป็นเสียงเดียวกันไม่เว้นคนเย็นชาแทบไม่หยี่ระกับสิ่งใดอย่างฮิบาริ



    "สุดขั้ววววว  ผู้เหยงงง  ผู้หญิงเต็มไปหมดเลยยยย  เดี๋ยวชายเดี๋ยวหญิงละกลับไปชายแล้วกลับมาหญิง  งงแบบสุดขั้วววว"ซาซางาว่า เรียวเฮที่ไม่ค่อยมีบทนักกู้ร้องขึ้น  หน้าตาของชายหนุ่มผมเกรียนแบบนักกีฬาดูมึนงงสุดๆชนิดลอยไปดาวเนปจูนได้แล้วในขณะที่เขาเริ่มจะเอามือบีบขมับตัวเองแน่นขึ้นไปเรื่อยๆ


    "นี่กะจะแกล้งอะไรกันอีก  จะเล่นไร้สาระกันไปถึงไหนฮะ คุคาบาระ เซย์"ฮิบาริหรี่ตามองเซย์...ไม่สิ ซาโยอย่างจับผิด


    "ก็บอกว่าให้เรียกร่างนี้ว่าเซย์โกะไงฮร้าาาา   จะบ้าเหรอยะ ชั้นเป็นผู้หญิงจริงๆยะแล้วก็ชื่อซาโย ไม่ใช่เซย์แล้ว"ซาโยแยกเขี้ยวใส่ฮิบาริเล่นๆ  โอเค....นับหนึ่งถึงสิบในใจซะมุคุโร่...ยอมรับเรื่องพวกนี้ให้ได้....


    "ที่จริงแล้วก็สงสัยมาซักพักแล้วละ ฮะๆๆๆ  ก็ว่าทำไมพวกนายเอ้ย  พวกเธอหน้าหวานชะมัด แถมตอนโดนจับแต่งหญิงครั้งโน้นไม่เห็นเก้อเขินอะไรเลย"ยามาโมโตะหัวเราะร่าอย่างไม่แสดงความตกใจให้เห็นแม้แต่นิด  นั่นทำให้บางทีผู้พิทักษ์สายหมอกก็แอบอิจฉาผู้พิทักษ์แห่งพิรุณว่าที่เป็นคนง่ายๆไม่คิดอะไรมาก(หรือมันมันไม่ได้คิดฟะ...)


    "ยะ  เลิกมองเพื่อนชั้นตาเป็นมันเลยนะยามาโมโตะ ทาเคชิ"แพมม่าพูดเสียงเขียว


    "เอ๋?  ชั้นก็มองปกตินี่ตาเป็นมันนี่คือะไร ฮะๆๆๆ"ยามาโมโตะยังคงหัวเราะอย่างไม่คิดมากในขณะที่แพมม่าทำหน้าถมึงทึงเป็นยักษ์เมื่อเห็นว่ายามาโมโตะยังคงทำหน้าเอ๋อๆมองพวกโยอยู่ ซึ่งมุคุโร่ก็ไม่ได้เห็นว่าไอ้ยามาโมโตะมันจะคิดอะไรเกินเลยไปไหนสักหน่อย .....ยัยเด็กแพมม่านี่เมื่อไหร่จะเริ่มรุกนะ  เจ้าบ้าเบสบอลนี่นะบื้อจะตายไม่พูดไม่บอกมันจะไปรู้ใจเธอรึไง......


    "ให้ตายสิ   มิน่าถึงเป็นเปี๊ยกโหด"โกคุเดระถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะมองหน้าเรนะพลางยิ้มกวนอารมณ์ใส่คนที่นั่งตรงข้าม


    "ว่า  ใคร  เปี๊ยก นะ ย้าาาาาา"เรนะคว้าผมสีควันบุหรี่ของโกคุเดระแล้วออกแรงทึ้งดึง


    "โอ้ยย เจ็บนะยัยเปี๊ยกโหด"


    "นี่นะเหรอที่พวกเธอทำตัวลับๆล่อๆให้ชั้นสงสัยมาตั้งนาน"สึนะหัวเราะเบาๆนัยน์ตาสีน้ำตาเข้มของเขาเปล่งประกายอย่างที่มุคุโร่ไม่ได้เห็นมานานแล้วตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน  


    "ก็ใช่นะสิ  ตอนนั้นมันบอกได้ที่ไหนละก็ต้องบ่ายเบี่ยงสิยะ"โยรุขมวดคิ้วทำท่าเหมือนจะฉุนคนผมชี้แต่แก้มใสกลับเปลี่ยนเป็นสีชมพูเล็กน้อยเหมือนอับอายกับความไร้สาระที่ได้ทำลงไป


    "เป็นผู้หญิงหมดเลยเหรอ"แรมโบ้โพล่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ม ไอ้เด็กเวรใส่เสื้อยืดลายวัวตามคอนเซ็ปเดิมของต้นแม้จะผ่านไปสามปีแต่ความกวนส้นแบบเด็กไม่รู้เรื่องรู้ราวก็ยังสติลติดตัวมันมาไม่ไปไหน


    "ก็ใช่นะสิแรมโบ้"ซาโยฉีกยิ้มพร้อมทำตาแวววาวเหมือนจะกินเด็กวัวเข้าไปทั้งตัว


    "ใจเย็นนะซาโยชั้นรู้ว่าแกชอบแรมโบ้แต่อย่าทำท่าโรคจิตแบบนั้นเด็กมันจะมีปมเอา"ชินิพูดพลางรั้งเพื่อนเอาไว้


    "แต่พี่ผมฟ้าเป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอ"แรมโบ้พูดเสียงใสเล่นเอามุคุโร่หลุดขำออกมา


    "หืม=_=!!!"ชินิชะงักก่อนหันมองมองเด็กวัวด้วยสายตาแววระยับเหมือนจะฆ่าเด็กได้


    "พี่เป็นผู้หญิงเว้ย"ชินิตอบ


    "ไม่เหมือนอะ  พี่เป็นกระเทยใช่ป่ะ"แรมโบ้ทำหน้ากวนส้นพร้อมกับแคะขี้มูกไปด้วยยิ่งเรียกความน่าตื้บได้เป็นสิบเท่า


    "เป็นผู้หญิงจริงๆโว้ย"ชินิกัดฟันพูด  เธอเหลือบมองมุคุโร่ที่กำลังกลั่นขำแถมยังทำหน้าเยาะเย้ยเธอสุดชีวิต   ใช่...เพราะว่าเธอนิสัยแมนมาก เสียงก็...ค่อนข้างห้าวกว่าผู้หญิงปกติ สูงก็สูงเพราะเชื้อยุโรป แถมยังผมสั้น....ไอ้ตอนที่ต้องปลอมตัวนะไม่รู้สึกอะไรหรอกแต่พอกลับมาเป็นผู้หญิงปกติก็ยังโดนว่าเป็นผู้ชายนี่มัน.....รู้สึกโดนหยามสุดๆเลยละค่ะ..


    "ม่ายเชื่ออออ  ไอ้ตู้มๆที่อยู่ตรงน่มน๋มนั่นยัดกระดาษไว้ใช่ม้า  คุณแรมโบ้รู้หรอกน่า"


    "ดะเดี๋ยว  แรมโบ้ไปเอาคำพูดแบบนั้นมาจากไหน แล้วแกไปรู้มาได้ยังไงฟะ"โกคุเดระโว้ยวายในขณะที่สึนะหันมาจิกตามองแรมโบ้แบบจะเชือดวัวให้ตายซะตรงนั้น...แต่วัวรู้ไหม...ไม่  วัวไม่รู้


    "ก็เวลาหม่าม้าไปข้างนอกบางทีหม่ามาก็ชอบเอาทิชชู่ไปยัดให้มันใหญ่กว่าเดิมนี่หน่..."


    ตู้ม!  


                        เฮือก!    อยู่ๆก็มีเศษแก้วดินเผาที่แหลมมากๆฟุ่งมาปักอยู่ตรงโต๊ะบริเวณที่แรมโบ้นั่น  เจ้าเด็กวัวและคนอื่นๆหันไปมองทิศทางที่มันพุ่งมา  ก็เห็นชายหนุ่มว่าที่บอสคนต่อไปของวองโกเล่กำลังเอามือรวบเศษแก้วชาที่แตกไว้รวมๆกัน



    "ขอโทษที่ทำแตกนะครับคุณรินโด  แล้วก็นะ....แรมโบ้...พูดมากกว่านี้ไม่ดีละมั้ง...จริงไหม"ชายหนุ่มยกรอยยิ้มที่ดูใจดีแต่กลับแผ่รังสีอำมหิตออกมาอย่างน่าสะพรึงให้กับผู้พิทักษ์อัศนี


    "อะ เอ่อ....เมื่อกี้แรมโบ้พูดอะไรเราไม่ได้ยินจริงๆนะครับรุ่นที่สิบ"โกคุเดระรีบแก้สถาณการณ์


    "ใช่ๆ  ไม่เห็นได้ยินอะไรเลย"ทุกคนรีบตอบแทบจะทันที มุคุโร่หัวเราะเบาๆเมื่อเห็นสีหน้าของคนที่บอกว่าจะเป็นมือขวาของบอสวองโกเล่ที่ลุกลี้ลุกลนจนน่าขัน


    "แต่พี่หัวฟ้าเป็นกระเทยยัดนมจริงๆใช่ม้า=O="แรมโบ้พูดต่ออย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว  ทำให้คนที่พยามช่วยตอนแรกเริ่มด่าในใจ...ไอ้เด็กเวรนี่  ไม่ช่วยแล้วเว้ย   


    "ไม่ได้ยัดโว้ยยยยยย  ของจริงเว้ยยย"ชินิพูดอีกครั้งเพราะความที่เจ้าตัวเป็นคนห้าวๆอะไรก็ได้แค่เรื่องทะลึงลามก หรืออะไรที่ผู้หญิงน่ารักๆไม่ควรพูดเธอไม่เคยสนพูดหมด ฟังได้หมดแค่พูดเรื่องยัดนม  เธอไม่มีทางกระดากปากอยู่แล้วแต่...


    "ไอ้ชินี้ยยยย   พูดดีๆ  นมเนิ่มอะไรผู้ชายเต็มห้องเลย"โยรุฟาดแขนเธอดังป้าบแต่ชินิก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก


    "งั้นก็โชว์ดิ อะโด่ ป๋อดอะจิกระเทย=O="ชิบหาย.....นี่คือคำเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวของสามสาวที่โตมาพร้อมๆกับชินิ   จะด่าจะว่าอะไรชินิมันก็แค่โวยวายแปบๆมันก็ลืมขอแค่อย่างเดียวอย่าท้า!!!!   แค่ตอนที่มีผู้ชายท้ามันต้อยมันก็พุ่งเข้าไปแบบไม่คิดแล้ว...  ขออย่างเดียวจริงๆเพราะไอ้ผู้หญิงที่ชื่อชินินี่มันบ้าซ่อนรูปใครยุทำใครท้าทำ....


    "อย่ามาท้านะเว้ย"ชินิพูดพลางทำท่าจะถกเสื้อขึ้น   



                           โรคุโด โมุคุโร่สะดุ้งสุดตัวเมื่อร่างเพรียวผมฟ้าอยู่ๆก็ยืนขึ้นทำท่าจะถอดเสื้อออกมาจริงๆมือเรียวจับขอบเสื้อเอวลอยดึงขึ้นเรื่อยๆ ร่างสูงพุ่งข้ามโต๊ะไปคว่้าข้อมือของร่างบางแทบจะไม่ทัน ใจหายวาบไปอยู่ที่ตาตุ่ม


    "เฮ้ย"


    "ทำบ้าอะไรของเธอวะ"มุคุโร่พูดเสียงดังลั่นจนเกือบจะเป็นเสียงตะวาด ใจที่หล่นไปอยู่ตาตุ่มยังไม่ทันจะปีนขึ้นมาอยู่ที่เดิมดีๆของมัน  คราวนี้เส้นเลือดตรงขมับก็ถึงกับปูดขึ้นมาเมื่อเจอหน้าอ้อนเท้ามึนๆของชินิ


    "ก็แค่แกล้งเท่านั้นละน่า ใครจะถอดจริงๆละ"แล้วคนผมฟ้าก็ฉีกยิ้มอ้อนเท้า   ดูมัน....ดูมันยิ้ม  น่าฟาดมากครับ...


    "โอ้ย ใจหายใจขว่ำ  ไอ้ชินิแกนี่มันน่านัก"เรนะถอนหายใจเฮือกใหญ่พอๆกับที่คนอื่นนั่งลุ้นตามถอนหายใจออกมา


    "=..=  สุดขั้ว"เรียวเฮย์ยกนิ้วให้ชินิขณะที่หน้าแดงก่ำ มุคุโร่พนันได้ว่าเจ้านักมวยบ้านี่ต้องเห็นอะไรวับๆแวมๆแน่เพราะว่าเขานั่งอยู่ข้างเรียวเฮย์แล้วองศามัน...โอเคเขายอมรับว่าเมื่อกี้เห็นอะไรวับๆแวบๆนิดหน่อย  ขาว..เอ้ย!ไม่ใช่  นั่นแหละ....เอาเป็นว่าแค่คิดเขาก็หงุดหงิดแล้วไม่รู้ทำไม



    "ฮะๆๆ  พวกเธอนี่น่ารักกันเลยน้า"วิเวียนหัวเราะเบาๆแต่กลับเหมือนก้องกังวานไปทั่วโสตประสาทของทุกคนทำให้เกิดความเงียบขึ้นในชั่วอึดใจ



    "เกือบลืมไปเลยแฮะว่ามีแม่มดอยู่ในห้องนี้"ชินิกอดอกพร้อมกับพูดประชด



    "ชั้นก็แค่ไม่อยากขัดจังหวะของพวกเธอนี่น่ะ"วิเวียนยิ้มเอามือเท้าคางด้วยท่วงท่าสง่างาม



    "มีอะไรก็พูดมา"รินโดพูดเสียงเรียบๆ



    "งั้นก็เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน"วิเวียนยิ้มเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง



    "เคยได้ยินเรื่องโลกคู่ขนานไหม?"




    "มนุษย์มีทฤษฎีโลกคู่ขนานที่บอกว่าในที่ห่างไกลแห่งหนึ่งในจักรวาลจะมีโลกที่เหมือนกันอยู่ และอาจจะมีตัวเราอีกคนอยู่  ทฤษฎีนั้นเป็นเรื่องจริงหากแต่ความเข้าใจของมนุษย์นั้นยังถูกจำกัด โลกต่างๆทั้งอาจอยู่ใกล้และอาจอยู่ไกลสำหรับผู้ที่รู้ถึงแก่นแท้อย่างเราแล้ว   พวกเธอคงจำร้านของเราได้มันเป็นร้านที่ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างมิติ  และจะสามารถปรากฏได้ในทุกๆโลก  เราเฝ้ามองมิติต่างๆมาเป็นเวลานานแสนนานแล้วแต่ว่า ในช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมาได้เกิดการเสื่อมสลายของโลกต่างๆอย่างหาสาเหตุไม่ได้ และที่โลกนี้ก็เป็นความหวังสุดท้ายของเราและพวกเธอ"



    "พูดอะไรของเธอนะ"ซาโยพึมพัมเบาๆด้วยน้ำเสียงเครียด แต่วิเวียนก็ยังคงพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ



    "โลกในมิติต่างๆมีหลายแบบและมีคนหลายแบบอาศัยอยู่   อย่างเช่นเด็กน้อยคนที่ติดตามเราอยู่ชื่อว่าเรย์จังในโลกต่างๆก็จะมีเรย์จังที่อาศัยอยู่ในโลกนั้นๆ เป็นเรย์จังที่ไม่ใช่เรย์จังซะทีเดียวจะเรียกยังไงดีละ...เป็นคนละคนกันแต่รากฐานของวิญญาณเดียวกันก็คงจะได้ละมั้ง   ขณะที่เรากำลังคุยกันอยู่นี้โลกนี้เองก็กำลังเสื่อมสลายลงเรื่อยๆ   โลกที่พวกเธอจากมาก็เช่นกัน"วิเวียนพูดจบประโยคก่อนจะไล่สายตาสีฟ้าใสราวกระจกไปรอบๆราวกับรอให้มีคนถามคำถาม



    "โลกนี้?"สึนะพูดขึ้นคิ้วเรียวเข้มขมวดเข้าหากันอย่างต้องการคำตอบ



    "อา...พวกเธอยังไม่ได้บอกสินะว่าพวกเธอ ไม่ ใช่ คน ของ โลก นี้"



    "ก็ใครจะไปมีเวลาบอกกันละยะ  แล้วเรื่องแบบนี้พูดไปแล้วใครจะเชื่อ"เรนะแย้งขึ้นมาแทบจะในทันที



    "ชั้นเชื่อ.."สึนะพูดทำให้ทุกคนหันไปมองเขาเป็นตาเดียว



    "ถ้ามันเป็นเรื่องที่มาอธิบายได้ว่าทำไมทั้งคุณรินโด คุณโซยุกิ กับพวกโยรุอยู่ๆก็มีตัวตนในเมืองนี้ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีประวัติของพวกเขามาก่อนเลย  ซึ่งถึงมันจะดูประหลาดไปสักหน่อยแต่ว่าก็อธิบายเรื่องนั้นได้อย่างเหมาะเจาะ   คุณชื่อวิเวียนสินะ?คุณแม่มด"สึนะยิ้มยกยิ้มบางๆที่ดูร้ายกาจขึ้นก่อนจะถาม




    "ใช่แล้ว"วิเวียนตอบรับเรียบๆ



    "แล้วหมายความว่ายังไงกับที่คุณพูดว่า 'โลกนี้' กำลังเสื่อมสลาย"



    "เราคิดว่าพวกเธอเองน่าจะรับรู้ได้บ้างแล้วนะ  ประมาณสามปีทีแล้วได้เกิดเหตุสลดขึ้นทั่วโลกนี้  และพวกเธอเองก็เป็นหนึ่งในผู้ประสบเหตุนี่?"



    คำพูดนั้นของแม่มดทำให้พวกวองโกเล่ชะงักกึกไปครู่หนึ่ง



    "แล้วไฟธาตุของพวกเธอเริ่มใช้ไม่ได้ตั้งแต่....สองปีก่อนละมั้ง"วิเวียนทำท่าเหมือนนึกขณะที่พูด




                             นั่นทำให้โยรุนึกขึ้นได้   ตั้งแต่พวกเธอมาที่นี่พวกเธอไม่เคยเห็นใครเรียกไฟธาตุออกมาเลย ไม่เห็นพวกสัตว์กล่องหรือแม้แต่แหวนต่างๆถ้าเอาจริงๆ  เธอเคยแอบเห็นแหวนวองโกเล่ห้อยอยู่ที่สร้อยคอของพวกวองโกเล่แต่ละคน  แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ถูกนำออกมาใช้สักพักแล้ว...



    "นั่นเป็นผลกระทบจากที่โลกกำลังเสื่อมสลาย  เริ่มมีบางอย่างผิดเพี้ยนไปเรื่อยๆจนสุดท้าย ก็จะไม่เหลืออะไรเลย   โลกที่พวกเธอจากมาก็เช่นกันรินโด โซยุกิ โยรุ ชินิ ซาโย และ เรนะ"



    "แล้วทำไมต้องเป็นพวกเราด้วย"รินโดถามขึ้น



    "อย่างที่เราได้พูดไป  โลกต่างมิติหรือเรียกอีกอย่างก็คือโลกคู่ขนาดตามที่ทฤษฎีของนักวิทยาศาสตร์มนุษย์ได้บอกไว้คือจะมีตัวเราอีกคนที่เหมือนเราทุกอย่าง  อย่างที่เราได้บอกไปในเรื่องคนละคนแต่รากฐานวิญญาณเดียวกันไปเมื่อตอนต้น   โลกของพวกเธอทั้งสองเป็นโลกคู่ขนานกัน ..คุณซาวาดะ สึนะโยชิสินะ? ซึ่งหมายความว่ามีพวกเธออีกคนอยู่ที่อีกโลกหนึ่ง  อาจจะหน้าตาไม่เหมือนกันหรือเหมือนก็ได้แต่ว่าพวกเขามีอยู่...  ตัวเราได้พยายามหยุดการเสื่อมสลายของทั้งสองโลกจนในที่สุดเราก็ค้นพบหนทาง   นั่นก็คือพวกเธอ   รินโด "



    "แก่นของโลกทั้งสองกำลังผุพังไปเรื่อยๆจนสุดท้ายทั้งสองโลกก็คงหายไป  แต่แล้วเราก็ค้นพบว่าโลกคู่ขนานนี้มีความคล้ายคลึงกัน  ถ้าหากเรารวมโลกทั้งสองให้เป็นหนึ่งได้โลกทั้งสองก็จะอยู่ต่อไปได้อย่างเป็นหนึ่งเดียว   เราจึงได้ลองทดลองส่งสิ่งของข้ามโลกดูซึ่งปรากฏว่าโลกนั้นปฏิเสธการมีอยู่ของของจากต่างโลก  เพราะมันไม่มีวิญญาณ....เราเองก็ไม่ได้อยากจะทำเท่าไหร่เพราะตอนนั้นเราเองก็ยังไม่แน่ใจที่จะส่งสิ่งมีชีวิตข้ามมิติมาอีกโลก    จนเราเจอพวกเธอ  รู้ไหมอะไรที่ทำให้พวกเธอยังไม่ตายแม้จะมาอยู่ที่ต่างโลก?"



    "......."



    "เพราะพวกเธอคือคนที่มีวิญญาณเพียงหนึ่งเดียว    หนึ่งในล้านคนที่เราเสาะหาคนที่มีตัวตนเดียววิญญาณเดียวและอยู่ที่โลกนั้น  พวกเธอมีตัวตนเป็นเอกลักษ์และไม่มีตัวตนอื่นในต่างมิติซึ่งถือว่าหาได้ยากมาก  นั่นทำให้ไม่มีการต่อต้านจากโลกอื่นแม้เราจะส่งพวกเธอข้ามมาที่อีกโลก  เพราะก่อนหน้าที่เราจะส่งพวกเธอมา  พวกเธอไม่เคยมีตัวตนที่นี่เลย...เราส่งพวกเธอมาให้ทำหน้าที่เหมือนสะพานเชื่อมระหว่างโลกทั้งสอง  พวกวองโกเล่หรือแม้แต่พวกเซอบีรัสที่เป็นคนของโลกนี้เองก็มีส่วนจำเป็นต่อแผนการของเราเพราะพวกเธอคือคนที่ใกล้ชิดกับพวกรินโดที่สุดในเวลานี้  จำเป็นต้องมีคนรู้เรื่องนี้ในขณะที่เราดำเนินการ"



    "ดำเนินการ...อะไร"กรีนเปิดปากพูดออกมาเป็นครั้งแรก...ขอยอมรับจากใจว่าเธอยังช็อคเรื่องแม่มดเอย..เรื่องเพื่อนเธอมาจากโลกอื่นเอย..



    "เรากำลังเตรียมพิธีสำหรับการรวมโลกสองโลกให้เป็นหนึ่งเดียว  โยรุเธอคงจะเห็นแล้วว่าคนที่เธอเจอตอนนั้นในร้านกาแฟเป็นเพื่อนของเธอแต่ก็ไม่ใช่เพื่อนของเธอ   เขามีรากฐานวิญญาณเดียวกับเพื่อนของเธอที่โลกนู้น  ชื่อเดียวกัน หน้าตาเหมือนกันแต่ไม่รู้จักเธอ   นั่นเป็นเพราะที่โลกนี้เธอไม่เคยมีตัวตน"



    "แล้วถ้ารวมโลกสองโลกแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับคนอีกโลกนึงละ  พ่อแม่ของพวกชั้นละ"ซาโยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนรน



    "เขาก็มีตัวตนที่โลกนี้เหมือนกันและยังคงมีรากฐานวิญญาณเดียวกับพ่อแม่ของเธอในโลกนั้นถ้าหากเรารวมโลกทั้งสองสำเร็จ  พวกเขาก็จะรวมกันเป็นหนึ่งและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข"



    "แล้วถ้าไม่สำเร็จละ...."



    "ทั้งสองโลกก็จะแตกสลาย  จะไม่มีใครรอด"



    "......"




    "เรากำลังอยู่ในระหว่างเตรียมพิธีกรรม ซึ่งเวลานีเรากำลังเร่งรีบให้เสร็จโดยเร็วที่เรามาที่นี่ไม่ใช่เพื่อกดดันให้พวกเธอทำอะไรเพื่อเราหรือเพื่อโลก  แต่เรามาเพื่อเตือน....พวกเธอจงใช้ชีวิตต่อไปอย่างสงบสุขจนกว่าจะถึงเวลาทำพิธี   และแน่นอนพรมลิขิตเปลี่ยนไม่ได้  คนเรามักมีจุดสิ้นสุดเป็นความตายหากแต่มันจะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับตัวของแต่ละคนที่ทำ  ถ้าหากอยู่ๆวิ่งออกไปให้รถชนนั่นก็คือการกำหนดให้ตัวเองตายใช่ไหมละ  ในขณะที่จะเลือกยืนรอข้ามถนนอย่างปลอดภัยก็ได้..มันอยู่ที่ตัวของพวกเธอ   ในระหว่างระยะเวลาที่เราเตรียมการพวกเธอควรจะระวังตัวไม่ให้บาดเจ็บหรือเป็นอันตรายถึงชีวิต  เพราะถ้าเราขาดพวกเธอที่เป็นกุญแจไปสักดอกหนึ่ง....พิธีจะไม่สำเร็จและทุกอย่างจะเป็นไปตามวิถีวิบัติ"



    "ไว้เมื่อถึงเวลาเราคงได้เจอกันอีก   ก่อนจะถึงตอนนั้น...อย่าตายซะละ"



                           เมื่อแม่มดสาวพูดจบควันกลิ่นหอมอ่อนอ่อนก็ลอยครอบคลุมร่างของแม่มดและผู้ติดตามเมื่อควันหายไปร่างทั้งสองก็อันตรธานหายไป.....



    "โผล่มาปุ้บก็พูดเรื่องน่ากลัวเลยนะยัยแม่มดนั่น"ชินิเอามือกุมหน้าผากตัวเอง เหงื่อบนหน้าผากเย็นเฉียบพอๆน้ำแข็ง



    "ชินิ โยรุ ซาโย เรนะ  ที่คนคนนั้นพูดเป็นเรื่องจริงเหรอ?"อาโอมิถามขึ้น



    "อือ  พวกเราเป็นคนจากต่างโลกจริงๆ"



    "ถ้าเรื่องที่ยัยนั่นพูดเป็นเรื่องจริง...."



    "อือ  แสดงว่าโลกอยู่ในสถาณการณ์เลวร้ายใช้ได้เลยนะเนี้ย"



    "แต่เหมือนว่ทางนั้นเขาจะจัดการทุกอย่างแล้วนะ?"



    "สรุปแล้ว  ยัยนั่นก็มาแค่บอกให้เรารับรู้เรื่อง และเตือนว่าอย่าทำตัวโง่ๆให้รถชนตายก่อนอะไรแบบนี้สินะ"รินโดถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมสรุปรวบยอดได้แบบน่าถีบมาก



    "จะสรุปสั้นไปไหมเฮีย?"



    "ก็มันจริงนี่หว่า?"



    "อะจ๊ะ"



    "เอาเป็นว่า เราก็แค่ต้องใช้ชีวิตต่อไปจนกว่ายัยแม่มดนั่นจะปรากฏตัวใหม่สินะ  แต่ก็จริงอย่างที่ยัยนั่ยว่าอุบัติเหตุถึงชีวิตมักมาได้เสมอไม่ว่าเมื่อไหร่  ยัยนั่นคงไม่อยากให้วัตถุดิบของตัวเองพังละมั้ง"โซยุกิพูดต่อ



    "แล้วพวกเธอจะเอายังไง คุณ พวก วอง โก เล่ ครับ?"รินโดหันกลับมาหาพวกสึนะรอยยิ้มที่หายไปจากใบหน้าปรากฏขึ้นมาอีกครั้งราวกับการสนทนากับแม่มดเมื่อครู่ได้สร้างความหวังใหม่ขึ้นมาให้กับเขา....ความหวังที่จะได้เจอครอบครัวอีกครั้ง



    "ยังไงพวกเราก็โดนเข้ามาเอี่ยวด้วยตั้งแต่รู้จักกันแล้วนี่นะ  จะยังไงก็ได้  ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันไปแล้วนี่นะ"สึนะยิ้มบางๆเป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นแบบที่ไม่มีใครได้เห็นบ่อยนัก



    "งั้นต่อจากนี้ไป  ก็มาสนุกกับชีวิตให้ถึงที่สุดไปเลยยยยย"ซาโยหัวเราะลั่นเหมือนสติที่หลุดๆไปจะยังกลับมาไม่ครบ



    "งั้นเริ่มปาร์ตี้กันเลยดีกว่า  กับการที่ไม่มีเรื่องอะไรปิดบังอีกต่อไปและกับการเกิดใหม่ของโลกใหม่"รินโดพูดติดตลกก่อนจะตะโกนเรียกให้พวกลูกน้องข้างนอกยกอาหารและเครื่องดื่มเข้ามาในห้องญี่ปุ่น



    "โอ้!!!"





    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ตัดจบจย้า


    โอ้ยตอนนี้เครียดเนาะTwT''

    เราปลดปมใหญ่ของเรื่องออกมาแล้วนะค่ะแฟนตาซีไปหน่อย

    แต่นี่เป็นพล๊อตตั้งแต่เริ่มเรื่องแล้ว555

    ไม่คิดว่าจะสามารถแต่งมาถึงจุดนี้ได้  นี่ถือว่าครึ่งเรื่องแล้วรึเปล่านะ

    แม่มดของเราคงหายไปสักพักใหญ่ๆค่ะ

    แล้วก็ถึงช่วงเวลาความรักของหนุ่มสาว(?)หรา...

    โอ้ยไม่เคยแต่งเครียดขนาดนี้มานานตั้งแต่นิยายแฟนตาซีที่ดองไว้//เดี๋ยวนะ

    ตอนหน้าจะกลับมาลั้นลากันเหมือนเดิมแล้วนะคะ...เนาะ


    ขอขอบคุณที่ติดตามฟิคสบายๆ หลากหลายรสชาติแสบๆคันๆเรื่องนี้

    อ่านแล้วเม้นจะเป็นกำลังใจให้แต่งต่อไปนะจ๊ะ

    ขอบคุณทุกคอมเม้น ทุกคนที่ติดตาม  

    รัก

    ไรท์เตอร์













    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×