ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic reborn];;แย่ล่ะ เราหลุดมาในรีบอร์นได้ไง?!O_o

    ลำดับตอนที่ #31 : อีกด้านหนึ่ง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 325
      3
      25 มิ.ย. 60





    -โรงพยาบาลเมืองนามิโมริ-

     

     

                เรนะเกลียดโรงพยาบาลพอๆกับที่เกลียดการกินผัก...แต่ตอนนี้เธอกลับถูกเพื่อนตัวดีสองคนหลอกมห้มาที่โรงพยาบาลซะเฉยๆ  ทั้งที่เธอก็ย้ำชินิแล้วย้ำอีกว่าเธอไหวแต่พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ดันเจอโกคุเดระนั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นแค่คนเดียว

     

                ตอนแรกก็ อืมมม...ไม่มีอะไรหรอก  โกคุเดระบอกเธอว่าชินิรีบกลับไปเขาก็เลยนั่งรอไปพร้อมเธอ  ไอ้ตอนขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซบิ๊กไบค์คันเท่ของร่างสูงก็ชอบอยู่หรอก ถ้าไม่ติดตรงที่มันดันขับไปคนละทางกับทางไปโรงเรียนนะสิ   แล้วไหงถึงมาจอดหน้าโรงพยาบาลได้ล่ะ!?? นี่มันหลอกลวงชัดๆ 

               ร่างบางหันไปค้อนใส่ชายผมเงินที่กำลังถอดหมวกกันน็อกออกจากศรีษะ

    "ไหนบอกว่าจะไปโรงเรียนไง"

    "ก็มาหาหมอก่อนแล้วค่อยไป"โกคุเดระตอบอย่างไม่หยีระ

    "นี่นายกับชินิรวมหัวกันหลอกฉันเหรอ"

    "ก็นิดหน่อยเอง"ว่าแล้วคนหลอกก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่เรนะ

    "อุส่าห์มาแล้วเพื่อนเธอเขาเป็นห่วงเธอนะถึงได้ขอให้ฉันพามา เข้าไปตรวจสักหน่อยเถอะน่าเพื่ออความสบายใจของทุกคน”โกคุเดระพุดหว่านล้อมเรนะอีกครั้งทำให้คิ้วที่ขมวดเป็นปมของคนตัวเล็กกว่าค่อยๆคลายลงอย่างช่วยไม่ได้

    “ก็ได้...”เรนะกัดฟันตอบอย่างช่วยไม่ได้

     

     

                      ระหว่างที่นั่งรอเรียกเข้าไปตรวจตามคิวโกคุเดระก็ขอตัวลุกเดินออกไปปล่อยให้เธอนั่งโดดเดี่ยวเดียวดายในท้องเล เอ้ย ในโรงพยาบาลที่เธอเกลียดนักเกลียดหนา  ร่างบางนั่งเลื่อนสไลด์โทรศัพท์เล่นฆ่าเวลาไปเรื่อยจนกระทั้งได้ยินชื่อของตัวเอง 

    “ให้ตายสิ หายไปไหนของเขานะอีตาหัวปลาหมึกนี่”เรนะบ่นพึมพัมก่อนจะเข้าไปพบแพทย์

     

                      สรุปสุดท้ายเธอก็โดนหมอจับฉีดยาจนได้ ด้วยความหมอกลัวอาการของเธอจะเรื้อรังและมีอาการแทรกซ้อน  เรนะเดินลูบสะโพกของตัวเองที่ถูกฉีดเมื่อกี้ออกมาอย่างอิดออด  ทันทีที่ยาเริ่มเข้าสู่กระแสเลือดความปวดหนึบตามปกติของคนโดนฉีดยาก็เล่นงานเธอ

    “เฮ้ เสร็จแล้วเหรอ”เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นทางด้านข้างทำให้ต้องหันตามเสียงไปก็พบกับโกคุเทระที่ยืนทำหน้ามึนพร้อมกับถือช่อดอกไม้สีนวลตามาด้วย

     

    “เออสิ หายหัวไปไหนมายะเจ้าหัวปลาหมึก แล้วนั่นนะอะไร”เรนะเชิดปากขึ้นเล็กน้อยพลางหรี่ตามองไปที่ช่อดอกไม้สีขาวนวลนั้นอย่างอดสงสัยไม่ได้

     

    “ก็...เอ่อ... เอ้า! ถือว่าเป็นของเยี่ยมไข้ให้เธอด้วยก็แล้วกัน”ชายผมเงินมีท่าทีเก้อเขินขณะที่พยายามเรียบเรียงคำพูดก่อนจะรีบยัดช่อดอกไม้ใส่มือของอีกฝ่าย

     

                  เรนะรับดอกไม้นั้นมาอยู่ในมือ  นัยต์ตาใสกระพริบปริบๆด้วยความงงงวยก่อนที่แก้มของหญิงสาวจะเริ่มขึ้นสีบางๆ

    “ขอบใจนะ....”เรนะเกาแก้มแก้เก้อ

     

                   สายตาของเรนะมองมือของชายหนุ่มแล้วพบว่าเขายังคงถือช่อดอกไม้อีกช่อที่เหมือนกับของเธอไว้อยู่

    “แล้วอันนั้นนายจะเอาไปทำอะไร?”

    “อ่า  ฉันเห็นว่ามาโรงพยาบาลทั้งทีก็เลยกะว่าจะมาเยี่ยมเพื่อนด้วยเลยน่ะ”

    “เพื่อน?”

    “อืม  เธอก็มาด้วยกันสิ ยัยนั่นต้องดีใจแน่”โกคุเดระพูดพลางคลี่ยิ้มบางๆหากแต่นั่นทำให้เรนะรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นดูเศร้าเหลือเกิน...

    ..........................

    ...................

    ...............

    ..........

    .......

    ....

    ..

                         ทั้งสองมาหยุดอยู่ที่ห้องผู้ป่วยวีไอพีชั้นบนสุดของโรงพยาบาล ทั้งชั้นแลดูเงียบเหงาผิดปกติจนเรนะขนลุก...ก็บรรยากาศโรงพยาบาลนี่นะ

    “คนดูน้อยจังเลยเนอะ หรือเพราะชั้นนี้เป็นชั้นวีไอพีคนเลยน้อยเนี่ย”เรนะหาเรื่องคุยทำลายความเงียบที่ก่อตัวตั้งแต่เริ่มขึ้นลิฟห์มาจนถึงหน้าห้องนี้

    “เพราะว่ารุ่นที่สิบซื้อชั้นนี้ไว้น่ะ”โกคุเดระอิบายเรียบๆ

    แต่แน่นอนว่าสร้างความตกตะลึงให้กับคนฟังเป็นอย่างมาก

    “ห๊ะ”

    “เธอก็รู้วองโกเล่มีเรื่องบ่อยจะตาย รุ่นที่สิบเลยใช้เส้นสายซื้อชั้นนี้เอาไว้ หมอกับพยาบาลที่ประจำชั้นนี้ก็เป็นคนของวองโกเล่  เพื่อที่จะได้ไม่รบกวนใครแล้วก็ไม่มีใครที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาลอบทำร้ายคนป่วยได้น่ะ”

    “หื้มม งี้นี่เอง”เรนะพยักหน้าตอบรับพลางสงสัยว่าเจ้าของห้องที่เธอหยุดยืนมาสักัพกนี้เป็นใครกัน

     

    ก๊อก ก๊อก

     

    โกคุเดระเคาะประตูห้องอย่างเบามือก่อนจะเปิดประตูเข้าไป

     

    “ฮารุ...ฉันมาเยี่ยมน่ะ แถมพาคนที่เคยเล่าให้ฟังมาด้วย”โกคุเดระพูดด้วยน้ำเสียงที่แทร่งทำดูเหมือนร่าเริงก่อนจะเดินนำเข้าไปในห้อง

     

                    เรนะหยุดชะงักหลังจากได้ยินชื่อ...ฮารุ หรือว่าจะเป็นมิอุระ ฮารุ? ใจของเธอตกลงไปอยู่ที่ท้องรู้สึกโหวงเหวงอย่างบอกไม่ถูก  เธอกำลังจะได้รับรู้เรื่องที่พวกเธอสงสัยตั้งแต่มาถึงที่โลกนี้ได้สักพัก...คือผู้หญิงสองคนที่มักจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลวองโกเล่แฟมมิลี่เสมอหายไปไหน  ร่างบางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะเดินตามเข้าไป

                   นัยต์ตาสีมรกตเบิกโพล่งเมื่อเห็นคนที่อยู่ตรงหน้า  ร่างบอบบางของผู้หญิงคนหนึ่งนอนหลับอยู่บนเตียงสีขาวสะอาดของโรงพยาบาลเส้นผมที่ยาวประบ่าที่เธอเคยเห็นจากการ์ตูนที่อ่านยาวจนเกือบถึงกลางหลังถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย ใบหน้าหวานถูกเครื่องช่วยหายใจครอบปิดไว้ถึงครึ่งหนึ่ง ข้างเตียงมีเครื่องวัดชีพจรแล้วอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่นๆเชื่อมสายระโยงระยางไปที่ร่างของหญิงสาว

     

    “ทำไม...”

    “ตกใจเหรอ  ยัยนี่เป็นเพื่อนของพวกฉันเอง”โกคุเดระยิ้มบางๆพลางลูบศรีษะของคนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงอย่างแผ่วเบา

     

    “ทำไมฮารุถึงเป็นแบบนี้ล่ะ  ฉันว่าจะถามพวกนนายแล้ว..ตะ แต่ฉันคิดว่ามันไม่ควรจะถามว่าแล้วเคียวโกะกับฮารุไปไหน แต่ไม่คิดว่า....”

     

                 โกคุเดระมีแววประหลาดใจเล็กน้อย...เอาที่จริงเขาเริ่มจะชินกับการที่สี่สาวจากต่างโลกรู้เรื่องของพวกเขามากมายขนาดนี้ไปแล้ว

    “เธอรู้จักฮารุด้วยเหรอ?”

    “ก็พอจะรู้จักตอนอยู่โลกนู้นน่ะ...แต่อย่างพวกนายรู้สามปีที่ผ่านมาพวกฉันไม่รู้เรื่องของพวกนายอีกแล้วละ”

     

                 เรนะอธิบายแบบอ้อมๆเธอไม่อยากบอกคนของโลกนี้เลยว่าเจ้าตัวอ่านเรื่องราวของพวกเขาผ่านตัวหนังสือและภาพลายเส้น  ถ้าเกิดคนพวกนี้รู้ว่าตัวตนของพวกเขาที่เธอรู้จักมาจากหนังสือการ์ตูนและอนิเมะมันคงไม่ดีแน่...เธอกับเพื่อนทั้งสามคนได้ตกลงกันว่าจะเก็บเรื่องนี้ให้ลึกที่สุดเพราะคนตรงหน้าที่พวกเธอเจอนั้น สำหรับพวกเธอตอนนี้เป็น คนจริงๆ  แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าสามปีที่ว่างเปล่าที่พวกเธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างสร้างความสงสัยให้พวกเธอเป็นอย่างมาก

     

    “เฮ้ออ  นั่นสินะ พวกเธอเป็นคนที่แม่มดส่งมานี่นะ”โกคุเดระเกาหัวแกรกๆก่อนจะเริ่มทำการเปลี่ยนดอกไม้เก่าในแจกันกับดอกไม้ที่เจ้าตัวนำมา

     

    “เธอคงจำได้นะว่ายัยแม่มดของพวกเธอนะเคยพูดไว้ว่าเมื่อสามปีก่อนผลกระทบของโลกนี้ที่กำลังจะเสื่อมสลายเริ่มเกิดขึ้นหนึ่งในนั้นคือไฟธาตุหายไปพวกเราไม่มีใครสามารถเรียกใช้ไฟธาตุได้อีกแม้แต่รุ่นที่สิบเอง”

    “อืม...”ร่างบางตอบรับเบาๆ

    “ส่วนเรื่องนี่เหลือ...ฉันว่าเธอไปถามรุ่นที่สิบเองดีกว่า”โกคุเดระขมวดคิ้ยุ่งเมื่อเริ่มรู้สึกว่าเรื่องราวต่อจากนั้นเจ้าตัวไม่ควรเป็นคนเล่า

    “ไม่ต้องหรอก ฉันจะเป็นคนเล่าเอง”เสียงทุ้มนุ่มที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นทางฝั่งประตูห้อง

     

                         การปรากฎตัวของผู้มาใหม่เรียกความสนใจได้ไม่น้อยเมื่อทั้งคู่หันไปก็พบกับชายร่างสูงผู้ใส่สูทสีดำสนิทเสื้อเชิ้ตด้านในสีส้มตัดกับสูทภายนอกได้อย่างลงตัวผมชี้ๆใต้หมวกทรงสวยดูคุ้นตาอย่างน่าประหลาด พร้อมกับเจ้ากิ้งก่าสีเขียวเกาะอยู่ที่ปีกหมวก   เรนะอุทานเบาๆออกมาด้วยความตกใจ

     

    “รีบอร์น!/คุณรีบอร์น!

    “อ่า  สวัสดีคุณโอคิตะ เรนะสินะ  ฉันรู้เรื่องจากเจ้าสึนะหมดแล้วล่ะ”รีบอร์นพูดพลางเดินไปนั่งที่โซฟารับรองมือหนาประสานเข้าหากันก่อนที่สายตาคมจะมองเรนะอย่างพินิจ

    “กลับมาญี่ปุ่นเมื่อไหร่ครับเนี่ยแล้วรุ่นที่สิบรู้เรื่องหรือยังครับ”โกคุเดระถามพลางรีบกุลีกุจอหาน้ำในตู้เย็นมาเทใส่แก้วให้สุดยอดนักฆ่า

    “เมื่อเช้า  ไอ้เจ้าบ้านั่นน่ะช่างหัวมันเถอะเดี๋ยวก็เจอกันอยู่ดี”รีบอร์นตัดบทก่อนจะหันมายิ้มให้เรนะทำเอาคนโดนยิ้มให้สะดุ้งเพราะมันเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวชะมัด...พอจะรู้แล้วว่าสึนะไปได้รอยยิ้มชวนสยองมาจากใคร

    “อย่างที่เจ้าโกคุเดระเล่า  เธอก็คงจะรู้นะว่าเจ้าสึนะสมัยก่อนน่ะกีฬาก็ห่วยการเรียนก็แย่กับการต่อสู้ถ้าไม่ใช่กระสุนดับเครื่องชนหรือไฟธาตุร่วมด้วยก็ไม่ได้เรื่อง”

    “แต่เขาก็ชนะมาหลายศึกแล้วนี่คะ”เรนะแย้งขึ้น

    “นั่นเพราะหมอนั่นมีสัญชาตญาณในการใช้ไฟธาตุแบบรุ่นที่หนึ่งแต่ว่าเรื่องพละกำลังและเทคนิคการต่อสู้ตามปกติน่ะแทบจะไม่มีเลย สรุปคือเมื่อขาดแหวนไฟธาตุและกล่องมันก็เป็นเจ้าห่วยสึนะเหมือนเดิมนั่นแหละ”รีบอร์นพูดพลางเหลือบมองโกคุเดระที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

     

                        ...คนเป็นมือขวาคงไม่อยากจะเล่าเรื่องเสื่อมเสียของบอสตนเองให้ใครฟังอยู่แล้ว  แต่ในเมื่อเขาเป็นอาจารย์ของเจ้าตัวเองเขาก็ไม่จำเป็นต้องเกร็งใจอะไร  แถมเขาเองก็คิดว่าพวกเซอร์บีรัสมีสิทธิ์ที่จะรู้เรื่องนี้

                        ในตอนแรกเขาเองก็ไม่อยากเชื่อเมื่อมีผู้หญิงผมเงินท่าทางยียวนกวนอารมณ์โผล่มากระตุกหนวดเสือถึงในบ้านของเขาที่อิตาลี  เขาจำได้ว่าลั่นปืนแสกหน้ายัยผู้หญิปปากมากนั่นไปถึงสามนัดตรงๆแต่ก็ผ่านตัวหล่อนไปอย่างไม่น่าเชื่อ  วิเวียนได้แสดงท่าทีเป็นมิตรและอธิบายสิ่งต่างๆให้เขาได้ฟังแม้ตอนแรกจะไม่เชื่อแต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่แม่มดแสดงให้เห็น 

                        เมื่อการที่ไฟธาตุหายไปทำให้เกิดผลกระทบอะไรตามมาพวกเซอร์บีรัสเองก็ต้องรับรู้ด้วยในฐานะของพันธมิตรที่ยิ่งกว่าพันธใตรทั่วไป ถ้าเกิดว่าวองโกเล่และเซอร์บีรัสจะต้องร่วมมือกันช่วยแม่มดกู้โลกทั้งสองจริงๆน่ะนะ...

     

     

    “หลังจากมีปัญหากับแฟมมิลี่นั้นพวกมันก็ใช้ลูกไม้สกปรกและแน่นอนอย่างที่รู้เมื่อว่าที่บอสอย่างสึนะกำลังไร้เขี้ยวเล็บสิ่งที่ตามมาก็มีแต่สูญเสีย  ในวันนั้นทำให้ฮารุกลายเป็นแบบนั้นและซาซางาวะ เคียวโกะเสียชีวิต”รีบอร์นเลี่ยงที่จะไม่เล่าเหตุการณ์โดยละเอียดนักแต่สรุปให้หญิงสาวตรงหน้าฟังคร่าวๆถึงความสงสัยของเธอแทน

     

    คำบอกเล่าของรีบอร์นทำให้เรนะรู้สึเหมือนโดนฟ้าผ่า  ...เคียวโกะตายไปแล้ว?

     

    “หลังจากนั้นเจ้าสึนะก็เลยกลายมาเป็นสึนะในตอนนี้เพราะเจ้านั่นโทษตัวเองที่อ่อนแอเลยพยามที่จะเข้มแข็งขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีก”

    “มิน่าล่ะ...”เรนะพึมพัมกับตัวเองก่อนจะเหลือบไปมองหน้าทางโกคุเดระที่ตอนนี้ละความสนใจไปดูแลความเรียบร้อยแถวโต๊ะวางของเยี่ยมของฮารุแทน

     

                    ที่จริงแล้วโกคุเดระอาจจะตั้งใจมาเยี่ยมฮารุมากกว่ามากกว่าพาเธอมาหาหมอแต่แรกแล้วก็ได้มั้ง...ร่างบางรู้สึกใจหายขึ้นมาทั้งๆที่ตอนก่อนหน้านี้เธอเคยเป็นชิปเปอร์ลงเรืองโกคุฮารุแท้ๆ  ทำไมตอนนี้เธอถึงรู้สึกโหวงๆนะ  หรืออาจจะเป็นเพราะรู้สึกเศร้าไปกับเรื่องราวของวองโกเล่แฟมมิลี่ในสามปีแห่งความว่างเปล่าก็เป็นได้.....

    ..............................................

    ....................................

    ..............................

    .......................

    .................

    ............

    ........

    ....

    ..

     

     “เอาล่ะ งั้นเดี๋ยวเราไปที่โรงเรียนกันเลยไหม?”โกคุเดระถามเรนะขณะที่ยืนหมวกกันน็อกให้คนตัวเล็กกว่าใส่ เขาสังเกตว่าคนตัวเล็กกว่าดูหมองๆเงียบๆมาตั้งแต่ลาฮารุกับคุณรีบอร์นจนถึงที่จอดมอเตอร์ไซค์

    “เป็นอะไรของเธอยัยเปี๊ยก”

    “ฉันแค่รู้สึกแย่กับสิ่งที่พวกนายต้องเจอน่ะ”เรนะยิ้มบางๆให้โกคุเดระก่อนจะสวมหมวกกันน็อกลงบนศรีษะของตน

     

    โป๊ก!

     

                         กำปั้นใหญ่ของโกคุเดระเคาะเข้าที่หมวกกันน็อกของเรนะจนเรนะรู้สึกได้ว่าสมองของเธอกำลังสั่นสะเทือน  มือเล็กลูบหัวตัวเองปอยๆแม้จะสวมหมวกกันน็อกก็ตาม

    “คิดมากน่า มันก็ผ่านไปแล้วถึงจะเสียเคียวโกะไปแต่เธอก็ยังอยู่ในความทรงจำของพวกฉันและสักวันฮารุจะต้องฟื้นเพราะฉะนั้นไม่ต้องมาเสียใจแทนพวกฉันหรอกน่า”ว่าแล้วก็ยิ้มกว้างให้คนตัวเล้กแล้วสวมหมวกกันน็อกบ้าง


    “อะ...อืม”

    “งั้นไปโรงเรียนนะ ขึ้นมาสิ”

    “ไม่เอาดีกว่าฉันว่าฉันอยากกลับบ้านแล้วล่ะ”

    “อ้าว งั้นเดี๋ยวฉันไปส่งที่บ้านก็แล้วกัน”

    “ขอบใจยะ นายหัวปลาหมึก”

    “ไม่เป็นไรน่ายัยเปี๊ยก”

                    เรนะขึ้นนั่งซ้อนท้ายบิ๊กไบท์ของโกคุเดระขณะที่นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ปล่อยให้ลมแรงพัดผ่านผิวทำให้สมองที่กำลังฟุ้งซ่านค่อยๆคลายลง  เธอควรจะกลับไปเรียบเรียงคำพูดเตรียมเล่าให้เพื่อนๆฟังโดยเฉพาะโยรุ....


    ...................................................................
    .................................................
    .................................
    ...................
    .............
    ........
    ....
    ..

    "คุณคุคาบาระตั้งใจหน่อยสิคะ"เสียงตำหนิจากอาจารย์สาวที่ยืนดูซาโยเต้นอยู่พูดขึ้นทำให้เพลงที่เล่นอยู่หยุดลง  คนอื่นๆที่เต้นอยู่พร้อมกันก็พลอยหยุดเต้นไปด้วย

     

    ซาโยเหงื่อตกก่อนจะยิ้มแหยๆให้อาจารย์หญิงวัยกลางคน

     

    "ขอโทษค่ะอ."ซาโยยิ้มแหยๆให้อาจารย์

     

                  ใช่ว่าเธอไม่รู้ตัว  ก็แน่...สิตอนเปลี่ยนท่าเต้นจังหวะของเธอก็ไม่พร้อมคนอื่นแถมยังเต้นเปะๆปะๆเก้งก้าง แต่จะให้เธอทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอเป็นคนเต้นไม่เก่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว  ทั้งๆที่เล่นเบสที่เป็นเครื่องดนดีกำหนดจังหวะเช่นเดียวกับกลองแต่เจ้าตัวกลับห่วยในเรื่องเต้นเข้าจังหวะสุดๆ   เอาจริงๆแล้วเธอเริ่มจะเห็นด้วยกับชินิที่เปรียบเทียบว่าเธอเต้นเหมือนปลาดุกโดนจับย่างซะแล้ว =_=

     

                   การเก็บตัวสำหรับประกวดหาปริ้นกับปริ้นเซสของนามิโมริเริ่มมาได้สามสี่วันแล้ว   แต่เธอกับฮิบาริดรวมถึงคู่ของสึนะกับโยรุนั้นพึ่งจะได้มาซ้อมกับคนอื่นๆเมื่อสองวันก่อน  และการจำท่าเต้นกับจังหวะก็เป็นเรื่องยากสำหรับเธอซะจริงๆ  ผิดกับเพื่อนทั้งสามที่ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถจดจำท่าเต้นและเป็นหนึ่งเดียวกับปริ้นและปริ้นเซสคนอื่นได้  เธอรู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นแกะดำที่ทำอะไรหลงฝูงอยู่เสมอ...หรืออาจจะแย่กว่าคือเป็นปลาดุก=_=

     

    "เอาเถอะ  ยังไงก็ต้องพยามฝึกไปจนกว่าจะถึงวันงานนะคะ  หลังจากเปิดตัวพวกคุณจะต้องแนะนำตัวและตอบคำถาม  เสร็จแล้วจะปิดด้วยการแสดงเต้นกลุ่มของพวกคุณ  เต้นไม่เก่งก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ  ขอแค่พยาม  ถึงแม้ว่าวันจริงอาจจะผิดพลาดก็ไม่เป็นไรนะคะ  ขอแค่ได้ลองพยามแล้วก็สนุกกับมันก็พอ^_^"อาจารย์ยิ้มให้กำลังใจก่อนจะบอกให้นักเรียนที่เธอช่วยซ้อมให้หยุดพักก่อน

     

     

    "ไม่เป็นไรนะซาโย เดี๋ยวกลับบ้านฉันช่วยซ้อมกับแกอีกรอบก็ได้"โยรุพูดพลางเอามือตบไหล่เพื่อนเบาๆพลางฉีกยิ้มร่าให้กำลังใจเพื่อนผมเงิน

     

    "หู้วววว ฉันไม่เครียดขนาดนั้นหรอก  ก็พยามเต็มที่แล้วนี่"ซาโยหัวเราะด้วยสีหน้าผ่อนคลายกว่าเดิมโดยพยายามอย่างมากที่จะไม่นึกภาพปลาดุกอีก

     

    "คุคาบาระ ซาโย"เสียงทุ้มที่คุ้นเคยว่าเป็นคู่ประกวดของเธอดังขึ้นจากทางด้านหลัง

     

    "หืม"ซาโยหันกลับมองตามเสียงก็พบว่ามีถุงขนมขบเคี้ยวมายื่นแทบจะจ่อหน้า

     

    "กินซะจะได้มีแรง"ฮิบาริพูดพลางยัดถุงนั้นใส่มือของเธอ

     

    "ว้าววว  วันนี้กินผักผิดชนิดเหรอเนี้ยพ่อคนกินผักถึงได้มาให้ขนมกับฉันแบบนี้"ซาโยส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แพรวพราวให้กับฮิบารก่อนจะเริ่มแกะขนมในถุงกินชิ้นหนึ่ง

     

    "ก็เปล่านี่"ฮิบาริหรี่ตามองร่างบางพลางถอนหายใจ  

     

    "คุณฮิบารินี่ปากหนักจังเลยนะครับ  เห็นซาโยพยายามหนักก็เลยอยากเป็นกำลังใจให้ก็บอกเขาไปตรงๆสิครับ"สึนะพูดเสียงใสเล่นเอาสายตายเย็นเยียบของฮิบาริถลึงมองแทบจะทันที

     

    "หุบปากไปเลยซาวาดะ"ฮิบาริแยกเขี้ยวใส่ผู้พิทักษ์นภา

     

    "อ้าวๆโกรธซะแล้ว"สึนะยังคงยิ้มหยอกผู้พิทักษ์เมฆาอีกนิดก่อนจะหันไปมองโยรุที่ยืนอยู่ข้างๆซาโยแถมยังเริ่มแย่งขนมซาโยกินแล้วด้วย...จนทำให้คนผมน้ำตาลแดงเงยหน้ามองตอบอย่างสงสัย

     

    "เธอไม่มีอะไรใช้ฉันบ้างเหรอไง"สึนะถามนิ่มๆพลางแบมือไปตรงหน้าโยรุ

     

    "แล้วทำไมฉันต้องให้นายด้วยล่ะยะ"โยรุแยกเคี้ยวให้คนผมชี้ในขณะที่แก้มใสเริ่มเปลี่ยนสีเล็กน้อย

     

    "แหม ก็เราเป็นคู่ประกวดกันนี่หน่า"สึนะเลิกคิ้วพูดราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดา

     

    "นายต่างหากล่ะที่ต้องให้ฉัน  ดูฮิบาริเป็นตัวซะมั้ง"โยรุแย้งพลางตีมือที่แบมาหาของสึนะอย่างหมั่นไส้

     

    "เธอนี่ขี้งกชะมัด"

     

    "ขอบคุณที่ชม"โยรุตอบกลับด้วยน้ำเสียงร่าเริง

     

    "...นี่ด่าเว้ย"สึนะถอนหายใจพรืดก่อนจะหลุดหัวเราออกมาเมื่อเห็นซาโยทำหน้าประหลาดๆเข้า

     

    "ซาโยแกเป็นอะไรของแก"โยรุเอียงคอมองเพื่อนที่ทำท่าเหมือนนกเป็ดน้ำดิ้นในลำคลอง(?)แถมสีหน้าเหมือนเป็ดโดนเหยียบเท้าก็ไม่ปาน

     

                       นั่นทำให้ฮิบาริพุ่งตัวไปตบหลังเจ้าตัวดัง ตุ้บ! ก่อนที่ซาโยจะสะดุ้งตามแรงทุบแล้วกลืนบางอย่างลงคอไปได้  ซาโยน้ำหูน้ำตาไหลแถมยังหายใจถี่จนไม่สามารถพูดคำได้เป็นประโยค

     

    "...ขนม..ติด ..คอ"ซาโยฉีกยิ้มพลางเช็ดน้ำตาที่เล็ดออกมาตอนเมื่อกี้อย่างลวกๆ

     

    "ก็หล่อนกินอย่างกับเครื่องดูดฝุ่น=_="โยรุบ่นพลางตบหัวเพื่อนไปทีหนึ่งข้อหาทำให้เธอใจหายใจคว้ำ

     

                        ซาโยหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินเพื่อนเปรียบเทียบเธอกับเครื่องดูดฝุ่นซึ่งมันก็จริง  เธอเริ่มไออีกครั้งเพราะว่าหลังจากหายจากอาการอาหารติดคอเธอยังไม่ได้ดื่มน้ำเลยสักนิด ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรต่อฮิบาริก็ยื่นขวดน้ำมาให้เธอซะแล้ว

     

    "อะ เอ่อ  ขอบคุณค่าพ่อคนกินผัก พี่รหัสชั้นนี่น่ารักจริงจริ๋ง"ซาโยพูดที่เล่นทีจริงก่อนจะรับน้ำจากฮิบาริมาดื่มรวดเดียวหมดขวดให้สมกับที่เป็นเครื่องดูดฝุ่นอย่างที่่โยรุประนามไว้เมื่อครู่

     

                         เมื่อเธอดื่มเสร็จแทนที่จะหายจากอาการไอฝืดคอทั้งหลายเธอกลับรู้สึกฝืดคออีกครั้ง...คราวนี้ไม่ใช่อาการทางกายภาพอย่างแน่นอนเพราะบรรยากาศในห้องซ้อมอยู่ๆก็มาคุขึ้นซะอย่างนั้น  เธอกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอก่อนมองไปรอบห้องเพื่อหาต้นตอของความรู้สึกนั้น  แม้ว่าสายตาที่มองมาจะรีบหลบตาเธอไปอย่างรวดเร็วแต่ซาโยก็พอจะรู้ว่ามีสายตาหลายๆคู่ของผู้หญิงในห้องมองมาที่เธอแบบไม่เป็นมิตรเท่าไหนนัก

     

    "เอ่อ...สึนะฉันมีเรื่องจะถามนิด"ซาโยรู้สึกขนลุกซู่ก่อนที่จะขยับมาใกล้สึนะมากขึ้นแล้วกระซิบถามเพราะว่าเธอรู้ว่าเธอสามารเชื่อลางสังหรของวองโกเล่ได้แน่นอน..แม้จะไร้สาระไปหน่อยก็เถอะ

    "นายว่าพวกผู้หญิงพวกนี้แปลกๆไหมอะ หรือฉันรู้สึกไปเอง"

     

    "เอาตรงๆไหม"สึนะเลิกคิ้วถามเรียบๆ

     

    "ตรงก็จะดี"

     

                   สึนะยิ้ม...และเป็นยิ้มที่ซาโยเข้าใจความหมาย"น่ากลัว"ของโยรุขึ้นมาในทันที

     

    "นายทำไมต้องยิ้มแบบนี้เนี้ย"ซาโยแหวเสียงอ่อย

     

    "ก็...มันน่าสนุกดี"

     

    "เอ่อ.."


    "ผู้หญิงคนอื่นเขาหมั่นไส้เธอนะสิ  คุณฮิบาริเห็นอย่างนี้พวกผู้หญิงเขากรี๊ดกร๊าดกันจะตาย  ยิ่งเธอทำตัวสนิทสนมกับคุณฮิบาริขนาดนี้ก็รู้นิสัยพวกสาวๆวัยรุ่นดีนี่  สงสัยจะมีเรื่องน่าสนุกให้ดูแล้วล่ะ"สึนะยิ้มราวกับเรื่องที่พูดเป็นสิ่งบันเทิง

     

    "อย่าไปพูดเลอะเทอะจะได้ไหม  มีที่ไหนละ  เธอก็คิดมากไปได้"ฮิบาริโบกไม้โบกมือปฏิเสธก่อนจะมองสึนะอย่างคาดโทษ

     

    "โถ่  ก็แค่พูดถึงความเป็นไปได้เอง=O="สึนะยกมือขึ้นแสดงท่าทางราวกับยอมแพ้สายตาเฉียบคมของฮิบาริ

     

    "ใช่  แกก็คิดมากเกินไป"โยรุตบไหล่เพื่อนเป็นการปลอบอีกครั้งก่อนที่อาจารย์จะเรียกซ้อมรวมอีกครั้งหนึ่ง

     

                           ทุกคนต่างผละออกจากวงสนทนากลับไปประจำที่ก่อนจะเริ่มเต้นอีกครั้งเมื่อเสียงเพลงเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง  หากแต่ซาโยกลับยังรู้สึกถึงสายตาที่มองมาแม้ว่าเธอจะเต้นอยู่ก็ตามความรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อยค่อยๆคลืบคลานเข้าสู่จิตใต้สำนึก

     

    ...................................

    ............................

    ....................

    ............

     

    "ซาโยแกจะกลับเลยไหม?"โยรุถามขึ้นหลังจากที่การซ้อมครั้งสุดท้ายจบลง ขณะที่ซาโยยืนบิดตัวไปมาเหมือนกับบิดขี้เกียจ

     

    "คงยังน่ะ กะว่าจะอยู่เคลียร์ของในห้องคณะกรรมการนิดหน่อย อิตาคนกินผักบ่นมาสามวันเจ็ดวันแล้ว  ขืนวันนี้ไม่จัดการมีหวังวันนี้ได้โดนทอนฟาฟาดกบาลแยกแน่ๆ=3="ซาโยบ่นอุบอิบก่อนจะพยักเพยิบโบ่ยความผิดไปทางผู้ชายตัวสูงผมดำขลับที่กำลังหรี่ตามองมาราวกับรู้ว่าตนกำลังถูกนินทา

     

    "ทำให้เสร็จซะด้วย พรุ่งนี้ถ้าเข้ามาแล้วยังเหมือนเดิมละก็เธอตายแน่"ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเรียบแบบเอาเรื่อง

     

    "หง่ะ  พูดแบบนี้คือนายจะหนีกลับแล้วเหรอ"ซาโยแทบตาเหลือกเมื่อคิดถึงกองเอกสารที่ตนต้องจัดการ'คนเดียว'

     

    "ก็ใช่นะสิ"

     

    "โถ่  คุณพี่รหัสสส  ช่วยกันหน่อยซี่ยยยย"ซาโยเขย่าตัวชายหนุ่มด้วยความรุ่นแรงระดับแปดริกเตอร์อย่างขอร้อง

     

    "ไม่   หน้าที่ใครก็ต้องรับผิดชอบเอง"ฮิบาริตอบด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดก่อนจะดึงมือของซาโยออกจากแขนของตนอย่างไม่ใยดี

    "ม่ายยยยย"ซาโยกรีดร้องในขณะที่เพื่อนๆหัวเราะเยาะอย่างสนุกสนาน ก่อนที่จะมีเสียงบ่นที่ทำเอาซาโยชะงักกึก

    "ตอแหล"


               เหมือนจะมีเพียงซาโยที่ได้ยินเสียงนั้น นัยน์ตาสีอเมทิสกรอกมองไปรอบๆหาเจ้าของเสียงแต่ก็ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าใครเป็นคนพูดออกมา  แต่ก็คงเดาได้ไม่ยาก....สายตาของเธอมองไปยังกลุ่มผู้หญิงที่มองมาทางเธออย่างเหยียดๆอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก

    "เป็นอะไรวะซาโย?"โยรุถามขึ้นเมื่อเห็นอยู่ๆเพื่อนก็เงียบไป
    "ไม่มีอะไร  พวกแกกลับกันเลยก็ได้น่ะ  เดี๋ยวฉันว่าจะไปเข้าห้องน้ำแล้วจะไปห้องคณะกรรมการเลย"

               ซาโยส่ายหน้าปฏิเสธ...เธอคิดว่าเธอต้องการล้างหน้าล้างตาตั้งสติสักหน่อยก่อนจะเริ่มทำงานของคณะกรรมการต่อ


               หลังจากแยกจากคนอื่นๆซาโยก็เดินเอื่อยๆมายังห้องน้ำหญิงฝั่งที่ใกล้ทางไปห้องคณะกรรมการที่สุด  มือเรียวหมุนก๊อกน้ำให้เปิดแล้วปล่อยให้น้ำเย็นไหลผ่านมือไปอย่างเงียบๆ  สายตามองเหม่อไปตามการไหลของน้ำจนกระทั่งต้องสะบัดหน้าเรียกสติตัวเอง  สติ! ซาโย  แกไม่ใช่คนที่ต้องมากังวนอะไรพวกนี้สักหน่อย    ซาโยพูดกับตัวเองในใจก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องน้ำ

    กุก..กัก

    "?"ซาโยเงี่ยหูฟังเงียบๆเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างจากข้างนอกขยับ  ขนแขนลุกเกรียวขึ้นเมื่อนึกถึงเหตุการณ์คุณฮานาโกะสยองขวัญก่อนหน้านี้

    "เฮ้  ข้างนอกนั่นใครน...!!"

    ซ่าาาาา

               ก่อนที่ร่างบางจะถามเสร็จดีกลับมีน้ำเย็นเฉียบเทลงมาใส่หัวของเธอจากด้านบน  แถมท่าทางจะเป็นน้ำซักผ้าขี้ริ้วซะด้วย...กลิ่นใช้ได้เลย=_=

    "เฮ้!!"ซาโยร้องเสียงหลงด้วยความหนาวจากน้ำที่รดใส่หัวเมื่อครู่  ร่างบางพุ่งไปที่ประตูแต่ก็พบว่าประตูถูกขัดเอาไว้ทำให้เธอไม่สามารถเปิดออกไปได้

    "สมน้ำหน้า"ซาโยชะงักกึกเมื่อเสียงที่ดังมาจากอีกฝั่งของประตูเป็นเสียงเดียวกับที่เธอได้ยินเมื่อตอนอยู่ในห้องซ้อม

    "หน้าสลอนนักนะ  ที่ทำตัวเป็นผู้ชายตอนแรกคิดจะเข้าใกล้ผู้ชายได้เยอะๆละสินังร่าน!!!"

    "ก็ทั้งกลุ่มมันนั่นแหละ  ดูสิ แต่ละคนคงจ้องจับผู้ชายหล่อในโรงเรียนให้หมดเลยใช่ไหม"

    "เห็นคนชมหน่อยทำเป็นได้ใจนะยะ  พวกหล่อนมันก็แค่แก๊งค์ตอแหลนั่นแหละ  ทำมาบอกว่าเป็นความผิดพลาดทางการสมัครเรียน ผู้ปกครองนึกสนุกเลยให้ปลอมตัวอะไรกันล่ะ  ตอแหลเล่นละครกันน่ะสิ"

    "จะบ้ารึไง  ใครจะได้คิดแบบนั้นวะ"ซาโยสบถออกมาอย่างเสียไม่ได้  เธอคาดว่าข้างนอกจะต้องแก๊งค์ชะนีน้อยอยู่ประมาณ5คนแน่ๆฟังจากเสียงด่าแหลมแสบแก้วหูที่ลอยเข้ามาเป็นระยะๆแล้ว

    "หล่อนจำไว้น่ะ  ว่าอย่ามายุ่งย่ามอะไรกับคุณฮิบาริ  แล้วก็เตือนเพื่อนๆของหล่อนไว้ซะด้วยไม่งั้นนังพวกนั้นก็จะต้องมาลงเอยเหมือนเธอนี่แหละ"เสียงชะนีหัวโจกแว๊ดขึ้นอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงหัวเราะอย่างสะใจของชะนีน้อยอีก4

               ซาโยพยามดึงประตูเต็มแรงแต่ก็ไม่สามารถเปิดออกไปได้  ให้ตายสิ เธอไมคิดว่าจะมาเจอการกลั่นแกล้งอะไรแบบนี้ในโรงเรียนจริงๆนะ  เพราะปกติเธอไม่ได้เป็นบุคคลที่ตกเป็นเบี้ยล่างใครอยู่แล้ว....


               ไอซาวะ  เรกะ หัวเราะรวนเมื่อเห็นประตูที่เธอกับเพื่อนช่วยกันเอาผ้าขี้ริ้วมาผูกขัดไว้กำลังสั่นรัวเพราะคนที่ถูกขังอยู่ข้างในกำลังตะเกียดตะกายพยามจะออกมา  สมน้ำหน้านังซาโย  ตั้งแต่กลุ่มของซาโยเปิดตัวว่าที่จริงเป็นผู้หญิงทุกความสนใจก็ไปที่สี่สาวนั่นตลอดเวลา แถมยังมาบังอาจแย่งชายหนุ่มในอุดิมคติของพวกเธอไปถึงสี่คน  ทั้งสึนะ โกคุเทระ ไหนจะรุ่นพี่มุคุโร่อีก  หนำซ้ำยังมาเบียดเบียนเอาคุณฮิบาริที่เธอปลื้มจนขึ้นหิ้งไปอีก   ยังมีหน้ามาระริกระรี้ แม่ต้องสั่งสอนซะให้เข็ด  คนต่อไปก็นังโยรุกับนังชินินี่แหละ!! ส่วนยัยเรนะต้องดูลาดเลาต่ออีกหน่อย.....

    "นอนในห้องน้ำให้สบายนะยะ  พรุ่งนี้คงมีแม่บ้านมาเปิดให้เธอเองแหละ ลาก่อน ฮ่าๆ"เรกะสะบัดผมก่อนจะเดินน้ำลูกน้องสาวทั้งหลายออกมาแต่ว่า......

     
    ตึ้ง!

                เรกะหันกลับไปมองตามเสียงก่อนจะกรี๊ดลั่นอย่างตกใจเมื่อเห็น ร่างบางเปียกชุ่มไปด้วยน้ำผ้าขี้ริวที่เธอบรรจงราดไป กำลังปีนอยู่บนขอบผนังกั้นห้องน้ำที่แบ่งห้องน้ำเป็นห้องๆ   นัยน์ตาสีอเมทิสวาววับส่องประกายอย่างน่ากลัวขณะที่ริมฝีปากอิ่มได้รูปกรีดยิ้มน่าสยอง

    "กรี๊ดดด  มันทำได้ยัง"มิจิรุเพื่อนสาวที่สนิทที่สุดของเรกะกรีดร้องขึ้น 

           พวกเธอสะดุ้งแว้บเมื่อร่างบางของซาโยโยนตัวลงมาจากที่กั้นห้องอย่างสวยงาม

    "อยากมีเรื่องนักใช่ไหมชั้นว่าไอ้เรื่องในห้องซ้อมจะปล่อยๆไปแล้วเชียวนะ"ซาโยแสยะยิ้มเหี้ยมใส่พวกแก๊งค์ชะนีน้อยทั้งหลาย

    "จะ..จะไปกลัวอะไรมันล่ะ  เรามีกันตั้งห้าคน ตบมันสิ"เรกะสั่งเสียงสั่น  ทำให้คนร่วมอุดมการมองหน้ากันเลิกลักก่อนจะตัดสินใจพุ่งเข้าใส่ซาโยที่กำลังย่างสามขุมเข้ามา


    "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด"

    .............................
    .......................
    ................

                            ภายในสิบนาทีเสียงกรีดร้องระงมของหญิงสาวก็ลั่นไปทั่วบริเวณนั้น หลังจากการต่อสู้แบบห้ารุมหนึ่ง(?)จบลง  ซาโยก็สะบัดผมที่เปียกปอนของตนเองก่อนจะทำจมุกฟุดฟิด  ใบหน้าเหยเกเล็กน้อยเมื่อกลิ่นสาปของน้ำซักผ้าขี้ริ้วอวลอยู่รอบๆตัว

    "ให้ตายสิ  น้ำซักผ้าขี้ริ้วเนี่ยนะ ทำอะไรทั้งทีก็ทำให้มันมีระดับหน่อย  บอกตรงๆนะโคตรเด็กเลยว่ะ" ซาโยพูดขณะที่ยืนมองร่างของหญิงสาวห้าคนที่นอนกองหมอบกระแตอยู่บนพื้นพลางถอนหายใจ....ก็บอกแล้วว่าเธอไม่เคยตกเป็นเบี้ยล่างใคร

    "นะ นังปีศาจ"เรกะที่แม้จะร่างกายไม่สู้ดีนักถลึงตามองร่างโปร่งบางที่มีแค่รอยช้ำเล็กน้อยอย่างอาฆาต 

    "หื้ม  ว่าไงนะ??"ซาโยหรี่ตามองเรกะอีกครั้งทำเอาหญิงสาวที่ทรุดอยู่บนพื้นทั้งห้าผวากอดกันกลมหน้าซีดเผือกไปตามๆกัน

    "จะบอกให้นะว่าฉันไม่เคยโดนใครทำแบบนี้มาก่อน  ไม่ใช่เพราะชั้นแน่หรือเจ๋งอะไรหรอกนะ...แต่พวกมันไม่โง่พอที่จะทำต่างหาก จำเอาไว้  ชั้นนะเบาที่สุดแล้ว  ถ้าพวกแกยังจะไปลองดีกับเรนะ โยรุ โดยเฉพาะชินิ ชั้นว่าพวกแกคงไม่ได้เรียนโรงเรียนนี้ต่อแล้วล่ะ"ซาโยยิ้มเย็นทำเอาห้าสาวกลืนน้ำลายเอื้อกอย่างสยดสยอง

    ............แต่แล้วห้าสาวก็ยิ่งหน้าซีดลงไปอีก

    "คะ..คุณ.."

    "หื้ม?"ซาโยรับรู้ได้ว่าพวกผู้หญิงไม่ได้มองมาที่ตนแล้วแต่กำลังมองคนที่อยู่ข้างหลังเธอต่างหาก

    "มีเรื่องทะเลาะวิวาทกันในโรงเรียน คงอยากตายกันนักใช่ไหม"เสียงทุ้มแสนคุ้นเคยพูดขึ้นในขณะที่ซาโยหันกลับไปมอง   ใจของหญิงสาวหล่นตุ้บไปที่ตาตุ่มเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาสีดำเข้มเย้นเยียบนั้นแถมความรู้สึกที่แผ่ออกมาจากแววตานั้นชัดเลยว่า...โกรธ

    "ฮะ ฮิบาริ"ซาโยยิ้มแหยๆทักเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ

    "....คะ คุณฮิบาริพวกเรา...."

    "ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น  กลับกันไปให้หมด  แล้วถ้าเรื่องนี้หลุดออกไปพวกเธอโดนดีแน่ เข้าใจไหม"ฮิบาริพูดตัดบทอย่างรวดเร็วเล่นเอาห้าสาวที่เสียวไส้ว่าจะโดนลงโทษอะไร  มึนตึบ แต่ก็รีบประคองตัวเองและเพื่อนเดินหนีออกไปทันที

    "อา...งะงั้นฉันไปเคลียร์เอกสารก่อนนะแฮะๆ"ซาโยพูดพลางทำท่าจะเดินหนีออกไป แต่แล้วก็สัมผัสได้ถึงความปวดหนึบที่ข้อเท้าขวาของตน

    "อู้ยยย  ต้องพลิกตอนเมื่อกี้แน่ๆเลย  หนอย...นังชะนีน้อยพวกนี้ถ้ามีอีกคราวหน้าแม่ซัดไม่เลี้ยงจริงๆแน่"ซาโยบ่นไปพลางขบฟันอย่างเจ็บปวด  เพราะเมื่อกี้ต้องสู้กับคนตั้งห้าคนทำให้เธอลืมความเจ็บปวดทุกอย่างไปหมดแต่พอเหตุการณ์เริ่มคลี่คลายก็กลายเป็นว่า เธอรู้สึกได้ถึงความเจ็บข้อเท้าอย่างรุนแรง

    "ให้ตายสิ  เธอนี่มันปีศาจจริงๆด้วย"ฮิบาริส่ายหน้าพลางถอนหายใจ   เขาสังเกตแต่แรกแล้วว่าผู้หญิงห้าคนนั้นต้องมีอะไรแน่ๆ  เขาแค่แว้บไปสั่งงานกับคุซาคาเบะแค่แปบเดียวไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรใหญ่โตถึงขนาดนี้  แต่ที่สำคัญคือคุคาบาระ ซาโยดันซัดพวกหล่อนซะหมอบแค่คนเดียวนี่ซิ

    "แน่นอน   ฉันไม่ยอมให้ใครทำร้ายได้ง่ายๆหรอกน่า"ซาโยบ่นก่อนจะหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ฮิบาริอีกครั้ง

    "อะไร"ฮิบาริหรี่ตามองหญิงสาวอย่างไม่ไว้ใจนัก  ใครจะไปรู้ว่าภายใต้หน้าสวยๆนี้มันคิดอะไรพิเรนๆอยู่หรือเปล่า

    "นายไม่เอาเรื่องอะไรใช่ไหม  เรื่องนี้น่ะ"

    "ไม่ล่ะ  ไร้สาระก็แค่ผู้หญิงตีกัน"ฮิบาริตอบปัดๆ...แถมสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ซาโยเจ็บตัวดันเป็นเพราะเขาซะอีก....ใครจะไปลงโทษลงวะ  ฮิบาริคิดอยู่ในใจในขณะที่สายตามองไปยังข้อเท้าที่เริ่มจะบวมของซาโย

                   แขนแกร่งถอดเอาเสื้อคลุมของตนออกก่อนที่จะเอามาคลุมไหล่บางของหญิงสาว  ร่างสูงย่อตัวลงชันเข่าแล้วหันหลังให้กับซาโย

    "ขึ้นมา"

    "หา?!  นี่นายกินผักผิดชนิดจริงๆใช่ไหมเนี่ย"ซาโยหวีดร้องราวกับเห็นผี

    "ขึ้นมา"ฮิบาริกดเสียงดุให้ต่ำลงทำให้ซาโยต้องเดินขโยกขเยกมาหาแผ่นหลังกว้างอย่างช่วยไม่ได้


                   โชคดีเป็นอย่างยิ่งที่ตอนนี้เลิกเรียนแล้วและแถวนี้ไม่ค่อยจะมีคนเดินผ่านมานัก  ไม่งั้นคงได้แตกตื่นกันน่าดูที่อยู่ๆ ฮิบาริ เคียวยะหัวหน้าคณะกรรมการคุมกฎแห่งโรงเรียนนามิโมริให้ผู้หญิงเปียกซกขี่หลังแบบนี้

                    ซาโยหายใจไม่ทั่วท้องดีนักสัมผัสได้ถึงแผ่นหลังแกร่งและความอุ่นจากร่างกายของอีกฝ่าย  ภาวนาให้ฮิบาริไม่รับรู้ถึงเสียงหัวใจของตนที่กำลังเต้นรัวจนไม่รู้จังหวะ

    "นายทำฉันผิดหวังชะมัด"ร่างบางแสร้งทำเสียงทะเล้นกลบเกลื่อนเพื่อเบี่ยงความสนใจของร่างสูง

    "อะไรของเธอ"

    "แหม  ก็นึกว่าจะได้โดนอุ้มท่าเจ้าหญิงแบบในละครซะอีก-3-"ซาโยพูดเสียงทะเล้นเล่นเอาใจของร่างสูงกระตุกไปอยู่ตรงท้อง

    "ใครจะไปทำแบบนั้นกันล่ะ  แค่นี้เธอก็ตัวหนักจะแย่แล้ว"ฮิบาริแยกเขี้ยวใส่แม้คนที่อยู่บนหลังอาจจะไม่เห็นก็ตาม

     

                           ร่างสูงรู้สึกแปลกๆอย่างที่ตัวเองไม่เคยเป็นมาก่อนเขารู้สึกเมื่อยแก้มราวกับตัวเองกำลังกลั่นยิ้มแต่ว่า  จะให้ร่างบางเห็นไม่ได้เด็ดขาดมีหวังเจ้าหล่อนแซวไม่เลิกราแน่ๆ...

    "แหนะ เขินละซี่ยยย"ซาโซแซวไปตามเรื่องตามราว...หัวเราะกลบเกลื่อนในขณะที่ใจของตัวเองยังไม่สงบลงและไม่ได้สังเกตสักนิดว่าไม่ใช่หัวใจของเธอคนเดียวที่เต้นดังจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะรับรู้....


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    สวัสดีค่ะนักอ่านทั้งหลาย

    เรากลับมาแล้วค่ะ....

    ตอนนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ปลดปมออกมาอีกปม//หรือเพิ่มปมวะ...

    บวกกับการพัฒนาความสัมพันธ์ของตัวละครสองคู่คือคู่ฮิบาริกับคู่โกคุเดระค่ะ

    หายไปเป็นปีแล้วสิเนี่ย คิดถึงเรื่องนี้กันไหมคะ

    ขอขอบคุณทุกคนที่ยังเข้ามาอ่านและสวัสดีคนที่อาจจะเข้ามาอ่านใหม่นะคะ

    *********

    เวลาคอมเม้นคิดถึงใจคนอ่านด้วยนะคะ

    เรารู้ค่ะว่าเราไม่ค่อยอัพหายไปนานปีนึงมาทีสองที

    แต่เราก็ยังอยากแต่งให้ทุกคนอ่านนะคะ

    บางทีเราอ่านแล้วรู้สึกเหมือนประชดเราเลย

    ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่

    เราอ่านแล้วไม่ค่อยสบายใจค่ะแทนที่จะจิกเรา

    เราขอเป็นกำลังใจแทนดีกว่านะคะ^_^;;

    *********


    พูดคุยและทักทายทักถามกันส่วนตัวได้ที่ ทวิตเตอร์ @moondogzelf นะคะ


    ด้วยรัก


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×