ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic reborn];;แย่ล่ะ เราหลุดมาในรีบอร์นได้ไง?!O_o

    ลำดับตอนที่ #32 : เป็นเรื่อง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 401
      2
      2 ส.ค. 60

                          โยรุรับซอฟครีมที่ถูกใส่ในโคนวัฟเฟิลสีน้ำตาลน่ากินทั้งสองจากสึนะมาถือไว้ในขณะที่สึนะหันไปจ่ายเงินให้กับพนักงานขาย มือบางยื่นคืนให้กับคนสูงกว่าพลางทำท่าจะควานหาเงินมาคืนสึนะ

    “ไม่ต้องก็ได้น่า ฉันเลี้ยงเอง”สึนะโบกมือปฏิเสธ

    “นายเลี้ยงฉันอีกแล้วนะ  เมื่อไหร่จะให้ฉันเลี้ยงคืนบ้างเดี๋ยวก็ติดหนี้ตายพอดี”เจ้าตัวบ่นไปกินไป

    “เอาน่า ไว้คราวหลังก็แล้วกัน”สึนะตอบกลับเรียบๆแล้วเริ่มออกเดินต่อ

     

                            ทั้งสองคนหลังจากเลิกซ้อมและแยกจากซาโยกับฮิบาริก็ตั้งใจจะไปดูความคืบหน้าของงานที่ชินิดูแลอยู่ในห้องเรียนแต่กลับพบว่าภายในห้องถูกเพื่อนๆเก็บของเตรียมจะกลับบ้านกันหมดแล้วเพราะว่าชินิบอกให้ทำพอแค่นี้ก่อนแถมยังได้ยินว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นระหว่างการทำงานจนชินิได้เลือด  จากคำบอกเล่าของคนในเหตุการณ์อย่างพวกแพมม่าทำให้รู้ว่าเพราะมุคุโร่กับชินิอยู่ๆก็ตีกัน 

                            พอโยรุโทรถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วงก็ปรากฏว่ากลับไปเป็นที่เรียบร้อย...จากตอนแรกที่เห็นว่าชินิมันกลับไปเอารถมาก็กะว่าจะติดรถกลับบ้านสบายๆซะหน่อยกลายเป็นสุดท้ายก็ต้องเดินกลับเองอยู่ดี ชิ...   

                            โยรุกับสึนะเดินไปด้วยกันเรื่อยๆในฐานะที่บ้านไปทางเดียวกันแต่ระหว่างทางดันเห็นร้านซอฟครีมเปิดใหม่หน้าตาน่ากินจนอดใจไม่ไหวสุดท้ายโยรุก็หยุดซื้อจนได้  นี่ไม่ได้เถลไถลจริงนะ!

     

    “เหนื่อยๆอย่างนี้ได้ของหวานๆเย็นแบบนี้มันดีจริงๆเลยย”

    “พูดเป็นคนแก่ไปได้”

    “ก็มันจริงนี่น่า”

     

    เมื่อเดินมาจนถึงทางแยกประจำโยรุจึงหยุดเดินแล้วโบกมือลาเพื่อนชายตามปกติ

    “บ๋ายบาย กลับดีๆนะ”คนตัวเล็กกว่าส่งยิ้มบางๆให้กับว่าที่บอสมาเฟียก่อนจะหมุนตัวเดินหน้าต่อไปราวกับว่าเมื่อกี้ไม่ได้หยุดเดินเพราะปกติแล้วเวลาเธอเดินกลับมาพร้อมสึนะที่ไรก็จะแยกกันตรงนี้ทุกที

    “อะไรของเธอ”เสียงทุ้มนุ่มตามหลังมาแทบจะติดๆก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินขนาบคู่ๆกับโยรุ  นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของสึนะสบเข้ากับตาสีน้ำตาลแดงพลางเลิกคิ้วขึ้นปากยังคงกินซอฟครีมที่เหลืออยู่นิดหน่อยไปด้วย

     

    โยรุขมวดคิ้วยุ่ง...ท่าทางกวนโอ้ยชะมัดหมอนี่

     

    “ก็ทางนั้นมันทางกลับบ้านนายแล้วนี่”โยรุตอบเสียงใสพลางยักไหล่อย่างไม่หยีระ

    “มันเย็นแล้วเดี๋ยวฉันเดินไปส่งเอง”คำพูดของสึนะทำให้โยรุสตั๊นไปพักหนึ่งก่อนจะหันมามองหน้าคนที่เดินข้างๆอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าตัวเองได้ยินไม่ผิด

    “นี่นายกินอะไรผิดสำแดงเข้าไปหรือเปล่าหรือซอฟครีมเมื่อกี้ใส่ยาอะไรเข้าไปห๊ะ!!  โดนตัวไหนมาเนี้ย”ว่าแล้วก็หรี่ตามองอย่างไม่วางใจ

    “จะบ้าเหรอก็เธอเป็นผู้หญิงจะปล่อยให้เดินกลับคนเดียวเย็นๆค่ำๆแบบนี้ได้ไงละฮะ”

    “ทำมาเป็นพูดดีตอนก่อนไม่เห็นสนใจนี่หว่า...”โยรุบ่นอุบอิบแต่ก็ไม่รอดหูของสึนะไปได้

    “ก็แน่สิตอนนั้นเธอเป็นผู้ชายนี่หว่า”สึนะตอบอย่างไม่ได้สนใจท่าทีของเพื่อนสาวนัก

    “อย่ามาทำท่าไม่รู้ไม่ชี้อย่างนั้นนะยะ  ตอนนั้นที่นายขู่ฉันนะรู้ไหมว่าฉันจิตตกแค่ไหน”โยรุเบะปากใส่สึนะก่อนที่จะชะงักเมื่อหน้าของสึนะก้มลงมาใกล้หน้าของเธอ

    “อยู่นิ่งๆนะ”

     

                          โยรุรู้สึกได้ว่าหน้าของตัวเองค่อยๆร้อนขึ้นในขณะที่นิ้วของสึนะจะเกลี่ยที่มุมปากของเธออย่างเบามือ หัวใจของคนตัวเล็กเต้นผิดจังหวะหนักจนอยากจะเอาหน้ามุดดินหนีไปซะเดี๋ยวนี้ เธอช้อนตามองสึนะอย่างเก้อเขิน

    “เอ่อ...”

    “กินยังไงให้เลอะเทอะขนาดนี้อีกนิดก็กระเด็นเข้าจมูกได้แล้วซกมกชะมัด”สึนะพูดพลางเอานิ้วที่เกลี้ยคราบซอฟครีมเช็ดเข้าที่เสื้อของโยรุ

    “กรี๊ดดดใครให้นายป้ายลงมาแบบนั้นยะ”

    “เอ้า เธอกินเองเช็ดเสื้อเธอก็ถูกแล้วนี่”

    “ไอ้...”

     

    ปี๊น!

                              เสียงแตรรถดังขึ้นสั้นๆจากด้านหลังทำให้ทั้งคู่หันไปมองตามเสียงก็พบกับรถสปอร์ตคันสวยกำลังจอดเบียดมาทางพวกเธอ สึนะคว้าเอวของร่างบางแล้วดึงหลบจนตัวของโยรุเซเข้าหาร่างสูง

    “ขับรถบ้าอะไรของมันวะเนี่ย”สึนะบ่นพลางมองไปที่รถ

    กระจกรถค่อยๆลดลงเผยให้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์น่าถีบของผู้พิทักษ์สายหมอกนัยน์ตาสองสีพราวระยับจนหน้าหมั่นไส้

    “โอ๊ะโอ่ ดูสิว่าเราเจออะไร”น้ำเสียงทุ้มของมุคุโร่พูดอย่างหยอกเย้า

    “ทำอะไรของคุณน่ะคุณมุคุโร่”สึนะหรี่ตามองอย่างเอาเรื่อง

                        ในสภาวะกึ่งงุนงงกึ่งหงุดหงิดโยรุมองรถที่มีมุคุโร่เป็นคนขับผ่านๆด้วยความเอะใจ...ทำไมรถมันคุ้นๆวะเหมือนเคยเห็น

    “โย่!”เสียงผู้หญิงออกห้าวๆที่แสนคุ้นเคยอีกเสียงดังขึ้นจากข้างในรถ

     

    ชินิชะโงกตัวออกมาจากที่นั่งข้างคนขับเพื่อให้เพื่อนเห็นพลางฉีกยิ้มกว้าง...อ้อ หนึ่งในรถของเฮียรินโดชัวร์ๆ

     

    “ขึ้นมาดิจะกลับบ้านใช่มะ”ชินิเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงสบายๆ

    “ทำไมแกถึงไม่ขับเองวะแล้วทำไมมุคุโร่ถึงมาขับเนี่ย”โยรุขมวดคิ้วอย่างสงสัย

    “ก็นี่ไงเพราะหมอเนี่ยฉันถึงขับรถเองไม่ได้”ชินิปีนเบาะมาตรงคนขับพลางยื่นมือขวาของตัวเองออกมาประจักษ์ต่อสายตาของเพื่อนที่ยืนงงอยู่นอกรถ

     

    มือเรียวถูกพันด้วยผ้าก๊อตซึ่งตอนนี้มีสีแดงของเลือดซึมออกมานิดหน่อยเพราะแผลยังไม่แห้งดี

    “ยัยบ้านี่อย่าปีนมาตรงนี้สิวะ”มุคุโร่ร้องเสียงลั่นใจหายแวบเมื่อใบหน้าของหญิงสาวข้างตัวเฉียดหน้าของเขาไปนิดเดียว

    “แกไปนั่งที่ดีๆเลยชินิ”โยรุโบกมือไล่เพื่อนก่อนจะรีบเปิดประตูด้านหลังแล้วขึ้นมานั่งทันทีตามมาด้วยสึนะที่ขึ้นตามมาติดๆ

    “เฮ้ย นายไม่ต้องมาก็ได้มั้งนี่ไงมีคนไปส่งแล้ว”โยรุสะดุ้งสุดตัวภาพเหตุการณ์เมื่อครู่วนเข้ามาในหัวแก้มเริ่มร้อนขึ้นมาอีกครั้ง

    “อย่ามาพูดเหมือนผมเป็นคนขับรถรับจ้างสิครับ”มุคุโร่เหลือบมองคนข้างหลังอย่างขัดใจ

    “ก็มันจริงนี่หน่า รีบๆออกรถต่อได้แล้วน่า”ชินิพูดปัดๆทำให้มุคุโร่ต้องขับรถต่อไป

    “ก็ได้ๆ เธอนี่มันน่าหงุดหงิดชะมัด”มุคุโร่อย่างอดไม่ได้แต่ก็ถูกคนข้างๆสวนขึ้นมาจนสะอึกในทันที

    “แล้วใครทำให้มือฉันเจ็บและเสนอว่าจะขับรถแทนให้ล่ะ”

    “เงียบไปเลย...”

    “พวกนายนี่ยังไงกันยะเมื่อกี้ก็ยังดูดีๆเดี๋ยวก็กัดกันอีกแล้ว”โยรุส่ายหน้าอย่างเอือมระอาแต่กลับได้คำตอบรับเป็นเสียงหัวเราะอย่างมีเล่ห์นัยตามนิสัยของมุคุโร่แทน

    “หึหึ”

    “หัวเราะอะไรของนายยะ”โยรุหรี่ตาสบเข้ากับตาสองสีของมุคุโร่ผ่านกระจกมองหลัง

    “ใครจะไปเหมือนพวกคุณสองคนละครับ  เดินกระหนุงกระหนิงกับอยู่กลางถนนไม่อายฟ้าดิน”ว่าแล้วก็ยกร้อยยิ้มเยาะน่าหมั่นไส้ที่ขนาดแค่เห็นผ่านกระจกหน้าคนขับยังทำเอาเส้นกระตุก

    “ว้าย น่าไม่อาย”พอๆกับคนที่นั่งข้างๆที่ตอนนี้หัวเราะรวนพลางพูดล้อเธออย่างสนุกสนาน

    “หุบปากไปเลยย่ะพวกนายทั้งคู่”โยรุกัดฟันกรอดหน้าร้อนแทบจะแทรกเบาะหนีในขณะที่สึนะแทบจะไม่แสดงอาการอะไรทั้งสิ้น

    “ไหนๆก็ไหนๆแวะกินข้าวบ้านพวกฉันเลยไหมนายสองคนน่ะ วันนี้มีของหวานรุ่นทดลองหมายเลข6อยู่ด้วยนะ”ชินิพูดด้วยน้ำเสียงระรื่นไม่สนใจโยรุที่พึ่งจะบอกให้หุบปากสักนิด

    “ไม่”คำตอบของสองหนุ่มเป็นเสียงเดียวกันจนน่าภูมิใจ

    “ว้า เสียดายจัง”

     

                        การต่อล้อต่อเถียงยังคงดำเนินไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึงที่บ้านของเซอร์บิรัส  ประตูใหญ่ถูกเปิดให้รถเข้าจอดอย่างง่ายๆพร้อมกับมีร่างสูงโปร่งในชุดอยู่บ้านสบายๆจนไม่เหมือนบอสใหญ่แห่งเซอร์บีรัสยืนมองอยู่ด้วยสีหน้าหงุดหงิด

    “ทำไมหน้าเฮียแกเป็นงั้นวะ”โยรุถามขึ้นไม่กล้าเปิดปรูลงจากรถ

    “ไม่รู้ว่ะ  อาจจะเป็นเพราะฉันเอารถไปไม่ได้ขอละม้างง”ชินิพูดด้วยน้ำเสียงไม่รู้ร้อนรู้หนาว

    “ห๊ะ  ฉันนึกว่าเธอบอกเฮียแล้วซะอีก”โยรุถามเสียงลั่น

    “ตื่นตูมไปได้น่า  ออกๆไปได้ละ”ชินิยักไหล่อย่างไม่ไยดีก่อนจะเปิดประตูก้าวออกจากรถนำไปคนแรกทำให้คนอื่นๆตามออกจากรถมา

    “ว่าไงเฮีย”ชินิยังคงเป็นเหมือนทองไม่รู้ร้อนฉีกยิ้มรับหน้าแทนคนอื่นก่อนที่จะยื่นมือไปเอากุญแจรถคืนจากมุคุโร่ที่เป็นขับกลับมา

     “กลับมาแล้วเหรอไอ้ตัวดี...มีอะไรอยากจะบอกเฮียไหม”รินโดถลึงตาคมมองน้องสาวอย่างเอาเรื่อง

    “เอ่อ...”ชินิที่เริ่มรับมือไม่ถูกกับพี่ชายของตนเริ่มเกิดอาการอึกอักเพราะแค่ปกติเธอตีเนียนนิดหน่อยพี่ชายก็หายโกรธเธออยู่แล้วแต่นี่มันดูแปลกๆยังไงก็ไม่รู้สิ

    “ว่าไง”

     

    มุคุโร่ถ่องข้อศอกเข้าที่เอวของชินิเพื่อกระตุ้นให้คนต้นเรื่องรีบๆตอบออกไป


    “ก็ฝากอาเบะซังบอกเฮียแล้วนี่ว่าจะขับรถออกไปใช้อะ  ก็ไม่ได้เอาไปชนที่ไหนซะหน่อยทำไมต้องจริงจังขนาดนั้นด้วย”ชินิเริ่มตอบเสียงอ่อย

    โยรุแอบขำเบาๆจนทำให้สึนะต้องหยิกเข้าที่หลัง

    “โอ้ย  หยิกทำไมเนี่ย”

    “เธอนี่จะขำก็ดูสถาณการณ์ด้วยสิ  นี่มาคุสดๆเลยนี่หว่า”

    “แหม  ก็ปกติเฮียรินยอมไอ้ชินิจะตายไปเห็นไอ้ชินิหง๋อแบบนี้แล้วมันอดไม่ได้”

    “มันไม่ใช่เรื่องนั้น!!

     

                  รินโดพูดเสียงดังจนแทบจะเป็นเสียงคำรามทำเอาสองสาวสะดุ้งเฮือกแถมมุคุโร่กับสึนะก็เริ่มเหงื่อตกอดคิดไม่ได้ว่าจะพาตัวเองออกจากบรรยากาศมาคุของปัญหาครอบครัวที่ไม่ควรเข้าไปสอใส่เกือกอย่างไรดี

    “ยามานิชิ รินโดมีอะไรก็ค่อยๆพูดสิครับอย่าใช้อารมณ์”มุคุโร่เริ่มพูดตะล่อมๆเผื่อว่าคนตรงหน้าจะปรับอารมณ์ให้ดีขึ้นได้บ้าง

    “ชินิ!! แกกลับมาแล้ว โอ้ยยยย บ้านจะแตกรีบๆอธิบายมาเลยนะยะ”เสียงของเรนะร้องขึ้นพลางรีบวิ่งออกจากบ้านมากอดชินิอย่างพยามปลอมประโลม

    “เฮียก็ใจเย็นๆรอให้มันได้อธิบายก่อนดิ ดูหน้ามันดิงงไปหมดแล้วเนี่ย”เรนะหันมาพูดกับรินโดที่ยังคงปล่อยรังสีฆ่าฟันจนน่ากลัว

    “ปล่อยน่าเรนะ  อะไรของแกวะอะไรของเฮียด้วยไม่ใช่เรื่องนี้แล้วมันเรื่องอะไรละ”ชินิแกะการกอดที่เรนะคิดว่าเป็นการปลอบออกจากตัวได้ก็หันมาถามพี่ชาย

    “เธอนะถอยมานี่เลยยัยเปี๊ยกเรื่องนี้พี่น้อเขาต้องคุยกันเอง”โกคุเดระที่เดินตามรีบมาดึงตัวเรนะออกจากวง

    “อ้าวรุ่นที่สิบ มุคุโร่มาด้วยเหรอครับ”โกคุเดระหันมาเจอสึนะก็รีบทักทายทันที

    “มีอะไรกันแน่นะโกคุเดระ”สึนะถาม

    “เอ่อ...”

    “อ่า  กลับมาแล้วที่รัก”เสียงทุ้มนุ่มที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปตามเสียงนั้นยกเว้นแค่รินโดกับบุคคลที่อยู่ที่บ้านมาก่อนหน้านี้

     

                     ชายร่างสูงผู้มีโครงหน้าคมเข้มดูเจ้าเล่ห์เส้นผมสีดำยาวระคอถูกรวบไว้ลวกๆนัยน์ตาสีน้ำตาลทองส่องประกายคนขี้เล่นรอยยิ้มที่สาวๆหลายคนต้องละลายปรากฏขึ้นทำเอาโยรุเหวอส่วนชินิก็ขมวดคิ้วอย่างงงๆ

    โยรุกระเถิบมาหาเรนะก่อนจะกระซิบถามเรนะ

    “เดี๋ยวนะผู้ชายหล่อวัวตายควายล้มคนนี้มันใครวะ”โยรุถามเสียงตื่น

    สึนะขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำชมที่หลุดมาจากปากหญิงสาว

    “ตัวต้นเรื่องน่ะ”

    “นายเป็นใครวะ”ชินิเลิกคิ้วขึ้นแถมยังถามโพล่งไปแบบไม่คิดสักนิด

    “ว่าที่สามีแกไง”รินโดกัดฟันกรอด

    “อ้อ....ห๊ะ!!!!!!!!

    .........................................................................................................................

    .........................................................................................

    ..............................................................

    ...........................................

    ...........................

    ..................

    ...........

    ......

    ...

                         จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงที่จอดรถดูเหมือนจะทำให้พวกสึนะแอนด์เดอะแก็งค์ที่แค่ผ่านมาไม่ได้กะมายุ่งอะไรกับเขาด้วยเลยต้องมานั่งอยู่ที่ห้องรับแขกญี่ปุ่นโดยมีบรรยากาศมาคุของรินโดแผ่อยู่รอบๆแถมตอนนี้ไม่รู้ทำไมไอ้ผู้พิทักษ์สายหมอกของวองโกเล่เองก็เริ่มแผ่รังสีอาฆาตจางๆโดยไม่รู้ตัวออกมาซะอีก

     

    “เอ่อ...ขอถามอีกที นายเป็นใครนะ”ชินิที่หน้ายังเหวอไม่หายถามขึ้นอีกครั้งราวกับอยากจะย้ำว่าตัวเองเข้าใจไม่ผิด

    “สามีคุณครับ”คำตอบของชายที่ตอนนี้ถืออภิสิทธิ์อะไรก็ไม่ทราบมานั่งเนียนติดกับเธอทำเอาชินิถึงกับกุมขมับ

    “ถ้าจะให้ถูกต้อง[ว่าที่]นะคะคุณกิงเซย์”เรนะรีบแก้ก่อนที่รินโดจะได้พูดอะไร

    “แล้วไหงอยู่ๆไอ้บ้าหน้าหล่อนี่มันถึงบอกว่าจะมาขอแกไปเป็นเจ้าสาวว่ะ!!!

    รินโดว้ากพลางทุบโต๊ะน้ำชาอย่างแรงถ้าได้ยินไม่ผิดเรนะได้ยินเสียงไม้ลั่นดังกร๊อบ...ไม่รู้ว่าอีกกี่รอบมันจะพัง

    “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ แล้วหมอนี่เป็นใครฉันยังไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ”

    ชินิแว้ดกลับทันทีพลางพยามกระเถิบหนีคนที่เรนะเรียกว่า[กิงเซย์]แต่ก็ยังถูกตามกระเถิบติดมาแทบจะเป็นตังเม

    “ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะครับ คืนนั้นผมประทับใจคุณมากเลยนะครับถึงได้ตัดสินใจว่าจะรับผิดชอบคุณให้มาเป็นเจ้าสาวของผมไงล่ะ!!”กิงเซย์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังทำเอาชินิสะดุ้งเฮือก

     

    สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่ร่างบางด้วยความรู้สึกหลายๆแบบ

     

    “หล่อนไปแอ๊วคนหล่อขนาดนี้ได้ที่ไหนยะ”เรนะที่ตอนแรกก็เหมือนจะคอยช่วยดันเริ่มหลงเคลิ้มไปกับคำพูดของกิงเซย์ซะอย่างนั้น

    “นี่แกไปถึงขั้นไหนกันแล้วเนี่ย”โยรุถามด้วยสีหน้าเหวอๆพลางหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ

    “แกจะหน้าแดงทำไมแล้วไอ้เลือดกำเดานั่นอะไรหยุดคิดเรื่องบ้าๆเลยนะ ส่วนนายอย่ามาพูดอะไรชวนเข้าใจผิดนะเว้ย คืนน้งคืนนั้นอะไรไม่มี!!!!  ”ชินิรีบส่ายหน้าปฏิเสธอย่างแรง

    “ทำไมต้องปฏิเสธผมละครับในเมื่อเราก็ผูกพันกับขนาดนั้นแล้วแท้ๆ”กิงเซย์ทำหน้าน้อยใจพลางสวมกอดคนตัวเล็กกว่าอย่างออดอ้อน

    “เฮ้ย  ปล่อยนะ เฮียมันไม่ใช่อย่างที่เฮียคิดนะ”ชินิหวีดเสียงแหลมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

     

                        ชินิพยามจะแกะตัวเองออกจากการกอดรัดนั้นแต่กลับค้นพบว่าแรงของตนไม่สามารถสู้คนที่พันธนาการตัวเองอยู่ได้เลยทั้งที่เจ้าตัวค่อนข้างจะเป็นผู้หญิงที่แรงเยอะอย่างน้อยก็น่าจะพอขยับได้บ้างแต่นี่เธอไม่สามารถขยับตัวได้เลย  กิงเซย์ยิ้มอย่างพอใจจนกระทั่งมีสามง่ามมาจ่ออยู่ที่คอของเขาเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลทองเหลือบมองสบตาเข้ากับคนที่ยืนเอาสามง่ามจี้คอหอยเขาอยู่อย่างไม่หยี่ระ

    ....หมอนี่ไม่ปกติ  ร่างบางคิดขณะที่พยามดันตัวออกมา

     

    “แหม ทำหน้าตาน่ากลัวจังเลยนะครับ”

    “ผมไม่รู้หรอกว่าคุณต้องการอะไรแต่อย่ามาพูดให้คนอื่นเขาเสียๆหายๆแบบนั้นจะได้ไหมครับ”มุคุโร่พูดเสียงเย็น  คมของสามง่ามทิ่มเข้าที่ผิวขาวของชายที่นั่งกอดเจ้าน้องรหัสเขาอย่างถือสิทธิ์จนเลือดสีสดออกมาซิบๆหากแต่เจ้าตัวไม่ได้ให้ความสนใจกับมันเลยสักนิด

    “ปล่อยน้องฉันนะเว้ยไอ้เวรนี่”รินโดที่ดูท่าจะฟิวส์ขาดไปแล้วคว้าเอาดาบยาวที่ประดับโชว์อยู่ที่ผนังห้องออกมาชักออกจากฝักแต่ก่อนที่คมดาบจะถึงตัวกิงเซย์ชินิก็ตะโกนห้ามเสียงลั่น

    “เฮียอย่า!! หมอนี่ไม่ใช่มนุษย์”

    !!

     

                    คมดาบชะงักอยู่ไม่ห่างจากตัวผู้มาเยือนนักเสียงร้าวดังขึ้นก่อนที่ใบดาบจะแตกร่วงหล่นลงสู่พื้นห้อง

    “เฮ้ย  ดาบนี้มันแพงนะเว้ย”รินโดถึงกับหลุดจากอาการฟิวส์ขาดมองใบดาบที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่บนพื้นด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์

    “มันใช่เวลาห่วงดาบไหมไอ้พี่บ้า”ชินิโวยวายขึ้น  ให้ตายสิเมื่อกี้ยังฟิวส์ขาดหวงน้องอยู่เลยแท้ๆ

    “เพราะว่าคุณเป็นพี่เขยหรอกนะครับผมถึงไม่อยากทำร้ายคุณ”กิงเซย์ถอนหายใจพลางยิ้มอย่างน่าหมั่นไส้

    “ที่บอกว่าไม่ใช่มนุษย์นี่มัน...”สึนะมองไปที่กิงเซย์อย่างประเมินเพราะเขาเองก็รู้สึกแปลกๆกับผู้ชายคนนี้ตั้งแต่ที่เห็นถึงแม้จะไม่มั่นใจนักก็ตาม

    “เห็นไหมล่ะ ชินิก็รู้จักผมนี่น่าจำได้แล้วใช่ไหมครับดีใจจังเลย”กิงเซย์ยิ้มร่า

    “ให้ตายสิเป็นเรื่องใหญ่น่าดูชมเชียวนะเนี่ย”เสียงกังวานดังขึ้นราวกับประกาศให้รู้ว่ามีผู้มาเยือนใหม่อีก

    “คุณวิเวียนอย่าทำหน้าระรื่นแบบนั้นสิคะ”

    “แหม ก็มันอดไม่ได้นี่หน่า”

    “แม่มด”รินโดทักขึ้นสายตามองไปยังแขกผู้มาเยือนรายใหม่

    “ฉันก็มีชื่อนะจ๊ะรินโดคุง”วิเวียนแสร้งทำเป็นแก้มป่องงอนเหมือนสาวน้อยในการ์ตูนตาหวาน

    “จะอะไรก็ช่าง  ชินิบอกว่าไอ้หมอนั่นไม่ใช่มนุษย์หมายความว่ายังไงเกี่ยวอะไรกับเธอใช่ไหม”

    “อ่า  ใช่แล้วไม่ใช่มนุษย์หรอกแต่ไม่เกี่ยวกับฉันนะ”

    “แล้วเป็นอะไร...”

    “จิ้งจอกน่ะสิ  คงไปถูกใจอะไรชินิเข้าถึงได้ตามมาจนถึงที่นี่สินะ”วิเวียนตวัดมือไปทางที่กิงเซย์กับชินิและมุคุโร่อยู่ทำให้อยู่ๆเกิดควันขึ้นก่อนที่กิงเซย์จะยอมปล่อยชินิและกระโดดออกมาตั้งหลัก

     

                         เสื้อผ้าที่ตอนแรกเป็นชุดแฟชั่นตามสมัยนิยมกลายเป็นเสื้อกิแบบญี่ปุ่นพร้อมกับกางเกงฮากามะสีขาวคลิบแดงหางสีดำห้าหางสะบัดตามการเคลื่อนไหวของเจ้าตัวนัยน์ตาสีน้ำตาลทองเปลี่ยนเป็นสีเหลืองที่มีเส้นรูปขีดยาวซึ่งต่างจากมนุษย์จะที่เป็นวงกลมหูสีเดียวกับเส้นผมชี้ขึ้นอย่างตื่นตัว

    “แม่มดแบบคุณมายุ่งอะไรด้วยล่ะเนี่ย”กิงเซย์ถามอย่างเผยเห็นเขี้ยวขาวดูคมจนน่ากลัว

    “จะไม่ให้ยุ่งได้ยังไงก็ในเมื่อที่นี่เด็กฉันทั้งนั้น  เธอมาทำให้เด็กๆวุ่นวายอย่างนี้ก็แย่น่ะสิ”วิเวียนยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อน

    “ที่ว่าตามมานี่...หรือว่านาย”ชินิเบิกตากว้างภาพเริ่มกลับเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ

    “เห็นไหมละชินิจำผมได้แล้ว”กิงเซย์ยิ้มร่าเผยเขี้ยวอีกครั้งพลางพยามจะเข้าหาชินิแต่ก็โดนมุคุโร่กับรินโดที่ยืนกันท่าขวางไว้

    “สรุปว่าเธอรู้จักมันจริงๆเหรอยัยบ้า”มุคุโร่หันไปถามชินิอย่างเอาเรื่อง

    “นายก็อยู่ด้วยนี่ยะ อย่ามาทำน้ำเสียงแบบนั้นในฉันนะว้อย”ชินิถลึงตาใส่มุคุโร่อย่างเอาเรื่อง

    “ห๊ะ”

    “ก็ตอนที่เราไปค่ายแล้วทดสอบความกล้ากันที่ป่าฮินาโมริไง  ตอนที่ระหว่างทางเราเจอกับจิ้งจอกสีแปลกๆที่ขาเจ็บไง”ชินิเอามือกุมขมับ

    “เพราะว่าชินิช่วยผมไว้กลิ่นเลือดของผมเลยเรียกภูติตามเงามาหาชินิจนเกือบเป็นอันตรายเพราะงั้นผมจึงจะรับผิดชอบด้วยการรับคุณมาเป็นภรรยาไงครับ”

     

    “ไอ้ภูติเงานั่น...ไอ้ผีตาหลุมดำนั่นเรอะ...”มุคุโร่เริ่มเหงื่อตกภาพเหตุการณ์ในวันนั้นฝุดมาในหัวตอนที่เขาต้องจ้องตาผีบ้านั่นอยู่นานสองนาน

    “เพราะแกเองเหรอฟะ!!

    ฉึก!

    สามง่ามทิ่มเข้าที่สี่ข้างของจิ้งจอกอย่างอัตโนมัตโดยไม่ได้ผ่านการติตรองใดๆจากเจ้าของทั้งสิ้น

    “มันเจ็บนะครับ”

    “เพราะเป็นเลือดของจิ้งจอกห้าหางที่มีพลังมากน่ะสิถึงได้เรียกพวกแปลกๆมา”วิเวียนอธิบาย

    “ถ้าแค่นั้นแค่ส่งกระเช้าผลไม้มาขอโทษหรือขอบคุณก็พอแล้วว้อย”ชินิเอามืดกุมหน้ารู้สึกอยากร้องไห้ที่ชีวิตต้องมาผจญกับเรื่องอะไรพวกนี้บ่อยๆ ถึงแม้คน..เอ้ยภูติที่ประกาศว่าเป็นว่าที่สามีเธอจะหล่อวัวตายควายล้มแค่ไหนก็ตาม

    “ถ้างั้นก็ควรจะจำมุคุโร่ได้ด้วยสิในเมื่อหมอนี่ก็ช่วยฉันช่วยนายเหมือนกัน”ชินิรู้สึกโล่งใจไปหน่อยเมื่อคนอื่นได้รับรู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของเธอ

    “ฮึ มนุษย์เพศผู้นะผมไม่สนหรอก”

    ...ไอ้นี่...

    คิ้วของมุคุโร่กระตุก

    “แล้วอีกอย่างผมประทับใจพลังวิญญาณของชินิมากกลิ่นหอมสุดๆแถมยังช่วยผมไว้ด้วยผมก็เลยตั้งใจจะเอาคุณมาเป็นเจ้าสาวแต่แรกอยู่แล้ว ถึงได้ตีตราประทับไว้ไง”กิงเซย์ยกแขนขึ้นสักพักก็มีอักขระสีแดงเป็นวงล้อมข้อมือของเขาปรากฏออกมาขณะเดียวกันข้อมือของชินิก็ปรากฏอักขระขึ้นเช่นกัน

    “อะไรเนี่ย  ตอนไหน”ชินิพยามถูแขนตนหวังว่ามันจะเป็นแค่หมึกที่ขัดนิดหน่อยก็ออกไปพร้อมขี้ไคลแต่ก็ไม่

    “ก็ตั้งแต่ตอนนั้นแหละครับถ้าเปรียบกับวัฒนธรรมของมนุษย์ก็คล้ายแหวนหมั้นน่ะครับ

    “เดี๋ยวนะเดี๋ยวๆ ไอ้นี่มันอะไร๋แล้วใครอยากได้แหวนหมั้น”

     “ยุ่งยากจริงๆด้วยแฮะ”วิเวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่

    “คุณทำให้มันหายไปได้ไหมคุณวิเวียน”โยรุถามแทรกขึ้นเพราะเท่าที่ฟังแล้วเธอรู้สึกได้ว่ามันค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่

    “ก็ได้แหละน่ะ แต่ว่าพันธะของจิ้งจอกค่อนข้างศักดิ์สิทธิ์การจะทำลายก็ต้องใช้เวลาหน่อยระหว่างนี้ฉันจะขอพักที่นี่สักระยะก็แล้วกันนะจ๊ะรินโดคุง ส่วนเธอพ่อจิ้งจอกกลับไปก่อนได้ไหม”

    “ทำไมผมต้องกลับล่ะครับในเมื่อผมหาชินิเจอแล้ว”กิงเซย์เริ่มดูอารมณ์เสียเมื่อวิเวียนเอ่ยปากไล่

    “ให้ตายสิฉันถึงได้ไม่อยากทำข้อตกลงกับพวกจิ้งจอก หัวดื้อแถมเอาแต่ใจ”วิเวียนหรี่ตาสีฟ้าใสแต่เย็นเยียบจนน่ากลัวให้จิ้งจอกหนุ่ม

    “ชินิแกลองพูดอะไรสักอย่างซี่”เรนะโพล่งขึ้น

    “ให้พูดอะไรล่ะ”ชินิเริ่มเหงื่อตก

    “ลองดูสักอย่างเถอะน่า”โกคุเดระเสริม

    “ก็ได้ๆ เอ่อ...กิงเซย์”แค่ชินิเรียกชื่อหูของกิงเซย์ก็ตั้งขึ้นอย่างตั้งใจฟัง

    “ครับ”หางห้าหางกระดิกไปมาเหมือนสุนัขรอขนมจากเจ้านาย

    “นั่งลงดิ๊”

    “เดี๋ยว  แกจะมาเล่นมุขเดียวกับเรื่องอินุยาฉะไม่ได้!!”เรนะโวยวาย

    ฟุ้บ

    ร่างสูงของกิงเซย์นั่งลงกับพื้นทันที

    “ขอมือ”

    แป๊ะ

    มือของกิงเซย์แปะวางบนหัวของรินโดอย่างจงใจ

    “ผมยื่นมือไม่ถือชินิคงไม่เป็นไรนะครับ”

    “แก...”รินโดรู้สึกอยากซัดหมาจิ้งจอกตรงหน้าสักเปรี้ยงจริงๆ

    “เหมือนหมาจริงๆแฮะ”โยรุบ่นเบาๆ

    “ดูเหมือนจะฟังชินิทุกคำเลยนี่น่า”สึนะออกความเห็น

    “ถ้างั้น....กิงเซย์”

    “ครับ”

    “นายช่วยอย่าโผล่มาที่นี่สักพักได้ไหม”ชินิพูดเสียงเข้มในใจก็ลุ้นว่าจิ้งจอกหนุ่มะยอมฟังไหม

    “ถ้าชินิว่างั้นก็ได้ครับ”กิงเซย์รับคำแทบจะทับที

    “เห้ย  อะไรจะง่ายขนาดน้านนนน”เสียงของทุกคนในห้องแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน

     

                         ร่างสูงของกิงเซย์เปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์แบบมนุษย์เหมือนในครั้งแรกที่มาจิ้งจอกหนุ่มยิ้มให้คนในห้องอีกครั้งพลางเหล่ตาสบกับเจ้าของตาสองสีก่อนรอยยิ้มหวานจะเปลี่ยนเป็นยิ้มเหยียดเรียกเลือดในกายให้ขึ้นหน้าผู้พิทักษ์แห่งหมอกอีกครั้ง

    “อะไรของคุณ”

    “เปล่านี่ครับ  ล่าก่อนนะครับชินิไว้ผมจะอีกครั้ง”

    “เออๆ ไปนานๆเลยนะ”ชินิรีบไล่

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    “เฮ้อออออ”เสียงถอนหายใจของทุกคนในห้องถอนออกมาอย่างโล่งอก

    “เป็นไงล่ะฮะ”ชินิตวัดตามองรินโดด้วยสายตาเชือดเฉือด

    “ง่า  เฮียขอโทษษษ เฮียนึกว่ามันพรากแกไปจากอกเฮียกจริงๆ”รินโดรีบเข้ามาเอาอกเอาใจชินิจนออกนอกหน้า

    “ก็มันน่าโมโหไหมล่ะ ทุกคนทำหน้าเหมือนไม่เชื่อกันเลยนี่ว่า”

    “ก็หน้าแกมันไม่น่าเชื่อ”โยรุหลุดพูดออกมาเรียกเอาเสียงหัวเราะให้กับคนในห้อง

     

                            มุคุโร่มองชินิที่กำลังทำหน้าหงุดหงิดเล็กน้อยอย่างโล่งอกแต่ก็อดหงุดหงิดไม่ได้เมื่อนึกถึงหน้าของไอ้จิ้งจอกบ้านั่น สายตามองไปยังวิเวียนที่ยืนกอดอกอยู่มุมห้อง ใบหน้างามของแม่มดเอียงคอมองเขาอย่างจงใจนิ้วเรียวของเธอกวักเรียกให้เขาเดินเข้าไปหาทำให้ร่างสูงเดินเข้าไปอย่างไม่รู้ตัวราวกับขามันขยับไปเอง

    “โรคุโด มุคุโร่สินะ”

    “คุณก็รู้อยู่แล้วนี่ครับ”

    “แหม เธอนี่อย่างตัดบทกันอย่างนั้นสิมันก็ต้องมีintroductionกันบ้าง”

    “แล้วคุณจะพูดญี่ปุ่นคำอังกฤษคำเพื่อ”

    “เธอนี่ชอบตัดบทจังนะยะ”วิเวียนหลุดขำพลางเอานิ้วจิ้มหน้าผากของชายหนุ่มตรงหน้าแรงๆอย่างหมั่นไส้

    “มันเป็นนิสัย  แต่ก็ต้องขอบคุณที่เข้ามาช่วยตอนวุ่นวายน่ะครับ”

    “ก็มันหน้าที่ฉัน ฉันต้องดูแลพวกนี้อยู่ห่างๆอยู่แล้ว”วิเวียนยิ้มบางๆพลางมองไปยังกลุ่มคนที่เธอจำต้องส่งมายังโลกที่ไม่คุ้นเคย

    “แล้ว....”

    “ฉันจะบอกว่าจนกว่าจะล้างอักขระสัญญานั่นได้ช่วยดูชินิไว้หน่อยนะ”

    “หื้ม  ทำไมล่ะครับเจ้าตัวก็ดูจัดการเรื่องเองได้นี่ไอ้เจ้าจิ้งจอกบ้านั่นก็ดูเชื่อฟังดีออก”

    "...ก็คงแค่ระยะนี้เท่านั้นแหละ ไปบอกคนอื่นๆด้วยก็แล้วกัน”

    “ครับ  แล้วทำไมไม่บอกทุกคนทีเดียวเลยล่ะครับ”

    “เพราะฉันคิดว่าเธอทำหน้าที่นี้ได้ดีที่สุดนะสิ”วิเวียนยิ้มเจ้าเล่ห์

    “เอ่อ...”มุคุโร่กำลังจะตอบกลับแต่ก็ถูกดักทางไว้ก่อน 

    “ฝากด้วยนะผู้พิทักษ์แห่งสายหมอก”แม่มดแย้มรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อีกครั้งก่อนจะเรียกคนสนิทของเธอให้เดินตามไปหารินโด

    “รินโดคุงขอรบกวนพักที่นี่ก่อนก็แล้วกันนะ”

    “ชิ  เห็นว่าช่วยไว้หรอกน่ะเดี๋ยวจะพาไปห้องรับรองแขกตามมาสิ”รินโดจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์นักแต่ก็ยอมพาแม่มดและผู้ติดตามไปแต่โดยดี

    “แหม ตั้งแต่ตอนที่ฉันอธิบายทุกอย่างเราควรจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้วสิ”

    “มันทำใจไม่ได้เฟ้ย”

    “ถ้างั้นเราก็กลับกันเถอะโกคุเดระ คุณมุคุโร่”

    “คร้าบบบบ รุ่นที่สิบ”

    “ครับๆ  ล่าก่อนนะพวกเซอร์บีรัสทุกคนแล้วก็....คุณว่าที่เจ้าสาวจิ้งจอก”มุคุโร่ไม่วายหันไปแซวชินิที่ยืนอยู่

    “อยากให้ฉันเป็นจริงๆนักหรือไงวะพวกนี้นิ”ชินิแยกเขี้ยวตอบกลับอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์นัก

    ...ก็ไม่ได้อยากแต่มันอดแขวะไม่ได้...

    มุคุโร่ยกรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเดินตามสึนะและโกคุเดระไป

     เมื่อพวกวองโกเล่พ้นสายตาไปเรนะจึงรีบพูด

    “นี่ซาโยยังไม่กลับอีกเหรอ”

    “น่าจะอีกสักพักนะเห็นยัยนั่นไลน์มาแล้วนะ”

    “ดันพลาดเรื่องเด็ดไปซะได้”โยรุบ่นพลางยิ้มไป

    “ฉันเองก็มีเรื่องจะเล่าน่ะ แต่ว่ารอไอ้ซาโยกลับมาก่อนจะได้เล่าทีเดียว”

    “ว้า  อยากรู้แล้วง่ะ”


    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ตัดฉับ

    ตัวละครใหม่ปรากฎตัวค่ะ

    ขอขอบคุณผู้อ่านทุกคนนะคะ

    ขอขอบคุณทุกคนที่เข้าใจเรานะคะ

    สนุกไหมเอ่ย 1คอมเม้นเท่ากับล้านกำลังใจนะคะ

    ตอนนี้เรากำลังทำประวัติกัับข้อมูลตัวละครใหม่อยู่

    ตอนนี้ทำของนางเอกสี่คนหลักเสร็จแล้วว

    เหลือเพื่อนๆนางเอกกับพระเอก555

    ....กำลังหารูปสึนะเมะๆเท่ๆแต่หาที่ถูกใจไม่ได้ ฮรึก//ซับน้ำตา ใครมาโปรดแชร์ให้เราทีค่ะ


    ไว้ถ้าทำครบทุกคนเราจะเอาไปอัพในแนะนำตัวละครใหม่อีกรอบ

    แต่ตอนนี้แนบให้ดูไปก่อนเป็นอรรถรสนะคะ

    รูปอิมเมจนางเอกไม่เหมือนรูแในแนะนำตัวะครเดิม...เพราะเราขี้เกียจวาดเอง

    เลยหารูปและรีทัชเอาเองเฉยๆเพราะงั้นก็เอาอิมเมจรวมๆประมาณนี้ไปก่อนนะคะ

    รัก

    ขี้หมาเย้เย้ เจ้าเก่า











    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×