คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #32 : เป็นเรื่อง
โยรุรับซอฟครีมที่ถูกใส่ในโคนวัฟเฟิลสีน้ำตาลน่ากินทั้งสองจากสึนะมาถือไว้ในขณะที่สึนะหันไปจ่ายเงินให้กับพนักงานขาย มือบางยื่นคืนให้กับคนสูงกว่าพลางทำท่าจะควานหาเงินมาคืนสึนะ
“ไม่ต้องก็ได้น่า ฉันเลี้ยงเอง”สึนะโบกมือปฏิเสธ
“นายเลี้ยงฉันอีกแล้วนะ เมื่อไหร่จะให้ฉันเลี้ยงคืนบ้างเดี๋ยวก็ติดหนี้ตายพอดี”เจ้าตัวบ่นไปกินไป
“เอาน่า ไว้คราวหลังก็แล้วกัน”สึนะตอบกลับเรียบๆแล้วเริ่มออกเดินต่อ
ทั้งสองคนหลังจากเลิกซ้อมและแยกจากซาโยกับฮิบาริก็ตั้งใจจะไปดูความคืบหน้าของงานที่ชินิดูแลอยู่ในห้องเรียนแต่กลับพบว่าภายในห้องถูกเพื่อนๆเก็บของเตรียมจะกลับบ้านกันหมดแล้วเพราะว่าชินิบอกให้ทำพอแค่นี้ก่อนแถมยังได้ยินว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นระหว่างการทำงานจนชินิได้เลือด จากคำบอกเล่าของคนในเหตุการณ์อย่างพวกแพมม่าทำให้รู้ว่าเพราะมุคุโร่กับชินิอยู่ๆก็ตีกัน
พอโยรุโทรถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วงก็ปรากฏว่ากลับไปเป็นที่เรียบร้อย...จากตอนแรกที่เห็นว่าชินิมันกลับไปเอารถมาก็กะว่าจะติดรถกลับบ้านสบายๆซะหน่อยกลายเป็นสุดท้ายก็ต้องเดินกลับเองอยู่ดี ชิ...
โยรุกับสึนะเดินไปด้วยกันเรื่อยๆในฐานะที่บ้านไปทางเดียวกันแต่ระหว่างทางดันเห็นร้านซอฟครีมเปิดใหม่หน้าตาน่ากินจนอดใจไม่ไหวสุดท้ายโยรุก็หยุดซื้อจนได้ นี่ไม่ได้เถลไถลจริงนะ!
“เหนื่อยๆอย่างนี้ได้ของหวานๆเย็นแบบนี้มันดีจริงๆเลยย”
“พูดเป็นคนแก่ไปได้”
“ก็มันจริงนี่น่า”
เมื่อเดินมาจนถึงทางแยกประจำโยรุจึงหยุดเดินแล้วโบกมือลาเพื่อนชายตามปกติ
“บ๋ายบาย กลับดีๆนะ”คนตัวเล็กกว่าส่งยิ้มบางๆให้กับว่าที่บอสมาเฟียก่อนจะหมุนตัวเดินหน้าต่อไปราวกับว่าเมื่อกี้ไม่ได้หยุดเดินเพราะปกติแล้วเวลาเธอเดินกลับมาพร้อมสึนะที่ไรก็จะแยกกันตรงนี้ทุกที
“อะไรของเธอ”เสียงทุ้มนุ่มตามหลังมาแทบจะติดๆก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินขนาบคู่ๆกับโยรุ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของสึนะสบเข้ากับตาสีน้ำตาลแดงพลางเลิกคิ้วขึ้นปากยังคงกินซอฟครีมที่เหลืออยู่นิดหน่อยไปด้วย
โยรุขมวดคิ้วยุ่ง...ท่าทางกวนโอ้ยชะมัดหมอนี่
“ก็ทางนั้นมันทางกลับบ้านนายแล้วนี่”โยรุตอบเสียงใสพลางยักไหล่อย่างไม่หยีระ
“มันเย็นแล้วเดี๋ยวฉันเดินไปส่งเอง”คำพูดของสึนะทำให้โยรุสตั๊นไปพักหนึ่งก่อนจะหันมามองหน้าคนที่เดินข้างๆอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าตัวเองได้ยินไม่ผิด
“นี่นายกินอะไรผิดสำแดงเข้าไปหรือเปล่าหรือซอฟครีมเมื่อกี้ใส่ยาอะไรเข้าไปห๊ะ!! โดนตัวไหนมาเนี้ย”ว่าแล้วก็หรี่ตามองอย่างไม่วางใจ
“จะบ้าเหรอก็เธอเป็นผู้หญิงจะปล่อยให้เดินกลับคนเดียวเย็นๆค่ำๆแบบนี้ได้ไงละฮะ”
“ทำมาเป็นพูดดีตอนก่อนไม่เห็นสนใจนี่หว่า...”โยรุบ่นอุบอิบแต่ก็ไม่รอดหูของสึนะไปได้
“ก็แน่สิตอนนั้นเธอเป็นผู้ชายนี่หว่า”สึนะตอบอย่างไม่ได้สนใจท่าทีของเพื่อนสาวนัก
“อย่ามาทำท่าไม่รู้ไม่ชี้อย่างนั้นนะยะ ตอนนั้นที่นายขู่ฉันนะรู้ไหมว่าฉันจิตตกแค่ไหน”โยรุเบะปากใส่สึนะก่อนที่จะชะงักเมื่อหน้าของสึนะก้มลงมาใกล้หน้าของเธอ
“อยู่นิ่งๆนะ”
โยรุรู้สึกได้ว่าหน้าของตัวเองค่อยๆร้อนขึ้นในขณะที่นิ้วของสึนะจะเกลี่ยที่มุมปากของเธออย่างเบามือ หัวใจของคนตัวเล็กเต้นผิดจังหวะหนักจนอยากจะเอาหน้ามุดดินหนีไปซะเดี๋ยวนี้ เธอช้อนตามองสึนะอย่างเก้อเขิน
“เอ่อ...”
“กินยังไงให้เลอะเทอะขนาดนี้อีกนิดก็กระเด็นเข้าจมูกได้แล้วซกมกชะมัด”สึนะพูดพลางเอานิ้วที่เกลี้ยคราบซอฟครีมเช็ดเข้าที่เสื้อของโยรุ
“กรี๊ดดดใครให้นายป้ายลงมาแบบนั้นยะ”
“เอ้า เธอกินเองเช็ดเสื้อเธอก็ถูกแล้วนี่”
“ไอ้...”
ปี๊น!
เสียงแตรรถดังขึ้นสั้นๆจากด้านหลังทำให้ทั้งคู่หันไปมองตามเสียงก็พบกับรถสปอร์ตคันสวยกำลังจอดเบียดมาทางพวกเธอ สึนะคว้าเอวของร่างบางแล้วดึงหลบจนตัวของโยรุเซเข้าหาร่างสูง
“ขับรถบ้าอะไรของมันวะเนี่ย”สึนะบ่นพลางมองไปที่รถ
กระจกรถค่อยๆลดลงเผยให้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์น่าถีบของผู้พิทักษ์สายหมอกนัยน์ตาสองสีพราวระยับจนหน้าหมั่นไส้
“โอ๊ะโอ่ ดูสิว่าเราเจออะไร”น้ำเสียงทุ้มของมุคุโร่พูดอย่างหยอกเย้า
“ทำอะไรของคุณน่ะคุณมุคุโร่”สึนะหรี่ตามองอย่างเอาเรื่อง
ในสภาวะกึ่งงุนงงกึ่งหงุดหงิดโยรุมองรถที่มีมุคุโร่เป็นคนขับผ่านๆด้วยความเอะใจ...ทำไมรถมันคุ้นๆวะเหมือนเคยเห็น
“โย่!”เสียงผู้หญิงออกห้าวๆที่แสนคุ้นเคยอีกเสียงดังขึ้นจากข้างในรถ
ชินิชะโงกตัวออกมาจากที่นั่งข้างคนขับเพื่อให้เพื่อนเห็นพลางฉีกยิ้มกว้าง...อ้อ หนึ่งในรถของเฮียรินโดชัวร์ๆ
“ขึ้นมาดิจะกลับบ้านใช่มะ”ชินิเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“ทำไมแกถึงไม่ขับเองวะแล้วทำไมมุคุโร่ถึงมาขับเนี่ย”โยรุขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“ก็นี่ไงเพราะหมอเนี่ยฉันถึงขับรถเองไม่ได้”ชินิปีนเบาะมาตรงคนขับพลางยื่นมือขวาของตัวเองออกมาประจักษ์ต่อสายตาของเพื่อนที่ยืนงงอยู่นอกรถ
มือเรียวถูกพันด้วยผ้าก๊อตซึ่งตอนนี้มีสีแดงของเลือดซึมออกมานิดหน่อยเพราะแผลยังไม่แห้งดี
“ยัยบ้านี่อย่าปีนมาตรงนี้สิวะ”มุคุโร่ร้องเสียงลั่นใจหายแวบเมื่อใบหน้าของหญิงสาวข้างตัวเฉียดหน้าของเขาไปนิดเดียว
“แกไปนั่งที่ดีๆเลยชินิ”โยรุโบกมือไล่เพื่อนก่อนจะรีบเปิดประตูด้านหลังแล้วขึ้นมานั่งทันทีตามมาด้วยสึนะที่ขึ้นตามมาติดๆ
“เฮ้ย นายไม่ต้องมาก็ได้มั้งนี่ไงมีคนไปส่งแล้ว”โยรุสะดุ้งสุดตัวภาพเหตุการณ์เมื่อครู่วนเข้ามาในหัวแก้มเริ่มร้อนขึ้นมาอีกครั้ง
“อย่ามาพูดเหมือนผมเป็นคนขับรถรับจ้างสิครับ”มุคุโร่เหลือบมองคนข้างหลังอย่างขัดใจ
“ก็มันจริงนี่หน่า รีบๆออกรถต่อได้แล้วน่า”ชินิพูดปัดๆทำให้มุคุโร่ต้องขับรถต่อไป
“ก็ได้ๆ เธอนี่มันน่าหงุดหงิดชะมัด”มุคุโร่อย่างอดไม่ได้แต่ก็ถูกคนข้างๆสวนขึ้นมาจนสะอึกในทันที
“แล้วใครทำให้มือฉันเจ็บและเสนอว่าจะขับรถแทนให้ล่ะ”
“เงียบไปเลย...”
“พวกนายนี่ยังไงกันยะเมื่อกี้ก็ยังดูดีๆเดี๋ยวก็กัดกันอีกแล้ว”โยรุส่ายหน้าอย่างเอือมระอาแต่กลับได้คำตอบรับเป็นเสียงหัวเราะอย่างมีเล่ห์นัยตามนิสัยของมุคุโร่แทน
“หึหึ”
“หัวเราะอะไรของนายยะ”โยรุหรี่ตาสบเข้ากับตาสองสีของมุคุโร่ผ่านกระจกมองหลัง
“ใครจะไปเหมือนพวกคุณสองคนละครับ เดินกระหนุงกระหนิงกับอยู่กลางถนนไม่อายฟ้าดิน”ว่าแล้วก็ยกร้อยยิ้มเยาะน่าหมั่นไส้ที่ขนาดแค่เห็นผ่านกระจกหน้าคนขับยังทำเอาเส้นกระตุก
“ว้าย น่าไม่อาย”พอๆกับคนที่นั่งข้างๆที่ตอนนี้หัวเราะรวนพลางพูดล้อเธออย่างสนุกสนาน
“หุบปากไปเลยย่ะพวกนายทั้งคู่”โยรุกัดฟันกรอดหน้าร้อนแทบจะแทรกเบาะหนีในขณะที่สึนะแทบจะไม่แสดงอาการอะไรทั้งสิ้น
“ไหนๆก็ไหนๆแวะกินข้าวบ้านพวกฉันเลยไหมนายสองคนน่ะ วันนี้มีของหวานรุ่นทดลองหมายเลข6อยู่ด้วยนะ”ชินิพูดด้วยน้ำเสียงระรื่นไม่สนใจโยรุที่พึ่งจะบอกให้หุบปากสักนิด
“ไม่”คำตอบของสองหนุ่มเป็นเสียงเดียวกันจนน่าภูมิใจ
“ว้า เสียดายจัง”
การต่อล้อต่อเถียงยังคงดำเนินไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึงที่บ้านของเซอร์บิรัส ประตูใหญ่ถูกเปิดให้รถเข้าจอดอย่างง่ายๆพร้อมกับมีร่างสูงโปร่งในชุดอยู่บ้านสบายๆจนไม่เหมือนบอสใหญ่แห่งเซอร์บีรัสยืนมองอยู่ด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“ทำไมหน้าเฮียแกเป็นงั้นวะ”โยรุถามขึ้นไม่กล้าเปิดปรูลงจากรถ
“ไม่รู้ว่ะ อาจจะเป็นเพราะฉันเอารถไปไม่ได้ขอละม้างง”ชินิพูดด้วยน้ำเสียงไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“ห๊ะ ฉันนึกว่าเธอบอกเฮียแล้วซะอีก”โยรุถามเสียงลั่น
“ตื่นตูมไปได้น่า ออกๆไปได้ละ”ชินิยักไหล่อย่างไม่ไยดีก่อนจะเปิดประตูก้าวออกจากรถนำไปคนแรกทำให้คนอื่นๆตามออกจากรถมา
“ว่าไงเฮีย”ชินิยังคงเป็นเหมือนทองไม่รู้ร้อนฉีกยิ้มรับหน้าแทนคนอื่นก่อนที่จะยื่นมือไปเอากุญแจรถคืนจากมุคุโร่ที่เป็นขับกลับมา
“กลับมาแล้วเหรอไอ้ตัวดี...มีอะไรอยากจะบอกเฮียไหม”รินโดถลึงตาคมมองน้องสาวอย่างเอาเรื่อง
“เอ่อ...”ชินิที่เริ่มรับมือไม่ถูกกับพี่ชายของตนเริ่มเกิดอาการอึกอักเพราะแค่ปกติเธอตีเนียนนิดหน่อยพี่ชายก็หายโกรธเธออยู่แล้วแต่นี่มันดูแปลกๆยังไงก็ไม่รู้สิ
“ว่าไง”
มุคุโร่ถ่องข้อศอกเข้าที่เอวของชินิเพื่อกระตุ้นให้คนต้นเรื่องรีบๆตอบออกไป
“ก็ฝากอาเบะซังบอกเฮียแล้วนี่ว่าจะขับรถออกไปใช้อะ
ก็ไม่ได้เอาไปชนที่ไหนซะหน่อยทำไมต้องจริงจังขนาดนั้นด้วย”ชินิเริ่มตอบเสียงอ่อย
โยรุแอบขำเบาๆจนทำให้สึนะต้องหยิกเข้าที่หลัง
“โอ้ย หยิกทำไมเนี่ย”
“เธอนี่จะขำก็ดูสถาณการณ์ด้วยสิ นี่มาคุสดๆเลยนี่หว่า”
“แหม ก็ปกติเฮียรินยอมไอ้ชินิจะตายไปเห็นไอ้ชินิหง๋อแบบนี้แล้วมันอดไม่ได้”
“มันไม่ใช่เรื่องนั้น!!”
รินโดพูดเสียงดังจนแทบจะเป็นเสียงคำรามทำเอาสองสาวสะดุ้งเฮือกแถมมุคุโร่กับสึนะก็เริ่มเหงื่อตกอดคิดไม่ได้ว่าจะพาตัวเองออกจากบรรยากาศมาคุของปัญหาครอบครัวที่ไม่ควรเข้าไปสอใส่เกือกอย่างไรดี
“ยามานิชิ รินโดมีอะไรก็ค่อยๆพูดสิครับอย่าใช้อารมณ์”มุคุโร่เริ่มพูดตะล่อมๆเผื่อว่าคนตรงหน้าจะปรับอารมณ์ให้ดีขึ้นได้บ้าง
“ชินิ!! แกกลับมาแล้ว โอ้ยยยย บ้านจะแตกรีบๆอธิบายมาเลยนะยะ”เสียงของเรนะร้องขึ้นพลางรีบวิ่งออกจากบ้านมากอดชินิอย่างพยามปลอมประโลม
“เฮียก็ใจเย็นๆรอให้มันได้อธิบายก่อนดิ ดูหน้ามันดิงงไปหมดแล้วเนี่ย”เรนะหันมาพูดกับรินโดที่ยังคงปล่อยรังสีฆ่าฟันจนน่ากลัว
“ปล่อยน่าเรนะ อะไรของแกวะอะไรของเฮียด้วยไม่ใช่เรื่องนี้แล้วมันเรื่องอะไรละ”ชินิแกะการกอดที่เรนะคิดว่าเป็นการปลอบออกจากตัวได้ก็หันมาถามพี่ชาย
“เธอนะถอยมานี่เลยยัยเปี๊ยกเรื่องนี้พี่น้อเขาต้องคุยกันเอง”โกคุเดระที่เดินตามรีบมาดึงตัวเรนะออกจากวง
“อ้าวรุ่นที่สิบ มุคุโร่มาด้วยเหรอครับ”โกคุเดระหันมาเจอสึนะก็รีบทักทายทันที
“มีอะไรกันแน่นะโกคุเดระ”สึนะถาม
“เอ่อ...”
“อ่า กลับมาแล้วที่รัก”เสียงทุ้มนุ่มที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปตามเสียงนั้นยกเว้นแค่รินโดกับบุคคลที่อยู่ที่บ้านมาก่อนหน้านี้
ชายร่างสูงผู้มีโครงหน้าคมเข้มดูเจ้าเล่ห์เส้นผมสีดำยาวระคอถูกรวบไว้ลวกๆนัยน์ตาสีน้ำตาลทองส่องประกายคนขี้เล่นรอยยิ้มที่สาวๆหลายคนต้องละลายปรากฏขึ้นทำเอาโยรุเหวอส่วนชินิก็ขมวดคิ้วอย่างงงๆ
โยรุกระเถิบมาหาเรนะก่อนจะกระซิบถามเรนะ
“เดี๋ยวนะผู้ชายหล่อวัวตายควายล้มคนนี้มันใครวะ”โยรุถามเสียงตื่น
สึนะขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำชมที่หลุดมาจากปากหญิงสาว
“ตัวต้นเรื่องน่ะ”
“นายเป็นใครวะ”ชินิเลิกคิ้วขึ้นแถมยังถามโพล่งไปแบบไม่คิดสักนิด
“ว่าที่สามีแกไง”รินโดกัดฟันกรอด
“อ้อ....ห๊ะ!!!!!!!!”
.........................................................................................................................
.........................................................................................
..............................................................
...........................................
...........................
..................
...........
......
...
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงที่จอดรถดูเหมือนจะทำให้พวกสึนะแอนด์เดอะแก็งค์ที่แค่ผ่านมาไม่ได้กะมายุ่งอะไรกับเขาด้วยเลยต้องมานั่งอยู่ที่ห้องรับแขกญี่ปุ่นโดยมีบรรยากาศมาคุของรินโดแผ่อยู่รอบๆแถมตอนนี้ไม่รู้ทำไมไอ้ผู้พิทักษ์สายหมอกของวองโกเล่เองก็เริ่มแผ่รังสีอาฆาตจางๆโดยไม่รู้ตัวออกมาซะอีก
“เอ่อ...ขอถามอีกที นายเป็นใครนะ”ชินิที่หน้ายังเหวอไม่หายถามขึ้นอีกครั้งราวกับอยากจะย้ำว่าตัวเองเข้าใจไม่ผิด
“สามีคุณครับ”คำตอบของชายที่ตอนนี้ถืออภิสิทธิ์อะไรก็ไม่ทราบมานั่งเนียนติดกับเธอทำเอาชินิถึงกับกุมขมับ
“ถ้าจะให้ถูกต้อง[ว่าที่]นะคะคุณกิงเซย์”เรนะรีบแก้ก่อนที่รินโดจะได้พูดอะไร
“แล้วไหงอยู่ๆไอ้บ้าหน้าหล่อนี่มันถึงบอกว่าจะมาขอแกไปเป็นเจ้าสาวว่ะ!!!”
รินโดว้ากพลางทุบโต๊ะน้ำชาอย่างแรงถ้าได้ยินไม่ผิดเรนะได้ยินเสียงไม้ลั่นดังกร๊อบ...ไม่รู้ว่าอีกกี่รอบมันจะพัง
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ แล้วหมอนี่เป็นใครฉันยังไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ”
ชินิแว้ดกลับทันทีพลางพยามกระเถิบหนีคนที่เรนะเรียกว่า[กิงเซย์]แต่ก็ยังถูกตามกระเถิบติดมาแทบจะเป็นตังเม
“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะครับ คืนนั้นผมประทับใจคุณมากเลยนะครับถึงได้ตัดสินใจว่าจะรับผิดชอบคุณให้มาเป็นเจ้าสาวของผมไงล่ะ!!”กิงเซย์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังทำเอาชินิสะดุ้งเฮือก
สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่ร่างบางด้วยความรู้สึกหลายๆแบบ
“หล่อนไปแอ๊วคนหล่อขนาดนี้ได้ที่ไหนยะ”เรนะที่ตอนแรกก็เหมือนจะคอยช่วยดันเริ่มหลงเคลิ้มไปกับคำพูดของกิงเซย์ซะอย่างนั้น
“นี่แกไปถึงขั้นไหนกันแล้วเนี่ย”โยรุถามด้วยสีหน้าเหวอๆพลางหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ
“แกจะหน้าแดงทำไมแล้วไอ้เลือดกำเดานั่นอะไรหยุดคิดเรื่องบ้าๆเลยนะ ส่วนนายอย่ามาพูดอะไรชวนเข้าใจผิดนะเว้ย คืนน้งคืนนั้นอะไรไม่มี!!!! ”ชินิรีบส่ายหน้าปฏิเสธอย่างแรง
“ทำไมต้องปฏิเสธผมละครับในเมื่อเราก็ผูกพันกับขนาดนั้นแล้วแท้ๆ”กิงเซย์ทำหน้าน้อยใจพลางสวมกอดคนตัวเล็กกว่าอย่างออดอ้อน
“เฮ้ย ปล่อยนะ เฮียมันไม่ใช่อย่างที่เฮียคิดนะ”ชินิหวีดเสียงแหลมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ชินิพยามจะแกะตัวเองออกจากการกอดรัดนั้นแต่กลับค้นพบว่าแรงของตนไม่สามารถสู้คนที่พันธนาการตัวเองอยู่ได้เลยทั้งที่เจ้าตัวค่อนข้างจะเป็นผู้หญิงที่แรงเยอะอย่างน้อยก็น่าจะพอขยับได้บ้างแต่นี่เธอไม่สามารถขยับตัวได้เลย กิงเซย์ยิ้มอย่างพอใจจนกระทั่งมีสามง่ามมาจ่ออยู่ที่คอของเขาเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลทองเหลือบมองสบตาเข้ากับคนที่ยืนเอาสามง่ามจี้คอหอยเขาอยู่อย่างไม่หยี่ระ
....หมอนี่ไม่ปกติ ร่างบางคิดขณะที่พยามดันตัวออกมา
“แหม ทำหน้าตาน่ากลัวจังเลยนะครับ”
“ผมไม่รู้หรอกว่าคุณต้องการอะไรแต่อย่ามาพูดให้คนอื่นเขาเสียๆหายๆแบบนั้นจะได้ไหมครับ”มุคุโร่พูดเสียงเย็น คมของสามง่ามทิ่มเข้าที่ผิวขาวของชายที่นั่งกอดเจ้าน้องรหัสเขาอย่างถือสิทธิ์จนเลือดสีสดออกมาซิบๆหากแต่เจ้าตัวไม่ได้ให้ความสนใจกับมันเลยสักนิด
“ปล่อยน้องฉันนะเว้ยไอ้เวรนี่”รินโดที่ดูท่าจะฟิวส์ขาดไปแล้วคว้าเอาดาบยาวที่ประดับโชว์อยู่ที่ผนังห้องออกมาชักออกจากฝักแต่ก่อนที่คมดาบจะถึงตัวกิงเซย์ชินิก็ตะโกนห้ามเสียงลั่น
“เฮียอย่า!! หมอนี่ไม่ใช่มนุษย์”
“!!”
คมดาบชะงักอยู่ไม่ห่างจากตัวผู้มาเยือนนักเสียงร้าวดังขึ้นก่อนที่ใบดาบจะแตกร่วงหล่นลงสู่พื้นห้อง
“เฮ้ย ดาบนี้มันแพงนะเว้ย”รินโดถึงกับหลุดจากอาการฟิวส์ขาดมองใบดาบที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่บนพื้นด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์
“มันใช่เวลาห่วงดาบไหมไอ้พี่บ้า”ชินิโวยวายขึ้น ให้ตายสิเมื่อกี้ยังฟิวส์ขาดหวงน้องอยู่เลยแท้ๆ
“เพราะว่าคุณเป็นพี่เขยหรอกนะครับผมถึงไม่อยากทำร้ายคุณ”กิงเซย์ถอนหายใจพลางยิ้มอย่างน่าหมั่นไส้
“ที่บอกว่าไม่ใช่มนุษย์นี่มัน...”สึนะมองไปที่กิงเซย์อย่างประเมินเพราะเขาเองก็รู้สึกแปลกๆกับผู้ชายคนนี้ตั้งแต่ที่เห็นถึงแม้จะไม่มั่นใจนักก็ตาม
“เห็นไหมล่ะ ชินิก็รู้จักผมนี่น่าจำได้แล้วใช่ไหมครับดีใจจังเลย”กิงเซย์ยิ้มร่า
“ให้ตายสิเป็นเรื่องใหญ่น่าดูชมเชียวนะเนี่ย”เสียงกังวานดังขึ้นราวกับประกาศให้รู้ว่ามีผู้มาเยือนใหม่อีก
“คุณวิเวียนอย่าทำหน้าระรื่นแบบนั้นสิคะ”
“แหม ก็มันอดไม่ได้นี่หน่า”
“แม่มด”รินโดทักขึ้นสายตามองไปยังแขกผู้มาเยือนรายใหม่
“ฉันก็มีชื่อนะจ๊ะรินโดคุง”วิเวียนแสร้งทำเป็นแก้มป่องงอนเหมือนสาวน้อยในการ์ตูนตาหวาน
“จะอะไรก็ช่าง ชินิบอกว่าไอ้หมอนั่นไม่ใช่มนุษย์หมายความว่ายังไงเกี่ยวอะไรกับเธอใช่ไหม”
“อ่า ใช่แล้วไม่ใช่มนุษย์หรอกแต่ไม่เกี่ยวกับฉันนะ”
“แล้วเป็นอะไร...”
“จิ้งจอกน่ะสิ คงไปถูกใจอะไรชินิเข้าถึงได้ตามมาจนถึงที่นี่สินะ”วิเวียนตวัดมือไปทางที่กิงเซย์กับชินิและมุคุโร่อยู่ทำให้อยู่ๆเกิดควันขึ้นก่อนที่กิงเซย์จะยอมปล่อยชินิและกระโดดออกมาตั้งหลัก
เสื้อผ้าที่ตอนแรกเป็นชุดแฟชั่นตามสมัยนิยมกลายเป็นเสื้อกิแบบญี่ปุ่นพร้อมกับกางเกงฮากามะสีขาวคลิบแดงหางสีดำห้าหางสะบัดตามการเคลื่อนไหวของเจ้าตัวนัยน์ตาสีน้ำตาลทองเปลี่ยนเป็นสีเหลืองที่มีเส้นรูปขีดยาวซึ่งต่างจากมนุษย์จะที่เป็นวงกลมหูสีเดียวกับเส้นผมชี้ขึ้นอย่างตื่นตัว
“แม่มดแบบคุณมายุ่งอะไรด้วยล่ะเนี่ย”กิงเซย์ถามอย่างเผยเห็นเขี้ยวขาวดูคมจนน่ากลัว
“จะไม่ให้ยุ่งได้ยังไงก็ในเมื่อที่นี่เด็กฉันทั้งนั้น เธอมาทำให้เด็กๆวุ่นวายอย่างนี้ก็แย่น่ะสิ”วิเวียนยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“ที่ว่าตามมานี่...หรือว่านาย”ชินิเบิกตากว้างภาพเริ่มกลับเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ
“เห็นไหมละชินิจำผมได้แล้ว”กิงเซย์ยิ้มร่าเผยเขี้ยวอีกครั้งพลางพยามจะเข้าหาชินิแต่ก็โดนมุคุโร่กับรินโดที่ยืนกันท่าขวางไว้
“สรุปว่าเธอรู้จักมันจริงๆเหรอยัยบ้า”มุคุโร่หันไปถามชินิอย่างเอาเรื่อง
“นายก็อยู่ด้วยนี่ยะ อย่ามาทำน้ำเสียงแบบนั้นในฉันนะว้อย”ชินิถลึงตาใส่มุคุโร่อย่างเอาเรื่อง
“ห๊ะ”
“ก็ตอนที่เราไปค่ายแล้วทดสอบความกล้ากันที่ป่าฮินาโมริไง ตอนที่ระหว่างทางเราเจอกับจิ้งจอกสีแปลกๆที่ขาเจ็บไง”ชินิเอามือกุมขมับ
“เพราะว่าชินิช่วยผมไว้กลิ่นเลือดของผมเลยเรียกภูติตามเงามาหาชินิจนเกือบเป็นอันตรายเพราะงั้นผมจึงจะรับผิดชอบด้วยการรับคุณมาเป็นภรรยาไงครับ”
“ไอ้ภูติเงานั่น...ไอ้ผีตาหลุมดำนั่นเรอะ...”มุคุโร่เริ่มเหงื่อตกภาพเหตุการณ์ในวันนั้นฝุดมาในหัวตอนที่เขาต้องจ้องตาผีบ้านั่นอยู่นานสองนาน
“เพราะแกเองเหรอฟะ!!”
ฉึก!
สามง่ามทิ่มเข้าที่สี่ข้างของจิ้งจอกอย่างอัตโนมัตโดยไม่ได้ผ่านการติตรองใดๆจากเจ้าของทั้งสิ้น
“มันเจ็บนะครับ”
“เพราะเป็นเลือดของจิ้งจอกห้าหางที่มีพลังมากน่ะสิถึงได้เรียกพวกแปลกๆมา”วิเวียนอธิบาย
“ถ้าแค่นั้นแค่ส่งกระเช้าผลไม้มาขอโทษหรือขอบคุณก็พอแล้วว้อย”ชินิเอามืดกุมหน้ารู้สึกอยากร้องไห้ที่ชีวิตต้องมาผจญกับเรื่องอะไรพวกนี้บ่อยๆ ถึงแม้คน..เอ้ยภูติที่ประกาศว่าเป็นว่าที่สามีเธอจะหล่อวัวตายควายล้มแค่ไหนก็ตาม
“ถ้างั้นก็ควรจะจำมุคุโร่ได้ด้วยสิในเมื่อหมอนี่ก็ช่วยฉันช่วยนายเหมือนกัน”ชินิรู้สึกโล่งใจไปหน่อยเมื่อคนอื่นได้รับรู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของเธอ
“ฮึ มนุษย์เพศผู้นะผมไม่สนหรอก”
...ไอ้นี่...
คิ้วของมุคุโร่กระตุก
“แล้วอีกอย่างผมประทับใจพลังวิญญาณของชินิมากกลิ่นหอมสุดๆแถมยังช่วยผมไว้ด้วยผมก็เลยตั้งใจจะเอาคุณมาเป็นเจ้าสาวแต่แรกอยู่แล้ว ถึงได้ตีตราประทับไว้ไง”กิงเซย์ยกแขนขึ้นสักพักก็มีอักขระสีแดงเป็นวงล้อมข้อมือของเขาปรากฏออกมาขณะเดียวกันข้อมือของชินิก็ปรากฏอักขระขึ้นเช่นกัน
“อะไรเนี่ย ตอนไหน”ชินิพยามถูแขนตนหวังว่ามันจะเป็นแค่หมึกที่ขัดนิดหน่อยก็ออกไปพร้อมขี้ไคลแต่ก็ไม่
“ก็ตั้งแต่ตอนนั้นแหละครับถ้าเปรียบกับวัฒนธรรมของมนุษย์ก็คล้ายแหวนหมั้นน่ะครับ★”
“เดี๋ยวนะเดี๋ยวๆ ไอ้★นี่มันอะไร๋แล้วใครอยากได้แหวนหมั้น”
“ยุ่งยากจริงๆด้วยแฮะ”วิเวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่
“คุณทำให้มันหายไปได้ไหมคุณวิเวียน”โยรุถามแทรกขึ้นเพราะเท่าที่ฟังแล้วเธอรู้สึกได้ว่ามันค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่
“ก็ได้แหละน่ะ แต่ว่าพันธะของจิ้งจอกค่อนข้างศักดิ์สิทธิ์การจะทำลายก็ต้องใช้เวลาหน่อยระหว่างนี้ฉันจะขอพักที่นี่สักระยะก็แล้วกันนะจ๊ะรินโดคุง ส่วนเธอพ่อจิ้งจอกกลับไปก่อนได้ไหม”
“ทำไมผมต้องกลับล่ะครับในเมื่อผมหาชินิเจอแล้ว”กิงเซย์เริ่มดูอารมณ์เสียเมื่อวิเวียนเอ่ยปากไล่
“ให้ตายสิฉันถึงได้ไม่อยากทำข้อตกลงกับพวกจิ้งจอก หัวดื้อแถมเอาแต่ใจ”วิเวียนหรี่ตาสีฟ้าใสแต่เย็นเยียบจนน่ากลัวให้จิ้งจอกหนุ่ม
“ชินิแกลองพูดอะไรสักอย่างซี่”เรนะโพล่งขึ้น
“ให้พูดอะไรล่ะ”ชินิเริ่มเหงื่อตก
“ลองดูสักอย่างเถอะน่า”โกคุเดระเสริม
“ก็ได้ๆ เอ่อ...กิงเซย์”แค่ชินิเรียกชื่อหูของกิงเซย์ก็ตั้งขึ้นอย่างตั้งใจฟัง
“ครับ”หางห้าหางกระดิกไปมาเหมือนสุนัขรอขนมจากเจ้านาย
“นั่งลงดิ๊”
“เดี๋ยว แกจะมาเล่นมุขเดียวกับเรื่องอินุยาฉะไม่ได้!!”เรนะโวยวาย
ฟุ้บ
ร่างสูงของกิงเซย์นั่งลงกับพื้นทันที
“ขอมือ”
แป๊ะ
มือของกิงเซย์แปะวางบนหัวของรินโดอย่างจงใจ
“ผมยื่นมือไม่ถือชินิคงไม่เป็นไรนะครับ”
“แก...”รินโดรู้สึกอยากซัดหมาจิ้งจอกตรงหน้าสักเปรี้ยงจริงๆ
“เหมือนหมาจริงๆแฮะ”โยรุบ่นเบาๆ
“ดูเหมือนจะฟังชินิทุกคำเลยนี่น่า”สึนะออกความเห็น
“ถ้างั้น....กิงเซย์”
“ครับ”
“นายช่วยอย่าโผล่มาที่นี่สักพักได้ไหม”ชินิพูดเสียงเข้มในใจก็ลุ้นว่าจิ้งจอกหนุ่มะยอมฟังไหม
“ถ้าชินิว่างั้นก็ได้ครับ”กิงเซย์รับคำแทบจะทับที
“เห้ย อะไรจะง่ายขนาดน้านนนน”เสียงของทุกคนในห้องแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน
ร่างสูงของกิงเซย์เปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์แบบมนุษย์เหมือนในครั้งแรกที่มาจิ้งจอกหนุ่มยิ้มให้คนในห้องอีกครั้งพลางเหล่ตาสบกับเจ้าของตาสองสีก่อนรอยยิ้มหวานจะเปลี่ยนเป็นยิ้มเหยียดเรียกเลือดในกายให้ขึ้นหน้าผู้พิทักษ์แห่งหมอกอีกครั้ง
“อะไรของคุณ”
“เปล่านี่ครับ ล่าก่อนนะครับชินิไว้ผมจะอีกครั้ง”
“เออๆ ไปนานๆเลยนะ”ชินิรีบไล่
.
.
.
.
.
.
.
.
“เฮ้อออออ”เสียงถอนหายใจของทุกคนในห้องถอนออกมาอย่างโล่งอก
“เป็นไงล่ะฮะ”ชินิตวัดตามองรินโดด้วยสายตาเชือดเฉือด
“ง่า เฮียขอโทษษษ เฮียนึกว่ามันพรากแกไปจากอกเฮียกจริงๆ”รินโดรีบเข้ามาเอาอกเอาใจชินิจนออกนอกหน้า
“ก็มันน่าโมโหไหมล่ะ ทุกคนทำหน้าเหมือนไม่เชื่อกันเลยนี่ว่า”
“ก็หน้าแกมันไม่น่าเชื่อ”โยรุหลุดพูดออกมาเรียกเอาเสียงหัวเราะให้กับคนในห้อง
มุคุโร่มองชินิที่กำลังทำหน้าหงุดหงิดเล็กน้อยอย่างโล่งอกแต่ก็อดหงุดหงิดไม่ได้เมื่อนึกถึงหน้าของไอ้จิ้งจอกบ้านั่น สายตามองไปยังวิเวียนที่ยืนกอดอกอยู่มุมห้อง ใบหน้างามของแม่มดเอียงคอมองเขาอย่างจงใจนิ้วเรียวของเธอกวักเรียกให้เขาเดินเข้าไปหาทำให้ร่างสูงเดินเข้าไปอย่างไม่รู้ตัวราวกับขามันขยับไปเอง
“โรคุโด มุคุโร่สินะ”
“คุณก็รู้อยู่แล้วนี่ครับ”
“แหม เธอนี่อย่างตัดบทกันอย่างนั้นสิมันก็ต้องมีintroductionกันบ้าง”
“แล้วคุณจะพูดญี่ปุ่นคำอังกฤษคำเพื่อ”
“เธอนี่ชอบตัดบทจังนะยะ”วิเวียนหลุดขำพลางเอานิ้วจิ้มหน้าผากของชายหนุ่มตรงหน้าแรงๆอย่างหมั่นไส้
“มันเป็นนิสัย แต่ก็ต้องขอบคุณที่เข้ามาช่วยตอนวุ่นวายน่ะครับ”
“ก็มันหน้าที่ฉัน ฉันต้องดูแลพวกนี้อยู่ห่างๆอยู่แล้ว”วิเวียนยิ้มบางๆพลางมองไปยังกลุ่มคนที่เธอจำต้องส่งมายังโลกที่ไม่คุ้นเคย
“แล้ว....”
“ฉันจะบอกว่าจนกว่าจะล้างอักขระสัญญานั่นได้ช่วยดูชินิไว้หน่อยนะ”
“หื้ม ทำไมล่ะครับเจ้าตัวก็ดูจัดการเรื่องเองได้นี่ไอ้เจ้าจิ้งจอกบ้านั่นก็ดูเชื่อฟังดีออก”
"...ก็คงแค่ระยะนี้เท่านั้นแหละ ไปบอกคนอื่นๆด้วยก็แล้วกัน”
“ครับ แล้วทำไมไม่บอกทุกคนทีเดียวเลยล่ะครับ”
“เพราะฉันคิดว่าเธอทำหน้าที่นี้ได้ดีที่สุดนะสิ”วิเวียนยิ้มเจ้าเล่ห์
“เอ่อ...”มุคุโร่กำลังจะตอบกลับแต่ก็ถูกดักทางไว้ก่อน
“ฝากด้วยนะผู้พิทักษ์แห่งสายหมอก”แม่มดแย้มรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อีกครั้งก่อนจะเรียกคนสนิทของเธอให้เดินตามไปหารินโด
“รินโดคุงขอรบกวนพักที่นี่ก่อนก็แล้วกันนะ”
“ชิ เห็นว่าช่วยไว้หรอกน่ะเดี๋ยวจะพาไปห้องรับรองแขกตามมาสิ”รินโดจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์นักแต่ก็ยอมพาแม่มดและผู้ติดตามไปแต่โดยดี
“แหม ตั้งแต่ตอนที่ฉันอธิบายทุกอย่างเราควรจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้วสิ”
“มันทำใจไม่ได้เฟ้ย”
“ถ้างั้นเราก็กลับกันเถอะโกคุเดระ คุณมุคุโร่”
“คร้าบบบบ รุ่นที่สิบ”
“ครับๆ ล่าก่อนนะพวกเซอร์บีรัสทุกคนแล้วก็....คุณว่าที่เจ้าสาวจิ้งจอก”มุคุโร่ไม่วายหันไปแซวชินิที่ยืนอยู่
“อยากให้ฉันเป็นจริงๆนักหรือไงวะพวกนี้นิ”ชินิแยกเขี้ยวตอบกลับอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์นัก
...ก็ไม่ได้อยากแต่มันอดแขวะไม่ได้...
มุคุโร่ยกรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเดินตามสึนะและโกคุเดระไป
เมื่อพวกวองโกเล่พ้นสายตาไปเรนะจึงรีบพูด
“นี่ซาโยยังไม่กลับอีกเหรอ”
“น่าจะอีกสักพักนะเห็นยัยนั่นไลน์มาแล้วนะ”
“ดันพลาดเรื่องเด็ดไปซะได้”โยรุบ่นพลางยิ้มไป
“ฉันเองก็มีเรื่องจะเล่าน่ะ แต่ว่ารอไอ้ซาโยกลับมาก่อนจะได้เล่าทีเดียว”
“ว้า อยากรู้แล้วง่ะ”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตัดฉับ
ตัวละครใหม่ปรากฎตัวค่ะ
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกคนนะคะ
ขอขอบคุณทุกคนที่เข้าใจเรานะคะ
สนุกไหมเอ่ย 1คอมเม้นเท่ากับล้านกำลังใจนะคะ
ตอนนี้เรากำลังทำประวัติกัับข้อมูลตัวละครใหม่อยู่
ตอนนี้ทำของนางเอกสี่คนหลักเสร็จแล้วว
เหลือเพื่อนๆนางเอกกับพระเอก555
....กำลังหารูปสึนะเมะๆเท่ๆแต่หาที่ถูกใจไม่ได้ ฮรึก//ซับน้ำตา ใครมาโปรดแชร์ให้เราทีค่ะ
ไว้ถ้าทำครบทุกคนเราจะเอาไปอัพในแนะนำตัวละครใหม่อีกรอบ
แต่ตอนนี้แนบให้ดูไปก่อนเป็นอรรถรสนะคะ
รูปอิมเมจนางเอกไม่เหมือนรูแในแนะนำตัวะครเดิม...เพราะเราขี้เกียจวาดเอง
เลยหารูปและรีทัชเอาเองเฉยๆเพราะงั้นก็เอาอิมเมจรวมๆประมาณนี้ไปก่อนนะคะ
รัก
ขี้หมาเย้เย้ เจ้าเก่า
ความคิดเห็น