คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : - 21 - ( 100% )
참 잘할 텐데, 안아줄 텐데 입 맞추고, 팔짱 끼고
사랑한다 속삭여주고 싶은데
ฉันจะทำให้ดีที่สุด ฉันจะกอดเขาเอาไว้ ฉันจะจูบเขาและคล้องแขนเขาไว้
ฉันอยากจะกระซิบบอกรักเขาคนนั้น ♡
Paris Charles De Gaulle Airport France
กลุ่มเหล่าคณะคนติดตามต่างก้าวเดินตามติดสองบุคคลสำคัญของเกาหลีอย่างดยุคโอเซฮุนและดัชเชสลู่หานที่เดินขนาบคู่กันออกมาจากสนามบิน งานคู่งานแรกที่ทั้งสองได้ออกพร้อมกันหลังจากที่ต่างคนต่างติดธุระของตัวเอง
“ยินดีต้อนรับดยุคเซฮุนดัชเชสลู่หานสู่ฝรั่งเศษ ผมรองประธานาธิบดีแมธริว ไกรตัน”
ทั้งสองคนโคลงหัวรับเล็กน้อยกับการแนะนำตัวของรองประธานาธิบดีฝรั่งเศษที่วันนี้ละงานทิ้งแล้วปลีกตัวมาต้อนรับพวกเขาเองกับมือ
“คุณรองยังดูหนุ่มอยู่เลยนะครับ ตอนแรกผมก็คิดว่าคุณจะดูมีอายุมากกว่านี้ซะอีก” เสียงหวานใสของลู่หานดังขึ้นเรียกรอยยิ้มคนตัวสูงนัยน์ตาสีน้ำข้าวให้หันมองแล้วยกยิ้มชวนลุ่มหลงกับคำชมนั้น
“เพราะผมเป็นเด็กในการดูแลพิเศษน่ะครับ เรียนจบโทตั้งแต่อายุยี่สิบและได้รับขึ้นตำแหน่งเลย อ่อ… ท่านดัชเชสลู่หานเรียกผมว่ารองมีร์ก็ได้ครับ นั่นคือชื่อเล่นของผมเอง”
“ตกลงครับคุณรองมีร์ งั้นคุณก็เรียกผมแค่ดัชเชสลู่หานก็พอ ไม่ต้องเรียกท่านให้ดูใหญ่โตอะไรหรอก อายุเราก็ห่างกันเพียงแค่ไม่กี่ปีเอง”
“ฮ่าๆ ตกลงครับดัชเชสลู่หาน ให้ผมช่วยถือกระเป๋าไหมครับ?”
บทสนทนาที่ดูเลื่อนขั้นเข้าสู่ความกันเองอย่างรวดเร็วเรียกรอยยิ้มจากใครหลายคนในความสามารถผูกมิตรอย่างรวดเร็วของดัชเชส แต่ถึงกระนั้นก็มีใครบางคนที่ตีสีหน้ายุ่งเหยิงอย่างไม่ชอบใจจนหลุดเผลอกระชากเสียงออกมา
“ไม่ต้อง! ‘กระเป๋าดัชเชสของฉัน’ ฉันถือให้เองได้”
ก่อนที่กระเป๋าหิ้วของลู่หานจะถูกยื่นส่งให้ชายหนุ่มนัยน์ตาน้ำขาวก็ถูกแย่งไปก่อนจากชายมากอำนายนัยน์ตาสีเฮเซลที่ยืนหน้านิ่งอย่างไม่สบอารมณ์ เขารู้ว่าลู่หานไม่ผิดอะไร นิสัยเข้ากับคนง่ายคุยสนุกเป็นนิสัยประจำตัวของลู่หานมาแต่ไหนแต่ไร แต่เขาก็แค่ไม่ชอบ
ไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับคนของเขา!
ลู่หานยืนนิ่งมองเซฮุนสลับกับรองมีร์ไปมา ดูท่าชายหนุ่มตาน้ำข้าวจะไม่รู้ถึงที่มาอารมณ์หงุดหงิดของโอเซฮุนจึงได้แต่ยืนทำหน้าฉงน นัยน์ตากลมเหลือบมองสีหน้าของโอเซฮุนที่ตาลุกวาวแทบกระโจนเข้าไปบีบคออีกฝ่ายแล้วแอบยิ้มอยู่ในใจ
ยังไม่ลืมหรอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเซฮุนตอนนี้ติดลบมากแค่ไหน…
ถึงจะเผลอดีใจไปกับอาการหึงหวงนั่นก็เถอะ
“อีกห้าชั่วโมงจะถึงเวลางานเริ่มผมจะไปส่งที่โรงแรมก่อนแล้วผมจะไปรับเพื่อพามายังพระรารวังแวร์ซาย ใช้เวลาพักผ่อนให้เต็มที่หากมีอะไรขาดตกบกพร่องติดต่อผมได้ตลอดเวลาเลยนะครับ”
รองมีร์เปรยขึ้นก่อนเดินนำทั้งคู่ไปยังเฟอร์รารี่คันหรูที่จอดรองรับในทางวีไอพี ลู่หานเหลือบมองคนตัวโตข้างกายที่ยืนปั่นหน้ายักษ์หิ้วกระเป๋าเดินตามมาแล้วหลุดอมยิ้มบางเบาไม่ให้ใครได้ทันสังเกตุเห็น
จะง้อคนอย่างลู่หานอะ บอกเลยว่ามันไม่ง่ายหรอกนะ!
เมื่อมาถึงโรงแรมก็ทำได้เพียงแค่ส่งกระเป๋าให้คนในความดูแลก่อนทั้งคู่จะถูกลากไปยังห้องเสื้อผ้าของดีไซเนอร์ชื่อดังที่ถูกจับจองให้ดูแลเสื้อผ้าเครื่องแต่งหน้าของคนสำคัญจากเกาหลีในค่ำคืนนี้
“เรียกดิฉันว่าเจสสิก้านะคะท่านดยุคเซฮุนและดัชเชสลู่หาน ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติม๊ากมากที่ได้เป็นคนจัดการเรื่องเสื้อผ้าสำหรับท่านทั้งสองในงานสำคัญค่ำคืนนี้”
คำพูดและท่าทางที่โอเว่อร์ทำเอาดัชเชสลู่หานที่ยังไม่คุ้นชินตีหน้าเหลอหลาก่อนยกมือบางขึ้นห้าม
“คุณเจสสิก้าไม่ต้องพูดทางการขนาดนั้นก็ได้ครับ เรียกผมว่าดัชเชสก็พอไม่ต้องใส่ท่านไปหรอกครับผมก็คนธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกัน”
เป็นอีกครั้งที่ลู่หานสามารถใช้ความเป็นกันเองเข้าผูกมิตรกับหญิงสาวตรงหน้าได้อย่างรวดเร็ว เซฮุนมองลู่หานที่ส่งยิ้มแย้มคุยกับหญิงสาวอย่างไม่ถือตัวแล้วหลุดยิ้มออกมากับท่าทีเจื้อยแจ้ว
ไม่ได้เห็นใบหน้าหวานนั้นยิ้มมานานแค่ไหนแล้วนะ…
รอยยิ้มที่โอเซฮุนต้องบอกกับตัวเองว่า… หลงไปแล้วหมดหัวใจจริงๆ
จนกระทั่งการเมคอัพและแต่งตัวผ่านพ้นไปก็ร่วมเกือบสี่ชั่วโมงเต็ม ดยุคโอเซฮุนอยู่ในสูทขาวที่ถูกสั่งตัดมาอย่างดีด้วยเนื้อผ้าเกรดเอมีผ้าผืนยาวสีเลือดหมูคาดบ่า ประดับด้วยเหรียญและตรากิตติมศักดิ์บอกตำแหน่งอันสูงส่งที่แสดงถึงอำนาจอันล้นหลามทั่วเอเชีย เครื่องตราเหรียญที่ทำจากโลหะและทองดูหนักอึ้งแต่ก็ดูฉายรัศมีบารมีสมกับตำแหน่ง
“ดัชเชสยังไม่เสร็จอีกอย่างนั้นหรอ?”
“ใกล้แล้วค่ะท่านดยุคเซฮุน”
เพียงไม่นานประตูอีกห้องก็ถูกเปิดออกเผยให้เห็นดัชเชสลู่หานที่วันนี้แต่งตัวเต็มยศไม่ต่างจากดยุค เสื้อสูทสีขาวสะอาดรับกับเส้นผมสีคาราเมลขับให้คนตัวเล็กดูน่าทะนุถนอมเป็นเท่าตัว กายเล็กมีผ้าผืนยาวสีเลือดหมูพาดบ่าประดับเหรียญและตราดัชเชสแห่งเฮเลเนี่ยน ช่างเหมาะสมกับดยุคเซฮุนที่ยืนทอดมองด้วยประกายแววตาอบอุ่น…
แววตาอ่อนโยนคู่นี้ที่ลู่หานไม่ได้เห็นมานาน…
“ได้เวลาแล้วครับ”
เสียงเรียบของชานยอลดังเตือนให้สายตาคมหลุดจากภวังค์ ผลึกตาสีเฮเซลกลบแสงเป็นนิ่งขรึมตามแบบฉบับอีกครั้ง ขายาวสาวเข้าไปใกล้ดัชเชสก่อนยกแขนขึ้นยื่นไปตรงหน้าอีกคน นัยน์ตากลมมองท่อนแขนที่ส่งมาก่อนเลยมองเสี้ยวใบหน้าคมที่นิ่งขรึมเพราะในที่นี้เต็มไปด้วยเหล่าบริวารที่ยืนโค้งคำนับมากมาย
น่าหมั่นไส้
ลู่หานแอบบ่นในใจก่อนสะบัดหน้าเดินหนีออกมาโดยไม่สนใจเซฮุนที่ยืนส่งท่อนแขนเก้อ คนถูกเมินได้แต่มองตามแผ่นหลังเล็กแล้วถอนหายใจ ก่อนหันไปถลึงตาใส่ชานยอลที่ยืนหัวเราะเงียบๆ
“ทำใจนะครับดยุค ดูท่าดัชเชสคงใจแข็งน่าดู”
คนถูกบอกให้ทำใจถอนหายใจเฮือกใหญ่ นัยน์ตาคมที่เคยนิ่งขรึมกับสั่นไหวเพียงเพราะนึกถึงดัชเชสตัวเล็กที่มีอิทธิพลกับหัวใจ เขาอยากคว้าร่างเล็กมากอด เขาอยากคว้าร่างเล็กมาจูบแล้วพร่ำบอกว่าคิดถึงมากมายรักมากแค่ไหน
แต่ก็ได้แค่คิดนั่นแหละนะ เพราะในเมื่อดูท่าจะถูกโกรธลูกโตเชียวละ
“ชานยอล… การง้อคนนี่ต้องทำยังไงหรอ”
คำถามที่พาเอาคนถูกถามชะงักก่อนเผยรอยยิ้มเล็กน้อย ตั้งแต่เล็กปาร์คชานยอลก็ถูกสั่งให้คอยคุ้มครองตามประกบโอเซฮุนจนสนิทเหมือนเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ผู้ชายที่มีอำนาจล้นมือแต่เด็ก ผู้ชายที่เอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ชี้นิ้วบอก ผู้ชายที่ไม่เคยสนใจความรู้สึกใคร ผู้ชายที่ไม่เคยก้มหัวให้ใคร
แต่ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นกำลังถามหาวิธีง้อหัวใจตัวเอง
“ผมก็ไม่รู้สิครับ… ถ้าดยุคเอาใจเขามากๆ บอกรักเขา บอกขอโทษเขา แสดงออกให้เห็นถึงความจริงใจว่าเรารู้สึกผิดจริงๆ อาจจะดีขึ้นก็ได้นะครับ”
คำตอบที่พาเอาคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อนี่ไม่ใช่นิสัยใจคอเขาเสียเท่าไหร่
“แต่ถ้าดัชเชสยังไม่หายงอน ท่านก็… จับลากขึ้นเตียงเผด็จศึกไปเลยครับ”
ชายมากอำนาจหลุดหัวเราะออกมาก่อนหันไปส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้ชานยอลพลางเลยไปถึงแบคฮยอนที่ยืนหน้าแดงอยู่ไม่ไกล นิ้วชี้เรียวยกขึ้นชี้หน้าองครักษ์คนสนิทก่อนยิ้มขำ
“วิธีสุดท้ายฟังดูเข้าท่านะ”
ก็ถ้าทำไปแล้วคนใจแข็งจะอ่อนลงให้เขาบ้างน่ะนะ
เห้อ…
ใช้เวลาเพียงไม่นานก็มาถึงพระราชวังแวร์ซาย วังขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่นับหลายร้อยตารางเมตร บัดนี้ถูกปกคลุมด้วยแสงไฟระยิบระยับและผู้คนจำนวนมากเดินกันให้ขวักไขว่ ทันทีที่ดยุคและดัชเชสแห่งเฮเลเนี่ยนจากเกาหลีก้าวเดินมาถึงก็ถูกต้อนรับอย่างดีโดยเจ้าของงาน
เจ้าหญิงเวนดี้ นางฟ้าตัวน้อยแห่งฝรั่งเศษ
“เซฮุนนนน เวนดี้คิดถึงฮุนจังเยย~”
เสียงหวานใสของเจ้าหญิงตัวน้อยที่วิ่งดุ๊กๆมาตรงหน้าก่อนถลาเข้าสู่อ้อมกอดของดยุคเซฮุนที่นั่งยองอ้าแขนรับอย่างรู้งาน เจ้าหญิงน้อยวัยสิบขวบหัวเราะคิกคักในอ้อมแขนชายหนุ่มที่เจ้าตัวคุ้นเคยอย่างอารมณ์ดี หากแต่เรียกสายตากลมคู่หนึ่งให้ตวัดมองอย่างขัดใจ
เห็นด็กนี่แล้วรู้สึกคุ้นแปลกๆ แรดๆ ขี้ออเซาะแบบนี้เหมือนเคยเจอที่ไหน
“ฮุนฮุนก็คิดถึงเวนดี้ เป็นยังไงบ้างครับ ไม่เจอกันนานเลยโตขึ้นเยอะเชียว”
“คิก! ตอนนี้เวนดี้เล่นเปียโนเป็นแย้วน่า~ ฮุนฮุนต้องอยู่ดูเวนดี้เล่นดั๊วะ!” เด็กน้อยว่าพลางเอนหัวถูไถไหล่กว้างอย่างออดอ้อนเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนตัวสูงกว่าที่อุ้มเด็กน้อยลอยเหนือพื้น
ถูเข้าไปเถอะ! จะถูให้เลขขึ้นเลยรึไง!!! -_-
“ถ้าอยากให้ฮุนฮุนอยู่ดูเวนดี้ต้องหอมแก้มฮุนฮุนก่อนนะครับ”
“งื้อ.. ฮุนฮุนคนขี้อ้อน~ ไม่ต้องขอก็จะหอมอยู่แย้ว~ จุ้บ!”
เสียงจุ้บที่ดังขึ้นทำเอาลู่หานเบ้หน้าลงอย่างหมั่นไส้ อายุแค่สิบขวดก็ปล่อยตัวเข้าหาผู้ชายแบบนี้โตขึ้นไม่ต้องบอกก็เดาได้ว่านิสัยจะเป็นยังไง! เจอผู้ชายหล่อไม่ได้ติดเกียร์แรดวิ่งเข้าใส่!! นิสัยแรดๆแบบนี้เหมือนอีนังแมวแคทเธอรีนเลย! อีแมวนรกนั่นเห็นผู้ชายหล่อไม่ได้ก็กระโจนวิ่งเข้าหาหมดนั่นแหละแหม่!!
สงสัยนี่จะเป็นแคทเธอรีนเวอร์ชั่นคน! น่าจับกดโถส้วมให้ตายทั้งคู่จริงๆ -_-!!!
ท่าทีกระฟัดกระเฟียดที่อยู่ในสายตาเซฮุนทำเอาชายหนุ่มมากอำนาจแอบลอบยิ้มขำกับตัวเอง เพราะอย่างน้อย… มันก็ยังทำให้รู้ว่าเขายังมีหวัง…
“โอ๊ะเวนดี้ไปก่อนนะฮุนฮุนเสด็จแม่เรียกแล้ว คิก” เจ้าหญิงน้อยละออกจากอ้อมแขนแกร่งของเซฮุนที่ปล่อยลงสู่พื้นก่อนวิ่งจู๊ดหายไป ดวงตาคมเบนกลับมามองลู่หานที่ยืนผินหน้าหนีแกล้งทำเป็นกวาดสายตามองรอบงานแล้วนึกอยากหลุดยิ้มออกมา
แต่ถ้าให้ยิ้มออกไปตอนนี้เชื่อได้เลยว่าได้โดนลู่หานเชิดหน้าหนีครั้งใหญ่แน่
“เข้าไปด้านในกันเถอะ”
ฝ่ามือกร้านแตะแผ่นหลังเล็กแล้วดันให้เดินไปพร้อมกัน ทว่าท่าทีเดินแปลกไปของคนในอ้อมแขนกลับเรียกแผงคิ้วเข้มให้ขมวดเข้าหากันก่อนโน้มใบหน้าลงกระซิบถาม
“ทำไมเดินแบบนั้น เจ็บขาหรอ”
“นิดหน่อยน่ะ เหมือนรองเท้าจะกัด”
“เดี๋ยวฉันบอกให้ชานยอลเอารองเท้าคู่ใหม่มาเปลี่ยนให้”
“อย่าดีกว่า ที่นี่มีคนสำคัญตั้งมากมายที่คอยแต่จับจ้องเฮเลเนี่ยนอยู่ หากดัชเชสหายไปนานคงจะดูไม่ดี ฉันไม่อยากให้เฮเลเนี่ยนต้องติดมลทินเพราะมีดัชเชสไร้มารยาทหรอกนะ! เจ็บแค่นี้ฉันทนได้มันไม่ตายหรอก”
คำประชดประชันนั้นทำเอาเซฮุนสูดลมหายใจลึก เขารู้ดีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างบาดแผลในหัวใจลู่หาน และนั่นก็คงไม่แปลกอะไรถ้าคนตัวเล็กจะประชดใส่เขาแบบนี้ ลับหลังดวงตาสวยฝ่ามือกร้านบีบเข้าหากันแน่นอย่างโมโหตัวเอง โมโหตัวเองที่เป็นคนโลเลจนทำทุกสิ่งอย่างพลิกผัน และหนึ่งในนั้นก็เป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบใจมากที่สุด
ลู่หานกำลังตั้งกำแพงใส่เขา…
และก่อนที่กำแพงจะสูงเสียจนเขาไม่มีสิทธิกระโดดข้ามไปได้ โอเซฮุนต้องรีบหาทางทุบมันทิ้งไปซะ!
“อ้าวดัชเชสลู่หานมานานหรือยังครับ”
ขณะที่เซฮุนกำลังพูดคุยทักทายกับเหล่าคณบดีคนสำคัญทุกมุมโลกที่มารวมตัวกันในงานนี้ เสียงเรียกชื่อของคนที่อยู่ในอ้อมแขนเขาก็ทำให้ต้องหันมอง ทันทีที่ผลึกตาสีเฮเซลเลื่อนสบคนตัวสูงอีกคนดวงตาที่เคยสุขุมก็แข็งกร้าวขึ้นในพริบตา
“อ่า รองมีร์สวัสดีครับ แต่งชุดเต็มยศแบบนี้แล้วดูดีนะครับ”
รองประธานาธิบดีที่ยศไม่ได้ใหญ่ไปกว่าเขายิ้มรับคำชมนั้น และคำพูดถัดมาที่เปล่งจากริมฝีปากอีกคนก็ทำเอาคิ้วเข้มกระตุก ฝ่ามือหยาบกร้านดันเอวเล็กประชิดตัวมากขึ้น
“ดัชเชสลู่หานวันนี้ก็สวยสง่ามากครับ ดูเหมือนอัญมณีที่ส่องแสงตลอดเวลาจริงๆ”
“แน่นอนครับ ก็เขาเป็นดัชเชสของผมนี่”
คำพูดแสดงเป็นเจ้าเข้าเจ้าของทำเอาลู่หานตวัดสายตามองอย่างนึกเคือง หากแต่เซฮุนก็ไม่สนใจสายตานั้นกลับยืนฉีกยิ้มกว้างตอบกลับไป
“ฮ่าๆ ดูท่านดยุคเซฮุนจะรักดัชเชสมากนะครับ”
กึก
ทว่าคำพูดจากรองมีร์ทำเอาร่างของทั้งคู่ชะงักต่างคนต่างเบนสายตาหลบเป็นพัลวันด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน… มือกร้านรัดเอวบางกระชับแน่นมากขึ้น บอกเป็นนัยว่าคำพูดนั้นคือเรื่องจริง คำว่ารัก… ที่แม้แต่ตอนนี้เขายังไม่กล้าพูดออกไป ได้แต่สื่อสารความหมายผ่านทางการกระทำ
ดยุคหนุ่มที่เพิ่งตาสว่าง แต่ปากหนักเกินกว่าจะเอ่ยคำว่ารัก
ทว่าร่างเล็กกลับรู้สึกแปลกไป ความสับสนตีขึ้นในหัวจนหนักอึ้ง เขาไม่กล้าวางหัวใจเป็นเดิมพันในเรื่องความรู้สึกของเซฮุน แม้ขาจะอยากก้าวเดินไปพร้อมดยุคหนุ่มแค่ไหนแต่อีกใจหนึ่งในส่วนลึกกลับหวาดกลัว… หวาดกลัวที่จะต้องกลับไปเจ็บปวดอีกครั้ง ทุกการกระทำทุกเหตุการณ์ในครั้งนั้นฝังใจจนยากเกินกว่าจะลืมเลือน
ดัชเชสคนงามที่หัวใจเต็มอิ่มด้วยรัก แต่หวาดกลัวเกินกว่าจะก้าวเดิน
แล้วความรักครั้งนี้จะสมบูรณ์ได้อย่างไร
บรรยากาศอึมครึ้มแปลกๆทำเอารองมีร์ขมวดคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ ชายหนุ่มตาน้ำข้าวได้แต่คิดทบทวนว่าคำพูดของตนมีอะไรผิดไปหรือเปล่า หากแต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกจึงเลือกวิธีเริ่มบทสนทนาใหม่อีกครั้ง
“ดัชเชสลู่หานลองทานนี่สิครับ นี่คือมาการองสตอเบอร์รี่ชื่อดังของฝรั่งเศษ เราได้จ้างเชฟจากโรงแรมเจ็ดดาวในปารีสมาทำเองโดยเฉพาะเลยนะครับ สูตรนี้เป็นสูตรโปรดของเจ้าหญิงเวนดี้น่ะครับ”
นัยน์ตากลมพราวระยิบขึ้นทันทีที่ได้เห็นของหวานน่าทานตรงหน้า ขนมหวานที่มีเนื้อครีมและสตอเบอร์รี่ผลโตโปะอยู่ตรงกลางดูน่ารักจนลู่หานนึกอยากเสียมารยาทถือจานแล้วถ่ายรูปอัพลงอินสตราแกรมให้ชาวบ้านอิจฉาเล่น
“ขอบคุณครับ”
ทว่าก่อนที่มือเรียวจะได้ยื่นไปรับจานขนมก็ต้องปล่อยเก้อเมื่อเสียงทุ่มต่ำจากคนที่ยืนเกาะเอวบางดังขึ้น เรียกสายตาขุ่นมัวให้หันไปขึงใส่อีกรอบ
“ขอโทษด้วยนะครับ ดัชเชสของผมเขาอิ่มแล้วน่ะ และผมก็ต้องเดินไปคุยกับคุณสเตฟทางด้านนู้นด้วย ขอตัวนะครับ”
คนที่ตาลุกวาวเพราะอยากกินขนมได้แต่ส่งยิ้มแหย่กลับไปให้รองมีร์ที่ยืนตีหน้างงงวยอีกครั้ง นึกแค้นเคืองคนตัวโตที่ยืนรัดเอวยัดเยียดความอิ่มให้หน้าตาเฉย ทั้งที่ความจริงแล้วท้องน้อยกำลังร้องโครกครากเพราะความหิวจัด
ไอ้ดยุคบ้า ไอ้คนเอาแต่ใจ!
ส่วนคนที่ยัยเยียดความอิ่มให้คนอื่นก็เดินตีหน้าตายลากเอวบางออกมา ก่อนสะดุ้งพรึบกับความเจ็บจี๊ดที่เอวหนาเมื่อมือเล็กของลู่หานหยิกเข้ามาเต็มแรง
“นี่! ฉันเจ็บนะ!”
“ทำบ้าอะไร! รู้ไหมว่าทำแบบนี้มันเป็นการหักหน้าเขาน่ะ!”
ลู่หานกระซิบเสียงแข็ง เจ้าของผลึกตาสีเฮเซลกรอกตาขึ้นฟ้าอย่างคนไม่สนใจในคำพูดนั้น และก่อนที่ริมฝีปากเล็กจะอ้าออกอีกครั้งก็ต้องยืนนิ่งเมื่อเสียงทุ้มต่ำของอีกคนดังแทรกขึ้น
“ก็ไม่ชอบ”
ลู่หานมองใบหน้าคมที่ผินหนีไปทางอื่นก่อนผ่อนลมหายใจออกมา เป็นอีกครั้งที่เขาไม่สามารถเดาความคิดของคนตัวสูงได้ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเซฮุนถึงได้ทำท่าทีหวงเขานักหวงเขาหนา ทั้งๆที่… คนที่สมควรได้รับอภิสิทธิ์นั้นคือจางอี้ชิง
สมควรเป็นจางอี้ชิงมากกว่าลู่หาน
และแน่นอนว่าคนนิสัยตรงโผงผางอย่างลู่หานไม่เคยเก็บครอบงำความสงสัยไว้ได้นาน
“ทำไม? หวงฉันรึไง?”
ผลึกตาสีเฮเซลเบนกลับมามองใบหน้าหวานที่เชิดขึ้นมองเขาด้วยดวงตาเรียบนิ่ง หัวใจแกร่งกระตุกวาบกับคำถามที่ไม่ต้องคิดหาคำตอบนาน เพราะมันแน่ชัดในหัวใจอยู่นานแล้ว แต่มันก็ติดอยู่เพียงอย่างเดียว…
ชนักอันเบ้อเร่อที่ติดหลังทำให้ปากหนักไม่กล้าพูดออกไป… เพราะตั้งแต่เด็กโอเซฮุนก็ได้รับตำแหน่งให้เป็นทายาทเฮเลเนี่ยนอันดับหนึ่ง เด็กอายุเพียงห้าขวบที่ได้รับอำนาจเกินตัวจนกลายเป็นคนไม่แยแสความรู้สึกใคร อยากได้อะไรก็ชี้นิ้ว ไม่พอใจก็ตวาดสั่ง ทำผิดก็ไม่เคยขอโทษเพราะมีคนมากมายพร้อมที่จะก้มหัวออกปากรับแทน… และนั่นก็ทำให้ยากเหลือเกินสำหรับคนแข็งกระด้างที่ต้องหาวิธีง้อคน… แต่ทว่า
ถ้าไม่ง้อก็ไม่ได้หัวใจคืนมาดิวะ
“อื้มใช่ ฉันหวงนาย”
คำตอบที่ไม่คิดจะได้รับทำเอาดวงตากลมเบิกโพลง ลู่หานยืนนิ่งงันไม่คิดว่าคำตอบจะตรงกับเสียงร้องในหัวใจส่วนลึก คำตอบที่ทำเอาหัวใจกระหน่ำเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง
อาการใจเต้นแบบนี้… ไม่ได้สัมผัสมานานแค่ไหนแล้วนะ
“จะให้ฉันไปบอกอี้…”
“ฉันพูดว่า ‘ฉันหวงนาย’ ฟังไม่ออกรึไง? นายที่ชื่อลู่หานไม่ใช่ใครอื่น”
ไม่รู้ว่ามีคนมือดีที่ไหนปาระเบิดใส่หัวใจเขารึเปล่า เนื้อในอกกระหน่ำสั่นรัวราวถูกระดมยิงปืนเข้าใส่ ดวงตาสวยเบนหลบหนีผลึกตาสีเฮเซลที่สาดส่องประกายแววตาแน่วแน่ทำเอากำแพงสูงชันสั่นไหว ปรางแก้มใสร้อนระอุที่คนตัวเล็กได้แต่พร่ำบอกตัวเองว่าเป็นเพราะอากาศร้อนไม่ใช่เพราะอาการเขินแต่อย่างใด
จะมาใจอ่อนเอาตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาดนะลู่หาน อย่าลืมความตั้งใจของตัวเองสิ!
“ฉัน…หิวแล้ว ไปหาอะไรกินดีกว่า”
“เอ้านี่ ฉันรู้ว่านายชอบ”
ใบหน้าที่ยังแดงเรื่อเพราะความเขินเหลือบมองจานขนมที่ดยุคหนุ่มยืนให้ ทันใดนั้นริมฝีปากบางก็เม้มเข้าหากันตามด้วยปรางแก้มใสที่แดงฉ่ามากกว่าเดิม
สตอเบอร์รี่ผลโตจุ่มฟองดูช็อกโกแลต…
ฟองดู…
“ไม่หิวแล้ว!”
เซฮุนมองลู่หานที่สะบัดหน้าเดินหนีออกมาพลางหลุดขำในลำคอกับท่าทางน่ารัก ใช่…ลู่หานน่ารัก ไม่ว่าจะแสดงสีหน้าท่าทางยังไงก็ดูน่ารักไปหมด น่ารักจนอยากเก็บไว้มองคนเดียว นั่งจ้องหน้าหวานที่แก้มใสมักติดสีแดงไปทั้งวัน
“ฮึ มึงเหมือนคนบ้าเลยวะเซฮุน”
ชายมากอำนาจหลุดยิ้มละมุนที่พาเอาสาวๆถ้ำมองแอบกรี๊ดกับความหล่อ ฝ่ามือหนายกขึ้นแตะจมูกอย่างเขินอายเมื่อตอนนี้ตัวเองยืนยิ้มอยู่คนเดียวไม่ต่างจากคนบ้า และคนที่ทำให้ดยุคมากอำนาจเหมือนคนบ้าก็หนีไม่พ้นคนที่เพิ่งสะบัดหน้าก้าวเดินดุ่มๆออกไป
อยากรัดร่างคนน่ารักเข้ามาในอ้อมกอดแล้วฟัดแก้มแรงๆให้หายหมั่นเขี้ยว
"เห้ออยากกอดก็ต้องรีบง้อให้สำเร็จดิวะ”
คนที่หมกมุ่นกับวิธีการง้อคนน่ารักยืนส่ายหัวเล็กน้อย ขายาวหมายมั่นจะก้าวเดินตามคนที่สะบัดหน้าหนีออกไปทว่าต้องหยุดชะงักเมื่อจู่ๆก็ถูกดึงเข้าไปในวงสนทนาที่มีคณบอดีคนสำคัญ จะขอแยกตัวออกมาก็ดูท่าจะลำบากเมื่อหัวข้อในบทสนทนาเกี่ยวกับเชิงธุรกิจที่อาจทำให้เฮเลเนี่ยนขยายความก้าวหน้าได้ขึ้นไปอีก
หวังว่าจะเดินไปได้ไม่ไกลหรอกนะ
ร่างบอบบางที่สะบัดหน้าเดินหนีออกมาเพราะความเขินจัดต้องชะงักขาที่ก้าวเดินลงเมื่อจู่ๆอาการเจ็บแปลบที่นิ้วเท้าก็วิ่งแล่นเข้ามา อาการรองเท้ากัดที่ไม่รู้ว่าป่านนี้สภาพเท้าจะเป็นอย่างไรบ้างได้แต่เดินกระเผลกหาที่นั่งให้เร็วที่สุด
ทว่าม้านั่งที่อยู่ในสายตาก็ไกลแสนไกล จะเดินลากขาเข้าไปก็ดูท่าจะไม่เหมาะนัก จึงได้กัดฟันแล้วฝืนเดินตัวตรงก้าวช้าๆไปอย่างอดทนแม้หยาดน้ำใสจะเอ่อคลอรอบดวงตาเพราะความเจ็บแล้วก็ตาม
“ผมช่วยไหมครับดัชเชสลู่หาน”
“อ่า…รองมีร์ ขอบคุณนะครับ” เอ่ยกล่าวขอบคุณกับความช่วยเหลือของชายหนุ่มตาน้ำข้าวอย่างไม่เกี่ยงงอนเพราะในตอนนี้ก็เจ็บเกินกว่าจะร้องค้าน
ทันทีที่เอ่ยตกลงเอวบางก็ถูกประคองช่วยพยุงพาไปยังตัวม้านั่งให้เร็วที่สุด ลู่หานใช้ความใกล้ชิดแอบชำเลืองมองพิจารณาใบหน้าคมคายของหนุ่มฝรั่งเศษ ดวงตาสีน้ำข้าวที่ปฎิเสธไม่ได้ว่างดงามขนาดไหน ดวงตาที่เหมือมีมนต์สะกดให้คนมองถูกต้องมนต์ ดวงตาของผู้ชายคนนี้สวยและน่าหลงใหลจริงๆ
แต่ถึงอย่างไร… ก็สู้ดวงตาสีเฮเซลไม่ได้หรอก
ทว่าเดินได้ไม่กี่ก้าวร่างเล็กของลู่หานก็ถูกกระชากลอยหวืดออกจากอ้อมแขนแกร่งปะทะเข้ากับแผ่นอกกว้างของใครอีกคน กลิ่นน้ำหอมคุ้นเคยที่ลอยแตะจมูกทำให้ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมองก็รู้ดีว่าคนที่กระชากเขาออกมาคือใคร…
“ขอโทษนะครับ ดัชเชสของผมผมดูแลเองได้”
อาการหัวใจกระตุกเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อจู่ๆร่างก็ลอยขึ้นสู่อ้อมแขนแกร่งของโอเซฮุน มือเรียวกำเสื้อดยุคหนุ่มแน่นกับท่าทีหวงแหน หัวใจที่เคยปฎิเสธมาตลอดแต่ในเวลานี้กลับยอมรับหมดหัวใจว่ากำลังเขิน… แถมเขินมากเสียด้วย
หมดท่าแล้วสินะลู่หาน
คนโอบอุ้มร่างเล็กก้าวเดินดุ่มๆออกจากบริเวณงานเพื่อหาพื้นที่ส่วนตัวก่อนวางร่างเล็กในอ้อมแขนลงที่ม้านั่งกลางสวนใหญ่ที่ไร้ผู้คน ความมืดมิดมีเพียงแค่แสงไฟเล็กน้อยทำให้เซฮุนไม่ทันสังเกตุเห็นปรางแก้มใสที่ขึ้นสีเรื่อ ท่าทางเขินอายที่หากเซฮุนได้เห็นหัวใจแกร่งคงชื้นขึ้นเป็นเท่าตัวกับท่าทีโอนอ่อนของดัชเชสใจแข็ง
น่าเสียดาย…
“เจ็บเท้ามากไหม”
น้ำเสียงอ่อนโยนเจือความเป็นห่วงทำเอาหัวใจที่ว่ากระตุกแล้วกลับกระตุกถี่มากขึ้นกว่าเดิม มือเรียวบีบมุมม้านั่งแน่นก่อนส่งเสียงรับในลำคอ
อย่าให้เขารู้เด็ดขาดนะลู่หาน อย่าให้เขารู้…
อย่าให้เขาได้รู้ว่าหัวใจดวงนี้อ่อนยวบไปมากแค่ไหน
“ขอฉันดูหน่อยนะ”
ว่าจบเซฮุนก็ชันเข่านั่งลงกับพื้นก่อนยกเท้าคนตัวเล็กข้างที่เจ็บขึ้นวางบนหน้าตักแล้วบรรจงถอดรองเท้าอย่างเบามือ เจ้าของความเจ็บปวดนิ่วหน้าเล็กน้อยก่อนซี๊ดปากเบาๆเมื่อมือกร้านแตะลงบนแผลที่เหวอะ
“ปวดมานานแล้วใช่ไหม”
ทว่าคำถามที่ดังแทรกขึ้นทำให้ใบหน้าสวยต้องหันมองพลันเม้มริมฝีปาก ความจริงเขารู้ตัวมานานแล้วว่ารองเท้าคู่นี้กัด แต่ปากก็ไม่กล้าเอ่ยออกไปเพราะกลัวจะไปงานไม่ทันเวลาเริ่ม
ลู่หานก็แค่… อยากเป็นดัชเชสที่เพรียบพร้อมไม่เป็นตัวถ่วงของใคร
“ทำไมถึงไม่บอก ทำไมถึงเอาแต่เงียบ” ความหงุดหงิดพุ่งแล่นเต็มหัวใจที่ไม่ทันสังเกตุในเรื่องนี้ น้ำเสียงห้วนเจือความกังวลทำให้ลู่หานอดหันจ้องเข้าไปในดวงตาคมเพื่อค้นหาความนัยไม่ได้
“ก็ฉันคิดว่าทนได้”
“อวดเก่ง”
ทว่าโอเซฮุนก็ยังเป็นโอเซฮุน คนที่ไม่เคยโอนอ่อนให้ใครก็ยังไม่รู้จักการเอาใจ เมื่อบรรยากาศเงียบลงดยุคหนุ่มถึงเพิ่งคิดได้ นึกอยากชกปากตัวเองที่พูดจาทำลายบรรยาศ
“ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้แหละ”
และก็เหมือนว่าลู่หานจะยิ่งสร้างกำแพงสูงกว่าเดิม เซฮุนที่นวดฝ่าเท้าเล็กอยู่หยุดมือลงก่อนสูดลมหายใจลึก ยังไงก็ต้องเคลียร์ปัญหาหัวใจให้จบสิ้นไปเสียที กลั้นใจพูดคำที่คิดว่าช่วยดึงบรรยากาศเดิมกลับมา
คนที่ไม่เคยอ่อนข้อให้ใคร… แต่ตอนนี้กำลังง้อคนอื่น
“ฉันขอโทษ”
เสียงเบาหวิวที่ลอยจากริมฝีปากหยักทำเอาดัชเชสใจแข็งมองอย่างแปลกใจ ก่อนที่ดวงตาสวยจะผินหลบหนีดวงตาคมแน่วแน่อีกครั้งอย่าพยายามหักห้ามใจตัวเอง
กลัวว่าตัวเองจะใจอ่อน…
“ฉันไม่รู้ถ้าพูดไปนายจะฟังไหม… ฉันขอโทษที่ปล่อยให้เรื่องในอดีตของฉันทำร้ายนาย ขอโทษที่ทำนิสัยไม่ดีใส่ ขอโทษที่โลเล นายคงจะเสียใจและผิดหวังในตัวของฉันมาก แต่ได้โปรด… เชื่อฉันได้ไหมว่าตอนนี้เขาไม่ได้สำคัญอะไรกับชีวิตฉันอีกแล้ว ฉันให้อี้ชิงเป็นเพียงแค่อดีต เป็นแค่คนในความทรงจำที่จะไม่มีวันเข้าไปเหยียบอีก ตอนนี้ปัจจุบันคือนาย และอนาคตของฉันก็คือนาย นายแค่คนเดียวเท่านั้น คนเดียวที่สามารถยึดหัวใจของฉันไว้ได้ ฉันรักนาย…ลู่หาน”
คำสารภาพที่ทำเอาหัวใจดวงเล็กสั่นคลอน ราวกับพายุลูกใหญ่โหมพัดเข้าใส่กำแพงสูงชันให้แตกร้าวทีละนิด… น่าสมเพชจริงๆลู่หาน แค่ได้ยินเขาบอกรักก็อ่อนยวบแล้ว ที่โอนอ่อนนี่ก็เพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะ… ลู่หานก็รักเซฮุนเหมือนกัน
ปรางแก้มใสที่เปลี่ยนสีทำเอาดยุคหนุ่มใจชื้น แม้ที่นี่จะมีแสงเพียงน้อยนิดแต่เขาก็มองเห็น เพราะดวงตาคู่คมจับจ้องเพียงแค่เจ้าของหัวใจเท่านั้น ทว่าหัวใจที่กำลังหลงระเริงก็ล่วงล่นทันตาเมื่อเสียงใสเปล่งถ้อยคำออกมา ราวกับลูกโป่งที่กำลังพองโตถูกบีบแตกในพริบตา
“ฉันไม่ให้อภัย”
แม้คำพูดจะหักหาญความมั่นใจให้ลบฮวบ แต่ดยุคหนุ่มที่เอาแต่ใจก็ยังไม่ลดละความพยายาม ความมุ่งมั่นที่ฉายชัดในแววตาเกือบทำเอาคนใจแข็งหลุดมาด
ความจริงหัวใจขอยอมแพ้ตั้งแต่ได้ยินคำว่ารักแล้วละ…
“นายยังรักฉันลู่หาน ฉันไม่ได้พูดผิดใช่ไหม”
คำถามที่เปลี่ยนไปของเซฮุนทำเอาลู่หานเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจอีกครั้ง คำพูดที่ไม่ได้ถามความเห็นของเขาแต่เหมือนเป็นการบังคับกลายๆ
…คนเอาแต่ใจ…
“ใช่ฉันยังรักนาย แต่ฉันก็ไม่ให้อภัย มีหลักประกันอะไรมาให้ฉันเชื่อคำพูดของนาย? นายเป็นคนทำลายความรักของเราลง แล้วตอนนี้นายจะให้ฉันเชื่ออะไรได้อีกละเซฮุน? ”
คำว่ารักที่ออกจากปากลู่หานไม่ได้ทำให้เซฮุนดีใจ มันแย่มากแค่ไหนกับหัวใจทั้งสองดวงที่รู้สึกตรงกัน แต่รักกันไม่ได้
“มันเหมือนนายเป็นคนผลักฉันให้ล้ม แล้วถามว่า‘เจ็มไหม?’ เหอะ! มันเป็นนิทานที่น่าสมเพชมากนะเซฮุน ฉันไม่กล้ากลับไปเชื่อใจนายได้อีกแล้ว…”
แม้หัวใจยังคงรักอยู่ แต่ความเชื่อใจที่ขาดสะบั้นก็ยากเกินกว่าจะกลับมาสร้างได้เหมือนเดิม แก้วที่ร้าวลงแล้วต่อให้มีกาวเชื่อมติดเหมือนเดิม แต่สุดท้าย… ก็ยังพบว่าแก้วใบนั้นมีรอยร้าว
ไม่เจ็บอย่างเขาใครจะเข้าใจ
“ฉันไม่มีอะไรที่จะใช้เป็นหลักประกันในคำบอกรักของฉันนอกจากหัวใจ…”
ดยุคหนุ่มหยัดตัวลุกขึ้นยืน ก่อนสาวเท้าเข้ามาใกล้ร่างที่นั่งอยู่บนม้านั่ง มือหยาบกร้านคว้ามือเล็กขึ้นมาวางทาบทับที่อกด้านซ้านด้านเดียวกับหัวใจที่กำลังเต้นแรง…
สัมผัสให้รู้ว่าทุกคำพูดนั้นออกมาจากหัวใจ
“ฉันเป็นคนเลวที่ทำให้หัวใจของฉันร้องไห้มานักต่อนัก แต่ทุกครั้งที่หัวใจฉันร้องไห้ฉันก็เจ็บไม่แพ้กัน ฉันอยากเข้าไปเช็ดน้ำตาแต่ขากลับก้าวไม่ออก ฉันอยากเข้าไปกอดปลอบแต่ฉันกลับเป็นคนขี้ขลาดที่ไม่กล้าพอ ฉันเป็นคนโง่ที่เกือบปล่อยให้หัวใจหลุดลอยไป…”
นัยน์ตาสวยสบผสายนัยน์ตาสีเฮเซลที่อ่อนแสงลงจนหัวใจดวงเล็กอ่อนยวบ มือบางที่วางบนหน้าอกของเซฮุนสัมผัสได้ถึงก้อนเนื้อในอกที่เต้นแรงไม่เป็นจังหวะ …ไม่ต่างจากเขา
“ถึงฉันจะเลวแต่คนเลวคนนี้ก็รักนายไม่แพ้ใคร”
ยอมแล้ว…
“ฉันรู้ว่าความผิดของฉันมันมากเกินกว่าจะให้อภัย แต่ฉันก็รักนายมากเกินกว่าจะปล่อยนายไปเหมือนกัน”
ยอมหมดทุกหนทางแล้ว…
“ฉันไม่ได้เลือกนาย เพราะคนที่อยู่ในหัวใจของฉันคือนายตังแต่แรก ฉันแค่หลงมัวเมาไปเท่านั้น มันคงไม่สายเกินไปใช่ไหม”
ยอมจนไม่เหลืออะไรแล้ว…
“ตอนนี้นายอาจยังไม่ให้อภัยฉัน และโกรธฉัน แต่ฉันจะไม่มีทางปล่อยนายไปแน่ ฉันรู้ว่าความผิดเหล่านั้นมันลืมยากแต่เราเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม นับหนึ่งใหม่ทุกอย่างโดยที่ครั้งนี้นายไม่ต้องวิ่งตามฉัน แต่ฉันจะเป็นฝ่ายวิ่งไล่ตามนายเอง …ให้ฉันได้เป็นฝ่ายจีบนายบ้าง”
ราวกับกำแพงสูงชันที่เคยสร้างไว้พังทลายลงมารวดเดียวและปลิวหายไปในที่สุด ผลึกตาสีเฮเซลที่สะท้อนความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมพาเอาลมหายใจสะดุด ปรางแก้มใสร้อนฉ่ากับความขวยเขินที่แผ่ซ่านไปทั้งหัวใจ
“ฉันเจ็บมากนะตอนที่นายบอกอยากจะไปจากฉัน แต่ฉันก็รู้ว่านั่นคือสิ่งที่ฉันสมควรได้รับ… ฉันจะไม่โทษอะไรนอกจากตัวเอง เพราะฉะนั้นให้ฉันได้เริ่มต้นใหม่ได้ไหม …ให้ฉันได้แสดงความรักที่มันล้นใจของฉัน”
ใบหน้าคมโน้มต่ำลงมา ฝ่ามือหนาวางบนพนักพิงม้านั่งกักร่างเล็กเข้าสู่อ้อมแขน ตรึงดวงตากลมด้วยผลึกตาสีเฮเซลที่โอเซฮุนรู้ดีว่าลู่หานไม่เคยต่อสู้กับเสน่ห์ของมันได้ และโดยไม่รู้ตัวหัวใจของลู่หานก็ได้เปิดบานประตูออกอีกครั้ง...
“ลืมเรื่องราวที่ผ่านมาให้หมด ให้ฉันได้เป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่งที่เข้ามาจีบนาย ให้ฉันเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ได้แสดงความรักต่อนาย ให้ฉันได้ร้องขอความรักจากนาย… แค่คนเดียว”
ดวงตาคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสวยที่สั่นไหวรุนแรง นิ้วมือหยาบยกขึ้นคลึงกลีบปากบางของลู่หานก่อนที่สันจมูกโด่งจะไล่สูดดมความหอมจากปรางแก้มใสที่แดงฉ่าอย่างรักใคร่ ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความรักที่โอเซฮุนมอบให้ลู่หาน
“ถ้านายบอกว่าอยากไปจากฉันอีก ฉันก็จะเข้าไปจีบนายใหม่อีก ถ้านายบอกว่าไม่อยากอยู่กับฉัน ฉันก็จะเข้าไปจีบนายใหม่อยู่แบบนี้เพราะนายไม่สามารถหนีห่างจากฉันได้ นายไม่ต้องทำอะไรแค่ยืนอยู่เฉยๆให้ฉันได้วิ่งตาม ให้ฉันได้วิ่งเข้าไปหา แค่ยืนอยู่เฉยๆ ในที่ที่ฉันสามารถมองเห็น”
“เอาแต่ใจเกินไปแล้ว…”
เสียงร้องท้วงด้วยแก้มใสที่แดงปลั่งทำเอาดยุคหนุ่มขำในลำคอ ดวงตาคมทอแสงอบอุ่นยามสบผสานดวงตาสวยในระยะใกล้…
ดวงตาสวยที่ทำให้คนแข็งกระด่างตกหลุมไปแล้วหมดหัวใจ
“ใช่ฉันเอาแต่ใจ และยิ่งกับนายฉันก็จะเอาแต่ใจมากๆเลยนะรู้รึเปล่า”
ดัชเชสคนสวยเบ้ปากลงอย่างหมั่นไส้ในท่าทีของดยุคหนุ่ม คนง้อที่ไหนเขามาออกปากออกท่าทีบังคับขู่เข็ญกันแบบนี้บ้าง …แต่ถึงจะโดนขู่ยังไงก็มอบหัวใจให้ไปหมดแล้วทั้งดวงนี่
“นิสัยไม่ดี”
คนถูกต่อว่านิสัยไม่ดีทำเพียงแค่ยกยิ้มอย่างไม่ยี่หระ ในเมื่อถูกโยนข้อหานั้นใส่เขาก็จะเป็นดยุคที่ทั้งเอาแต่ใจและนิสัยไม่ดีให้ดู แต่จะเป็นก็แค่เฉพาะกับลู่หานคนเดียวเท่านั้นนะ...
“ใช่ฉันเป็นดยุคนิสัยไม่ดี และนี่ก็คือพระบัญชาของดยุค… จงยืนอยู่ข้างๆฉัน ให้ฉันจีบนายเดี๋ยวนี้”
“ใครเขาจีบคนอื่นด้วยวิธีแบบนี้กัน?”
“เป็นดัชเชสห้ามขัดคำสั่งของดยุคนะ …ไม่รู้หรือ?”
การเริ่มต้นใหม่ที่ไม่ได้เริ่มจากศูนย์... การเริ่มต้นใหม่ที่เต็มอิ่มไปทั้งหัวใจ...
“ขอผมจีบคุณได้ไหมครับ… คุณเนื้อคู่”
และริมฝีปากร้อนก็ทาบทับลงมาอย่างแผ่วเบา… มันนุ่มนวลไม่ต่างจากปีกผีเสื้อที่สัมผัสลงมาอย่างผิวเผินให้อ่อนระทวยราวขี้ผึ้งลนไฟ สัมผัสเนิบนาบที่มีเพียงแค่ริมฝีปากแตะกันผะแผ่ว ไม่จาบจ้วง ไม่มุทะลุ มีเพียงแต่ความหอมหวานราวกลีบดอกไม้ในยามเช้า ความหอมหวานที่ไม่ต่างจากน้ำผึ้งเดือนห้า…
ทั้งหอมหวานและน่าลุ่มหลง
วิธีการง้อของดยุคหนุ่มที่ทำเอาหัวใจดวงเล็กสั่นเทิ้มจนเกินจะต้านไหว เนื้อในอกเต้นระส่ำอย่างคนเพิ่งเคยเสียจูบแรก จูบที่ต่างจากทุกครั้ง จูบที่มีความหมายมากกว่าทุกคราว จูบที่ถ่ายโอนทุกความรู้สึกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงความหมายของคำว่า …รัก
รสจูบอ่อนโยนที่ชักพาให้หัวใจสองดวงเต้นสั่นไปในจังหวะเดียวกัน รสจูบอ่อนละมุนที่เป็นดั่งกุญแจไขประตูหัวใจของคนทั้งคู่เชื่อมโยงเข้าหากัน และเหมือนดั่งรสจูบที่แฝงไปด้วยคำมั่นสัญญา… ต่อจากนี้ไปพวกเขาทั้งคู่จะไม่มีวันแยกจากกัน จากนี้ไป… จนชั่วนิรันดร์
และหากนี่เป็นวิธีการง้อของดยุคหนุ่ม ลู่หานก็บอกได้เลยว่าไม่เหลือพื้นที่ความโกรธอีกแล้ว…
“รีบๆจีบให้ติดนะ คุณเนื้อคู่ ♡ ”
( "ผมขอจีบคุณได้ไหมครับ คุณเนื้อคู่" - Said by Duke Sehun ♥ )
แชพเตอร์ที่ยี่สิบเอ็ด 100% #ฟองดูฮุนฮาน
Fonduehunhan
24 sep 2014
ตีหนึ่งครึ่ง... กรีํด ง่วงมากข่า
ตอนแรกว่าจะอัพพรุ่งนี้แต่แบบเออไหนๆก็เสร็จแล่ว อัพเลยละกัน
หวังว่าทุกคนจะชอบกับตอนนี้นะคะ
เพราะเราแก้ประมาณสามสี่รอบกว่าจะลงตัว
ช่วงนี้เราก็หายๆผลุบๆโผล่ๆ อัพฟิคช้าก็อยากให้เข้าใจว่างานเยอะ
ตอนหน้าครึ่งแรกเป็นคริสเลย์ครึ่งหลังเป็นฮุนฮาน
ตอนต่อไปจะมาอัพช้านะคะ เพราะแต่งค่อนข้างยาก
ต้องเข้าถึงอารมณ์ตัวละครนิดนึง
ฉากดราม่าคริสเลย์ค่อนข้างหนัก(ในความคิดเรา) แต่ฮุนฮานจะหวานค่ะ น่ารักๆ ของแกนั่นแหละ
พอตอน23จะเป็นตอนที่เชื่อมตอนเข้าสู่ดราม่าครั้งใหญ่ละ
เตรียมตัวรอรับให้ดี คริ มาม่ากำลังมาเสิร์พอีกรอบ (ตอน24เป็นต้นไป)
สุดท้าย ขอบคุณทุกกำลังใจเลยน่า ขอบคุณมากๆค่ะที่ทำให้เรารู้สึกว่าเห้ย ยังมีคนอ่านอยู่ต้องรีบมาแต่งต่อ
5555555555555555555 ขอบคุณจริงๆนะคะ
ส่วนเรื่องรวมเล่มมีคนถามเข้ามาเรื่อยๆ ก็บอกตอนนี้เลยละกันว่าขอเวลาอีกสักพัก
เพราะตอนนี้งานเยอะ กว่าจะได้พิมพ์ฟิคแต่ละตอนก็หาเวลาย๊ากยาก
แต่คาดว่าน่าจะปลายเดือนหน้า น่าจะนะ
ส่วนเรื่องราคาหรือกี่หน้ารายละเอียดยังไงยังไม่รู้เลย T_T
ถ้ารู้แล้วจะรีบมาแจ้งโน๊ะ รักคนอ่านทุกคนจ้า จุ้บๆ <3
20 sep 2014
ความจริงตอนนี้ต้องยาวมากๆ แต่เราตัดออกไปหมดเลยเพราะมันยาวเกินไป เกือบยี่สิบหน้าแหนะ
ตัดออกไปเหลือสิบสามหน้าพอ 55555555555555555555555555555
แอบเสียดายเหมือนกันนะเพราะอยากให้อยู่ในตอนเดียวกัน ปรากฎว่าการง้องอนของดยุคและดัชเชสเลยขยายออกไปอีกเลย
พอพิมพ์แล้วมันก็เพลินมือ อ้าวยาวซะงั้น แฮ่ๆ
ตอนที่เหลือจะเป็นตอนที่ดยุคเซฮุนเขาง้อดัชเชสของเขาแหละ ฮิฮิ
ขอบอกว่าน่ารักมากๆเลย ถ้าโดนเองคงเขินน่าดู
ส่วนเรื่องคริสเลย์เดี๋ยวมีมาต่อแน่ๆค่ะ ไม่ต้องห่วง
คริสร้ายได้มากกว่าที่ทุกคนคิดค่ะ อย่าไว้ใจคริสง่ายๆนะคะ
ช่วงนี้อาจมาอัพช้านะคะ บอกเหมือนเดิมว่างานยังเยอะมากๆเหมือนเดิม
แล้วเมื่ออาทิตย์ที่แล้วป่วยด้วย นอนซมบนเตียง ว่าจะอัพตั้งนานก็ไม่ได้อัพสักทีแงๆ
แต่ตอนนี้แข็งแรงดีแล้วจ้า
ปล.เพิ่งเปลี่ยนเพลงหน้าฟิคใหม่ เอาหวานๆน่ารักๆให้เข้ากับเหตุการณ์ฟิค น่ารักมากๆเลย เพลงโปรด ><
สุดท้ายขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้นะคะ ขอบคุณจริงๆ
รักคนอ่านเสมอนะ จุ้บๆๆๆๆๆ <3
ความคิดเห็น