เมื่อหนังสือเรียนพูดได้ [Speak Book] - เมื่อหนังสือเรียนพูดได้ [Speak Book] นิยาย เมื่อหนังสือเรียนพูดได้ [Speak Book] : Dek-D.com - Writer

    เมื่อหนังสือเรียนพูดได้ [Speak Book]

    วันที่คุณได้ครอบครองฉัน ซึ่งฉันก็หวังว่าจะสามารถส่งผ่านความรู้สึกฉันให้คุณได้รับรู้ได้

    ผู้เข้าชมรวม

    307

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    307

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    2
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 พ.ค. 55 / 23:17 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

     
    วันที่คุณได้ครอบครองฉัน ซึ่งฉันก็หวังว่าจะสามารถส่งผ่านความรู้สึกฉันให้คุณได้รับรู้ได้

    หัวใจของฉันกำลังเต้น เต้น เต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       คุณยังจำได้ไหม วันที่ผมเจอกับคุณครั้งแรก ผมยังคงจำมันได้เสมอไม่เคยลืม  วันนั้นคุณยังเป็นเด็กตัวน้อย ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู ส่วนผมก็เป็นหนังสือเรียนฟิสิกส์ใหม่เอี่ยมที่เพิ่งพิมพ์เสร็จจากโรงงาน ผมยังจำสายตาคุณที่มองมาที่ผมครั้งแรกได้เลย สายตาที่ฉายแววความท้อออกมาทันทีที่เห็นผม เวลานั้น ผมอยากจะตะโกนออกไปเสียเหลือเกินว่า

      ฟิสิกส์มันไม่ได้ยากขนาดนั้นหรอก!!’

                      “เอาว่ะ เพื่อคณะวิศวกรรมที่ใฝ่ฝัน เรามาพยายามด้วยกันนะ” เสียงคุณดังแผ่วเบาออกมา ฉับพลันแววตาที่ท้อถอยก็แปรเปลี่ยนเป็นแววตาที่ฉายแววแห่งความมุ่งมั่น จนผมอดที่จะรู้สึกขำไม่ได้

                      เอาสิ ถ้านายคิดว่าจะสามารถทนเรียนวิชานี้ได้ ฉันก็จะช่วยนายผมคิดในใจ ก่อนจะรู้สึกว่าตัวเอง ได้รับหน้าที่อันยิ่งใหญ่เข้ามาแล้วสิ

        

       

                      บ้านหลังเล็กๆที่ทำด้วยไม้ บางครั้งเวลามีคนเดินก็มักจะได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าด ซึ่งผมไม่ชอบเสียงมันเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะ มันดูน่ารำคาญใจอย่างไรชอบกล

      คุณนำผมไปวางไว้บนโต๊ะสีขาวริมหน้าต่าง ซึ่งผมเดาว่ามันคือโต๊ะที่คุณเอาไว้ทำงาน เพราะ มันเต็มไปด้วยกระดาษมากมาย  และในตอนเย็นวันนั้น ผมก็ได้ถูกหยิบขึ้นมาอ่านเป็นครั้งแรก....

      “เฮ้อ!” เสียงถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า ของคุณทันทีที่อ่านผม มันดังซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนผมอดคิดไม่ได้ว่าคุณจะสามารถเป็นวิศวกรได้ตามที่ใฝ่ฝันหรือ ในเมื่อบทแรกที่คุณเปิดอ่านคุณก็ยังไม่เข้าใจอะไรเลย แล้วนับประสาอะไรกับเนื้อหาในตัวผมที่เหลือซึ่งมันก็ยากขึ้นเรื่อยๆ หลายครั้งที่ผมเห็นคุณทำท่าจะล้มเลิก แต่คุณก็ยังไม่ล้มเลิกเสียที ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกขัดใจมาก แต่ก็ทำไงได้ ผมมันก็แค่หนังสือมีหน้าที่ให้คุณอ่านๆ แล้วเอาไปสอบ ก็แค่นั้น....

      “ถึงจะยากฉันก็จะไม่ท้อ ฉันจะต้องเป็นวิศวะให้ได้!!

      ไม่พูดเปล่า คุณยังจัดการวาดรูปเด็กผู้ชายแต่งตัวภูมิฐาน พร้อมตัวอักษรตัวใหญ่ที่เรียงตัวกันอ่านว่า

      วิศวกรในหน้าสุดท้ายของผม ก่อนจะหัวเราะอยู่คนเดียว ท่ามกลางพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน และ รัตติกาลที่กำลังจะคืบคลานเข้ามาแทนที่

       

      ในที่สุด วันเปิดเทอมก็มาถึง วันนั้นผมถูกจับใส่ผ้าสีดำอันเล็กที่ดูอุดอู้ ไม่สามารถเห็นอะไรภายนอกได้เลย และ ผมก็ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ รู้แต่ว่ากว่าผมจะถูกนำออกมาสู่โลกภายนอกก็ใช้เวลานานโขอยู่เหมือนกัน และทันทีที่ผมถูกนำออกมา ผมก็พบว่า รอบกายผมเต็มไปด้วยพวกเพื่อนๆหนังสือที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับผม แตกต่างกันเพียงแค่ บางเล่มดูใหม่จนราวกับเพิ่งตีพิมพ์เสร็จ ส่วนบางเล่มก็ดูเก่าเสียจนจะขาดแหล่มิขาดแหล่ แถมบางเล่มก็เต็มไปด้วยสีมากมายจนดูรก ทุกเล่มต่างส่งเสียงคุยกันดังอึกทึกคึกโครม แต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับการสนใจจากบรรดาเจ้าของ

      “นี้ เจ้านายฉันนะดูเก่ง และ ก็ขยันมาก รู้ไหมพวกเธอ ทันทีที่เขาได้ฉันมานะ เขารีบเปิดอ่านและก็มาร์คตรงที่สำคัญเอาไว้มากมายเลยล่ะ ดูสิ รอยยังอยู่เลย” เสียงของหนังสือเล่มนึงดังขึ้น พร้อมกับพลิกหน้าโชว์รอยสีแดงตามตัว ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากบรรดาหนังสือในห้องอยู่มากเลยทีเดียว

      “ของเธอแค่มาร์คไม่ได้หมายความว่าจะอ่านสักหน่อย ต้องดูอย่างเจ้านายฉันสิ นอกจากจะอ่านยังไม่พอ เขายังทำแบบฝึกหัดของฉันจนหมดเกือบทั้งเล่มด้วยล่ะ นี้ๆ ไม่เชื่อก็มาดูรอยดินสอสิ” หนังสืออีกเล่มพูดขึ้นบ้างอย่างไม่ยอมแพ้ ซึ่งผมก็ทำได้แค่ฟังพวกเธอโอ้อวด เพราะ ไม่รู้จะไปอวดอะไร ในขณะที่เจ้านายของหนังสือเล่มอื่นๆดูฉลาดและ มีความรู้พื้นฐานมาอย่างดี แต่ในขณะเดียวกัน เจ้านายผมกลับไม่เข้าใจเนื้อหาอะไรเลย!!

      เวลาผ่านไปจนวันสอบกลางภาคมาถึง ผมจำได้ว่าก่อนวันที่จะสอบนั้น คุณอ่านผมอย่างใจจดใจจ่อ แต่ก็ไม่วายบ่นว่าไม่เข้าใจกับเนื้อหา แล้วก็นั่งอ่านจนหามรุ่งหามค่ำ และวันสอบก็ไปโรงเรียนด้วยสภาพง่วงนอน

      ก่อนสอบ10นาที ผมถูกนำมาอ่านอีกรอบ และทันใดนั้น เสียงของใครคนนึงก็ดังขึ้น ก่อนจะหยิบผมซึ่งถูกอ่านอยู่เขวี้ยงไปด้านข้าง  อย่างรุนแรง

      “ฉันอ่านหนังสืออยู่นะ” เสียงของเจ้านายดังขึ้น แสดงความไม่พอใจ

      “โง่อย่างนาย อ่านเข้าใจด้วยหรือ” เสียงเย้ยยันของอีกฝ่ายดังขึ้น ซึ่งมันทำให้ผมเริ่มโมโหขึ้นมา ถ้าหากแม้ผมมีแขน มีขา ผมจะวิ่งเข้าไปต่อยหน้ามันให้ล้มคว่ำเลยทีเดียว

      “ไม่ลองก็ไม่รู้”

      “หึ! งั้นมาลองดู ว่าใครจะได้คะแนนเยอะมากกว่ากัน”

       

      วันประกาศผล

      “เอาล่ะ วันนี้ครูจะประกาศคะแนนที่สอบกันไปเมื่อวาน และ ครูจะขอประกาศของคนที่ได้คะแนนมากที่สุด และ น้อยที่สุดของห้องก่อนแล้วกันนะ ” ทันทีที่อาจารย์กล่าวจบ เสียงฮือฮาของนักเรียนก็ดังขึ้น บ้างก็บ่นถึงข้อสอบว่าทำไม่ได้ บ้างก็ปลอบใจตัวเองหากคะแนนออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ แต่คุณกลับทำเพียงแค่นั่งนิ่งแล้วหลับตา ราวกับเตรียมตัวเตรียมใจกับผลคะแนนของตนเอง

      “ครูจะขอประกาศคะแนนของนักเรียนที่มากที่สุดก่อนนะ ซึ่งได้คะแนนทั้งหมด48คะแนนจาก50 และ คนที่ได้ก็คือ..”

       

      เจ้านาย เจ้านาย

       

                      ผมภาวนาในใจขอให้ชื่อที่เอ่ยมา คือชื่อของเจ้านาย ช่วงเวลานี้ คือช่วงเวลาที่ผมตื่นเต้นเป็นที่สุด

      “นายพงศกร ครูขอแสดงความยินดีด้วย เธอได้คะแนนอันดับ1ของห้องจ้ะ”

                      เสียงปรบมือดังสนั่นลั่นห้องตามด้วยเสียงชื่นชมจากบรรดาเด็กนักเรียน ยกเว้นเจ้านายของผม เพราะ คนที่ได้คะแนนสูงสุดก็คือ..

       

      ไอ้คนที่มันเขวี้ยงผมลงพื้น และ เยาะเย้ยเจ้านายของผมคนนั้นนั้นเอง!!

       

                      “ส่วนคนที่ได้คะแนนน้อยที่สุดครูก็ขอให้เธอพยายามให้มากขึ้น และ อยากให้ดูนายพงศกรเป็นแบบอย่าง นะ นายพรชนะ” ทันทีที่อาจารย์พูดจบ ดั่งมีสายฟ้าฟาดลงมากลางห้องเรียน เพราะ ชื่อของคนที่น้อยที่สุด ก็คือ..

       

      ชื่อของเจ้านายผม!!!

       

                      “โห อาจารย์ไอ้พรน่ะมันโง่จะตาย ต่อให้มันเอาหนังสือฟิสิกส์ไปต้มแล้วดื่มมันก็ไม่ฉลาดขึ้นมาหรอกครับ

      ฮะฮะ” เสียงเยาะเย้ยดังขึ้นมาพร้อมเสียงหัวเราะของคนทั้งห้อง ที่ดูเรื่องคะแนนของคุณเป็นเรื่องขบขัน โดยหารู้ไม่ว่า คนที่โดนหัวเราะนั้นจะเสียใจเพียงใด หยาดน้ำใสหยดลงบนปกของผมทีละเม็ดสองเม็ด และเจ้าของมันจะเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกจากเจ้านายของผม และเวลานี้ ผมอยากจะตะโกนออกไปให้ทุกคนหยุดหัวเราะ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้

       

      อย่าเศร้าเลย ครั้งนี้ไม่ได้ครั้งหน้าก็ยังมีหวังนะ

       

      เสียงปลอบใจของผมดังก้องกังวานรอบตัว แต่กลับไม่สามารถส่งผ่านไปถึงคุณได้ หยาดน้ำตายังคงหยดลงมาบนปกของผมเรื่อยๆก่อนจะถูกสายลมพัดพาให้แห้งไป

                     

      เสียงอ๊อดเวลาเลิกเรียนดังขึ้น เจ้านายเก็บผมใส่ไอ้ผ้าสีดำอุดอู้นั้นอีกครั้ง ก่อนจะเดินทางกลับบ้าน และ เมื่อถึงบ้านแล้ว ผมก็ถูกนำมาวางประจำที่เดิม

      “ฉันไม่ไหวแล้วล่ะ...”

      เสียงท้อใจดังแผ่วเบาออกมาจากตัวคุณ เวลานี้ คุณไม่เหมือนคุณที่ผมเคยรู้จัก แววตาแห่งความมุ่งมั่นนั้นได้มลายหายไปจนหมดสิ้น เหลือไว้แต่เพียงความเศร้าหมอง และ ความท้อถอย

       

      อย่าเพิ่งยอมแพ้สิ ถ้าแค่นี้นายถอยแล้ว นายจะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไรกันเล่า!!!

       

      ในเวลานี้ผมอยากจะส่งเสียงเป็นกำลังใจให้คุณ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ ฉับพลันก็มีบางสิ่งบางอย่างสะกิดขึ้นมาในความทรงจำ ไม่รอช้าผมรีบพลิกหน้าหนังสือตัวเอง ไปยังหน้าสุดท้าย ที่คุณเคยวาดรูปความฝันของตัวเองไว้

       

                  คุณจะยอมปล่อยให้ความฝันคุณเป็นเพียงภาพมายาเท่านั้นหรือ??

       

      “จริงด้วยสินะ..” ทันทีที่ผมพลิกไปถึงหน้าสุดท้าย คุณก็จัดการหยิบผมขึ้นมาก่อนจะจ้องอย่างพินิจพิเคราะห์ แววตาที่เคยท้อเมื่อครู่ก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นแววตาที่ผมเฝ้ารอ ใช่ แววตาแห่งความมุ่งมั่น!!!

      “ฉันจะยังท้อตอนนี้ไม่ได้ เพราะ ฉันยังมีความหวัง และ ความฝันที่ต้องทำให้สำเร็จ” เสียงแห่งความมุ่งมั่นดังออกมาแปรเปลี่ยนบรรยากาศโดยรอบที่มีแต่ความเศร้าหมอง และ ท้อถอยให้หายไป  ทิ้งไว้แต่บทเรียนสอนใจไว้ให้เราเป็นแบบแผนในวันข้างหน้า

      “ถึงเวลาที่เราจะต้องทำให้เป้าหมายให้เป็นจริงแล้ว!!

       

      หลังจากวันนั้นคุณก็พยายามมากขึ้นเพื่อทำเป้าหมายให้เป็นจริง ตลอดระยะเวลาการศึกษาคุณพากเพียรในการเรียนอย่างมาก ไม่เหนื่อยที่จะทำงาน ไม่หน่ายที่จะฟังครูสอน และ ไม่ท้อที่จะฝึกฝน จนในที่สุดคุณก็สามารถ คว้าที่1ของชั้นเรียนมาจนได้ แต่นั้นมันก็ไม่ได้ทำให้คุณประมาทแต่อย่างใดเลย คุณกลับยิ่งขยันมากขึ้นกว่าเดิมเป็น2 เท่าตัว และแล้วเวลาก็ล่วงเลยผ่านไป คุณสามารถสอบติดคณะวิศวกรรมได้ตามที่หวัง แล้ว จบออกมาเป็นวิศวกร และ เมื่อคุณได้งานทำแล้ว เวลาของคุณก็เริ่มหายลงไปเรื่อยๆ จนสุดท้าย คุณ ก็ไม่เคยหยิบผมขึ้นมาอ่านอีกเลย...          

      สิ้นสุดฤดูหนาว สายลมหน้าร้อนเริ่มพัดเข้ามา คุณในวันนี้ แตกต่างกับเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง หนังศีรษะที่เคยดกดำกลับขาวโพลน รอยย่นก่อตัวขึ้นเต็มใบหน้า และ เรี่ยวแรงที่เคยมีก็เริ่มโรยรา ส่วนตัวผมเองก็เริ่มเปลี่ยนไป จากหน้ากระดาษสีขาวก็กลับกลายเป็นสีเหลือง ผิวหนังเริ่มกรอบลง จะขาดแหล่มิขาดแหล่ แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังคงวางอยู่บนโต๊ะสีขาวตัวเดิม

      “ดูเก่าลงไปเยอะเลยนะ”

      เสียงแหบพร่าของคุณดังขึ้น ก่อนที่จะหยิบผมขึ้นมาและเพ่งพินิจพิจารณาอย่างละเอียด

       

      คุณเองก็แก่ลงไปเยอะเหมือนกัน

       

      คุณพาร่างตัวเองและผมไปยังเก้าอี้โยกไม้ตัวเล็กๆตรงระเบียง ก่อนจะนั่งมันลงแล้วทอดสายตาไปยังเบื้องหน้า ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า

      “เมื่อก่อนฉันไม่ค่อยชอบวิชาฟิสิกส์เท่าไหร่หรอกนะ ยากก็ยาก ปวดหัวก็ปวด แต่ฉันก็ต้องทนเรียนไป เพราะฉันอยากเป็นวิศวะ แต่พอเรียนไปฉันก็เริ่มรู้สึกว่ามันยากขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกท้อตั้งหลายครั้ง แต่เพราะความฝันที่จะเป็นวิศวะให้ได้ ฉันจึงพยายาม จนในที่สุด ฉันก็ทำได้”

      คุณพูดพร้อมกับพลิกอ่านในสิ่งที่คุณเคยเลคเชอร์เอาไว้ในอดีต

       

      นานแล้วสินะ.....ที่คุณไม่ได้อ่านผมแบบนี้

       

      คุณพลิกอ่านผมมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาถึงหน้าสุดท้าย ที่คุณเคยวาดรูป และ เขียนความฝันตัวเองเอาไว้มือเหี่ยวย่นลูบไล้ไปที่รูป และ ตัวอักษรนั้นอย่างทะนุถนอม  

       “รู้อะไรไหม ว่าสำหรับฉันแล้ว แกเองก็นับว่าเป็นเพื่อนที่ดีคนนึงเหมือนกัน มันอาจจะดูไร้สาระนะ ที่คนๆนึงเอาหนังสือมาเป็นเพื่อน แต่สำหรับฉัน หนังสือทุกเล่มไม่ว่าจะเป็นแนวไหน มันก็ช่วยทำให้ฉันมีความสุข ช่วยทำให้ฉันยิ้ม และ...ช่วยทำให้ฉัน...เป็นฉันในวันนี้ ขอบคุณนะ..เพื่อนที่แสนดีของฉัน”

      แต่สำหรับผมแล้ว คุณไม่ใช่แค่เพื่อนหรอกนะ คุณมีคนผ่านเข้ามาในชีวิตมากมาย คุณมีครอบครัว มีคนสำคัญที่ต้องดูแล แต่สำหรับผม ตั้งแต่ผมเกิดมาผมก็ถูกจับใส่ถุงแล้วส่งมาให้คุณ ดังนั้น ผมจึงไม่มีใครเลย นอกจากคุณคนเดียว  ขอบคุณที่ดูแลผมอย่างดี ขอบคุณที่คุยกับผม ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆ..

      และถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะอ้อนวอนพระเจ้าให้ประทานพร1ข้อ คือขอให้ผมส่งผ่านคำพูดที่กลั่นกรองออกมาจากหัวใจ ให้คุณได้รับรู้ว่า...

      ผมรักคุณ...เจ้านายที่รักของผม

       

      ตุ๊กตาน้ำหมึก

         

       

      CRY.q

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×