ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Legendary Encyclopedia สารานุกรมสัตว์ในตำนาน

    ลำดับตอนที่ #70 : ครุฑ(Garuda)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.63K
      1
      28 ต.ค. 52




    (หรือ การูด้าในภาษาอื่นๆ) เป็นพญานกที่ควบคุมเหล่าสัตว์ปีกและอาณาเขตบนท้องฟ้า มาจากตำนานอินเดียเก่าแก่ที่แผ่อิทธิพลไปยังประเทศอื่นๆในแถบเอเชีย อย่างกว้างขวาง
    ครุฑนั้นจะมีลักษณะเป็นพญานกขนาดใหญ่ จงอยปากแบบนกอินทรีย์ ตาโตกลมใหญ่ มีปีกที่กว้างและใหญ่มาก ส่วนของศีรษะและลำตัวด้านล่างเป็นนก มีลำตัวส่วนบนถึงกลางลำตัวเป็นแบบมนุษย์ที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ(ชายฉกรรจ์)
    พละกำลังอำนาจก็มีมาก แรงของปีกไม่ต้องพูดถึง จะงอยปากแข็งแรงขนาดหิ้วพญาช้างสารได้เป็นตัวๆ ฉลาดและมีปัญญาสูงส่ง แต่อุปนิสัยค่อนไปทางใจร้อน ดุดัน ฉุนเฉียว รักและหยิ่งใยศักดิ์ศรีของตน
    ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู ครุฑนั้นเป็นพาหนะประจำตัวของพระวิษณุ เนื่องมาจากเหตุบาดหมางกับพญานาคราช(ศัตรูคู่แค้นกันทีเดียว)
    บางตำนานของฮินดูกล่าวว่า เป็นสัญลักษณ์แทนแสง(รัศมี)ของพระอาทิตย์ บ้างว่าเป็นสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่ของเทพแห่งไฟเพระว่าตอนที่ครุฑกำเนิดออก มา ตัวจะสว่างจ้าและเปล่งแสงสะท้อนเหมือนลูกไฟหรือด้วงอาทิตย์




    เป็นสัตว์กึ่งเทพ ในตำนานปรัมปราของอินเดีย ปรากฏในวรรณคดีสำคัญหลายเรื่อง
    เช่น มหากาพย์มหาภารตะ เล่าว่า ครุฑเป็นพี่น้องกับพญานาค และทะเลาะเป็นศัตรูกัน
    นอกจากนี้ยังมีคัมภีร์ปุราณะ ที่ชื่อว่า ครุฑปุราณะ เป็นเรื่องเล่าของพญาครุฑ

    ตามคติไทยโบราณ เชื่อว่าครุฑเป็นพญาแห่งนกที่เป็นพาหนะของพระนารายณ์ เชื่อว่าปกติอยู่ที่วิมานฉิมพลี
    มีรูปเป็นครึ่งคนครึ่งนกอินทรี ที่ได้รับพรให้เป็นอมตะ ไม่มีอาวุธใดทำลายลงได้ แม้กระทั่งสายฟ้าของพระอินทร์
    ก็ได้แต่เพียงทำให้ขนของครุฑหลุดร่วงลงมาเพียงเส้นหน ึ่งเท่านั้น
    ด้วยเหตุนี้ครุฑจึงมีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า "สุบรรณ" ซึ่งหมายถึง "ขนวิเศษ"

    ครุฑเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ มีอานุภาพและพละกำลังมหาศาล แข็งแรง สามารถบินได้รวดเร็ว
    ทั้งยังมีสติปัญญาเฉียบแหลม เฉลียวฉลาด อ่อนน้อม ถ่อมตน และมีสัมมาคารวะ น่าสรรเสริญ

    ครุฑพอจะแบ่งได้ 5 ประเภทคือ

    1. ตัวเป็นคนอย่างธรรมดาทั่ว ๆ ไป แต่มีปีก
    2. ตัวเป็นคน หัวเป็นนก
    3. ตัวเป็นคน หัวและขาเป็นนก
    4. ตัวเป็นนก หัวเป็นคน
    5. รูปร่างเหมือนนกทั้งตัว


    ตำนาน
    ครุฑยุดนาค ภาพเขียนประดับบานประตูพระอุโบสถ วัดสุทัศนเทพวราราม
    ภาพแกะสลักพระนารายณ์ทรงครุฑ ที่ปราสาทนครวัด

    ตำนานของครุฑในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เล่าว่าพญาครุฑเป็นบุตรของพระกัศยปมุนีเทพบิดร
    และนางวินตา พระกัศยปมุนีองค์นี้เป็นฤษีที่มีฤทธิ์เดชมากองค์หนึ่ ง
    และเป็นผู้ให้กำเนิดเทพอีกหลายองค์ในศาสนาพราหมณ์ พระองค์มีชายาหลายองค์
    แต่องค์ที่เกี่ยวข้องกับตำนานพญาครุฑนั้น นอกจากนางวินตาแล้ว ยังมีอีกองค์หนึ่งคือ นางกัทรุ
    ซึ่งเป็นพี่น้องกับนางวินตาและเป็นมารดาของนาคทั้งปว ง

    ทั้งสองนางได้ขอพรให้กำเนิดบุตรจากพระกัศยป โดยนางกัทรุได้ขอพรว่าข้าพเจ้าขอมีบุตรเป็นนาค ๑๐๐๐ ตัว
    มีฤทธิ์ร้ายแรง และแปลงได้ได้สารพัด ดังใจนึก ซึ่งต่อมาก็ได้ให้กำเนิดนาคหนึ่ง พันตัว อาศัยอยู่ในแดนบาดาล
    ส่วนนางวินตา ข้าพเจ้าของมีบุตรเพียง ๒ แต่ขอให้มีเดชล้นฟ้า หาผู้ใดเสมอมิได้ จงมีชัยชนะเหนือนาคทั้งหลาย ทุกเมื่อ...
    เมื่อนางคลอดบุตรปรากฏว่าออกมาเป็นไข่สองฟอง นางทนรอไม่ไหวว่าบุตรของตนจะมีหน้าตาอย่างไร
    จึงทุบไข่ออกมาฟองหนึ่ง ปรากฏว่าเป็นเทพบุตรที่มีกายแค่ครึ่งท่อนบนชื่อ อรุณ
    อรุณเทพบุตรโกรธมารดาของตนที่ทำให้ตนออกจากใข่ก่อนกำ หนด จึงสาปให้มารดาของตนเป็นทาสนางกัทรุ
    และให้บุตรคนที่สองของนางเป็นผู้ช่วยนางให้พ้นจากควา มเป็นทาส จากนั้นจึงขึ้นไปเป็นสารถีให้กับพระอาทิตย์หรือ สุริยเทพ
    นางวินตาจึงไม่กล้าทุบไข่ฟองที่สองออกมาดู คงรอให้ถึงกำหนดที่บุตรคนที่สองซึ่งก็คือพญาครุฑออกม าจากไข่เอง
    อนึ่ง เมื่อพญาครุฑแรกเกิดว่ากันว่า มีร่างกายขยายตัวออกใหญ่โตจนจรดฟ้า ดวงตาเมื่อกระพริบเหมือนฟ้าแลบ
    เวลาขยับปีกทีใด ขุนเขาก็จะตกใจหนีหายไปพร้อมพระพาย รัศมีที่พวยพุ่งออกจากกายมีลักษณะดั่งไฟไหม้ทั่วสี่ท ิศ

    ในกาลต่อมา นางกัทรุและนางวินตาได้พนันกันถึงสีของม้าอุไฉศรพที่ เกิดคราวกวนเกษียรสมุทรและเป็นสมบัติของพระอินทร์
    โดยพนันว่าใครแพ้ต้องเป็นทาสอีกฝ่ายห้าร้อยปี นางวินตาทายว่าม้าสีขาวส่วนนางกัทรุทายว่าสีดำ
    ซึ่งความจริงม้าเป็นสีขาวดังที่นางวินตาทาย แต่นางกัทรุใช้อุบายให้นาคลูกของตนแปลงเป็นขนสีดำไปแ ซมอยู่เต็มตัวม้า
    (บางตำนานว่าให้นาคพ่นพิษใส่ม้าจนเป็นสีดำ)
    นางวินตาไม่ทราบในอุบายเลยยอมแพ้ ต้องเป็นทาสของนางกัทรุถึงห้าร้อยปี

    ภายหลังเมื่อครุฑได้ทราบสาเหตุที่มารดาต้องตกเป็นทาส และได้ทราบเงื่อนไข จากพวกนาคว่า
    ต้องไปเอาน้ำอมฤตให้นาคเสียก่อนจึงจะให้นางวินตาเป็น ไท ครุฑจึงบินไปสวรรค์ไปเอาน้ำอมฤตซึ่งอยู่กับพระจันทร์
    แล้วคว้าพระจันทร์มาซ่อนไว้ใต้ปีก แต่ถูกพระอินทร์และ ทวยเทพติดตามมา และเกิดต่อสู้กันขึ้น
    ฝ่ายเทวดานั้นไม่อาจเอาชนะได้ โดยเมื่อพระอินทร์ใช้วัชระโจมตีครุฑนั้น ครุฑไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
    แต่ครุฑก็จำได้ว่าวัชระเป็นอาวุธที่พระอิศวรประทาน ให้แก่พระอินทร์ จึงสลัดขนของตนให้หล่นลงไปเส้นหนึ่ง
    เพื่อแสดงความเคารพต่อวัชระและรักษา เกียรติของพระอินทร์ผู้ป็นหัวหน้าของเหล่าเทพ
    ด้านพระวิษณุหรือ พระนารายณ์ก็ได้ออกมาขวางครุฑไว้และสู้รบพญาครุฑด้วย เช่นกัน
    แต่ต่างฝ่ายต่างไม่อาจเอาชนะกันได้ ทั้งสองจึงทำความตกลงยุติศึกต่อกัน โดยพระวิษณุให้พรแก่ครุฑว่าจะให้ครุฑเป็นอมตะ
    และให้อยู่ตำแหน่งสูงกว่า พระองค์ ส่วนครุฑก็ถวายสัญญาว่าจะเป็นพาหนะของพระวิษณุ
    และเป็นธงครุฑพ่าห์สำหรับปักอยู่บนรถศึกของพระวิษณุอ ันเป็นที่สูงกว่า

    เมื่อครุฑได้หม้อน้ำอมฤตนั้น พระอินทร์ได้ตามมาขอคืน ครุฑก็บอกว่าตนต้องรักษาสัตย์ที่จะนำไปให้นาค
    เพื่อไถ ่มารดาให้พ้นจากการเป็น ทาส และให้พระอินทร์ตามไปเอาคืนเอง ครุฑจึงเอาน้ำอมฤตไปให้นาคโดยวางไว้บนหญ้าคา
    (และว่าได้ทำน้ำอมฤตหยดบนหญ้าคา 2-3 หยด ด้วยเหตุนี้ หญ้าคาจึงถือเป็นสิ่งมงคลในทางศาสนาพราหมณ์)
    ส่วนนาคเมื่อเห็นน้ำอมฤตก็ยินดี จึงยอมปล่อยนางวินตาแม่ครุฑให้เป็นอิสระ
    ขณะพากันไปสรงน้ำชำระกายเพื่อจะมากินน้ำอมฤตนั่นเอง พระอินทร์ก็นำหม้อน้ำอมฤตกลับไป
    ทำให้นาคไม่ได้กิน พวกนาคจึงเลียที่ใบหญ้าคาด้วยเชื่อว่าอาจมีหยดน้ำอมฤ ตหลงเหลืออยู่
    ทำให้ใบหญ้าคาบาดกลางลิ้นเป็นทางยาว (เรื่องนี้กลายเป็นที่มาว่าทำไมงูจึงมีลิ้นเป็นสองแฉ กสืบมาจนทุกวันนี้)
    แต่นั้นครุฑกับนาคจึงเป็นศัตรูกันมาโดยตลอด และครุฑนั้นก็จะจับนาคกินเป็นอาหารเสมอ

    ครุฑมีชายาชื่ออุนนติหรือวินายกา โอรสชื่อ สัมปาติหรือสัมพาที และชฎายุ ตามวรรณคดีพุทธศาสนากล่าวว่า
    ครุฑมีขนาดใหญ่มาก วัดจากปีกข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่งได้ 150 โยชน์ เวลากระพือปีกสามารถทำให้เกิดพายุใหญ่
    เกิดมืดมนและทำลายบ้านเมืองให้หมดสิ้นไปได้ ที่อยู่ของครุฑเรียกว่า
    สุบรรณพิภพเป็นวิมานอยู่บนต้นสิมพลีหรือต้นงิ้ว อยู่เชิงเขาพระสุเมรุ

    ครุฑในทางพุทธศาสนา

    ครุฑในทางพุทธศาสนาจัดเป็นเทวดาชั้นล่างประเภทหนึ่งภ ายใต้การปกครองของท้าววิรุฬหก
    ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้านทิศใต้ เหตุที่มาเกิดเป็นครุฑเพราะทำบุญเจือด้วยโมหะ

    ครุฑมีกำเนิดทั้ง 4 แบบ คือ โอปปาติกะ (เกิดแบบผุดขึ้น) ชลาพุชะ (เกิดในเถ้าไคล) อัณฑชะ (เกิดในไข่)
    และสังเสทชะ (เกิดในครรภ์) มีที่อยู่ตั้งแต่พื้นมนุษย์ ป่าหิมพานต์ ป่าไม้งิ้วรอบเขาพระสุเมรุ จนถึงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา



    ครุฑชั้นสูงจะมีกำเนิดแบบโอปปาติกะ มีขนสีทอง มีเครื่องประดับแบบเทพบุตรเทพธิดา มีชีวิตอยู่เหมือนเทวดา
    แปลงกายได้ และบริโภคอาหารทิพย์เช่นเดียวกันเทวดา แต่ครุฑบางประเภทก็กินผลไม้หรือเนื้อสัตว์
    บางประเภทถ้าผูกเวรกับนาค ก็จะกินนาคเป็นอาหาร หรือถ้าผูกเวรกับสัตว์นรกในยมโลก
    ก็จะสมัครใจไปเป็นนายนิรยบาลลงทัณฑ์สัตว์นรก

    การใช้ครุฑเป็นสัญลักษณ์
    ตราพระครุฑพ่าห์
    ครุฑตราแผ่นดินของอินโดนีเซีย

    ด้วยฤทธานุภาพของพญาครุฑ จึงได้มีการสร้างรูป ครุฑพ่าห์ (หรือ พระครุฑพ่าห์) หมายถึง ครุฑซึ่งเป็นพาหนะ
    เป็นรูปครุฑกางปีก และใช้เป็นสัญลักษณ์สำคัญเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ของ ไทยก็มีมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
    ด้วยว่าไทยเราได้รับลัทธิเทวราชของอินเดียที่ ถือว่าพระมหากษัตริย์คืออวตารของพระนารายณ์
    ดังนั้น ครุฑซึ่งเป็นผู้มีฤทธิ์มากและเป็นพาหนะของพระนารายณ์ จึงเป็นสัญลักษณ์แทนพระมหากษัตริย์
    ดังที่ปรากฏอยู่ในดวงตราหรือพระราชลัญจกรประจำ พระองค์ ประจำแผ่นดิน ประจำราชวงศ์ และประจำรัชกาล เป็นต้น
    ซึ่งจากการที่เราใช้ตราครุฑเป็นพระราชลัญจกรสำหรับปร ะทับหนังสือราชการแผ่นดินที่เป็นพระบรมราชโองการ
    และใช้พระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ประทับ หนังสือราชการแผ่นดินมาแต่โบราณกาล
    ต่อมาจึงได้มีการใช้ ตราครุฑ เป็นหัวกระดาษของหนังสือของราชการทั่วๆไปด้วย
    เพื่อให้ทราบว่างานนั้นเป็นราชการ ส่วนรูปครุฑที่เป็นธงแทนองค์พระมหากษัตริย์นั้นเรียก ว่า ธงมหาราช
    เป็นรูปครุฑสีแดงอยู่บนพื้นธงสีเหลือง เริ่มใช้ในสมัยรัชกาลที่ 4 ธงมหาราชนี้เมื่อเชิญขึ้นเหนือเสา ณ พระราชวังใด
    แสดงว่าพระมหากษัตริย์ประทับอยู่ ณ ที่นั้น สำหรับครุฑที่ปรากฏอยู่ในขบวนเรือหลวงก็มีอยู่ 3 ลำคือเรือครุฑเหินเห็จ
    เป็นหัวโขนรูปพญาครุฑสีแดงยุดนาค เรือครุฑเตร็จไตรจักรเป็นหัวโขนรูปพญาครุฑสีชมพูยุดน าค
    และ เรือนารายณ์ทรงสุบรรณรัชกาลที่ 9 เป็นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ เป็นเรือที่สร้างขึ้นในรัชกาลปัจจุบัน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×