ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Got7]Got 2 Survive {BNior,JackJae,MarkBam}

    ลำดับตอนที่ #25 : ตอนที่ 25 : 25th Bullets

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.67K
      11
      19 ก.ย. 57



    ตอนที่ 25 : 25th Bullets





    จินยองรีบกระโดดลงไปในสระว่ายน้ำที่พื้นเป็นน้ำแข็ง ถึงรองเท้าที่ใส่จะมีดอกยางสามารถเดิน

    เกาะถนนลื่นๆได้ แต่ก็ยังไม่สามารถเดินบนน้ำแข็งที่ลื่นไปด้วยเกร็ดหิมะที่ค่อยๆตกมาปกคลุมได้

    ทำให้จินยองลื่นล้ม






     

    เขาทั้งลื่น และล้ม และลุก อยู่หลายที จนไปถึงร่างแบมแบมที่ อยู่ใต้น้ำแข็งตรงกลางสระ





     

    ถ้านี่เป็นตัวจริง เขาไม่ได้หลอนไปเอง ร่างของแบมแบมอยู่ในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า -4 องศา เลือด

    และเส้นเลือด รวมถึงอวัยวะภายในคงจะแข็งตัว เป็นไอติมไปแล้ว ถ้านึกถึงแง่วิทยาศาสตร์ เคย

    มีเครื่องบินตก แล้วผู้โดยสารรอดชีวิต แล้วมีการเอาผู้ป่วยมาแช่น้ำแข็งผ่าตัดกลางหิมะ แบบนี้

    เพื่อให้เลือดออกน้อยที่สุด ประมาณ 30-60 นาที ผู้ป่วยก็รอดชีวิตไม่มีปัญหา หรือไม่ก็ การ

    จำศีลของสัตว์บางชนิดที่สามารถมีชีวิตอยู่ใต้น้ำแข็งหรือหิมะตลอดฤดูหนาว ด้วยการลดอัตราเม

    ตาบอริซึมของร่างกาย และลดอัตราการเต้นของหัวใจ มันก็น่าจะมีหวังไหม  แต่ดูใต้พื้นน้ำแข็ง

    นั่นไม่น่ามีอากาศให้หายใจ ยังไงก็ต้องเอาร่างแบมแบมขึ้นมาก่อนอย่างเร่งด่วน







    จินยองลองเอาปืน SIG ที่ติดมา ยิงลงไปบนพื้นน้ำแข็ง แต่กระสุน 9 มม. ไม่สามารถเจาะทะลุ

    พื้นน้ำแข็งที่หนานั่นได้ เขาต้องทำอะไรสักอย่าง และต้องเร็วที่สุดด้วย ไม่งั้นชีวิตแบมแบมอาจ

    จะเป็นอันตราย






     

    อยู่ๆ ร่างของจินยองก็ล้มลงก้นจ้ำเบ้า บนพื้นน้ำแข็งอีก แต่คราวนี้เขาไม่ได้เสียหลัก!!





     

    เหมือนมีพลังงานบางอย่าง ลากร่างของเขาไปทั่วสระ ประหนึ่งการเล่นสเก็ทน้ำแข็ง แต่ขอโทษ

    เถอะ ในท่านั่งสองมือพยายามเกาะพื้นลื่นๆไว้แต่ไม่เป็นผล  ร่างจินยองโดนเหวี่ยง ลาก วนไป

    มา อยู่เกือบ 2 นาที จนเนื้อตัวที่ไถลเปียกพื้นและหิมะ แทบจะเหมือน อาบน้ำมา ท่ามกลาง

    อุณหภูมิติดลบ






     

    จินยองพยายามฉายไฟไปรอบๆ สมองก็พยายามหาคำตอบ  เหตุการณ์แบบนี้ จะเป็นไปได้ก็แค่

    ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติเท่านั้นหล่ะ มันน่ากลัว แต่ก็น่าสนใจไม่น้อยสำหรับเขา






     

    "ใครอยู่ที่นี่ ออกมาเถอะนะ ผมไม่ทำร้ายคุณหรอก" (สภาพนายตอนนี้จะทำอะไรใครได้

    หล่ะ..แหม่) จินยองตะโกนออกมาหลายภาษา เท่าที่เขาจะนึกออก






     

    "เปรี๊ยะ!!....." เสียงลานน้ำแข็งลั่น เพราะ มีพลังงานบางอย่างกำลังพุ่งออกมา





     

    "คิก คิก คิก..สวัสดีครับ" ร่างของมาร์ค ปรากฏอยู่ในท่านั่ง บนปลายสปริงบอร์ด 2 เมตรที่ยื่นเข้า

    มาในสระ โดยมีลูกไฟเรืองแสงใกล้ๆให้ความสว่าง  ดูก็รู้ว่านี่มัน... ไม่ใช่มาร์คตัวจริง และไม่น่า

    จะใช่มนุษย์






     

    "สวัสดีครับ ผมจินยอง เป็นพี่ของแบมแบมนะครับ คุณ...ช่วย อยู่ในร่างของคุณเถอะครับ ผมไม่

    ค่อยชอบแบบนี้เท่าไหร่
    " จินยองตอบ  ดูเหมือนเขาจะควมคุมสติและอาการได้จะไม่ตกใจอะไร

     แต่จริงๆแล้ว หัวใจของเขาเต้นรัว เร็ว และแรงมาก






     

    ร่างเรืองแสงของมาร์ค ค่อยๆเปลี่ยนเป็น เด็กผู้ชาย อายุประมาณ 5 ขวบ ใส่ชุดนอนสีขาว แก้ม

    ยุ้ยน่ารัก มีผมสีดำหยักศกยาวนิดๆ เหมือนเทวดาฝรั่ง นั่งตรงนั้นแทน






     

    "ชิโร่ ครับ คุณพี่จินยอง" เด็กน้อย แกว่งขาเล่น ตบมือ และหัวเราะอย่างสนุกสนาน กับท่าทาง

    ของจินยอง






     

    "ชิโรคุง  น้องปล่อยแบมแบมเถอะนะ ขังเขาไว้ใต้น้ำแข็งแบบนี้ทำไม  แบมแบมอาจจะตายได้นะ

    ครับ
    " จินยองพยายามหว่านล้อมผีเด็ก ไม่รู้ว่าเหตุผลและตรรกะทั้งหลายจะใช้ได้ในสถานการณ์

    แบบนี้ไหม แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ลองทำอะไรเลย






     

    "ตุบ!!  พรืดด!!" จินยองล้มหน้าคว่ำ เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมากดศีรษะของเขาจนใบหน้าติด

    พื้นน้ำแข็ง
    ทำให้เขาต้องพยายามฝืนเบี่ยงหน้านิดให้จมูกพอจะหายใจรับอากาศเข้าไปได้






     

    "ฮร่าๆ ๆ คิก คิก ไม่น่ารักเลย ทำไมพวกผู้ใหญ่ชอบออกคำสั่งกับเด็กจัง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก

    ครับ พี่แบมแบมเขาจะไม่ไปไหนทั้งนั้น และเขาก็ไม่ได้ทรมานอะไรเลยนี่ครับ
    " เจ้าผีเด็ก

    หัวเราะ แล้วใช้พลังงานผลักร่างจินยองหงาย เหวี่ยงไถลไปอีก หลายเมตร






     

    "นี่ก็คงเป็นผีเด็กมีปัญหาสินะ" จินยองคิด และมีรอยยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก อย่างน้อยมันก็ยังฟัง และ

    ยอมเจรจาด้วย  ลองมาดูซิว่าประสบการณ์ที่เคยเลี้ยงเด็กมีปัญหา 5 - 6 คนมาก่อนของเขาจะ

    เอามาใช้กับผีเด็กน้อยนี่ได้ไหม






     

    "ชิโร่คุง คิดจะเอาแบมแบมไปอยู่ด้วยเหรอครับ?" จินยองพยายามพูดช้าๆ ใช้คำและเสียงอัน

    ไพเราะ อย่างเป็นมิตร






     

    "ไม่ใช่เรื่องอะไรของ พี่ชายหนิฮะ" ผีเด็กน้อยยังไม่ญาติดีเท่าไหร่





     

    "ชิโร่คุง  รู้ไหมถ้านายขังแบมแบมไว้แบบนี้ เขาจะมาเล่นกับนายได้ยังไง วิ่งก็ไม่ได้ หัวเราะก็ไม่

    ได้ นอนเฉยๆไม่กระดุกกระดิก ไม่สนุกหรอกน่า
    " จินยองพยายามหว่านล้อม






     

    "ผมเห็นความทรงจำนั่น  พี่แบมแบมเขามีความสุข ที่ผมอยากมี เขามีคนที่เขารักที่ผมอยากมี

    เขามีคนที่รักเขาที่ผมอยากมี เขามีครอบครัวที่ผมอยากมี เขามีเพื่อนที่ผมอยากมี เขามีชีวิตชีวา

    ที่ผมอยากมี เขาสามารถเติบโต วิ่งเล่น กินอาหารอร่อย สร้างรอยยิ้ม เป็นที่รัก มีความฝัน มีแสง

    สว่าง มีทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมอยากมี
    " ยิ่งพูด ผีเด็กน้อยนั่นก็ยิ่งควมคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้






     

    "แบมแบม ไม่ใช่สิ่งของ  ถึงชิโร่คุงจะเก็บเขาไว้กับตัวแบบนี้ แบมแบมก็ไม่กลายเป็นของเธอ

    หรอกนะ  นี่มันแค่ร่างกาย แต่จิตใจของแบมแบม เขาก็อยากจะอยู่กับคนที่เขารัก เขาก็อยากจะ

    ทำตามความฝันของเขา อนาคตที่สดใสกำลังรอเขาอยู่ ที่นี่ไม่มีอะไรที่จะทำให้เขามีความสุขได้

    หรอกนะครับ ปล่อยแบมแบมไปเถอะ
    " จินยองค่อยๆลุก แล้วเดินกลับมาหาแบมแบม







    พอได้ยินดังนั้น เจ้าเด็กผีชิโร่ ยิ่งอาละวาดหนัก มันละลายน้ำแข็งที่ฉาบบนผิวสระว่ายน้ำออก ทำ

    ให้จินยองตกลงไปในน้ำที่อุณหภูมิติดลบ ก่อนจะ ฉาบน้ำแข็งไว้ที่ผิวหน้าของสระน้ำเหมือนเดิม
     

    แล้วหัวเราะเสียงแหลม






    แต่นี่เป็น 1 ในเหตุการณ์ที่จินยองได้คาดไว้แล้วว่าอาจจะเกิดขึ้น  เขากลั้นหายใจเฮือกใหญ่ก่อน

    จะจมน้ำมิดศีรษะ...






     

    แทนที่จะทุบ หรือพุ่งชนน้ำแข็งด้านบนให้แตก เพื่อเอาชีวิตรอด  จินยองว่ายน้ำ ไปทางร่างแบม

    แบมที่อยู่ไม่ไกล แล้วดึงร่างที่เย็นเฉียบนิ่งไม่ไหวติงของแบมแบมเข้ามากอด  จากนั้นก็ทำหน้า

    มีความสุขสมหวัง สะใจ ยิ้มเยาะเย้ยส่งสายตาไปทางเจ้าผีเด็กนั่น






     

    ผีเด็กขี้อิจฉาถูกยั่วโมโหขนาดนั้นก็ยั๊วะ โกรธจินยองมาก จนใช้พลังระเบิดน้ำและน้ำแข็งทั้งสระ

    ออกระเหยกลายเป็นไอ  ทำให้ร่างของจินยอง และแบมแบมตกลงมากระแทกก้นสระ







    ( แหย่เด็กให้โมโหนี่มันสนุกจริงๆ ) จินยองกอดร่างของแบมแบมไว้ ซึ่งในขณะนี้ เขาพยายามจัด

    ท่าให้ดูนั่งสบายๆ โดยมี แบมแบมนอนพาดบนตัก อยู่ที่ก้นสระ





     

    .

    .

    .
     

    มาร์คพยายามเก็บรายละเอียดเจ้านักวิทยาศาสตร์ในเสื้อกาวน์ยาว สีขาว มันใช้แสตน (ขาตั้ง

    สำหรับจับอุปกรณ์วิทยาศาสตร์) เหล็กยาว 3 ฟุต ฟาดเข้าศีรษะยูคยอมจนเลือดอาบ หมดสติ

    ความเร็วและพลังสวนทางกับหน้าตาและอายุของมันอย่างไม่น่าเชื่อ  จากนั้นยังสามารถลากยูค

    ยอมที่ตัวสูงใหญ่กว่ามัน มานั่งเก้าอี้ไฟฟ้า ล๊อกคอ ลำตัว แขน และ ขา แล้วจัดท่าให้ยูคยอมคน

    เดียวง่ายๆ โดยไม่ต้องมีผู้ช่วย






     

    เก้าอี้ไฟฟ้านั้นอยู่ไม่ไกลจากเตียงของมาร์คเท่าไหร่นักทำให้เขาเห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดต่อไปนี้

    ชัดเจนมาก  






     

    ยูคยอมถูก เรดดอท ( ยางเป็นแผ่นวงกลมขนาดประมาณเหรียญ 10 บาทสีแดง เป็นขั้วนำไฟฟ้า

    เข้าสู้ร่างกายใช้เป็นตัวรับสำหรับวัดการตอบสนอง เช่น การทำ
    EKG การวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ )

    ติดเข้าที่ร่างกายหลายตำแหน่งตั้งแต่ ขมับ ท้ายทอย คอ แขน หน้าอก โดยมีสายไฟระโยงระ

    ยาง  สักพักหนึ่งเจ้านักวิทยาศาสตร์ ก็ไปกดเครื่องมือ นู่นนี่ ปล่อยกระแสไฟ เข้าสู่ร่างกาย ช๊อต

    ยูคยอม จนร่างกระตุก สั่นเป็นจังหวะ  และได้สติตื่นขึ้นมาในที่สุด






     

    "อ๊าคคค โอ้ยยยย" ยูคยอมร้องอย่างเจ็บปวดเพราะถูกกระแสไฟช๊อท จนร่าง  สะบัด เหวี่ยง ขูด

    กับเหล็กที่ล๊อก ตัว คอ และแขนอย่างรุณแรง หลายครั้ง







    มาร์คกัดริมฝีปากแน่นจนห้อเลือด  น้ำตาจะไหลเพราะสงสารน้องที่โดนทรมาน เขาได้แต่ภาวนา

    ให้มีปาฎิหาริย์เกิดขึ้น ถ้าหลุดไปได้เขาจะต้องฆ่าไอ้มนุษย์เสื้อกาวน์ และทำลายห้องทดลง

    ประหลาดนี้ซะ






     

    ยูคยอมโดนไฟฟ้าช๊อตเกินขนาด จนเลือดกำดาวไหล หน้าตาบูดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด แต่

    ถึงกระนั้น เขาก็ยังมองมาทางมาร์ค แล้วพูดด้วยแรงเฮือกหนึ่งที่พอจะมีเหลือ ด้วยความเป็นห่วง

    มาร์คมากกว่าตนเอง






     

    "ไม่เป็นไรนะฮยอง..." ลมออกมาน้อย และเสียงเบาแทบจะกระซิบ แต่มาร์คก็รับรู้ได้  ทำให้เลือด

    ในกายของเขาพลุ่งพล่าน






     

    ไม่รู้กว่าก่อนหน้านี้เจ้ามนุษย์เสื้อกาวน์ฉีดอะไรให้เขา  แต่ตอนนี้มาร์คโกรธจนสามารถฉีกเข็มขัด

    หนังที่รัดตัวเขาอยู่ถึง 4 เส้นขาด เขารีบดึงเข็มน้ำเกลือที่ปักตามแขนออกอย่างไม่สนใจว่าจะ

    เจ็บ หรือเลือดจะไหลออกมาไหม แล้วเดินไปหายูคยอมเพื่อจะปลดอุปกรณ์แปลกๆ นั่นออก






     

    เจ้ามนุษย์เสื้อกาวน์เข้ามาขวาง  มันสามารถโต้ตอบมาร์คด้วยการใช้หลังมือฟาด จนมาร์ค

    กระเด็น จากนั้นก็ทำท่ากำมือเบ่งกล้าม






     

    อย่างกับในการ์ตูน เจ้ามนุษย์เสื้อกาวน์ เบ่งพลังจนเสื้อขาด ร่างของมันใหญ่ค่อยๆโตขึ้นกว่าเดิม

    เกือบเท่าตัว  ร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ผิวแตกเป็นคลื่นเคลือบด้วยเมือกสีเหลืองเขียว ช้ำ

    เลือดช้ำหนอง หน้าตาก็สยอง ยิ้มเหี้ยมมาทางเขา






     

    มาร์คเหลือบไปเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนชี้อะไรบางอย่างอยู่ที่มุมห้อง ก่อนจะหายไป
     

    เขามองไปตามมือของเด็กน้อยนั่น ทำให้เห็น shot gun ของยูคยอมที่ตกอยู่ ตอนที่น้องหล่นลง

    มาจากเพดาน






     

    มาร์คหันกลับมาตั้งการ์ด ก่อนจะเป็นฝ่ายบุกบ้าง





     

    มาร์ครู้สึกร่างกายเบากว่าปรกติ สามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว กระโดดได้สูง และมีพลังมากกว่า

    ทุกที






     

    เรื่องการโจมตี และออกท่าทางของนักฆ่าที่ฝึกมาอย่างดีนั้นย่อมเหนือกว่า นักวิทยาศาสตร์ที่

    วันๆอยู่แต่ในห้องทดลองอยู่แล้ว  แม้มาร์คดูจะได้เปรียบ แต่ความแข็งแกร่ง และขนาดของ

    ร่างกายมันแตกต่างกันเกินไป
      คงต้องใช้เครื่องทุ่นแรงจริงๆแล้ว






     

    มาร์คค่อยๆ โจมตีไป ถอยไป เพื่อล่อ เจ้าอดีตมนุษย์เสื้อกาวน์ไปยังมุมห้องที่ มีปืนอยู่





     

    มาร์คแกล้งทำเป็นพลาดถูกเตะ จนกระเด็นเข้าไปจมอยู่ในกองเศษปูนที่ถล่มลงมาก่อนหน้านี้





     

    ในจังหวะที่ เจ้าอดีตมนุษย์เสื้อกาวน์ กระโดดขึ้นเพื่อเพิ่มแรงโจมตี หมายจะปิดบัญชีให้ได้ 





     

    มาร์คก็คว้า Shot gun ได้ แล้วพลิกหันหลังมายิง เข้ากลาง อก ของเจ้านั่นเต็มๆ





     

    กระสุนลูกปรายอนุภาพสูงระเบิดเป็นวงกว้าง ใส่เนื้อของเจ้าอดีตมนุษย์เสื้อกาวน์ จนเละ กระจุย

    แต่...เนื้อพวกนั้นค่อยๆสมานตัวกันอย่างน่าขยะแขยง







    "ต้องเล็งหัวสินะ" มาร์คพูดกับตัวเอง ...แต่จะมีโอกาสครั้งที่ 2 หรือไม่ เพราะกระสุนมันต้องใส่ที

    ละนัด และเขาไม่มีกระสุนสำรองเสียด้วย
     คงต้องช่วยยูคยอมก่อนแล้ว  สู้สองคนน่าจะได้

    เปรียบกว่า ถ้าน้องยังไหว...






     

    คราวนี้มาร์คไม่อ้อยอิ่ง เขาปาเศษฝุ่น เข้าใส่ตาของเจ้าอดีตนักวิทย์กลายพันธุ์ ก่อนจะรีบวิ่งไป

    ช่วยดึงสายไฟออกจากยูคยอม และทำลายอุปกรณ์ทั้งหลาย 






     

    นอกจากอุปกรณ์กลไกอิเล็กโทรนิคแล้ว ทั้งเครื่องแก้ว สารเคมี มาร์คก็ใช้ขาโต๊ะ ที่หาได้แถว

    นั้น ฟาดทำลาย ซะจนกระจัดกระจายไม่มีชิ้นดี
    แถมลามไปถึงแคปซูล ( ตู้กระจกคล้ายตู้ปลาแต่

    เป็นทรงกระบอก แนวตั้ง ) หลายขนาดที่ใส่ร่างทดลองทั้งหลาย แตกกระจายเสียหาย






     

    มาร์ค อาละวาดอย่างหนัก แถมหลบทางนู้นที ทางนี้ทีด้วยความรวดเร็วจนหยุดไม่อยู่ เจ้านัก

    วิทย์กลายพันธุ์ต้องงัดไม้ตายออกมาในที่สุด...

     



    .

    .

    .

     

    แจบอม แจ๊กสัน และยองแจ เกาะกลุ่มกันเดินสำรวจ โรงเรียนร้างไปจนถึงจุดที่ใส่กระป๋องชื่อ

    บัดดี้ที่ลึกที่สุด คือ หลังโรงอาหาร ตรงแปลงเกษตร 






     

    กระป๋องส่องแสงสีแดงแวบๆ หาไม่ยาก  แจบอมเดินเข้าไปหยิบใส่กระเป๋า ง่ายๆ





     

    ฝั่งขวา ตามแผนที่ มี กระป๋อง 3 อัน ซึ่ง ยองแจ ได้แล้ว แจ๊กสันได้แล้ว เขาก็ได้แล้ว เคลียไป ก็

    เหลือ ฝั่งซ้าย 4 อัน ตอนนี้ก็เก็บได้ 1 อันแล้ว แปลว่า เหลืออีก 3 อัน ถ้าเดินย้อนดู อันที่ใกล้

    ที่สุด น่าจะเป็น ที่หอประชุม ข้างๆโรงอาหารนี่  แต่แจ๊กสันก็มีคำถามขึ้น






     

    " ฮยอง พวกเราต้องไล่ย้อนดูทุกจุดเลยเหรอ หรือเราไปรอสมาชิกที่เหลือตรงทางออกดีกว่า

    ไหม
    ? บางทีอาจจะเก็บกันครบหมดแล้วก็ได้ " แจ๊กสันเสนอ เพราะเขารู้สึกว่าแถวนี้ไม่น่าไว้ใจ 

    และยองแจก็ดูเหนื่อยเกินกว่าจะรับไหวถ้ามีอะไรโผล่มา






     

    แจบอมแอบลังเลอยู่เหมือนกัน ใจหนึ่งก็อยากเคลียให้หมด เพราะกลัวมีใครมีปัญหาจะได้ช่วย

    เหลือทัน แถมจินยองก็ยังไม่ได้ส่งสัญญาณเคลียพื้นที่ตามที่ตกลงกันไว้เลย  แต่อีกใจก็คิดว่า

    ทุกคนได้รับการฝึกมาอย่างดีแล้วน่าจะเก่งพอที่จะเอาตัวรอดกันเองได้ ในโรงเรียนร้างนี่ก็ไม่

    เห็นจะมีอะไร  การเดินตรวจอาจจะเป็นการทำให้เสียเวลาปล่าวๆก็ได้ เขาจึงตัดสินใจ.....










    .

    .

    .

     

    "มากิ! ชิโร่! ออกมาเดี๋ยวนี้" เจ้าอดีตนักวิทย์ในเสื้อกาวน์ ที่ตอนนี้กลายร่างเป็นมนุษย์กลายพันธุ์

    ตะโกนเรียกกำลังเสริม
    ดูเหมือนเป็นไม้ตายสำคัญ







     

    เด็กผู้หญิงในชุดนอนสีขาว ปรากฏตัวออกมาก่อน ด้วยออร่าเรืองแสงสีแดง ทำเอาอากาศทั้ง

    ห้องกระจายตัวออกเหมือนมีพายุหมุนเล็กๆเกิดขึ้น  น่าตาน่ารัก เหมือนนางฟ้าตัวน้อย กำลังบึ้ง

    ตึง ดูเหมือนจะไม่พอใจที่โดนเรียกออกมา







     

    "จัดการเจ้าพวกที่บุกรุกเข้ามาซะ พวกมันกำลังทำลายบ้านของเรา  ทำร้ายพี่น้องแ ละรังแก

    แดดดี้นะ
    " นักวิทย์ กลายพันธุ์ตะโกนสั่ง






     

    มากิ วาดมือไปในอากาศ เกิดกลุ่มพลังงานที่มองไม่เห็น ล๊อกตัวมาร์คไว้ ไม่ให้ขยับ เขาจึงโดน

    เจ้านักวิทย์กลายพันธุ์เข้าโจมตี อย่างรวดเร็ว รุนแรง เต็มๆข้อ






     

    มาร์คโดนหมัดตุ้ยเข้าที่ท้องจนตัวงอ ก่อนจะโดนหมัดหนักๆอัปเปอคัทเสยเข้าคางในจังหวะต่อ

    มา เล่นเอาไม่รู้จะจุกหรือมึนก่อนกัน จากนั้นยังโดนเตะเข้าชายโครงในจังหวะที่เค้ากำลังเซ
     จน

    เขาต้องล้มกลิ้งไม่เป็นท่า







    เจ้านักวิทย์กลายพันธุ์ได้ทีเอาคืน ด้วยความโกรธจัดที่มาร์คทำลายข้าวของ และทำลายตัวอย่าง

    ทดลองไปเกือบครึ่งห้องด้วยความเกรี้ยวกราด






     

    "มาร์คฮยอง!" ยูคยอมพยายามบังคับร่างกายให้ลุกขึ้นอย่างยากเย็น เขาเอามือขวาป้ายเลือดกำ

    ดาวของตัวเองที่ไหลจากจมูกทิ้ง  ช่วยให้หายใจได้สะดวกขึ้น  ผลจากการโดนไฟฟ้าช๊อททำให้

    มัดกล้ามเนื้อยังกระตุกไม่ฟังคำสั่ง การเดินไปหามาร์คก็ยังทำได้อย่างยากลำบาก  และเขาก็หัน

    ไปเห็นบางอย่าง
    ...






     

    "มากิ!! น้องปลอดภัยใช่ไหมครับ" ยูคยอมตะโกนขึ้น และเดินโซเซ เข้าไปหาเด็กหญิงที่อยู่ใกล้

    กว่า  เขาโผเข้ากอดพร้อมกับลูบศีรษะมากิด้วยความดีใจจริงๆ  ทำให้มากิเผลอ เลิกปล่อยการ

    ควบคุมร่างกายมาร์ค






     

    "พี่ ยูคยอม  เห็นแล้ว... เห็นแล้วสินะ" มากิก้มหน้า เหมือนจะร้องไห้ พร้อมกับทำท่าเอามือขยี้ตา
     

    ยูคยอมยังคงยิ้มให้มากิ เหมือนตอนที่พวกเขาเจอกันครั้งแรก ไม่มีท่าทีกังวลหรือหวาดกลัว

    ด้วยแววตาบริสุทธิ์จริงใจ






     

    นั่นทำให้แม้แต่เด็กน้อยยังรู้สึกหวั่นไหว





     

    "พี่ไม่กลัว มากิเหรอคะ ?" เด็กน้อยถามด้วยความแปลกใจ  เพราะนานมาแล้ว ไม่ว่าใครที่หลง

    เข้ามาในโรงเรียนร้างแห่งนี้ พอเห็นมากิ กับปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ ต้องทำท่ารังเกียจ

    หวาดกลัว ไม่หนีไปก็ จะตะโกนด่าว่า หยาบคายใส่เสมอ






     

    "ถ้าพวกเราเจอกันเร็วกว่านี้คงจะดีนะคะ" มากิยิ้มเศร้า ก่อนจะใช้พลังงานเหวี่ยงร่างยูคยอมไป

    ทางมุมห้องฝั่งที่เพดานเคยถล่มลงมา

     




    .

    .

    .

     

    จินยองกอดร่างเย็นเฉียบของแบมแบมไว้แน่น  พยายามจะถ่ายทอดความอบอุ่นจากร่างของเค้า

    ไปให้ แต่ตัวของเขาก็เย็นไม่แพ้กัน แม้จะแช่น้ำนั่นไม่กี่นาที






     

    ปากของจินยองซีดเขียว ร่างกายสะท้านสั่น ด้วยความหนาว แต่ก็พยายามลูบแขนและตัวของ

    แบมแบมขึ้นลงเพื่อกระตุ้นการเลือดไหลเวียนของเลือด  ทั้งๆที่ตัวเองก็จะแย่  เขาเอามือแตะคอ

    ของแบมแบม เพื่อจับชีพจร






     

    มันไม่เต้น หรือมือของเขาชาจนไม่รู้สึกอะไรเลยนะ ...





     

    "ชิโร่  ครับ  หนูรู้ไหมว่านอกจากความมืด ความเดียวดาย และหนาวเย็นอย่างในเวลานี้แล้วนั้น 

    ในโลกนี้ยังมีสิ่งที่เรียก ว่าแสงสว่างและความอบอุ่นอยู่ด้วยนะ  ที่สำคัญมีสิ่งที่ทำให้โลกสวยงาม

    น่าอยู่มากๆด้วย มันคือความรัก  ความรักที่ยิ่งใหญ่คือการให้ผู้อื่น ไม่ใช่การได้ครอบครองสิ่งนั้น

    ไว้  ถ้าชิโร่อยากมีเพื่อนเล่น  เดี๋ยวพี่จินยองจะอยู่เป็นเพื่อนให้เธอเอง  ช่วยทำให้แบมแบมได้

    กลับไปหาคนที่เขารักได้ไหมครับ
    " จินยองกอดแบมแบมด้วยใบหน้าหมดหวัง  หากสามารถช่วย

    น้องได้ เขายินดีทำทุกอย่างตามที่พูดจริงๆ






     

    "ทำไมพี่จินยองไม่ด่าว่าผม  ไม่โกรธเกลียดผม  ไม่ตอบโต้ทุบตี รังแกผม เหมือนที่คนอื่นทำ

    หรือถ้าพี่จะหนีไปคนเดียวย่อมทำได้อยู่แล้ว  พี่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับพี่แบม

    แบม ด้วยซ้ำ  ทำไมพี่ต้องเสียสละตัวเองเพื่อคนอื่นด้วยหล่ะครับ
    " ผีเด็กน้อยทำหน้าสงสัย






     

    "มันคือ ความรักแบบหนึ่ง  ชิโร่อาจจะเสียชีวิตด้วยอายุที่น้อยมาก  จึงยังไม่รู้จักความรัก ความ

    อบอุ่น หรือเธออาจจะโดนทารุณ รังแก ถูกใช้ความรุนแรงมาตลอด ถูกรังเกียจ ด่าว่า ทุบตี

    ทำให้รู้สึกต่อต้านสังคม และผู้คน  ไม่มีความผูกพันธ์กับใคร  ไม่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์  ขาดคน

    อบรมสั่งสอน จนกลายเป็นแบบนี้หรือป่าว
    "  จินยองพยายามพูดคุยเพื่อเปิดใจเด็กน้อย






     

    "ผม มีพี่สาวคนนึง ชื่อ มากิ พวกเราอยู่ด้วยกันตั้งแต่เกิด  มี..เขา คนที่ใส่เสื้อชุดสีขาวตลอดเวลา

    ให้พวกเราเรียกเขาว่าแดดดี้ คอยดูแล  ชีวิตของพวกเราอยู่แต่ในตู้น้ำใสๆ รอบๆมีร่างกาย

    แปลกๆอยู่ในตู้เหมือนเราเต็มไปหมด บางร่างไม่มีลมหายใจแล้ว บางร่างก็ยังหายใจได้เหมือน

    เรา  แดดดี้บอกว่า แม่ของเราเสียชีวิตขณะทดลองยาบางอย่าง ขณะที่พวกเรายังอยู่ในท้อง

    ทำให้แดดดี้ต้องช่วยพวกเราออกมา แล้วเอามาเลี้ยงในตู้  โชคร้ายที่ร่างกายของพวกเราไม่

    เจริญเติบโตเหมือนคนปรกติ ผ่านมา 5 ปี ก็ยังเป็นตัวอ่อน เอมบริโอ อยู่ในตู้นั่น  แต่เรามีสิ่งที่

    แดดดี้บอกว่ามันคือของขวัญจากพระเจ้า พวกเรามีร่างเสมือน มีความคิดจิตใจ สามารถใช้พลัง

    ทำสิ่งเหนือธรรมชาติที่มนุษย์ปรกติทำไม่ได้ ผี คือคำเรียกของคนที่ตายไปแล้ว แต่พวกเรายังมี

    ชีวิต แค่มีร่างวิญญาน แยกจากร่างจริงได้ พวกเราก็อยู่กันมาแบบนั้นจนถึงตอนนี้
    " ชิโร่ เล่าความ

    เป็นมาของตนเองให้จินยองฟัง






     

    "ใช่จริงๆสินะ  ชิโร่คุงขาดความอบอุ่น  เลยต้องเรียกร้องความสนใจ  แต่มันไม่ใช่วิธีที่ถูกนะครับ

    มันต้องเริ่มตั้งแต่...
    "






     

    "มานี่สิ...พี่ไม่ทำอะไรเธอหรอก" จินยองกวักมือเรียกชิโร่ให้มาหาใกล้ๆ





     

    ร่างวิญญานของชิโร่ก็ลอยมาหาอย่างว่าง่าย โดยมีหิมะตกทะลุผ่านร่างนั่นไปเหมือนสสารทั้ง 2

    อย่างนั้นอยู่คนละมิติ






     

    ถึงจะจับต้องไม่ได้ แต่จินยองก็ทำท่าเหมือนลูบหัวชิโร่






     

    "อยากจับนายอ่ะ ทำได้ไหม" จินยองพูด แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน





     

    สักพักร่างของชิโร่ก็ทึบแสงและจับต้องได้ตามที่จินยองปรารถนา





     

    "ผมไม่เคยทำแบบนี้ได้มาก่อน ปรกติมีแต่มากิจังเท่านั้นที่ทำให้ร่างกายปรากฏเป็นสสารจริงๆได้

    ร่างของผมอยู่แต่ในโลกนู้นเท่านั้น ไม่เคยข้ามมาโลกนี้แบบนี้เลย
    " ชิโร่ ดีใจตื่นเต้น โผเข้ากอด

    จินยองแน่น






     

    "อะไรกัน ร่างมนุษย์ไม่เห็นอุ่นอย่างที่ผมคิดไว้เลยแหะ" ชิโร่บ่น แต่เขาก็กอดจินยองไม่ปล่อย






     

    "ดีมาก  เก่งแล้วหล่ะ"  จินยองได้ลูบศีรษะเด็กน้อยจริงๆสักที ร่างของชิโร่เย็นเฉียบไม่ต่างจาก

    ร่างของแบมแบมในตอนนี้






     

    "เธอกำลังตอบสนองความปรารถนาของตัวเองอยู่  รู้ไหม? ก่อนหน้านี้ ชิโร่เคยอยากมีชีวิตจริงๆ

    บ้างไหมหล่ะครับ
    ?  ชีวิตที่เติบโตได้ มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา  มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย  มีทั้ง

    ความทุกข์  ความสุข  มีความผิดหวัง สมหวัง  มี รัก โลภ โกรธ หลง  มีร้อน มีหนาว มีหิว มีอิ่ม

    แบบนั้นหน่ะ
    คือสิ่งที่เรียกว่า การเป็นมนุษย์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอ ต้องแสวงหา สังคม พวก

    พ้อง และความรัก ถ้าเธอมีชีวิต จะมีเพื่อนมากมายเท่าไหร่ก็ย่อมได้ จะถูกรัก หรือมอบความรัก

    ให้ใครก็ไม่มีปัญหา
    " จินยองมองไปยังร่างแบมแบมที่อยู่บนตัก แล้วก็น้ำตาไหล






     

    "ผมอยากมีชีวิต  ชีวิตจริงๆตามที่พี่จินยองว่ามานะ  ผมต้องทำยังไงครับ?" ชิโร่มองจินยองตา

    แป๋วด้วยความหวัง






     

    "เธอกลัวความตายไหมหล่ะ?" จินยองจ้องตาเด็กน้อยพร้อมถามคำถามที่แม้แต่ผู้ใหญ่ยังตอบ

    ยาก






     

    "ละทิ้งร่าง และสิ่งที่ผูกมัดเธอไว้ในปัจจุบันนี้ซะ เมื่อเธอปล่อยวางทุกอย่าง ไม่ยึดติดกับอะไรได้

    แล้ว ทิ้งชีวิตที่ฝืนธรรมชาตินี้ไป  เมื่อเธอชดใช้กรรมที่เธอทำไว้หมด เธอจะได้เกิดเป็นมนุษย์อีก

    ครั้ง แล้วพวกเราก็จะได้พบกัน และเล่นด้วยกันอีกครั้ง ดีไหมหล่ะครับ
    " เขาไม่รู้หรอกว่ากลไก

    การเกิดดับของชีวิตอย่างละเอียดลึกซึ้งจริงๆมันเป็นอย่างไร แต่จินยองก็อาศัยสิ่งที่เรียนรู้มาให้

    คำแนะนำชิโร่ไป
    พร้อมกับลูบศีรษะปลอบใจให้ชิโร่รู้สึกผ่อนคลาย วางใจ และสบายใจขึ้น







     "ผม.........ผมอยากมีชีวิตที่เป็นชีวิตจริงๆ มีความสุข  ผมอยากเกิดใหม่อีกครั้ง อยากได้รับความ

    รัก และหวังว่าจะได้รู้จัก พบเจอกับพี่ๆอีกครั้งนะครับ ผมเบื่อที่ต้องอยู่แบบนี้แล้ว  ไปชวนมากิ

    ด้วยดีกว่า
    " ผีเด็กชิโร่ กระโดดกอดและหอมแก้มจินยอง ด้วยสีหน้าปลื้มใจและมีความสุข  ก่อน

    จะก้มลงจุ๊บปากแบมแบม เบาๆ คืนความอบอุ่น และลมหายใจให้ร่างของเขา ดูชิโร่จะสดใส

    ร่าเริง ไม่มีออร่ามืดดำ น่ากลัว  ก่อนจะหายไป






    .

    .

    .

    แบมแบมลืมตาขึ้นมาในอ้อมแขนของจินยอง ที่กอดเขาไว้แน่นจนแทบขยับไม่ได้





     

    ตัวของจินยองเย็นและสั่นนิดๆไม่รู้ว่าสั่นเพราะความหนาว หรือเพราะเขากำลังร้องไห้อยู่







    "ฮยอง !? เป็นอะไรหรือป่าวฮะ" แบมแบม ลืมตาแป๋ว มองจินยองที่ก้มหน้ามองเขาด้วยดวงตา

    เปียกแดงชื้น แต่คราวนี้จินยองปล่อยโฮ  ร้องไห้หนักกว่าเดิมเข้าไปใหญ่ เมื่อได้ยินเสียงและเห็น

    แบมแบมลืมตามองกลับมา







    .

    .

    .


    "งั้นนายสองคนไปรอหน้าโรงเรียนก่อนแล้วกัน  ฉันขอเดินไปดู ตรงหอประชุมอีกนิด มันไม่ไกล

    จากตรงนี้เท่าไหร่
    " แจบอมผู้มีลางสังหรณ์ที่มักจะแม่นยำเสมอ บอกน้องๆ







    แจ๊กสันกับยองแจส่ายหน้าแทบจะพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย






    "ไม่เอาอ่ะ" ไปพร้อมกันหมดนี่แหละ ทั้งสองลงความเห็น






    "กลัวอะไรกันว๊า  ไม่เห็นจะมีอะไรเลย " แจบอมเดินนำเข้าไปยังหอประชุมด้านใน วันนี้มีแค่เขาที่

    ยังสบายกาย สบายใจไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่เหนื่อย และชิลอยู่คนเดียว ณ ตอนนี้






     

    "มีคนเคยมาที่นี่แล้วแฮะ" แจบอมฉายไฟตามทางเดินที่มีรอยเท้าของใครบางคนทิ้งไว้เบื้องหน้า





     

    ทั้งสามคนเดินตามรอยเท้าที่ทิ้งไว้ไปยังเวทีด้านบน  บนโพเดี้ยมไม่มีแสงของกระป๋องบัดดี้แล้ว

    ความสว่างของไฟฉายก็ให้แสงสว่างเป็นวงๆไม่กว้างมากนัก ทำให้ไม่เห็นหลุมยุบบนพื้นเวที







     

    "มีคนมาเก็บไปแล้วจริงๆหล่ะ เรากลับกันเถอะ" แจบอมบอกแจ๊กสันกับยองแจ ให้ถอยหลังกลับ





     

    แต่ยองแจยืนนิ่ง แล้วกอดแจ๊กสันแน่นไม่ยอมก้าวขา  แจ๊กสันก็กอดตอบแล้วหันมองซ้ายขวา

    อย่างหวาดระแวง






     

    "มีอะไรหรือป่าว?" แจบอม เดินมาดูยองแจใกล้ๆแล้วเอาไฟฉายส่องหน้าใต้คางตัวเองเพิ่ม

    บรรยากาศให้น่ากลัวขึ้น







     

    "เพี๊ยะ.!!"





     

    "โอ๊ย!! แกกล้าลงมือกับฮยองเหรอ?" แจ๊กสันเผลอตบหน้าแจบอมเข้าให้โดยอัตโนมัติด้วยความ

    ตกใจ ทำให้แจบอมร้องออกมา







    "เดี๋ยวนะฮยอง  ....คือผมเหมือนได้ยินเสียงอะไรอ่ะ เสียงเหมือนคนร้องด้วยความเจ็บปวด แล้วก็

    เสียงเด็กร้องไห้
    มาจากทางเวที....เหมือนจะใต้เวทีอ่ะ" ยองแจเข้ามาดึงความสนใจของทั้งสอง

    คน







     

    "เหรอ งั้นขอชั้นไปดูหน่อย  กลัวมากก็รออยู่นี่ เดี๋ยวชั้นมา" แจบอม เดินกลับไปทางเวที ทิ้งให้

    สองหน่อกอดกันกลม อย่างน่าขบขัน ปนน่าอิจฉา
    (ตรงไหน)








    รอบนี้เขาฉายไฟไปทั่วพื้นเวที จึงเห็นหลุมยุบ กว้างประมาณ 2 เมตร  มีเสียงร้องโวยวาย และ

    เสียงเด็กร้องไห้ลอดเข้ามาจริงๆ  นอกจากสายตาจะดีแล้ว หูของยองแจนี่ก็ไม่ธรรมดานะนี่ เขา

    นึกชมอยู่ในใจ






     

    เมื่อชะโงกหน้าดูหลุมที่ยุบลงไป มันมีแสงสว่างลอดมาให้เห็นไกลๆด้วย แจบอมจึงตัดสินใจ

    ไถลตัวลงไปสำรวจดู






     

    ร่างของเขาตกลงมาประมาณ 2 เมตรกว่า บนกองเศษไม้และปูน ในห้องที่สว่างมากกว่าที่ความ

    มืดที่เขาเพิ่งผ่านมา






     

    แสงไฟจ้าทำให้แสบตา จนต้องหรี่ตาลงเพื่อปรับแสงให้พอดี ก่อนจะมองสำรวจสิ่งต่างๆ ไป

    รอบๆห้อง และสิ่งที่เห็นคือ






     

    มาร์คกำลังถูกซ้อม โดยตัวอะไร.ไม่รู้.? ตัวประหลาด รูปร่างสูงใหญ่ผิวสีเขียวอมเหลือง  ทั้งลาก

    และเหวี่ยงมาร์ค ไปมา โดยที่มาร์คเองก็ยังตอบโต้ได้ แต่ด้วยสภาพที่ดูแย่ เยิน เสียเปรียบอย่าง

    มาก







     

    "โอ้ย!! เอ้อ !! เออ!! หนอยยย!!  แก๊!! ยาห์!! Shit!! Fuck!! อ๊าคคคคค !! อ๊า!!" สารพัดจะ ร้อง

    โวยวาย อุทาน สบถ ด่า มาร์คพ่นออกมาเป็นชุด ระหว่างหวดกับ เจ้าตัวประหลาดนั่น ( เสียง

    มาร์ค นี่สินะ ที่ได้ยินไปถึงข้างบน )







    แจบอมรีบลุกขึ้นเตรียมจะเข้าไปช่วย แต่ก็ไปสะดุดกับบางอย่าง...





     

    ร่างของยูคยอม คว่ำขวางทางอยู่ใกล้ๆ หมียักษ์ ค่อยๆใช้มือยันตัวเพื่อพลิกกลับมานั่ง  แจบอม

    เลยเข้ามาประคองทางยูคยอมก่อน






     

    "นี่มันอะไรกันเนี่ย เกิดอะไรขึ้น!?" แจบอมควักผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดเลือดที่หน้าและศีรษะให้ยูค

    ยอม ก่อนจะช่วยปัดเศษฝุ่นออกจากผมและใบหน้าของน้องอย่างเบามือด้วยความเป็นห่วง






     

    "ไม่รู้เหมือนกันฮะ ผมมาเก็บกระป๋อง แล้วตกลงมาข้างล่างเจอมาร์คฮยอง แล้วเจ้านั่น ( ชี้ไปที่

    นักวิทย์กลายพันธุ์ )   ตอนแรกก็เป็นคนเหมือนเราๆ แต่ดูเหมือนเขาจะทดลองยาบางอย่าง เลยมี

    สภาพแบบนั้น เขาฉีดอะไรไม่รู้ให้มาร์คฮยองด้วย แล้วก็เด็กคนนั้น(ชี้ไปทางมากิ ที่ก้มหน้า

    ร้องไห้) มากับผม แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่คน
    " ยูคยอมยืนขึ้น ด้วยความช่วยเหลือของแจบอม






     

    "มากิ มากิ มาหาพี่เร็ว" ยูคยอม เรียกชื่อเด็กผู้หญิงชุดขาวอย่างอ่อนโยน





     

    เด็กน้อยเงยหน้าและเดินเข้าหาอย่างว่างาย





     

    "มากิ ฆ่าเจ้าพวกนั้นให้หมดเดี๋ยวนี้!! " เจ้านักวิทย์กลายพันธุ์ตะโกนสั่งด้วยน้ำเสียงน่ากลัว





     

    แจบอมยกปืนจะยิงแสกหน้าเข้ากลางหน้าผากของมากิ  ก่อนที่เด็กหญิงจะลงมือทำอะไร





     

     แต่ยูคยอมรีบเอาตัวเข้าไปบังและกอดเด็กน้อยไว้





     

    "ไม่เป็นไรนะ ถ้ามากิไม่อยากทำก็ไม่ต้องไปฟังคำสั่งของเขาหรอก" ยูคยอมกอดมากิไว้พร้อม

    สงสายตาอาฆาตไปยังเจ้านักวิทย์กลายพันธุ์ที่กำลัง ฉุดกระชาก ลาก ถู กับมาร์คอยู่อย่างดุ

    เดือด







    "อุ่นจัง..." เด็กน้อยเอามือสองข้างของตัวเองดึงแขนของยูคยอมที่กอดเธอไว้ให้คลายออก





     

    "ขอบคุณที่ทำให้มากิได้สัมผัสความอบอุ่น จากร่างกาย และจิตใจของพี่นะคะ หนูไม่มีอะไรติด

    ค้างแล้ว
    " มากิใช้พลังงานดึง Shot gun ให้มาอยู่ในมือ ก่อนจะส่งให้ยูคยอม






     

    เด็กน้อยยกสองมือมาทำตัว V ก่อนจะหนีบสองนิ้วเข้าด้วยกัน แล้วจี้ไปยังศีรษะของตัวเอง เป็น

    สัญลักษณ์ว่าให้ยูคยอมเล็งที่หัว






     

    "แกไม่เชื่อฟังคำสั่งของชั้นแล้วเหรอ  มากิ แกอยากตายใช่ไหม  แกไม่เป็นห่วงน้องแกเหรอ

    ชิโร่ ก็ จะต้องตายไปด้วยนะ
    !!" เจ้านักวิทย์กลายพันธุ์ ชี้นิ้วไปยัง แคปซูลใหญ่ ที่ใส่ เอมบริโอ

    แฝด เรืองแสง หลังห้อง






     

    "เอาเลยครับ" ร่างชิโร่โผล่มาจากไหนไม่รู้ ใช้พลังงาน ยกร่างมาร์คให้ลอยไปใส่แจบอม





     

    มากิ กับชิโร่ ใช้พลังงานตรึงร่าง นักวิทย์กลายพันธุ์ไว้





     

    ก่อนที่ยูคยอมจะบรรจุกระสุน แล้วยิงเข้าที่เป้าหมาย เจ้านักวิทย์นั่นก็หักแขนข้างหนึ่งของตัวเอง

    แล้วขว้างไปทำลายแคปซูลที่ใส่ร่างของมากิ กับชิโร่พอดี






     

    ห่างกันแค่เสี้ยววินาที  กระสุนของยูคยอมเข้าแสกหน้าระเบิดหัวเจ้านักวิทย์กลายพันธุ์ กระจาย

    อย่างสยอดสยอง






     

    เอมบริโอ ร่างตัวอ่อนของมากิ และชิโร่ ไหลออกมาตามน้ำ ที่ไหลออกมาจากตู้แคปซูลที่แตก 

    ร่างทั้งสอง แน่นิ่งทันทีเมื่อสัมผัสอากาศภายนอก







    ชิโร่ยิ้ม และกอดกับมากิที่กำลังร้องไห้ มันไม่ใช่น้ำตาของความเสียใจ แต่เป็นความดีใจที่จะไม่

    ต้องอยู่ในสภาพนี้อีกต่อไป






     

    ยูคยอม อดที่จะน้ำตาไหลไม่ได้  เขาเข้าใจเหตุการณ์ทุกอย่าง ดีอยู่แล้ว ตั้งแต่ มากิโผล่มาหา

    เขากลางหิมะ เด็กคนนี้คงจะต้องการอะไรบางอย่าง







    ผ้าพันคอของยูคยอมที่ให้มากิไว้ ร่วงลงมากองกับพื้น พร้อมกับเสียงระเบิดตูม ตาม ของห้อง

    ทดลอง






     

    ร่างของเด็กทั้งสอง หายไปแล้ว...






    แจบอม แบกร่างมาร์ค และลากยูคยอมที่ยืนร้องไห้ ก่อนจะหาทางออกจากห้องทดลองนี้  ไปได้

    ปลอดภัยอย่างฉิวเฉียด







    ครบ 1 ชั่วโมงพอดี





     

    ห้องทดลองใต้ดินนั้นมีทางออกที่ตรงกับแปลงเกษตรหลังโรงอาหาร แจบอม จึงสามารถเดิน

    กลับไปตามยองแจกับแจ๊กสันมารวมกลุ่มกันได้ไม่ยาก







     

    "เดี๋ยวพวกนายรออยู่นี่แหละ ชั้นจะไปเอารถตู้เข้ามารับ ปืนยังมีกระสุนเหลือกันใช่ไหมฝากพี่ๆ

    ด้วยนะ
    " แจบอมลูบศีรษะยูคยอม ก่อนจะวิ่งฝ่าหิมะและความมืดหายไป






     

    แจ๊กสันมองหน้ายูคยอม ก่อนจะทักขึ้นมา





     

    "ดูไม่จืดเลยนะยูคยอม นายกับมาร์คไปเจออะไรมาเนี่ย  เล่ามาเถอะ คืนนี้ถึงพวกนายจะเจออะไร

    ฉันก็ไม่แปลกใจแล้วหล่ะ
    "  แจ๊กสันหัวเราะช่วยสร้างบรรยากาศ เรียกรอยยิ้มจากน้องที่ยังตาแดง

    มีน้ำตาคลอขึ้นมาได้







     

    เมเนเจอร์เอารถตู้ไปแต่งโซ่ที่ล้อให้วิ่งกลางหิมะได้ดีขึ้นเปิดประตูรับแจบอมเมื่อเขาไปถึงป้อม

    ยามโดนไม่ถามอะไร ภายในรถมีจินยอง กับแบมแบม กอดและห่มผ้าผืนเดียวกัน อยู่บนเบาะ

    หลัง ( ถ้าสังเกตุดีๆ สองคนนี้ เนื้อแนบเนื้อ เนื่องจากเสื้อผ้าเปียกหมดและหนาวมาก แต่ในรถมัน

    มืดเลยไม่มีใครเห็น )






     

    เมเนเจอร์ขับรถไปรับ ยูคยอม มาร์ค แจ๊กสัน และยองแจ ที่หอประชุม ด้านหลังโรงเรียนในความ

    มืดอย่างน่าสงสัย






     

    เมื่อทั้งหมด ขึ้นมาบนรถแล้ว เมเนเจอร์รีบขับรถกลับออกไปอย่างรวดเร็ว





     

    แต่ ขาออกไม่ง่ายเหมือนขาเข้า เหมือนพวกซอมบี้จะได้ยินเสียงเครื่องยนต์เลยพากันกรูออกมา

    ขวางรถไว้






     

    แจบอมนั่งกอด อกอยู่ข้างคนขับ มองสิ่งที่เขาไม่ได้เห็นวันนี้ อย่างใจเย็น แล้วสั่งให้เมเนเจอร์  

    ล๊อกประตูหน้าต่างให้หมด






     

    "ขับรถทับพวกมันให้หมดเลยฮยอง ชนไปเลย" แจบอมบอก





     

    เมเนเจอร์ไม่ตอบโต้อะไร แต่ขับรถชนเจ้าซอมบี้ซะกระเด็น ตัวเละ บ้าง ขาดกลางบ้าง แขน ขา

    หัวกระเด็น ไปคนละทาง จนออกมานอกโรงเรียนร้างได้สำเร็จ

     




     

    ขากลับผู้จัดการขับรถนิ่งไม่พูดอะไร ผิดกับทุกทีที่จะคอยเช็ค นู่นนี่ ผลการแข่ง สภาพร่างกายอะ

    ไรงี้  มันน่าผิดสังเกต นะ








    "มีอะไรที่ฮยองยังไม่ได้บอกพวกเราหรือป่าวครับ?" แจมบอมยิ้มเหี้ยม สวมมาดลีดเดอร์ น่ากลัว

    ขึ้นมาเฉยๆ






     

    เมเนเจอร์โนยอง แอบเหงื่อตก ก่อนตอบอ้อมแอ้ม





     

    "คือ.... นั่น มัน เป็นเหมือนโครงการลับ สถานที่ต้องห้ามของรัฐบาลญี่ปุ่น  หวังว่าพวกนายคงไม่

    ไปทำอะไรเสียหาย จนสะเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรอกนะ  คือ สตาฟเกาหลีอ่าน

    ภาษาญี่ปุ่นไม่ออก  ไปวาง กระป๋องผิดโรงเรียน  ตอนกลางวัน มันก็เหมือนๆกันหมด ไม่มีอะไร

    โผล่มาแบบนี้  ป้ายชื่อโรงเรียนร้างมันคล้ายๆกัน นี่มันโรงเรียน เอย์เซย์  แต่จริงๆสถานที่ของเรา

    คือโรงเรียน เมย์เซย์ ที่อยู่ถัดไป  กว่าจะรู้ว่ามันผิดที่ก็ตอนชั้นไปแวะกินกาแฟที่ปั๊ม  มีเวลาตอน

    รอพวกนายนิดหน่อยเลยถามคนแถวนั้น  แล้วก็เช็คข้อมูลในอินเตอร์เนตมา  สตาฟเกาหลีนี่มัน

    เชื่อถือไม่ได้เลยเนาะ (ได้ข่าวนายก็มาเซอเวย์ วางกระป๋องกับเขาไม่ใช่เหรอ)  แต่มันก็จบด้วยดี

    ใช่ไหม  น่าเสียดายที่ไม่มีกล้องตามเข้าไปนะ ......
    " เมเนเจอร์ยิ้มเครียดเตรียมรับแรงกระแทกอยู่

    ในใจ







     

    สิ้นเสียงผู้จัดการ สมาชิกทั้งรถต่าง โห่ ฮา โวยวายลั่น ร้องอาละวาด รถแทบแตก จนรถจะลง

    ข้างทางซะแล้ว ...







    ........................


    สปอยตอนต่อไป ชื่อในรูป คือชื่อที่อยู่ในกระป๋องบัดดี้นะคะ ใครได้ใคร กลับไปอ่านแต่ต้นเอาเอง คริ คริ






     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×