ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Got7]Got 2 Survive {BNior,JackJae,MarkBam}

    ลำดับตอนที่ #44 : ตอนที่ 40 : 40 Bullets 100% พลีสคัมแบ๊ค 555

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 927
      11
      4 พ.ค. 59




    ตอนที่ 40 : 40 Bullets

     

     



    ย้อนกลับไปเมื่อคืน...

     

     

     

    "แจบอม..."เสียงทุ้มติดแหบ เอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบ ระหว่างชายหนุ่มสองคนที่นั่งใกล้ๆกันข้างกองไฟริมชายหาด

     

     
     

    "อืม ไปเหอะ  ..." ลีดเดอร์ตาเรียวดุขอบตาคล้ำดำ หน้าตาหงุดหงิด เหวี่ยงจิกเพราะอดนอน  ถอนหายใจยอมแพ้ความอึดอัดจากคนข้างๆที่สร้างบรรยากาศอึมครึม  แต่สุดท้ายก็ยอมเปิดปากพูดอะไรออกมาบ้างในที่สุด  คงจะตัดสินใจอะไรได้แล้วใช่ไหมมาร์ค

     

     
     

    ตั้งแต่ซัดกันบนเรือที่มาร์คออกไปรับเขากลับมาจากภารกิจกอดคอลงทะเลเมื่อวาน  พี่ใหญ่ที่พูดน้อยอยู่แล้วก็ไม่เปิดปากพูดอะไรออกมาอีกเลย  นักฆ่าสุดหล่อผู้เป็นหน้าตาของทีมได้แต่เดินทอดน่องตามเขาและพวกทีมหมามาห่างๆอย่างกับซอมบี้ตายซากไร้วิญญาณ  ไม่มีชีวิตชีวาใดๆตลอดคืนที่ต้องทำภารกิจหาข่าวจนถึงตอนนี้   ....ถ้าจะให้เดาละก้อ  คงไม่พ้นเรื่องของแบมแบม  การจากไปของน้องกำลังกัดกินข้างในของมาร์คอยู่มากกว่า  เพราะดูท่าทางสมาชิก Got7 คนนี้ไม่ได้ตั้งการ์ดระมัดระวังตัวเลยสักนิด  ถ้ามีคนไม่ประสงค์ดีจ้องจะทำร้าย  นี่คือเวลาที่เหมาะสมแล้ว

     

     
     

    หลังจากที่พวกเราถูกปล่อยเข้าป่า  ทุกคนในทีมหมาก็แยกย้ายไปตามหาเบาะแสข่าวตามคำสั่งและนัดเจอกันที่ชายหาดอีกครั้งตอนฟ้าสาง  ซึ่งมาร์คไม่ได้ไปหาข่าวตามภารกิจ  และผมก็ไม่ได้ไปเหมือนกัน  มันดูเหมือนว่ามาร์คจะเข้าใจอะไรได้เร็วเรื่องพวกแบ๊คอัพทีมหมานี่  เพราะก็พลาดเผยหางออกมาซะขนาดนี้  ก็คงเหลือแค่หาจังหวะที่เป็นต่อรีดข้อมูลที่ต้องการออกมาเท่านั้น  ผมรู้ว่าเจ้าพวกนี้คงรู้ที่ซ่อนของข่าว และระเบิดที่เป็นเป้าหมายของภารกิจแน่ๆ ก็ให้พวกมันเข้าป่าไปเอามาแล้วกัน  นั่งรอหล่อๆดีกว่า  ผมเลยซุ่มรอให้พวกครูฝึกกลับไปก่อน  จึงเดินออกมานั่งเล่นริมชายหาดรอเวลา  แล้วก็เจอมาร์ค  เขาย้อนกลับออกมาเหมือนกัน  หน้าตาอมทุกข์ขนาดนั้น  มานั่งกลั้นสะอื้นข้างๆโดยไม่พูดอะไร

     
     

     

    เรื่องของแบมแบมเป็นยังไงมายังไงผมยังไม่รู้หรอกนะ  แต่ทางแจ๊กสันหน่ะพอเป็นตะคริวหลังจากที่มาร์คอาสาไปเอาเรือมารับ  เจ้านั่นมันเป็นคนเอ่ยปากเองว่าจะขอออกไปจากกลุ่ม ไม่อยากเป็นตัวถ่วงใคร  ลองระดับคนที่ผ่านการฝึก S.E.A.L. เต็มรูปแบบมาแล้วอย่างมันพูด ผมจะไปว่าอะไรได้  เพราะเราคิดคล้ายๆกันโดยไม่ต้องสื่อสารเป็นคำพูดออกมาต่างหาก  แจ๊กสันรู้ว่าผมสงสัยทีมแบ๊คอัพพวกนี้  และผมก็รู้ว่าแจ๊กสันสงสัยบางสิ่งลึกลงไปใต้ทะเล  ก็ผมเป็นถึงไดรฟ์มาสเตอร์(ผู้ฝึกสอนการดำน้ำที่ได้รับใบอนุญาตขั้นสูง)  เงาโลหะใต้ท้องทะเลของอุปกรณ์ดำน้ำพวกนั้นทำไมผมจะมองไม่เห็น  ผมถูกฝึกมาให้สามารถมองหาและช่วยเหลือนักดำน้ำที่ประสบภัยใต้ท้องทะเลได้ทุกรูปแบบ แม้ในเวลากลางคืนที่มืดมิดแบบนี้ผมจึงมั่นใจได้เลยว่าตอนนั้น ตรงนั้น  มีคนอื่นนอกจากพวกเราอยู่อีก

     

     
     

    แต่พวกทีมแบ๊คอัพหมายังไม่รู้ว่าผมกับแจ๊กสันรู้  และถึงตอนนี้มาร์คก็อาจจะรู้แล้วอีกคน ....อ่อ รวมถึงจินยองก็น่าจะรู้แล้ว ว่าพวกนี้ไม่ใช่แบ๊คอัพใหม่มาเข้าฝึกฝนอะไรทั้งนั้น  ผมแกล้งลองใจพวกเขา และดูเหมือนทุกคนจะลงเสียงเป็นเอกฉันท์ให้ผมทิ้งแจ๊กสันไปซะ  ....แหม่  ผมไม่เคยคิดจะทำแบบนั้นหรอกนะ  ..แต่ถ้าต้องเลือกการเอาชีวิตรอดกับต้องทิ้งสมาชิก GOT7 ไปไม่ว่าจะคนใดก็ตาม...ผมว่า...ฆ่าพวกมันทิ้งต่อหน้าซะยังจะง่ายกว่าไหม  ไม่ต้องมีดราม่าตามมาต่อท้ายด้วย

     
     

     

    เพราะยังมีสิ่งที่ไม่เข้าใจ และต้องการคำตอบผมเลยแกล้งว่าผมเลือกพวกเขา ผมเป็นห่วงชีวิตตัวเอง  คนเยอะแบบนั้น ตั้ง 4 คน ต่อผมคนเดียวลอยคอกันอยู่กลางทะเลด้วยคงสู้ไม่ไหว (เหรอ หึ หึ)  แม้แต่ตอนที่มาร์คกลับมาแล้วไม่เจอแจ๊กสัน  ผมก็ยังต้องตบตาพวกเดียวกันเพื่อซื้อความไว้ใจและใช้ประโยชน์จากพวกมันให้มากที่สุด  แสร้งมีปากเสียงถึงขั้นลงไม้ลงมือกันกับมาร์ค  พวกนั้นไม่ใช่แค่คิดร้ายแต่ลงมือทำอะไรไม่ดีแบบนี้กับพวกเราด้วย  คิดว่าผมจะปล่อยไปหรือไง  ต้องสืบให้ได้ถึงเหตุผลต้นตอแล้วกำจัดทิ้งซะไม่ให้กลับมาเป็นภัยคุกคามพวกเราอีก  แต่บนเกาะนี้ เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลของบริษัทJYP  ครูฝึก และเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย  น่าจะเป็นพวกของเรา หรืออย่างน้อยก็คนในเครื่อข่ายธุรกิจเดียวกัน   อาจจะมีการขอความร่วมมือไปยังคนนอกบ้างแต่ก็น่าจะมีการคัดเลือก สกรีนผู้ร่วมงานมาก่อนระดับหนึ่งไหม  เรื่องความปลอดภัยทำไมไม่รัดกุมเอาเสียเลย  ตอนนี้ก็ถึงเวลาเหมาะสมที่จะไขความจริงกันแล้วหล่ะครับ

     

     

    .

    .

    .

    .
     

    ระยะทางจากชายหาดที่เป็นฐานปล่อยเข้าป่าหาข้อมูล  กลับไปยังโซนอาคารอำนวยการและบ้านพักนั้นห่างกันประมาณ 4 กิโลเมตรได้ มาร์คอาศัยวิ่งลัดเลาะทะลุดงต้นไม้ที่ขึ้นรกสมบุกสมบัน  แทนที่จะเดินอ้อมไปตามหาดทรายที่ทางโล่งสะดวกกว่าเพื่อเลี่ยงที่จะเจอครูฝึกคนอื่น  แม้จะหักห้ามใจอย่างที่สุดแล้วไม่ให้ฟูมฟายออกมาต่อหน้าผู้คน ถึงต้องเป็นนักฆ่าหน้านิ่งไร้ความรู้สึกแต่ก็ใช่ว่าจะไร้หัวใจ แบมแบมไม่ใช่แค่อยู่ใกล้มาร์คเป็นคนแรกตั้งแต่เขามาที่เกาหลี ไม่ใช่แค่ใกล้ แต่คืออยู่ในหัวใจของเขา  เขาและแบมแบมร่วมแชร์ความฝันที่จะเป็นไอดอลนักฆ่าอันดับหนึ่งด้วยกันมาตลอดตั้งแต่แรกพบขณะยังเป็นแค่เทรนนี่  เฝ้าฝึกฝนไล่ตามเป้าหมาย ร่วมใช้ช่วงเวลาทั้งสุขและเศร้า  แบ่งปันความผิดหวัง ท้อแท้ เจ็บปวด กับเสียงหัวเราะ คราบเลือดและหยาดน้ำตา  อยู่ร่วมกันมาอย่าใกล้ชิดราวกับเป็นอากาศที่ขาดไม่ได้ เป็นลมหายใจของกันและกัน  ถ้าไม่มีเด็กคนนี้ แบมแบม  มาร์คอาจไม่มีวันนี้ด้วยซ้ำ ทำไมต้องพรากสิ่งที่สำคัญที่สุดบนโลกใบนี้ไปจากเขา  พระเจ้าต้องการอะไร  ทำไมไม่ทำร้ายมาร์คแทน ทำไมไม่ให้มาร์คเป็นคนตายแทน  เปลี่ยนกันได้ไหม  .....หนุ่มหล่อผู้ที่เคยกำหนดทุกสิ่งในชีวิตได้ดังใจกลับกำลังตัดพ้อพระผู้เป็นเจ้า  ผู้ที่เคยมีชีวิตดุจได้รับพรอันประเสริฐด้วยความลำเอียงของพระองค์  ทั้ง รูปร่าง หน้าตา ฐานะ ความสามารถ สติปัญญา มาร์คล้วนเหนือกว่าคนทั่วไปอย่างเทียบไม่ได้ พอมาเป็นไอดอลก็โดดเด่น โด่งดัง เป็นที่นิยมชมชอบและได้รับความรักอย่างล้นพ้นจากฝูงชนและคนรอบข้างมาตลอด มีความสุขมากเกินไปจนเข้าใกล้ความมประมาท  พอขาดแบมแบมไปมาร์คจึงเสียหลักแบบนี้.

     

     
     

    "พี่มาร์คเคยไปเที่ยวที่ประเทศไทยไหมฮะ" เสียงหวานเจื้อยแจ้วออกจากริมฝีปากอวบอิ่ม นุ่มเนียนสีสวยน่ามอง มาร์คหวลนึกถึงบทสนทนาของเขากับแบมแบมเมื่อครั้งหนึ่งระหว่างการฝึกไม่นานมานี้

     

     
     

    "ไม่เคยหรอก  แต่อยากลองไปสักครั้ง  บ้านเกิดของคนที่พี่รักหนินะ  ต้องไปฝากเนื้อฝากตัวเสียหน่อย" พูดอย่างใจนึกพร้อมยิ้มโชว์เขี้ยวสวยเป็นเอกลักษณ์  ทอดสายตามองร่างบางอย่างมีความหมาย  จนเด็กน้อยได้แต่ก้มหน้างุดเอียงอาย  แต่ไม่วายคนพี่รู้ทันอยู่ดี เพราะแก้มกลมที่ขึ้นสี จนลามไปถึงใบหูที่แดงจัดจนปิดไม่มิด

     

     
     

    "เห็นว่าคัมแบ๊ครอบนี้พวกเราจะได้ถ่าย ทีเซอร์โปรโมทที่ประเทศไทยหล่ะ  ไว้แบมจะพาพี่มาร์คไปเที่ยว  ไปกินอาหารอร่อยๆกันนะครับ  พี่ชอบทานอาหารรสเผ็ดแบบอาหารไทยใช่ไหมหล่ะ แบมว่าพี่มาร์คต้องชอบประเทศไทยแน่นอน ฮิ ฮิ" ดวงตากลมโต หยีลงเพราะแก้มบวมที่ยิ้มดันขึ้นไป  พูดพลางร่างเล็กก็มาเกาะแกะนัวเนียน่ารัก น่าเอ็นดูไปอีก

     

     
     

    "ใช่  พี่ชอบทานอาหารไทย  โดยเฉพาะอาหารที่เป็นเด็กไทย ชื่อแบมแบมหน่ะ" ไม่พูดเปล่าร่างสูงแข็งแรงของคนพี่ฉวยโอกาสรั้งเอวคอดของคนน้องเข้าหา แล้วประทับตราจองบนริมฝีปากหวานนุ่มน่าหลงไหล  ที่ไม่ว่าจะลิ้มลองเท่าไหร่ก็ไม่รู้เบื่อ

     

     
     

    "อืออ ....อืมมม...  งือออ" เสียงหวานครางเพลินหู  จนสุดลมก็ผล่ะริมฝีปากออก ที่สุดต้องยอมแยกด้วยความเสียดายอย่างสุดแสน  ให้เด็กน้อยอันเป็นที่รักได้กอบโกยอากาศเข้าสู่ปอดก่อนจะหมดลมไปเสีย  จนตั้งหลักได้

     

     
     

    "สัญญาแล้วนะ  ไปเที่ยวประเทศไทยด้วยกัน  ไปบ้านของแบม" ใบหน้าหวานสดใส จิ้มลิ้ม ยิ้มพริ้ม อย่างพอใจเมื่อผมพยักหน้ารับ  ใบหน้าเปี่ยมสุขของน้องยังติดตาผมไม่จางหาย  แต่ภาพที่จินยองรูดซิปปิดถุงใส่ร่างของแบมก็แทรกเข้ามาในสมอง  ร่างเย็นแน่นิ่งของน้องที่ผมได้กอดและค่อยๆปล่อยวางลงบนพื้นหาดทราย  สัมผัสที่ทำให้หัวใจของผมแตกสลายพุ่งเข้ามาในความคิดตอนนี้อีก  ร่างเล็กของแบมแบมถูกครูฝึกยกไปเก็บไว้ที่อาคารศูนย์อำนวยการ  แต่ผมยังทำใจไม่ได้  ผมคิดอะไรไม่ออกเลยนอกจากเรื่องของแบมแบม  สมองไม่สั่งการอย่างอื่นนอกจากความโศกเศร้า เสียใจอาลัยหา การฝึกจะเป็นยังไงก็ช่างผมติดขอกลับไปดูร่างของน้องอีกครั้ง  ไม่ว่ายังไงผมก็ยังไม่เชื่อว่าแบมแบมได้จากไปแล้วจริงๆ

     

     

    .

    .

    .

    .

    ห่างจากจุดที่มาร์คอยู่ไม่มากนัก มีกลุ่มชายชุดดำกำลังซ่องสุม ซุ่มคุยบางอย่างกันอยู่

     

     
     

    เอซของทีม GOT7 เขาเก่งและโดดเด่นเพราะมีเพื่อนร่วมทีมคอยสนับสนุนหรอก  ถ้ามาเดินสะเงาะสะแงะในป่ามืดๆ คนเดียวแบบนี้จะซักเท่าไหร่

     
     

     

    “อย่าประมาทก็แล้วกัน   เขารอดมาได้จนถึงตอนนี้ก็น่าจะมีดีอยู่บ้างนอกจากหน้าตาหล่อๆนั่น  ติดต่อไปทางกลุ่มชายหาด ให้มาสมทบกันตรงจุดนี้  พวก GOT7 มันแยกกันแล้ว เป็นไปตามแผนที่วางไว้ซึ่งก็ง่ายต่อการจัดการพวกมันเข้าไปอีก”

     

     
     

    “ฆ่าได้อีกสักคนก็เป็นอันปิดจ๊อบงานนี้แล้วใช่ไหมลูกพี่”

     
     

     

    "จะให้ชัวร์ต้อง 3 ศพ"

     
     

     

    แล้วเรื่องครูฝึก JYP 20 กว่าคนที่ถูกพวกเราวางยาในอาหารเย็นแล้วจับมัดไว้ในห้องประชุมจะเอายังไงต่อ?”

     

     
     

    ปล่อยพวกมันนอนไปอย่างนั้นแหละ  อีกวัน สองวันหล่ะมั้งกว่าจะตื่น  ยิ่งกินยาพวกนั้นกับเหล้าฤทธิ์ของยายิ่งแรงขึ้นกว่าเดิมเป็นสองเท่า  โง่กันชมัด  เสียแต่พวกไอดอลรุ่นพี่ที่รอดไปนี่แหละ ไม่รู้จะกลับมาเมื่อไหร่  อยู่ๆก็มีงานเข้า   ต้องยกขบวนกันขึ้นเรือเร็วกลับฝั่งไปโซลกันหมด  ยังไงพวกเราก็ต้องเร่งมือ เอาชัวร์ไว้ก่อน”

     

     
     

    “เบื้องบนเปิดโอกาสให้ขนาดนี้ ถ้าทำไม่สำเร็จนี่ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว  อดีตหน่วยรบพิเศษเดลต้า ฟอร์ซ ของเกาหลีอย่างพวกเราเนี่ย หึ หึ”

     
     

     

    “ก็ให้มันรู้ไปว่าอดีตทหารรับจ้างมืออาชีพ จะสู้ไอดอลหน้าอ่อนพวกนี้ไม่ได้”  และอีกหลายเสียงโห่ฮา ไม่ดังนักของเหล่าชายฉกรรจ์ในชุดดำอาวุธครบมืออีกหลายคนสลับกันออกความเห็นกับแผนกำจัด GOT7 เพิ่มเติม 

     

     

    .

    .

    .

    .
     

    “กร๊อบบบ.  ตุ๊บ!!”  รองเท้าคอมแบทเหยียบพลาดไปโดนกิ่งไม้ใหญ่ที่มีตะไคร่ขึ้นลื่น จนร่างที่วิ่งเต็มความเร็วสปีดถึงกับเสียหลักล้ม  ....อย่ากระนั้นเลย ถือโอกาสนั่งหอบต่อสักนิดคงไม่เป็นไรมั้ง  ตอนนี้มาร์คเหนื่อย เหนื่อยมาก  ใบหน้าหล่อเหลากลับโทรมเหงื่อ ผมเผ้ากระเซิง เต็มไปด้วยเศษฝุ่น เศษฝง  เนื้อตัวมอมแมมจากการบุกผ่าฝ่าดงดูไม่จืดได้ทิ้งตัวเต็มๆแปะลงกับพื้นดินตรงนั้นอย่างไม่กลัวเปื้อนแล้ว

     

     
     

    “แฮกๆ”  หัวใจมาร์คต้วน กำลังเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่งเพื่อสูบฉีด ปั๊มเลือดที่จะลำเลียงออกซิเจนไปยังกล้ามเนื้ออ่อนล้าซึ่งเพิ่งผ่านการฝืนวิ่งฝ่าความมืดในป่าติดต่อกันมาโดยไม่หยุดพัก  เหตุเพราะมาร์ครับรู้ถึงรังสีคุกคามไม่เป็นมิตรจากพวกทหารรับจ้างพวกนั้น พวกนักฆ่ามักมีจิตสังหารที่แผ่ออกมาก่อนที่เจ้าตัวจะมาถึง  ถ้าเป็นพวกมีฝีมือมักจะเก็บงำออร่าเหล่านี้ไว้ จะปล่อยออกมาก็ต่อเมื่อต้องการข่มขวัญศัตรูเท่านั้น  นี่ทำให้เขาอยู่เฉยๆไม่ได้จนต้องออกวิ่ง  ไม่รู้ว่าพวกมันมีกันกี่คน แล้วการอยู่เฉยๆเป็นเป้านิ่งก็ไม่ปลอดภัยอยู่แล้ว  เขาแค่จะกลับไปหาร่างของแบมแบม  ทำไมถึงมีคนตามมาได้  ราวกับรู้ล่วงหน้า  จึงมาดักรออย่างนั้นเหรอ?

     

     
     

    พวกมันต้องการอะไร  แต่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่  อย่างน้อยถ้าไปถึงส่วนอำนวยการอาจจะมีครูฝึกที่พอจะช่วยเหลือเขาได้ มาร์คไม่กล้าเสี่ยงต่อสู้กับสิ่งที่ไม่รู้  ความกดดันที่แผ่ออกมาแม้เพียงชั่วครู่ก็มากพอที่จะทำให้เขาขนลุกเกรียวและวิ่งหน้าตั้งไปต่อ  ระดับไอสังหารจากคนพวกนั้นน่าจะพอๆกับไอดอลระดับ A ได้  ด้วยความไม่ชำนาญพื้นที่ และไม่รู้จำนวนคู่ต่อสู้แบบนี้ หนีก่อนน่าจะดีที่สุด

     

     

     

    ปรกติเวลาลงแข่งในทัวนาเม้นนักฆ่า จินยองจะคอยบอกหน้าที่ และตำแหน่งยืนในจุดที่เขาต้องตั้งรับ หรือบุก โดยมี แบมแบม ยูคยอม และยองแจคอยสนับสนุนจากระยะกลางและระยะไกล  ที่มาร์คสามารถทำคะแนนให้ทีมได้มากกว่าคนอื่น  ไม่ใช่ความ สามารถเฉพาะตัวของเขาเพียงอย่างเดียว  มาร์ครู้เรื่องนี้ดี  แต่ตอนนี้ไม่มีทั้งทีมวางแผน  ทีมสนับสนุน และทีมบุกอย่าง แจ๊กสัน กับ แจบอมมาคอยช่วย และตามเก็บงานอย่างทุกที  มาร์คแทบนึกทางหนีทีไล่ไม่ออก ต้องโทษความใจร้อนของตนเองที่แยกตัวออกมาแบบนี้   เพิ่งรู้ว่ามันไม่ดี  แต่ก็ถอยกลับไปไม่ได้แล้ว

     

     
     

    แสงไฟลิบๆของหมู่อาคารอำนวยการอยู่ไม่ไกล  ศัตรูในความมืดไม่ได้ยิงปืนใส่ ไม่ได้แปลว่าพวกมันไม่มีอาวุธชนิดนี้  เขามีแค่มีดสปาร์ต้ายาว 1 ฟุตเล่มเดียว ซึ่งเหมาะสำหรับการต่อสู้ระยะประชิดไม่ใช่การซุ่มโจมตี  มาร์คตัดสินใจปีนต้นไม้ขนาดกลางพุ่มใบหนาอำพรางตัวเพื่อรอดูท่าทีของคนพวกนั้น  และในไม่กี่อึดใจเสียงพูดคุยและเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มใหญ่ก็ใกล้เข้ามา  เสียงวิทยุสื่อสารคลื่นสั้นวอ มาให้ได้ยินเป็นเสียงแต่ฟังไม่ได้ศัพท์  ยกเว้นประโยคสุดท้ายก่อนจบการสนทนาที่ว่า "ทางโลเอ็น (LOEN) ต้องให้รางวัลพวกนายอย่างงามแน่ๆ"






    ******************





     

    มาร์คค่อยๆตั้งสติควบคุมลมหายใจให้นิ่งที่สุด  แพรขนตายาวของหนุ่มหล่อค่อยๆลดตัวลงมา

    จรดแนบบรรจบกับแนวขนตาล่างจนปิดสนิทพร้อมกับตั้งสมาธิ  สันจมูกโด่งได้รูปสวยทิ้งแนวพุ่ง

    ลงมาตามองศาการก้มศีรษะอย่างใช้ความคิด  ไม่ว่าจะลืมตาหรือหลับตาตอนนี้ก็มีค่าเท่ากัน 

    เพราะในป่าช่วงที่เขาอยู่มีต้นไม้ใบหนาบดบังแสงดาวจากบนท้องฟ้า  แหล่งกำเนิดแสงให้ความ

    สว่างในป่าแห่งนี้ไม่มีหรอก  คือมันมืดมากเสียจนมองไม่เห็นพื้นดินเวลาเดินด้วยซ้ำ  พวกคน

    แปลกหน้านั่นเดินมาอย่างสบายใจเฉิบโดยไม่ต้องมีไฟฉายนำทาง   ทำให้คิดได้เพียงแบบเดียว

    คือคงเพราะใช้กล้องไนท์วิชชั่นที่สามารถมองเห็นวัตถุ สภาพแวดล้อมในความมืดตอนกลางคืน

    ได้สินะ  แม้มันจะได้เปรียบเขาที่มาตัวเปล่า(พร้อมมีด 1 เล่ม) แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเทอะทะ

    ระยะมองเห็นจำกัด ทัศนวิสัยตรงหน้ามองตรงไปได้ความกว้างไม่เกิน 100 องศา ในขณะที่ถ้าไม่

    ใส่กล้อง ผู้ที่ฝึกมาดีสามารถมองด้านหน้าได้ มากกว่า 180 องศาสบายๆ เพราะกล้องจะติดกับ

    หมวกกันน๊อกทหารคล้ายหน้ากากบดบังส่วนใบหน้าตั้งแต่หน้าผากคลุมดวงตาจรดลงมาที่จมูก 

    แล้วมีกระบอกเลนซ์ยื่นยาวออกมาจากครอบหน้า  จะหมุนซ้านขวา เงยหน้าเคลื่อนไหวอะไรก็ไม่

    ได้เต็มที่นัก   เทียบกับทางเขาเองที่เคยฝึกเอาชีวิตรอดด้วยการปิดตาสนิท 2 ข้างตลอดเวลามา

    แล้ว  การต่อสู้ในความมืดก็ไม่ได้ยากจนเหลือบ่ากว่าแรงเท่าไหร่  ประสาทสัมผัสที่ถูกขัดเกลา

    จนถึงขีดสุด  หากแม้มีเข็มเย็บผ้ามาตกแถวนี้สักเล่ม  มาร์คก็สามารถได้ยินเสียงและจับตำแหน่ง

    มันอย่างแม่นยำได้ไม่ยาก



     

     

    "ทำไมยังหาไอ้เด็ก มาร์ค ต้วนนั่นไม่เจออีก   ดูจากรอยเท้าและความเร็วในการเคลื่อนที่ ยังไงก็

    ไม่มีทางจะทิ้งพวกเราไปได้ไกลหรอก
     ต้องรีบจัดการเก็บมันให้ไวที่สุด" ชายในชุดหน่วยรบ

    พิเศษสีดำทั้งตัวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าพูดขึ้น



     

     

    "อาจจะรู้ตัวแล้ว  เลยแอบซ่อนอยู่แถวนี้ก็ได้นะ" ชายอีกคนให้ความเห็น



     

     

    "นึกว่าจะได้เคี้ยวหมู  ต้องออกแรงเพิ่มจนได้" อีกคนพูดขึ้น  อย่างเข่นเขี้ยว ขบฟัน กรอดด



     

     

    "อ่า ดูเหมือนตรงนี้ต้นไม้จะหนาแน่นเป็นพิเศษนะ  ลองกระจายกันหาดู  หากพบอะไรผิดปรกติ

    ให้รีบส่งสัญญาณ
    " คนที่เป็นหัวหน้าทีมยกมือมาชี้สมาชิกทีมทีละคน แล้วโบกให้แยกกันออก

    ค้นหามาร์คในตำแหน่ง ทิศ 2 นาฬิกา 4 นาฬิกา 6 นาฬิกา 8 นาฬิกา 10 นาฬิกา และ 12 นาฬิกา

    จากที่เขายืนอยู่



     

     

    กล้องไนท์วิชชั่นที่พวกเขากำลังใช้กัน  นอกจากจะสามารถมองเห็นสิ่งแวดล้อมภายนอกที่มืดมิด

    เป็นภาพสีเขียวสว่างได้ไม่ต่างกับเวลากลางวันแล้ว  มันยังมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบาและใช้

    พลังงานน้อย  แต่ยังมีกล้องสำหรับมองกลางคืนอีกแบบ คือกล้องอินฟาเรด ชนิดเทอมอล ที่

    สามารถส่องทะลุต้นไม้ จับภาพจากความร้อนของวัตถุได้  แต่ก็แลกมาด้วยน้ำหนักที่มากและกิน

    พลังงานกว่า ขนาดใหญ่เทอะทะกว่า  พวกทหารจึงนิยมกล้องไนท์วิชชั่นมากกว่า  ส่วนพวก

    ตำรวจจะชอบแบบ อินฟาเรด เทอมอลที่สามารถมองทะลุ กำแพงสิ่งกีดขวางได้มากกว่า  กล้อง

    อินฟาเรดมีทั้งแบบสามารถมองเห็นเป็นสเปกตรัมสีๆ ไปจนถึงเห็นคล้ายร่างเอ็กซเรย์สีขาวทั้ง

    ภาพ  แต่ไม่เห็นสิ่งแวดล้อมอื่นที่ไม่ส่งความร้อนออกมา  การใช้งานจึงต่างกัน  ขึ้นกับภารกิจและ

    เป้าหมายที่ต้องการใช้หา  แค่จะบอกว่าพวกนั้นเลือกกล้องมาใช้งานผิดประเภทเสียแล้วหน่ะสิ 

    ในป่านี้มีต้นไม้ขึ้นรกจะตาย  ต่อให้เป็นกลางวันก็ยังมองเห็นอะไรๆได้ยาก  ทำให้ตอนนี้กลุ่มอดีต

    ทหารรับจ้างผู้มั่นใจในฝีมือตนเองมากไม่ทันระมัดระวัง  ว่ามีร่างสมาร์ทประกอบด้วยกล้ามเนื้อ

    สมส่วนกำลังไต่ต้นไม้เคลื่อนเข้าหาอย่างเงียบเชียบ



     

     

    มาร์คได้ยินชัดแล้วว่าเป้าหมายของพวกมัน คือ เขา  ดังนั้นก็คงไม่ต้องถามหาเหตุผลในการ

    ลงมือป้องกันตัวก่อนแล้วนะ  ต้องฆ่า ก่อนที่จะถูกฆ่า  ส่วนสาเหตุว่าทำไมเขาต้องโดนเก็บหน่ะ

    ค่อยไปถามหาเอาวันหลังถ้ายังรอดกลับไปได้  ตอนนี้เป้าหมายของมาร์คคือ ชายร่างกำยำแต่ไม่

    สูงนัก 1 ใน 8 คน ที่ท่าทางไม่ประสงค์ดีต่อเขา  ชายคนนี้เดินรั้งท้ายกลุ่มและมีบางสิ่งที่มาร์ค

    สนใจใคร่ได้อยู่ในมือ  มาร์คซ่อนกายมิดชิดใต้ดงใบไม้รกทึบที่ถ้าเป็นกล้องอินฟาเรท คงเปิดเผย

    ตำแหน่งของเขาไปแล้ว  จากที่ไม่รู้ข้อมูลอะไรแค่เห็นกล้องไนท์วิชชั่น มาร์คจึงเดากว่าคนกลุ่มนี้

    ต้องเคยเป็นทหารแน่ๆ  ซึ่งก็เชื่อมโยงไปถึงอาวุธที่คนพวกนี้น่าจะมี ไว้ กลยุทธที่คนพวกนี้น่าจะ

    ใช้ 

     



     

    พวกมันแยกกันออกค้นหาแล้ว   ก็เข้าทางของเขาหน่ะสิ  ริมฝีปากบางหยักยกยิ้มจนเห็นเขี้ยว

    ขาว  เขาก็มีอารมณ์กรุ่นๆอยากจะหาที่ระบายออกอยู่เหมือนกัน  ช่วยไม่ได้ที่พวกคุณมารนหาที่

    เองนะ



     

     

    "ตุ๊บ!!" เสียงหล่นกระทบพื้นของอะไรบางอย่างดังขึ้นไม่ไกล   อดีตหน่วยพิเศษ 8  คนนั้น 

    ทั้งหมดหันไปให้ความสนใจตามเสียงทันที และ 2 คนในทิศ 10 นาฬิกา กับ 12 นาฬิกา  ดูจะอยู่

    ใกล้ที่สุดรีบควักปืนพกขึ้นมาถือไข้วกับกระบอกไฟฉายยื่นนำส่องไปทางต้นเสียงต้องสงสัย



     

     

    "โง่ชมัด เผยตำแหน่งของตัวเองกันโต้งๆ"  มาร์คแอบมองอย่างไม่ยี่หร่ะ  เขาไต่ลงจากต้นไม้ที่

    ซ่อนอย่างเงียบเชียบรวดเร็วประดุจเงาของผีร้ายแล้วพุ่งเข้าหาเป้าหมายที่ยืนเหรอหรา ซึ่งโดน

    ทิ้งไว้ข้างหลัง 

     



     

    "กร๊อบมือใหญ่แข็งแรงเคลื่อนไปปิดปากเหยื่อเสียสนิทจากด้านหลัง  ก่อนจะรัดซ้ำด้วยท่อน

    แขนอีกข้าง แล้วจับบิดหักคอจนร่างนั้นกระตุก แน่นิ่งคาอุ้งมือ  รุณแรงและรวดเร็วแค่ชั่วอึดใจ 

    มาร์คควักมีดออกมาเสียบไปยังอุปกรณ์คล้ายกระเป๋าเป้ด้านหลังของผู้เคราะห์ร้าย  ใช่แล้วนั่นคือ

    วิทยุสื่อสาร ตัวส่งสัญญาณดาวเทียมแบบพกพา พ่วงที่รับส่งสัญญาณวิทยุคลื่นสั้นที่นิยมใช้ใน

    ภารกิจของทหารนอกเขตสัญญาโทรศัพท์  และป้องกันการดักฟัง  ก่อนหน้านี้มาร์ค เสี่ยงโยน

    รองเท้าคอมแบทหุ้มข้อที่ใส่อยู่ไปทางตรงข้ามกับที่เขาซ่อนตัว เพื่อล่อให้พวกนั้นตามไป  คน

    พวกนั้นลืมคุ้มกันพลสื่อสารที่เคลื่อนที่ได้ช้ากว่าคนอื่นเพราะต้องแบกอุปกรณ์เต็มหลัง  เป้า

    หมายของมาร์คก็คือตัดการสื่อสารเสีย  จะตะโกนคุยกันเอาเขาก็ไม่ว่าเพราะระยะก็ไม่ได้ห่างกัน

    นัก   ถ้าอยากเสี่ยงเปิดเผยตำแหน่งของตัวเองอ่ะนะก็ทำไป  แล้วโอเคว่าขั้นตอนแรกของเขา 

    มาร์คสามารถทำได้ตามแผน



     

     

    "นี่ทีมบราโว่  ฮัลโหล? ฮัลโหล!!??  ... บ้าเอ๊ยยย   ดีเจ ดีเจ (ชื่อเล่นของพลสื่อสารที่โดนมาร์ค

    จัดการไปแล้ว) นายยังอยู่ไหม
    ?"  เสียงเข้มของคนที่เป็นหัวหน้าทีมไล่ล่ามาร์คดังขึ้น เมื่อเสียง

    ครืด..  ครืด .. ครื่น .. ครื่น ...ของคลื่นวิทยุสื่อสารดับไปนานผิดปรกติ  ....แต่....เมื่อไม่มีเสียง

    ตอบกลับเขาจึงยิงปืนอัดลงพื้นดิน  เป็นสัญญาณฉุกเฉินเรียกรวมพลให้ 6 คนที่เหลือรอบๆรีบ

    กลับมารวมตัวกัน 



     

     

    "คุณลี  ผมเจอดีเจแล้ว  เขาถูกฆ่าด้วยการหักคอจนหมุนได้รอบ  วิทยุสื่อสารถูกทำลาย พังไป

    แล้ว  ร่างดีเจอยู่คนละทิศกับเสียงที่พวกเราได้ยิน
    " คนที่เขามารวมเป็นคนสุดท้ายรายงาน 



     

     

    "เลวเอ๊ย!!  งั้นอยู่รวมกลุ่มใกล้ๆกันไว้  ดูซิว่าไอ้เด็กหน้าอ่อนนั่นมันจะทำอะไรได้หัวหน้าทีม

    โมโหอย่างที่สุด



     

     

    "แต่ว่าทีมเดลต้าจากทางชายหาด  กำลังจะมาสมทบนะ  เราสื่อสารกับพวกนั้นไม่ได้จะทำยังไง

    ดี  ควรจะออกจากพื้นที่ก่อนไหม
    " อีกคนในทีมพูดขึ้น  พวกเขาอาจปะทะกันเองได้ในความมืดที่

    ไม่รู้ใครเป็นใครแบบนี้  เพราะถูกตัดการสื่อสาร

     



     

    "นายจะให้ทีมอื่น  ได้จัดการมาร์ค  ต้วนไปทั้งๆที่ทีมบราโว่ของพวกเรามาถึงก่อนหน่ะเหรอ?

    ตลกเหอะ" มีคนแย้ง



     

     

    "ผมก็ไม่ยอมหรอกนะ  ไหนจะอดโบนัสก้อนโตอีก  เรามาโวทกันคนทั้งเจ็ดที่ตอนแรกอยู่ในท่า

    เตรียมพร้อม หันหลังชนกันเป็นวงกลม  แล้วชี้ปืนไปรอบๆเพื่อจับตาดูความเคลื่อนไหวที่อาจผิด

    ปรกติทุกทิศทุกทาง 360 องศา หันหน้ากลับมาล้อมวงยกมือออกเสียงกันว่าจะถอยกลับ หรืออยู่

    ต่อไป  ซึ่งผลที่ได้ออกมาคือ 5 ต่อ 2 เสียง  เป็นอันว่ามติของทีมให้อยู่ล่าหัวมาร์ค ต้วนต่อ



     

     

    แค่ชั่วหันหลัง  ในเวลาแค่นั้นก็มากพอที่มาร์คจะดำเนินแผนการณ์ต่อไป  เขาจับก้อนหินที่แห้ง

    สนิทสองก้อนแถวนั้นมาเคาะกระทบกันจนเกิดประกายไฟ แล้วโยนใส่ใบไม้แห้งเชื้อเพลิงอย่างดี

    ที่สามารถพบได้ทั่วไปในป่า  กิ่งไม้แห้งถูกวางเสริมและในเวลาไม่กี่วินาที มันติดไฟอย่าง

    รวดเร็ว    จากนั้นมาร์คก็เอาใบไม้สดที่ใช้มีดตัดมาจากต้นไม้แถวนั้นสุมคลุมทับกองไฟอีกที 

    ด้วยความที่พวกนั้นมัวหันหลังลงคะแนน  หันมาอีกทีควันก็คละคลุ้งปกคลุมทั่วบริเวณอย่าง

    รวดเร็ว  ทีนี้มองไม่ออกเลยว่าต้นเหตุต้นไฟของควันพวกนี้มาจากทางไหน เพราะพลาดหันหลัง

    ไปแค่พริบตาเดียวเท่านั้น



     

     

    ควันพวกนั้นมันทำให้กล้องไนท์ วิชชั่นที่พวกเขาใส่อยู่กลายเป็นขยะ  เพราะไม่สามารถมองอะไร

    ผ่านกลุ่มควันหนาทึบได้  แต่ละคนจึงพากันถอดหมวกกันน๊อกติดกล้องของตนเองออก  และด้วย

    ความชะล่าใจที่ยืนอยู่รวมกันเป็นกลุ่มไม่ทันระวัง  มาร์คก็พุ่งเข้าใส่เหยื่อลำดับที่สองที่เขา

    หมายตาไว้อย่างไม่มีใครทันตั้งตัว



     

     

    "อ๊าคคคคคค" เสียงเป้าหมายดังขึ้นอย่างเจ็บปวด  เขาโหยหวน หวีดก้องก่อนจะสิ้นใจ  ทิ้งร่าง

    ล้มลงไปกองกับพื้น  คนทั้งกลุ่มตกอยู่ในความผวาหวาดหวั่น  โกลาหล  หวาดกลัว  ขนลุกชัน

    อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อความตายมาอยู่ใกล้แค่เอื้อม  มองไม่เห็นแม้ร่องรอยของตัวการที่

    อาศัยสุมควันบังตาเข้าจู่โจม  เคลื่อนไหวไม่ทิ้งเงา  เข้ามาจ้วงจุดตายเสียบมีดเข้าทางใต้รักแร้

    ซ้าย(ซึ่งเป็นจุดที่เกราะกันกระสุนป้องกันไม่ได้)  ลึกลงไปผ่านช่องว่างระหว่างกระดูกซี่โครงเข้า

    ถึงกลางหน้าอก  ตัดขั้วหัวใจแล้วชักออก  ระหว่างที่เหยื่อกำลังยกแขนขึ้นเพื่อถอดหมวกอยู่

    ช่างโหดเหี้ยม  เฉียบขาด แม่นยำ เขย่าขวัญ  จนอีก 5 คนที่เหลือรีบลั่นไกปืนที่อยู่ในมือ ปล่อย

    กระสุนมั่วซั่ว สะเปะสะปะไปในกลุ่มควัน และความมืด พร้อมตะโกนด่าทอมาร์ค อย่างไม่ซ้ำคำ



     

     

    เจ้าของเขี้ยวแหลมแย้มยิ้มออกมาด้วยความชอบใจ   ถึงกระสุนไร้ทิศทางนั่นจะบังเอิญถาก

    โหนกแก้มของเขาไปจนได้เลือด  แต่ด้วยความย่ามใจ  แทนที่เขาจะอาศัยจังหวะนี้หนีไป  เขา

    กลับนึกสนุกจะจัดการคนพวกนี้ให้หมดสิ้น  มันไม่มีหลักประกันอะไรเลยว่าถ้าเดินออกไปดุ่มๆบน

    เกาะนี้ในคราวหลังจะไม่บังเอิญเจอพวกมันมาไล่ล่าอีก  และดูเหมือนสถานการณ์ตอนนี้เขาจะได้

    เปรียบนิดหน่อยด้วยซ้ำ



     

     

    มาร์คกลับไปที่ศพของพลสื่อสารแล้วค้นเอาอาวุธที่อยู่ในร่างแน่นิ่งนั้นออกมา  ได้ระเบิดมือ 2

    ลูก  ปืนพกสั้น 1 กระบอก พร้อมแมกกาซีน 3 อัน  ดูยังไงก็ยังก็ยากจะสู้กับเหล่าพลอาวุธ 6 คน

    นั่นใช่ไหมหล่ะ  พวกนั้นนอกจากจะมีปืนพกในมือแล้วก็ยังสะพายปืน
    M-16 ไว้ข้างหลัง คนละ

    กระบอก  ดีแค่ไหนไม่เอาปืนกลมากราดถล่ม  คิดว่ามาร์ค ต้วนคนเดียวคงไม่ต้องถึงกับใช้อาวุธ

    หนักใช่ไหม  เดี๋ยวรู้กัน



     

     

    "ฟืบ!!"



     

     

    "อ๊าาาาาาาา" มาร์คก้มต่ำแล้วพุ่งตัวขนานพื้นเข้าไปจับข้อเท้าของ 1 ใน 6 คนที่เหลือแล้ว

    ออกแรงดึงจนร่างนั้นล้ม  แล้วลากเข้ากลุ่มควันอย่างรวดเร็วจนเจ้าของร่างหงายหลังฟาดพื้น 

    อาวุธหลุดจากมือ  แต่รอบนี้ไม่ได้ง่ายนักเพราะเหยื่อยังไม่ถึงแก่ชีวิตยังมีแรงดิ้น  เพื่อนอีก 2 คน

    ที่อยู่ใกล้รีบคว้ามือเพื่อนตัวเองไว้ ก่อนที่จะหายไปในกลุ่มควันลิบๆ ถึงจะมืดไปหมดแต่ก็สามารถ

    ควานจับตามทิศทางของเสียงได้มือมาข้างหนึ่ง  ตอนแรกรู้สึกถึงน้ำหนักและแรงต้าน  ทั้งสอง

    ช่วยกันออกแรงดึงเพื่อนกลับมา  แต่แล้วที่อยู่ๆ แรงต้านและความรู้สึกหนักก็หายไป  ทำให้พวก

    เขาที่ออกแรงดึงอย่างแรงหงายหลังชนเข้ากับ 3 คนที่เหลือที่ยังยืนอยู่แล้วมือนั่นยังติดมากับ

    พวกเขาที่   ....มีบางอย่างผิดปรกติ .......ก่อนที่ทั้งสองคนนั้นจะรู้ตัว  มาร์ค ได้ตัดแขนของเหยื่อ

    ที่ลากออกมาเข้าที่ข้อศอกตั้งแต่แรก  แล้วถอดสลักระเบิดมือ ยัดใส่มือที่โดนตัดให้พวกที่ยื้อเอา

    ไป   และไม่กี่อึดใจ เสียงตูมมมดังๆ  กับประกายไฟก็ดังระเบิดไม่ไกลนัก  มาร์คยกร่างที่ลากออก

    มาขึ้นป้องกันสะเด็ดระเบิดได้ทันอย่างปลอดภัย  ส่วนร่างที่ถูกบังใช้ก็มีแผลเหวะหวะร้องครวญ

    คราง 



     

     

    "ขอบใจที่บังให้นะ  เดี๋ยวจะช่วยไม่ให้ทรมานมากก็แล้วกัน"  พูดจบคมมีดในมือก็ปาดเข้า

    หลอดลมของผู้เคราะห์ร้ายอีกราย   รอบนี้มาร์คไม่เสียเวลาเดินไปเช็คความเสียหาย  ระเบิดอัด 6

    คนระยะเผาขนขนาดนี้  คงรอดยากน่าดู  หนุ่มหล่อสำรวจร่างกายของตัวเองเสร็จ  ไม่มีบาดเจ็บ

    ตรงไหนก็เดินไปถอดรองเท้าจากศพล่าสุดมาใส่พร้อมกับปลดอาวุธมาเป็นของตัวเอง  ด้วยไม่

    อยากประมาทอะไรแล้ว  เหตุผลที่อยู่ๆถูกตามล่าก็ไม่เข้าใจ  อ่า...กว่าพ่อคนหล่อมาทั้งชีวิตจะ

    คิดได้ว่าควรเหลือใครไว้สักคนให้ถามหาข้อมูลอะไร  มันก็ไม่เหลือใครแล้วนี่สิ 

     



     

    และการฉวยอาวุธติดไม้ติดมือมาก่อนจะไปหาแบมแบมต่อ  ทำให้มาร์คต้องขอบใจความรอบ

    ครอบของตัวเองครั้งนี้  เพราะในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า  ทีมเดลต้าจากฝั่งชายหาดสามารถหา

    ตำแหน่งของเขาได้แล้ว  ด้วยเสียงระเบิดและประกายไฟ ที่เผาไหม้ป่าบริเวณรอบๆจนต้นไม้

    ใกล้ๆยังติดไฟ  นั่นสามารถมองเห็นได้ชัดจากที่ไกลๆออกไปอีกหลายไมล์  ในป่าที่มืดสนิทแบบ

    นี้ 



     

     

    .......

     

     


     

    อีกด้านในอาคารเอนกประสงค์ของค่ายฝึกฝั่งศูนย์อำนวยการ




     

    เปลือกตานวลประดับด้วยแพขนตางอนหนาขยับกระตุกรัวอยู่หลายที ก่อนจะเปิดขึ้นมาเจอกับ

    แสงสว่าง  ตากลมโตไม่ทันเบิกกว้างก็หลบเข้าใต้เปลือกตาบางก่อนจะปรับสภาพให้เคยชินกับ

    แสงภายนอกของหลอดนีออนที่ส่องสว่างไสว




     
     

    "นี่มันที่ไหนกันนะ?" เจ้าของดวงตาใสหวานงดงามหันรีหันขวางเพื่อจำแนกเวลา สถานที่ และ

    ความทรงจำครั้งสุดท้าย  ก่อนจะรีบพลิกตัวลงจากเตียงผ้าใบทหาร  แล้วตะแคงเตียงนั่นอย่าง

    รวดเร็วเพื่อแอบคุดคู้ร่างบางลงหลบอยู่หลังมันตามกลไกการป้องกันตัว  เพราะในห้องตอนนี้

    แบมแบมไม่ได้อยู่ที่นี่คนเดียว
    !



     

     

    "ไม่ต้องตกใจไป แบมแบม   ดื่มนี่ซะสิ" ชายแปลกหน้าศีรษะเปิดเถิกออกไปทางล้าน รูปร่างค่อน

    ข้างท้วมในชุดเสื้อคอเต่าสีดำคลุมทับด้วยเสื้อลายพรางแบบทหารยื่นแก้วสแตนเลสที่มี

    สารละลายสีขาวขุ่นให้แบมแบมที่ ก้มตัวหลบอยู่ไม่ไกล

     



     

    "จะถามว่าอะไรเหรอ  อืมมมม  อะไรดีหล่ะ ในแก้วนี้มันคือ คาลิเมท(Kalimate) เป็นยาที่จะช่วย

    ชีวิตนายนะ
    " คนตรงหน้าปล่อยมือจากแก้วที่แบมแบมยอมรับไปถือ  แล้วลากเก้าอี้หัวกลมใกล้ๆ

    มานั่งไขว่ห้างอธิบายให้เด็กน้อยที่เต็มไปด้วยความสงสัยฟัง



     

     

    "นายถูกยิงด้วยปืนบรรจุสารละลาย โพแทสเซี่ยมคลอไรด์  ทำให้ระดับโพแทเซี่ยมในเลือดสูงจน

    หัวใจหยุดทำงาน  แต่แค่ชั่วขณะ  เพราะมันอาจจะถูกเจือจางจากน้ำทะเล และหัวใจยังได้รับ

    การกระตุ้นจากเพื่อนๆนานพอที่ร่างกายจะขับมันออกมาบางส่วน และหัวใจกลับมาเต้นได้ ไม่เสีย

    ชีวิตไป แต่หัวใจก็หยุดเต้นไปพักนึงหล่นะ  แม้จะรู้สึกตัวแล้วแต่อย่างไรมันก็ยังไม่ปลอดภัยเสียที

    เดียว ต้องดื่มเจ้านี่เข้าไป  และเจาะเลือดวัดระดับอิเล็กโตรไลท์อีกครั้ง
    "



     

     

    "คุณช่วยผม?" คนตัวเล็กกล้าๆกลัวๆกับคนแปลกหน้าที่หยิบยื่นไมตรีมาให้  ในสมองของแบม

    แบม กำลังประมวลความจำครั้งล่าสุด  เขาจำได้ว่ากำลังทำภารกิจกอดคอเดินลงทะเลไปกับพวก

    ยูคยอม ยองแจ แล้วก็จินยองฮยองนี่นา  หลังจากนั้นรู้สึกเจ็บหน้าอก  แล้วก็ตื่นมาอยู่ที่นี่  ....ถ้า

    เรื่องที่คนคนนี้พูดเป็นเรื่องจริง  แล้วเขารู้ได้ยังไง และเขาช่วยเราทำไม





     

    "โอ๊ะ  ลืมแนะนำตัวเองไป  ชั้นชื่อ คุณวูฟ (จิกตา แล้วกรีดนิ้วไปทางแบมแบม) เป็น CEO ของ

    บริษัทจัด
    Event นักฆ่าในต่างประเทศ  อ๊ะ แล้วต่างประเทศที่ว่าก็คือประเทศบ้านเกิดของนาย

    เสียด้วยสิ  แบมแบม
      ชั้นมาที่เกาะนี้ก่อนพวกนายเสียอีก  ทางบริษัทของพวกนายให้ทีมงานของ

    ชั้นมาเยี่ยมชมกิจการภายใน แล้วก็พักผ่อนที่ค่ายแห่งนี้  เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจร่วมกันใน

    อนาคต  แล้วก็มาทันได้เห็นอะไรสนุกๆเยอะเลย
    " ชายตรงหน้ากระตุกยิ้มราวกับว่าตัวเองเป็นบาง

    สิ่งที่น่ามองเสียเต็มประดา เพราะแบมแบมเบิกตาโตด้วยความประหลาดใจจ้องไปทางเขาไม่

    ปิดบัง

     



     

    อิคุณวูฟนี่ แบมแบมเคยได้ยินชื่อเขามาก่อนเหมือนกัน  ไอ้ไฮยีน่าแก่ๆที่ชอบกัดแทะซากศพ

    เน่าๆ  เอเย่นที่ทำหน้าที่ดุจฝีพายรับจ้างพาคนตายข้ามแม่น้ำสติกซ์สู่ปรโลก  อาชีพที่ราวกลับ ตัว

    ทาก หรือเหลือบไร  ไม่ก็เห็บหมัด ที่คอยเปิดบริษัทดูดเลือด  ดูดเนื้อ  สร้างแผล  เอ้ย  ผลกำไร

    จากไอดอลนักฆ่าโดยที่ตนเองไม่ต้องลงทุน  อาศัยคอนเนกชั่น  เส้นสายการข่าว ที่กว้างขวาง

    เข้าถึงทุกวงการอย่างดีในการสนับสนุนนักฆ่าสักกลุ่ม  โดยแลกกับผลประโยชน์ที่ตักตวงจนเกิน

    คุ้ม  ปรกติพีดีนิม ไม่ชอบร่วมงานกับคนพวกนี้จะตายนี่นา  ให้เขาเข้าถึงที่นี่ได้ยังไง  และทำไม

    ด้วย  แบมแบมขมวดคิ้ว ยู่ปากอย่างใช้ความคิด

     



     

    คุณวูฟเห็นแบมแบมก็นึกเอ็นดู  ตามประสากระเทยเฒ่าที่เห็นเด็กผู้ชายลำบากไม่ได้ต้องให้ความ

    ช่วยเหลือ  ไม่ใช่แระ  นี่เขาเข้ามาเพราะผลประโยชน์ล้วนๆ  การบังเอิญได้ช่วยแบมแบมเป็นแค่

    ความบังเอิญที่หวังผลทางอ้อมให้เป็นบุญคุณต่อไปในอนาตคแค่นั้นเอ๊ง



     

     

    "ชั้นแค่อยากเปิดวงการไอดอลนักฆ่าในประเทศไทยบ้าง  เลยมาเป็นพันธมิตรกับทาง JYP หน่ะ 

    แล้วแบมแบมก็เป็นคนไทยด้วย  ชั้นเลยอยากจะช่วยเหลือ  เอาจริงๆคือนายไม่รู้หรือไงว่าบริษัท

    ของนายกำลังจะถูกเทคโอเวอร์  พีดีนิมจึงต้องการเงินสดมากที่สุดเพื่อรักษาสัดส่วนผู้ถือหุ้นไว้

    พวกรุ่นพี่ไอดอลนักฆ่าของพวกนาย ทั้ง 
    WONDERGIRL  2PM MISSA  2AM และสตาฟคน

    อื่นๆ
    ที่ตอนแรกตั้งใจจะมาเป็นเทรนเนอร์ให้พวกนายหน่ะ ถูกเรียกตัวกลับ โซลหมด เพราะต้อง

    รีบไปทำงานหาเงินมาซื้อหุ้นยื้อไว้หน่ะสิ  แล้วเขาก็รีบเซนต์สัญญากับชั้นเพื่อเงินก้อนใหญ่

    เหมือนกัน
    " คุณวูฟสลับไขว้ขาอีกด้านเพราะเต๊ะท่าจนเมื่อยแล้ว  แบมแบมก็ดูไม่มีรีแอ๊กชั่นฮือฮา

    ตื่นเต้นเล่นใหญ่ให้เห็นสมความตั้งใจของเขาเลย

     



     

    "งั้นคุณวูฟ ก็มาช่วยบริษัทแบมสินะฮะ  เป็นคนดีจังเลย" แบมแบมเก็บอาการเพราะพอรู้ตื้นลึก

    หนาบางของคนตรงหน้ามาบ้าง จึงเอ่ยป้อยอหยอดคำหวานไป  อย่างน้อยก็เป็นมิตรใช่ไหม 

    แล้วเรื่องราวมันเป็นยังไงต่อกัน ...



     

     

    "^/////^ ชมกันตรงๆแบบนี้ชั้นก็เขินเป็นนะแบมแบม   น่ารักขนาดนี้อยากได้อะไรบอก" อิคุณวูฟมี

    จุดอ่อนคือแพ้เด็กหนุ่มน้อยแบบนี้  ก็เข้าทางแบมแบมเลยสิ



     

     

    "แบมแบมอยากทราบว่าใครเป็นคนทำร้ายแบม  แล้วสมาชิกคนอื่นของทีม GOT7 เป็นยังไงบ้าง 

    คุณวูฟผู้กว้างขวาง รบกวนบอกแบมทีนะครับ" แบมแบมยอมดื่มเครื่องดื่มที่ได้รับมาในมือ เป็น

    เครื่องหมายแสดงว่าเชื่อใจ แล้วก็พูดจาออดอ้อนคนตรงหน้า



     

     

    "อืม  ชั้นไม่คาดหวังว่านายจะรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับธุรกิจดีหรอกนะ  แต่จะลองเล่าให้ฟังก็แล้วกัน

    ว่าการฝึกของพวกนายรอบนี้มันถูกวางแผนแทรกแซงมาตั้งแต่ต้นแล้ว  เรื่องที่จะเล่าให้ฟังเนี่ย

    ถือเป็นความลับสูงสุดเลยนะ  ข้อมูลพวกนี้นี้จริงๆแล้วไม่มีใครรู้นอกจากพวกชั้น กับเจ้าตัวต้น

    เรื่อง  เพราะ(การสอดรู้สอดเห็น)ซื้อขายข่าวสารในวงการนักฆ่าคืองานของเรา  ก่อนหน้าที่จะตั้ง

    บริษัท
    "เพื่อนรก" ขึ้นมา  เราไม่ได้ทำธุรกิจเบื้องหน้าใสสะอาดหรอก ธุรกิจจริงๆของเราคือการ

    แบ๊ลคเมย์ลูกค้า เราร่ำรวยมีเงินมาจากตรงนั้น  ฮะฮา  ดูเหมือนจะพูดนอกเรื่องไปไกลแล้ว  เอา

    ใหม่ๆ  นายรู้จักโลเอ็นไหมหล่ะ
    ?"



     

     

    โลเอ็น เอ็นเตอเทนเม้น (LOEN) : จัดเป็นบริษัทบันเทิงที่จัดการบริหารงานเกี่ยวกับธุรกิจไอดอ

    ลนักฆ่าทุกรูปแบบมาตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อ 30 ปีที่แล้ว พวกเขาก่อตั้ง ลีค นักฆ่า  ออกอากาศ 

    วางแผนการตลาด เรียกว่าเป็นผู้บุกเบิกจนวงการนี้เติบโตสู่ระดับสากลเป็นที่นิยมไปทั่วโลก  เป็น

    แพลทฟอร์มการจัดการ จัดจำหน่าย ดำเนินการแข่งขันนักฆ่าใหญ่ที่สุด  มีอิทธิพลมากที่สุดใน

    ธุรกิจนี้  เพราะมีผู้ถือหุ้นตั้งแต่
    SK group เจ้าของเทคโนโลยีสื่อสารทุกรูปแบบของเกาหลี ทั้ง

    ระบบ อินเตอเนท 10
    G ไปจนถึง วิชชวลเนทเวิกที่ถ่ายทอดการแข่งขัน  กระทรวงการคลังของ

    รัฐบาลเกาหลี  และ
    Kakao Crop. แฟลทฟอร์มการสื่อสารที่ควบคุมโดยระบบความคิดในสมอง 

    เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารทางไกลไร้สายตัวใหม่  นับตั้งแต่มียุคอินเตอร์เนทเกิดขึ้นมาบนโลกนี้ 

    แค่ฝังชิฟไว้ก็สามารถพูดคุย กับคนที่ติดตั้งระบบนี้ในสมองไว้ด้วยกันได้  กำลังได้รับความนิยม

    อย่างมากเพราะทำให้อุปกรณ์สื่อสารพวกโทรศัพท์ดูไร้ค่าไปเลย เข้าใกล้สิ่งที่เรียกว่าเทเลพาที

    การคุยทางจิตอย่างกับในนิยายวิทยาศาสตร์ไซไฟที่เคยมีคนเขียนไว้  ระบบนี้เคยทดลองทาง

    ทหารมาก่อนแล้ว จึงเอามาใช้ในทางพลเรือนและได้รับความนิยมมากขึ้นจนทุกคนแทบจะขาด

    ไม่ได้   นอกจากแบคอัพที่ยิ่งใหญ่แล้ว  ระบบจัดอันดับนักฆ่า
    Ranking  ผ่านชาร์ตความนิยม

    ดิจิตอล อย่าง 
    MelOn และชาร์ตรวมยอดขายทุกทางอย่าง  Gaon สองช่องทางที่ได้รับความ

    นิยม และเป็นที่เชื่อถือที่สุดของประชาชนก็อยู่ในมือของบริษัทนี้  สรุปก็คือจะบอกว่า โลเอ็นเนี่ย

    เปรียบได้กับพ่อใหญ่ผู้มีอิทธิพลสูงสุดของวงการนักฆ่า  ซึ่งบริษัทไอดอลทุกแห่งต้องประณี

    ประนอม ยอมศิโรราบหากอยากทำธุรกิจในวงการนี้อย่างราบรื่น



     

     

    แต่เมื่อสองสามปีก่อน  ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร แนวทางทำธุรกิจของบริษัทนี้จึงเปลี่ยนไป 

    จากเดิมที่เป็นแค่ตัวแทนจัดการแข่งขัน  คอยรับส่วนแบ่งจากบริษัทไอดอลต่างๆ ในการขายงาน

    ผ่านช่องทางของตัวเองนั้น 
    CEO คนใหม่ คิมฮยอนบิน  อยากจะผลิตไอดอลเองด้วย  เพื่อจะได้

    รายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย  จึงตั้งบริษัทไอดอลนักฆ่าของตัวเองขึ้นมา ชื่อ
    Starship และรวบรวม

    อดีตทหาร กองทัพพิเศษ ไว้ แล้วยังเปลี่ยนชื่อ เบื้องหน้าจาก
    LOEN เป็น 1theK เพราะต้องการ

    ให้อันดับหนึ่งในโลกไอดอลนักฆ่าเป็นชาวเกาหลีเท่านั้น  และเหมือนเป็นการบอกโลกภายนอก

    ว่าพวกเขาทำธุรกิจทุกอย่างอย่างใสสะอาด  โดยทิ้งชื่อ โลเอ็นที่สานงานสรกปรกไว้เบื้องหลัง



     

     

    แต่การที่มาบริหารธุรกิจที่ตัวเองไม่ถนัดนั้น  คิมฮยอนบินแทนที่จะทำให้โลเอ็นได้กำไรเพิ่มขึ้น

    อย่างไตรมาศก่อนๆที่เข้ามารับตำแหน่ง  กลับทำให้กำไรลดลง สูญเสียสิ้นเปลืองทรัพยากรไป

    มาก  เพราะการทำกิจการบริษัทไอดอลนักฆ่า  หากไม่มีทีมงานที่เชี่ยวชาญ  การรับมือ และแผน

    งานที่ดีพอ  การจะสร้างไอดอลนักฆ่าสักคนให้ได้รับความนิยมย่อมนอกจากใช้เงินทุ่มเข้าไป

    อย่างเดียวแล้วไม่ใช่เรื่องง่าย  บริษัทใหม่ต่อให้ดึงหน่วยรบพิเศษของแต่ละประเทศมา ก็ไม่ได้

    รับความนิยมเหมือนไอดอลที่มีรูปร่างหน้าตาดี ผ่านการเทรนมาจากบริษัทผลิตไอดอลโดยตรง 

    จนตอนนี้คนทั่วไปคิดว่าบริษัทผลิตไอดอลนักฆ่ายักษ์ใหญ่ อย่าง
    SM เป็นผู้มีอิทธิพลสูงสุดใน

    วงการนี้แทนไปแล้ว  ด้วยยอดจำหน่ายสิทธิ์เข้าถึงที่มีมูลค่ามหาศาลมากกว่า  ยิ่งอันดับสองรอง

    ลงมาก็เป็น
    YG และอันดับสาม ก็เป็น JYP ที่มีทุนจดทะเบียนน้อยกว่า 1 ในร้อยแถมกำไรยัง

    น้อยกว่า 1 ในพันของบริษัทเขาเสียอีกยังมีคนคิดว่ายิ่งใหญ่กว่าแบบนี้  เขาจะเอาหน้าไปไว้

    ที่ไหน



     

     

    เมื่อสร้างไอดอลที่ดีเยี่ยมเองไม่ได้ดี  ก็ต้องไปเทคโอเวอร์บริษัทที่ทำได้ดีมาซะ   JYP จึงเป็น

    บริษัทที่ถูกหมายตา  เนื่องจากมีขนาดไม่ใหญ่มาก โครงสร้างผู้ถือหุ้นมีหลากหลายไม่สามารถ

    รวมตัวกันได้อย่างเข็มแข็ง บอร์ดบริหารไม่เก่ง และอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เกาหลี  คิมฮยอนบิน

    พยายามกว้านซื้อหุ้นจากบุคคลทั่วไปนักลงทุนรายย่อยที่มีขายบนกระดานสั่งซื้อ และทำการ

    เจรจาซื้อล๊อทใหญ่จากผู้บริหารที่ถือหุ้นเยอะๆ  โดยให้ราคาที่ทุกคนที่ได้รับข้อเสนอต้องตาลุก

    วาว  เขาค่อยๆรวบรวมหุ้น ที่กระจัดกระจายจนได้ 20
    %  ตอนนี้นับว่าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสอง

    มากกว่าอดีตซีอีโอ อย่าง ปาร์คจินยอง พีดีนิม ผู้ก่อตั้ง ที่เหลือหุ้นอยู่ในมือ 18
    % ไอดอลของ

    บริษัทจะได้รับหุ้นคนละ 1
    %  ทันทีหลังจากที่พวกเขาเดบิว ซึ่ง ตอนนี้บริษัทมีไอดอลรวม 15 ยู

    นิท รวมเป็น 30 คน เป็น 30
    % อยู่ในมือไอดอลนักฆ่าผู้ถือหุ้น 30คน  ไอดอลนักฆ่าที่ออกจาก

    บริษัทหรือเสียชีวิตระหว่างการแข่งจะถูกถอนคืนหุ้นมาขายในกระดานไม่มีการส่งต่อให้ทายาท

    หรือคนนอก  ซีอีโอคนปัจจุบันลีดองวุค ถือหุ้นอยู่ 22
    % เหลืออีก 10 % เป็นของนักลงทุนระยะ

    ยาว ที่เรียกว่า
    VI คนพวกนี้เข้าซื้อหุ้นแล้วไม่ขาย เพราะพวกเขาลงทุนโดยเน้นผลกำไรจาก

    บริษัทที่เข้าไปลงทุนตอบแทนในระยะยาว หลายๆปีขึ้นไปด้วยมองเห็นโอกาสเติบโตอะไรสัก

    อย่างในบริษัทนี้ที่จะทำให้ราคาหุ้นสามารถก้าวกระโดด หรือสร้างผลตอบแทนในระดับที่พวกเขา

    พอใจได้

     



     

     



     

    เป็นอันว่า คิมฮยอนบิน ต้องการหุ้นอีก 3% จะได้ไปถึง 23 % ถึงจะมากกว่า CEO คนปัจจุบันที่มี

    หุ้นอยู่ 22
    % เพื่อจะได้สิทธิในการขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ JYP ได้สิทธิ์ในการบริหารงานและ

    เข้าควบคุมกิจการของบริษัทซึ่งวิธีที่จะได้มาอย่างชอบธรรมเขาได้ทำทุกวิถีทางแล้ว คงเหลือแต่

    วิธีปัจจุบันที่โหดร้ายมืดดำที่เขาคิดขึ้นมาได้  คือการทำให้ผู้ถือหุ้นที่เขาต้องการอยู่เสียชีวิตซะ 

    โดยส่วนของหุ้น 10
    %ที่เป็นของนักลงทุนระยะยาวนั้น  ถูกถือครองด้วยนักลงทุนหลายสิบคน 

    เขาคงไปตามฆ่าไม่ได้หมด  แถมชื่อเจ้าของยังถูกปิดบังไว้  เพราะหากถือครองหุ้นไม่ถึง 5
    %

    บริษัทจะไม่เปิดเผยรายชื่อของนักลงทุนนั้นสู่สาธารณชน  มีจะเหลือแต่เหล่าไอดอลของบริษัท

    ที่พอจะรู้ว่ามีใครบ้างในส่วนของ 30
    %  นโยบายจ่ายหุ้นให้ไอดอลหลังเดบิวนั้นมีแค่ บริษัท

    JYP ที่ทำ เพราะประธานคนเก่าเองก็เป็นไอดอลนักฆ่า  และขึ้นชื่อเรื่องธรรมมาพิบาล  ไอดอล

    ของ
    JYP จะได้รับส่วนแบ่งรายได้ 70% จากทุกสิ่งที่พวกเขาใช้น้ำพักน้ำแรงหามาได้  รวมถึงยัง

    ได้หุ้น อีก 1
    % ของบริษัท ทำให้ยิ่งบริษัทมีรายได้มากเท่าไหร่  พวกเขาก็จะมีรายได้เยอะขึ้น

    เท่านั้น  ถึงจะไม่ใช้ข้อดีทั้งหมด เพราะเวลาบริษัทขาดทุนผู้ถือหุ้นก็เดือดร้อนเหมือนกัน  แต่ก็ยัง

    มีความมั่นคงจนถึงตอนออกจากวงการเมื่อมีอายุมากขึ้น 
    JYP  ถือเป็นบริษัทที่ให้ผลตอบแทน

    กับลูกจ้างจนเกินคุ้ม  แต่ก็มีข้อเสียคือ บริษัทก็ไม่มีเงินมากมายพอที่จะไปขยายกิจการให้ใหญ่

    โตสู้
    SM หรือ YG ได้  ก็เท่านั้น  แต่ความสุขและคุณภาพชีวิตมันก็ต่างกันกับพวกที่ต้องทำงาน

    เป็นเครื่องจักรทั้งวันทั้งคืนอยู่แล้ว  แล้วแต่จะเลือกเลย  และเพราะเหตุนี้
    Royalty หรือความ

    ภักดีของไอดอลต่อบริษัทจึงสูงมากๆ  ไม่มีไอดอลคนไหนนำหุ้น 1
    % ของตัวเองออกมาขาย คุณ

    พอมองออกหรือยังว่า คิมฮยอนบินจะเอาหุ้นอีก 3
    % ที่เขาต้องการมาจากไหน



     

     

    Interline  ไง นายรู้จักดีใช่ไหมหล่ะ  แบมแบม  มาร์ค  แจ๊คสัน  สมาชิกต่างชาติที่ไม่ใช่คน

    เกาหลี  ถ้าพวกนาย 3 คนหายไป  คิมฮยอนบินก็จะได้โอกาศซื้อหุ้นของพวกนายที่ถูกกลับมา

    ปล่อยในกระดานซื้อขาย แล้วยังได้สินค้าที่เป็นไอดอลนักฆ่าชาวเกาหลีล้วน  ถึงเขายังไม่ได้เป็น

    ประธานคนบริหารงานใบริษัทขนาดนี้ แต่ด้วยจำนวนหุ้นอันดับสอง  เขาก็มีสิทธิ์แทรกแซงการฝึก

    ของพวกนาย  แอบส่งนักฆ่าของ
    Starship แฝงเข้ามาบนเกาะตั้ง 5 ทีม โดย



     

     

    ทีมแรก คือ ทีมอัลฟ่า  แผงตัวเป็น ทีมแบ๊คอัพฝึกหัด  จริงๆก็คือแบ๊คอัพตัวจริงเลยแหละ  (มี 4

    คน เป็นแบ๊คอัพทีมหมา - ตอนนี้อยู่กับ เจบี)

     

     

     


     

    ทีมที่ 2 คือทีม บราโว่  แฝงตัวอยู่ในป่า คอยคำสั่งจู่โจม  (มี 8 คน ที่จู่โจมมาร์ค -ตอนนี้อยู่กับ

    มาร์ค)


     

    ทีมที่ 3 คือ ทีม ชาลี  ทำหน้าที่ประสานงานหลักควบคุม การสื่อสาร และขนส่ง  (มี 12 คน อยู่ที่

    คลังเก็บเครื่องบิน -ตอนนี้อยู่กับแจ๊กสัน และยองแจ)


     

    ทีมที่ 4 คือทีม เดลต้า ทำหน้าที่แฝงตัวเป็นครูฝึก แต่คอยแอบลอบสังหาร อินเตอน์ถ้ามีโอกาส (

    มี 10 คน เป็นครูฝึกช่วงแช่บ่อน้ำแข็ง 8 คน และ อีก 2 คน ดำน้ำซ่อนอยู่ใต้ทะเล เป็นคนทำร้าย

    แบมแบม 1 คน และ แจ๊กสัน 1 คน -ตอนนี้กำลังมุ่งหน้าไปหามาร์คเป็นทีมที่เก่งที่สุดในทั้งหมด)


     

    ทีมที่ 5 คือทีม ฟ๊อกทร๊อซกำลังซ่อนตัวอยู่ยังไม่ปะทะกับใคร (มีสมาชิก 6 คน)

     



     

    แบมแบมกลืนน้ำลายเหนียวคอขึ้นมาเมื่อฟังจบ  สรุปเป้าหมายของโลเอ็น คือ เท็คโอเวอร์บริษัท

    เพราะต้องการหุ้น 3
    %ด้วยการฆ่า อินเตอร์ไลน์ 3 คน แล้ว CEO คนนั้นยังชาตินิยมไม่ชอบชาว

    ต่างชาติ  หวยจึงมาตกที่พวกแบม  มาร์ค และแจ๊กสัน เพราะพวกเขายังทำรายได้ให้บริษัทได้ไม่

    มาก อายุน้อย แร๊งกิ้งต่ำสุด น่าจะฆ่าตายได้ง่ายที่สุด  ต่างชาติคนอื่นอย่างพี่นิชคุณนั้นเป็นตัวเงิน

    ตัวทองเลย หาเงินเข้าบริษัทได้เยอะมากๆ  ฝีมือก็ดี  พวกพี่ เจีย เฟย นูน่าไม่ต้องสืบ  สวย เก่ง

    ได้รับความเอ็นดูเป็นพิเศษด้วยซ้ำ  แต่ก็มีบางอย่างที่ช่วยให้เด็กน้อย  คลายกังวล  ไม่ว่าพวก

    เขาจะถูกบีบยังไง  ถ้าคนที่เหลือไม่เปลี่ยนใจขายหุ้น   คิมฮยอนบินก็ทำอะไรไม่ได้  นี่คงเป็น

    สาเหตุให้ เจ้าชาร์ต สวนแตงเน่าไม่เป็นมิตรกับไอดอลชาย บริษัทเขาเท่าไหร่สินะ  ก็ โดนผู้ถือ

    หุ้น
    JYP พร้อมใจกันหักอกซะขนาดนี้  คล้ายพวกจีบเขาไม่ติด ก็โกรธว่าเป็นความผิดเขาซะงั้น



     

     

    "คุณวูฟรู้ลึก รู้จริงขนาดนี้  มาบอกแบมแบมแบบนี้ไม่เป็นไรเหรอครับ  แบมแบมอาจจะเอาเรื่องนี้

    ไปบอกคนอื่นต่อก็ได้นะ
    " เด็กน้อยถามหยั่งเชิง  เพราะแบมแบมก็เดาจุดประสงค์ของชายผิดเพศ

    ตรงหน้าไม่ออก  ในวงการนี้ข่าวสารข้อมูลที่ถูกต้องเที่ยงตรงมีความสำคัญต่อการอยู่รอดของ

    พวกเขามาก  ไอ้คุณวูฟนี่ทำทีไปร่วมงานกับปริษัทนู้นบริษัทนี้เพื่อสืบข่าวด้วยอย่างนึงสินะ  แม้

    แบมจะไม่ได้เป็นฝ่ายใช้ข้อมูลมากมายอะไรยังรู้สึกว่าคนคนนี้น่ากลัว  อาจจะนำข้อมูลสำคัญของ

    พวกเขาไปเปิดเผยให้คู่แข่งคนอื่นเมื่อไหร่ก็ได้  นี่คือคนไม่น่าไว้ใจควรจับตาดูไว้ใกล้ๆมากกว่า

    ใช่ไหม



     

     

    อิคุณวูฟยิ้มน่าขยะแขยงมาทางแบมทีหนึ่ง เป็นรอยยิ้มไม่เชิงยิ้ม ก่อนจะถือวิสาสะจับมือแบม

    แบมขึ้นมา  แต่เด็กน้อยตกใจรีบชักมือกลับ  อ้างว่าเป็นปฎิกิริยาตอบสนองไปเองของนักฆ่าที่ถูก

    ฝึกมา  แต่ดวงตาเยิ้มเรื้อนนั่นก็ยังไม่เลิกมองไปทั่วร่างของเขา  มันจะเอายังไงกับเขากันเนี่ย



     

     

    "มาร์ค ต้วน  พบล่าสุดในป่า ห่างจากที่นี่ 4 กิโลเมตร คาดว่ากำลังมุ่งหน้ามาหานาย  แต่มีทีมบรา

    โว่ กับ ทีมเดลต้า ร่วม 18 คน  ขวางอยู่ ด้วยอาวุธครบมือ  ทำยังไงดีน๊า  ....แจบอม เจอกับที

    มอัลฟ่า  ....แจ๊กสันเจอกับทีมชาลี
       ยูคยอมข้อเท้าหักอยู่กับจินยอง   ส่วนยองแจอยู่ในป่าตรง

    ไหนสักแห่ง
    " ที่อิคุณวูฟรู้การเคลื่อนไหวของคนจากโลเอ็นทั้งหมดเพราะเขาใช้เงินซื้อข่าวจาก

    คนข้างในและได้รหัสดักฟังช่องความถี่วิทยุสื่อสารของพวกนั้นมาตลอดตั้งแต่ต้น  มีการพูดคุย

    ผ่านวิทยุคลื่นสั้นนั้นตลอดเวลา



     

     

    "ฉันอาจจะให้ปืนกับนายสักกระบอก  หรือวิทยุสื่อสารกับนายสักเครื่อง  ถ้าเพียงแต่นายทำข้อ

    ตกลงบางอย่างกับชั้น
    ..."



     

     

    "คุณวูฟ!!?  จะให้แบมแบมขายข้อมูลของบริษัท  พีดีนิม รุ่นพี่ เพื่อนร่วมทีมเหรอ  แบมแบมไม่ทำ

    หรอกนะ
    !" แบมแบมโวยวายขึ้นมาเมื่อกระเทยเฒ่าตรงหน้าลีลาลากเสียงยาว  แต่ไม่ทันไรมือ

    ใหญ่หยาบก็ยื่นมาลูบแก้มนิ่ม แล้วถือวิสาสะบีบเข้าอย่างมันเขี้ยว  แบมแบมแขยงจนขนลุก  แต่

    ตอนนี้เขาไม่ได้นึกห่วงตัวเองเลย  สมองน้อยๆกำลังจะระเบิดกับท่าทาคลุมเครือของคนตรงหน้า 

    เขารอนาทีที่จะได้ประโยชน์สูงสุดจากการเจรจาเหรอ  แบมแบมไม่มีอะไรจะให้หรอกนะ  ไม่มี

    ทางที่เขาจะขายเพื่อน ขายบริษัทแน่นอน



     

     

    "อ๊าคค! โถ่เว้ยยย  ต้อนมาร์ค ต้วนไปทางหน้าผา  ปีเตอร์แพน กับสนูปปี้อ้อมไปข้างหลัง  มัน

    โดนยิงเข้าไปแล้วไปไหนไม่รอดหรอก
    " อิคุณวูฟเปิดเสียงวิทยุสื่อสารในมือที่ปิดไว้ก่อนหน้าให้

    ดังจนแบมแบมได้ยิน  เด็กน้อยมีท่าทีตัวแข็งเกร็งมือกำชายเสื้อแน่นทันที  แววตาเด็กน้อยวูบ

    ไหว ตื่นตระหนกแค่ได้ยินชื่อของคนสำคัญลอดออกมา  ท่าทีของแบมแบมก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้น

    เชิง



     

     

    "ขอร้องชั้นสิเด็กน้อย" ใบหน้าน่าเกลียดตรงหน้าเหยียดยิ้มอย่างผู้มีชัยมาทางแบมแบม 

     



     

    เด็กน้อยโกรธจนน้ำตาคลอ  ไอ้ไฮยีน่าเฒ่า  ไอ้โฉด ไอ้ชั่ว ไอ้ฉลาด  ไอ้เลว ไอ้!@#$%^&*เขา

    โมโห อัดอั้นจนไม่รู้จะด่าคำไหนให้สาสม   เอาสถานการความเป็นความตายของคนที่เขารักที่สุด

    มาเป็นเครื่องต่อรองโดยที่ตัวเองไม่ต้องลงมือทำอะไรเลย   แม้แบมแบมจะผ่านโลกมาไม่มาก

    แต่ก็รู้สึกได้เลยว่านี่มันเป็นการต่อรองที่เอาเปรียบอย่างที่สุด  แต่ถ้าเขาไม่รับปากพี่มาร์คต้องแย่

    แน่ๆ(ซึ่งก็แย่มากแล้ว)ถ้าเขาไม่ไปช่วย   ฮรึก .. แบมแบมจะทำยังไงดี  .....






    ****************************






    100 % TBC. จ้า ....




    งือออออออออออออออ  คิดถึงรี๊ดเดอร์ทุกคนน๊า  กว่าจะอัพ คือ ไม่รู้จะอ่านตอนนี้รู้เรื่องกันไหม

    คือมันมีเบื้องลึกมากๆอยู่ไง  งานเผาสวนแตงมันยิ่งใหญ่จริงๆ บอสใหญ่กับรองบอส ออกแล้วน๊า

    555 ชีวิตGOT7 นั้นต้องฝ่าฟันรันทดอีกเยอะ ถึงจะได้ 1st  WIN ไปแล้ว  คอนใหญ่ ครั้งแรก ตั้ง

    แต่เดบิว 2 ปี 3 เดือน ลีดเดอร์ก็มาเจ็บอีก  #GetWellSoonImjaeboem  #GetwellSoonJb  มี

    ตัวละครที่คุณก็รู้ว่าใครโผล่มาด้วย  ขอใส่อารมณ์นิสนะ เกลียดมานนนนนนนนนนนนนนน




    รักรีดเดอร์น๊าทุกคน จุฟๆ ขอบคุณที่ยังติดตามนะคะ 

















     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×