ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Got7] JJ Factors - เจเจแฟ๊กเตอร์ [SF/OS][Bnior][BNyoung]

    ลำดับตอนที่ #14 : [SF] At your service [BNior] 2/3

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 606
      6
      14 พ.ค. 60



    [SF] At your service [Bnior] 2/3 












                  "ถ้าไม่มีเซราฟิมคนไหนออกมารับงาน  นายจ้างก็จำใจจะต้องทำสัญญากับนักฆ่าชั้นรองลงมาอย่างเครูบีม" คุณวินส์ตันชายชราร่างท้วมท่าทางเข้มงวด  กำลังยืนให้เจบีเจ้าของห้องเสื้อแห่งคอนติเนนตัลวัดตัวตัดชุดสูทเพื่อเตรียมไปร่วมงานฉลองรับตำแหน่งของพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่  ที่จะจัดขึ้นเป็นการภายในของวาติกันหลังจากเสร็จสิ้นพิธีการคัดเลือกเป็นที่เรียบร้อยในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า  ผู้จัดการแคลนนักฆ่านับว่าเป็นหนึ่งในพนักงานคริสตจักรคนสำคัญที่ปฏิบัติงานขึ้นกับโป๊ปโดยตรง  เมื่อมีการเปลี่ยนแผ่นดินย่อมต้องถูกเรียกไปรายงานตัวเพื่อแสดงความจงรักภักดีด้วยความบริสุทธิ์ใจเป็นคนแรกๆอยู่แล้ว

     

     

                  "ถึงผลการคัดเลือกประมุขศาสนจักรพระองค์ใหม่จะยังไม่แน่ชัด ต้องรอมติลงคะแนนในพิธีคอนเคลฟ* ก่อน  แต่ก็มีคำสั่งจากผู้รับใช้ใกล้ชิดพระคาร์ดินัลชั้นผู้ใหญ่หลายองค์ที่มีสิทธิ์ได้รับเลือก  ลอบมาเปิดสัญญากับนักฆ่าของคอนติเนนตัลให้จัดการเก็บคู่แข่งว่าที่ผู้นำศาสนากันเอง  โดยเฉพาะพระคาร์ดินัลสัญชาติเกาหลีที่ดูจะถูกหมายหัวมาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะมีผู้ให้การสนับสนุนอยู่เยอะ เลยมีแววได้ดำรงตำแหน่งอันสำคัญนี้มากที่สุด  ช่วงนี้ชาวเกาหลีเข้ามามีอิทธิพลในระดับสากลโลกมากขึ้นในหลายกิจกรรม ของหลากหลายวงการ  อย่าง บริษัท Sumsumg ที่ขยายธุรกิจเข้ามาเป็นแนวหน้าทั้งในวงการสื่อสารอิเล็กโทรนิค เครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ และนาชิพเซมิคอนดักเตอร์ ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยก้าวหน้า และยอดขายเป็นอันดับ 1 ของโลกในยุคนี้  หรือกระทั่งเลขาธิการองค์การสหประชาชาติคนล่าสุด ก็ล้วนมีสัญชาติเกาหลี  อีกวงการบันเทิงเองก็มีทั้งนักแสดง ไอดอล ที่สามารถมาเป็นไอค่อนครองใจผู้คนแย่งศรัทธา ความนิยมของผู้คนให้มีใจออกห่างไปจากการนับถือศาสนา  ทำให้พวกผู้อาวุโสที่เจ้ายศเจ้าอย่าง หัวโบราณ ถือเอาแต่ว่าตำแหน่งสำคัญสูงสุดยิ่งนี้ต้องเป็นของชนผิวขาวชาวคอเคซอยเท่านั้น  เกิดเหยียดผิวและรู้สึกไม่พอใจ  ยิ่งสูงยิ่งหนาว ยิ่งอีโก้เยอะ ปล่อยวางกันไม่ได้หรอก  ถึงพระคาร์ดินัลจะเป็นตำแหน่งสูงส่ง และบริสุทธิ์ แต่ก็ยังเป็นปุถุชนที่คงหลงเหลือกิเลศ อยากได้ใคร่ดีอยู่  แล้วยิ่งมาเจอลูกยุจากคนสนิทเข้าไปก็ต้องมีไขว้เขวได้เหมือนกัน  หรือถึงแม้พวกท่านจะวางตัวดี ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ  แต่กับลูกศิษย์ ผู้รับใช้ใกล้ชิดมันไม่ใช่  เพราะอำนาจของตำแหน่งผู้นำสูงสุดของศาสนาที่จะได้รับนั้นมันมีทั้งคุณ และโทษ  อุดมไปด้วยผลประโยชน์อันมากมายมหาศาลไม่มีประมาณได้"

     

     

                  "ทางเครูบีม จินยอง ตกลงรับงานแล้วเหรอครับ" สายวัดตัวสีขาวตีสเกลสีดำทำจากพลาสติกพีวีซีนุ่มในมือช่างตัดเสื้อหนุ่ม เผลอตวัดปาดหลังมือของชายสูงวัยจนได้เลือดก่อนจะได้รับคำตอบกลับด้วยความเคร่งเครียดของคำถาม

     

     

                  "แหนะ!!  ระวัง  ยั้งมือหน่อยสิ  ฉันแก่แล้วเป็นแผลขึ้นมาจะหายยากนะ" คุณวินส์ตันเอ่ยตำหนิ  ที่เวลาเขาพูดถึงคู่กรณีปาร์ค จินยองทีไร  เจบีเป็นต้องออกอาการใดๆที่ไม่ปรกติขึ้นมาทันที

     

     

                  "เอ่อ  ต้องขออภัยอย่างสูงครับ  เดี๋ยวผมจะเรียกเด็กในร้านมาทำแผลให้คุณก่อน  ค่อยวัดตัวต่อก็แล้วกัน" ร่างหนารีบขอโทษขอโพยผู้มีอายุด้วยท่าทีสุภาพ  หากเป็นคนทั่วไปนี่ยากนักที่จะทำให้คนระดับคุณวินส์ตัน เลือดตกยางออก แล้วยังมีลมหายใจมาขอโทษขอโพยต่อได้

     

     

                  "เฮอะ  แผลเล็กแค่นี้ไม่ถึงตายหรอกน่า  ทำงานของนายต่อไปเถอะ  ไม่ได้ออกงานใหญ่ๆ สำคัญๆมานานแล้ว  ขอชุดสุดหล่อจัดเต็มเลยนะ"

     

     

                  "ไม่ต้องห่วงครับ  กาลเวลาทำอะไรคุณวินส์ตันไม่ได้เลยนะนี่  แม้ภายนอกจะร่วงโรยลงไปตามวัยอยู่บ้าง  รูปร่างอาจจะไม่ได้ยอดเยี่ยมอย่างสมัยหนุ่มๆ  แต่คุณก็ยังดูสมบูรณ์ แข็งแรงดี มีสง่าราศี ภูมิฐาน น่าเกรงขาม หล่อสมวัยไม่เปลี่ยนไปจากสมัยที่ผมได้เจอคุณตอนแรกเลยนะครับ"

     

     

                  "อ่า ..นั่นสิ  กี่ปีแล้วนะ  ตอนนั้น ปาร์ค จินยองยังตัวกระเปี๊ยกอยู่เลย สูงไม่พ้นเอวฉันด้วยซ้ำ  ส่วนนายก็ไม่ได้โตกว่ากันมากนัก สัก 6 - 7 ขวบกันได้กระมัง"

     

     

                  " 15 ปีแล้วหล่ะครับที่พวกเราได้มาอาศัยอยู่ที่นี่  หากคุณไม่ช่วยพวกเราเอาไว้ในวันนั้น  ผมกับจินยองคงเหลือแต่วิญญาณเฝ้ามหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ไปแล้ว" เจ้าของร้านเทลเลอร์คนเก่งพูดพลาง ก้มๆเงยๆ วัดความยาวช่วงขา เส้นรอบวงข้อเท้าปลายกางเกง  ช่วงตัว  หัวไหล่ แขน ข้อมือ รอบอก รอบเอว เป้า สะโพก อย่างละเอียดยิบเป็นระดับมิลลิเมตร  เรียกว่าถ้าน้ำหนักขึ้นก่อนวันงานจริงต้องมีการแก้ชุดอย่างแน่นอน  ดังนั้นชุดสูทที่สั่งตัดจากที่นี่ต้องมีการฟิตติ้งอย่างน้อย สามครั้งเพื่อความละเอียด ประณีต เนี๊ยบที่สุดของที่สุด

     

     

                  "แล้วคราวนี้ นายจะไปช่วยเด็กคนนั้นเหมือนงานก่อนๆอีกไหม?" ชายชราถามออกมาด้วยแววตาสุดจะคาดเดาได้

     

     

                  "คุณรู้!!?" ช่างตัดเสื้อหนุ่มอมยิ้ม แถมถอนหายใจอย่างปลงๆให้กับคุณวินส์ตัน  งานการข่าวของคอนติเนนตัลนี่ดูถูกไม่ได้เลยทีเดียว  จริงอยู่ว่าชายสูงวัยคนนี้มีเครือข่ายด้านข้อมูลที่ยอดเยี่ยม  แต่เรื่องหยุมหยิมเป็นส่วนตัว อย่างการตามเขาที่ตามจินยองออกไปทำงานอีกทีนี่  ดูไม่จำเป็นและไม่น่าจะมีประโยชน์อะไรต่อใครเลยนี่นา

     

     

                  "เป้าหมายของคุณ คือผม หรือเครูบีมคนนั้นกันแน่ครับ" หลังจากวัดตัวเสร็จ  เจบีก็เชิญคุณวินส์ตันออกมาจากห้องลองชุด หมายเลข 1 ให้มาจิบกาแฟ และทำแผลให้เรียบร้อย

                 

     

                  "อะไรน่าจะเป็นข่าวที่ได้ราคามากกว่ากันหล่ะ  ระหว่าง เครูบีมที่รับงานฆ่าผู้จัดการคอนติเนนตัลอย่างชั้นด้วยสนนราคา 6000 เหรียญโฮลี่เกรล  กับเซราฟีมที่เป็นที่ต้องการในการจัดการว่าที่โป๊ปชาวเกาหลีคนนั้นจนมีคนวางเงินถึง 1000 เหรียญโฮลี่เกรล สำหรับแค่เบาะแส และอีก 5000 โฮลี่กิลถ้าสามารถพาเซราฟีมมาทำคอนแทคได้ โดยประกาศจ่าย 15000 เหรียญโฮลี่เกรล ถ้าเซราฟีมรับงาน  อย่างงี้แล้วฉันคงไม่มีเวลาว่างไปสนใจช่างตัดเสื้อที่ไม่ได้อยู่ในวงโคจรแบบนายหรอก"

     

     

                  "โอ้โห...อ่านะ...  แล้วใครกันที่จะมีเหรียญโฮลี่เกรลสะสมไว้มากมายขนาดนั้น  ถึงคอนติเนนตัลจะมีการก่อตั้งมาหลายร้อยปีแล้ว  แต่จำนวนเหรียญที่ผลิตออกมาตั้งแต่ปีแรกจนถึงปัจจุบันหมุนเวียนในมือคนจำนวนไม่กี่พันคนนี่ ก็ไม่น่าเกิน หนึ่งแสนเหรียญนะครับ  ยกเว้นแต่...." เจบีลากเสียงเบาลงอย่างใช้ความคิด

     

     

                  ".......อาจจะใช่ คนที่นายกำลังนึกถึงอยู่นั่นแหละ  เพราะพระองค์ท่านพ้นวาระไปอย่างผิดธรรมชาติ  องค์รักษ์สวิสที่มีหน้าที่อารักษ์ขาทั้งตำแหน่งพระสันตะปาปา เหล่าพระคาร์ดินัล และเหตุการณ์ทุกอย่างภายในรั้วกำแพงวาติกันย่อมไม่อาจอยู่เฉยได้"

     

     

                  องค์รักษ์สวิส*** เป็นองค์กรที่เหมือนกับฝาแฝดของคอนติเนนตัล  คือเป็นกองกำลังทางทหารแบบหนึ่งที่ขึ้นตรงและทำทุกอย่างตามคำสั่งของเจ้าของแหวนแห่งชาวประมง** ก็คือผู้นำสูงสุดของวาติกัน เพียงแต่อยู่หน้าฉากในที่สว่าง เบื้องหน้าเป็นหน่วยบอดี้การ์ดที่คัดเลือกบุคลากรจากผู้ที่มีอุดมการณ์ และมากศรัทธาในคริสต์ศาสนา ต้องเป็นชายชาวสวิสที่ผ่านการฝึกทหารและมีอายุระหว่าง 19 -30 ปี ชอบทำตัวเป็นผู้พิทักษ์คุณธรรม คอยขัดแข้งขัดขา ทำงานเอาหน้า  แข่งกับคอนติเนนตัลมาตลอด  ผู้นำคนปัจจุบันของหน่วงงานองค์รักษ์สวิสก็เคยประกาศกร้าวเสียด้วยว่าเขามี นโยบายอยากทำลายคอนติเนนตัลให้ราบคาบ  ด้วยมีความคิดว่างานลอบสังหารบุคคลสำคัญเพื่อความมั่นคงของศาสนาโดยคอนติเนนตัลนั้นเป็นเรื่องไม่จำเป็น  ทั้งยังเป็นสิ่งที่ทำให้วาติกันแปดเปื้อน มัวหมอง ด่างพร้อยเสียด้วยซ้ำ

     

     

                  "อ่า... ผมไม่แปลกใจเลยถ้าหน่วยองค์รักษ์สวิส จะอยากเก็บผู้นำคอนติเนนตัลอย่างคุณ  แต่การใช้วิธีเอาเหรียญโฮลี่เกรลก้อนโตมาล่อหน้าล่อตา เครูบีมที่กำลังหิวเงินแบบนี้  ถือเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยสินะ" เจบีออกความเห็น

     

     

                  "ใช่ ถ้าเครูบีม จินยองทำงานได้สำเร็จ คือสามารถสังหารผมที่กำกับดูแลคอนติเนนตัลอยู่ได้แล้วละก็ พวกองค์รักษ์สวิสนั่นคงจะติดปีก  มีน้ำหนักในการทูลพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ให้ล้างบางเราชาวคอนติเนนตัลซะเพราะขาดผู้นำ  หรือถ้างานไม่สำเร็จ ก็คงจะเพราะเครูบีมเองเป็นฝ่ายถูกผู้คุมกฎของคอนติเนนตัลจัดการเก็บไปเสียก่อน  ...นี่พูดในกรณีที่ไม่มีใครบางคนมาแทรกแซงอ่ะนะ"

     

     

                  "แย่นะครับ  ตอนนี้ไม่มีเซราฟีมสักคนปรากฏตัวออกมาเลยในรอบหลายปี  ถ้าคอนติเนนตัล เสียเครูบีมไปอีก ความน่าเชื่อถือคงลดลงไปเยอะ  คมเขี้ยวที่เป็นสัญลักษณ์ จุดขายหายไป คงมีผลต่อ น้ำหนัก อำนาจ และอิทธิพลขององค์กรน่าดู"

     

     

                  "นั่นแหละ  ฉันเลยสงสัย  ว่านายจะเลือกช่วยเครูบีม ในการสังหารฉัน  หรือจะเลือกช่วยทางคอนติเนนตัลของฉัน จัดการเครูบีมกัน  เพราะเจ้าของร้านค้าที่รับเหรียญตราโฮลี่เกรลทุกร้านในที่นี้ ถือเป็นการ์เดี้ยนของคอนติเนนตัลหมด"

     

     

                  "เอ.... ผมจะมีทางเลือกไหมหล่ะครับ  ผมก็เป็นแค่ช่างตัดสูทธรรมดาๆเสียด้วยแล้วถ้าเกิดทางผู้ว่าจ้างอย่างผู้นำองค์รักษ์สวิสเสียชีวิต  สัญญาของเครูบีมก็จะสิ้นสุดถูกยกเลิกไปใช่ไหมครับ?"

     

     

                  "มันก็ใช่  แล้วช่างตัดเสื้อสามัญชนอย่างนายจะไปทำอะไรเขาได้หรือไง...อีกอย่าง  หากเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกองค์รักษ์สวิสหล่ะ  ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกชัดจูงให้คิดว่าหน่วยทหารพวกนั้นคือตัวร้ายมากไปหน่อย  ด้วยอะไรๆก็ชี้ไปทางคนพวกนั้นเสียหมดทุกอย่าง"

     

     

                  "ผมว่าคุณวินส์ตันคิดมากเกินไปแล้ว  ไหนคุณเคยบอกว่าผู้จัดการใหญ่แห่งคอนติเนนตัลไม่เคยทำงานตามสัญชาตญาณ ทุกอย่างต้องมีหลักฐานพิสูจน์ได้ไงครับ  เจอเงื่อนงำอะไรคุณก็ควรว่าไปตามนั้นแหละ"

     

     

                  "ไม่รู้สิ  ช่วงนี้รู้สึกร่างกายตื่นตัว มีชีวิตชีวา เหมือนกับว่าได้กลับไปเป็นวัยหนุ่มอีกครั้ง  หรืออีกนัยเขาว่ากันว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นในวาระสุดท้ายของชีวิต  เลยทำให้ผมคิดอะไรไปตามเซนส์หน่ะ"

     

     

                  "ไม่เอาน่า  คุณยังแข็งแรงจะตาย  มาพูดอะไรเป็นลางแบบนี้ได้ยังไง  เดี๋ยวสัปดาห์ถัดไปผมจะให้เด็กส่งวันนัดฟิตติ้งชุดครั้งแรกไปนะครับ" 

     

     

                  รอยยิ้มการค้าฉาบบนใบหน้าช่างตัดชุดสุดหล่อเป็นการปิดการสนทนา   ในเมื่อคนตรงหน้าไม่ตอบคำถามที่เขาย้ำไปถึงสองครั้งสองครา ว่าเจ้าของห้องเสื้อของคอนติเนนตัลประสงค์จะเลือกเข้าข้างผู้ใด  ก็สุดจะหาวิธีไหนมาคาดคั้น  คุณวินส์ตันได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินออกจากห้องเสื้อชั้นใต้ดินมา  เขายังมีงานอื่นต้องจัดการสะสางอยู่อีกมากเกินกว่าจะมัวหาคำตอบอย่างเอาเป็นเอาตายในตอนนี้

     

     

                  "หึ!...ไม่ได้แก่กะโหลกกะลาสินะ" เจบีพรูลมหายใจออกมาหลังจากที่คุณวินส์ตันเดินลับตาไปแล้ว  ชายหนุ่มปลดผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลออก เหลือเสื้อกั๊กแบบคล้องคอสีดำทับเสื้อเชิ๊ตสีขาวแขนยาว  มือหนากำลังเอื้อมไปปลดกระดุมคอเสื้อที่ติดจนถึงเม็ดบนสุดให้ดูสุภาพเรียบร้อยออก  พลันได้ยินเสียงก๊อกๆแก๊กๆแถวตู้เก็บของถัดไปในห้องลองเสื้อเบอร์ สอง

     

     

                  "หาอะไรอยู่เหรอ ยูคยอม?" เจ้าของห้องเสื้อโผล่เข้าไปด้านหลังเด็กฝึกงานที่กำลังค้นโน่นค้นนี่อย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง

     

     

                  "โอ้ ก๊อด!!  ตกใจหมดเลยอ่ะคุณเจบี  ผมกำลังหาเซทอุปกรณ์วัดตัว  พอดี ทางห้อง VVIP ชั้น 15 โทรลงมาให้ส่งคนไปวัดตัวตัดชุดสูทอย่างหรูหราสำหรับออกงานกลางคืนอ่ะครับ"   

     

     

                  "VVIP ชั้น 15  ก็มีแต่ นายท่านเครูบีม ปาร์ค จินยอง นี่นะ  นายอยู่เฝ้าร้านดีกว่าเดี๋ยวฉันไปจัดการให้เอง  เกิดทำอะไรไม่ถูกใจคุณท่านเขาเข้า นายได้กลายเป็นศพแน่"

     

     

                  "ดะ ดีเลยครับ  ผมฝากด้วยก็แล้วกัน แต่ผมว่าคุณเจบีควรจะรีบไปให้ไวที่สุด เดี๋ยวนี้เลยได้ยิ่งดีนะครับ  เพราะปลายสายดูจะอารมณ์ไม่ดีมากๆ"

     

                                

                  "อ่าว เหรอ.....  งั้น ฉันว่าควรให้คุณท่านเขารอสักหน่อยดีกว่า  เผื่ออารมณ์อะไรจะเย็นลงมาบ้างไม่มากก็น้อย ฮึ ฮึ" 

     

     

                  "โถ่ คุณเจบีคร๊าบบ  เดี๋ยวก็ได้เป็นผีเฝ้าชั้น 15 หรอก  ผมทำร้านต่อไปคนเดียวไม่ไหวนะ  งานตัดชุดลูกค้ายังเหลืออีกตั้งเยอะ บานเบอะเนี่ย"

     

     

                  "ทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เสร็จเองแหละ  แต่.................ถ้าฉันไม่กลับมาก่อนเวลาอาหารเย็น....................  นายก็หาอะไรกินไปก่อนได้เลยนะ"

     

     

                  "อ่านะ... นึกว่าจะให้ตามสัปเหร่อมารอไว้  อุส่าห์ตั้งใจฟัง"

                   

     

                  "ฮ่า ฮ่า ฮ่า  อย่าแช่งดิ ไปๆ ไปทำงานของนายได้แล้ว"

     

     

    ************

     

     

                  "หงุดหงิด ..หงุดหงิดจัง  ...หงุดหงิดที่สุด...โคตรหงุดหงิดแล้วนะ โว้ยยยย!   จะไปอาบน้ำก็ไม่ได้!  จะออกกำลังวอร์มร่างกายก็ไม่ได้  เดี๋ยวมีเหงื่อ!  จะสั่งอาหารเย็นมาทานก่อนก็ไม่ได้!  เพราะระหว่างรับประทานอาหารไม่ชอบถูกขัดจังหวะ  เลยต้องรอทำธุระที่นัดช่างตัดเสื้อมาวัดตัวให้เสร็จสิ้นก่อน  ห้องเสื้อของคอนติเนนตัลก็อยู่ในอาคารเดียวกับห้องพักของผมแท้ๆเนี่ย  เดินจากที่นั่นขึ้นลิฟท์ตรงมาอะไรจะนานนักหนากัน  ไม่น่าใช้เวลาถึง 5 นาทีด้วยซ้ำ  แต่นี่กลับปาเข้าไปจะ 90 นาทีแล้วไหม  ค่าบริการนอกสถานที่ก็แพงระยับ  ถ้าไม่ติดว่าโดนทำโทษกักบริเวณให้อยู่แต่ในห้องพักอย่างเดียวถึง 7 วันนะ  พ่อจะถือปืนลงไปถล่มร้านตัดเสื้อนั่นให้ราบเป็นหน้ากลองเชียว

     

     

                  ร่างบางของสุดยอดนักฆ่าในชุดลำลอง  สวมเสื้อผ้าป่านสีขาวบางเบาเข้ากับกางเกงผ้าฝ้ายขาก้วยสีเทากร่อมเท้ากรุยกราย  ยามขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวราวกลีบดอกไม้กำลังเบ่งบาน เต้นระบำ  ปรกติจินยองจะชอบเสื้อผ้าที่มีเนื้อลื่นนิ่มใส่สบายสไตล์แบบนี้  แต่ตอนนี้ชักเริ่มรำคาญความพลิ้วไหวพาลมือพาลเท้าของมันเสียแล้ว  เขาอยู่ในภาวะกระวนกระวาย นั่งไม่ติด  ต้องเดินเข้าโซนนั้น  ออกโซนนี้ ในหมู่ห้องชุดสุดหรูของตัวเองราวกับหนูติดจั่น  ไม่เป็นอันทำอะไร  จะนอนดูโทรทัศน์ หรือเล่นโทรศัพท์เฉยๆก็ไม่อาจทำได้  ด้วยใจไม่สงบ  ....การต้องรอคอยอะไรสักอย่าง  อย่างเช่นตอนนี้เป็นสิ่งที่คนอย่างจินยองเกลียดที่สุด  ไม่ใช่เพราะเป็นคนใจร้อน เอาแต่ใจ  อยากได้สิ่งใดต้องได้ (อาจจะมีส่วนนิดหน่อย) แต่เพราะจากประสบการณ์ในอดีต...การรอคอยมันไม่เคยให้สิ่งที่ดี แถมยังได้พรากทุกอย่างไปจากเขา...

     

     

                  เมื่อ 15 ปีก่อน  ณ มหาวิหาร เซนต์ปีเตอร์ แห่งนครวาติกัน 

     

     

                  "จินยองต้องเป็นเด็กดีนะลูก  รอมะม๊าอยู่ตรงนี้ก่อนนะคะ" เด็กน้อยในชุดเสื้อสีขาวคอบัวแขนสั้น สวมเอี้ยมขาสั้นสีฟ้าสดใสเรียบร้อยแบบนักเรียนอนุบาล  เบิกตาชั้นเดียวทรงเม็ดอัลมอนด์สีดำแวววาวราวลูกปัดเม็ดกลมโตไปรอบๆสถานที่ที่ถูกพามา

     

     

                  ภายในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์  โบสถ์ทรงโดมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก  ช่างสวยงาม วิจิตตระการตาราวสรวงสวรรค์  งดงามยิ่งกว่าที่เคยมีคนบรรยายให้ฟัง ผนัง เพดาน  โถงทางเดิน ล้วนถูกประดับประดา ตกแต่งด้วย จิตรกรรม ปฏิมากรรม จากศิลปินผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ เต็มพื้นที่ทุกซอกทุกมุม  มองไปทางไหนก็ช่างตื่นตา  ดึงดูดความสนใจของเด็กน้อยไปเสียหมด  ท้องฟ้าในความคิดของเด็กตัวเล็ก(เพดานโบสถ์) เต็มไปด้วยภาพเขียนสวยงามมากมาย บรรยายถึงเทวดา นางฟ้า สรวงสวรรค์  พระเจ้า การกำเนิดโลก  ชนิดที่เจ้าของดวงตาเนื้อทรายตัวเล็กไม่เคยเห็นที่ใดงดงามเท่านี้มาก่อน  สมัยนั้นเด็กน้อยเป็นคนชอบวาดภาพมาก แม้จะยังวาดไม่ได้เก่ง หรือสวยงามอะไร  ผลงานก็เป็นไปตามวัยแต่ก็นับว่าเป็นพวกมีหัวทางนี้เหมือนกับมารดาที่เป็นนักออกแบบเครื่องประดับชื่อดัง   ทำให้การถูกทิ้งไว้กับพี่เลี้ยงในสถานที่แห่งนี้เป็นเรื่องที่ไม่น่าเบื่ออะไรสำหรับเด็กน้อยนัก

     

     

                  ภายในพื้นที่เดียวกันไม่ห่างกันนัก

                 

     

                  "เจบีอย่าวิ่งสิลูก  คนเยอะนะคะ  เดี๋ยวพลัดหลงกับคุณแม่จะหากันไม่เจอน๊า" เพราะความเก่าแก่งดงาม และมีชื่อเสียงของสถานที่ ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมมหาวิหารนี้อย่างไม่ขาดสาย  สองแม่ลูกคู่นี้ก็เช่นกัน  ทั้งสองเดินไล่จับกันอยู่ท่ามกลางนักท่องเที่ยวที่ซื้อบัตรเข้ามาชมภายในมหาวิหารวิหารรอบละหลายร้อยคน

     

     

                  "ผมเห็นน้องนางฟ้าตัวเล็กหล่ะครับคุณแม่  น้องผิวขาว แก้มแดง น่ารักน่าชังเหมือนในรูปข้างบนนั้นเลย  แต่น้องมีผมสีดำม้วนๆ(หยักศก)นิดๆไม่เป็นสีทองนะ  ผมอยากเห็นปีกของน้อง  ต้องแอบไว้ด้านหลังแน่ๆ  พวกเรารีบตามน้องนางฟ้าไปก่อนจะคลาดสายตาดีกว่าครับ"

     

     

                  "แหม่  น้องน่าจะเป็นนักท่องเที่ยวเหมือนเราแหละลูก  เรดาห์ดีเหมือนพ่อที่อยู่บนสวรรค์ของเราเลยนะ  แสกนหญิงตั้งแต่ตัวเท่าลูกหมาเนี่ย"  มาดามอิมผู้เป็นแม่อุ้มลูกชายที่ชี่อ เจบีวัย 7 ขวบขึ้นมาหอมฟัดแก้มกลมทั้งซ้ายขวา  เด็กชายตาตี่ยิ้มคิก  ลูกกะตาเล็กปิดโค้งเป็นเส้นขีดเดียวดีดดิ้น ในอ้อมกอดมารดาพอเป็นพิธี

     

     

                  "อ๊ะ นั่นไง น้องนางฟ้า!!" เจบีกระโดดลงจากอ้อมกอดของมาดามแล้ววิ่งดุ๊กดิ๊ก เลี้ยวไปตามทางแยกเล็กๆที่มีป้ายปิดปรับปรุง ( underconstruction) โดยไม่ทันได้ดู

     

     

                  ในซอกทางเดิน ยาวประมาณ 30 เมตรเชื่อมไปยังห้องโถงอีกห้องที่ไม่ใหญ่นัก  ห้องนี้ค่อนข้างมืด  ถูกปิดไว้ด้วยป้ายห้ามเข้าด้านหน้า  ห้ามจับ สียังไม่แห้ง  เพราะกำลังมีการซ่อมแซมภาพเขียน   นั่งร้าน  ถังสี  มีวางเรียงเคียงไปกับผนังห้อง  บางจุดมีผ้าสีขาวคลุมรูปปั้น ปฏิมากรรมเพื่อกันฝุ่น  กันสีหยดเปื้อน ตามรายทาง แต่ไม่มีช่างซ่อมภาพเขียนคนไหนกำลังทำงานอยู่  น้องนางฟ้าหยุดยืนหน้าแท่นบูชาด้านหน้าอีกฟากของห้อง ตรงใกล้ๆอ่างน้ำสำหรับทำพิธีรับศีลจุ่ม

     

     

                  "ปัง!!!"

     

                 

                  ถึงจะเสียงเบาเพราะอาวุธปืนในมือผู้ชายคนนั้นติดกระบอกเก็บเสียง  แต่ร่างผู้ใหญ่ผู้หญิงด้านหน้าของน้องก็ทรุดลงไปกองกับพื้น  มีเลือดสีแดงไหลออกมาจากร่างแน่นิ่งมากมาย  ส่วนน้องนางฟ้าแทนที่จะถอยออกมากลับวิ่งไปกอดร่างของผู้หญิงคนนั้น แล้วร้องไห้เสียงดัง

     

     

                  "ฮืออออออ แม่จ๋า  แม่จ๋า  แม่คุยกับน้องก่อนนะ  ฮือออออ" เด็กน้อยร้องไห้ คร่ำครวญอย่างน่าสงสาร นำตาเม็ดโตพรูหยดออกมาจากดวงตาคู่สวย  ปากเล็กๆรูปกระจับอิ่มเริ่มร้องตะโกนขอความช่วยเหลือด้วยเสียงพูดเล็กๆ ปนกับเสียงสะอึกสะอื้นเป็นภาษาเกาหลี  แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไร  เพดานของห้องโถงปิดปรับปรุงที่พวกเราอยู่กันก็ถล่มลงมาโดยไม่ทันตั้งตัว   และไวกว่าความคิด ขาเล็กๆของผมพาร่างของเด็กน้อยของตัวเองในเวลานั้นวิ่งไปหาน้องนางฟ้าตรงหน้าอย่างไม่คิดชีวิต...

     

     

                  "ก๊อกๆๆ!!! ขอประทานอนุญาตเข้าไปนะขอรับ"

     

     

                  เสียงบางอย่างหน้าประตูห้องดึงความสนใจจากร่างบางได้ชะงัก  คำพูดขออนุญาตเปิดประตูนั่นทำให้คนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด ที่อยู่ด้านในห้องสะดุ้งได้สติแล้วคิ้วขมวดขึ้นมาทันที

     

     

                  คนละเสียงกับที่ตอนรับโทรศัพท์!!!  เสียงทุ้มแต่ขึ้นจมูกแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณเจบีเจ้าของห้องเสื้อสุดแสนกวนประสาทคนนั้น  นี่คงจะว่างมากสินะถึงขึ้นมาเอง  ไหนเมื่อตอนบ่ายวันก่อนยังว่างานเยอะอยู่เลย  ไม่ได้การละต้องหาที่นั่งดีๆ  ทำทีว่าชิลๆ  ไม่ได้ร้อนใจ รอคอยอะไร  สูดหายใจลึกๆ  ฮึบไว้ๆ เจ้าของห้องที่ตอนแรกกำลังรอคอยการมาเยื่อนของช่างวัดตัวอย่างใจจดใจจ่อกำชับบอกตัวเอง  พร้อมกับวิ่งไปหาทำเลสวยๆทำแอ๊คติ้ง  ก็คนมันแพ้ทางนี่  จะให้นายนั่นรู้ไม่ได้ว่าผมกำลังตั้งหน้าตั้งตารองานของเขาอยู่  ชู่ว...จินยอง ชู่ววว....

     

     

                  "กึก... กึก...  ซวบ.. ซวบ.... อ่า เจอแล้ว      ....เจ - เทลเลอร์ at your service (ยินดีรับใช้)ขอรับร่างสูงสง่าไม่พบใครตอนเปิดประตูเข้ามาในห้อง  จึงเดินสุ่มต่อเข้ามายังส่วนของห้องนั่งเล่นที่มีฝั่งหนึ่งกั้นกระจกเต็มบานจากพื้นห้องจรดเพดานเต็มหนึ่งด้านของพื้นที่ผนังทางซ้ายมือ  ตาคมเรียวทอดสายตามองผ่านกำแพงใสออกไปพบกับวิวสุดอลังการของนครวาติกันในยามค่ำคืนแบบพาโนราม่า  180 องศา ชนิดไม่มีอะไรมาขวางกั้นระยะสายตาอย่างตกตะลึง  เหล่าโบราณสถาน โบสถ์ วิหารภายนอกไกลออกไป ของทั้งเมืองถูกแสงไฟจัดแสดงอาบไล้ เป็นสีทองอร่าม  ดูช่างงดงาม ศักดิ์สิทธิ์  และน่าประทับใจ  ซีนารี่ที่ต่อให้มีเงินมากมายแค่ไหนก็ไม่สามารถซื้อมาได้ 

     

     

                  ในนครวาติกันนั้นมีการวางผังเมืองอย่างดี  มีการห้ามสร้างอาคารสูงเพราะจะบดบังทัศนียภาพของสถาปัตยกรรมโบราณไป  การปลูกสร้างสิ่งใดจึงต้องเข้มงวดกวดขันอย่างมาก  และที่ต่ำกว่าชั้น 15 ของคอนติเนนตัล จะถูกโบสถ์อีกหลังใกล้ๆบังวิวไว้  ดังนั้นชั้นนี้จึงเป็นชั้นเดียวที่มีคนจะได้เป็นเจ้าของมุมมองแบบนั้น (คอนติเนนตัลมีแค่ 15 ชั้น)

     

     

                  ...แม้ทิวทัศน์ภายนอกกระจกนั่นจะสวยงามน่าสนใจสักปานใด  แต่ก็ไม่อาจเทียบเคียงได้กับทัศนียภาพภายในห้องเบื้องหน้าของเขาตอนนี้  ...ร่างขาวบอบบางที่(แกล้ง)นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาหรู สุดทางเดินอีกด้านของห้องในแนวตรง  ซึ่งเป็นปลายทางอยู่ตั้งฉากกับวิวด้านข้าง  และถ้าช่างตัดเสื้อรูปงามจะต้องเลือกมองเพียงสิ่งเดียวแล้วละก็  ...ส่วนเนื้อขาวผ่องที่โผล่ออกมาต้องแสงไฟสีส้มสลัวภายในห้องพัก  แม้จะมีแค่ปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า และผิวหน้าด้านข้าง  เพียงเท่านี้ก็ทำให้ผู้ที่ต้องเข้ามาทำงานตามหน้าที่ติดสตั้นราวต้องมนต์สะกด ไม่สามารถละสายตาไปสู่สิ่งอื่นใดได้อีก  ยิ่งสาวเท้าเข้าไปใกล้ร่างที่นอนนิ่ง  หัวใจของชายหนุ่มยิ่งเต้นรัว ระทึกขึ้นเรื่อยๆ

     

     

                  [...."น้องนางฟ้า"  โตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพจังน๊า ทั้งสวยงาม  บริสุทธิ์ หมดจรดเกินกว่าจะหาคำไหนมาบรรยายเปรียบเปรยได้เลยจริงๆ  อยากจะสตาฟไว้ให้นอนเงียบๆเฉยๆตลอดไปจัง  แพขนตายาวงอนแน่นสวยประกบกันกับเปลือกตาสีมุกที่ปิดสนิท  ปลายจมูกกลมรั้นดูขี้ดื้อเชิดขึ้นนิดๆ   ริมฝีปากเบินอิ่มยื่นยู่ดูนุ่มนิ่มยามสงบนิ่งไม่ได้เจรจา น่าจับจูบ สรีระร่างกายประกอบด้วยเคิฟโค้งเว้าน่าสัมผัส มีเอวคอด สะโพกกลมกลึงผายออกไม่เหมือนผู้ชาย  ผิวขาวเนียนละเอียดราวตุ๊กตากระเบื้องเคลือบฝรั่งเศสนี่อีก ทำไมน่ารัก น่ามอง  น่าสัมผัส ไปหมดเนี่ย....แหนะ! มีการแอบกลืนน้ำลาย  กัดริมฝีปาก  หัวคิ้วผูกเป็นโบว์อีกต่างหาก  คงแกล้งหลับอยู่สินะ ....ไม่ปลุกหรอก  จะยืนมองของดีอยู่แบบนี้แหละ  ให้พี่ยืนทั้งคืนก็ยังไหวนะจ๊ะคนดี  หึหึ..] เจ้าของห้องเสื้อผู้ที่มีธุระยุ่งที่สุดคนหนึ่งในคอนติเนนตัลกลับใช้เวลาอันมีค่ายืนอมยิ้มคิด 18+ในใจ

     

     

                  (แมร่ง... เมื่อยอ่ะ  ถึงจะนอนบนโซฟา แต่ว่ามันก็ไม่ได้สบายไง ดันนอนท่ายาก หันตะแคงข้างนอนทับแขนตัวเองอีก  จะทำเป็นรอจนหลับแล้วตื่นมาอาละวาดใส่คุณเจบีมันดี  หรือไม่ต้องตื่น  นอนแบบนี้ไปจนเช้าเสียเลยให้คุณช่างเสื้อบ้านี่ยืนเฝ้าทั้งคืนไปดีนะ ...ลองฝืนนอนนิ่งๆสักพักดูก่อนก็แล้วกัน  ใครมันจะอดทนกว่ากัน  คอยดูนะ) 

     

     

                  ....ทำไมเงียบจัง   หรือว่าจะกลับไปแล้ว  ร่างบางบนที่นอนชั่วคราวแกล้งหลับจนได้หลับไปจริงๆ  แต่จินยองก็ไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานเท่าไหร่ (2 ชั่วโมง) ค่อยๆแอบเปิดเปลือกตาข้างหนึ่งมองไปรอบๆห้องที่มีแค่แสงไฟสลัว  แย่ที่ต้องกระพริบตาเพิ่มนิดหน่อย เพื่อปรับโฟกัสและระยะมองเห็น  ...ซึ่งพอตาชินกับระกับความสว่างไม่มากในห้องแล้วก็พลันพบผู้ชายตัวโตยืนยิ้มแป้นแล้นมองสบตามาให้ในความมืด

     

     

                  ตุบ.. ตุบ.. ตุบ..  แย่แล้ว  อยู่ๆหัวใจของคนถูกมองที่นอนอยู่ก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ   สายตาคมที่ทอดจับมายังตัวเขานั่น   ดูล้ำลึก  มีความหมาย  ทั้งอบอุ่น  น่าค้นหา  และพาใจสั่น  โชคดีว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในภาวะปรกติ  แก้มนวลรู้สึกร้อนขึ้นมา พาลลามไปถึงใบหูเพียงแค่โดนจับจ้อง  มือบางพร้อมแขนเสื้อยาวพลิ้วรีบยกขึ้นมาปิดใบหน้าของตัวเองไว้แบบเนียนๆคล้ายคนบิดขี้เกียจแต่ยังไม่ตื่นดี  ไม่เห็น!  คุณเจบีคงไม่ทันเห็นที่จินยองเขินจนหน้าแดงหรอกใช่ไหม 

     

     

                  หากสงสัยว่าผมกับคุณเจบีสนิทกันแค่ไหน  ผมสามารถบอกได้เต็มปากเลยว่า ....พวกเราไม่ค่อยสนิทกันหรอกครับ  ผมรู้แค่ว่าคุณเจบีเป็นเด็กกำพร้าจากอุบัติเหตมหาวิหารถล่มในส่วนที่ปิดปรับปรุงเมื่อ 15 ปีก่อนเหมือนกันกับผม  ไม่รู้จับพลัดจับพลูยังไงในสมัยนั้น สถานทูตเกาหลีไม่มารับพวกเรากลับประเทศไปหาญาติพี่น้องตามระเบียบปฏิบัติ พวกเราถูกจับขึ้นทะเบียนเป็นเด็กกำพร้าในสถานสงเคราะห์ของวาติกันได้ไม่นาน  จนคุณวินส์ตันไปรับมาอนุบาลดูแล  แต่เขาไม่ได้เลี้ยงพวกเราอย่างเด็กปรกติ  ผมถูกส่งต่อไปให้กับคุณแอนนามารี  นักฆ่าชั้นเครูบีมเป็นคนดูแล  เธอเป็นเหมือนแม่คนที่สองของผม  ซึ่งนอกจากเลี้ยงดูผมแล้ว  แอนนามารียังสอนการใช้ชีวิตและฝึกให้ผมเป็นนักฆ่า  เรียกว่าเป็นผู้สืบทอดของเธอ  ส่วนคุณเจบีก็เช่นกัน  เขาถูกส่งต่อให้คุณโจนาธาน เจ้าของห้องเสื้อของคอนติเนนตัลคนก่อนเป็นคนดูแล  แล้วคุณเจบีก็เจริญรอยตามเป็นช่างตัดเสื้ออยู่ในคอนติเนนตัลเป็นต้นมา

     

     

                  ผมมักจะเดินทางไปประเทศนั้นประเทศนี้บ่อยๆ ติดสอยห้อยตามแอนนามารีไปลอบสังหารบุคคลสำคัญ คนนั้นคนนี้อยู่ตลอดเสมอๆ  จนกระทั่งถึงเมื่อ สามปีก่อนที่ผมอายุครบ 20 ปี  เธอบอกว่าผมพร้อมจะเลื่อนขั้นเป็นเครูบีมแล้ว  ต้องก้าวข้ามเธอ  บังคับให้ผมแย่งสายสร้อยแซฟไฟร์สีฟ้าประจำตำแหน่งเครูบีมไปจากเธอให้ได้  โดยให้เวลา สองปี  หลังจากผมทำสำเร็จ จึงได้กลับมาอยู่อิตาลี  รับมรดกของแอนนามารีและพักอาศัยฟรีที่คอนติเนนตัลอย่างสงบปลอดภัย  จนไม่นานมานี้ผมก็เริ่มคิดถึงการแก้แค้นขึ้นมาอีกครั้ง

     

     

                  ระหว่างที่ทำภารกิจมากมายตั้งแต่เด็กกับแอนนามารี  ผมก็ไม่เคยได้เจอคุณโจนาธานเลย  เพราะเจบีได้เป็นเจ้าของร้านตัดชุดแทนเจ้าของคนเก่าตั้งแต่อายุไม่ถึง 15 ปีได้ซ้ำ  มีแต่คนชมว่าเจบีเป็นคนมีพรสวรรค์  บางทีผมก็อิจฉาเขาเหมือนกันที่ไม่ต้องมือเปื้อนเลือดแบบผม ช่วงนั้นเราก็ได้พบกันนานๆครั้งเวลามาตัดชุดใหม่ หรือมาซ่อมแซมเสื้อผ้า  ซึ่งก็ไม่ได้พูดคุยอะไรมากมายไปกว่า คนขายกับลูกค้าที่เห็นหน้ากันมาเรื่อยๆ  และการที่ผมมาอยู่กับแอนนามารีเธอก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร  เธอเป็นคนเล่าปริศนาทั้งหมดเรื่องพ่อกับแม่เพื่อจุดประกายให้ผมอยากเป็นนักฆ่า  มีแรงฮึดไต่เต้าขึ้นมายังตำแหน่งสูงๆ   

                 

     

                  คุณแม่ผมเป็นดีไซนเนอร์เครื่องประดับ  ในปีนั้นที่เกิดเรื่อง  คุณแม่ชนะการประกวดออกแบบแหวนแห่งชาวประมง ซึ่งก็คือแหวนประจำพระองค์ของโป๊ปที่จะสวมตอนรับตำแหน่งใหม่  เรียกว่าแหวนนั้นจะถูกใช้เป็นตราประทับประจำรัชกาล  และเพราะมันเป็นแหวนแห่งอำนาจที่ไม่อาจทำซ้ำขึ้นมาได้อีก  ช่วงชีวิตหนึ่งของคนเรามีการเปลี่ยนตำแหน่งสำคัญแบบนี้ไม่บ่อยนักหรอกครับ  ช่างผู้ออกแบบจึงเป็นผู้มีความสำคัญที่ควรหายตัวไปจากโลกนี้หลังจากสร้างสิ่งที่ยอดเยี่ยมทิ้งเอาไว้  และพ่อของผมก็เป็นนักฆ่าระดับเซราฟีมที่มีหน้าที่ทำเรื่องแบบนี้ตามพระประสงค์อยู่แล้ว  จึงเรียกคุณแม่มาหา  คุณพ่อแต่งงานกับคุณแม่โดยไม่เปิดเผยฐานะที่แท้จริงจนวันเกิดเรื่อง  ท่านหลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ขององค์กรที่จัดประกวดออกแบบแหวนและลวงคุณแม่ว่าจะให้มารับรางวัลกับพระหัตถ์ของพระสันตะปาปาเองเลย  คุณแม่ผู้เป็นคนธรรมดาไม่รู้อะไรจึงพาผมมายังมหาวิหารด้วย  ผมเห็นคุณพ่อเล็งปืนมาที่ผมหลังจากสังหารคุณแม่แล้ว  ตอนนั้นไม่รู้บังเอิญหรือเปล่า  เพดานด้านบนในห้องที่เราอยู่ก็ถล่มลงมาพอดี  ความจำสุดท้ายนอกจากเสียงร้องไห้เสียใจของตัวเองแล้วผมก็ยังได้ยินคือเสียงเรียกให้ผมหลบเศษปูนก้อนโตที่กำลังตกลงมา  "น้องนางฟ้าหลบมาทางนี้!" 

     

     

                  เมื่อไม่นานมานี้ผมเคยลองมานั่งทบทวนดูถึงเสียงในความทรงจำนั่น  แล้วพบว่ามันน่าจะเป็นเสียงของคุณเจบี  เพราะเป็นเสียงเด็กผู้ชาย และตอนนั้นเขาเป็นเด็กคนเดียวที่อยู่แถวนั้นและเหลือดรอดมาด้วยกันกับผม ต่อมาเลยมีส่วนให้เวลาที่ผมจะทำอะไรจึงค่อนข้างมีความเกรงใจให้เขาอยู่หลายส่วน  เหมือนแพ้ทางกลายๆโดยที่ผมยังไม่เคยบอกใคร  รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณเขา แล้วยิ่งคุณเจบีเติบโตมามีรูปร่างหน้าตาสูงสง่า หล่อเหลา ดูดีมากอย่างร้ายกาจ  ทั้งแววตา วาจา คารม และการกระทำ มันจึงทำให้ผมมักประหม่าเวลาต้องเผชิญหน้า หรือมีกิจกรรมทำอะไรร่วมกัน

     

     

                  ตึก  ตัก  ตึก  ตัก  ..ผมว่าเขารู้แล้วหล่ะว่าผมตื่นแล้ว  แต่อย่างไรก็ตาม  การที่ผมมียศเป็นนักฆ่าในเทียร์หนึ่ง ระดับเครูบีม  มันทำให้เขาต้องพูดสุภาพและแสดงความเคารพผมตามกฎของคอนติเนนตัล  บางทีผมก็อยากรู้ว่าภายใต้ดวงตาเรียวรี แววตามีความในอะไรแฝงไว้นั้น  ผู้เป็นเจ้าของของมันกำลังคิดอะไรอยู่  อย่างน้อยคุณเจบีก็มีอายุไล่เลี่ยกับผม  เราควรสนิทกันกว่านี้และเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้  ไม่ใช่ขัดเขินกันแบบนี้ (จริงๆคือผมก็เขินไปเองคนเดียวนะ ส่วนคุณเจบีหน่ะเขาก็เหมือนจะเฉยๆ)

     

     

                  "มาช้าอ่ะ  ง่วง   เราจะไปร่วมพิธีฉลองรับตำแหน่งของโป๊ปพระองค์ใหม่ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า  อยากได้สูทชุดใหม่สำหรับใส่ในพิธีการ  ต้องเป็นชุดที่ดีที่สุดของร้าน เจเทลเลอร์  ยังไงก็จัดให้ด้วยนะ" แกล้งสะลึมสะลือบิดขี้เกียจสั่งงานคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแก้เกี้ยว  น่าจะได้ยินชัดเจนเข้าใจแล้วก็คงจะกลับออกไปได้แล้วมั้ง  ...แต่ เดี๋ยวนะ  อยู่ๆ จินยองก็รู้สึก  ถึงความนุ่มอุ่นของฝ่ามือใหญ่เข้ามาจับทาบเข้าให้ยังสะโพกนิ่ม

     

     

                  "เฮ้ย!! ทำอะไรหน่ะ!! จะ..จ..จับอะไรของคุณตรงนั้น!!"  ร่างบางสะดุ้ง ร้องเสียงหลง รีบเอามือที่เล็กกว่าบัดป้อง ตบตีมือใหญ่ที่กำลังลูบไล้คุกคามให้ออกพ้นจากการลุกล้ำ

     

     

                  "หืม  จะให้จับตรงอื่นหรือขอรับ" ร่างสูงกว่าหน้านิ่งแล้วแกล้งตีมึนวางมือสัมผัสแนบเนื้อตรงสะโพกนั้นสนิทแนบแน่นกว่าเดิมซ้ำ

     

                 

                  "เออ ตรงนั้นไม่ได้ ... เอ้ย  ไม่ใช่สิ  ตรงไหนก็ไม่ได้  นี่คุณจะมาแตะเนื้อต้องตัวกันง่ายๆแบบนี้ได้ยังไง" ใบหน้าน่ารักวีนออกไปแล้วก็ขึ้นสีแดงแปรดไปด้วย 

     

     

                  "อะไรของนายท่านเนี่ย  นี่กระผมกำลังวัดตัวไงขอรับ จะไม่ให้สัมผัสโดนร่างกายของนายท่านได้อย่างไร" ทำหน้าตาจริงจัง  แต่มุมปากบางเหยียดของช่างวัดตัวหนุ่มแอบยกยิ้มเอ็นดูลูกค้าร่างเล็กขึ้นมานิดๆ

     

     

                  "ก็จริง ... แต่ เดี๋ยวนะ  ไหนสายวัดตัว  ทำไมใช้มือเปล่าเล่า  อ๊ะ... ยะ..อย่า ..จะ..จับธรรมดาก็พออย่าลูบสิ  ... เว้ย  ไม่ใช่แล้วคุณลูกค้ารีบหดแขนขา สะบัดตัวจากการกอบกุม ด้วยแรงทั้งหมดที่มี  กลิ้งม้วนร่างเล็กๆของตัวเองจนแทบตกโซฟา  ดีว่าคุณช่างตัดผ้าตามคว้าไว้ทัน

     

     

                  "เชื่อมือกระผมสิขอรับ  กระผมวัดตัวตัดชุดคนมาเป็นพันเป็นหมื่นชุดแล้ว  ใช้มือวัดไซส์นี่เที่ยงตรงที่สุด  ฝ่ามือของกระผมสามารถจดจำสัมผัสของลูกค้าได้ละเอียดดียิ่งกว่าเวอร์เนีย****ความละเอียดหลักนาโนเมตรอีกนะขอรับ" (ถ้ายังจำได้  เจบีเพิ่งใช้สายวัด วัดตัวคุณวินส์ตันมานะคะ  ตอนนั้นแทบไม่ได้ใช้ส่วนใดของร่างกายสัมผัสลูกค้าเลย นอกจากใช้สายวัด แล้วยังใส่ถุงมือทำงานด้วยซ้ำ   เวอร์เนียร์ คาลิปเปอร์  คืออุปกรณ์วัดความกว้าง ความยาวของวัตถุที่มีความละเอียดเที่ยงตรงสูง มักใช้ในงานวิศวกรรม มีความแม่นยำมากกว่าไม้บรรทัด หรือสายวัด  ละเอียดถึงหลักไมโครเมตร)

     

     

                  "จะ ..จิ...จริงเหรอ  ตะ..แต่..จินยองว่าวันนี้คุณเจบีวัดตัวแบบธรรมดาเถอะ  คราวที่แล้วคุณแองเจล่าก็มาวัดแบบธรรมดาให้ สูทที่ออกมาก็ดูใช้ได้ดีไม่มีที่ติเลยนะ...นะ"

     

     

                  "แองเจลล่านั่นระดับลูกมือของเด็กฝึกงานอีกทีนะขอรับ  นายท่านจะพอใจแค่สูทของช่างโนเนมฝีมือไม่ถึงขั้นเป็นเด็กฝึกงานร้านของกระผมด้วยซ้ำหรือ  มาตรฐาน และรสนิยมของเครูบีม ปาร์ค จินยองนี่ช่างตกต่ำจังน๊า  นายท่านไม่คิดบ้างหรือว่าหากถ้าเจ้าของร้านลงมือตัดเย็บให้เองแล้วไซร้  น่าจะได้งานที่ละเอียด ประณีต มีคุณภาพ สวยงามกว่าขนาดไหน  นี่เป็นงานใหญ่ครั้งแรกในฐานะเทวฑูตชั้นสูงของคอนติเนนตัลเลยนะ จะยอมให้มีข้อผิดพลาดไม่สมเกียรติ ไม่สมฐานะได้หรือขอรับ"

     

     

                  "กะ..เกรง ใจหน่ะ  คุณเจบี ก็ท่าทางงานยุ่งอยู่ไม่ใช่เหรอ  น่าจะมีออร์เดอร์จากคนใหญ่คนโตที่เจาะจงฝีมือคุณให้ตัดชุดเพื่อเข้าร่วมงานสำคัญนี้อยู่เยอะแยะแล้ว  ไม่รบกวนดีกว่า และ...ราคาค่างานของคุณมันก็น่าจะแพงมากด้วย  เรทคงจะสูงกว่าบริการที่เคยใช้ประจำอยู่แล้วอีกไม่รู้กี่เท่า"

     

     

                  "แต่.....เอ.....ถ้าจำไม่ผิด เมื่อสักครู่นี้ได้มีคนกล่าวไว้ว่า....ต้องการชุดสูทที่ดีที่สุดของร้านเจย์เทลเลอร์ของกระผมนะ  .....จะลอบฆ่าผู้จัดการของคอนติเนนตัลในงานนั่นทั้งที  ชุดที่จะมาป้องกันร่างกายนี้ยิ่งสำคัญมากมิใช่หรือ  ในงานคงมีนักฆ่านับร้อย การ์เดี้ยนนับพัน เดินป้วนเปี้ยนวนเวียนไปมาเป็นแน่  นายท่านควรจะ...ลงทุนสักนิดมิใช่หรือขอรับ"

     

     

                  "คุณเจบีนี่คุณรู้ได้ยังไง!!" ตากลมเบิกโพลง พลางตะโกนแบบกดเสียงมิให้ดังกระโตกกระตากไปมากกว่านี้

     

     

                  "ก็...นายท่านรับงานผ่านนายหน้าของคอนติเนนตัลหนิขอรับ  คุณวินส์ตันที่เป็นผู้จัดการจะมิรู้เชียวหรือ แถมป่านนี้ใครๆก็รู้กันทั่วหมดแล้วแหละ  เป้าหมายของนายท่านหน่ะเขาเริ่มมาระดมการ์เดี้ยนกันใหญ่แล้ว  ดังนั้นตอนนี้หากนายท่านออกไปนอกเขตชายคาของคอนติเนนตัลเมื่อไหร่  เกรงว่าควรต้องระวังตัวเองไว้ให้ดีกว่าที่เป็นมา"

     

     

                  "คุณเจบีก็เป็นการ์เดี้ยนคนหนึ่งของคอนติเนนตัลนี่  มาบอกกันแบบนี้จะไม่เป็นอะไรหรือ?"

     

     

                  "นั่นสินะ  ...โอ๊ะ...หรือว่านายท่านก็เป็นห่วงกระผมใช่ไหมล่า  ดีใจจังน๊า.... แต่ช่างเรื่องนั้นมันก่อน  ตอนนี้กะผมมาทำงาน   เริ่มจากตอนนี้ต้องถามก่อนเลยว่านายท่านอยากได้ชุดสูทแบบไหนเป็นพิเศษไหม  ....อ่า  ลืมไปว่า นายท่านเครูบีม เติบโตมากับอดีตเทวฑูตแอนนามารี  ซึ่งเป็นสุภาพสตรี  อาจจะยังไม่ค่อยมีความรู้ด้านนี้นัก  ที่ผ่านมาส่วนใหญ่คงแค่ชี้นิ้ว  เอาชุดที่ดีๆสวยๆใส่ๆไปอย่างนั้นๆ  ซึ่งอาจจะทำให้ถูกดูแคลนในแวดวงสังคมชั้นสูงได้เวลาออกงาน  ดังนั้นตอนนี้กระผมขออนุญาตอธิบายเรื่องการเลือกสูทออกงานแบบง่ายๆรวบรัดไปพร้อมกับการวัดตัวเลยก็แล้วกัน  เป็นบริการที่พิเศษมากๆซึ่งผมยังไม่เคยทำกับลูกค้าคนไหน   ..ดีใช่ไหมหล่ะขอรับ" คุณเจบียิ้มหล่อไม่ตอบคำถาม  พลางพาร่างกายสูงหนา ค่อยประครองร่างเล็กที่หดตัวบิดกายขึ้นมาให้นอนบนโซฟาดีๆ แล้วย่อเข่าข้างหนึ่งทิ้งน้ำหนักลงบนโซฟาเดียวกัน ส่วนอีกข้างก็วาดข้ามมาคร่อมร่างเล็กไว้ โดยใช้แขนสองข้างเท้าผ่านไหล่ทั้งสองของคนที่นอนลืมตาโพลงอยู่  อย่างไม่ทันรู้ตัวว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น

     

     

                  "เริ่มจากนิยามชุดสูทแบบสากลเลยก็แล้วกันนะขอรับ  ชุดสูท หมายถึงชุดที่ตัดมาจากผ้าพับเดียวกัน  สวมเพื่อแสดงแบบแผนในการแต่งตัว แสดงความเป็นตัวตน(คาแรกเตอร์) ความเป็นทางการ (เช่น ใส่เพื่อเจรจาธุรกิจ ไปเที่ยว  แต่งงาน บลาๆ)  ความเป็นมืออาชีพ แสดงการให้เกียรติแก่กัน  และแสดงกาลเทศะ  รูปแบบของสูท  จะแบ่งเป็น 3 ประเภท สูทแบบบริตติช เป็นสูทที่มีจุดเด่นคือมีการผ่าแนวด้านข้าง ทำให้เคลื่อนไหวได้สะดวก  สูทแบบอิตาเลี่ยน เป็นชุดสูทแบบพอดีตัวไม่มีแนวผ่า ใส่แล้วดูเหมือนพ่อค้า นักธุรกิจ สูทแบบอเมริกา เป็นสูทใส่สบายๆ มีพื้นที่ช่วงลำตัวขยับขยายหายใจได้ ไม่เข้ารูปเหมือน สองแบบแรก  ก็จะพกอะไรใส่ไปได้เยอะขึ้นนะ แต่การจะใส่สูทให้ดูดี ก็ขึ้นกับฝีมือคนตัด และเนื้อผ้าเป็นอย่างมาก" 

     

     

                  "พอเลือกแบบแล้วสิ่งต่อมาก็คือคอปกของสูทซึ่งจะมี 3 แบบอีกเช่นกัน คือ ปกแบบบาก (Notch) ก็พบได้ทั่วไปเหมาะกับทุกโอกาส ทุกรูปร่างของผู้สวมใส่  ปกแบบแหลม (Peak) เหมาะสำหรับงานทางการหน่อย  แล้วก็ใช้คู่กับพวกที่มีรูปร่างใหญ่ หรือใช้กับสูทที่ติดกระดุม 2 แถว หรือใช้กับชุดที่เนื้อผ้าที่มีลาย ส่วนแบบสุดท้ายคือ ปกแบบขอบโค้ง (Shawl) อันนี้เหมากับทักซิโด้ หรืองานพวกทางการมากๆ ใส่ได้กับทุกรูปร่าง เว้นพวกที่อ้วนๆ หน้ากลมๆไว้หน่อย  เพราะถ้าใส่แล้วจะยิ่งทำให้ดูกลมไปหมด  แล้วต้องมาเลือกอีกว่าจะเอา  กระดุมกี่เม็ด และเอาแบบกี่แถว ซึ่งจริงๆแล้วก็เกี่ยวข้องกับรูปร่างของผู้ที่จะสวมใส่ด้วย แล้วงานนี้ค่อนข้างเป็นงานทางการมากๆกระผมอยากแนะนำให้นายท่านใช้ชุดทักซิโด้แบบกระดุม สองเม็ดจะดีกว่า  ส่วนจะเอาแบบ Black tie  หรือ White tie ก็แล้วแต่นายท่านเลย"  เว้นช่วงอธิบายบ้างเพื่อให้ร่างบางตอบรับ   ซึ่งดูเหมือนว่าแม้จะอธิบายแบบง่ายที่สุดแล้วนายท่านสุดยอดนักฆ่าหน้าตาน่ารักก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจ  แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็น

     

     

                  เรื่องของเรื่องคือจริงๆแล้วก็คือ เจ้าของร้านตัดเสื้อมากเล่ห์กำลังหลอกแต๊ะอั๋ง ลวนลามมือสังหารคนงามที่ตามเกมส์เขาไม่ทันอยู่จริงๆ  ก็เฝ้ามองมากว่าสิบปีโดยไม่เคยมีการได้สัมผัสจับต้องกันมาก่อนเลย  ดังนั้นพอได้สบโอกาสก็จัดการสกินชิพแบบข้างๆคูๆถูๆไถๆไปนั้นหล่ะ  หากพลาดปล่อยโอกาสนี้ไปก็คงจะต้องเสียดายแน่ๆ 

     

     

                  "นายท่านกรุณาอยู่นิ่งๆให้กระผมทำงานได้เสร็จเร็วๆดีกว่านะขอรับ" แสนถูกใจอากับกิริยาบื้อใบ้ที่มี ดวงตากลมใสเบิกโตแต่ไม่กระพริบของคนใต้อาณัตินัก  ร่างเล็กบางคราก็ม้วนบิดไปตามมือหนาที่เริ่มลูบวนรุกไต่เข้าไปใต้ร่มผ้าที่มีเนื้อเนียนนุ่มนิ่มรออยู่อย่างย่ามใจ  เสียงทุ้มจากริมฝีปากบางเหยียดยิ้มของจอมวายร้ายยังคงร่ายข้อมูลเสื้อผ้าราวเพลงกล่อมเด็กหลอกล่อเนื้อทรายไม่ประสาแสนน่าโอชะในอ้อมแขนต่อ  ฝ่ามือยาวค่อยๆเลื้อยเนียนเปลี่ยนตำแหน่งคล้ายเป็นการตระกองกอดกายละมุ่นหอมกรุ่นอย่างช้าๆ

     

     

                  "แบล๊ก ไทด์  ก็ตามชื่อเลย  เป็นชุดสูทที่เป็นทางการที่สุด โดยมีจุดเด่นคือใช้โบว์ไทด์ เป็นสีดำ มีเสื้อเชิตสีขาวจับจีบเป็นแถบแนวตั้งด้านใน  คอเสื้อเป็นแบบพับ สวมคู่กับคัมเมอร์บัน คือผ้าซาตินสีเดียวกับปกเสื้อที่เย็บเป็นแถบรัดบริเวณเอว เพื่อเสริมบุคลิกให้ดูสุภาพ หรูหรา สง่างาม ส่วน ไวท์ ไทด์ นี่ก็จัดว่าเป็นชุดที่สุภาพเหมือนกันแต่ขั้นสุดกว่าแบล๊กไทด์ ซึ่งสมัยนี้ก็ไม่ค่อยมีคนแต่งแบบนี้กันแล้ว ชุดนี้นอกจากจะต่างกับชุด แบล๊ก ไทด์ ตรงที่สีของโบว์ ไทด์ เป็นสีขาวแล้ว  เสื้อแจ๊กเก็ทตัวนอกยังต้องเป็น 2 หาง เรียกว่า ทู เทล โค๊ท เหมือนเสื้อของพวก วาทยกร สวมทับเสื้อกั๊กสีขาวเอวต่ำอีกที เสื้อเชิตข้างในต้องเป็นแบบ จีบ สองแถว แล้วมีคอเสื้อแบบ ปีก อาจจะต้องมีพร๊อบเป็น หมวกทรงสูง และไม้เท้าประกอบการแต่งกายชนิดนี้ด้วย  บางทีอาจจะดูเทอะทะ  แต่ว่าก็พกอาวุธไปได้เยอะทีเดียว" ระหว่างที่พูดไป ไล้จับเนื้อเนียนไป  ริมฝีปาก และปลายจมูกคมของคนตัวโต ก็ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น  จนคนฟังรับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนเป่าที่กำลังเป่าลงบนแก้มกลม และซอกคอขาว

     

     

                  นี่มันอะไรกัน  เรือนร่างของตัวเองโดนมือหนาจับลูบไล้ ไล่สำรวจนวลเนื้อจนไม่เหลือพื้นที่เอกราชแล้วเนี่ย  ร่างกายรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นราวกับกำลังเป็นไข้  แต่ไม่ได้มีอาการปวดศีรษะด้วยเลยนะ  มีแต่หัวใจที่ถีบตัวเต้นรัวดังขึ้น ดังขึ้นจนเจ็บช่องอกอย่างน่ารำคาญ กับอาการขนลุก สยิวกิ้วไปทั้งร่างเป็นพักๆ  ยิ่งถูกสัมผัสตรงไหน ยิ่งมีความต้องการให้ถูกสัมผัสมากขึ้น  แรงขึ้น  แนบแน่นขึ้นไปอีก  เสียงนุ่มขับกล่อมข้อมูลที่ฟังไม่เข้าหูแต่รู้ว่าน้ำเสียงน่าหลงใหล  สดับแล้วราวกับกำลังถูกร่ายมนต์เสน่ห์ให้ยอมสยบ ตกเป็นทาสอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้  ...แล้วในที่สุดเรียวลิ้นที่ตวัดแลบออกมากจากริมฝีปากบางให้เห็นเป็นบางครั้งก็ออกคำสั่งให้ผม  ...ถอดเสื้อผ้าออก...

     

     

                  นะ น.. นี่  จินยอง  ..ถ..ถูกป้ายยาอะไรหรือเปล่านะ  ...ได้รับความช่วยเหลือให้ลุกตั้งตัวขึ้นมานั่งบนโซฟานั่นได้  แล้วมือน้อยๆของตนเองถึงจะสั่นระริก  แต่ก็ยอมขยับขึ้นมาจับชายเสื้อผ้าป่านที่สวมใส่อยู่แล้วค่อยๆยกข้ามศีรษะอย่างเก้ๆกังๆ  ...เปลื้องผ้าตนเองอย่างไม่ขัดขืน   บ้าไปแล้ว..

     

     

                  "แน่นอนว่าริมฝีปากของกระผม ย่อมละเอียด แม่นยำ ในการวัดไซส์มาก แถมยังให้สัมผัสที่ดีกว่าแค่เพียงฝ่ามือธรรมดาแน่นอน  นายท่านคงไม่ว่าอะไรถ้าผมจะทำงานของผมต่อไป..." 

     

     

                  "อื้อ....ยะ.. อย่า"

     

     

     

                                                                                                                                                                   TBC.

     

     

     

    **********************              

     

     


    เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

                   

     

    *พิธีคอนเคลฟ ซึ่งเป็นกระบวนการที่คณะคาร์ดินัลจะเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่ ในบรรดาคาร์ดินัล จะมีพวกเปรเฟริติ ซึ่งเป็นพระคาร์ดินัลที่ดูเหมือนจะมีแนวโน้มที่จะได้รับเลือกให้เป็นพระสันตะปาปามากที่สุด มันเป็นพิธีที่ทุกอย่างจะถูกปิดเป็นความลับที่มีแต่พระคาร์ดินัลเท่านั้นที่เกี่ยวข้อง การสื่อสารกับโลกภายนอกเพียงหนึ่งเดียวคือควันที่จะถูกปล่อยออกมาจากโบสถ์ ควันดำหมายถึงว่าคะแนนเสียงยังไม่มากถึงสองในสาม และควันสีขาว (และช่วงหลังๆ ก็รวมถึงการตีระฆังด้วย) หมายถึงว่าคะแนนเสียงมากถึงสองในสาม และมีการเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่สำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว )


     

    **แหวนที่เป็นตราประทับส่วนตัวขององค์สันตะปาปา ซึ่งเป็นที่รู้จักในนามของ แหวนแห่งชาวประมง  ที่มีชื่อเรียกดังนี้เพราะกว่าวกันว่า  เซนต์ปีเตอร์ อัครสาวกของพระเยซู และเป็นพระสันตะปาปาพระองแรกเคยมีอาชีพเป็นชาวประมงมาก่อน  จึงตั้งชื่อแหวนประจำตำแหน่งเป็นที่ระลึก



    ***ทหารองค์รักษ์สวิส เป็นผู้ปกป้องพระสันตะปาและคณะพระคาร์ดินัลภายในรั้วกำแพงนครวาติกันนับตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม ปี 1506 พวกเขามองว่าตำแหน่งของพวกเขาไม่ใช่งานแต่เป็นสิ่งที่พวกเขาเกิดมาเพื่อมัน ผู้ที่จะได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในทหารองครักษ์สวิสได้จะต้องเป็นชายโสดที่นับถือคาธอลิค อายุระหว่าง 19-30 ปี มีส่วนสูงอย่างน้อย 5 ฟุต 8 นิ้ว จบการศึกษาระดับมัธยมและผ่านการฝึกทหารสวิสเบื้องต้น และเป็นพลเมืองชาวสวิส

     

     

    ****เวอร์เนียร์ คาลิเปอร์  เป็นอุปกรณ์วัดความกว้าง ความยาวของวัตถุขนาดไม่ใหญ่นัก ที่มีความละเอียดเที่ยงตรง แม่นยำ น่าเชื้อถือกว่าไม้บรรทัด หรือเครื่องมือวัดขนาดชนิดอื่นๆ ตามจริงมีความละเอียดถึงหลักไมโครเมตร  มีทั้งแบบปรับมือ และแบบดิจิตอล

     



     *** ชุดสูทอย่างดี มักจะใช้ช่างฝีมือที่มีความชำนาญวัดและตัดออกมาตามรูปร่างผู้สวมใส่ จะมีความละเอียด ประณีต พอดีกับเจ้าของซึ่งมีเพียงคนเดียว เรียกว่า bespoke ชุดที่ได้ถือเป็นงานศิลปะ  จะมีความสวยงาม  ทนทานกว่าชุดสูทสำเร็จรูปที่มีขายโดยทั่วไป  ยิ่งช่างตัดสูทที่มีความเชี่ยวชาญมากเท่าไหร่ ยังสามารถแก้ไขทรวดทรงสรีระของชุดเพื่อเสริมจุดดี อำพรางจุดด้วยของผู้สวมใส่  ทำให้ได้ชุดที่ออกมาแล้วช่วยส่งเสริมให้ผู้สวมใส่ดูภูมิฐาน  สมาร์ท แสดงคาร์แรกเตอร์เป็นเอกลัษณ์ของตัวเอง ทั้งยังสง่างาม  โดดเด่นที่สุด  เหล่ามหาเศรษฐีระดับไฮเอนด์จึงนิยมตัดสูทกับร้านเก่าแก่ที่มีฝีมือไว้ใจได้มากกว่าสวมใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมที่มีชื่อเสียงเพราะการตลาด
     

     

                   



    ***************






                   สวัสดีรีดเดอร์ที่น่ารักทุกท่านค่า  ขอสูมาเตอะ(ขอโทษ) ที่หายไปนานนะคะ  555  ตอนแรกมีแพลนจะรวมเล่มฟิคเล็กๆเรื่องสั้นนี้

                   ไปร่วมตลาดกัซค่ะ   แต่ดูเหมือว่าเป็นแผนที่ใหญ่เกินตัว  ทั้งยังเขียนสเปไม่ทัน ( 5 ตอน -..-)  แล้วยังต้องตรวจทานเนื้อหา คำผิด

                   อีก  มีเพื่อนๆมาให้ความช่วยเหลือด้วย ลำบากไปหลายคนเลยทีเดียว  แล้วรู้สึกทำออกมายังไม่ดี  ไม่ทันเปิดพรีด้วย เลยยังไม่รวม

                   ดีกว่า   ไม่มั่นหน้าพออีกตะหาก  ฮรือ  ดูจากยอดคอมเม้นก็คงเข้าใจตรงกัยเนาะ แต่ก็ยังเขียนต่อไปนะคะ  รบกวนมาช่วยอ่านกันด้วยน๊า



                   สำหรับตอนนี้ที่ห่างไปนาน  ส่วนหนึ่งคือไรท์ก็พยายามศึกษาฟิคคนอื่น  ไม่ได้ไปก๊อบใครมานะคะ  เหมือนหาแนวทางให้ชีวิต

                   ประมาณหนึ่ง  คือเป็นคนเขียนซึ้งไม่ได้  รักหวานแหวไม่ได้  ดราม่าไม่ได้  ฮาไม่ได้  นี่เขียนแนวไหนเป็นมั่งเนี่ย  555  ก็เลยเกิด

                   ความต้อแต้ใจ   แต่มีคนกรุณามาคอมเม้นฟิคให้  ไม่เงียบเหงาซะทีเดียว  ก็ขอบคุณมากนะคะ  หรือไม่คอมเม้นแต่ก็ยังเฟบ ยังกด

                   เข้ามาอ่าน  ก็ชุ่มชื่นหัวใจอย่างล้นเหลือแล้วค่ะ



                   เรื่องนี้มีข้อมูลพื้นฐานตรงที่ ได้แรงบันดาลใจ  บรรยากาศมาจาก  เรื่องจอนห์ วิค  ที่บอกไป ประกอบกับเรื่อง เทวา กับซาตาน  

                   ที่ตรงกับช่วงสวรรคตของพระสันตะปาปาในเรื่องพอดี  ส่วนเรื่องช่างตัดสูท ก็เป็นส่วนที่ค้นคว้าเพิ่มเติมมา  ไม่รู้มันจะดูน่าเบื่อ รก เยอะ 

                   เข้าใจยากหรือเปล่า  อยากให้ช่วยบอกทีนะคะ  บางทีคนอ่านก็ไม่ได้อ่านเอาสาระ  แต่เราก็ไม่อยากจะดูถูกนักอ่าน โดยเขียนข้อมูล 

                   มั่วๆ ผิดๆ เน้น นัวๆ ฟินๆ อะไรแบบนี้   


                   
                   แต่มันก็เป็นแค่ฟิคไหมหล่ะ  ใครเขาจะมานั่งเอาความสมจริงกัน  เคยมีหัวข้อนี้เถียงกันทั้งในบอร์ดนักเขียน และในทวิตเตอร์ ซึ่งก็

                   นานาจิตัง  ไม่มีใครถูก ใครผิด  ใครชอบแบบไหนก็เสพแบบนั้น  ส่วนนักเขียน  เขียนแบบไหนแล้วมีความสุข  ก็เขียนแบบนั้น เชื่อว่า

                   ความสุขของนักเขียนจะถูกส่งต่อไปยังคนอ่านได้เอง  ดังนั้น บีเนียร์  เป็นคู่ที่เราชอบ  เราก็อยากจะเขียนดีๆ ให้เขาได้มีพื้นที่อยู่ในใจ

                   นักอ่านไม่มากก็น้อยหล่ะค่ะ  อิอิ  ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้    ตอนต่อไปจะรีบมาโดยทันทีที่ปั่นเสร็จเลย   สัญญา  555.


                   

        








    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×