ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Got7] JJ Factors - เจเจแฟ๊กเตอร์ [SF/OS][Bnior][BNyoung]

    ลำดับตอนที่ #19 : [SF] Happy #6YearsWithJJProject 100% [JJP]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 928
      43
      28 พ.ค. 61



    คิดถึงตอนนั้นเหมือนกันนะ #6YearsWithJJProject

     








    จริงๆช่วงนี้ผมกับพี่แจบอมก็ไม่ค่อยได้คุยเรื่องส่วนตัวกันมากเท่าไหร่  เพราะพวกเรากำลังวุ่นวายกับ GOT7 เวิลด์ทัวร์ EyesOnYou2018 ซึ่งนอกจากพวกเราต้องรับผิดชอบการแสดงในส่วนของตัวเองแล้ว  ครั้งนี้สมาชิก GOT7 ทุกคนล้วนมีส่วนร่วมในงานเบื้องหลังกันหมด  ด้วยเป็นคอนเสิร์ตใหญ่เป็นความฝันที่พวกเรารอคอย  เป็นโอกาสอันดีที่พวกเราจะได้แสดงศักยภาพให้เหล่าแฟนคลับทั่วโลกได้เห็น ได้ตอบแทน และมอบพลังใจกลับคืนไปให้พวกเขา สมกับที่แฟนๆได้ให้การสนับสนุนอุ้มชูพวกเรามาจนมีทุกวันนี้  หลังจากซ้อมเสร็จในแต่ละวัน พวกเราก็ประชุมงานกันจนดึก กลับมาแต่ละคนก็หมดแรง หัวถึงหมอนสลบไศลกันไปเป็นวัฎจักร และคงเป็นแบบนี้ไปอีกหลายเดือนจนกว่าเวิลด์ทัวร์จะสิ้นสุด

     

    พวกน้องๆทุกคนโตขึ้นมากทีเดียว เดี๋ยวนี้ผมสามารถแบ่งงานสำคัญให้เหล่าสมาชิกรับผิดชอบกันเองได้แล้ว  แบมแบมรับผิดชอบเรื่องสเตจ น้องต้องดูทั้งไฟ แสงสี เวที เอฟเฟค กราฟฟิค จอ มุมกล้อง ดูเจ้าตัวจะกระตือรือร้นมากทีเดียว แล้วไหนจะยังรับผิดชอบคิดการแสดง แต่งเพลงยูนิทคู่ที่ทำกับผมอีก ส่วนยูคยอมรอบนี้รับผิดชอบทั้งโซโล่ของตัวเอง และ Choreography คือการออกแบบท่าเต้นรวมทั้งหมดของคอนเสิร์ต  ซึ่งมีทั้งของ GOT7 และของแดนเซอร์ที่มีเพิ่มเข้ามา ร่วมกับผม โดยเพลงที่ใช้ก็มีเกือบ 30 เพลง ซึ่งต้องเต้นเกือบหมด  มันมีทั้งการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพิ่มลดท่าจากต้นฉบับเดิมที่เคยโชว์ ไหนจะมีท่าใหม่เพลงใหม่ที่ยังไม่เคยแสดงที่ไหนมาก่อน รวมกับเพลงเก่าแต่เอามาเรียบเรียงดนตรีใหม่ มันไม่ใช่งานง่ายๆเลย แต่น้องก็ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนผมนอกจากจะช่วยดูเรื่องท่าเต้นร่วมกับยูคยอมแล้ว ยังทำสเปเชียลเซคชั่น เป็นช่วงพิเศษมีคลิปการ์ตูนอนิเมชั่นประกอบเรื่องราวและใช้การแสดงเพลงร้องสดสอดแทรกลงไปคล้ายละครเวที ต้องดีไซน์สตอรี่ เนื้อเรื่อง ฉลากและองค์ประกอบเองเป็นงานใหม่ทั้งหมด ส่วนนี้ผมต้องออกตัวเลยว่าอาจจะยังทำได้ไม่ดีนักเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ลองทำ แต่ก็อยากจะลองพยายามทำสิ่งใหม่ๆเพื่อแฟนๆดูสักตั้ง  

     

    ทางมาร์คฮยอง รับผิดชอบเป็นสเตจเมเนเจอร์ คอยคุมคิว ประสานงานกับแบคสเตจ แล้วก็ดูภาพรวม ใครต้องทำอะไร ตรงไหน ตอนไหนบ้าง กำกับเวลา ค้นหาข้อบกพร่อง แต่ละสเตจต้องออกมาเป็นอย่างไร รายละเอียดปลีกย่อยทั้งน้อยใหญ่ มาร์คฮยองจะคอยดูแล และจัดการให้ทุกอย่างออกมาได้อย่างราบรื่นไม่สะดุด  ถ้าไม่มีมาร์คฮยองมาคอยควบคุม พวกเราก็คงเล่นกันไปมาจนเสียการเสียงานกันหมด การแสดงคงไม่เป็นรูปเป็นร่าง เป็นไปตามหมายกำหนดการได้  ส่วนแจ๊คสัน แม้จะพักงานที่จีนมาซ้อมคอนเสริตอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังมีท่าทีเหนื่อยล้าอยู่มาก  กระนั้นแจ๊คสันก็ยังทำหน้าที่เป็นมูดเม๊กเกอร์ คอยสร้างบรรยากาศเวลาพวกเราไม่เข้าใจกัน คนนี้จะเอาอย่างนั้น คนนั้นจะเอาอย่างนี้ให้รอมชอมประนีประนอมกันได้  ถ้าไม่มีแจ๊คสัน เราอาจจะต้องเสียเวลาทะเลาะกันนานกว่าจะได้ข้อสรุปและลงมือซ้อมเสียที  ท่ามกลางการเตรียมงานที่เคร่งเครียด เสียงหัวเราะของเขาเปรียบเหมือนวิตามินแสนวิเศษทีเดียว

     

    ส่วนยองแจ  น้องไปช่วยพี่แจบอมได้มากที่สุด เพราะกว่าครึ่งของเพลงทั้งหมดที่ใช้เล่นในคอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นเพลงที่พี่แจบอมแต่ง และหลายเพลงต้องนำมา รีมิกซ์ใหม่ ทำดนตรีใหม่ บางเพลงก็ยังไม่เคยนำมาไปแสดงที่ไหนมาก่อน ทำให้พี่แจบอมต้องมาทุ่มเทในส่วนนี้ ไหนจะต้องคุมทีม ประสานงาน และตัดสินใจไฟนัลไลซ์งานของพวกเราทั้งหมดอีก ยองแจเลยต้องรับหน้าที่ร้องไกด์ แล้วถ่ายทอดให้สมาชิกคนอื่นๆซ้อมท่อนที่ต้องเปลี่ยนการร้องต่อไป แล้วยังจะยูนิท ของพวกพี่แจบอม มาร์ค และยองแจ ที่น้องต้องเป็นคนรับผิดชอบการแสดงและแต่งเพลงเองอีก เรียกว่างานล้นหน้าตักกันทุกคน  แต่ทุกอย่างที่ออกมาก็ทำให้หายเหนื่อย เป็นความภาคภูมิใจของพวกเรา และแฟนๆก็ตอบรับกันดีสุดๆ ไม่มีสมาชิกคนไหนทำให้ผมผิดหวังเลย

     

    ในที่สุดความทุ่มเทแรมเดือนของพวกเราก็สัมฤทธิ์ผล  บัตรคอนเสิร์ตแทบทุกที่ 17 เมืองทั่วโลกก็ sold out หมด และคอนเสิร์ต 3 วันแรกที่โซล ก็ประสบความสำเร็จจบลงด้วยดี  วันสุดท้ายปิดจบด้วยน้ำตาของสมาชิกทีมถึงสามคน พี่แจบอมที่แบกทุกอย่างในฐานะลีดเดอร์ พี่เขามีแผลในใจตั้งแต่เวิลด์ทัวร์ FLY เมื่อ 2 ปีก่อนที่บาดเจ็บจนไม่ได้เข้าร่วมในช่วงแรกๆได้  วันนี้พี่ทำได้แล้วนะ  พี่ยังโทษตัวเองอีกว่าหรือจะเป็นความผิดของพี่ที่ทำให้ GOT7 เป็นอย่างทุกวันนี้  ผมที่อยู่กับพี่มาโดยตลอดตั้งแต่แรกทนมองพี่ร้องไห้ไม่ได้หรอกนะ  พี่ทำดีแล้ว ดีที่สุด ทุ่มเทที่สุดเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งเกิดมาจะทำได้แบบนี้  แต่มันอาจจะยังไม่ถึงจังหวะของเราก็เท่านั้น  ผมมีความสุขกับทุกย่างก้าวที่พวกเราค่อยๆเดินจับมือกันไปแบบตอนนี้มากเลย

     

    มาร์คฮยอง คนที่เข้มงวดอยู่เบื้องหลัง ก็ได้ปลดปล่อยร้องไห้ออกมาเหมือนกัน  ทั้งๆที่มีปัญหาทางบ้านอยู่ แต่พี่เขาก็ไม่เคยเอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้องกับงาน  ทั้งๆที่อยู่ที่บ้านหล่อๆ รวยๆ สบายๆก็ได้ แต่พี่เขาก็เลือกมาลำบากลำบน ล้มลุกคลุกคลาน ทั้งเหนื่อย ทั้งเจ็บตัว ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ ทนฟังคำนินทาว่าร้ายบั่นทอนต่างๆนาๆกับพวกเรา  มันไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะทำได้  แต่เพราะได้กำลังใจจากเหล่าแฟนคลับ ความอิ่มเอมตื้นตันในตอนที่งานของพวกเราบรรลุผลนั้น จึงไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้ ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณแฟนคลับของมาร์คฮยองดี  ส่วนแบมแบม น้องไม่เคยร้องไห้มาก่อนเลย  ไม่ใช่เป็นคนจิตใจแข็งกระด้างอะไร แต่น้องจะคอยเข้มแข็งปลอบโยน เล่นตลกให้พี่ๆ ฮยองไลน์ที่บ่อน้ำตาตื้นกว่าหัวเราะได้อยู่เสมอ  รอบนี้น้องร้องไห้แบบสะอึกสะอื้นเหมือนเด็กน้อย ทำให้หัวใจของผมอ่อนยวบไปหมด  แบมแบมเป็นเด็กดี น้องพูดในคอนเสิร์ตว่าอยากให้เหล่าแฟนคลับมีชีวิตที่ดีบ้าง  และขอบคุณแฟนๆที่สนับสนุนพวกเราเสมอ  ทำเอาผมแอบน้ำตาซึมเหมือนกัน ตอนนั้นไม่รู้จะเลือกปลอบใจใครก่อนดีเลย

     

    หลังจากจบคอนเสิร์ตที่เกาหลี พวกผมก็มีเวลาอีกแค่ 4 วันก่อนจะขึ้นเวทีครั้งต่อไปที่ประเทศไทย  ระหว่างนั้น แบมแบมกับมาร์คฮยองยังมีเวลาไปรับงานถ่ายนิตยสาร(คนละปก) แจ๊คสันยังเข้าสตูดิโอทำเพลงสำหรับอัลบั้มที่จีน ยูคยอมเรียกประชุมทีมแดนเซอร์ ส่วนยองแจก็อยู่ประชุมกับทีมซาวน์เอนจิเนียร์ ผมกับพี่แจบอมต้องสรุปงานคอนเสิร์ตทั้งหมดที่โซลหาข้อบกพร่องเพื่อปรับปรุงในคอนเสิร์ตครั้งต่อไป คือเวลา 4 วันผ่านไปไวมาก เวลาพัก เวลานอนอยู่ที่ไหนผมยังไม่รู้เลย

     

    "เหนื่อยไหมจินยอง" ระหว่างที่พวกเราอยู่บนเครื่องบินก่อนที่จะเดินทางไปเล่นคอนเสิร์ตรอบต่อไป ที่ประเทศไทยอีกเป็นเวลา 3 วัน พี่แจบอมที่นั่งคู่กับผมก็ถามขึ้น  หน้าตาพี่เขาดูทรุดโทรม ใต้ตาดำ เปลือกตาบวมตุ่ยกว่าผมเสียอีก  ยังอุส่าห์เป็นห่วง ถามไถ่ 

     

    ผมเอียงศีรษะค่อยๆทิ้งน้ำหนักซบลงที่ไหล่หนาของพี่เขา  ไม่ได้ตอบออกไปทันที แต่หลับตาซึมซับไออุ่นจากคนข้างๆสักพักก่อนจะเอ่ยอะไรออกไปอย่างใจคิด

     

    "ได้อยู่กับพี่  ได้ชาร์จแบตแบบนี้  ไม่ว่าเมื่อไหร่  ผมก็ไม่เหนื่อยหรอกครับ"

     

    "ดีจังที่มีจินยองอยู่ด้วย  พี่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกเลยรู้ไหม"

     

    พี่แจบอมเองก็เอียงศีรษะมาซบกับศีรษะของผมที่อิงพิงพี่เขาอยู่ พี่เขาเอามือของผมไปจับ และประสานนิ้วเข้ามา  ฝ่ามือใหญ่หนา หยาบกร้านจากการจับไมค์และเต้นบีบอย ทว่าให้สัมผัสนุ่มนวล และเต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่น  เราจับมือกันมากี่ปีแล้วนะ

     

    "พี่แจบอมรู้หรือเปล่าว่า เดือนพฤษภาคม มีความสำคัญสำหรับผมยังไง"

     

    "อืมมม เป็นเดือนเกิดของเมมเบอร์..แบมแบมหรือเปล่านะ?"

     

    "ก็ใช่ แต่ไม่ใช่ซี่ ... ถ้าพี่ลืมนะผมจะงอนจริงๆด้วย"

     

    "....เอ...ยังไงดีน๊า"

     

    "พี่แจบอม!!" ผมผงกศีรษะขึ้นจากไหล่ที่ซบอยู่ แล้วหันไปถลึงตาหาคำตอบจากพี่เขาอย่างจริงจัง 

     

    แต่มือหนาอีกข้างที่ว่างอยู่ของพี่เขากลับประครองศีรษะของผมให้ลงมาซบไหล่พี่เขาเข้าที่เดิม

     

    "โอ๋ๆๆ อย่าเสียงดังสิครับ เดี๋ยวคนอื่นตื่นหมด  พี่จะลืมได้ยังไงกัน  ถูกแมวมองชวนไปออดิชั่นหน้าห้องน้ำกับเด็กที่ไหนไม่รู้ ตอนอายุ 15  แล้วโชคชะตาก็พาให้พวกเราชนะการแข่งขันได้เดบิวด้วยกัน  จนถึงตอนนี้ที่พวกเราก็อายุ 25 ปีกันแล้ว มัน 10 ปีเลยนะ ที่พี่กับจินยองอยู่ด้วยกันมาตลอด ขอบคุณที่คอยอยู่ข้างๆ อดทน ฝ่าฟันทุกอย่างมากับพี่จนถึงตอนนี้นะ"

     

    "นี่แหนะ!! ชอบแกล้งนัก" จินยองเอามือที่ว่างอยู่อีกข้างตีแขนคนพี่ไปไม่แรงนักพร้อมกับซุกหน้าม้วนต้วน เปลี่ยนจากซบไหล่ มาไถศีรษะเข้าไปยังกลางหน้าอกของคนข้างๆ ฟังเสียงหัวใจที่เต้นตึกตัก เป็นจังหวะมั่นคงเสมอมา

     

    "ผมก็ต้องขอบคุณพี่เหมือนกัน  ที่ทำให้ผมได้ทำตามความฝัน  ได้ทำทุกอย่างด้วยกันกับพี่"

     

    "ไม่เสียใจใช่ไหมที่เลือกแบบนี้?"

     

    "ไม่หรอกคับ ไม่มีวันผมเลือกจะตอบสั้นๆ เพราะรู้ว่าพี่แจบอมหมายถึงอะไร 

     

    ใช่ครับ พวกเราแอบคบกันตั้งแต่จบสัญญาห้ามเดท 3 ปี หลังเดบิวของค่ายนั่นแหละ  แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยให้ใครรู้  แม้แต่สมาชิกในวง  พวกเราก็สกินชิพกันตลอดเวลาอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนหน้าตอนยังเป็นเด็กฝึก เป็น JJProject หรือกระทั่งตอนเป็น GOT7 ตอนที่หยอกล้อเล่นหัวกับคนอื่นในวง ผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่  แต่พอเป็นพี่แจบอมเข้าใกล้นี่แหละ ผมจะรู้สึกเขินบ้าง ใจเต้นแรงบ้าง ไม่รู้ว่าตัวเองเก็บอาการได้แค่ไหน  แต่ก็คิดว่าเป็นแบบนี้ไปทุกวันมันก็ไม่ได้แย่อะไร  กับพี่แจบอมเองที่มีใจตรงกัน  พี่เขาแสดงออกต่อหน้ากล้องของแฟนๆมากกว่าผมเสียอีก   โดยเฉพาะหลังๆมานี่ ตั้งแต่พวกเราได้คัมแบคในนาม JJProject ในอัลบั้ม Verse II  ช่วงปลายปี 2017อีกครั้ง  พี่แจบอมก็ยิ่งไม่เก็บอาการมากขึ้นไปใหญ่ ผมเห็นรูปที่แฟนๆรีมาในทวิตเตอร์ที่ไร สายตาที่พี่แจบอมใช้มองผมในแต่ละรูปทั้งที่ผมรู้ตัวและไม่รู้ตัวนั้น มันเล่นเอาผมหัวใจจะวายตายให้ได้เลยนะเนี่ย

     

    ว่าแล้วก็คิดถึงตอนนั้นเหมือนกันนะครับ ช่วงที่พวกเราได้แอบใช้ชีวิตอย่างคนรักทั่วไปแบบจริงๆจังๆโดยไม่ต้องปิดบังใครช่วงที่ไปถ่ายงานในอัลบัม Verse II ที่ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นหน่ะ ครั้งนั้นมันเหมือนทริปฮันนีมูนเลย แถมตอนกลับมายังมีนิทรรศการแสดงภาพถ่ายอย่างกับงานพรีเว็ดดิ้งของพวกเราภายหลังอีก  มีการแจกที่คั่นหนังสือเป็นของชำรวยด้วย  พวกบริษัท สตาฟ เมมเบอร์ และแฟนคลับไม่มีใครรู้หรอกครับว่าพวกเราจริงๆแล้วได้ทำอะไรๆกันที่นั่นบ้าง  ทั้งในกระท่อมริมทะเลสาบ ในรถบนถนน  ตามข้างรางรถไฟ และในทุ่งหญ้า มวลความสุข ความอิสระ ล่องลอย ท่ามกลางอากาศดีๆ เมืองฟุราโนะ จะเป็นความทรงจำที่มีค่าสำหรับผมตลอดไป  ....ฮรืออออ เคยได้ไปทำอะไรแบบนั้นสักครั้งในชีวิตผมก็รู้สึกพอใจมากแล้วหล่ะครับ

     

    แต่ทริปที่เมืองไทยครั้งนี้ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน  ก็อย่างที่รู้แหละครับว่าเหล่าแฟนคลับอากาเซ่ชาวไทยชอบเรื่องคู่ชิป แล้วคู่ผมกับพี่แจบอมก็เป็นที่นิยมมากที่นี่ พวกเราเลยไม่ต้องระวังตัวเท่าไหร่ จะทำอะไรก็อ้างเข้าว่าเป็นโมเม้นเซอวิสก็ย่อมได้ เพราะบางค่ายของศิลปินเกาหลีก็เซอวิสมากกว่าพวกผมที่เป็นคนรักกันจริงๆทำกันเสียอีก มันเป็นการตลาดเพื่อเรียกกระแส และเงินจากแฟนคลับให้มาสนับสนุนได้วิธีหนึ่ง  และเพราะอย่างนั้นเวลามาเมืองไทยพี่แจบอมถึงได้อารมณ์ดี ดีด คึกคัก กว่าปรกติเป็นพิเศษทุกครั้งไป เพราะจะได้จับมือ ไปไหนมาไหน กับผมในที่สาธารณะอย่างสบายใจ คราวนี้พี่เขาเล่นสกินชิพผมต่อหน้ากล้องตั้งแต่ยังไม่ขึ้นเครื่องด้วยซ้ำ โดยการพาผมไปซื้อไอครีมแล้วนั่งดูผมทาน คือผมก็ไม่ได้เตรียมใจมาก่อน  ดูสายตาที่พี่เขามองผมแล้ว เล่นเอาไอครีมที่ทานอยู่ผมไม่รู้รสมันเลยครับ

     

    กิจกรรมที่เราสองคนชื่นชอบเป็นอันดับต้นๆเมื่อมาเมืองไทย นอกจากการทานอาหารไทยแล้วก็คงเป็นการนวดแผนไทย  หลังจากเครื่องบินลงจอดแลนดิ้งเสร็จเรียบร้อย พวกผมก็ต้องแต่งหน้า แต่งตัวมาทำงานให้สัมภาษณ์รายการต่างๆในคืนนั้นกันเลย  เสร็จแล้วก็ยังต้องไปซาวเชค ซ้อมแสง สี เสียง กันก่อนเกือบทั้งคืน จนเกือบเช้าถึงได้กลับมายังโรงแรมที่พักที่พัก นอนสักตื่นแล้วเตรียมตัวขึ้นคอนเสิร์ตในตอนค่ำของวันเดียวกัน เดี๋ยวนี้พวกเราได้พักห้องเดี่ยวแยกกันแล้ว เพราะเวลาพักมีค่ามาก การพักผ่อนให้เพียงพอไม่กระทบต่องานถือเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งของมืออาชีพ ถ้านอนด้วยกันกับสมาชิกเหมือนเมื่อก่อนก็มีแต่จะชวนกันเล่น ชวนกันคุยไม่ได้พักผ่อนหลับนอนกันพอดี

     

    จากตี 4 ถึง 10 โมงเช้า พอนอนได้ 6 ชั่วโมง ร่างกายผมก็ตื่นขึ้นมาเอง  ปรกติพวกผมนอนน้อยกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่เพราะเมื่อคืนพวกเราเพิ่งเดินทางมาจากเกาหลี เลยเพลียๆนอนได้มากกว่าปรกติ  ผมตื่นขึ้นแล้วมาวอร์มร่างกายนิดหน่อย ทานอาหารเช้าเรียบร้อย พี่แจบอมก็ชวนผมออกไปนวดแผนไทยกันสองคน  และผมก็ตอบตกลงในทันทีเพราะผมก็ดูเหมือนจะติดนวดไปแล้วเหมือนกัน  มาทำงานที่ไทยทีไรต้องแวะไปใช้บริการสักครั้งสองครั้งเป็นประจำ

     

    ในห้องนวดร้านประจำที่พวกเราชอบมา จะมีเตียงเป็นฟูกปูคู่กัน  ผมชอบที่จะนวดพร้อมกันทั้งสองคน จะได้นอนคุยกันไปด้วย นวดไปด้วย  ที่นี่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว และหมอนวดก็ฟังภาษาเกาหลีไม่ออก เหมาะสำหรับการคุยงานกัน แล้วก็บางทีสมองก็แล่น ได้ไอเดียใหม่ๆในการทำเพลงอะไรแบบนี้ เหมือนได้พักผ่อนไปด้วย แต่ก็ยังทำงานไปด้วย

     

    "อืมมม  ดีจัง นั่งเครื่องมา 5 ชั่วโมง แล้วมาซ้อมต่ออีก  ตื่นมาพี่ปวดเมื่อยไปหมด  มานวดแล้วรู้สึกดีขึ้นนะ" พี่แจบอมที่นอนนวดฟูกข้างๆผมชวนคุยแล้วก็ยิ้มตาเป็นขีดให้  เวลาไม่แต่งหน้า ผิวหน้าพี่เขาขาวใสมาก ใบหน้าเนียนเสียจนแทบไม่เห็นรูขุมขน ทั้งๆที่ไม่ค่อยได้ดูแลอะไร ครีมก็ไม่ทา เอาแต่บอกว่าดื่มน้ำเยอะๆ แล้วดีต่อผิว  สงสัยท่าจะจริง

     

    "ครับ กลิ่นหอมๆโล่งจมูกในห้องนวดนี่ก็ดีเหมือนกัน  รู้สึกปลอดโปร่งหายเครียดไปเยอะเลย" เทราพิสที่นวดผมอยู่ให้ผมนอนตะแคงหันหน้าไปทางพี่แจบอมพอดี  ส่วนเทราพิสของพี่แจบอมก็ให้พี่เขานอนตะแคงหันหน้ามาทางผมเหมือนกัน  ตอนนี้เลยเหมือนกับว่า เรากำลังนอนหันหน้าเข้าหา และสบตากันอยู่จนผมอดยิ้มออกมาไม่ได้

     

    อยู่ๆพี่แจบอมก็ยื่นมือมาจับมือผมไว้พร้อมส่งสายตาร้อนแรงมาให้  พวกนูน่าเทราพิสเขาก็คุยอะไรกันไปผมฟังไม่เข้าใจ เลยหันมาสนใจคนตรงหน้ามากกว่า  พี่แจบอมที่ตัดผมทรงพยองจีในชุดนวดเสื้อแขนสั้น กางเกงขาก้วย ตัดด้วยผ้าสีพื้นดูหน้าเด็กลงไปมาก หน้าม้าเต่อทำให้ดูเนิร์ดๆ น่ารัก  ไม่รู้ช่วงนี้พี่เขากินอะไร ทำไมกลายร่างจากลีดเดอร์คนชิค เป็นน้องจบมแบ้วๆไปเสียได้ แถมยังไม่ค่อยโวยวายใส่อารมณ์กับน้องๆในวงแล้ว กลายเป็นฝ่ายถูกน้องๆรวมตัวกันแกล้งแทน(และแน่นอนว่ามีผมเป็นคนวางแผนอยู่เบื้องหลัง)  ช่วงนี้พี่แจบอมใจเย็น และใจดีกับทุกคนขึ้นมาก ทั้งคนในวง สตาฟของบริษัท และกับเหล่าแฟนคลับด้วย หรือว่าผมทรงนี้จะมีพลังลึกลับกันนะ

     

    "ยิ้มอะไรจินยอง  หนวดแมวออกแล้ว" พี่แจบอมส่งเสียงเรียกสติผมกลับมา หนวดแมวที่ว่าก็คือริ้วรอยใต้ตา ตีนกาของผมเองแหละครับ

     

    "ผมกำลังนินทาพี่ในใจอ่ะ ได้ยินหรือเปล่าครับ อิอิ"

     

    "พี่ก็กำลังนินทานายในใจเหมือนกัน  เวิร์ดทัวร์ครั้งนี้ ดูนายจะฟิตออกกำลังเยอะไปหน่อยนะ กล้ามใหญ่ขึ้นเยอะเลย เนื้อตัวแน่นไปหมด แถมตัดผมสั้นเสียหล่อลากกระชากวิญญาณอีก กะจะตกแฟนคลับของเมมเบอร์อื่นให้ตายตกเป็นของนายหมดเลยใช่ไหม"

     

    "แน่ะ แอบรู้ทัน  ผมก็ต้องมีอะไรไปสู้พี่มั่งสิครับ  พี่เล่นได้ทั้งหล่อ เท่ห์ ชิค เซ็กซี่ แล้วช่วงนี้ยังมีแบ๊วได้อีก  กะจะกวาดอากาเซ่ทั้งด้อมไปเป็นทาสในเรือนเบี้ยของพี่อยู่คนเดียว  ผมไม่ยอมหรอกนะ"

     

    "เอ้า คนเรามันก็ต้องมีการบริหารเสน่ห์กันบ้างไหมหล่ะ  กลัวแฟนๆจะเบื่อเลยเปลี่ยนแนวบ้าง ส่วนแฟนคนนี้อยู่กับพี่มาเป็น 10 ปีแล้วเบื่อพี่บ้างหรือยังหล่ะ ฮึ?"

     

    "หลงจะตายอยู่แล้วครับ  ยิ่งช่วงนี้พี่ทำตัวสบายๆ ยิ่งน่ารัก ฟลัฟฟี่ นุ่มนิ่ม น่าขย้ำอ่ะ แก้มงี้กลมๆเป็นก้อน  หมั่นเขี้ยวที่สุด  ผมดีใจนะที่พี่ไม่สร้างกำแพงกั้นตัวเองออกจากคนอื่นเหมือนเมื่อก่อน  ยอมออกมาจากโลกส่วนตัว ยอมกลับมาเล่นโซเชียลเพื่อติดต่อกับแฟนๆมากขึ้น ทั้งๆที่พี่เองก็มีเวลาว่างไม่เยอะนัก รับฟังคำพูดของคนอื่นมากกว่าเมื่อก่อน จากที่พี่เก่ง และดีอยู่แล้ว มันยิ่งทำให้พี่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นไปอีก"

     

    "นายก็ชมซะพี่จะตัวลอยได้อยู่แล้ว  พี่หน่ะยังมีข้อบกพร่องอยู่อีกมาก  แต่ก็พร้อมที่จะเรียนรู้ ปรับปรุง แก้ไข แต่นายสิ จินยอง  นายดีเสมอต้นเสมอปลายเลยนะ เมื่อก่อนเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น  ใจดี ใส่ใจคนอื่น อ่อนโยนและละเอียดอ่อน เจ้าแผนการ น่ารักแล้วก็ร่าเริง  บริสุทธิ์ ดีงาม คอยทำให้ความเหนื่อยล้า และวันแย่ๆ ห่างไกลออกไปจากชีวิตของพี่ นายจะทำตัวหล่อเข้มยังไงก็ได้ แต่ในสายตาของพี่ จินยองก็ยังน่ารัก และเป็นเด็กน้อยสำหรับพี่อยู่ดีอ่ะหล่ะ"

     

    "ครับๆ ผมยอมเป็นเด็กน้อยของพี่คนเดียว แต่ว่าคนที่ใจดีที่สุด ใส่ใจคนอื่นที่สุดหน่ะ ไม่ใช่ผมหรอกนะครับ แต่คือพี่แจบอมของผมต่างหาก"

     

    พี่แจบอมยิ้มเต็มแก้ม รอยยิ้มที่คอยปลอบประโลมผมมาตลอดตั้งแต่ที่เราเจอกันครั้งแรก  ผมจะทำทุกอย่างเพื่อรักษารอยยิ้มของพี่ไว้ให้คงอยู่แบบนี้ตลอดไป  ผมเพิ่งรู้ตัวได้ไม่นาน

     

    ตอนแรกที่พวกเราได้เป็นศิลปิน ทำงานหามรุ่งหามค่ำโดยไม่มีทางรู้เลยว่าอนาคตในวงการข้างหน้าจะเป็นอย่างไร  ทำตามที่คนนั้น คนนี้บอกดีไหม หรือค่ายจะว่ายังไง แฟนๆจะชอบไหม ที่ทำอะไรออกไปมันดีแล้วหรือยัง  ทุกๆวันมีแต่คำถาม ที่มาพร้อมกับการพยายามทำงานให้หนักขึ้นๆ มันเหมือนกับการว่ายน้ำในทะเลตอนกลางคืนที่มืดมิด เราไม่รู้ทิศรู้ทาง มองไม่เห็นแม้แต่ฝั่ง มีก็แต่แสงดาวพราวเต็มฟ้า ประกายระยิบระยังสวยงาม แต่ว่าอยู่ไกลแสนไกลคอยเป็นเพื่อน  เหนื่อยล้า อ่อนแรง อ้างว้าง ท้อแท้แค่ไหน แต่มันก็ไม่สามารถที่จะหยุดว่ายเวียนวนต่อไปได้  ถ้าวงGOT7ของเราได้เป็นที่ 1 แล้วเราจะเป็นอย่างไร และถ้าวงของพวกเราไม่ได้เป็นที่ 1 หล่ะ เราจะเป็นอย่างไร ผมคิด คิดมาก กลัวตัวเองจะถอดใจยอมแพ้ไปก่อน คำพูดของพ่อที่บอกว่าถ้าผมไม่มีความพยายามผมก็จะเป็นได้แค่นี้ กับความทุ่มเทของพี่ ที่ทำให้ผมเห็นตรงหน้า  จากความคิดที่ว่าต้องใส่ความพยายามลงไปแค่ไหนถึงจะได้คำตอบในความกังวลที่เป็นอยู่นี้ การลงมือกระทำอย่างจริงจังตลอดมาของพี่ก็ทำให้ผมเห็น

     

    ปลายปีที่แล้วที่ได้มีโอกาสทำอัลบั้มที่สองของ JJP ตอน Verse II ผมก็เหมือนได้พบกับแสงสว่าง เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะหวาดกลัวกับอนาคตข้างหน้า และสิ่งที่ยังมาไม่ถึง คำถามที่ถามออกไปมากมาย กับคำตอบที่เฝ้ารอ มันคงมีเวลาที่เหมาะสมของมัน  ในเมื่อคนที่สามารถทำให้ความฝันยังคงเป็นความฝัน กับคนที่สามารถทำให้ความฝันกลายเป็นความจริงได้นั้น คือคนเดียวกัน  ผมยังจะต้องการอะไรอีก ทุกอย่างที่พี่แจบอมถ่ายทอดออกมาในอัลบั้มนี้ช่างบังเอิญว่าเป็นดังคำตอบที่ผมกำลังค้นหาอย่างทันเวลาพอดี 

     

    คือ จริงๆแล้วผมไม่ได้มีความฝันอยากโด่งดังอะไรเลย  ที่ผมมีโอกาสได้เดบิว ทำนู่นทำนี่ ก็เพราะผมคล้อยตามรอยยิ้มของพี่แจบอมนั่นแหละครับ ผมเพิ่งมารู้ตัวเองว่าความฝันของผมคือการที่ผมอยากทำให้คนอื่นมีความสุข ถ้าผมสามารถทำให้คนอื่น โดยเฉพาะพี่แจบอมมีความสุขได้  มันจะเป็นการเติมเต็มและทำเพื่อตัวผมเองจริงๆนะ ถ้าพี่เขามีความสุข ผมก็พลอยมีความสุขไปด้วย  มันเป็นเหมือนสิ่งที่ผมไม่เคยนึกถึงหรือจับต้องได้ เพราะการอยากทำอะไรเพื่อคนอื่นมันไม่ใช่นโยบายของผม 

     

    อย่างที่แจ๊คสันเคยพูดไว้ ผมค่อนข้างเลือกคบคน และระมัดระวังเรื่องผลประโยชน์ตั้งแต่สมัยเป็นเทรนนี่ จนเขาผูกใจเจ็บเอามาแฉเมื่อไม่นานมานี้  ผมอดขำตัวเองเมื่อก่อนไม่ได้ ในวงการนี้ใครๆก็ต้องอยากมีปฏิสัมพันธ์กันไว้ทั้งหมดก็เพื่อผลประโยชน์ทั้งนั้น ผมไม่ชอบเลยระแวงทุกคนไปหมด ยกเว้นพี่แจบอมไว้คนหนึ่งนะครับ นอกจากพี่เขาผมก็ไม่เอาใครเลย จนกระทั่งมาได้เจอเหล่าเมมเบอร์ GOT7

     

    การดูแลเหล่าเมมเบอร์ การเทคแคร์แฟนคลับ การทำงานในทุกๆวัน จึงเป็นส่วนหนึ่งในการแบ่งเบาภาระพี่เขา และถ้าทุกอย่างมันไม่มาเป็นปัญหากับพวกเราก็จะทำให้พี่เขาทำงานได้อย่างราบรื่น มีความสุข และผมเองก็จะมีความสุข  ไม่ใช่การแข่งขัน  ไม่ใช่การได้รางวัล และไม่ใช่การเป็นที่ 1  แค่วง GOT7 ไปได้ดี มีคนชื่นชอบ มีคนฟังเพลง และมาดูการแสดงของพวกเรา พี่แจบอมก็จะมีความสุข ผมก็มีความสุขไปด้วย ผมเป็นคนเรียบง่าย แค่ได้รับรอยยิ้มจากพี่แจบอม อย่างทุกวันนี้ผมก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว หล่ะครับ   

     

    เทราพิสยกมือไหว้พวกเราแล้วกล่าวขอบคุณ เป็นคำภาษาไทยที่ผมฟังออกและเข้าใจได้ทันทีว่าการนวดของพวกเราเสร็จสิ้นแล้ว  ผมขอเข้าห้องน้ำก่อนออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้า  ทันออกมาเห็นพี่แจบอมเก๊กหน้าถ่ายรูปโดยใช้คางหนุนเสื้อฮูดสีเหลืองของผม  จะโพสอวดใครหรือเปล่านั้นผมไม่ได้ใส่ใจ แต่ช่วงนี้พี่เขาชอบถ่ายรูปสิ่งของรอบตัวเหลือเกิน  พี่แจบอมบอกว่าเอาไว้เวลาย้อนกลับมาดู เป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเพลง  ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรและยิ้มให้พี่เขาเหมือนอย่างทุกที และพี่เขาก็กดคลิกชัตเตอร์มือถือถ่ายรูปผมอย่างทุกทีเช่นกัน

     

    วันนี้ก่อนขึ้นคอนเสิร์ตเป็นคิวของผมกับพี่แจบอมต้องมาทำวีไลฟ์กันสองคน คือมันค่อนข้างเขินมากกกก เพราะตั้งแต่จบการโปรโมท JJProject  พวกเราก็แทบไม่ได้มาทำอะไรแบบนี้คู่กันอีก คราวนี้แบมแบมกับมาร์คฮยองมาช่วยพวกผมไว้ได้มากทีเดียว เจ้าแสบพยายามดึงความสนใจและช่วยให้พวกผมหายกระอักกระอ่วนหน้ากล้อง หรือเป็นแค่ผมที่เงอะๆงะๆก็ไม่รู้นะ เพราะเห็นพี่แจบอมนี่ยิ้ม ยิ้ม และก็ยิ้มเต็มแก้มมาก ดูอารมณ์ดีอย่างคนมีความสุขมาก งือออออพี่จะน่ารักจนผมเขินตลอดเวลาไม่ได้นะ!

     

    คอนเสิร์ตที่ไทยในวันแรกพวกเราทำได้ไม่เลวเลย แบมแบมเป็น MC  ที่ลื่นไหลมากขึ้น น้องไม่ค่อยตื่นเต้นแล้ว คงเพราะผ่านคอนเสิร์ตที่โซลมาแล้ว 3 รอบด้วย  สมาชิกคนอื่นก็ซ้อมคำไทยไว้พูดกับแฟนๆได้เปะทุกคน และเพลงไทยที่ซ้อมร้องกันไว้ก็ได้ถูกนำมาแสดงประกอบดวงไฟที่สวยงาม ตระการตา  มีกระแสตอบรับออกมาอย่างดีมากอีกด้วย  แต่มันยังมีความผิดปรกติอยู่อีกอย่าง

     

    หลังคอนเสิร์ตจบพี่แจบอมหลบหน้าผมทันที่ที่ประชุมงานเสร็จ  ผมเห็นพี่เขานั่งเงียบๆบนรถก็ไม่ได้ทัก กวนอะไรเพราะคิดว่าพี่เขาคงเหนื่อย จนกลับมาโรงแรม แยกย้ายอาบน้ำเสร็จ ด้วยวันนี้งานเลิกค่อนข้างดึก แล้วตอนเกือบตี 2 พี่เขายังหนีไปวีไลฟ์กับแฟนๆที่ห้องนอนของมาร์คฮยองอยู่เลย ผมว่าจะคุยอะไรกับพี่แจบอมก็นึกไม่ออกเพราะง่วงมาก เลยกลับห้องตัวเองแล้วนอนหลับไปก่อน   

     

    เช้าวันที่สองของคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย ผมตื่นเช้ากว่าปรกตินิดหน่อย เพราะเมื่อวานยังมีอีกหลายเรื่องที่ไม่ได้คุยกับพี่แจบอม วันนี้เลยตั้งใจจะมาปลุกพี่เขาไปทานอาหารเช้าด้วยกัน จะได้คุยงานกันไปด้วย  แต่พอเคาะเข้าห้องพี่เขาเข้าไปก็พบกับภาพ พี่แจบอมที่ถอดเสื้อนอนคว่ำอยู่  ตรงหลังขาวๆช่วงเหนือบั้นเอว มีถุงน้ำแข็งวางไว้ พี่แจบอมบาดเจ็บเหรอ!? ตอนไหน!!??

     

    คนที่นอนอยู่พอได้ยินเสียงฝีเท้าผมก็รีบพลิกตัวเองเปลี่ยนมานอนหงาย ทำเนียนเอาผ้าห่มมาคลุมถุงน้ำแข็งนั่นไว้  พร้อมฝืนยิ้มมาให้  คิดว่าผมไม่ทันเห็นหรือไง ไอ้พี่แจบอม  ผมจะโมโหแล้วนะ!!

     

    พี่แจบอมทำท่าจะลุกขึ้นมา แต่ผมรีบปรี่เข้าไปกดพี่เขาไว้กับเตียงก่อน  ทำท่า หน้าตา เลิกลัก ขนาดนี้ คงยังไม่ได้บอกใครสินะ  นี่มันเป็นเรื่องใหญ่พอสมควรอยู่ เพราะพี่เขาเคยบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง  ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา อาจจะร้ายแรงถึงขึ้นเต้นรำไม่ได้อีก

     

    "เจ็บมากไหมครับ  ทำไมไม่บอกใครเลย  ทุกคนเป็นห่วงพี่นะ  ไปหาหมอกันเถอะ" ผมไล้มือไปตามกรอบหน้าที่ชื้นเหงื่อของพี่แจบอม  ขนาดเปิดแอร์อยู่ พี่เขายังมีเหงื่อออกมากขนาดนี้ คงมีไข้ด้วยเป็นแน่ ตัวรุมๆด้วยอ่ะ

     

    "จินยอง ... อย่าร้องไห้สิ  พี่ไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย  นอนพักอีกนิดเดี๋ยวก็หายนะ"

     

    "..."

     

    "ถ้าไม่ไหวจริงๆพี่จะบอกนายคนแรก ตกลงไหม"

     

    "พี่รู้สึกผิดปรกติตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ เมื่อวานกลับจากไปนวดก็ยังดีๆอยู่นี่นา"

     

    "ขอโทษนะ ทั้งๆที่คอยบอกให้พวกนายดูแลตัวเอง อย่าบาดเจ็บ แต่พี่กลับเป็นเองเสียอย่างนั้น เป็นลีดเดอร์ที่ไม่ได้เรื่องเลยเนาะ"

     

    "...."

     

    "พี่รู้สึกเจ็บหลังตั้งแต่สเตจ เพลง OUT ที่ต้องโดดลงมาจากแท่นไฮโดลิคที่ยกขึ้นอ่ะ หลังก็ไม่ได้กระแทกกับอะไรนะคงลงผิดท่า ไม่น่าเกี่ยวกับกระดูกสันหลังเหมือนตอนนั้น อาจจะเป็นแค่กล้ามเนื้ออักเสบ"

     

    "...."

     

    "จินยอง  พี่ขอโทษที่ไม่เซพตัวเองให้ดี  หยุดร้องไห้เถอะนะ ตาบวมหมดแล้ว"

     

    "เดี๋ยวพี่ลุกขึ้นเต้น I will survive ให้ดูเลยอ่ะ"

     

    "ฮะ ฮ่า  ..  อุบ  คิดว่าตลกนักเหรอพี่แจบอม  แล้วตัวเองเป็นหมอหรือไงถึงรู้ว่าอันไหนเป็นอาการเจ็บจากกระดูกหรือจากกล้ามเนื้อหน่ะ"

     

    "ถ้าผมไม่มาเห็นกับตาเองแบบนี้ พี่ก็จะทำ poker face หน้าตายหลอกคนทั้งโลกต่อไปอ่ะนะ  เพลง OUT มันเพลงอินโทรเพลงที่ 3 เลย พี่เล่นเจ็บตัวตั้งแต่เพลงแรกๆต้นคอนฯ แล้วมาทนเต้นต่อให้จบทั้งคอนเสิร์ตเกือบ 30 เพลง ตลอด 3 ชั่วโมงกว่าๆโดยไม่มีพัก หรือผ่อนแรงเต้นลงเลยอ่ะนะ ยิ่งช่วง dance break ใน เพลง Girls Girls Girls remix อีก พี่เต้นลืมตายอย่างกับจะไม่มีวันพรุ่งนี้  อาการไม่แย่ลงผมก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว"

     

    "พี่ขอโทษ  เพราะเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ในรอบ สองปี และแฟนๆก็พากันคาดหวัง และพี่เองก็อยากจะแสดงให้แฟนๆเห็นอย่างเต็มที่ ตอนเต้นเลยลืมความเจ็บปวดไป มานึกได้ก็หลังคอนฯจบ จินยองอย่าบอกคนอื่นนะ พี่กลัวงานจะไม่สนุก เมมเบอร์จะเป็นกังวล แล้วจะส่งพลังออกมาได้ไม่เต็มที่กัน"

     

    "ไม่มีอะไรรับประกันนะครับว่าพี่จะไม่ไปล้มลงกลางเวทีหน่ะ อย่างนั้นไม่ยิ่งแย่ไปกันใหญ่เหรอ  พี่ไม่เห็นแก่ผมก็เห็นแก่ เมมเบอร์ สตาฟ และแฟนๆเถอะครับ ทุกคนเข้าใจถ้าพี่บาดเจ็บ ต้องพัก แสดงต่อไม่ได้  พี่จำตอนคอนเสิร์ต FLY ไม่ได้เหรอ  พี่แจบอมมีคนเดียวในโลกนะครับ  ทุกคนรอพี่ได้เสมอ"

     

    "เพราะเคยเป็นแบบนั้น พี่เลยรู้ว่าครั้งนี้ไม่ได้เป็นแบบเดิม นายเข้าใจไหม พ่นสเปรย์ยาชาสักหน่อยก็น่าจะเต้นต่อได้"

     

    "ผมจะยอมให้พี่ขึ้นคอนเสิร์ตได้ก็ต่อเมื่อ พี่ได้พบหมอและบอกเรื่องนี้กับเมมเบอร์ทุกคนนะครับ พี่คงไม่ยินดีแน่ถ้ามีเมมเบอร์คนไหนบาดเจ็บหรือป่วยแล้วปิดบังพี่เหมือนกันใช่ไหมหล่ะ GOT7 เราคือครบครัวเดียวกันนะครับ"   

     

    "แต่ว่า...."

     

    "ไม่มีแต่ครับ น้องๆก็โตๆกันแล้ว เราจะได้เตรียมการรับมือปัญหาต่างๆเอาไว้ มาเดี๋ยวผมช่วยพี่อาบน้ำแต่งตัวนะ  เมื่อคืนได้นอนไปหรือยังเนี่ย  อย่าบอกนะว่าปวดมากจนนอนหลับไม่ได้น่ะ"

     

    "พี่จะมีอะไรปิดบังนายได้มั่งมะ" 

     

    "ไม่อยากให้มีหรอกครับ มา ลุกเนาะ"

     

    "โอยๆๆ เบาๆ ค๊าบบ"

     

    "ตรงนั้นๆ ท่านี้พี่ไม่เจ็บแล้วครับ จินยอง"

     

    "อื้อ ดีครับ จินยองเก่งมาก"

     

    "มายืนหน้าแดงอะไรพี่แจ๊คสัน" แบมแบมทักพี่ชายอีกคนที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่หน้าประตูห้องลีดเดอร์ที่อยู่ติดกับห้องพักของเขา

     

    "มะ ไม่มีอะไร จะคุยเรื่องคอนวันนี้แหละ พี่ตื่นมาแล้วเสียงแหบเลย คงเปิดแอร์แรงไปเหมือนจะเป็นไข้อ่ะ" แจ๊กสันไอแค๊กใส่น้อง จนแบมแบมต้องรีบถอยหนี

     

    "ไปเอาแมสมาใส่เลยพี่ เดี๋ยวแพร่เชื้อใส่คนอื่น  พี่ทานข้าวเช้าแล้วนอนพักไปก่อนนะ เดี๋ยวแบมบอกคนที่เหลือให้ อย่าลืมทานยานะครับ"

     

    แจ๊คสันผงกศีรษะรับ แล้วเดินโซเซกลับห้องของตัวเองไป แบมแบมจึงไปไล่เคาะห้องเมมเบอร์คนอื่นเพื่อชวนลงไปทานอาหารเช้าพร้อมหน้าพร้อมตากัน

     

    ถ้ามีรายการจัดอันดับความดื้อรั้น หนุ่มฮ่องกง และหนุ่มอิลซานคงได้คะแนนเต็มสิบไม่ต่างกันแน่ๆ   คอนที่ไทยในวันที่สอง หวังแจ๊คสันที่เสียงแตกแหบต่ำแทบร้องเพลงไม่ได้ ตาช้ำไข้สูง แทบยืนไม่อยู่ แต่ก็ฝืนขึ้นคอนเสิร์ต แถมตีลังกาแทน มาร์คต้วนได้สำเร็จ เต้นได้ แต่ไม่สามารถมีเล่นมุก ช่วย MC แบมแบมได้เหมือนวันแรก หน้าที่จึงตกมาอยู่ที่ผมกับยองแจ พี่แจบอมคนดื้อเองพอจบอินโทร 3 เพลงแรกถึงกะต้องกลับเข้าไปหลังเวทีเพื่อฉีดเสตรียรอยด์และพ่นยาชาที่แผ่นหลัง พี่เขาดูเจ็บจนเก็บอาการ เก็บสีหน้าไม่ได้ แต่มันโชคดีที่วันนี้ในคอนเสิร์ตพวกเราแต่งชุดสีดำกัน  การขมวดคิ้ว แสดงสีหน้าทรมานเข้ากับอารมณ์เพลงของพี่เขาจึงไม่ได้เป็นที่ผิดสังเกตต่อหน้าแฟนๆ  คอนวันนี้ค่อนข้างรวบรัดกว่าวันแรก และพี่แจบอมก็หลุด สคริปหลายอย่าง จนผมต้องเข้ามาช่วย  นี่ผมเลยเป็น MC เบอร์สอง กับแบมแบมแทน จนแฟนๆแซวว่าผมพูดในคอนเสิร์ตที่ไทยวันเดียวมากกว่าที่ โซลรวมกัน สามวันเสียอีก

     

    ครับแล้วพี่แจบอมของผมก็เต้นแรงเหมือนเดิมจนจบคอนเสิร์ตวันที่สอง ช่วงไฮไลท์เพลงไทยวันนี้พวกเราก็ยังทำได้ดีเหมือนเดิม สีหน้าเจ็บปวดของพี่แจบอมในเพลงออเจ้าเอยไม่รู้ว่าเป็นเพราะอินกับเนื้อหาเพลงไทย หรือพี่แกเกิดปวดที่หลังขึ้นมา  แต่ผมว่าคอนเสิร์ตของเราก็ออกมาสนุกอยู่ ไม่ได้ต่ำไปกว่ามาตรฐานจริงๆนะ โปรเจคเพลง Fire work ที่เป็นทะเลดวงดาว กระพริบๆทั้งเพลง มันสวยมาก  ถ้าเป็นผมบาดเจ็บเอง ผมก็ต้องฝืนมาแสดงเพื่อตอบแทนแฟนคลับเหล่านี้เหมือนกัน

     

    "กลับไปวันนี้ผมจะดูแลพี่แจมบอมให้หายดีไวๆแทนพวกคุณเองนะครับ"  ผมมองโปรเจคแล้วก็บอกกับเหล่าแฟนคลับในใจ

     

    "วางโทรศัพท์ลงเลยครับพี่" พอกลับมาถึงโรงแรม ผมรีบเข้าไปอาบน้ำที่ห้องของตัวเองแล้วขนเอาหมอนผ้าห่มเตรียมมานอนที่ห้องพี่แจบอม  แต่พอมาถึงก็เห็นพี่เขานอนเล่นโทรศัพท์อยู่เลย  คิ้วงี้ขมวดเป็นปม

     

    "มีอะไรน่าสนใจกว่าผมในนั้นหรือไงครับ"ผมปล่อยผ้าห่มลงบนพื้นแทบเท้า พร้อมกับก้าวขึ้นเตียงพี่เขาทั้งๆที่ใส่แค่กางเกงขาสั้นเตะบอลเตรียมนอนสีดำกับเสื้อยืดสีขาวแขนยาวคลุมปลายนิ้ว

     

    "ตลก?" พี่แจบอมหันมาจะยิ้มก็ไม่ใช่ จะหน้าบึ้งก็ไม่เชิงใส่ผม

     

    "ไม่ชอบ?" ผมถามกลับ ปรกติพี่แจบอมชอบหาเศษหาเลยกับผมตลอด พอผมมาหาถึงที่แบบนี้กลับไปไม่เป็นเสียอย่างนั้น

     

    "ไม่ชอบก็บ้าแล้ว" ร่างหนาวางโทรศัพท์ลงแล้วพลิกตัวมาคว้าเอวผมไปกอด และผมก็ทิ้งตัวให้พี่เขากอดจนตัวผมนี่จมหายไปกับอกกว้าง เนื้อแน่นที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของพี่เขา

     

    "ให้รางวัลคนเก่ง  วันนี้พี่แจบอมอดทนได้ดีมากครับ" ผมจุ๊ฟเบาๆที่สันกรามสวยของคนพี่  รู้สึกถึงอ้อมแขนแกร่งที่กระชับกอดรัดแน่นเต็มที่กว่าเดิมขึ้นมาอีกระดับ

     

    "จินยองไม่โกรธพี่แล้วใช่ไหมครับ?"

     

    "เมื่อมองเข้าไปในแววตาของแฟนๆ ผมว่าผมเข้าใจความรู้สึกอยากตอบแทนพวกเขาของพี่แหละครับ เพื่อให้แฟนๆที่อุส่าห์รอคอยได้มีรอยยิ้ม พี่ถึงเต้นลืมตายทั้งๆที่เจ็บหลังมากได้ขนาดนั้น แต่คราวหน้าคราวหลังพี่ต้องไม่ทำอะไรเกินตัวนะครับ ผมและพวกน้องๆพร้อมจะเป็นกำลังให้พี่เสมอ"

     

    "ผมอยู่กับพี่มาตั้งเท่าไหร่แล้ว พวกเราก็เหมือนกับนักปีนเขา ที่อดทน ลำบากลำบนปีนขึ้นไปบนเส้นทางแสนขรุขระ สูงชัน เพราะพวกเรามีความสุขที่ได้ปีนเขา พวกเรารักภูเขาลูกนี้ และการปีนป่ายขึ้นไปเผชิญความยากลำบากมีความสุขกว่าการไม่เคยลองปีนขึ้นไป แม้การอยู่บนพื้นดินข้างล่างจะปลอดภัยและสะดวกสบายกว่าก็ตาม"

     

    "ขอยืนยันคำเดิมเลยนะว่าจินยองหน่ะ รู้ใจพี่ที่สุด  พี่ยอมนายทุกอย่างแล้ว สัญญาว่าจะไม่มีอะไรที่พี่จะปิดบังนายอีก" พี่แจบอมพูดไปก็จุฟเหม่ง หอมหัวผมไป จนผมรู้สึกจักกะจี้

     

    "อะไรของพี่อ่ะ ผมก็เขินเป็นนะ  คอนเสิร์ตวันนี้เป็นอีกคอนเสิร์ตที่ผมลุ้นที่สุดในชีวิต คงจะต้องจดจำมันไปอีกนานเลยครับ แจ๊คสันก็ป่วยงอม แถมพี่ยังมาบาดเจ็บอีก  พวกเรานี่ก็เก่งเหมือนกันเนอะเข็นมันออกมาจนสำเร็จลงได้"

     

    "แล้วก็โชคดีด้วยที่พี่ยอมตรวจกะหมอถึงได้รู้ว่าพี่ไม่ได้เป็นอะไรเกี่ยวกับกระดูกสันหลังเหมือนอาการป่วยเมื่อครั้งสองปีก่อน พี่ปล่อยผมแล้วนอนคว่ำเร็ว  คืนนี้ผมจะนวดหลังให้พี่เอง  นี่ผมไปขอยาดีจากมะม๊า ของแบมแบมมาด้วยนะครับ"

     

    "อะไรหน่ะ กลิ่นหอมดีเหมือนกัน"

     

    "น้ำมันพาย  น้ำมันไพล อะไรสักอย่างนี่แหละครับ นอกจากยาแผนปัจจุบันที่หมอฉีด กับให้พี่มาทานแล้ว ก็มีไอ้นี่ผ่านการปลุกเสกมาอีกที คนเราต้องอยู่อย่างมีศรัทธาด้วยนะครับ พี่จะต้องหายทันพรุ่งนี้  คอนเสิร์ตวันสุดท้ายที่ไทย เรามาทำให้มันสนุกสุดเหวี่ยงกันไปเลยดีไหมครับ"

     

    "รับบัญชา The King พ่ะย่ะค่ะ พรุ่งนี้เดี๋ยวใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทอิม แจบอมคนนี้ พี่จัดให้!!!"

     

    และก็อย่างที่ทุกคนรู้และได้สัมผัสกันแหละครับ  คอนเสิร์ตวันสุดท้ายที่ประเทศไทยนั้นร้อนแรงมาก สนุกที่สุดใน 3 วัน และพี่แจบอมก็หายจากอาการบาดเจ็บแล้ว  พี่เขาสารภาพต่อหน้าแฟนคลับเองเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และผ่านพ้นมันมาได้ยังไง  กลัวแฟนๆจะเป็นห่วง ไม่สบายใจตอนอังกอร์พี่เค้าเลยจัดแดนซ์บ้าบอไปอีกชุดใหญ่ให้สิ้นความสงสัยไร้ข้อกังขา  นอกจากจะรักการแต่งเพลงแล้ว ลีดเดอร์ของผมก็รักและแคร์แฟนๆมากๆทีเดียว

     

    จบจากเมืองไทยพวกเรายังต้องบินไปที่ญี่ปุ่นเลยเพราะมีงานต่อ ถึงจะต้องเหนื่อยกันอีกแต่พวกเราก็อิ่มเอมใจกันมาก มันเหมือนได้รับพลังด้านบวกอันยิ่งใหญ่จากแฟนๆกลับมา

     

    ที่สนามบินสุวรรณภูมิผมได้ออกไปเดินเลือกของฝากโดยมีพี่แจบอมอาสาตามมาด้วย  ไม่รู้แฟนๆจะสังเกตเห็นไหมแต่พวกเราก็แอบสปอย์ท่าใหม่ในอัลบั้มที่สาม ของ JJProject ไปหลายทีแล้ว  จบจากเวิลด์ทัวร์ เราจะมีเวลาว่าง 1 เดือนกว่าๆก่อนที่ GOT7 จะคัมแบคในเดือนตุลาคม เมื่อถึงตอนนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่ผมจะได้โปรโมท JJP แค่สองคนกับพี่แจบอม อีกครั้ง  และอีกแค่ สิบกว่าวันนิดๆจะถึงวันครบรอบเดบิว 6 ปีของ JJP กับพี่เขาแล้ว

     

    หลังๆมานี่พวกเราไม่ได้มีเซอไพรซ์อะไรกันเลยครับ  ใช่ว่าเบื่อที่อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปีดีดัก แต่มีใครเขามานั่งสร้างความแปลกใจให้กับออกซิเจนที่ใช้หายใจอยู่ทุกวันกันบ้างหล่ะ สำหรับผมกับพี่แจบอม พวกเราก็แบบนั้นแหละครับ เจอหน้ากันทุกวัน ขาดกันก็ไม่ได้ ทะเลาะกันบ้าง ดีกันบ้าง อยู่ในโลกส่วนตัวของแต่ละคนบ้าง แต่พวกเราก็ยังอยู่ด้วยกันเสมอ  จะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า  จนถึงมีป้ายหลุมศพตั้งอยู่ข้างกัน  ตอนแรกผมไม่ได้คิดไปไกลถึงขั้นนั้น แต่พอพี่เขาพูดมันออกมา ผมรู้สึกได้เลยว่าพี่เขามองไปข้างหน้าและให้ค่า ให้ความสำคัญกับผมขนาดไหน จะว่าไปความสัมพันธ์ของพวกเราก็เหมือนดั่งคำสาบานในพิธีแต่งงานเลยอ่ะครับ พวกเราจะยกย่องให้เกียรติกัน จะร่วมทุกข์ ร่วมสุขกัน จะดูแลกันยามเจ็บไข้ได้ป่วย จะช่วยเหลือพึ่งพากัน จนกว่าความตายจะมาพราก เอิ่ม  นี่พวกเรายังขาดอะไรไปอีกนะ แหวนแต่งงานและจูบสาบานต่อหน้าพยานบุคคลงั้นเหรอ  ....บ้าเถอะ!! ผมนี่ชักจะเลอะเทอะ เพ้อเจ้อไปกันใหญ่แล้ว

     

    พวกเราทำงานอยู่ที่ญี่ปุ่นกันต่ออีกสองสามวัน จึงได้กลับมายังเกาหลี  คราวนี้แฟนคลับทำเซอไพรซ์พวกเราจริงๆจังๆโดย มีการติดป้ายฉลองครบรอบ #6YearsWithJJProject ซะเด่นหราหน้าตึก JYP ทั้งๆที่ปีก่อนๆก็ไม่ได้มีอะไรขนาดนี้  คงเป็นการประกาศเพื่อกดดันให้ JJP คัมแบคกลายๆ เป็นการบอกว่า JOYUS ยังอยู่ตรงนี้ ไม่ได้หายไปไหน แต่ผมนี่เขินกับความเล่นใหญ่ของแฟนคลับจนไม่กล้าเดินเข้าตึกเลย มันเหมือนกับคัทเอ้างานแต่งมาก ไหนจะบิลบอร์ด ป้ายไฟ สปอร์ตโฆษณา งานมิตติ้งกันเองต่างๆนาๆ เชื่อเขาเลยว่า เหนียวแน่นกันจริงๆ ผมเลยโดนเมมเบอร์แซวไม่หยุด ทั้งเจ้ามักเน่ยักษ์แฟนบอยเดนตายของ JJP กับเจ้าหวังแกเพื่อนตัวดีที่ขยันล้อเลียนพวกผมตลอดเวลา

     

    แล้วก็ถึงคืนวันที่ 23 พ.ค.2018 ปีนี้แฟนๆเทรนกันร้อนแรงกว่าปีไหนๆ คงเพราะ Verse II ออกมาเซอไพรซ์แฟนคลับได้ถูกจริต ถูกใจ อัลบั้มต่อไปของพวกเราเลยเป็นที่คาดหวัง  รูปตอนกิจกรรมช่วงนั้นของพวกเราถูกขุดมารีโพสอีก ดูแล้วก็มีความสุขมาก  แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด  เพราะมีดราม่าพ่วงมาด้วย  มันเริ่มจากที่มีแฟนๆของเราไปโพสเตือนเรื่องที่พี่แจบอมชอบเข้าไปตอบ Fans.jyp แบบกวนๆ โดยอ้างว่ากลัวคนอื่นเข้าใจพี่เขาผิดวัตถุประสงค์ พี่แจบอมก็ไปตอบเขาว่าจะปรับปรุงตัวเองใหม่ เพราะอาจจะคิดน้อยไป  แต่จริงๆแล้วพี่เขาหน่ะคิดมาก คิดนานเลยนะครับกว่าจะโพสอะไรออกไปแต่ละที  รอยยิ้มพี่เขาเวลาเห็นแฟนๆมีรีแอกชั่น เวลาพี่เขาจับมือถือ เป็นอีกรอยยิ้มที่ผมไม่อยากให้หายไป  แต่แฟนๆไม่ต้องห่วงว่าพี่เขาจะเลิกโพสตอบหรอกครับ  พวกแอนตี้ไม่ค่อยมีผลกับชีวิตพวกเราเท่าไหร่  ถ้าจะหายไปก็เพราะงานเยอะจนไม่มีเวลาหายใจสถานเดียวนี่แหละครับ

     

    คืนนี้ยูคยอมกลับบ้าน  และมาร์คฮยองก็ไปนอนที่หอแบมแบม แจ๊คสันไปจีน และยองแจก็อยู่กับครอบครัว เหลือแค่ผมที่นอนอ่านหนังสือเล่นอยู่ที่หอ กับพี่แจบอมที่ยังไม่กลับมาจากข้างนอก  ทางสะดวกกว่านี้ไม่มีอีกแล้วนะครับพี่ รีบกลับมาก่อนที่ผมจะหลับเถอะ ผมพิมพ์คาท๊กไปตามพี่เขา  สองสามวันมานี้ถึงพวกเราจะไม่มีงานออกไปข้างนอก แต่ผมก็ต้องทำ เวท เทรนนิ่ง และซ้อมคอนเสิร์ตทุกวัน พอค่ำหน่อยก็รันแต่จะง่วงนอน  วันนี้เลิกซ้อมไวหน่อยตั้งแต่บ่ายสอง เผื่อพวกผมจะไปฉลองหรือทำอะไรๆในวันครบรอบเดบิว 

     

    พี่แจบอมไม่ตอบคาท๊กผมสักที จนตอนนี้ผมตาจะปิดแล้วครับ 

     

    ได้ยินเสียงผู้ชายสองคนคุยกันดังเล็ดลอดเข้ามาถึงในความฝันแต่ก็จับใจความไม่ได้ สักพักผมจึงตื่นขึ้นมาเต็มตาและพบว่านี่ไม่ใช่ความฝัน เหลือบดูนาฬิกาติดผนัง มันเกือบจะเที่ยงคืนใกล้วันใหม่เข้าไปทุกทีแล้ว  พี่แจบอมมายืนยิ้มแป้นแล้นตรงหน้าช่วยดึงให้ผมลุกขึ้นจากโซฟาตัวใหญ่กลางห้องนั่งเล่น พร้อมกับยิ้มไปทางคุณลุงท่าทางใจดีที่พี่เขาพาเข้ามาใกล้ๆผม

     

    "คุณพ่อเบอร์นาด" พี่แจบอมแนะนำพร้อมกับล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์สกินนี่ขาดเข่าของพี่เขาแล้วหยิบบางอย่างขึ้นมา

     

    แต่เดี๋ยวนะ พี่แจบอมทำหน้าเหรอหรา แล้ววิ่งไปเปิดประตูห้องนอนของตัวเองเพื่อปล่อยบรรดาแมวๆลูกรัก เจ้าโนร่า คุณท่า และโอดึ ออกมาจากห้องของพี่เขา

     

    "ผมให้อาหารลูกๆพี่แล้วนะ" ผมงงๆ แต่ก็ตะโกนบอกพี่แจบอม  แต่พี่เขาก็ไม่หยุดต้อนพวกแมว มาทางที่ผมกับคุณพ่อเบอร์นาดยืนอยู่

     

    อมยิ้ม เกาคอ ทำท่าเก้ๆกังๆ เขินๆ สักพักพี่แจบอมก็ยัดกล่องกำมะหยี่สี่ดำเล็กๆให้ผม  ถึงตอนนี้หัวใจของผมเต้นเร็วขึ้นๆ โดยไม่รู้สาเหตุแล้ว 

     

    คนตรงหน้าพยักหน้าให้คุณพ่อเบอร์นาดหยิบไบเบิลปกหนังหรูหราเล่มใหญ่ขึ้นมา 

     

    นาฬิกาในห้องร้องบอกเวลา 24 นาฬิกาย่างเข้าวันใหม่ คือวันที่ 24 พ.ค. 2018 แล้ว พี่แจบอมก็ควักกระเป๋าหยิบกล่องกำมะหยี่สีดำที่เหมือนของผมออกมา

     

    พี่เขาเปิดนำพร้อมกับพยักหน้าให้ผมทำตาม  ในกล่องนั้นมีแหวนทองคำขาวเกลี้ยงๆไร้ลวดลายอยู่กล่องละวง ตอนนี้น้ำตาของผมเริ่มไหลออกมาแล้ว

     

    คุณพ่อเบอร์นาดจับมือของพวกเราคนละข้างวางลงบนพระคำภีร์แล้วกล่าววจนะ ถ้อยคำที่ผมเคยได้ยินแต่ในพิธีแต่งงาน ตอนนี้ผมเริ่มหูอื้อตาลายไปหมดแล้ว

     

    ทันทีที่คุณพ่อถามว่าผมจะยอมรับพี่แจบอมเป็นสามี ยกย่อง ให้เกียรติ..ไม่ทันจบประโยคดี ผมรีบพยักหน้าและตอบอย่างฉะฉานว่า "รับครับ" จนทั้งคุณพ่อและพี่แจบอมหลุดหัวเราะ   จากนั้นพี่แจบอมก็ตอบรับผมจากประโยคคำถามแบบเดียวกันจากคุณพ่อ

     

    เราได้แลกแหวน และแลกจูบกันต่อหน้าบาทหลวง มีลูกๆของพี่แจบอมที่นั่งเป็นสักขีพยานมองพวกเราอย่างสงบเสงี่ยมผิดวิสัย

     

    เที่ยงคืน กับอีก สามสิบนาทีผ่านไป พี่แจบอมออกไปส่งคุณพ่อที่หน้าประตูหอพักและกลับเข้ามา

     

    ผมหยิกแก้มตัวเองซ้ำๆ เพราะคิดว่านี่คงเป็นแค่ความฝัน แต่ความรู้สึกเจ็บคือสิ่งที่ยืนยันทำให้ผมรู้ว่านี่คือความจริง

     

    "จินยองขอโทษนะที่ไม่ได้เชิญใครๆมา และไม่ได้ทำต่อหน้าพวกผู้ใหญ่และพวกพ่อแม่" พี่แจบอมเข้ามากอดผม

     

    ผมส่ายหน้าและกอดตอบพี่เขา  พี่แจบอมทำไมต้องอบอุ่น แสนดี และหล่อเบอร์นี้ด้วยนะ  ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองโชคดีขนาดนี้มาก่อนเลย 

     

    พี่แจบอมยิ้มหล่อละลายมาให้  "ต่อจากนี้เป็นเวลาทำอะไรน๊า"  พี่เขาแกล้งมากระซิบเสียงต่ำๆข้างหูผม

     

    "กะ ... ก็...ก็ " บ้าจริง ผมเสียงสั่น และเกิดติดอ่างขึ้นมาเสียงอย่างนั้น  สายตากรุ้มกริ่มของพี่เขาทำเอาผมขาแข้ง เข่าอ่อนไปหมดแล้ว

     

    "ปะ เข้าหอ" พี่แจบอมดูเหมือนจะรอผมตอบออกไปไม่ไหว เลยถามเองตอบเองให้เสร็จสรรพ 

     

    มือหนารวบเอวและขาของผมขึ้นในท่าเจ้าสาว จมูกโด่งก้มลงมาสูดความหอมจากซอกคอและคลอเคลียกับพวงแก้มนุ่มของผม

     

    "ต่อไปนี้ในวันครบรอบ JJP ในปีหน้า ก็จะเป็นวันครบรอบแต่งงาน 1 ปีของพวกเรา ด้วยสินะ"

     

    ผู้ชายที่ผมรักพยักหน้า แล้วปิดประตูห้องนอนของพวกเราลง.

     

     





    ***********************************************************************************************************

     

     







    แถม...

     

    Q&A กับไรท์เตอร์ขี้ชิป

     

    Q1 : ทำไมจินยองต้องใส่เสื้อผ้ามิดชิดตอนอังกอร์ในคอนเสิร์ตทุกครั้งเลยคะ?

     

    A1: บางคนอาจจะสงสัยไปถึงว่า จินยองแอบสักไว้ในส่วนใดของร่างกายไหม หรือว่าอาจจะอายอะไรที่หน้าอกมีไรขนอะไรแบบนี้  แต่จริงๆแล้วไรท์จะบอกให้ค่ะ  "ผู้ชายจะเซ็กซี่ที่สุดตอนไหนน๊า"

     

    Q1: ไม่เห็นจะตอบอะไรเข้าใจเลยนี่คะ TT

     

    A1: ของแบบนี้มันต้องใช้จินตนาการนิดนึงน้อออ เวลามีทัวร์คอนเสิร์ตหน่ะ ศิลปินจะเครียดๆมากเลย แล้ววิธีคลายเครียดที่ใช้เวลาน้อยแต่ได้ประสิทธิภาพสูงสุด คืออะไรหล่ะคะ...  และเมื่อไปเชื่อมโยงกับว่า ผู้ชายจะเซ็กซี่ที่สุดตอนไหนน๊า ลองไปดูคอนเสิร์ต GOT7 แต่ละครั้ง ใครที่ปล่อยพลังชิค&เซ็กซี่ได้มากที่สุดกันเอ่ยย  มันจึงเป็นเหตุผลว่า อีกคนเลยต้องแต่งตัวมิดชิดปกปิดยันคอหอยเพื่อไม่ให้ใครเห็นรอย...ไงคะ อิอิ.

     

     




    ***********************************************************************************************************************

     



    เป็นตอนที่แต่งยากจริงๆ จะ Fic ก็ไม่ใช่ จะ Fact ก็ไม่เชิง 555 เครียดค่ะ บรรยายซะออกแนว Documentary สารคดีชีวิตรักของพวกเค้า บร้าจิง 555 จะแต่ง "เรื่องรัก" ของคนที่รักกันหวานกว่า "เรื่องแต่ง" ออกมายังไงดี  นี่ก็คงมีชิปเปอร์โยนไม้พายทิ้ง สละเรือกันไปหลายคนแล้ว ส่วนใหญ่เขาจะเลิกชิปคนที่เป็นแฟนกันจริงๆค่ะ คู่นี้ก็เหลือแค่อย่างที่ไรท์บอก นี่ก็แอบสานฝันของตัวเองไปในฟิคแล้ว 555 ทั้งนี้เรื่องราวทั้งหมดนี่เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมานะคะ แต่มี base on the true story นิดๆหน่อยๆเอ๊งงง ขอบคุณทุกคนที่ติดตามน๊า  /จุฟๆ  รักรีดเดอร์ทุกคนนะคะ.








     

    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×