ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จบแล้วSAF:MOVE)ต่อ2CAF 2COUN ปฏิบัติการโต้กลับ ล้างโคตรอนาคต

    ลำดับตอนที่ #1 : Intro The Move "เปิดสภาวะการหลบหนี"

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 304
      1
      12 ม.ค. 60

    ในวันที่ทุกอย่างจบสิ้นนั้น ผมทรุดตัวลงคุกเข่าอยู่บนเรือกองทัพจ้องมองออกไปสู่ทะเลอันไร้ที่สิ้นสุดพลางจับปืนจ่อมาที่ขมับตัวเอง

    มันจบสิ้นแล้วละทุกสิ่งทุกอย่าง

    “พอทีความเจ็บปวด”

    “ก็อดอย่า!!

    !!ปัง!!

     

    INTRO MOVE

    ค.ศ. 2014  15 นาฬิกา 40 นาที

    ตอนนี้เวลาประมาณ 15.40 นาฬิกา ผมและเพื่อนกลุ่มหนึ่งมีผมและผู้ชายอีกสองคือ นอสกับไมค์ และผู้หญิงอีกสองคือ อังกับเซนท์ กำลังนั่งกินข้าวอยู่ในโรงอาหารของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง

    ซึ่งในบริเวณรอบๆโรงอาหารนี้ส่วนมากจะเป็นนักศึกษาของวิทยาลัยผมเพราะว่าอาจารย์ที่สอนภาษาไทยเขาได้พาพวกเรา ปวช.1/1 ปวช.2/1 และ ปวช.3/1 พามาดูละครเวทีเพื่อให้เราได้สืบสารวัฒนธรรมไทยให้แด่ลูกหลานต่อไป

    ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวกันยังไงหรืออาจจะเกี่ยวเพราะตอนนั้นที่เข้าไปในโรงละครผมได้นั่งเก้าอี้ปุ้บก็หลับเป็นตายเลย

    ชึ่งตอนนี้ผมก็อยู่ ปวช.3 แล้ว ซึ่งคณะอาจารย์ของวิทยาลัยนี้ก็พามาดูทุกปี แต่ก็ไม่สำคัญหรอกเพราะผมก็หลับทุกปีนั้นแหละ

    เห้ย ก็อด(God)” นอสเรียกผม ซึ่งตอนนั้นผมกำลังเคี้ยวข้าวที่อยู่ในปากอยู่ผมก็ได้แต่ทำเสียงว่า อือ

    ฝากชื้อน้ำไหม?” นอสพูดพร้อมกับยืนขึ้น

    ผมกลืนข้าวลงและล่วงมือเข้าไปหยิบกระเป๋าตังค์ในกางเกงสแล็คสีดำ(เครื่องแบบนักศึกษา) และหยิบแบงค์ยี่สิบออกมาจากกระเป๋าตังค์ เอาเบอรี่เดอะบอสแก้วหนึ่ง(น้ำผลไม้ปั้น)ผมตอบแบบกวนๆ

    ห่ะ!!นอสทำสีหน้าตกใจ

    งั้นกูเอาคาปูชิโน่เพิ่มวิปครีบด้วยไมค์ต่อมุขผม

    มึงไปซื้อเองเหอะนอสตอบกลับพร้อมทำหน้าเซ็ง ส่วนอังและเซนท์ก็หัวเราะออกมาหน่อยในมุขของผม ตกลงเอาไหมเนี้ย….น้ำเปล่านอสย่ำอีกที

    เอาน้ำเปล่าขวดหนึ่งผมบอกนอสพร้อมยื่นแบงค์ยี่สิบให้

    กูเอาแป๊บซี่แก้วไมค์บอกพลางหยิบเหรียญสิบสองเหรียญยื่นให้นอส

    น้ำส้มแก้วหนึ่งออกให้ก่อนน่ะมีแต่แบงค์พันเซนท์บอกนอส

    อืมและอังล่ะนอสถามอังที่กำลังนั่งเล่นมือถืออยู่

    เออเดียวกินกับเซนท์อังตอบ

    จากนั้นนอสก็เดินฝ่าฝูงชนไปชื้อน้ำให้พวกผม  ไหนๆมาถึงนี่แล้วดู อุลตร้าแมนเดอะมูฟวี่ เป็นเพื่อนกูหน่อยสิผมทำบิดขี้เกียจและบอกไมค์

    มึงดูด้วยหรอ?” ไมค์ขมวดคิ้วถามผม

    เออ

    ไมค์หันไปมองหน้าอังกับเซนท์ทำเหมือนล้อเลียนผมและไม่นานก็หันกลับมาทางผม เห้ย!!...เหมือนกันว่ะเพื่อนเดียวกูไปเช็ครอบหนังก่อนน่ะไมค์ทำสีหน้าดีใจแล้วก็เดินย่ำเท้าออกไปเพื่อไปเช็ครอบหนังที่โรงหนัง

    ผมทำสีหน้าอึ้งอยู่พักหนึ่งและก็พลางนำมือซ้ายมาเกาหัว กูพูดเล่นนะเนี้ยและผมก็ตักข้าวใส่ปากต่อปล่อยให้อังกับเซนท์หัวเราะกันอยู่สองคน

     

    ก็อดถ่ายรูปให้หน่อยสิอังบอกผมพร้อมกับยื่นมือถือของเธอมาให้

    ผมกลืนข้าวลงและรับสมาร์ทโฟนมาตั้งท่าพร้อมถ่ายรูปส่วนเซนท์กับอังก็ขยับตัวมาใกล้กันและชูสองนั้ว เอานะหนึ่ง……สอง…..สา-ผมยังไม่ทันได้พูดจบไฟของห้างที่เคยสว่างไสวก็ดับ!!พึ่บ!!ทันที

    !!ว้าย!!  !!เฮ้ย!!  !!ไรว่ะ!!  !!กริ๊ดดดด!!  มีผู้คนต่างร้องโวยว้ายอยู่ในความมืดนั้นสักพักหนึ่ง

    ผมที่อยู่ในห้วงความงงอยู่แปปก็ได้ใช้สมาร์ทโฟนของอังที่อยู่ในมือมากดออกจากโหมดถ่ายรูปไปยังหน้าจอหลักก็พบกับรูปของอังและแฟนหนุ่มของเธอถ่ายรูปคู่กัน

    ผมเกิดอารมณ์หึงนิดนึงและใช้แสงสว่างของมือถือฉายไปที่อังกับเซนท์ผมก็เห็นเธอทั้งสองทำสีหน้างงและมองไปรอบๆ  ไม่นานนักไฟสำรองของตัวห้างก็เปิดขึ้นมาแต่มันเป็นเพียงไฟอ่อนๆแต่ก็ทำให้ผู้คนถึงกับดีใจเล็กน้อย

    เกิดไรขึ้นว่ะ!เซนท์เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับมองไปรอบๆ

    โดนตัดไฟมั่ง….สงสัยห่างใกล้เจ่งแหละผมพูดพร้อมกับยิ้มออกมาหน่อยๆ

    ก็อดถ่ายทันไหมอังถามผม

    ห่วงแต่รูป

    ไม่อ่ะไม่ทัน….จะถ่ายใหม่ไหมล่ะ

    ไม่เอาแสงไม่ค่อยมีถ่ายมาเดียวมันดำอังตอบผมพร้อมยิ้มออกมา

    เห้ยดูนั้นสิ!!ชายคนนึงที่นั่งอยู่อีกโต๊ะด้านหน้าผมเขาลุกขึ้นจากเก้าอี้และชี้นิ้วมาทางด้านหลังผม

    ซึ่งด้านหลังผมนั้นผมจำได้ว่ามันเป็นกระจกบานใหญ่ๆที่เราสามารถมองผ่านมันเพื่อดูวิวบริเวณรอบๆห้างได้และผมก็หันไปทางที่ชายคนนั้นชี้

    ผมก็ถึงกับอึ้งเพราะในสิ่งที่ผมเห็นนั้นมันคือเครื่องบินที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนนับไม่ถ้วนบินอยู่บนฟากฟ้าและเริ่มยิงมิสไซล์ใส่ฝูงชนที่อยู่ตามถนนและถนนทางด่วนและเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นถึงกับทำให้คนบริเวณนั้นตกใจและถอยเก้ามาเล็กน้อย

    ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีอังและเซนท์ก็เหมือนกันรวมทั้งผู้คนบริเวณนั้น

    หลายคนเริ่มเดินหนีออกจากกระจกนั้นและก็มีมิสไซล์ลูกหนึ่งได้ถูกยิงมาที่ห้างทุกคนเห็นอย่างนั้นก็ถึงกับวิ่งหนีไปคนละทิศละทางพร้อมกับเสียงเอะอะโวยวาย

    ก็อดไปเร็วอังพูดพร้อมดึงแขนเสื้อผม

    ผมวิ่งตามอังไปส่วนเซนท์นั้นวิ่งนำพวกผมอยู่ ผมวิ่งพร้อมกับหันไปมองมิสไซล์ลูกนั้นมันได้ถูกยิงไปที่ชั้นสองแต่ผมอยู่ชั้นสามและแรงระเบิดก็ดังอยู่ใต้เท้าพวกผมทำให้พื้นถึงกับสะเทือนจนผมแทบทรงตัวไม่อยู่ส่วนอังถึงกับล้มลงไปส่วนเซนท์ผมมองไม่เห็นเธอแล้วเพราะฝูงชนที่แตกตื่นได้บังสายตาผม

    ผมจับอังพยุงขึ้นพร้อมกับมองไปที่ฝูงเครื่องบินพวกนั้นมันได้ปล่อยมิสไซล์มาอีกสองสามลูก ผมคาดการณ์เลยว่ายังมิสไซล์พวกนี้ต้องยิงมาที่ชั้นสามชึ่งเป็นชั้นที่ผมอยู่แน่นอน

    ผมมองไปรอบๆก็เห็นร้านอาหารร้านหนึ่งที่มีเคาน์เตอร์ที่ทำด้วยปูนอยู่รอบๆร้าน ผมเห็นว่ามันน่าจะพอป้องกันแรงระเบิดได้

    อังไปหลบหลังเคาน์เตอร์นั้นก่อนผมตะโกนบอกอังเพราะเสียงเอะอะมันดังมากและผมก็ชี้นิ้วไปที่เคาน์เตอร์ อังลุกขึ้นแล้ววิ่งนำผมไปส่วนผมก็วิ่งตามเธอไปจนถึงหน้าเคาน์เตอร์

    อังค่อนข้างที่จะปีนข้ามเคาน์เตอร์ลำบากเพราะมันสูงประมาณ 140 เซนติเมตร อังสูงแค่ 173 ส่วนผม 180 เซนติเมตร ผมเลยต้องช่วยดันตัวเธอให้เข้าไปก่อน จนอังปีนข้ามไปได้

    ก็อดเร็วอังบอกผม

    ผมปีนไปจนตัวเองนั้นอยู่บนเคาน์เตอร์แล้วแต่ไม่ทันได้ลงไปหลบอยู่ด้านหลังของเคาน์เตอร์มิสไซล์พวกนั้นก็ยิงมาที่พื้นก่อน แรงระเบิดทำให้ร่างของผมถึงกับกระเด็นไปชนกับตู้กระจกของร้านอาหารร้านนั้นที่มีกับข้าวใส่อยู่ แรงกระแทกทำให้กระจกของตู้นั้นแตกและผมก็ฟุบลงมากับพื้นพร้อมกับเลียง วิงวิง อยู่ในหู และไม่นานความมืดก็เริ่มเกาะกินที่นัยตาผม





    To Be Continued MOVE 1 >>>>> What To Run


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×