คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : ลูกครึ่ง(รีไรท์)
“ยินดีต้อนรับกลับมาขอรับนายท่าน”
“อืม”
หลิ่งเฟยที่ปลอมแปลงเป็นบุรุษรับคำสั้นๆ ก่อนจะขึ้นไปยังบนห้องเพื่อพักผ่อนและใช้เวลาคิดต่อว่าในวันพรุ่งนี้จะไปที่ไหนดี เถ้าแก่ร้านยกชาดอกจี๋ว์ฮัว2
มาให้หลายวันก่อนหน้านี้ตอนที่มาถึงร้านยาในร่างบุรุษทั้งเถ้าแก่กับจิน ลูกชายคนโตต่างงงเป็นไก่ตาแตกเพราะไม่นึกว่าบุรุษที่หน้าตาหล่อเหลาผู้นี้คือหลิ่งเฟยที่คอยอุปถัมภ์ร้านขายยานี้มาตลอด มนุษย์ที่สามารถเปลี่ยนตนเองไปเป็นเพศอื่นได้ไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อนที่พอจะนึกออกก็คือสัตว์เทพอสูรจิ้งจอกเก้าหาง
“ท่านเฟยขอรับ ข้าน้อยอยากจะมาขอคำปรึกษาสักเล็กน้อยนะขอรับ”
คำเรียกก็เปลี่ยนไปตามความกลัวเพราะไม่รู้ว่าคนผู้นี้แท้จริงแล้วเป็นใครกัน มนุษย์หรือสัตว์เทพอสูร
"ทำไมเจ้าแทนตัวเองแบบนั้นละเถ้าแก่ ไม่ต้องเกรงใจให้มากหรอก"
ความเป็นเองที่ไม่ได้หายไปไหนหลิ่งเฟยรู้ดีว่าเถ้าแก่กำลังหวาดกลัว เถ้าแก่ที่ได้ยินเช่นนั้นพยายามปรับอารมณ์และความรู้สึกนึกในใจว่าท่านผู้นี้คือผู้ที่มีพระคุณ
"เกี่ยวกับเรื่องราคาของดอกจี๋ว์ฮัวนะขอรับ"
“ดอกจี๋ว์ฮัวนะรึ”
ดอกจี๋ว์ฮัวดอกไม้ที่ชาติก่อนที่เป็นที่นิยมแต่สำหรับชาตินี้ ยุทธภพนี้มันถูกกล่าวว่าเป็นดอกไม้ที่ไร้ค่าที่สุดเพราะมันไม่ได้มีสรรพคุณฟื้นฟูลมปราณหรือร่างกายแต่สำหรับหลิ่งเฟยแล้วถึงสรรพคุณจะไม่เทียบเท่ากับสมุนไพรตัวอื่นแต่อย่างไรมันก็คือสิ่งที่ชอบมาตั้งแต่ชาติก่อน
"มีหลายคนที่ถูกใจชาจี๋ว์ฮัวมากและอยากจะซื้อเพียงแต่ข้าไม่สามารถกำหนดราคาของมันได้อย่างชัดเจนนัก"
"งั้นก็แถมฟรีไปพร้อมกับสินค้าตัวอื่นก็พอแล้ว ไม่ต้องไปกำหนดราคาหรอกหากมันยังไม่เป็นที่นิยมในตลาด"หลิ่งเฟยพูดไปพร้อมกับจิบรสชาติที่หอมหวานของชาจี๋ว์ฮัวอย่างอารมณ์ดี
"ขอรับ เช่นนั้นข้าขอตัวไปจัดของ"
"อ่า เดียวข้าเฝ้าร้านให้เอง"
หลิ่งเฟยอาสาเฝ้าร้านให้แม้จะไม่อยากทำก็ตาม เป็นเรื่องตลกอย่างหนึ่งที่ทั้งเถ้าแก่กับลูกชายต้องกลั้นขำเมื่อเวลามีลูกค้าที่เป็นสตรีเข้ามาซื้อไม่ว่าจะจอมยุทธ์ คุณหนูหรือวัยไหนต่างชอบแกล้งทำเป็นดูของบ้างล่ะหรือขอคำปรึกษาการใช้สมุนไพรบางล่ะทั้งหมดนี้เพียงเพื่อจะได้ยืนคุยกับหลิ่งเฟยในร่างบุรุษให้นานที่สุด
เหมือนเป็นเรื่องน่ายินดีแต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่ายไม่น้อย
"เจ้าของร้านอยู่หรือไม่"
หลิ่งเฟยลุกขึ้นด้วยความแปลกใจที่มีลูกค้าผู้ชายเข้ามาในร้านแล้วถามเถ้าแก่เหมือนรู้จักกันดี เพราะรับปากไว้แล้วว่าจะเฝ้าร้านให้เนื่องจากลูกชายคนโตกำลังออกไปรักษาชาวบ้านหลิ่งเฟยจึงยอมลงมาขายของให้ลูกค้าคนนี้
“ตอนนี้เจ้าของร้านไม่อยู่หากท่านต้องการยาสมุนไพรอะไรก็บอกข้าได้”
“เจ้า”
“หือ” ทำไมหน้าตาคุณชายนี้ถึงดูคุ้นๆ
“ท่านจอมยุทธ์มี่จาง”
คุณชายตัวปลอม!?
ในใจนึกแปลกใจก่อนจะนึกได้ว่าที่นี่แคว้นหยิ่งดังนั้นก็คงไม่แปลกเท่าไรหากจะได้มาเจอกับท่านอ๋องแม้ว่าที่นี่จะอยู่ไกลจากเมืองหลวงก็ตาม
"ท่านชาย ข้าเป็นผู้ชายต่างหาก"หลิ่งเฟยแกล้งเป็นพูดเสียงเหนื่อยใจ เซี่ยหย่งเซิงที่ได้ยินแบบนั้นห้ามตัวเองไม่ได้ที่จะตั้งใจมองคนข้างหน้าอีกที
ถึงใบหน้าจะเหมือนกันแต่รูปร่างและน้ำเสียงเป็นสิ่งยืนยันว่าคนตรงหน้าเป็นผู้ชาย
"ขออภัยด้วยพอดีว่าเจ้าหน้าตาเหมือนคนที่ข้ารู้จักนะ"
เซี่ยหย่งเซิงที่ออกมาตรวจสอบความเรียบร้อยของบ้านเมืองและถือโอกาสเป็นการฝึกไปในตัวเอ่ยคำขออภัย
"ไม่เป็นไร แล้ววันนี้ท่านต้องการสิ่งใดหรือ"
หลิ่งเฟยทำเป็นต้องรับลูกค้าแต่ในใจอยากขับไล่ไสส่งออกไปให้รู้แล้วรู้รอดจะได้กลับขึ้นไปนอน เซี่ยหย่งเซิงที่เข้ามาในร้านยาคนเดียวปล่อยให้องครักษ์สัตว์อสูรสองตนรออยู่ข้างนอกเผลอยิ้มออกโดยไม่รู้สาเหตุว่ายิ้มทำไม หากตอนนี้กลับรู้สึกถูกใจบุรุษที่อยู่ตรงหน้า
“ข้าอยากได้หญ้าหมอกพิษ 2 กำ
กับเม็ดยารวมจิต 1 ถุง”
หญ้าหมอกพิษที่ใช้ได้ทั้งทำยาพิษและเป็นยารักษา กับเม็ดยารวมจิต 1 ถุงสินะ
สมุนไพรมีเป็นร้อยพันหลิ่งเฟยใช้เวลาเสี้ยวนาทีนึกทวนรายการก่อนเดินไปหยิบของมาห่อให้ลูกค้า
“ทั้งหมดก็ 2 เหรียญทอง
กับ1 เหรียญเงิน”
“เจ้าเหมือนนางมาก”
หลิ่งเฟยไม่พูดโต้ตอบยืนรอลูกค้าจ่ายเงินอย่างเดียว
“ท่านเซี่ยหย่งเซิง”
จินที่พึ่งกลับมาจากการไปเรียนรู้การรักษาคนกับหมอ เรียกชื่อลูกค้าประจำอย่างแปลกใจที่บรรยากาศระหว่างหลิ่งเฟยกับเซี่ยหย่งเซิงดูจะไม่ค่อยดีเท่าไร
“พอดีเลย ข้าจะออกไปข้างนอกเจ้ามารับลูกค้าต่อทีนะ"
“ขอรับท่านเฟย”
จินเข้ามารับช่วงต่อจากหลิ่งเฟยทันที หลิ่งเฟยที่ตั้งใจว่าจะขึ้นไปนอนรู้สึกว่าไม่อยากนอนแล้วอยากจะออกไปเดินเที่ยวเล่นให้สบายใจมากกว่าระหว่างเดินออกมาก็ได้เจอกับสององครักษ์สัตว์อสูรที่ยืนตัวนิ่งไม่มองสบตาแต่ในใจทั้งคู่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ไม่ใช่ของมนุษย์เป็นกลิ่นอายที่เหมือนจอมยุทธ์มี่จางผู้นั้น แต่คนที่พึ่งเดินผ่านตัวไปเป็นบุรุษเรื่องนี้มันเป็นอย่างไรกัน
จากความกลัวกลายเป็นความสงสัยและพอดีกับเซี่ยหย่งเซิงที่ส่งสายตามาหาจงอินว่าให้ตามหลิ่งเฟยไป จงอินยอมเดินตามอย่างเกี่ยงเพราะเริ่มสงสัยแล้วจริงๆว่าแท้จริงแล้วจอมยุทธ์มี่จางเป็นมนุษย์หรือสัตว์เทพอสูร
แบบนี้ก็ไม่ต่างไปจากตอนที่อยู่แคว้นหานชัดๆ ท่านอ๋องนั้นมีงานอดิเรกสั่งงานให้ลูกน้องมาสโตกเกอร์คนอื่นหรือไงกัน
หลิ่งเฟยกรอกตามองบนขณะกำลังดื่มชาชมการแสดงร่ายรำในโรงน้ำชาพยายามนึกถึงสถานที่ที่จงอินจะไม่ตามมาจนตาเหลือบไปเห็นบุรุษสตรีคู่หนึ่งที่กำลังนวลเนียนกันอย่างไม่สนใจสายตาผู้อื่น บุรุษคนนี้ดูเป็นคนมีตังค์ในขณะที่สตรีเหมือนจะไม่ใช่ภรรยาหรือคนรักการแต่งกายของนางก็ดูเปิดเผยเนื้อหนังเหมือนกำลังยั่วบุรุษคนอื่น
จะว่าไปแล้วเราเองก็ยังไม่เคยไปที่นั่นเลยนี่นา
“ยินดีต้อนรับเจ้าค่า”
“คุณชายมองใครงั้นหรือเจ้าคะ”
“คุณชายมาทำอะไรที่นี่หรือเจ้าคะ”
สตรีมากมายพากันเข้ามาเสนอตัวเมื่อเห็นชายหน้าตาดีและมีกลิ่นเงินทองลอยมาขนาดยังไม่ได้เปิดกระเป๋าดู ไม่เพียงแค่นางคณิกาแม้แต่แม่เล้าที่เห็นใบหน้าของหลิ่งเฟยในร่างบุรุษอยากจะไถ่เงินให้หมดตัวแล้วเอาตัวมาเป็นนางโลมให้รู้แล้วรู้รอด
"ข้ามาหาความสุขนะ...นี้เป็นครั้งแรกของข้าดังนั้นหากข้าพลาดอะไรไปก็ขออภัยไว้ล่วงหน้าก่อนนะ"
โลกนี้ยังมีบุรุษที่ไม่เคยผ่านสตรีหลงเหลืออยู่ด้วยรึ!!
จากที่พวกนางเข้ามาเสนอตัวเบียดเสียดเข้ามาตอนนี้แทบจะตบตีกันต่อหน้าเพื่อแย่งตัวบุรุษตรงหน้ามาเป็นของพวกนางจนแม่เล้าต้องมาสาดน้ำห้ามทัพและให้หลิ่งเฟยเป็นคนตัดสินใจเลือกเอง
ครั้งแรกของหลิ่งเฟยสำหรับประสบการณ์ของผู้ชายที่กำลังจะได้ลิ้มลอง หลิ่งเฟยตัดสินใจเลือกนางคณิกานางหนึ่งที่ดูเรียบร้อยที่สุดจากทั้งหมดก่อนที่จะขึ้นไปยังบนห้อง จงอินในร่างงูเลื่อยออกมาจากหอโคมแดงเพื่อนำเรื่องนี้ไปรายงานแก่เซี่ยหย่งเซิง
“ข้ากลับมาแล้วเถ้าแก่”
หลิ่งเฟยที่ได้กลับมาจากการตักตวงความสุขที่หอโคมแดงกล่าวทักทายเถ้าแก่ที่กำลังทำความสะอาดร้าน
“ยินดีต้องรับกลับมาขอรับท่านเฟย”เถ้าแก่เรียกชื่อแค่คำเดียวตามคำขอของหลิ่งเฟยที่ขอไว้ในวันแรกด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแต่คิ้วขมวดเข้าหากันราวกับมีเรื่องหนักใจ
กำลังกังวลเรื่องของจินอยู่หรือก็ไม่น่าใช่นะ
“ข้าจะพักผ่อนอยู่บนห้อง ส่วนอาหารข้ากินมาจากข้างนอกแล้ว”
"ขอรับ”
หลิ่งเฟยล้มตัวนอนบนฟูกที่นอนก่อนกลับคืนร่างเป็นผู้หญิงเพราะความอึดอัดจากการแปลงกายเป็นผู้ชายมาหลายวันยิ่วเมื่อคืนแทบจะควบคุมไม่อยู่แม้จะรู้สึกดีที่ได้เสพสมดั่งบุรุษแต่หากเลือกได้จะไม่ทำอีกแล้ว
“คุณเหม๋ยอิ๋งครับไม่ทราบว่าคุณคิดยังไงเกี่ยวกับการแต่งงานของเราในครั้งนี้”เสียงในอดีตลอยเข้าโสตประสาทเหม๋ยอิ๋งลืมตามองผู้ชายใส่สูทราคาแพงกำลังยืนหันหลังให้ นี้คือความทรงจำที่ไม่อยากจำแต่สมองกับจิตใจมันไม่ยอมเชื่อฟัง
“.......การแต่งงานนี้พ่อแม่ของฉันก็แค่อยากให้ตระกูลของพวกท่านไปได้ด้วยดีก็เท่านั้น”
ไม่เข้าข้างใครแค่พูดไปตามความจริงเหม๋ยอิ๋งในตอนนี้เหมือนคนไม่มีบ้าน ไม่มีใครต้องการถ้าไม่นับอาชีพหมอที่เธอเป็นอยู่ ว่าที่เจ้าบ่าวหันหน้ามามอง ใบหน้าดูเลือนรางไม่รู้เลยว่าว่าที่เจ้าบ่าวคนนี้มีหน้าตาเป็นยังไงและพอนึกถึงหน้าตาของพ่อแม่ก็เลือนรางเหมือนกับผู้ชายคนนี้
สิ่งที่เด่นชัดในความทรงจำมีเพียงแค่มือสองข้างของตัวเองและภาพนอกหน้าต่างที่เป็นตึกมากมายแสดงถึงความเจริญของเมืองกรุง
"ถ้าคุณคิดแบบนั้นก็ดีแล้ว ผมขอพูดความจริงเลยนะทันทีที่แต่งงานกันแล้วคุณอยู่ส่วนคุณ ผมก็อยู่ส่วนผมเราจะอยู่ด้วยกันก็ต่อเมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น"
น้ำเสียงเย็นชาไร้เยื่อใยหรือความรู้สึก ณ จุดนี้เหม๋ยอิ๋งเข้าใจดีวาอีกฝ่ายก็ไม่ได้เต็มใจที่จะแต่งงานกับเธอและเธอก็รู้เรื่องที่ว่าที่เจ้าบ่าวคนนี้เป็นพวกรักร่วมเพศถึงเธอจะไม่รังเกียจแต่กับผู้ใหญ่นั้นไม่ใช่
คนที่จะได้ประโยชน์จากงานแต่งงานครั้งนี้คือพวกผู้ใหญ่ไม่ใช่ทั้งเจ้าสาวหรือเจ้าบ่าว
"เข้าใจแล้วค่ะ"
ในเมื่อต่างคนต่างไม่ได้รักกันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะดื้อดึง ถึงจะต้องเสียอะไรหลายอย่างแต่เหม๋ยอิ๋งก็ปลอบตัวเองมันคือประสบการณ์ชีวิตที่หาไม่ได้จากที่ไหนอีกแล้ว
“ท่านเฟยขอรับ”
จินที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างตัวเรียกด้วยความเกรงใจ จอมยุทธ์ผู้นี้สามารถแปลงเป็นชายหรือหญิงได้ตามใจนึกจริงๆด้วย เพราะตอนนี้หลิ่งเฟยอยู่ในร่างสตรีแต่ถึงงดงามเพียงใดแววตากลับดูว่างเปล่าจนน่าใจหาย
“มีอะไรรึ”
“ท่านเซี่ยหย่งเซิงให้ข้ามาเรียกท่านนะขอรับ”
เซี่ยหย่งเซิง.. ชื่อของท่านอ๋องเมื่อวานงั้นหรือดูจากท่าทางของจินแล้วแสดงว่ารู้อยู่แล้วว่าเซี่ยหย่งเซิงเป็นใครถึงต้องกลั้นใจมาปลุกข้าในตอนนี้
“บอกพวกเขาว่าอีก 1 ชั่วยามข้าจะลงไป”
“ขอรับ”
จินรีบออกไปจากห้องเพื่อให้หลิ่งเฟยได้มีเวลาเตรียมตัวถึงอยากจะเห็นวิธีการที่หลิ่งเฟยแปลงเป็นบุรุษหรือสตรีแต่ความเกรงกลัวนั้นก็มีมากกว่า หลิ่งเฟยไม่เร่งรีบที่จะเตรียมตัวพาตัวเองไปอาบน้ำและกินข้าวเหมือนปกติของทุกวัน
“ขออภัยที่ทำให้ต้องรอ ไม่ทราบว่าท่านเซี่ยหย่งเซิงมีธุระอะไรกับข้างั้นหรือ”
วันนี้เซี่ยหย่งเซิงมานั่งจิบชารอข้างในร้านกับองครักษ์คู่สัตว์อสูรเห็นได้ชัดว่าครั้งนี้เซี่ยหย่งเซิงมีการใช้อำนาจบังคับเถ้าแก่ไม่มากก็น้อยเพื่อที่ได้มาเจอกับหลิ่งเฟย เมื่อจับสัมผัสได้ว่ามีคนเข้ามาเซี่ยหย่งเซิงวางถ้วยชาลงผายมือไปยังเก้าอี้ตรงข้ามที่ว่างอยู่
“ข้าได้ยินเรื่องของท่านจากเจ้าของร้านมาพอสมควร ตอนนี้ท่านชื่อเฟยสินะท่านจอมยุทธ์มี่จาง”
เซี่ยหย่งเซิงพูดด้วยความมั่นใจว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือจอมยุทธ์มี่จาง ตอนนี้ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ดูเป็นไปไม่ได้แต่หากมันเป็นไปแล้วคนที่พอจะนึกออกก็มีเพียงแค่จอมยุทธ์มี่จางเท่านั้น
หลิ่งเฟยมองหน้าคนกำลังพยายามคาดเดาและอยากให้มันเป็นจริง แววตาของเซี่ยหย่งเซิงกำลังฉายความรู้สึกไม่พอใจ
"ข้าไม่เข้าใจว่าท่านต้องการอะไรจากข้า ต่างคน ต่างอยู่ ไม่ดีกว่าหรือ"หลิ่งเฟยที่ไม่ชอบความยุ่งยากพูดความต้องการแต่เหมือนว่าเซี่ยหย่งเซิงไม่ได้ต้องการเช่นนั้น
“ต่อให้ต่างคนต่างอยู่ ข้าก็คงไม่สามารถแกล้งทำเป็นไม่รู้จักท่านไม่ได้หรอกนะ”
หลิ่งเฟยนั่งเอามือเท้าคางกับโต๊ะมองค้นหาในตัวเซี่ยหย่งเซิงว่าตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่หากจะตีสนิทกับตนเองเพื่อผลประโยชน์ของชาติก็ถือว่าไม่ผิด แต่จากประสบการณ์ชีวิตที่ได้เรียนรู้มาเซี่ยหย่งเซิงกำลังมีความรู้สึกดีๆกับตนเองอยู่
เป็นแบบนี้คนที่เสียหายอย่างหนักที่สุดก็เป็นทั้งคู่นะสิ
"ข้าไม่สนใจ หรือท่านมีรสนิยมชอบไม้ป่าเดียวกัน?" แต่หากท่านไปได้กับบุรุษอื่นข้าจะดีใจมาก
"แต่ท่านก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่บุรุษมิใช่หรือ หรือว่าร่างจริงของท่านเป็นบุรุษกัน"
"ข้าจะเป็นบุรุษหรือสตรีก็เรื่องของข้าความจริงในใจข้าคือ ข้าไม่ได้สนใจท่านเลยแม้แต่น้อยท่านอ๋องเซี่ยหย่งเซิง"
คำพูดจากใจไม่มีคำโกหกหรือความเกรงใจ หลิ่งเฟยไม่อยากอ้อมค้อมให้เรื่องมันยืดยาวหากไม่สนใจก็คือไม่สนใจ ไม่ต้องการก็คือไม่ต้องการความเกรงใจนั้นมีไว้สำหรับคำที่หลิ่งเฟยอยากมีให้จะดีกว่า
สององครักษ์อยากจะชักกระบี่มาฟาดฟันบุรุษที่บังอาจมาพูดจาเสียมารยาทหากไม่ใช่เพราะเป็นบุคคลที่เซี่ยหย่งเซิงถูกใจคงทำไปตั้งแต่การมานั่งเท้าคางมองหน้านายของตน
"ข้ารู้มาว่าท่านกำลังตระเวนหาซื้อสัตว์อสูร แต่เหมือนว่าท่านจะยังไม่เจอสิ่งที่ท่านถูกใจท่านจอมยุทธ์มี่จาง"
แส่ไม่เข้าเรื่องจริงๆแต่หากข้าตบปากท่านอ๋องเซี่ยหย่งที่นี่ในแคว้นหยิ่ง และเรื่องมันบานปลายไปถึงมังกรฟ้าต่อให้สัตว์เทพอสูรมังกรฟ้าเป็นคนที่ดูดีมีเหตุผลเท่าไรแต่เราก็ยังไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากทำตามอำเภอใจ
หลิ่งเฟยได้แต่คิดขบด่าในใจ ใบหน้าปั้นยิ้มแต่แสดงความรู้สึกอย่างไม่ปิดบังว่ากำลังด่าในใจอยู่
“ท่านจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน”อีกฝ่ายไม่ตอบอะไรกลับมา แถมยังยิ้งแบบที่ไม่ใช่รอยยิ้มเสน่ห์หาจึงเปลี่ยนประเด็นคำถาม
“ไม่รู้สิบางทีวันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายก็ได้”
เพราะที่มาแคว้นหยิ่งถึงจุดประสงค์คือหาคนที่มีความสามารถดูแลศาลาและสามารถอยู่ร่วมกับสัตว์อสูร มนุษย์ในป่าลึกสามารถปกป้องตัวเองจากสัตว์อสูรในป่าได้แต่ข้อกำหนดนี้ใช่ว่าจะหาในแคว้นอื่นไม่ได้ที่มาแคว้นหยิ่งส่วนหนึ่งก็แค่อยากมาเที่ยวเฉยๆ
"...เช่นนั้นขอแค่วันเดียว ช่วยมาเป็นสหายกับข้าได้หรือไม่เฟย"
ท้ายที่สุดเซี่ยหย่งเซิงที่ไม่อยากบังคับใจ ขอร้องในสิ่งที่ท่านอ๋องเซี่ยหย่งเซิงไม่เคยทำมาก่อนนั้นคือการขอให้ใครสักคนมาเป็นสหายถึงแม้ว่าอยากจะให้เป็นมากกว่านี้
“ตกลง”
เพราะความสัมพันธ์ที่เซี่ยหย่งเซิงยื่นมาเองว่าขอแค่เป็นสหายเช่นนั้นก็ถือว่าเซี่ยหย่งเซิงบังคับใจตนเองให้เป็นแบบนี้เอง หากเป็นแบบนี้ก็ไม่มีใครเสียหายและคิดในแง่ดีถือว่าได้คนในพื้นที่มาช่วยพาเที่ยวด้วยอีกต่างหาก
.
.
.
ย่านโคมแดงที่ไม่เคยหลับใหล เพียงแค่ช่วงเวลากลางวันแสงสีจะน้อยกว่ายามราตรีเซี่ยหย่งเซิงที่ต้องการความเป็นส่วนตัวกับการได้ใช้เวลากับหลิ่งเฟยให้สององครักษ์กลับไป มองหอโคมแดงที่มีชื่ออยู่พอตัวในย่านนี้ด้วยสายตาที่ว่างเปล่าเพราะไม่ได้มีความต้องการมาปลดปล่อยอารมณ์ในเวลานี้
"อันที่จริงเมื่อวานตอนที่ข้ามาหาความสุขที่นี่ ข้าได้มีเวลาพูดคุยกับนางและนางได้ขอร้องให้ข้ามาดูสัตว์อสูรตัวน้อยที่ลูกค้าซื้อมาให้นาง"
หลิ่งเฟยเดินนำเซี่ยหย่งเซิงเข้าไปข้างในพร้อมกับบอกจุดประสงค์ที่มาที่นี่ให้รู้ก่อนตัดสินใจว่าวันนี้ไม่ได้มาเพื่อหาความสุขแต่มาเพื่อมารักษาเจ้าสัตว์อสูรตัวน้อยที่แม่นางคนหนึ่งขอร้องมาเป็นการส่วนตัว
“คุณชายท่านมาแล้ว”
เยียนถิงนางโลมที่ร่วมหลับนอนกับหลิ่งเฟยเมื่อคืนจับชายกระโปรงกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาอย่างดีใจเซี่ยหย่งเซิงก่อนจะเผชิญหน้ากับสายตาของเซี่ยหย่งเซิงที่ปรายตามองมาอย่างไม่พอใจ
“สัตว์อสูรที่เจ้าบอกมาอยู่ไหนหรือเยียนถิง”
หลิ่งเฟยปัดเส้นผมจัดปิ่นปักผมให้เข้าที่เข้าทางด้วยความอ่อนโยนอย่างใส่ใจ นางโลมคนอื่นต่างพากันมองด้วยความอิจฉาก่อนต้องหลบสายตาหนีเมื่อเห็นแววตาสัตว์ร้ายดั่งจิ้งจอกของหลิ่งเฟยมองมา
ช่างเป็นสายตาที่เร้าใจยิ่งนัก!
“อยู่ในตู้เสื้อผ้าเจ้าค่ะ”
เยียนถิงบอกด้วยสีหน้าที่ลำบากใจก่อนนำทางไปยังห้องส่วนตัวซึ่งมันคือพื้นที่ที่ไม่ควรให้ผู้ชายเข้าไปต่อให้เป็นลูกค้าก็ตามถ้าไม่ใช่เพราะถุงเงินถุงโตที่เป็นค่าปิดปากแม่เล้าอย่างหวังเลยจะได้มาเหยียบพื้นที่นี้อย่างสบายใจ
“ข้าขอเสียมารยาทนะ”
หลิ่งเฟยเอ่ยบอกเจ้าของห้องถึงตัวจริงจะเป็นสตรีเหมือนกันแต่ภายนอกตอนนี้ก็เป็นบุรุษจะให้เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหน้าไม่อายคงไม่ใช่ ความเอาใจใส่ของลูกค้าคนนี้ทำให้เยียนถิงคิดถูกแล้วที่ยอมเอ่ยปากบอกเรื่องหนักใจให้หลิ่งเฟยฟังเมื่อได้รู้ว่าหลิ่งเฟยมีวิชาการรักษา
เสียงขู่ฟ่อดังแววมาจากในตู้เสื้อผ้าทันทีที่เปิดประตู หลิ่งเฟยมุดเข้าไปเพื่อจับเจ้าสัตว์อสูรในตู้เซี่ยหย่งเซิงยืนดูว่าสิ่งที่กำลังส่งเสียงขู่ฟ่อนั้นจะเป็นตัวอะไร งู แมวหรือหนู
และที่มาของเสียงเล็กๆที่กำลังขู่คือกระรอกสีดำในมือของหลิ่งเฟย
“กระรอกสีดำ?”
เซี่ยหย่งเซิงพูดทบทวนความเข้าใจในตอนนี้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือสัตว์อสูรกระรอกดำที่ลมปราณมีน้อยนิดจนสัมผัสแทบไม่ได้ และตอนนี้เจ้ากระรอกน้อยกำลังพยายามทั้งกัดและข่วนอย่างเต็มที่แต่เพราะเขี้ยวเล็บถูกถอนออกไปตามคำสั่งของผู้ซื้อที่ตั้งใจให้มันเป็นเพียงแค่สัตว์เลี้ยงไว้ดูเล่น
ปล่อยข้า
ปล่อยข้าเดียวนี่นะเจ้ามนุษย์!
ข้าไม่อยากถูกตัวกับมนุษย์!
ความหมายของเสียงขู่ที่แปลได้จากเสียงฟ่อเล็กจ๋อยนั้นไม่ได้ทำให้ดูน่ากลัวเลย หลิ่งเฟยพยายามยั้งมือไม่ให้เผลอบีบร่างตัวเล็กมีแต่กระดูกแหลกคามือ
"งั้นช่วยยกเว้นข้าไว้คนหนึ่งนะเจ้ากระรอกตัวน้อย"
ทุกคนที่อยู่ในห้องมองหลิ่งเฟยอย่างมึนงงว่ากำลังพูดอยู่กับใคร
“เฟยเจ้าคุยกับใคร”เซี่ยหย่งเซิงถามไขข้อข้องใจ
“กับเจ้ากระรอกนี่ไง”
ข้า!? เจ้าจะมาเข้าใจในสิ่งที่ข้าพูดได้ยังไงกัน มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจการสื่อสารของสัตว์อสูรได้!
ฮ่า ฮ่า ปล่อยลมปราณข่มเจ้ากระรอกดีมั้ยนะ....
หลิ่งเฟยคิดเอาไว้ในใจ นิ้วลูบหัวเจ้ากระรอกอย่างอ่อนโยนเพราะเข้าใจว่าเจ้ากระรอกน้อยตัวนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง
“แต่ข้าเข้าใจที่เจ้าพูด แม่นางเยียนถิงเป็นห่วงเจ้าถึงได้ไหว้วานให้ข้ามาช่วยรักษาที่นี่ไม่มีใครทำร้ายเจ้าหรอก”
เจ้ากระรอกตัวน้อยหยุดดิ้นมองรอบตัวอย่างไว้ใจจนได้เห็นสายตาเป็นห่วงจากเยียนถิงซึ่งตั้งแต่ที่ได้มาอยู่กับนางก็ไม่มีใครมาทำร้ายตนเอง แถมนางยังเอานมมาให้กินอีกหลิ่งเฟยยิ้มโล่งอกที่ไม่ต้องฝืนบังคับใจเจ้ากระรอกตัวน้อย
“แล้วเจ้าชื่ออะไรล่ะ”
กระรอกน้อยลังเลสักพักแต่ก็ยอมเชื่อใจมนุษย์ที่ดูแปลกประหลาด
ซง
“แค่ซงเฉยๆเหรอ”
แค่ซงเฉยๆ!!
“ได้ยินมั้ยเยียนถิงเจ้ากระรอกตัวนี่ชื่อซงละ”
เยียนถิงกับเซี่ยหย่งเซิงทำหน้าไม่เข้าใจเข้าไปอีกเพราะสิ่งที่ได้ยินเมื่อกี้คือเสียงจี๊ดปรี๊ดแหลมไม่มีเสียงไหนที่ออกเสียงว่าซงเลย หลิ่งเฟยคลายมือให้ซงยืนบนฝ่ามือ
“ข้ามาเพื่อรักษาเจ้า แต่ดูจากตัวเจ้าข้าว่าสาเหตุคงเป็นเพราะขาดสารอาหาร กินครบสามมื้อ ทายานิดหน่อยก็หายแล้ว”
หลิ่งเฟยยื่นมือไปให้เยียนถิงรับเจ้ากระรอกไปดูแลต่อหากแต่ฝ่ายเยียนถิงเองกลับทำหน้าลำบากใจ และซงก็ไม่ยอมเดินออกไปจากฝ่ามือด้วย
ข้าจะกล้ากินอาหารอย่างสบายใจได้ยังไง หากสหายข้ายังคงลำบากอยู่ในนั้น
“ที่นั่น?” หลิ่งเฟยมองไปที่เยียนถิงเผื่อจะรู้อะไร แต่ก่อนที่เยียนถิงจะตอบคำถามนางโลมฝึกหัดก็เข้ามาเรียกให้ไปรับลูกค้าเสียก่อนเยียนถิงจึงขอฝากซงไว้ที่หลิ่งเฟย
เรื่องสาเหตุการต่อต้านของซงจึงต้องถามเจ้าตัวถือว่าเป็นภาพที่เซี่ยหย่งเซิงไม่เคยเห็นจากที่ไหนมาก่อนมากสุดก็เสด็จพ่อที่คุยกับสัตว์เทพอสูรมังกรฟ้าในร่างสัตว์เทพอสูร แต่นี่คือจอมยุทธ์มี่จางกำลังคุยกับกระรอกราวกับฟังมันออกจริงๆ สามารถแปลงเป็นชายหรือหญิงได้แล้ว ยังฟังสัตว์อสูรรู้เรื่องอีกถ้าจอมยุทธ์มี่จางบอกว่าเป็นท่านเซียนหรือเทพจำแลงมาก็ยอมเชื่อ
“ก่อนเจ้ามาที่นี่เจ้ามีสหายที่คอยแบ่งอาหารให้
แต่เจ้าทำตัวแย่ๆใส่เพราะเขาเป็นลูกครึ่งตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่นจึงมารู้สึกในตอนนี้”
หลิ่งเฟยสรุปใจความ เซี่ยหย่งเซิงทันทีที่ได้ยินคำว่าลูกครึ่งก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นสีหน้าของคนที่กำลังปิดบังไม่อยากพูดถึง
“ลูกครึ่งคืออะไรหรือ เซี่ยหย่งเซิง”หลิ่งเฟยที่ไม่เคยได้เห็นหรือได้ยินจากที่ไหนมาก่อนหันมาถามคนที่เหมือนรู้ เพราะเท่าที่ฟังมาคำว่าลูกครึ่งในที่นี้คงจะเป็นเหมือนประเภทลูกครึ่งสัตว์อสูรครึ่งมนุษย์
“เป็นลูกมนุษย์ครึ่งสัตว์อสูรนะ คนพวกนี้จะไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม
พวกเขาจะมีลักษณะเหมือนมนุษย์แต่ยังคงมีจุดเด่นของเผ่าพันธ์ุตามร่างกาย
ข้าเองก็ไม่อคติกับพวกลูกครึ่งหรอกนะ แต่หากเกิดมาแล้วย่อมมีชีวิตที่ลำบาก
ไม่ถูกฆ่าก็ถูกทรมาน ถูกเหยียดหยามไปจนตาย”
เหมือนกับการเยียดผิวหรือเหยียดชาติของชาติก่อนแต่จากที่ฟังมาดูจะหนักหนากว่าที่คิดเอาไว้ หลิ่งเฟยมองซงที่กำลังยืนหงอยทำหน้าเศร้า
“ซง เจ้าช่วยพาข้าไปหาสหายของเจ้าหน่อยสิ”
2 ดอกจี๋ว์ฮัว คือ ดอกเก๊กฮวยในภาษาจีน
ความคิดเห็น