ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Attack on titan เฮฮาไททัน ป่วนหน่วยสำรวจ (เอลวิน x oc)

    ลำดับตอนที่ #15 : ตอนพิเศษที่ไม่พิเศษ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.09K
      109
      6 เม.ย. 62

              
         
       
         "เธอดูไม่ค่อยร่าเริงเลยนะฮันซี่ ไม่สบายรึไง"
         เอลวินทักเพื่อนร่วมงาน เพราะสังเกตเห็นว่าปกติแล้วฮันซี่มักจะกระโดดดี้ด้าเมื่อได้ยินคำว่า กำหนดการออกสำรวจครั้งต่อไป แต่ครั้งนี่ฮันซี่กลับทำเพียงยิ้มแล้วกลับไปเขียนผลสังเกตการพฤติกรรมของแบล็กต่อ      
          "แค่รู้สึกไม่สบายเล็กน้อย ไม่ต้องห่วงเอลวินพรุ่งนี่เดียวก็หายแล้ว"
         คนปวดท้องบอกด้วยรอยยิ้มที่ค่อนข้างไปทางฝืนยิ้ม เพราะมันเป็นเรื่องที่ฮันซี่คิดว่าเอลวินคงจะเข้าใจว่าตนเองเป็นอะไร เป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปีแถมยังแต่งงานแล้วอีกต่างหาก
         "งั้นเหรอ ยังไงก็อย่าฝืนตัวเองให้มากล่ะวานนะไว้ทำพรุ่งนี่ต่อก็ได้"
         เมื่อพูดเตือนอย่างหวังดีไปแล้ว เอลวินจึงออกไปจากห้องเพื่อเตรียมตัวกลับไปยังที่บ้านก่อนจะพบกับลูกน้องคนสนิทของฮันซี่จึงฝากให้ดูแลฮันซี่อีกทีหนึ่ง
         "กลับมาแล้วเจสซิก้า"
         "อืม ยินดีต้อนกลับบ้านนะเอลวิน"
         อืม? เจสซิก้าเป็นอะไรรึเปล่าทำไมวันนี่ถึงดูหงุดหงิดแปลกๆ
         เอลวินมองคนเดินมาหาที่เข้ามาถอดเสื้อเครื่องแบบกับยื่นน้ำเปล่าให้ดื่มหายเหนื่อย ใบหน้าสวยดูตึงๆเล็กน้อย ไม่มีรอยยิ้มเหมือนตามปกติทำหน้าเหมือนรำคาญอะไรบางอย่าง เป็นครั้งแรกที่เอลวินได้เห็นสีหน้าหงุดหงิดของเจสซิก้าหลังจากแต่งงานกันมาได้สามเดือน
         
         หรือจะทะเลาะกับน้องชายมา?
         "ทะเลาะกับเจคเหรอ เธอดูหงุดหงิดนะ"
         "เปล่า"
         "แล้วทำไมวันนี่ถึงดูหงุดหงิดละเจสซิก้า"
         เอลวินถามพลางย่อตัวลงเพื่อให้ระดับสายตาอยู่ในระดับเดียวกัน เมื่อเห็นสายตาที่มองกลับที่ไม่มีความเขินอาย มีแต่ความหงุดหงิดฉายออกาอย่างชัดเจน เพราะอยากให้เจสซิก้ายิ้มออกมาเพื่อพูดอะไรสักอย่าง เอลวินจึงอุ้มคนตัวเล็กกว่าขึ้นมาเหมือนเป้นเด็กตัวเล็กคนหนึ่ง
         "ปล่อย-เดียว-นี่"
         ประโยคคำสั้นๆ แต่แฝงด้วยความขู่และด้วยเหตุผลบางอย่างที่เอลวินสังเกตเห็นอีกอย่างเจสซิก้าหน้าดูซีดกว่าปกติ เหมือนคนไม่มีแรงจึงรีบปล่อยลงทันที เพราะคิดว่าเจสซิก้าอาจจะไม่สบาย
         มือหนาจับแก้มคนหันหน้าหนี ความเย็นเฉียบที่สัมผัสได้ทำให้เอลวินเข้าใจในทันทีว่าเจสซิก้ากำลังไม่สบ่ยอยู่จริงๆ
         "เจสซิก้าวันนี่เธอไปนอนพักเถอะ ตัวเธอเย็นมากเลยนะ"
         "........ขอฉันทำมื้อเย็นก่อนแล้วกันนะ นายก็ไปอาบน้ำได้แล้ว"
         "เดียวก็เป็นลมไปหรอกเจสซิก้า วันนี่เธอไปนอนพักดีกว่าเดียฉันทำข้าวต้มให้ โอย!" 
         คนตัวใหญ่ต้องร้องออกมาเมื่อถูกอีกคนดึงหูโดยที่ไม่มีการออมแรงเอาไว้เลย เจ็บจนนึกว่าหูจะขาด
         "จะไปอาบน้ำดีๆ หรือจะให้ฉันอาบให้ห่ะ?"
         เป็นคำขู่ที่เอลวินอยากจะเลือกข้อหลัง แต่เมื่อคิดถึงสภาพร่างกายของเจสซิก้าเอลวินจำต้องหักใจเลือกข้อแรก 
         จะว่าไปเป็นครั้งแรกที่เห็นว่าเจสซิก้าแสดงความรู้สึกที่จริงๆออกมาเลยนะ ปกติมักจะชอบยิ้มแบบเหมือนยิ้มไปเฉยๆถามคำก็ตอบคำ เผด็จการเกือบทุกเรื่องบ้างครั้งก็มีแขวะกลับแต่ครั้งนีพูดออกมาตรงๆพร้อมกับแสดงออกมาว่ารู้สึกยังไง 
         บางครั้งการที่เธอไม่สบายก็ดีเหมือนกันนะเจสซิก้า
         เมื่ออาบน้ำเสร็จเอลวินแต่งตัวออกมาเรียบร้อยเดินไปยังห้องครัวเพื่อไปหาคนไม่สบาย ในใจคิดคำพูดการกระทำสารพัดอย่างเพราะยังไม่รู้จักกับเจสซิก้าดี ว่าจะพูดยังไงให้เจสซิก้าแสดงความรู้สึกออกมาใหเเยอะกว่านี่ต่อมห้เจสซิก้าต้องหงุดหงิดต้องโกรธมากกว่านี่ก็ตาม
         แต่เมื่อพอไปถึงก็ต้องเห็นว่าเจสซิก้าเอามือบีมท้องตัวเองเหมือนเจ็บท้องเอามากๆ แต่สีหน้าของคนบีบท้องตัวเองกลับไม่มีความรู้สึกเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว 
         "เจสซิก้าไหวรึเปล่า? ให้ไปตามหมอมั้ย"
         "ไม่ต้อง ฉันแค่ประจำเดือนมาเฉยๆ"
         ประจำเดือน? มันคืออะไร?
         "อะไรคือประจำเดือนเจสซิก้า"
         ฉันถามอะไรผิดไปรึเปล่าทำไมเจสซิก้ามองเหมือนฉันเป็นตัวอะไสักอย่างที่ไม่ใช่คน เหมือนรีไวล์มองเศษฝุ่นในห้องที่ทำความสะอาดไม่ดีพออย่างไงอย่างนั้น
         "ไว้ค่อยบอกก็แล้วกัน กินกันก่อนเถอะมันไม่เหมาะที่จะคุยกันตรงนี่"
         ไม่พูดเปล่าเจสซิก้าไปนั่งที่เก้าอี้ก่อน ส่วนฉันก็มีแต่ต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้เพราะเหมือนอาการจะไม่ได้ดูแย่อะไรมากนัก เจสซิก้าถามเรื่องแบล็กเจ้ากระต่ายยักษ์ว่าตอนนี่มันเป็นยังไงมั้งเหมือนจงใจเปลี่ยนเรื่องคุย และสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกแปลกใจและตกใจมากที่สุดตั้งแต่เกิดมาคือเจสซิก้าใช้ให้ฉันไปล้างจาน เกิดมายังไม่เคยโดนผู้หญิงใช้ให้ไปล้างจานแต่พอเห็นสีหน้าของเจสซิก้าที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไร ฉันเลยยอมไปล้างจานให้ครั้งแรกในรอบหลายเดือน
         พอล้างจานเสร็จ ก็พบว่าเจสซิก้านอนรออยู่ในห้องอยู่แล้ว ส่วนมือก็เหมือนถือถุงหนังสัตว์สำหรับใส่น้ำแนบอยู่ที่ท้องไม่รู้ทำไมตอนนี่ภาพที่ฉันเห็นเหมือนตาลายเห็นเจสซิก้าท้องโตกำลังลูบท้องตัวเอง
         "เลิกคิดจิตอกุศลแล้วมานอนข้างๆได้แล้วเอลวิน ฉันจะอธิบายให้นายฟังเองว่าประจำเดือนคืออะไร"
         พอได้ยินคำว่าอธิบาย เอลวินรีบไปนอนข้างตัวเจสซิก้สมือจับถุงหนังสัตว์ก่อนจะรับรู้ได้ถึงอุณหภูมิที่ร้อนอยู่ในระดับหนึ่ง 
         "รู้จักมดลูกในร่างกายของผู้หญิงมั้ยเอลวิน"
         "รู้จักสิ แล้วมันเกี่ยวยังไงกับประจำเดืิอนละ"
         ที่ฉันถามไม่ใช่ว่าฉันโง่นะ ที่จริงก็เคยได้ยินมาจากพวกทหารหญิงเหมือนกันว่าประจำเดือนมารู้สึกหงุดหงิด รู้สึกไม่สบายตัวแต่ที่สงสัยคือทำไมถึงรู้สึกหงุดหงิด ไม่สบายตัว แล้วทำไมพอเข้าไปถามทุกคนก็แทบจะหน้าแดง บางคนก็วิ่งหนีไปดื้อๆจนขี้เกียจจะถามเพราะจะยังไงมันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรมากกับการออกสำรวจ แต่ครั้งนี่ไม่ถามไม่ได้เพราะเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวที่สุด
         และพอได้ฟังคำอธิบายจนจบ ไม่รู้ทำไมฉันถึงต้องรู้สึกอึดอัดใจเมื่อได้เข้าใจแล้วว่าเจสซิก้าเป็นอะไรกันแน่ ยิ่งพอได้ยินว่าจะเป็นทุกเดือนรู้สึกอดนับถือในความอดทนของเจสซิก้าและผู้หญิงทุกคนไม่ได้ ถึงเจสซิก้าจะบอกว่าผู้หญิงทุกคนก็จะชินไปเอง นานๆทีจะมีอาการปวดท้องปวดหลังที่เป็นหนักเหมือนวันนี่ง
         "แล้วเธอมาครั้งแรกตอนอายุเท่าไรละ"
         " 15-16 เนี่ยละเพราะรู้อยู่ว่ามันคืออะไรเลยไม่ได้ตกใจอะไรมาก เพราะงั้นนะเอลวินฉันขอโทษล่วงหน้าเลยแล้วกันถ้าช่วงนี่ฉันเผลอขึ้นเสียงใส่นาย"
         คนขอโทษหลบตา แต่เอลวินกลับมองว่ามันดูน่ารักผิดปกติเป็นอย่างมากมือรีบดึงคนขอโทษเข้ามากอดอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะถูกจิกหัวไปด้านหลัง
         "มันเจ็บหลังนะเอลวิน รีบๆนอนได้แล้ว เอลวิน!?"
         เจสซิก้าต้องตะโกนเรียกชื่ออีกครั้งเมื่อผู้บัญคับบัญชาการเอลวินกอดเธอแน่น แถมยังเอาจมูกโด่งๆนั่นมาซุกซอกคอเธออีกเม้มเลียอีกต่างหาก คนหรือหมา
         "ฉันชอบกลิ่นตัวเธอนะ มันหอมจนไม่อยากปล่อยเธอไปเลย"
         "แต่ฉันอึดอัด ปล่อยเดียวนี่ถ้าไม่ปล่อยก็อย่ากอดแน่นมันปวดหลัง"
         พอได้ยินสาเหตุที่เจสซิก้าไม่อยากให้เอลวินกอด เอลวินจึงกอดแบบหลวมๆแทน คนกอดยิ้มอย่างเอ็ดดูเมื่อเห็นคนทำหน้าไม่พอใจ แต่เลือกที่จะไม่พูดก่อนที่จะหันหลังนอนให้
          แผ่นหลังบางๆ กับต้นคอสีขาวๆในเวลากลางคืน
         
         ผัวะ!
        
          "เอลวิน นั่นหูนายไปโดนอะไรต่อยมา?"
         ฮันซี่ทักคนตัวสูงกว่าที่กำลังหาเอกสารบางอย่างในตอนเช้า เอลวินจับหูของตัวเอง นึกถึงเมื่อเช้าที่พอเห็นเจสซิก้าทำหน้าขมวดคิ้วไปหลบตาตัวเองไปเพราะเมื่อคืนด้วยความที่ตัวเองเผลอไปลูบหลังเจสซิก้าอย่างลืมตัวหมัดไม่เบาก็ถูกประเคนมาที่หัวอย่างแม่นยำโดยที่ไม่ต้องหันมามอง ยิ่งพอเห็นมุมที่เหมือนเจสซิก้าจะย้อนแย้งตัวเองอยู่ไม่น้อยก็อดตลกนิดๆกับเรื่องเมื่อคืนไม่ได้
         เพราะมันเป็นเรื่องไม่เคยเกิดขึ้นเลยตั้งแต่ที่เอลวินจำความได้
         เพราะเอลวินมักจะเชื่อฟังพ่อตัวเองอยู่เสมอ ไม่ค่อยออกไปวิ่งเล่นซุกซนเหมือนเด็กคนอื่น จึงแทบไม่รู้จักกับคำว่าสนุก
         เพราะเอลวินไม่เคยคิดว่าจะมีผู้หญิงคนหนึ่งที่จะกล้าบิดหู กล้าตบหัวเอลวินเหมือนเจสซิก้า
         
         "โดนบิดหูนะ ช่างฉันเถอะมันไม่ได้ร้ายแรงอะไรมากแล้วมีเรื่องอะไรล่ะ"
         "ฉันมาทวงเรื่องเอกสารงบประมาณที่จะเอาไปแจ้งแก่นายทุนเคออสนะ พอดีว่าฝั่งนั่นเขามาทวง"
         "ฉันเองก็กำลังหาอยู่เหมือนกัน ฉันคิดว่าฉันก็วางไว้ในห้องนี่นะ"
         
         เอลวินพูดพลางเปิดกองเอกสารต่างๆเพื่อหาเอกสารงบประมารอยู่เหมือนกัน มันไม่ใช่เอกสารที่ไม่สำคัญแต่ทั้งรายการ ค่าใช้จ่าย ค่าสิ้นเปลื้องทั้งหลายถูกเขียนรวมยอดเอาไว้ในเอกสารงบประมาณไว้หมดแล้ว หากจะเขียนขึ้นมาใหม่ก็ต้องเสียเวลาไปตรวจเช็กของ แล้วไหนจะทางฝั่งนายทุนเคออสที่มาทวงในวันนี่อีก นายทุนเคออสถึงจะไม่เคยเห็นหน้านอกจากตัวแทน แต่ก็เป็นนายทุนที่สนับสนุนทุกเรื่องทั้งเรื่องเงิน ทรัพยากร อย่างเต็มที่โดยที่ไม่คำถามหรือข้อครหา ขอเพียงแค่ส่งงบประมาณค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนไปก็พอ
         หาไม่เจอก็ไม่เป็นไร แต่คงต้องรีบเขียนขึ้นมาใหม่ในวันนี่
         "ฮันซี่เธอไปแจ้งตัวแทนนายทุนเคออสนะ ว่าเอกสารงบประมาณจะได้อีกทีตอนเย็นช่วยรอไปก่อน"
         "สรุปต้องเขียนขึ้นมาใหม่จริงๆเหรอเนี่ย รีไวล์คงด่านายยันพรุ่งนี่แน่ๆ"
         ฮันซี่เกาหัวพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ หน่วยสำรวจอาจจะไม่ได้ใช้เงินเท่ากับกองรักษาการณ์ที่ต้องคอยซ่อมบำรุงกำแพงอยู่เสมอ แต่ยังไงซะบางสิ่งบางอย่างก็จำเป็นต้องใช้เงินโดยเฉพาะหมู่ของเธอที่ต้องใช้เงินในการทดลองและวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาอาวุธในการจับไททัน
         เมื่อหัวหน้าหมู่เดินออกไปจากห้องแล้วเอลวินจึงถอดหายใจอย่างช่วยไม่ได้ มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นก็ต้องมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นตามๆกันอย่างช่วยไม่ได้ ตามองกองเอกสารที่หนึ่งในนั้นต้องมีเอกสารจดหมายเรื่องการยุบหน่วยสำรวจจากองค์กรใดองค์กรหนึ่ง กับเอกสารรายงานความคืบหน้าต่างของหน่วยสำรวจ จดหมายออกสำรวจครั้งต่อไปที่ต้องส่งให้กับทางการอีก
         พอไม่ต้องออกไปนอกกำแพงก็ต้องมานั่งเขียน นั่งเซ็นให้ปวดมือ น่าเบื่อจริงๆ
         ก๊อก ก๊อก
         "เข้ามา"
         "นายลืมของเอลวิน"
         เจสซิก้าในชุดเสื้อกั๊ก กางเกงน้ำตาลผมถูกมัดขึ้นเพราะอากาศร้อนไหนจะความไม่สบายตัวอีกโผล่เข้ามาในห้องเอลวินมองอย่างแปลกใจ ก่อนจะสังเกตเห็นกระดาษสามแผ่นในมือของเจสซิก้า
         เอกสารงบประมาณที่กำลังหาอยู่!
         "นึกว่าหายไปอยู่ที่ไหน เธอเจอมันที่ไหนเหรอเจสซิก้า"
         เอลวินพูดพลางเดินไปหยิบอย่างดีใจที่ไม่ต้องเขียนใหม่ กำลังจะก้มลงไปจูบหน้าผากเพื่อเป็นการให้รางวัลก็เห็นว่ารีไวล์ยืนมอวตาขวางอยู่ข้างหลังเจสซิก้าอีกที
         "เจออยู่ที่โต๊ะ คราวหลังก็หัดเช็กให้มันดีๆหน่อย"
         เจสซิก้าเดินเข้าไปห้องก่อนจะล้มตัวนอนที่โซฟา วันนี่ทั้งวันเธอก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ไม่อยากจะขยับร่างกายไปไหนจะกลับไปที่บ้านก็รู้สึกหงุดหงิดที่เห็นแสงแดด เห็นผู้คนเดินไปเดินมา จึงต้องขอเข้ามานอนพักสักนิด
         รีไวล์เดินตามเข้ามาพร้อมกับปิดประตู ปากเริ่มบ่นทีเอลวินลืมเอกสารสำคัญที่ไม่มีใครอยากจะทำ ก่อนจะเริ่มพูดเรื่องการฝึกซ้อมหน่วยของตนเองที่ต้องการพื้นที่ในการซ้อม เจสซิก้าที่ต้องต่อสู้กับอาการปวดท้องจึงไม่ได้ฟังว่ารีไวล์พูดอะไรบ้าง ในหัวตอนนี่คิดอยู่แต่เรื่องเดียวคือเมื่อหายจะหมดสักที
         "เจสซิก้าตื่นได้แล้ว มากินข้าวเที่ยงก่อน"
         "อือ"
         คนโดนปลุกบิดขี้เกียจ ก่อนจะเปลี่ยนมานั่งดีๆแต่ขาที่ยาวก็ดันไปเตะโดนเอลวินที่นั่งอยู่อีกคนหนึ่งเจสซิก้าจึงต้องขยับตัวมานั่งแทน
         "ฉันไม่ค่อยหิวนะเอลวิน"
         พูดจบหัวก็ไปซบที่ไหล่เพราะความง่วง ต้องการสื่อว่าตอนนี่ง่วงมากกว่าหิว ตามองว่ามื้อกลางวันคืออะไรพอเห็นว่ามีเพียงแค่ซุปอย่างเดียวก็เบาใจไปอีก ไม่อยากทิ้งขนมปังให้เสียของ"
         
         "ป้อนหน่อย"
         ปากก็พูดอย่างลืมตัว เอลวินได้แต่หัวเราะในคอแต่ก็ยอมป้อนแบบดีๆ เวลานี่ไม่มีใครจะกล้าเข้ามากวนเพราะทุกคนในหน่วยสำรวจต่างรู้แล้วว่าวันนี่เจสซิก้าภรรยาสุดที่รักของเอลวินมาหา ไม่มีใครอยากจะเข้ามาขัดจังหวะจึงต่างคนต่างพยายามหลีกเลี่ยงเพื่อที่จะได้ไม่ต้อวมาเห็นภาพบาดใจสำหรับคนโสด
         "วันนี่กลับพร้อมกันรึเปล่า
        
         เอลวินถามคนที่เอาหน้ามาซบไหล่ตัวเอง ซุปก็ป้อนหมดแล้วเพราะเจสซิก้าให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หากเจสซิก้าจะกลับก่อนก็ไม่ขัดข้อง เพียงแต่หากจะกลับด้วยกันตัวเองจะได้รีบเคลียงานของตัวเองให้เสร็จไวๆ
         "อืม"
         เมื่อคำตอบชัดเจน เอลวินจึงค่อยๆประคองให้เจสซิก้าลงไปนอนต่อแต่มือกลับสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่สูงเกินปกติผิดกับเมื่อวาน ทั้งๆที่ตอนที่เจสซิก้าพึ่งาก็ดูปกติดีแท้ๆ 
         "นอนด้วยกันเนี่ยแหละ"
         ไม่พูดเปล่าเจสซิก้าใช้แรงที่เหนือมนุษย์ผลักเอลวินลงไปนอน ก่อนที่ตัวเองจะลงไปกอดตามเอลวินที่ในใจตอนนี่ก็รู้สึกทั้งดีและแย่ปนกัน ดีตรงที่ว่าเจสซิก้านั่นอ้อนเหมือนลูกแมว แต่ก็แย่ตรงที่ว่าร่างกายดันตอบสนองได้อย่างเลวร้ายมาก เพราะใบหน้าที่ขึ้นสี ไหนจะสายตาที่เหมือนจะเชื่อเชิญ หน้าอกขนาดกำลังดีกระทบมาโดนตัวเองอย่างจัง จะอะไรกันตรงนี่ก็ไม่ได้ จะปล่อยแบบนี่ก็ไม่ได้อีก มีแต่ต้องปล่อยให้เจสซิก้าหลับแล้วค่อยๆออกมา
         
         "เอลวินฉันเดินเองได้ไม่ต้องมาจับมือ"
         เจสซิก้าพูดไป กระชากมือหนีไปแต่เอลวินก็ไม่ยอมปล่อย แค่เดินก็ยังเดินไม่ตรงแล้วจะให้ปล่อยไปเดินคนเดียวได้ยังไง เหมือนอาการเป็นไข้จะดีขึ้นมาพอสมควร หน้าไม่แดงเท่ากับตอนนั่น แต่อุณหภูมิก็ยังร้อนเหมือนเดิมไหนจะพูดไม่รู้เรื่องเหมือนคนเมาอีก
         "ไม่ได้หรอก เจสซิก้าวันนี่เธอไม่สบายรีบกลับบ้านเถอะ เดียวฉันเอายาให้กิน"
         "ฉันแค่ปวดท้องเฉยๆ ไม่เห็นต้องจับมือเลย"
         ต้องจับสิ ขนาดตอนที่เดินออกมาจากหน่วยสำรวจเธอยังเดินไปที่คอกม้าแทนที่จะเป็นทางออกไม่ใช่ลยรึไงกัน
         พอมาถึงบ้านเจสซิก้าก็บอกขอตัวอาบน้ำก่อนก็ดีเหมือนกันจะได้รีบไปซื้อยาแล้วรีบกลับมาหวังว่าเจสซิก้าจะไม่ทำอะไรเพี้ยนๆอีกนะ
         พอไปซื้อยาพร้อมกับถามหมอว่า เจสซิก้าเป็นอะไรก็ได้คำตอบว่าอีกฝ่ายเป็นไข้ฤดู ต้องให้ดื่มน้ำอุ่นแล้วเอาถุงหนังสัตว์ที่ใส่น้ำร้อนประคบต้องช่วงท้องเพื่อบรรเทาอาการ ส่วนยาที่ได้มานั้นเป็นยาลดไข้เพราะไม่จำเป็นต้องใช้ยาแก้ปวดหากอาการยังไม่เลวร้ายมากนัก
         
         "ท่านผู้บัญชาการเอลวิน"
         เสียงที่เอลวินจำไม่ได้ว่าเป็นใครจึงต้องหันไปดูเป็นทหารหญิงคนหนึ่งในหน่วยสำรวจที่กำลังโบกโบกมือเดินมาหา ด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้ม
         "ว่าไง โธรี่"
         เพราะทหารในหน่วยมีไม่มากอย่างที่รู้กัน เอลวินจึงสามารถจำชื่อลูกน้องได้หมดต่อให้เป็นทหารที่พึ่งเข้ามาใหม่ก็ตาม โธรี่ ยิ้มออกมาอย่างดีใจที่ผู้บัญชาการจำชื่อเธอได้
         "กำลังไปไหนเหรอคะ"
         "กลับบ้านนะ อยู่ไม่ไกลเท่าไร"
         "งั้นเหรอคะ ฉันเองก็กำลังกลับบ้านเหมือนกันอยู่ตรงกำแพงวอลมาเรียเดินไปด้วยกันนะค่ะ"
         อันที่จริงเพราะตองการหลีกเลี่ยงพวกแก๊งอัตพาลที่จีบเธอตั้งแต่เมื่อสองสามวันก่อน โธรี่ที่ไม่อยากใช้กำลังจึงขอเดินตามหลังผู้บัญชาการตามเพื่อบอกให้พวกกลุ่มอัตพาลที่มองตามอยู่ข้างหลังนั่นๆว่าจะทำอะไรก็คิดหน่อยนะ
         "ภรรยาของคุณ เธอสวยมากเลยนะค่ะแต่วันนี่เหมือนเธอจะไม่สบายเลย"
         "...เธอเป็นประจำเดือนนะ เป็นไข้ฤดูด้วยแต่ก็ยังฝืนตัวเองเอาเอกสารไปให้ฉันเลยออกมาซื้อยา"
         โธรี่รู้สึกตัวเองหน้าชาอย่างแปลกๆ มีผู้หญิงในกำแพงที่กล้าบอกผู้ชายด้วยว่าเป็นประจำเดือนแถมยังเป็นไข้ฤดูด้วย ซ้ำผู้บัญชาการเอลวินยังออกมาซื้อยาให้ รู้สึกอิจฉาคนที่เป็นภรรยาของเอลวินจริงๆ อยากรู้จังเลยว่าทำไมสองคนนี่ถึงมาแต่งงานกันได้
         
         "คุณเจอภรรยาของคุณครั้งแรกที่ไหนเหรอคะ"
         "ที่ร้านบาร์นะ"
         "เธอเป็นสาวเสริฟเหรอ" ผู้หญิงที่จะเจอในร้านบาร์ได้ก็คิดออกอยู่แค่ไม่กี่อย่าง และถ้าสามารถเข้ามาทำความรู้จักกับเอลวินได้ก็คงต้องเป็นสาวเสริฟ
         "เป็นเจ้าของร้านต่างหาก!"
         เสียงแข็งดังขึ้นมาจากข้างหน้า โธรี่ชะเงอมองหาที่มาของเสียงจากด้านหลังของเอลวิน พบว่าเป็นผู้หญิงผมดำสนิทยืนกอดอกตรงทางข้างหน้าด้วยใบหน้าที่ดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก ไหนจะสายตาที่ดูดุ น่ากลัว จนไม่กล้าจะมองอีกต่างหาก แต่พอสังเกตเห็นว่าผู้หญิงคนนั่นใส่ชุดเหมือนผู้ชายเสื้อเชิ้ตแขนสั้นกางเกงสีดำโธรี่นึกสงสัยว่า ผู้บัญชาการชอบผู้หญิงแบบนี่เหรอ ดูไม่ค่อยสมกับผู้หญิงเลยเหมือนกันนะ
         "เพราะนายออกไปข้างนอก ตอนนี่ฉันเลยไม่รู้่าจะทำอะไรให้นายกินที่คิดออกก็มีแต่ข้าวต้ม อยากกินอะไรละ"
         "อะไรก็ได้"
         หมับ
         โธรี่ตกใจจนลูกตาแทบทะลักออกมาจากเบ้าตา ผู้บัญชาการเอลวินถูกหยิกหูต่อหน้าเธออย่างกับเด็ก!
         "อย่ามาพูดว่าอะไรก็ได้วันนี่ฉันอารมณ์ไม่ดี ถ้านายไม่อยากกินข้าวต้มก็พูดออกมาว่าอยากกินอะไร เร็ว!"
         หยิกไม่พอมีการบิดหูไปมา ผู้บัญชาการเอลวินน่าจะเจ็บน่าดูแล้วทำไมถึงยอมปล่อยให้เธอบิดหูอยู่อย่างนั้นละค้า
         
         "แล้วนั่นใคร ลูกน้องนาย?"
         "อ่าใช่ พอดีว่ากลับทางเดียวกันนะ"
         เจสซิก้าปล่อยมือที่บิดหูของเอลวิน ทำหน้าตาที่เหมือนกำลังสงบสติอารมณ์ก่อนจะกระชากห่อยาในมือเอลวิน
         "พาเธอไปส่งที่บ้านซะเอลวิน มีผู้ชาย4 คนตามหลังเธออยู่"
         พูดเสร็จเจสซิก้าก็เดินนำหน้าไปก่อนเอลวินรีบเดินตามโดยลืมไปว่ามีลูกน้องของตัวเองเดินตามอยู่ด้านหลังอยู่ โธรี่ที่ได้อึ้งในคำพูดของเจสซิก้าถึงหน้าตาเธอจะดูไม่ชอบใจแต่คำพูดกลับดูใส่ใจมากกว่าที่คิด โธรี่ที่ตอนแรกคิดอคติกับเจสซิก้าพอเห็นว่าเจสซิก้าก็ดูเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่งที่ไม่งี่เง่า หรือเอาแต่ใจก็ยอมยืนอยู่เฉยๆเหม่อมองเอลวินที่เดินตามเจสซิก้าไปอย่างยอมแพ้
         แต่เพราะลืมตัวไปว่าถูกพวกอัตพาลตามหลังมาอยู่ เมื่อพวกมันสบโอกาสก็รีบเอามือปิดปากลากไปที่ตรอกซอยปล่อยให้อีกคนดูต้นทางให้ โธรี่ที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ได้แต่ขันขืดอย่างตกใจทำอะไรไม่ถูก
         "ว่าไง น่าเสียดายจังนะที่ผู้บัญชาการเอลวินเขามีภรรยาแสนสวยที่ทั้งดุ ทั้งขี้หึง แต่งงานกับฉันดีกว่า"
         แต่งงานให้โง่ดิ งานก็ไม่ทำ บ้านก็เกาะพ่อแม่อยู่ 
         "ไม่"
         ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ใครๆก็อยากแต่งงานกับผู้ชายที่มีอนาคต สามารถฝากฝังชีวิตได้แต่ตอนนี่เธอแค่ยังไม่พบผู้ชายที่ว่าก็เท่านั้น ต่อให้มีผู้ชายสองคนจับตัวเธออยู่ก็ใช่ว่าจะทำอะไรเธอได้ 
         ฉันเป็นถึงทหารหน่วยสำรวจที่ต่อสู้กับพวกไททันเลยนะ!
         ตึง!
         โธรี่ดันผู้ชายคนหนี่งที่ขับไหล่อยู่ให้ไปโดนลังไม้ที่ตั้งเรียงอยู่ ลังไม้หลายลังหล่นลงมาทับใส่ลูกน้องทั้งสองคนโธรี่หลุดออกมาทันได้ แต่ไม่ทันท่อนไม้ที่หัวโจกนั่นพาดใส่เข้าไปที่ท้องอย่างเต็มแรง 
         ผัวะ
         "แค่ก!"
         "ฉันมันไม่ดีตรงไหน ฉันอุตส่าห์ขอเธอแต่งงานเธอกลับไม่ยอมฟังฉัน เอาแต่เดินหนี ดูสิถ้าฉันเอามีดกรีดหน้าเธอจะยังมีใครกล้าเข้ามาคุยกับเธออีกมั้ย"
         ผู้บัญชาการเอลวิน.. ช่วยฉันด้วย
         "ฉันบอกนายแล้วใช่มั้ยเอลวิน ว่าให้ไปส่งที่บ้าน"
         เพราะกุมท้องอยู่เลยไม่เห็นว่าเป็นใครแต่เสียงนี่เธอจำได้ เสียงของเจสซิก้าคนที่พึ่งเดินออกไปแล้วทำไมถึงกลับมาล่ะ?
         พอเงยหน้าก็เห็นว่าในมือของเจสซิก้าจิกหัวคนที่เป็นต้นทางอยู่คนหนึ่ง ร่างกายไม่ขยับไปไหนอย่างกับว่าหมดสติยังไงอย่างนั้น
         "เป็นอะไรรึเปล่าโธรี่ ลุกขึ้นไหวไหม"
         เอลวินยื่นมือออกไปเพื่อช่วยพยุงโธรี่ โธรี่มองอย่างอึดอัดใจเพราะไม่กล้าจับมือเอลวินแต่ตอนนี่ก็เจ็บท้องจนจุกลุกยังแทบไม่ได้
         "อุ้มเธอไปส่งที่บ้านเลย โดนฟาดไปขนาดนั้นก็คงจะลุกขึ้นละน่ะ"
         เจสซิก้าชกไปที่หน้าของหัวโจกทีหนึ่งอย่างเต็มแรง เพราะหงุดหงิดทุกๆเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งผู้หญิงที่เดินคุยกับเอลวินทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นลูกน้อง ทั้งเรื่องที่เอลวินไม่ยอมทำตามคำสั่งของเธอทั้งๆที่ลุกน้องกำลังตกอยู่ในอันตรายตัวเองถึงต้องตามมาช่วย ชกไปแค่คนละทีก็สลบหมด น่าเบื่อจริงเว้ย
         พอจัดการพวกอัตพาลหมดเจสซิก้าก็หันมามองเพื่อสำรวจดูว่าลูกน้องของเอลวินเป็นอย่างไงบ้าง แต่พอเห็นว่าเอลวินทำเพียงแค่ช่วยพยุงอย่างช้าๆ มันช่างเป็นภาพที่หงุดหงิดตาเหลือเกิน
         "ช้า!"
         เจสซิก้าเข้าไปอุ้มโธรี่ด้วยท่าอุ้มเจ้าสาว คนอุ้มหน้าแดงทันทีเพราะเจสซิก้าดูอีกทีดูเท่ไปอีกแบบ ไหนจะหน้าตาที่เคร่งขรึมจริงจังถึงตัวจะเปียกเหงื่อก็ตาม แต่กลับมีกลิ่นของบุหรี่กับลิ่นมินต์ชวนให้น่าหลงใหลเข้าไปอีก สมกับเป็นภรรยาของผู้บัญชาการเอลวิน
         "ไปตามทหารรักษาการณ์มาจัดการเจ้าพวกนี่ซะ"
         เหมือนโธรี่จะเนื้อหอมขึ้นมาอย่างกระทันหันเอลวินแย่งไปอุ้มเองเจสซิก้าถลึงตามองอย่างไม่พอใจ จนเอลวินต้องพูดเสียงอ่อนเพราะไม่อยากให้ไข้ของเจสซิก้ามีอาการแย่ลงไปกว่านี่
         
         "เย็นนี่ฉันจะกินสตูล เจสซิก้าเธอไม่สบายเดียวฉันจะพาเธอไปส่งที่บ้านก่อนนะ"
         เป็นอีกมุมที่โธรี่ไม่เคยเห็นด้านนี่ของเอลวินคิดว่าเอลวินเป็นพวกเผด็จการ ออกคำสั่งว่าต้องการอะไรอย่างชัดเจน แต่เหมือนสถานนะของทั้งคู่จะกลับกันต่างหาก เอลวินพูดด้วยท่าทางที่อ่อนโยนแววตาที่ใครเห็นก็ต้องอดอิจฉาไม่ได้ เธอเองก็อยากได้รับสายตาแบบนี่จากเอลวิน ตั้งแต่ที่เห็นเอลวินในหน่วยสำรวจสมัยที่ยังไม่ได้เป็นผู้บัญชาการ แต่เมื่อได้เห็นกับตาแล้วว่าในสายตาของเอลวินไม่มีใครคนอื่นอยู่เลยนอกจากเจสซิก้าเพียงคนเดียว ที่ยอมมาช่วยเธอก็เพราะเจสซิก้าเป็นคนบอกต่างหาก โธรี่ไม่มีอะไรที่สามารถสู้กับเจสซิก้าได้เลยทั้งหน้าตา ทั้งนิสัย
         "ได้"
         เจสซิก้าที่กลับมาคุมสติได้แล้วยอมทำตามที่เอลวินบอกเพราะมีเหตุผลที่ดี โธรี่ยอมปล่อยให้เอลวินอุ้มเพราะรู้ตัวดีว่าหากจะลงมาเดินเองก็คงจะถูกเจสซิก้าแยกเขี้ยวใส่ ไม่เธอก็เอลวินที่จะโดนต่อว่า
         เมื่อพอถึงบ้านของเอลวินก่อนเพื่อที่จะมาส่งเจสซิก้า เจสซิก้าก็ยังจะไม่ลืมที่จะบอกให้เอลวินไปส่งโธรี่ให้ถึงบ้านอีกที ทำให้โธรี่อดรู้สึกละอายใจตัวเองไม่ได้
         "ปล่อยฉันลงเถอะค่ะ ฉันเดินเองได้คุณเจสซิก้าก็ไม่ได้อยู่ด้วยแล้ว"
         เอลวินยอมปล่อยลงแต่โดยดี เพราะจริงอย่างที่โธรี่บอกอีกอย่างไหนจะสายตาของชาวบ้านที่มองมาอีก ถึงเจสซิก้าจะไม่คิดแต่น้องชายของเจสซิก้าก็ไม่แน่ โธรี่เดินนำหน้าไปก่อนไม่กล้าสู้หน้าผู้บัญชาการเอลวิน เอลวินเดินตามอย่างเงียบๆ 
         วันนี่มีเรื่องเกิดขึ้นมาให้ตกใจอยู่พอสมควร คิดว่าเจสซิก้าจะหึงตัวเองที่คุยกับผู้หญิงคนอื่นแต่เปล่าเลย เจสซิก้ากลับบอกให้ตัวเองไปส่งลูกน้องเพราะมีคนตามหลังมา คิดว่าตอนนั้นเจสซิก้าประชดใส่ไล่ตัวเองเลยรีบตามไปไม่ทันได้ดูว่ามีคนตามหลังมาจริงๆรึเปล่า พอเจสซิก้าเห็นว่าลูกน้องของตัวเองหายไปก็โมโหขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย วิ่งนำมาก่อนอย่างรวดเร็วแล้วพูดตำหนิที่ไม่ดูแลลูกน้องของตัวเองให้ดี
         ไม่ได้หึงแต่โมโหที่ตัวเองไม่ดูแลลูกน้องงั้นเหรอ เป็นคนที่ใจดีเกินคาดจริงๆเลยนะ
         แล้วเอลวินก็ต้องเปลื้องตัวเองรับมือกับอารมณ์ที่ขึ้นๆลงๆของเจสซิก้าไปอีกหลายวัน 
         




         "ท่านผู้บัญชาการเอลวินคะ"
         เสียงใสดังมาจากทางด้านหลัง ทหารฝึกหัดคนหนึ่งหน้าตาบูดบึ้ง ใบหน้าที่เหมือนคนที่ตายไปแล้วอย่างกับแกะเอลวินอดยิ้มออกมาไม่ได้ พอเห็นในมือของลิน่าถือกระสอบผ้านวมที่เอาไว้รองรับน้ำหนักเวลาปีนหน้าผาก็รีบช่วยถือทันที แต่อีกฝ่ายกลับชักมือหนีด้วยราวกับว่ากระสอบที่ถืออยู่นั้นไม่ได้หนักอะไรเลย
         "ไม่ต้อง!"
         เสียงห้วนๆแบบนี่ เอลวินจำได้ว่าเป็นน้ำเสียงของคนที่หงุดหงิดที่ไม่มีสาเหตุแล้วไม่รู้ว่าจะไปลงที่ไหน คำพูดแบบนี่ ท่าทางแบบนี่หรือว่า
         ต้องลองพิสูจณ์ดู
         "ตัวเล็กแค่นี่ เดียวก็เป็นลม"
         "ดิฉันถือเองได้ค่ะ! ไม่ต้องมาช่วย!"
         พูดไม่ทันขาดคำก็ถูกขัดคำพูดที่เหมือนไม่ต้องการความช่วยเหลือ เอลวินได้แต่ยอมถอดใจเพราะเห็นได้ชัดว่าลิน่าเป็นอะไรถึงได้หงุดหงิดขนาดนี่ ถึงปากจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่ตัวงอขนาดนั้นไหนจะคิ้วที่ขมวดเข้ามาหากัน มีแค่ไม่กี่เรื่องหรอกที่จะเป็นแบบนี่ ต่อให้ไม่ใช่เจสซิก้าก็ตาม
         สองชั่วโมงถัดมา ลิน่าขอตัวไปนอนพักที่ห้องพยาบาลเพราะรู้สีกไม่ดี ด้วยเพราะคนที่คุมอยู่ตอนนั้นเป็นครูฝึกใจดี เห็นว่าอีกฝ่ายก็ฝืนมานานมากแล้วไหนจะคำขอร้องจากทหารฝึกหัดคนหนึ่งที่ขอให้ลิน่าได้ไปพักก่อนเพราะไม่สบายมาตั้งแต่เช้า
         
         บ้าจริงฉันเกลียดประจำเดือนเพราะมันทำให้คุมพลังในร่างกายไม่ได้เดียวร้อนเดียวหนาว อยากจะควักมดลูกออกมาจริงๆ มาจะบีบอะไรนักหนา
         เจสซิก้าในร่างของลิน่าด่าร่างกายตัวเองที่เวลาวันนี่มาถึง ต้องทำสมาธิคุมความร้อนในร่างกายดีๆไม่อย่างนั้นตัวเองจะเป็นไข้ไม่สบายเอาได้ ไม่สบายไข้ขึ้นทีไรก็จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง จำได้แค่ว่าตัวเองเหมือนทำเรื่องบ้าๆลงไป คุมตัวเองก็ไม่ได้ พอไข้ลดทุกคนมักจะทำหน้าลำบากใจไม่เว้นแม้แต่เจค หนักที่สุดก็ครั้งแรกที่เผลอเสกระเบิดมาระเบิดปราสาทตัวเอง เบาสุดเจคบอกว่าตัวเองแค่งอแงเหมือนเด็กๆ 
         จะอย่างไหนก็ไม่ดี ต้องรีบนอนคุมความร้อนให้ความร้อนในร่างกายมันระบายออกมาตอนที่เราหลับเนี่ยแหละ
         
         อุ่นจัง ใครกันนะ

         เพราะยังหลับไม่สนิท ไหนจะท่านอนงอหลังที่ไม่ได้สร้างความสบายให้แก่ร่างกายอีก จึงทำให้ตื่นได้อย่าง่ายดาย
         "ผู้บัญชาการเอลวิน?"
         พอเห็นว่าเป็นใครเจสซิก้ารีบลุกมานั่งทันที แต่เอลวินกลับผลักให้ทหารฝึกหัดอย่างลิน่าลงไปนอนต่อ พร้อมกับถุงหนังสัตว์ที่ใส่น้ำร้อนเอาไว้มาใส่มือให้ลิน่าจัดการตัวเองต่อ ส่วนมืออีกข้างก็เอาบิดผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้ไข้ลด
         "คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นอะไรอยู่"
         "เพราะว่า... เธอเหมือนกับคนนั้นล่ะมั้งนอนเถอะวันนี่เธอสามารถนอนพักที่นี่ได้ตามสบาย"
         เหมือนเคยเห็นแบบนี่ที่ไหนสักแห่ง ไม่สิเราเคยแต่งงานกับเอลวินมาตั้ง 2 ปีก็ต้องเอลวินก็คงรู้เรื่องนี่อยู่แล้ว 
         "เหอะ อภิสิทธิพิเศษของผู้ที่ตำแหน่งสูงๆสินะคะ"
         เดียวสิ เราแค่คิดเฉยๆนะ แล้วทำไมปากถึงพูดมันออกมาเนี่ย
         เอลวินมองเหมือนตกใจไปแปปหนึ่งก่อนจะยิ้มออกเหมือนยอมรับว่าตัวเองทำจริง
         เห ไม่คิดว่าคนอย่างผู้บัญชาการจะใช้เรื่องตำแหน่งให้เป็นประโยชน์ได้เหมือนกัน
         
         และหลังจากนั้นเอลวินก็มักจะพาเจ้าแบล็กมาให้ลิน่าดูแลสร้างความแปลกใจและความโมโหให้กับครูฝึกเพราะด้วยเหตุผลแปลกๆที่ว่า เจ้ากระต่ายยักษ์ชอบลิน่าเป็นอย่างมากจึงต้องามันมาหาบ่อยๆ แบล็กเองก็เป็นทีชื่นชอบของทหารฝึกหัดกับประชาชนพอสมควรที่หน่วยสำรวจถูกมองในแง่ดีได้ก็เพราะเจ้ากระต่ายยักษ์ตัวนี่ จะไล่ก็ไม่ได้เพราะคนที่พามันมาคือผู้บัญชาการเอลวินที่มีเอกสารอนุญาตจากผู้บัญชาการทหารสูงสุดอีก เจ้ากระต่ายยักษ์ดูชอบทหารฝึกหัดที่ชื่อลิน่าจริงๆจึงได้ตัดปัญหาด้วยการให้ลิน่าเป็นคนเดียวที่ต้องคอยดูแลแบล็กทำความสะอาดและให้อาหารมัน แล้วค่อยมาเรียนย้อนหลัง






         

         
         
         
         
         
         

         
         
         
        
         
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×