ลำดับตอนที่ #27
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : บทสุดท้าย
ร่างสูง ผมน้ำตาลสีเดียวกับดวงตา ไอเย็นที่แผ่ออกมาจากร่างกายแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่รีไวล์สนใจเพราะสิ่งที่รีไวล์สนใจนั่นคืออีกฝ่ายมาทำอะไรที่นี่ต่างหาก
"ให้ตายสิ กะจะอยู่เฉยๆแล้วแท้ๆ"
เจคพึมพัมกับตัวเองก่อนจะหันมาสนใจรีไวล์ ที่ยืนมองตัวเองเหมือนจะไม่อยากเชื่อว่าตนเองนั่นจะมาอยู่ที่นี่ได้
"นายบาดเจ็บ" เจคไม่สนใจสายตาสงสัยของรีไวล์ที่มีคำถามอยู่อย่างเดียวแต่ประโยคน่าจะมีเป็นร้อยๆ
"ไม่ถึงตายหรอก นายมาทำอะไรที่นี่?"
"เดียวนายก็รู้เอง ตอนนี่ก็หาที่หลบดีๆเถอะเจสซิก้ากำลังเลือดขึ้นหัวพร้อมระเบิดแล้ว"
ตูม!!!!!!!
ยังอธิบายสถานการณ์ไม่จบระเบิดลูกใหม่ถูกประเคนมาที่ไททันลิง แรงระเบิดส่งผลกระทบสร้างแรงลมร้อนกระจายไปทั่วเจคสร้างกำแพงน้ำแข็งอีกทีหนึ่งเพราะมันร้อนเกินไปสำหรับเจค
บ้านพักที่อยู่อาศัยถูกเผาไหม้จนแทบไม่เหลือซาก พร้อมกับเจสซิก้าในร่างยักษ์ที่มือกลายเป็นเกราะกรงเล็บสีดำชุดอะไรของเธอกัน
"นายคิดจะทำอะไรไอไททันสัตว์หน้าขน ฉันบอกให้นายเบามือลงหน่อยไม่ใช่รึ"
"ตอนแรกก็ตั้งใจไว้ว่าอย่างนั้น แต่พอฉันเห็นผู้บัญชาการยืนมองไหนจะโดนกระสุนก้อนหินของฉันเข้าไปแล้วไม่ตายก็เลยคิดว่าถ้าผู้บัญชาการนั่นตายไปก็คงจะดีไม่น้อย"
"นั่นมันผัวฉันไอโง่!!!"
ตูม!!!
เจสซิก้าซัดลูกไฟลูกใหม่เข้าไป ซีคในร่างไททันหลบหลีกออกมาแต่ก็ยังโดนเข้าไปบางส่วนอยู่ดี สายตามองคนหาคนโมโหไม่รู้ทำไมภาพตรงหน้าถึงได้แจ่มชัดขึ้นไหน ไหนจะเล็กมือที่จิกหัวแล้วกระชากเขาออกมาอีก
"ไม่เห็นรู้เลยว่าเธอจะมีสามี แต่งงานกันแล้ว?"
"เออ ตอนแรกฉันเห็นว่านายซัดก้อนหินเข้ามาคิดว่านายแค่ทำไปเพื่อลดกำลังพลคงไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเอลวิน แต่เห็นแบบนี่แล้วฉันว่าเราคงต้องมานั่งจับเข่าคุยกันแล้วละ ซีค เยเกอร์"
ปากบอกนั่งจับเข่าคุยกัน แต่การกระทำของเธอมันตรงกันข้ามเลยนะ แล้วเธอใส่ชุดอะไรกันเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้น?
"เจสซิก้า"
เอลวินกระโดดเข้ามาหาพร้อมกับเรียกชื่อที่แท้จริงซีคเหลือบมองผู้บัญชาการที่เป็นสามีของคนที่ชื่อเจสซิก้าไม่ใช่ลิน่าด้วยสายตาที่ยากจะหยั่งลึกว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เสื้อคลุมหน่วยสำรวจถูกเอามาคลุมตัวเจสซิก้าที่แต่งตัวไม่เรียบร้อยแววตาตำหนิฉายออกมาอย่างชัดเจนซีคเคนหัวเราะออกมากับการแสดงออกที่ชัดเจนว่าทั้งคู่เป็นอะไรกัน
"ฮะ ฮะ มันใช่เวลามาแสดงความรักกันตรงนี่รึไงเกรงใจคนโสดอย่างฉันหน่อยสิ"
"เจสซิก้าอย่าพึ่งฆ่าเขา เรายังต้องการข้อมูลของอีกฝ่ายอยู่"
"เดียวฉันบอกทุกอย่างให้ แต่ตอนนี่ขอฉันเคลียกับไอสี่ตานี่ก่อน ไหนนายบอกมาสิว่าทำไมนายถึงจ้องจะฆ่าเอลวินฉันนึกว่านายมีเป้าหมายจะกำจัดหน่วยสำรวจและพาตัวเอเลนไปซะอีก"
เจสซิก้ายังคงไม่ปล่อยมือที่จิกหัวซีคอยู่ สายตามองเยียบซีคอย่างชัดเจนซีคที่เคยได้รับประสบการณ์ที่โหดร้ายทำเพียงแค่แสยะยิ้มมุมปากนั่นสิ ทำไมถึงต้องทำแบบนี่ด้วยถ้าอย่างนั้นสั่งให้ไรเนอร์ฆ่าเอลวินซะตั้งแต่แรกก็จบ ไม่เห็นต้องมาลงมือเองกันแบบนี่ ไม่สิแบบนี่มันก็ไม่ต่างอะไรไปจากการเอาความรู้สึกส่วนตัวมาปะปนกับงาน
"หึ นั่นสินะ"
"นั่นสินะ? แสดงนายกำลังสงสัยในการกระทำของตัวเองอยู่รึไงไม่สมกับเป็นหัวหน้านักรบที่ทำตัวเป็นสุนัขเชื่องๆเลยนะ"
เอลวินมองเจสซิก้าที่ดูจะรู้จักกับซีคเป็นอย่างดีคำถามนับสิบผุดขึ้นมาในหัว แต่สิ่งที่ทำออกไปคือการไปจับมือของเจสซิก้าที่เป็นเกราะสีดำให้ปล่อยซีคเพราะจะขอรับช่วงต่อเอง
"อย่าพึ่งมายุ่งเอลวิน หมอนี่มันยังมีเรื่องติดค้างกับฉัน.."
ปัง!!
กระสุนปืนถูกยิงทะลุหัว เอลวินมองอย่างตกใจมือรีบประคองอีกฝ่ายซีคที่หลุดพ้นจากมือของเจสซิก้าเตรียมจะหนีทันทีแต่ธานน้ำแข็งกลับเกาะคลุมร่างกายแช่แข็งตั้งแต่เท้าจนถึงลำคอ เจควิ่งเข้ามาพร้อมกับรีไวล์เจสซิก้าสบัดเท้าเตะหน้าซีคจนฟันหลุดออกมา
"มันเจ็บน่ะเว้ย"
"เธอไม่ตายหรอก ฉันรู้ดี"
"ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ตายไม่ตายแต่มันเจ็บ!"
เอลวินรีบกอดแขนเจสซิก้าไม่ให้เข้าไปเตะคนถูกแช่แข็ง ตามองไปที่คนชื่อซีคอย่างไม่พอใจแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือรอยยิ้มที่เหมือนถูกใจกับอะไรบางอย่าง ซึ่งเอลวินจะไม่คิดอะไรเลยถ้าซีคไม่ได้ยิ้มให้กับเจสซิก้า
เจสซิก้ายืนนิ่งเงียบเพราะรู้แล้วว่าซีคมันกำลังคิดอะไรอยู่ ยิ่งโมโหก็ยิ่งเหมือนเข้าทางมันซีค
"ฉันจะไปนั่งพักสักหน่อย ที่เหลือจัดการกันไปเองก็แล้วกัน"
เอลวินปล่อยให้อีกฝ่ายไปนั่งพักตามที่บอก เจคที่เป็นห่วงพวกเอเลนอยู่ไม่น้อยขอตามไปช่วยสนับสนุนศึกครั้งนี่รู้ผลแล้ว รู้ผลตั้งแต่ที่เจสซิก้ากับเจคเข้ามาในสนามรบซีคยิ้มออกมาอ่อนๆตายังคงมองไปที่คนที่นั่งกอดอกจ้องเขม็งมาที่ตน และสายตานั่นก็ถูกบดบังโดยเอลวินก่อนจะตามมาด้วยทหารที่เหลือ
"ฉันชื่อเอลวิน สมิธ ผู้บัญชาการทหารหน่วยสำรวจยินดีที่ได้รู้จักนะ"
"อ่า ฉันซีค เยเกอร์ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน"
ทางด้านฝั่งของเอลวิน หน่วยสำรวจสำเร็จการจับกุมไททันลิงแต่กับไททันสี่ขานั่นไม่ใช่เพราะไททันสี่ขากลับได้สติขึ้นมาก่อน เมื่อเห็นทหารหน่วยสำรวจเข้ามาใกล้ไททันสี่ขาที่เห็นว่าหัวหน้านักรบถูกจับไปแล้วได้แต่วิ่งหนีไปต่อสู้ไปพลางอย่างเสียศักดิ์ศรี เพื่อกลับไปรายงานกับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ทางฝั่งกองทัพกองทัพมาเลย์ที่สูญเสียพลังไททันไปหมดแล้ว
ส่วนทางด้านฝั่งของหน่วยรีไวล์และฮันซี่การจัดการไททันเกราะไม่มีปัญหาตอนแรกหน่วยสำรวจอยากจะกำจัดไรเนอร์แต่เมื่อเล็งเห็นถึงมูลค่าของข้อมูลที่จะได้มาก็นับว่าเป็นข้อมูลที่มีค่าอยู่ไม่น้อย
ไททันมหึมาถูกจัดการด้วยความร่วมมือจากเจคที่ช่วยยื่อเวลาบังคับให้ไททันมหึมาปล่อยความร้อนป้องกันน้ำแข็ง จนทั้งเจคแทบจะหมดสติไปตรงนั้นยูมีร์กับมิคาสะร่วมมือกันจัดการไททันมหึมาโดยการเล็งจุดตายตรงท้ายทอยเบลทรูท ระเบิดเวลาที่ถูกผลิดขึ้นมาพร้อมกับอนุภาคที่รุงแรงเกินคาดทันทีที่มันทำงาน ไททันมหึมาที่ร่างกายตัวผอมลงถูกระเบิดเวลาสองลูกระเบิดท้ายทอยและส่งผลให้เสียชีวิตทันทีเพราะแรงอัดปะทะของระเบิด
เบลทรูท ฮูเวอร์ ทหารรุ่นที่ 104 ตายในสนามรบ
หน่วยสำรวจกลับมาพร้อมกับผลงานตามที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้แต่เรื่องการจับกุมไททันได้นั่นหน่วยสำรวจไม่ได้เผยแพร่ออกไปเพราะเจสซิก้าขอให้ปิดบังเรื่องนี่เอาไว้รอการตัดสินใจอีกที ทหารหน่วยสำรวจหลายนายที่รู้เรื่องนี่ต่างไม่พอใจอยู่บางส่วนระหว่างการเดินทางเจสซิก้าเลยพูดออกมาเพียงแค่คำเดียวว่า หากเผยแพร่เรื่องการจับกุมไททันได้ออกไปคนที่จะลำบากคือทหารหน่วยสำรวจไม่ใช่เชลยศึก เพราะพวกเขาจะตั้งคำถามกลับมาว่าทำไมถึงไม่ฆ่าศัตรู
อัลคลิกที่ได้รู้เรื่องทุกอย่างจากรายงานของหน่วยสำรวจ จากการบอกเล่าของเจสซิก้าและจากคำสารภาพของซีค เยเกอร์พี่ชายต่างแม่ของเอเลนก็ไม่ได้แปลกใจเท่าที่ควรเท่าไรเพราะรู้สถานะของมนุษย์ชาติในกำแพงว่าเป็นยังไงกับสายตาของคนทั้งโลก แต่ก็ไม่สามารถปล่อยซีคได้ถึงแม้อีกฝ่ายจะแสดงตัวว่าไม่ได้เป็นศัตรู ส่วนไรเนอร์ถูกเจสซิก้าลงพัธสัญญาบังคับระหว่างไรเนอร์กับมิคาสะ หากไรเนอร์ทำการแปลงเป็นไททันมิคาสะจะรู้ได้ในทันทีและสามารถบังคับยับยั้งการแปลงไททันของไรเนอร์ซึ่งเรื่องนี่ตอนแรกเจสซิก้าตั้งใจว่าจะไปทำคนอื่นอย่างมิเกะหรือฮันซี่ แต่มิคาสะกลับเข้ามาพูดว่าขอเป็นคนควบคุมไรเนอร์ ซึ่งเจสซิก้าก็ไม่ว่าอะไรเพราะมิคาสะเป็นคนที่ใจแข็งพอสมควร
แม่ของโคนี่กลับมาเป็นมนุษย์ด้วยเซรุ่มที่เจสซิก้าทำการคิดค้น ซึ่งมันก็ยังมีผลข้างเคียงคือการฟื้นฟูบาดแผลเหมือนกับคนที่มีพลังแปลงเป็นไททัน แต่บาดแผลที่มีมาก่อนที่จะแปลงเป็นไททันนั้นจะไม่มีการฟื้นฟู
ทันทีที่การทำเซรุ่มประสบผลสำเร็จราชาอัลคลิกที่เล็งเห็นว่ามนุษย์ที่ถูกทำให้กลายเป็นไททันอยู่นอกกำแพงนั่นสมควรได้มีโอกาสชีวิตใหม่จึงประกาศเรื่องนี่ออกไปพร้อมกับเปิดเผยเรื่องโลกภายนอกว่ายังมีประเทศอื่นๆและมนุษย์ชาติอาศัยอยู่ข้างนอกในสัปดาร์ต่อมา ส่วนซีคเยเกอร์อัลคลิกได้ขอให้เจสซิก้าทำพัธสัญญาข้อบังคับว่าซีค เยเกอร์จะเป็นหนึ่งในพลเมืองของที่นี่แลกกับการให้ความช่วยเหลือในการติดต่อกับประเทศหนึ่งในแถบตะวันตก ซึ่งเจสซิก้าคิดว่ามันน้อยไปเลยเปลี่ยนเป็น ซีค เยเกอร์จะเป็นพลเมืองของเกาะสรรค์ตราบเท่าที่ให้ความร่วมมือพัฒนาเกาะสวรรค์ให้ความเป็นอยู่ดีขึ้น หากซีคฝ่าฝืนจะตายโดยในทันที
อุ แหวะ
เสียงขย้อนของเก่าดังออกมาจากห้องน้ำตอนนี่เจสซิก้ากลับมาอาศัยอยู่ที่ร้านบาร์ เจคยืนเฝ้าหน้าห้องน้ำตั้งแต่ที่รู้ว่าเจสซิก้ามีอาการไม่ดีตั้งแต่เมื่อวานตอนทำพัธสัญญาซีค หัวสมองคิดอย่างอื่นไม่ออกนอกจากคำว่าแพ้ท้องถึงจะไม่เคยท้อง และไม่เคยทำใครท้องแต่เรื่องนี่เป็นที่รู้กันอยู่แล้วสำหรับคนที่คิดจะศึกษามันจริงๆ ระยะเวลาก็ตรงกันพอดีอันที่จริงสำหรับมนุษย์ถือว่าช้า แต่กับลูกครึ่งยักษ์ครึ่งแวมไพร์ถือว่าปกติ โดยพื้นฐานจะไม่แสดงอาการออกมาชัดเจนกว่าจะแสดงออกมาก็ปาไปประมาณเดือนสองเดือน และอาการแพ้ท้องก็แทบจะไม่มีด้วยซ้ำ
"เฮ้อ ให้ตายสิรู้อย่างนี่ฉันน่าจะคุมตั้งแต่ตอนนั้น"
"มาบ่นตอนนี่ก็สายไปแล้ว ถือซะว่าเป็นของขวัญวันเกิดแล้วกัน"
วันนี่เป็นวันเกิดของเจสซิก้า ซึ่งเจคก็เตรียมงานเลี้ยงฉลองสำหรับเจสซิก้าไว้แล้วคนที่มาร่วมงานก็จะมีพนักงานของร้านบาร์ในช่วงแรกกับทีมสำรวจที่จริงไม่มีงานเลี้ยงฉลองหรอก แค่เอาของขวัญมาให้เจสซิก้าเฉยๆแต่คุณคาร่าที่มีประสบการณ์มาก่อนและเห็นอาการของเจสซิก้าในเมื่อวานนี่ก็รีบเตรียมงานเลี้ยงฉลองร่วมมือกับแอนที่เป็นถึงขั้นผู้บริหารไปแล้ว เรื่องอาหารการกินดูจะไม่มีปัญหาเพราะเห็นเจสซิก้ายังกินอาหารได้ดีปกติ แต่ปัญหาต่อไปน่าจะเป็นเอลวินที่จะมาด้วยซะมากกว่า
ทำผู้หญิงท้องแต่ดูจากความไม่รู้เรื่องวันมามากของผู้หญิงเรื่องนี่ก็น่าจะไม่รู้
วันนี่เจสซิก้าแต่งตัวแบบสบายๆกางเกงขายาว เสื้อเชิ้ตแขนสั้น ใจจริงอยากจะใส่กางเกงขาสั้นเสื้อกล้ามแต่ก็ทำไม่ได้และไม่ควรทำ เมื่อออกมาจากห้องแล้วเห็นว่าเจคไม่ได้ยืนรอเหมือนตอนแรกก็คิดเอาไว้เลยว่าคงต้องลงไปเตรียมความพร้อมอยู่ที่ชั้นล่างอย่างแน่นอน
"สุขสันต์วันเกิดนะเจสซิก้า/พี่เจสซิก้า"
พลุกระดาษหลากสีถูกจุดขึ้นมาเจสซิก้ามองคนมี่จุดซึ่งเป็นเอเลนกับอาร์มินด้วยรอยยิ้มแต่ก็ต้องหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อเห็นหน้าคนที่ไม่นึกว่าจะมาด้วย ซีคกับเคนนี่ เคนนี่ยังพอเข้าใจอยู่แต่ซีคนะมาทำไม
เจคเดินเข้ามาหาพร้อมกับของขวัญในมือซึ่งครั้งนี่เป็นถุงมือถักไหมพรมสำหรับหน้าหนาว แน่นอนว่าคนที่ถักต้องไม่ใช่เจคอย่างแน่นอนของขวัญมากมายถูกส่งมอบมาให้เจสซิก้าจากทุกคน บางชิ้นก็ดูแปลกๆหน่อยอย่างไม้แกะสลักเป็นตัวเอง อาร์มินและมิคาสะจากเอเลน เหล้าที่เคนนี่ให้มาตั้งขวดหนึ่ง และหนังสือนิทานเรื่องยูมีร์เด็กสาวผู้ที่ถือครองพลังไททันคนแรกจากซีค...
"ขอบคุณ"
คำสั้นๆง่ายๆถูกกล่าวให้กับทุกคนจนกระทั้งมาถึงคราวของเอลวินซึ่งทุกคนคอยจับตามองว่าเอลวินจะให้อะไรเป็นของขวัญเจสซิก้า บางคนก็คิดว่าเอลวินจะให้พวกเครื่องประดับเสื้อผ้าสวยๆ เจสซิก้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัวจึงลากเอลวินาคุยกันที่หลังร้าน ทุกคนมองตามกันไปอย่างเสียดายที่ไม่ได้รู้ว่าเอลวินจะให้ของขวัญอะไรเจสซิก้า
"ของขวัญฉันล่ะ"
เจสซิก้าแบมือทวงเมื่อพ้นสายตาจากทุกคนเอลวินหยิบแหวนสีเงินออกมา เจสซิก้ามองอย่างนิ่งเฉยรอดูว่าเอลวินจะทำอะไรต่อ
"อาจจะดูเห็นแก่ตัวแต่นี่คือของขวัญที่ฉันจะให้"
เพราะเอาแต่ก้มหน้ามองแหวนที่มือของเอลวิน จู่ๆผู้บัญชาการก็เข้ากอดตนเองสร้อยคอสีเงินจี้เป็นปีกข้างเดียวฝังพลอยสีแดงเอาไว้เจสซิก้าหยิบมันขึ้นมาดูเพราะงานละเอียดฝีมือแบบนี่เห็นได้ยากมาก ที่สำคัญมันดูสวยมากจริงๆ
"ก็สวยดี ก็แทนที่สร้อยคอผลึกโลหิตได้อยู่" เพราะเจสซิก้าให้สร้อยคอที่ใส่มันมาตลอดทั้งชีวิตให้เอลวินไปแล้ว พูดพลางไปหันหน้าหนีไปเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นที่ตัวเองท้องจากตรงไหนดี
แหวนถูกสวมใส่ที่นิ้วนางไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต เอลวินย่อตัวคุกเข่าข้างหนึ่งกุมมือเจสซิก้าในร่างวัย 18 ปีก่อนจะมองด้วยสายตาที่แน่วแน่จนอดเหงื่อตกไม่ได้
"เพราะเราแต่งงานกันไปแล้ว แต่งานแต่งเมื่อตอนนั้นมันเกิดขึ้นเพราะความเคลือบแคลงในตัวเธอที่สำคัญเลยคือ..เราสองคนยังไม่ได้รักแต่ตอนนี่"
เจสซิก้านิ่งเงียบรอคำพูดต่อไปของเอลวิน แอนที่เป็นแกนนำกลุ่มดักฟังหลังประตูหลังร้านอดกระริกกระรี้ไม่ได้เพราะพอจะเดาออกแล้วว่าเอลวินจะพูดอะไรออกมา จนคนอื่นต้องขอแย่งพื้นที่เพื่อดักฟังด้วย
"แต่งงานกับฉัน แล้วฉันจะดูแลเธอเองนะเจสซิก้า"
สิ้นคำพูดเจสซิก้าประกบปากคนที่คุกเข่าแทนคำตอบตัวเองมือโอบกอดคอเอลวินเอาไว้ เอลวินอุ้มคนตัวเล็กกว่าขึ้นมาเพื่อจูบตอบกลับไปจนเจสซิก้าเป็นฝ่ายดึงหน้าออกมา แต่มือยังคงโอบคอเอลวินอยู่ ก่อนจะพูดคำหนึ่งด้วยรอยยิ้มที่ดูแสนจะเจ้าเล่ห์
"จะทำอะไรก็ระวังลูกในท้องฉันหน่อยสิ เอลวิน"
เอ๊ะ?/ทุกคนที่แอบฟัง
"หมายความว่าไง"
"คุณเจสซิก้าคุณท้องงั้นหรือคะ!!"
แอนเปิดประตูเสียงดังลั้นถามคำถามแทนเอลวินที่ยังตกใจไม่หาย เอลวินหันมามองหน้าเจสซิก้าที่ในยังคงถูกอุ้มอยู่ก่อนจะวางลงเพราะสิ่งที่เจสซิก้าพูดอาจจะเป็นจริง
"อือ แย่จังเลยน้าที่ท่านผู้บัญชาการเอลวินที่เป็นพ่อหม้ายทำผู้หญิงคนหนึ่งที่อายุแค่ 18 ปีท้องถ้าไม่รับผิดชอบก็ไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาพูดแล้วล่ะ"
เจสซิก้าพูดถึงมุมมองของสังคมกับสิ่งที่ประชาชนในกำแพงรู้ เอลวินไม่สนคำพูดที่เจสซิก้าพูดถึงเพราะเมื่อได้รับคำยืนยันเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่ควรจะมาล้อเล่นก็โอบกอดเจสซิก้าอย่างแนบแน่นไม่สนสายตาของคนอื่นที่ยืนมองมาเจสซิก้าเบิกตากว้างตกใจแต่ก็กอดตอบกลับไป จนรีไวล์ต้องแสดงสายตาหมั้นไส้ออกมาอย่างปิดไม่มิด
เพียงเท่านี่ก็ชัดเจนแล้ว
งานแต่งงานครั้งใหม่ถูกจัดขึ้นมาอย่างรวดเร็วด้วยความร่วมมือจากทุกฝ่าย สถานที่ยังคงเป็นหน่วยสำรวจเหมือนเดิมผู้ที่จัดการเรื่องงานเลี้ยงคือแอนกับคาร่า ประธานในพิธีคือราชาอัลคลิกทีได้รู้ข่าวนี่มาพร้อมกับครอบครัวตะกูลเรสซึ่งเป็นงานเล็กๆไม่ได้ใหญ่โตเหมือนครั้งที่แล้วที่มีการเอาไปเขียนในหนังสือพิมพ์จนเป็นที่รู้กันไปทั่ว แต่ทุกอย่างในงานก็ดูหรูหราเรียบง่าย และสนุกสนานทุกคนต่างแสดงความคิดดีและไม่ยินดีให้แก่คู่บ่าวสาวที่ออกมาจากงานพิธีการเซ็นสัญญาสมรสอย่างถูกต้อง ซึ่งเรื่องการนี่มีเรื่องปวดหัวเล็กน้อยเกิดขึ้นเมื่อเจสซิก้าไม่ต้องการเปลี่ยนนามสกุลเป็นสมิธเพราะอยากจะใช้นามสกุลเดิม คนที่มีปัญหาก็กลายเป็นฝ่ายทะเบียนที่ไม่ยอมรับเพราะตามข้อกฎหมายฝ่ายหญิงต้องเปลี่ยนไปใช้นามสกุลของอีกฝ่ายเท่านั้น ราชาอัลคลิกที่อยากจะตอบแทนเจสซิก้าในหลายๆเรื่องแทนพี่สาวเลยเปลี่ยนกฏหมายให้ใหม่เป็น ฝ่ายหญิงสามารถเลือกได้ว่าจะใช้นามสกุลเดิมหรือใช้นามสกุลฝ่ายชายเมื่อแต่งงานกันไปแล้ว ปัญหาจึงสามารถคลี่คลายกันได้ด้วยดี
เจ้าสาวในขุดสีขาวสะอาดมีการปักลวดลายที่ประโปรงด้วยด้ายสีเงินเป็นชุดแบบเกาะอกแขนเสื้อแบบเว้นหัวไหล่เอาไว้ให้ดูน่ามอง ผมถูกถักเปียแล้วเก็บขึ้นไปประดับด้วยกิ้บสีทองรูปดอกไม้ต่างๆ เดินคู่กับเจ้าบ่าวในชุดสูทสีดำไม่มีการผูกทักซิโด้ผมถูกเซตให้เสยขึ้นไปข้างหลังจากปกติที่จะเป็นด้านข้างทำให้ผู้หญิงที่โสดกันหลายคนต้องหันมามองเจ้าบ่าวในงานด้วยอย่างอิจฉาเจ้าสาว
"ยินดีด้วยนะเจสซิก้า"
"แม่?"
เจสซิก้าที่กำลังนั่งพักรอเอลลินพูดคุยกับแขกในงานหันมามองแพนโดร่าที่ไม่รู้ว่ามาตอนไหน ความรู้สึกยินดีและสุขใจเกิดขึ้นในอกที่มารดาผู้ให้กำเนิดอย่างแพนโดร่าอุตส่าห์มางานแต่งเธอตั้งสองครั้ง
"เตรียมใจไว้แล้วสินะเจสซิก้า เอลวินนะเป็นมนุษย์ต่อให้ยื่นอายุขัยได้โดยการมอบเลือดของลูกให้เอลวินก็ต้องตายก่อนลูกอยู่ดี"
"แน่นอน" เพราะใจมันไปก่อนแล้วและอะไรหลายๆอย่างมันก็สายเกินแก้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็พร้อมที่จะรับมันเอาไว้ ถึงแม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆแต่ความทรงจำที่ดีย่อมมีค่าอยู่เสมอ
"อยากกลับมาเมื่อไรก็กลับมาได้เสมอนะเจสซิก้า"
คำพูดสุดท้ายก่อนที่แพนโดร่าจะหายไป เมื่อกี้เป็นเพียงแค่จิตวิญญาณไม่มีกายหยาบแต่มันก็ส่งความรู้สึกมาถึงคนที่มีสายเลือดของมนุษย์อยู่ในตัว เอลวินมาตามเจสซิก้าให้ไปเข้าไปร่วมงาน
"วันนี่นายดูหล่อดีนะ"
เจสซิก้าที่นั่งเหม่อลอย หันมาพูดชมเจ้าบ่าว
"เป็นอะไรรึเปล่าเจสซิก้า เหนื่อยเหรอ?"
เพราะใบหน้าที่ดูเศร้าสร้อยแปลกๆเอลวินถามอย่างเป็นห่วงยิ่งกำลังตั้งครรภ์อยู่ ยิ่งน่าเป็นห่วงเข้าไปอีกแต่คนถูกถามกลับไม่ตอบลุกขึ้นเข้าไปร่วมงานแทน พร้อมกับเร่งให้เอลวินตามมาเร็วๆ
6 ปีผ่านไป
"อลันหยุดเดียวนี่เลยนะ!" อาร์มินสั่งให้เด็กชายตัวเล็กหยุดวิ่ง เพราะในมือของเด็กชายตัวน้อยนั่นกำลังถือระเบิดรุ่นปรับปรุงที่ยังไม่เอาใช้ในกองทหาร และยังไม่มีใครได้ทดลองเกี่ยวกับมัน
เพราะเป็นลูกเสี่ยวยักษ์จึงมีพละกำลังมากกว่ามนุษย์ทั่วไป และอาร์มินที่ไม่ได้มีดีด้านกำลังได้แต่วิ่งตามเด็กตัวเล็กจนวิ่งวนเข้ามาที่หน่วยสำรวจอีกรอบ พอดีกับมิคาสะที่พึ่งกลับมาจากการเจรจากับประเทศฝั่งตะวันตก เพราะมิคาสะมีบุคลิกที่ดูน่าหลงใหลในสายตาของเด็กน้อยวัยใส มือโยนระเบิดที่พึ่งไปขโมยมาทิ้งไปพร้อมกับเรียกชื่อ
"พี่มิคาสะ"
ตูม!!!
เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นสำหรับหน่วยสำรวจที่จะเจอเหตุการณ์แบบนี่วันเว้นวัน จะระเบิด ไฟไหม้ลงพายุเข้าก็โดนมาหมดแล้วด้วยน้ำมือของเจ้าเด็กปีศาจตัวน้อยที่ทางหน่วยสำรวจตั้งฉายาให้
มิคาสะรีบเข้าไปช่วยอาร์มินก่อนเพราะรู้ว่าอลันแข็งเเกร่งกว่าอาร์มินแน่นอน หทารหน่วยสำรวจทำเพียงแค่เฝ้ามองดูว่ามีใครเป็นอะไรรึเปล่าเด็กน้อยถูกกระต่ายยักษ์คาบคอเสื้อเอาไว้อีกฝั่งหนึ่งกับอีกฝั่งที่มิคาสะช่วยอาร์มินได้ทันเวลาพอดี
"แม่กลับมาแล้ว!"
เพราะเจสซิก้ารักอิสระ และอยากจะเปิดร้านต่างๆเท่าที่จะเปิดได้ให้ออกไปทั่งโลกประกอบกับต้องคอยสืบหาข้อมูลจากประเทศต่างๆที่ตอนนี่มีทั้งมิตรและศัตรู หน่วยสำรวจตอนนี่มีสถานะเป็นทหารที่คอยปกป้องเกาะสรรค์ ออกไปสู้รบทำศึกสงครามกับประเทศที่คิดจะโจมตีและเอลวินยังคงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารหน่วยสำรวจ
เด็กน้อยผิวขาวอมชมพูไม่เหมือนคนที่ออกไปวิ่งเล่นออกแดดจนเป็นที่รู้จักไปทั่งในความซุกซน ผมสีทองตาสีฟ้าดูก็รู้ว่าได้มาจากใครแต่สิ่งที่ทุกคนมักจะสงสัยและตั้งคำถามอยู่ทุกวันคือ ไอนิสัยเด็กนรกนี่เอาจากใครกันแน่
"แม่ครับบ"
"ว่าไงอลัน แม่ไม่อยู่บ้านเป็นเด็กดีรึเปล่า"
"แน่นอนครับ! ผมเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซน ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครเลยครับแม่"
ไอเด็กตอแหล หลักฐานรอยระเบิดยังอยู่ชัดเลยนั้นนะ/หน่วยสำรวจ
"อลัน.."
"ครับ!"
"คิดว่าแม่โง่มากเลยเหรอ แล้วรอยระเบิดนั่นมันคืออะไรล่ะไหนตอบแม่สิ"
ปีศาจตัวน้อยถูกดึงหูตลอดทางเดินไปยังห้องผู้บัญชาการ เสียงร้อนไห้จ้าเรียกคะแนนความสงสารจากผู้พบเห็นดังขึ้นตลอดเวลาและเจสซิก้าไม่คิดจะปลอบหรือสั่งให้หยุดร้อง
อยากร้องก็ร้องไปเดียวจะมีอีกคนที่จะได้มีน้ำตา
"เอลวิน!"
เอลวินที่งานลดลงมามากจากเมื่อก่อนเพราะมีรีไวล์มิเกะและซีคคอยช่วยแบ่งเบาภาระ ต้องตกใจเมื่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวนถูกดึงหูจนแดงไหนจะคราบน้ำตาที่เปอะเปื้อนเต็มใบหน้าอีก รู้ทันทีเลยว่าเจสซิก้ามาหาด้วยเรื่องอะไรถ้าไม่ใช่เรื่องที่อลันไปก่อความเดือดร้อนอีก
"พ่อคร้าบ"
อลันวิ่งเข้าไปอ้อนคนเป็นพ่อที่ดุน้อยกว่าแม่ตนเอง เอลวินอุ้มยกขึ้นมากอดปลอบใจพลางพูดขอให้เจสซิก้าดุให้น้อยลงมากกว่านี่
"เจสซิก้าลูกเราก็แค่อยากรู้อยากเห็น ไม่เห็นต้องดุขนาดนี่เลย"
"อยากรู้อยากเห็นก็อย่าไปทำให้คนอื่นเดือดร้อนสิ เพราะนายเอาแต่ตามใจอลันมันทำให้อลันเสียนิสัยนะ"
เอลวินเถียงไม่ออกเพราะอลันเป็นลูกคนแรกต่อให้เป็นผู้ชายแต่พอจะว่ากล่าวตักเตือนและเจอสายตาที่เหมือนจะร้องไห้ก็ทำไม่ลงได้แต่บอกเหตุผลถึงสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ พยายามสอนให้เป็นเด็กดีเพราะอลันแตกต่างจากคนอื่น
"ฟังนะอลันของที่ไม่ใช่ของๆเรานะห้ามหยิบโดยที่ไม่ขออนุญาตจากเจ้าของเด็ดขาดเข้าใจมั้ย"
"และถ้าเกิดของสิ่งนั่นเป็นก้อนหิน ต้นไม้ผมต้องไปขอใครละครับ"
คำถามใสซื่อ สร้างความหัวร้อนให้คนเป็นแม่แต่เพราะเป็นแม่จึงต้องใจเย็นต้องไม่อาละวาดเดียวลูกจำแล้วเอาไปใช้ภาพครอบครัวอันอบอุ่นในหน่วยสำรวจที่ต้องเจอเรื่องปวดหัวทุกวันทำให้หน่วยสำรวจต่างไม่กล่าวโทษถึงวีรกรรมแสบของอลัน เพราะแต่เด็กตัวน้อยร้องไห้ก็ทำใจอ่อนลงไปตามกันเป็นแถว เมื่อ 6 ปีที่แล้วตอนที่อลันเกิดมาเอลวินถึงกับขอลาหยุดแล้วโยนงานทุกอย่างให้ฮันซี่กับรีไวล์เพื่อมาคอยดูแลภรรยาของลูก แต่โชคร้ายสำหรับเอลวินที่เจสซิก้าเป็นผู้หญิงแกร่งกว่าปกติ ลาได้ไม่ถึงสองวันก็โดนไล่กลับมาพร้อมกับถูกเจสซิก้าหางานให้ทำด้วยเพราะทั้งสองคนมีหน้าที่ตำแหน่งที่สูงทำให้ไม่ค่อยจะมีเวลาให้อลัน แต่ความรักที่มอบให้ไม่เคยขาดเจสซิก้ายังเคยสัญญากับอลันว่าถ้าอายุสิบปีเมื่อไรจะพาออกไปทะเล เอลวินก็คอยอบรมสั่งสอนเป็นอย่างดีแต่โชคร้ายที่เด็กน้อยฟังแม่มากกว่าพ่อ
เกาะสรรค์ไม่ใช่ประเทศที่ถูกปิดกั้นจากโลกภายนอกอีกแล้ว ด้วยเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาจนล้ำหน้ากว่าประเทศอื่นพร้อมกับวิสัยทัศน์ของผู้นำในประเทศที่ต้องการติดต่อกับคนทั่วโลกและประกาศว่าชาวเอลเดียนั่นมีอิสระไม่ยึดติดกับอดีต พลังไททันกลายเป็นสัญลักษณ์ของความหนักแน่น
ทั้งโลกต่างจับตามองและคอยเฝ้าดูว่าชาวเกาะสรรค์จะอะไรต่อไป
จะผ่านไปกี่หมื่นพันปีมนุษย์ก็ยังคงเหมือนเดิม
และจิตใจด้วยเช่นกัน
ชีวิตในความทรงจำจะไม่มีวันตาย และฉันจะจดจำพวกเธอตลอดไป
-ขอบคุณที่ติดตามอ่านฟิคมาตลอดจนจบตลอดนะค่ะ-
มุมคนเขียนจากโลกสวยทุ่งเฮโรอีนกัญชา: จบแล้วแต่งจนจบจนได้ ยอมรับค่ะว่าเนื้อหามันดูรวบรัดแปลกๆแต่เอาจริงๆคือชอบแนวเลือดสาดแต่งคอมเมดี้ก็ไม่เป็นแต่ชอบมโนต้องเกิดกิเลสอยู่บ่อยๆที่รวบรัดเพราะเนื้อหาของมังงะและอนิเมะเรื่องไททันหลักๆมันก็ประมาณนี่ถ้าเอาให้มากกว่าเกรงว่ามันอาจจะออกไปแนวดราม่าปวดไตได้ เลยขอจัดให้จบเพียงเท่านี่เพราะเนื้อหาหลังจากนี่มันไม่ได้สวยเหมือนที่เขียนลงไปนะค่ะ ถ้าลองจิตนาการว่าคนที่เรารักตายไปแล้วแต่ยังน้อยก็ยังมีความทรงจำดีๆอยู่ ความตายไม่เว้นใครหรอกค่ะยังไงสักวันสิ่งที่มีชีวิตก็ต้องตาย สิ่งที่ไม่มีชีวิตก็มีเวลาถดถอยของมัน
ขอบคุณผู้อ่านทุกๆท่านที่หลงเข้ามาอ่านและกดเข้ามาอ่านทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ฟิคนี่เป็นฟิคแรกที่แต่งพอจะจับหลักการแต่งได้แล้วเดียวสถานนี่ต่อไปจะลองแต่ง TOWจากเว็บตูนดู บายบ้ายคะทุกคน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น