คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ไม่ยอม
เจสซิก้าที่ดึงสติกลับคืนมาได้มองเอลวินที่นั่งมองด้วยแววตาที่ว่างเปล่า หยดน้ำตาไหลออกจากตาเจสซิก้ารีบผลักตัวเองไปนั่งฝั่งตรงข้ามก่อนจะก้มหน้าลงเอลวินที่ถูกแรงกนะแทกได้สติกลับมาอย่างงๆ เมื่อพบว่าอีกฝ่ายนั่งก้มหน้าเหมือนคนไม่สบายแต่พอได้เห็นหยดน้ำตาก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายร้องไห้
เสียงฮันซี่ลอยเข้ามาในโสดประสาทเจสซิก้า เจสซิก้ากระพริบตาก่อนจะเงยหน้าเพื่อดูว่าถึงที่หมายแล้วรึยัง
"ถึงแล้วเหรอ?"
"อืม"
เอลวินเดินออกมาก่อนจะจับมือของเจสซิก้า ช่วยพยุงทั้งๆที่ไม่มีความจำเป็น ทหาร เจ้าหน้าที่ที่อยู่แถวนั้นต่างรู้สึกอิจฉาในความเอาใจใส่ของเอลวิน และรู้สึกแปลกตาที่เอลวินที่มีคู่ชีวิตเช่นกัน
"เออ เอลวินฉันเดินเองได้นะ"
เจสซิก้าผู้ที่ถูกกุมมือไว้ตลอดทางที่เดินเข้ามา สายตาล้อเลียนปนอิจฉาจากสาวโสดทำให้เจสซิก้ารู้สึกอึดอัด
หน้าด้านแค่ไหนก็มีวันเวลาที่หน้าจะบางลงได้นะ
"ฉันอยากให้เธออยู่ในสายตา"
เอลวินพูดออกอย่างไม่แคร์คนอื่นไปเดินไปเดินมา เจสซิก้ายิ้มอย่างปลงในใจแล้วว่าคนๆนี่ พูดอย่างเดียวคงไม่เข้าใจ
เจสซิก้ากระชากมือออกมาเอลวินมองอย่างไม่เข้าใจหัวหน้าหน่วยสองคนกับทหารคนอื่นที่ตามเริ่มหันหน้าหนีเพราะไม่อยากเข้าไปยุ่งคู่ชีวิตใหม่มากเกินไป
"อย่าโง่ให้มากเอลวิน ช่วยให้เกียรติสถานที่ด้วย"
เจสซิก้าเดินไปหารีไวล์เพื่อให้เป็นไม้กั้น ปล่อยให้เอลวินเดินอยู่คนเดียวฮันซี่ได้แต่หัวเราะเบาๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่มีคนด่าเอลวินแบบนี่
"เจสซิก้า"
เสียงร่าเริงทักเสียงดัง ไม่ทันได้หันไปมองว่าใครเรียก ฟรีด้าวิ่งเข้ามากอดอย่างคิดถึง ถึงแม้จะเคยเจอเพียงแค่ครั้งเดียวก็ตามนอกน้ันจะเป็นการติดต่อผ่านทางจดหมายหมด
"ฟรีด้า!?"
"ไม่ได้เจอกันนานมากเลยนะ ยังสวยเหมือนเดิมเลย"
นี่กำลังชมอยู่ใช่ปะ
"ขอบใจนะฟรีด้า เธอเองก็น่ารักเหมือนเดิมเลยนะแล้ววันนี่เธอมาทำอะไรที่นี่ละ"
ถึงจะคาดเอาไว้อยู่แล้วว่าอย่างน้อยตะกูลเรสต้องส่งคนมาดูหรือเป็นหูเป็นตาให้เพราะตะกูลเรสนั้นจะไม่เปิดเผยตัวตน แต่ครั้งนี่กลับเป็นฟรีด้าผู้ที่มีพลังของราชาไททัน แถมยังตามด้วยพ่อของฟรีด้า ลอร์ดเรสต์ผู้ที่ถือว่ามีอำนาจสูงสุดในกำแพง กับชายในเสื้อโค็ดสวมหมวกที่ดูคุ้นตาเป็นอย่างดี ลูกค้าขาประจำน่าตบ เคนนี่!
"ฟรีด้าทำไมเธอถึงเอาหมอนั้นมาด้วย"
ไม่ใช่แค่ฉันที่ตกใจ แม้แต่รีไวล์เองก็ตกใจเช่นกัน
"อาร้ายกัน ฉันแค่อยากเห็นเฉยๆ"
"ว่าใครจะเป็นผู้ชนะในการโต้เถียงนี่"
เจสซิก้าปัดมือของเคนนี่ที่จับไหล่อยู่ออกไป เพราะมืออีกข้างหนึ่งของเคนนี่นั้นถือมีดคู่ใจเตรียมเชือดคอมาแล้ว เจสซิก้าเตะไปที่ข้อมือของเคนนี่อย่างเต็มแรง เสียงกระดูกหักดังขึ้น เคนนี่มองมือของตนเองเหมือนกับว่าข้อมือที่หักไปนั้นไม่ได้มีความสำคัญอะไรมากมาย ก่อนจะมืออีกข้างที่ยังไม่เป็นไรหยิบปืนพกขนาดเล็กที่เจคเป็นคนทำขึ้นมา
เคนนี่แกแอบขโมยของฉันไปจริงๆด้วย
"หยุดเดียวนี่นะ!"
ฟรีด้าสั่งเคนนี่ที่เกือบได้เหนียวไกปืน เจสซิก้าปรบมือในใจกับการสั่งการของฟรีด้า เคนนี่มองไปที่ฟรีด้ากับเจสซิก้าเพื่่อชั่งใจ ก่อนจะทำการเก็บปืนลงไป
"ครั้งนี่เธอโชคดีไป"
เคนนี่ดึงปีกหมวกให้ลงปิดหน้าตามฉบับตนเอง
"การโต้วาทีครั้งนี่ฉันจะชนะเคนนี่ และฉันจะตามไปเก็บเงินนายที่หลังไอเฮงซวย"
ฟรีด้าสั่งให้เคนนี่ไปรักษาตนเอง ลอร์ดเรสต์ยืนมองเจสซิก้าอย่างเงียบๆ ซึ่งทำให้เจสซิก้ารู้แล้วว่าลอร์ดเรสต์รู้ว่าเธอเป็นใคร เอลวินเข้ามาถามอย่างเป็นห่วงกับฮันซี่ ตามด้วยสายตาที่จับตามองของรีไวล์ จนเจสซิก้าต้องพูดว่าควรเข้าไปในห้องได้แล้วปานนี่คนอื่นๆคงจะรออยู่ ทุกคนจึงจะยอมเดินไปที่ห้องศาลพร้อมๆกัน แบล็กถูกขังไว้อยู่ในกรงตั้งไว้กลางห้อง เจสซิก้ารู้สึกเกลียดกับการกระทำแบบนี่ถึงจะเข้าใจว่าจะทำไปเพื่ออะไร สายตาความรู้หลากหลายถาถมเข้ามา ฟรีด้าจับแขนเสื้อที่พับไว้ของเจสซิก้าอย่างกังวลเพราะเธอไม่เคยเจอกับสถานการณ์เช่นนี่ ก่อนจะแยกไปยืนกับลอร์ดเรสต์ในพื้นที่ส่วนของขุนนาง
เหตุการณ์แบบนี่ก็ไม่ต่างไปจากของเอเลนเท่าไรแค่เปลี่ยนจากเอเลนมาเป็นเจ้าแบล็กเพียงเท่านั้นเอง
"เริ่มเลยนะ เมื่อวานทางหน่วยสำรวจได้ค้นพบสิ่งมีชีวิตซึ่งคือเจ้ากระต่ายตัวนี่ที่มีขนาดตัวที่ใหญ่มันเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และสิทธิในการดูแลของเจ้ากระต่ายตอนนี่เป็นทางหน่วยสำรวจ แต่ทางกองทหารสารวัตรกลับยืนเรื่องมาว่าควรทำการตรวจสอบ และกำจัดมันทิ้ง"
ตึง!!!
ฉันรู้ว่าตัวเองเป็นใจร้อน แต่ทันทีที่ได้ยินคำยื้นเรื่องของกองทหารสารวัตรฉันไม่รู้หรอกว่าใครมันสั่งให้กองทหารสารวัตรทำแบบนี่ แต่ใครหน้าไหนก็ตามที่คิดจะทำเรื่องแบบนี่ แสดงว่ามันคนนั้นมันเป็นคนที่เห็นแก่ตัว!!! ตรวจสอบแล้วกำจัด หึ ได้ตัวแบล็กไปแล้วเอาเล่นสนุกก่อนที่มันจะตายก่อนละสิ
รั่วกั้กพื้นที่ถูกหักลงด้วยมือของเจสซิก้าทั้งห้องเบนความสนใจมาที่หญิงสาว บรรยากาศรอบตัวของเจสซิก้าแสดงออกมาชัดเจนว่าเธอกำลังโกรธ
"ขออภัยด้วยคะ ท่านผู้บัญชาการสูงสุดเชิญท่านพูดต่อได้เลยคะ"
ตอนนี่คนทั้งหมดร่วมถึงเอลวินต่างแน่ใจแล้วว่าเธอไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา ไม่มีมนุษย์คนไหนจะหักรั่วเหล็กกั้กได้ด้วยมือตัวเองต่อให้รู้สึกโกรธมากแค่ไหนก็ตาม ดาริสผู้ที่ยังรักษอาการได้มากที่สุดก็ถือกระดาษออกมาพูดต่อถึงในใจจะรู้สึกกลัวแปลกๆและสงสัยก็ตาม
"ก็ตอนนี่ทางประชาชนรู้ถึงการค้นพบของเจ้าสิ่งมีชีวิตนี่ ดังนั้นการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับเหตุผลของทหารทั้งสองหน่วย กองทหารสำรวจและกองทหารสารวัตร เริ่มจากทหารสารวัตร"
"ครับ ทางเรามีความเห็นว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตใหม่นั้นเป็นกระต่ายยักษ์ แต่เพราะมันมาจากนอกกำแพงซึ่งถือว่าเป็นสิ่งคุกคามกับมนุษย์ชาติ จึงควรทำการตรวจสอบร่างกายของมันเพื่อเป็นความรู้ใหม่ของมนุษย์ชาติ และทำการกำจัดทิ้งให้เร็วที่สุดเพื่อความปลอดภัยของทุกคน"
เหล่าผู้ผู้คนที่อยู่ในห้องแห่งนี่ต่างพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แม้กระทั้งบาทหลวงที่น่าจะเป็นหนึ่งในลักธิกำแพงก็ตะโกนออกว่ามาควรกำจัดทิ้ง
"ไม่มันควรกำจัดตอนนี่เดียวนี่เลย! อย่าให้รูปลักษณ์ภายนอกของมันหลอกลวงเอาได้ มันเป็นปีศาจจากนอกกำแพงซึ่งถือว่าเป็นศัตรูกับพระเจ้า"
รีไวล์นายช่วยไปเตะปากอีบาทหลวงนั้นได้มั้ย
"ท่านผู้บัญชาการสูงสุดคะ ดิฉันขอมีส่วนร่วมในการพูดในฐานะผู้ดูแลเจ้ากระต่ายคะ"
"เชิญ"
"ก่อนอื่นเลยนะคะ สิ่งที่พวคุณพูดว่าเจ้ากระต่ายควรถูกกำจัดนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ไร้ความคิดคะ เพราะการได้ค้นพบเจ้ากระต่ายตัวนี่มันคือเรื่องยืนยันว่าโลกภายนอกได้มีการเปลี่ยนแปลงไปทิศทางที่เราอาจจะไม่รู้จัก นี่ไม่ใช่การลบลู่พระเจ้าแต่บางทีนี่อาจจะเป็นของขวัญจากพระเจ้าพวกคุณไม่คิดเช่นนั้นเหรอคะ"
เจสซิก้ามองบาทหลวงที่หน้าซีดเป็นไก่ต้ม แต่ผู้นับถือบางคนก็พยักหน้าทำหน้าอย่างเห็นด้วยกับสิ่งที่พูดก็แค่กระต่ายตัวหนึ่งทำไมถึงต้องไปกำจัดทิ้งด้วย
"และอีกเหตุผลหนึ่งที่เจ้ากระต่ายควรอยู่ในการดูแลของหน่วยสำรวจ เพราะว่าคนที่เจ้ากระต่ายจะฟังคำสั่งนั้นมีเพียงแค่ผู้บัญชาการเอลวิน สมิธเท่านั้นคะ"
เสียงฮือฮาดังขึ้น มีบางเสียงที่เจสซิก้าจับใจความได้ว่า หากเป็นเรื่องจริงก็นับว่าเสียดายเพราะอยากได้ตัวมันมาทดเล่นสนุกซึ่งเจสซิก้าก็จำเสียง หน้าตาเอาไว้ในหัวเรียบร้อย หลังจากนี่จะได้ไปเล่นสนุกกับคนๆนั้นให้สมใจอยากถูกคนสัหน่อย
"เป็นเรื่องจริงรึ เอลวิน"
เอลวินมองหน้าเจสซิก้าทีหนึ่งถึงจะจำได้ว่าเจสซิก้าเคยสั่งให้เจ้ากระต่ายทำตามคำสั่งของเอลวินแต่นั้นก็หมายความว่าคนที่มันฟังจริงๆคือเจสซิก้าไม่ใช่เอลวิน แต่เพื่อให้ได้ตัวของเจ้ากระต่ายมาโดยไร้ข้อกังขาก็ควรเออออตาม
"ครับ เป็นความจริงตอนที่ได้เจอเจ้ากระต่ายครั้งแรก มันก็กระโดดมาหาผมคนเดียว คนอื่นที่เข้าใกล้มัน มันจะกระโดดหนีออกไปทันที"
รีไวล์คิดตามที่เอลวิน ถ้าให้พูดจริงๆเจ้ากระต่ายนั้นมันกัดคนที่เข้าใกล้ต่างหากขนาดฮันซี่ยังเกือบโดนตั้งหลายครั้ง ลูกน้องคนสนิทถึงต้องคอยห้ามอยู่ตลอด
"งั้นเอลวินถ้าหากเจ้ากระต่ายตัวนี่ไปอยู่ในการดูแลของกองทหารสำรวจ มันจะมีประโยชน์อะไรกับการสำรวจมั้งล่ะ"
อุย...ลืมเตี้ยมเรื่องนี่เลยอะ เอลวินนายแถเองเลย
"ทางเราจะทำการทดสอบดูว่ามันมีความสามารถอะไรบาง แต่อย่างน้อยเจ้ากระต่ายตัวนี่ก็มีความสามารถอย่างหนึ่งพลังในการกระโดดและเคลื่อนที่ที่รวดเร็วนั้นจะเป็นประโยชน์ในการสำรวจอย่างแน่นอน ขอเพียงแค่เจ้ากระต่ายอยู่ภายใต้การดูแลของทางเราครับ"
เหมือนโดนจิกกัดนิดหนึ่งเลยแฮะ แต่พูดได้ดีสมกับเป็นเอลวินล่ะนะ
"อืม ตัดสินใจแล้วให้เจ้ากระต่ายยักษ์ตัวนี่จะอยู่ในการดูแลของหน่วยสำรวจ"
"ดีจังเลยนะที่ทางหน่วยสำรวจได้เจ้าแบล็กไป"
ฟรีด้าพูดอย่างดีใจแทนเจสซิก้า สองสาวออกมาเดินเล่นพูดคุยในสวนของตึกศาลทหารเจสซิก้าปล่อยให้เอลวินไปจัดการเรื่องภายในของทหาร เสร็จเมื่อไรก็คอยให้คนมาตาม เจสซิก้าหัวเราะออกมาเบาๆ ที่การตัดสินครั้งนี่มันจบง่ายเพราะว่าความสนใจของทุกคนนั้นมุ่่งมาที่เจสซิก้าเพียงคนเดียว หลังจากนี้ประวัติของเธอจะถูกขุดมามากเพิ่มขึ้น หรือเธออาจจะถูกจับตามองมากขึ้น
"นั้นสิ"
แต่เรื่องของแบล็กก็ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงแล้ว สิ่งที่เจสซิก้าห่วงในตอนนี่คืออนาคตของฟรีด้าต่างหาก
"ฟรีด้าฉันมีเรื่องจะบอกเธอเรื่องหนึ่ง"
สองสาวนั่งคุยตรงน้ำพุ ฟรีด้าที่ได้ฟังเรื่องไททันจากปากของเจสซิก้าก็ร้องไห้ เจสซิก้าลูบไหล่ปลอบโยนอย่างเข้าใจใครๆต่างก็กลัวตายกันทั้งนั้น ถึงจะมีพลังราชาไททันก็ตาม
"แต่ไม่ว่ายังไงสุดท้ายประชาชนในกำแพงก็จะได้รู้ความจริงสินะ"
"ใช่"
"ฮิสโทเรียก็จะได้เป็นราชินีด้วย?"
"ใช่"
"แล้วเธอมีความสุขรึเปล่าละ?"
ถามว่ามีความสุขรึเปล่าก็ไม่น่าจะตอบอะไรได้ แต่การที่ต้องมาท้องกับคนที่ตนเองไม่ได้รัก ถูกกำหนดเปลี่ยนให้เป็นไททัน ขณะที่เพื่อนๆของตนเองก็เดินไปตามอุดมการณ์อย่างแน่วแน่ และตายไปทีละคน
"ความสุขของน้องสาวเธอคือการได้อยู่กับคนที่ตัวเองรัก"
เจสซิก้าไม่ตอบออกไปตรงๆ แต่นั้นก็มากพอที่จะทำให้ฟรีด้ารู้ว่าถึงประชาชนจะรู้ความจริง แต่น้องสาวของตนเองนั้นไม่ได้มีความสุขเลยในอนาคต
"ถ้าอย่างนั้นเจสซิก้า ก่อนที่ฉันจะตายฉํนจะทำการเปลี่ยนแปลงกฎ"
ฟรีด้าเช็ดน้ำตาพูดออกมาอย่างแน่วแน่ เจสซิก้ามองอย่างตกใจจะเปลี่ยนกฎเรื่องอายุ 13 ปีได้ยังไงขนาดน้าของฟรีด้าที่เป็นน้องชายของลอร์ดเรสต์ยังตายเลย หรือว่าจะมีบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนไป
"ที่จริงแล้วตั้งแต่วันที่เธอมาหาฉัน หลังจากนั้นไม่กี่วันฉันสามารถดูความทรงจำของคนที่เคยถือครองพลังของไททัน และคนที่กำลังถือครองพลังของไททันในตอนนี่"
"........" ฉันเป็นตัวแปรอีกแล้วใช่มั้ย?
"และฉันได้เห็นความทรงจำของยูมีร์ เธอเป็นผู้หญิงที่น่าสงสาร แต่เธอก็ยอมเข้าตัวเองเข้าแลกกับพลังที่มีมากเกินไปสำหรับตัวเองในตอนนั้น เพื่อความสุขของประชาชน"
"ยูมีร์ในตอนนั้นเธอยังเด็กอยู่เลย เด็กกว่าฉันซะอีกแต่เธอยอมเสียสละทุกอย่าง"
"และฉันได้พบว่าที่ยูมีร์ตายเพราะร่างกายของเธอนั้นรับพลังไม่ไหว แต่ตอนนี่พลังได้แตกออกเป็น9 ส่วน กฎที่ผู้ครองพลังนั้นต้องตายภายใน 13 ปีนั้นเป็นเพียงช่วงเวลาที่พลังของไททันจะดึงดันออกมาหรือกัดกินร่างกาย"
"เธอจะควบคุมพลังไททันส่วนนั้นในร่างกายของเอเลน เพื่อยืดอายุขัยออกไป"
เจสซิก้าพูดอย่างรู้ทัน ไม่ใช่ว่ามันก็เป็นไปไม่ได้ แต่มันก็ไม่มีอะไรมารับประกันว่ามันจะสำเร็จเพราะเธอไม่สามารถพูดคุยกับฟรีด้าที่อยู่ในร่างกายของเอเลนได้
หรือฉันควรไปเรียนวิชารุกรานจิตใจจากแม่ แต่ตอนนี่ฉันก็ไม่รู้วิธีติดต่อกับแม่นี่นา!!
ฟรีด้าพยักหน้าแทนคำตอบ เจสซิก้ามองหน้าเด็กสาวที่ยอมสละชีวิตตนเองเพื่ออนาคตของประชาชน ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อชดใช้ให้กับความผิดของราชาฟรีสที่กักขังประชาชนให้เป็นคนโง่
มันไม่มีทางอื่นแล้วรึไงกัน
"เธอทำตอนนี่เลยไม่ได้หรือ"
"ถึงฉันจะทำตอนนี่ เหล่าขุนนางที่โกงกินก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปอยู่ดี ต้องมีบุคคลที่สามบุคคลที่เป็นไพ่ปริศนาที่ไม่อาจคาดเดาได้ และคนที่จะกำจัดพวกโกงกินเงิอนภาษีของประชาชนให้หายไป"
"แล้วพ่อของเธอละ เธอจะปล่อยให้พ่อของเธออยู่ตัวคนเดียวรึไง"
"ไม่"
ฟรีด้ากุมมือของเจสซิก้าไว้แน่น เจสซิก้าสัมผัสได้ถึงความกลัวตายแต่ก็มีความกล้าหาญ ความมุ่งมั่นที่แรงกล้า
"ฉันจะไม่ปล่อยให้คุณพ่อต้องอยู่ตัวคนเดียว ฉันขอบใจเธอจริงๆนะที่ช่วยมาบอกอนาคตของฉันเจสซิก้า เธอนะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคนที่นี่เลย แต่เธอ เพราะเธอมาที่นี่ฉันถึงเป็นอิสระ เพราะเธอมาที่นี่ฉันถึงได้ทำทุกอย่างอย่างที่ใจปราถนา"
"เธอทำเพื่อฉันมามากแล้ว หลังจากนี่มันคือการตัดสินใจของฉัน"
"............."
"แต่ว่ามีอยู่เรื่องเดียวที่มันค้าใจฉัน....."
ไม่ต้องให้พูดเจสซิก้าก็รู้ว่าฟรีด้าหมายถึง ถึงจะทำตามสิ่งที่วางแผนเอาไว้ได้ แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าฮิสโทเรียจะมีความสุขหรือ ไม่ถูกทำให้เป็นราชินี
เจสซิก้าไม่อยากจะรับปากฟรีด้า เพราะไม่รู้ว่าตนเองจะทำให้ได้รึเปล่าทั้งนี้มันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่เมื่อได้เห็นสายของคนเป็นพี่และห่วงใยน้อง ทำให้เจสซิก้าเผลอคิดไม่ได้ว่าบางที ถ้าหากตอนนั้นฮิสโทเรียเป็นเจค เจคคงจะทุกข์ใจมาก และตัวเองก็คงจะไม่มีความสุขเลย แต่เรื่องที่เจคจะไปเป็นราชาราชินีคงเป็นไม่ได้แน่นอน
"ฉันไม่รับปากหรอกนะว่าจะช่วยฮิสโทเรีย"
"แค่เธอพูดออกมาแบบนี่ฉันรู้สึกอุ่นใจขึ้นมากเลยละ ว่าอย่างน้อยน้องสาวฉันก็ยังมีคนคอยปกป้องอยู่"
ต่างคนต่างมีแผนในใจเพื่อช่วยคนที่ตนเองรัก เจสซิก้ามองลูกตาสีเดียวกับเธอที่กำลังร้องไห้อีกครั้งเจสซิก้าดึงตัวฟรีด้าเข้ามากอด ถึงจะรู้แล้วว่ามีคนกำลังรอทั้งคู่อยู่ แต่ถ้าหากไม่ทำตอนนี่หลังจากนี่ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอกันอีกมั้ย
"พ่อฉันสอนว่า เวลาที่เราต้องการจะระบายและได้เจอสถานที่ที่เหมาะสมก็ระบายออกมาเถอะ อย่าเก็บมันไว้"
เสียงร้องไห้ดังขึ้นออกมาเบาๆเพราะที่นี่คือตึกทำการ ฟรีด้าไม่สามารถที่จะร้องออกมาดังๆได้ แต่ขอเพียงแค่เธอได้ระบายน้ำตาของความกลัวออกมา ขอเพียงแค่ได้มีใครสักคนได้รู้ว่าตอนนี่เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเธอก็ไม่ต้องการอะไรมากแล้ว ที่เหลือฟรีด้าต้องจัดการเอง
"เจสซิก้าขอบคุณนะ"
ฉันขอสัญญาว่าจะทำให้แผนของเธอสำเร็จให้ได้ฟรีด้า
"พวกเธอคุยอะไรกัน"
เอลวินถามเจสซิก้าหลังจากได้แยกกับฟรีด้า แล้วมาขึ้นรถม้าเพื่อกลับไปที่หน่วยสำรวจเจสซิก้าไม่แปลกใจว่าทำไมเอลวินถึงถามเพราะตอนที่ฟรีด้าร้องไห้เอลวินกับลอร์ดเรสต์ก็มาหาพอดี ลอร์ดเรสต์คงให้เวลากับลูกสาวตัวเองอยู่กับเพื่อนให้มากที่สุด เลยไม่ยอมเข้ามาหาก่อนและเอลวินเองก็คงไม่อยากขัดช่วงเวลาที่ลึกซึ้งอีกด้วย ถึงได้มาถามหลังจากขึ้นรถม้า
"ก็ปัญหาภายในครอบครัวนะ ฟรีด้าเขามีปัญหากับพี่น้องก่อนหน้านี่เลยมาพูดกับฉัน"
เท่านี่เอลวินก็คงเชื่อแล้วว่าเจสซิก้าเป็นคนที่มาเป็นตะกูลขุนนางจริงๆ ไม่อย่างนั้นฟรีด้าคงไม่เข้ามาพูดคุยปรับทุกข์จนถึงร้องห่มร้องไห้
"งั้นพรุ่งนี่ประมาณสายๆ เดียวฉันจะไปหานายที่หน่วยสำรวจนะ ใช่เวลาไม่นานหรอกสองสามชั่วโมงก็เสร็จแล้ว"
เจสซิก้าพูดถึงเรื่องงานแต่งงาน ที่ว่าใช้เวลาไม่นานเป็นเพราะว่าเรื่องงานแต่งเจสซิก้าก็ไปจัดการเสร็จเรียบร้อยทั้งเรื่องสถานที่ เรื่องงานเลี้ยงเจสซิก้าตั้งใจไว้ว่าสถานที่จะจัดที่หน่วยสำรวจ จะได้เลี้ยงไปฐานะวันคล้ายวันเกิดของเอลวิน วันฉลองกับการความสำเร็จในการค้นพบสิ่งมีชีวิตขณะออกไปสำรวจ และเธอเองก็รู้อยู่แล้วด้วยว่าเอลวินนั้นแทบไม่มีเพื่อนเลย จัดในหน่วยสำรวจฉลองความยินดีไปกับลูกน้องเลยจะเป็นไรไป
"ฉันไม่เข้าใจเธอ มีบางอย่างที่ฉันไม่เข้าใจเธอได้จริงๆว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ หรือว่าทุกอย่างเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ"
เอลวินพูดถึงเรื่องที่เจสซิก้าเป็นผู้ต้องสงสัยในเรื่องบุคคลปริศนาที่ช่วยหน่วยสำรวจ และไหนจะเรื่องพลังทางกายภาพที่มีมากเกินปกติ แต่เจสซิก้าในวันนี่ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นคนในกำแพง เพราะฟรีด้ากับเหล่าพ่อค้า(เจสซิก้าไปสะกดจิตมาก่อนที่หน่วยสำรวจจะไปสอบถาม)ต่างยืนยันว่ารู้จักกับเจสซิก้ามานาน แต่ในใจของเอลวินก็ยืนยันว่าเจสซิก้ามีบางอย่างที่แตกต่างจากคนในกำแพง ต่างจากคนทุกคน
"ฉันจะพยายามไม่พูดถึงเรื่องนี่ เพราะมันไม่มีประโยนช์เอลวิน ทำไมเราไม่มาคุยกันละว่าหลังจากที่แต่งงานกันแล้วจะทำยังไงต่อ"
เพราะไม่มีหนทางอื่นเอลวินเลยถามเจสซิก้าที่เป็นผู้จัดการในเรื่องงานแต่ง และต้องตกใจเพราะไม่คิดว่าเจสซิก้สจะทำให้ตนเองมากถึงขนาดนี่ เจสซิก้าเสนอทางเลือกให้เอลวินสองทางคือแยกกันอยู่ เอลวินจะได้ทำงานอยู่อย่างเหมือนเดิมและสามารถมาหาเจสซิก้าที่ร้านบาร์ได้เสมอ กับอาศัยอยู่ด้วยกัน
เจสซิก้าได้ซื้อบ้านที่เขตชิกันชิน่ากับส่วนที่อยู่ในกำแพงวอลมาเรียเอาไว้ หรือจะให้เจสซฺก้าย้ายไปอยู่ที่บ้านของเอลวิน ให้เอลวินเลือกเองว่าจะอยู่ที่ไหนส่วนเจสซิก้าไม่มีปัญหาอย่างน้อยก็ยังอยู่ใกล้กับแหล่งอาหารหลักของเธอ
"ฉันไม่เข้าใจจริงๆเลยว่าทำไมคุณต้องทำมากถึงขนาดนี่ด้วย"
"นายอยากให้ฉันบอกรักนายรึไง นายถึงจะได้หายสงสัย"
บทสนทนาเงียบลงทันที เอลวินผู้ที่ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี่พูดอะไรไม่ออก ในใจก็ไม่กล้าบอกเจสซิก้าให้บอกรักตนเองเพราะที่จริงแล้วในใจของเอลวินรักแมรี่ที่เคยทำงานเป็นสาวเสริฟอยู่ต่างหากและแต่งงานกับเพื่อนของตนเองไปแล้วด้วย
"ไม่เป็นไรเอลวิน"
เจสซิก้าที่เดาความรู้สึกของเอลวิน พูดออกมาเพื่อตัดปัญหา
ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องมารักฉันหรอกเพราะฉันเองก็ไม่บอกนายเองเช่นกัน ไม่ว่าจะเรื่องอะไรนายจะไม่ได้รู้อะไรทั้งนั้น
เสียงวุ่นวายดังขึ้นที่นอกรถม้า เจสซิก้ามองทางหน้าต่างว่าเกิดอะไร แต่ประตูก็เปิดออกทันทีด้วยมือของเจค
"เจสซิก้ารีบกลับไปที่บ้านเร็ว"
"เจค มีเรื่องไรเหรอ?"
"ท่านแม่...ท่านมาหาพวกเรา"
เรื่องยูมีร์หนูแถเอาไม่ต้องคิดนะว่ามันมีอยู่ในเนื้อเรื่อง555555
ความคิดเห็น