ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic series | BREAD & BUTTER | bnyoung

    ลำดับตอนที่ #6 : #ฟิคพี่ปมคนโง่ | BE WITH YOU

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.89K
      56
      24 มิ.ย. 58

     


    YOU the series
    BE WITH YOU

    (Jaebum/Jinyoung)

     

    NOTE: จินยองกินไอติมกับคุณอิมใส่สูท ฮึก

    THEME SONG: วัชราวลี - น้อย

     



     

     


     

     

     

     

     

     

    BE WITH YOU
    #ฟิคพี่ปมคนโง่
     

     


     

     

     

     

     

              แจบอมกำลังรู้สึกเมื่อยหน้าและเมื่อยแขนอย่างมากกับการที่ต้องขมวดคิ้วมองตัวเองในกระจกและยกมือขึ้นมาจัดแต่งทรงผมที่ไม่ยอมเข้าที่เข้าทางเสียทีเป็นเวลาร่วมสิบนาที ยิ่งผมยาวมากเท่าไหร่การเซ็ตผมก่อนไปทำงานก็ยิ่งกินเวลามากขึ้นเท่านั้น ทั้งที่ทุกอย่างมันต้องเร่งรีบ ออกช้าเดี๋ยวรถก็จะติด ไหนจะต้องพะว้าพะวงกับหม้อซุปบนเตาที่เขาตั้งใจจะทำเป็นอาหารเช้าให้คนที่นอนอยู่อีก มากมายหลายสิ่งเกิดขึ้นไปพร้อมๆกัน

     

              บรรยากาศที่น่ากังวลใจในยามเช้าของอิมแจบอมและผมหน้าม้ายาวๆของเขาเป็นแบบนี้มาแล้วร่วมอาทิตย์

     

              “พี่แจบอมทำไรอ่ะ... เฮ้ย จะตกใจไรขนาดนั้น”

     

              เสียงจากอีกคนที่ดังขึ้นมาทางด้านหลังแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้แจบอมสะดุ้งโหยงแบบไร้เสียงอุทาน หันหลังกลับมามองก็พบกับจินยองที่ยืนถูหน้าถูตาหัวยุ่งเหยิงอยู่ แจบอมลืมความกังวลใจทุกอย่างไปในทันทีที่เห็นใบหน้าน่ารัก ส่งยิ้มกว้างจนตาปิดให้ก่อนจะหยิบกระปุกแว๊กซ์จัดแต่งทรงผมที่วางอยู่ขึ้นมาให้จินยองดูตั้งใจจะใช้เป็นพร็อพประกอบคำพูด

     

              “พี่ –”

     

              “ยังไม่รีบไปทำงานอีก”

     

     

              แต่ก็ยังไม่ทันได้ว่าอะไรให้มากความ...เสียงดุๆ ของจินยองทำให้แจบอมรีบวางของในมือลงหันไปจับผมตัวเองอีกสามวินาทีก็หันกลับมายิ้มให้จินยองอีกรอบก่อนจะต้องหลบทางให้กับมือเรียวที่ยกขึ้นมาโบกไล่เขาให้เดินออกมาจากตรงหน้ากระจก

     

              “วันนี้ไปวิ่งออกกำลังกายไหม” จินยองที่กำลังวักน้ำจากก๊อกล้างหน้าส่ายหัวไปมา เส้นผมสีเข้มที่เปียกชุ่มสะบัดละอองน้ำมาโดนแจบอมที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องน้ำ จินยองลูบหน้าตัวเองก่อนจะมองหน้าแจบอมผ่านกระจกด้วยแววตาแข็งๆ 

     

              “ยังจะมายืนอยู่อีก จะไปทำงานมั้ย?” เอ่ยเสียงดุ ทำให้แจบอมไม่มีเหตุผลที่จะยืนอยู่ตรงนี้อีกต่อไป ร่างสูงยิ้มแห้งๆ ให้จินยองก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับปิดประตูห้องน้ำให้ เดินไปส่องกระจกที่อยู่ติดกับตู้เสื้อผ้าและหยิบเนกไทมาสวม

     

     

              .

     

     

     

     

     

     

     

              “พี่อุ่นซุปไว้นะ ออกไปกินได้เลย” หลังจากเช็คผมตัวเองอีกรอบแล้ว แจบอมก็ส่งเสียงบอกให้คนที่อยู่ในห้องน้ำได้ยินในขณะที่เขากำลังหยิบสูทออกมาจากตู้เสื้อผ้าพาดไว้กับแขนก่อนจะเดินไปห้องครัว พอเห็นว่าซุปในหม้อกำลังเดือดได้ที่แจบอมก็จัดการตักใส่ชามและยกมาวางบนโต๊ะ 

     

     

              เดินกลับเข้าไปเคาะประตูห้องน้ำบอกให้คนที่อาบน้ำอยู่ได้ยินว่าเขากำลังจะออกไปก่อนจะหันกลับมาดูข้าวของของตัวเอง กุญแจรถ กระเป๋าเงิน โทรศัพท์มือถือ ไอแพด แฟ้มเอกสาร พอเห็นว่าทุกอย่างครบก็ถือเป็นการเสร็จสิ้นภารกิจยามเช้าก่อนขับรถออกไปทำงาน

     

     

     

     

     

     

              -

     

     

     

     

     

              “กาแฟค่ะบอส” ชงด้วยความรักเลยค่ะ เลขาสาวเสริมคำพูดตัวเองในใจในขณะที่วางถ้วยกาแฟดำที่เพิ่งชงมาเสร็จไว้บนโต๊ะของคุณอิมแจบอมที่เพิ่งจะมาถึงและกำลังอ่านข่าวอยู่ในไอแพด 

     

              “ขอบคุณครับ อึนจี” สายตาคมเลื่อนขึ้นมามองพร้อมส่งยิ้มให้ อึนจีวางมือตัวเองลงกับขอบโต๊ะเพื่อพยุงตัวเองที่กำลังเข่าอ่อนไม่ให้ทรุดลงไปกับพื้น ส่งยิ้มเก้อๆ ตอบกลับไปเก็บอาการให้นิ่งสงบที่สุดแม้ว่าในใจจะกำลังสั่นระรัวอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะหยิบแท็บเล็ตเครื่องเล็กที่ถือติดมือออกมา และจัดการเช็คตารางงานของเจ้านายให้ตามหน้าที่

     

              “วันนี้ตอนเที่ยงครึ่งบอสมีนัดทานข้าวกับคุณคิมจากวายเคกรุ้ปนะคะ แผนที่ร้านตามที่ส่งให้ในอีเมล...” 

     

              แจบอมฟังตารางงานของตัวเองไปเรื่อยๆ พร้อมกับพยักหน้ารับก่อนจะมอบหมายงานเอกสารเกี่ยวกับเรื่องแผนการตลาดที่ทำค้างไว้จากเมื่อวานให้เลขาสาวจัดการเรียบเรียงให้ใหม่แล้วก็กลับมาเช็คข่าว เช็คตัวเลขในตลาดหุ้น ทำเหมือนที่ทำทุกวัน งานช่วงเช้ายังไม่มีอะไรมากแจบอมจึงได้มีเวลาอ่านข่าวและบทความที่น่าสนใจในเชิงธุรกิจมากมาย รอจนพอใกล้ถึงเวลานัดรับประทานอาหารแจบอมจึงออกจากบริษัทไปยังจุดหมายที่อยู่ไม่ไกลมากนัก 

     

     

     

     

              -

     

     

     

              “ขอบคุณมากนะครับคุณอิมสำหรับอาหารมื้อนี้” ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีชมพูอ่อนกล่าวพร้อมรอยยิ้มหลังจากที่การคุยเรื่องธุรกิจและมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารอิตาเลียนแห่งนี้ได้จบลงและได้เช็คบิลเสร็จเรียบร้อยแล้ว แจบอมวางแก้วไวน์ลงพร้อมกับส่งยิ้มตอบ ถึงแม้ว่าตอนนี้ใจจะไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวเพราะโทรศัพท์มือถือที่สั่นติดๆกันไม่หยุดมาเป็นได้สักพัก

     

              ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามาจากใคร หากแต่ก็รู้สึกแปลกใจเพราะปกติแล้วจินยองไม่ชอบพิมพ์ข้อความ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลามีอะไรเร่งด่วน การส่งข้อความมารัวๆ แบบนี้ทำให้เขากังวลไม่น้อย แจบอมจึงแกล้งทำหน้าตาเร่งรีบ ก่อนจะหันกลับมาพูดกับคนที่นั่งยิ้มอยู่ตรงหน้า

     

              “ขอบคุณคุณคิมเช่นกันครับ เสียดายที่วันนี้ผมต้องรีบไป ยินดีที่ได้พบนะครับ”

     

              “ไม่เป็นไรครับคุณอิม” คนตรงหน้ายิ้มหวานพร้อมกับลุกขึ้นยืนเช่นเดียวกันกับแจบอม มือเรียวจับหมับเขาที่มือของแจบอมที่ยื่นออกมาและทุกอย่างจะเป็นปกติ ถ้าหากประโยคสุดท้ายไม่หลุดออกมาพร้อมกับแรงบีบเบาๆที่มือที่ทำให้แจบอมต้องตกใจ“เรียกคิมมี่ก็ได้ครับ”

              

              “อ่อ..ครับ คุณคิมมี่ ผม เอ่อ ผมขอตัวก่อนนะครับ”

     

              แจบอมก้มศีรษะให้ก่อนจะขอตัวเดินออกมาและทันทีที่ออกจากสถานการณ์ที่น่ากระอั่กกระอ่วนใจได้แล้วแจบอมก็หยิบโทรศัพท์ที่ยังสั่นไม่หยุดขึ้นมา แล้วก็เป็นไปตามคาด ข้อความยาวเป็นพรืดที่ถูกส่งมาติดๆกันเป็นของจินยอง แจบอมเลื่อนอ่านผ่านๆ อย่างรวดเร็วในขณะที่กำลังเดินกลับไปที่รถตัวเองที่จอดอยู่หลังร้าน

     

     

              Jinyoung

              พี่แจบอม

     

              Jinyoung

              สะอึกไม่หยุดเลยอ่ะ

     

              Jinyoung

              นานแล้ว

     

              Jinyoung

              ทำไงดี

     

              Jinyoung

              ทำไงก็ไม่หาย

     

              Jinyoung

              ดื่มน้ำจนปวดท้องแล้ว

     

              Jinyoung

       

     

              Jinyoung

              ไม่เคยสะอึกเยอะๆแบบนี้มาก่อนเลย

     

              Jinyoung

              พี่แจบอม

     

              Jinyoung

              พี่แจบอมมมมมมมม

     

              Jinyoung          

              

     

              

              แปลกประหลาดกว่าการส่งข้อความแทนการโทรก็น่าจะเป็นการที่จินยองส่งสติกเกอร์มางอแงใส่ พอจับใจความได้คร่าวๆแล้วว่าคนรักมีปัญหาอะไรแจบอมก็รีบกดโทรออกหาอีกคนแต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเขาถูกตัดสายแทบจะในทันที แจบอมกดโทรออกซ้ำๆ แต่จินยองก็ยังตัดสายเขาซ้ำๆ จนแจบอมงงไปหมด 

     

              แต่ในที่สุดเขาก็ได้รู้เหตุผลเมื่อเหลือบเห็นข้อความที่เด้งขึ้นมาก่อนจะกดโทรไปหารอบที่สิบ

     

     

              Jinyoung

              สะอึกอยู่จะโทรมาทำไมวะ

     

     

     

     

     

     

              สงสัยจะสะอึกแรงจริงๆ..

     

     

     

     

              (Read)

              พี่ขอโทษนะครับ

     

              (Read)

     

     

              Jinyoung

              -_-

     

     

              แจบอมกดออกจากโปรแกรมแชทแล้วก็จิ้มเข้าที่หน้าเว็บกูเกิ้ล เสิร์ชหาวิธีการแก้สะอึกมากมายก่อนจะก็อปเอามาแปะใส่ให้จินยองเพราะมันก็คงจะเป็นทางเดียวที่พอจะช่วยจินยองได้ ทว่าจินยองบอกว่าได้หาและลองไปหมดแล้วแต่ก็ไม่เวิร์คก่อนจะรัวสติ้กเกอร์หน้าร้องไห้มาซะเต็ม แจบอมก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก

     

     

              Jinyoung

              พี่แจบอม จินยองจะตายมั้ย

     

              (Read)

              หืม?

     

              (Read)

              ตายอะไร ทำไมพูดแบบนั้น

              

              Jinyoung

              ก็เค้าบอกว่า ถ้าสะอึกครบร้อยครั้ง

     

              Jinyoung

              จะตายอ่ะ

     

              (Read)

              เอามาจากไหนเนี่ย

     

              Jinyoung

              หนังสือการ์ตูน

     

              (Read)

              แล้วเชื่อเค้าทำไม ก็แค่การ์ตูน

     

              แจบอมหลุดหัวเราะออกมา จินยองก็เป็นแบบนี้ ชอบดุว่าเขาอย่างนู้นอย่างนี้ทว่าตัวเองก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อยคนหนึ่งเลย จินยองส่งสติกเกอร์หน้าดุมาให้แจบอมจึงส่งสติกเกอร์อียอร์หน้าหงอยกลับไปถึงแม้จะรู้ว่าต้องโดนอีกคนด่าในใจก็ตาม ก่อนจะกลับเข้ามาที่ประเด็นเดิมอีกรอบ ในคราวนี้แจบอมเสนอวิธีที่เขาเพิ่งนึกออก มันเป็นสิ่งที่แจ็คสันเคยสอนเขาไว้ตั้งแต่สมัยเรียนและแจบอมก็จำได้ว่ามันได้ผล

     

     

              (Read)

              นี่ จินยองลองทำแบบนี้นะ

     

              Jinyoung

              ห้ะ

     

              (Read)

              กลั้นหายใจแล้วดื่มน้ำสามอึกใหญ่ๆ

     

              (Read)

              แล้วก็ก้มหน้าลงสักพัก  ลองดูนะ

     

     

     

              จินยองเงียบหายไปครู่หนึ่งในขณะที่แจบอมเองก็นั่งอยู่บนรถ ลืมเสียสนิทว่าจะต้องขับกลับออฟฟิศเพราะมัวแต่วุ่นวายอยู่กับการตอบข้อความและลุ้นไปกับจินยองด้วยว่าจะหายสะอึกได้เมื่อไหร่ 

     

              ไม่นานนักโทรศัพท์ก็สั่นอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ไม่ใช่ข้อความ และนั่นก็ทำให้แจบอมยิ้มออก

     

              (หายแล้ว)

     

              “อื้ม ดีแล้ว”

     

              (อือ ขอบคุณนะ)

     

              “ไม่เป็นไรครับ” แจบอมยิ้มออกมาอย่างโล่งใจก่อนจะออกรถ แต่ก็ยังไม่ได้วางสายไป

     

              (พี่แจบอม อยากกินไอติมร้านนั้นอ่ะซื้อเข้ามาให้หน่อย)

     

              “ได้เลย รสช็อคโกแลตเหมือนเดิมนะ”

     

              (อื้อ)

     

              “โอเคครับ”

     

              (อือ อย่าลืมนะ)

     

              “ไม่ลืมแน่นอน เดี๋ยวพี่แวะซื้อเลย”

     

              แล้วแจบอมก็แวะทันทีเพราะไม่อย่างนั้นหลังเลิกงานเขาอาจจะลืมได้ ครั้นจะโทรบอกให้เลขาสาวจดบันทึกไว้ให้เตือนเขาก่อนกลับบ้านด้วยก็ดูจะจริงจังเกินไป ร้านนั้นที่จินยองหมายถึงอยู่ระหว่างทางกลับพอดี เป็นร้านโปรดของจินยองซึ่งขายไอศครีมแบบเจลาโต้ที่สามารถสั่งแบบตักใส่ถ้วยใหญ่สำหรับกลับบ้านได้ 

     

              เนื่องจากวันนี้ลูกค้าที่ร้านน้อยพอดีไม่ต้องรอคิวนาน แจบอมจึงออเดอร์ไปหลายอย่าง ทั้งรสช็อคโกแลตให้จินยองถึงสองถ้วยใหญ่ ถ้วยเล็กๆแบบกลับบ้านคละรสกันอีกเป็นสิบสำหรับพนักงานในแผนกและรสมินท์ช็อคชิพหนึ่งสคูปสำหรับตัวเองกินไปขับรถไประหว่างกลับออฟฟิศ 

     

     

     

     

              “ถุงนี้ฝากแช่ตู้เย็นด้วยนะครับอึนจี ส่วนนี่ ของทุกคนเลยครับ” ถุงใบใหญ่สองใบถูกยื่นให้เลขาสาวที่ยืนต้อนรับเขาทันทีที่แจบอมเดินมาถึงหน้าประตูห้องทำงานตัวเอง อึนจีรับของมาพร้อมยิ้มขอบคุณด้วยความอิ่มอกอิ่มใจและความปลาบปลื้มในตัวเจ้านายหนุ่มคนนี้ที่พุ่งทะยานขึ้นไปอีกหลายเลเวล

     

              “ขอบคุณมากค่ะบอส”

     

              “ไม่รู้ว่าจะเลือกรสถูกปากทุกคนไหม.. ยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ” น้ำเสียงที่พูดกลั้วหัวเราะไปพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มจนตาปิดทำให้อึนจีต้องเกร็งมือแน่นไม่ให้ตัวเองเผลอหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมากัดระบายความเขิน 

     

              หลังจากพูดคุยกันต่อด้วยเรื่องงานเสร็จแจบอมเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับเริ่มอ่านรายงานที่อึนจีเอาให้ เวลาผ่านไปเรื่อยๆ เหมือนกับทุกวัน กาแฟแก้วที่สองของวันถูกนำมาเสิร์ฟถึงเป็นการเตือนให้แจบอมได้รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสามเหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงก็ได้จะได้เวลากลับบ้านเพราะวันนี้ไม่มีงานด่วนหรือการประชุมใดใด ทว่าด้วยความที่เป็นวันศุกร์ แจบอมจึงอยู่ต่อและเคลียร์งานที่เหลือให้จบเพื่อที่วันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้จะได้พักผ่อนเต็มที่

     

              และหลังจากเป็นคุณอิมแจบอมมาได้ทั้งวัน การได้เปิดประตูห้องกลับเข้ามาตอนหนึ่งทุ่มครึ่งพร้อมเปลี่ยนรองเท้าหนังสีดำเป็นสลิปเปอร์ลายอียอร์สีฟ้าอ่อนก็เป็นเหมือนการถอดร่างของคุณอิมออกอย่างเต็มตัวถึงแม้ว่าเสื้อเชิ้ตกับกางแกงสแลคจะยังอยู่ เสื้อสูทสีดำจะยังพาดอยู่ที่แขนและทรงผมจะยังคงถูกเซ็ตไว้เหมือนเดิมก็ตาม

     

              เสียงคุยโทรศัพท์ที่ฟังดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องงานจากคนที่นั่งทำกราฟฟิคดีไซน์อยู่หน้าคอมเหมือนทุกคืนทำให้แจบอมยังไม่ส่งเสียงออกไปทักทายเพราะมันจะกลายเป็นการรบกวน ขายาวก้าวเข้าไปหาจินยองเพียงเพื่อที่จะส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำให้สดชื่น

     

              

     

              “จินยองครับ กินข้าวยัง” ส่งเสียงถามคนที่ยืนอยู่หน้าตู้เย็นในขณะที่กำลังเดินออกมาพร้อมกับเช็ดผมตัวเองด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก พอผมเริ่มแห้งได้ที่และตกลงมาปรกหน้าผากปิิดคิ้วปิดตาแจบอมก็จัดการคาดผมตัวเองด้วยที่คาดผมที่เพิ่งรื้อเจออยู่ในลิ้นชัก หลังจากที่เมื่อคืนเพิ่งโดนจินยองด่าว่าผมปรกหน้าปรกตาน่าเกลียดน่ากลัวถ้ายังไม่ได้ตัดตอนอยู่บ้านก็รู้จักทำให้มันดูเป็นผู้เป็นคนหน่อย แจบอมจึงเก็บมาคิดแล้วก็พบว่าระหว่างการติดกิ๊บ มัดจุก และคาดผม ตัวเลือกสุดท้ายน่าจะโอเคที่สุด

     

              “จินยอง..” แต่ยังไม่ทันจะได้นำเสนอเรื่องทรงผมตัวเองที่ตั้งใจทำให้จินยองถูกใจ อาการนิ่งเงียบของคนตรงหน้าพร้อมกับเสียงปิดประตูตู้เย็นดังปังก็ทำให้แจบอมรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่คุ้นเคย

     

              บรรยากาศถมึงทึง.. ความโง่ของพี่แจบอมคนเดิมคนนี้กำลังทำพิษ หากแต่พี่แจบอมก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดไป และในขณะที่ในหัวเต็มไปด้วยคำถาม จินยองก็เอ่ยถามอะไรบางอย่างที่เป็นคำตอบให้กับแจบอมได้แทบจะในทันที

     

     

              “ไอติมเราอ่ะ?”

     

     

     

     

     

              

              

              ‘ถุงนี้ฝากแช่ตู้เย็นด้วยนะครับอึนจี’

     

     

              ‘ถุงนี้ฝากแช่ตู้เย็นด้วยนะครับอึนจี’

     

     

              ‘ถุงนี้ฝากแช่ตู้เย็นด้วยนะครับอึนจี’

     

     

              ‘ถุงนี้ฝากแช่ตู้เย็นด้วยนะครับอึนจี’

     

     

              ‘ถุงนี้ฝากแช่ตู้เย็นด้วยนะครับอึนจี’

     

     

              ‘ถุงนี้ฝากแช่ตู้เย็นด้วยนะครับอึนจี’

     

     

              ‘ถุงนี้ฝากแช่ตู้เย็นด้วยนะครับอึนจี’

     

     

              ‘ถุงนี้ฝากแช่ตู้เย็นด้วยนะครับอึนจี’

     

     

     

     

     

              “เอ่อ พี่ พี่ลืมไว้ที่ตู้เย็นที่– .. จินยองอ่า..”

     

              สีหน้าของจินยองมีความตกใจแทรกเข้ามาเล็กน้อยตอนที่หันกลับมาแล้วเห็นสภาพของแจบอมที่คาดผมเปิดหน้าผากแต่แล้วก็กลับไปบึ้งตึงเหมือนเดิม แจบอมถอนหายใจกับความโง่ของตัวเอง พาดผ้าขนหนูในมือไว้กับบ่าก่อนจะเดินตามจินยองที่ตอนนี้เดินงอนหนีออกมาที่ห้องนั่งเล่น

     

              “พี่ขอโทษ จินยองครับ” แจบอมพูดเสียงอ่อน ก่อนจะต้องงุนงงเมื่อเห็นว่าจินยองเดินไปที่หน้าประตูห้องอย่างรวดเร็ว “จินยอง จินยองจะไปไหน เดี๋ยวก่อนสิ!”

     

              ปัง! ประตูปิดไปแล้วยังไม่ทันที่แจบอมจะได้ตั้งตัว ร่างสูงจึงรีบวิ่งตามออกไปและก็เห็นจินยองเพิ่งเดินเข้าลิฟท์ แจบอมไม่รอช้าที่ยกแขนขึ้นแหวกประตูลิฟท์และเข้าไปยืนอยู่ข้างๆจินยองที่เอาแต่ยืนหน้านิ่งกดปุ่มปิดรัวๆ อย่างไม่สนใจ

     

              “จินยอง จินยองจะไปไหน พี่ขอโทษ” ในขณะที่ลิฟท์กำลังลงไปเรื่อยๆแจบอมก็หันไปพูดเสียงเครียด ไม่คิดว่าก่อนว่าเรื่องไอศครีมจะทำให้จินยองโมโหจนถึงกับจะหนีออกมาแบบนี้เพราะเมื่อเทียบกับกรณีอื่นๆ ที่เคยผ่านมา แจบอมคิดว่าพวกเรื่องเครื่องครัวกับลืมตากผ้านวมที่เคยเกิดขึ้นมันยังเป็นเรื่องใหญ่กว่าด้วยซ้ำ

     

              “จินยอง–” ลากเท้าเดินตามอีกคนที่เดินปึงปังออกไปนอกลิฟท์แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อก้มมองดูเท้าตัวเอง ...สลิปเปอร์ลายอียอร์สีฟ้าอ่อนที่ลืมเปลี่ยนก่อนออกมากับเสียงผู้คนในล็อบบี้ของคอนโดที่ดังเข้ามาในโสตประสาทเรียกความหน้าอับอายให้มารวมตัวที่แจบอมและระเบิดพร้อมกันภายในเสี้ยววินาทีได้ไม่ยาก

     

              แต่จินยองกำลังเดินไปที่มินิมาร์ทที่อยู่ตรงหน้า.. แจบอมจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากก้าวขาเดินตามคนรักไป ถึงอย่างนั้นพอเห็นว่าจินยองของเขาลืมเปลี่ยนรองเท้าเหมือนกันก็อุ่นใจ แจบอมรีบเร่งฝีเท้าไปเดินเคียงข้างเพราะกลัวจินยองจะอายด้วยถ้าต้องใส่สลิปเปอร์ลายทิกเกอร์สีส้มเดินอยู่คนเดียว

     

              “อะไรของพี่แจบอมเนี่ย?”

     

              จนลืมคิดไปเสียสนิทว่าจินยองจะอายมากกว่าไหม..ถ้าต้องอยู่ข้างๆ ผู้ชายตัวโตสวมเสื้อยืดสีซีดกางเกงวอร์มย้วยๆกับสลิปเปอร์ลายตัวการ์ตูน แถมยังคาดผมเปิดหน้าผากอีก

     

              “หืม?”

     

              “คาดผมอะไร น่าเกลียด เอาออก” การพูดด้วยกับคนที่กำลังโกรธอยู่ถือเป็นการเสียฟอร์มอย่างหนึ่งทว่าเพียงเห็นสารรูปของคนรักจินยองก็ทนไม่ไหว 

     

              พี่แจบอมกล้าเดินตามออกมาได้ยังไง ตั้งแต่หัวจรดเท้า จินยองเห็นแล้วยังรู้สึกเจ็บปวดแทนทว่าเจ็บยิ่งกว่าเมื่อแจบอมเอาที่คาดผมออกตามที่จินยองบอก เส้นผมสีดำสนิทชี้ฟูอยู่สองวินาทีก่อนจะสปริงตัวลงมา ความยาวที่ที่ปิดถึงตาทำให้ดูน่ากลัว และยิ่งแจบอมพยายามจะแสกกลางปัดผมออกไปข้างๆมันก็ยิ่งดูแย่

     

              จินยองถอนหายใจใส่ก่อนจะเข้าไปในมินิมาร์ท แจบอมเดินตามไปแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากมายอีกเมื่อเห็นว่าจินยองตรงไปที่ตู้แช่ที่อยู่มุมในสุดของร้านและหยิบไอศครีมรสช็อคโกแลตถ้วยโตออกมา

     

              “พี่– พี่ลืมเอากระเงินลงมา” ระหว่างที่กำลังต่อคิวที่ยาวยืดแจบอมก็คลำๆดูที่กระเป๋ากางเกงตัวเองพร้อมกับพูดเสียงอ่อน จินยองจึงยื่นแบงค์ใบเดียวในมือตัวเองให้ดูก่อนจะต้องจิ๊ปากอย่างขัดใจเมื่อเห็นว่าคนตัวสูงต้องคอยยกมือขึ้นมาปัดผมตัวเองตลอด

     

              “คาดผมเหมือนเดิมเหอะ” ถึงมันจะแย่ แต่ก็ดีกว่าแบบนี้มากจริงๆ แจบอมก็รีบพยักหน้าอย่างว่าง่ายและจัดการทำตามที่จินยองบอก

     

              “อ่อ โอเค– อึ้ก!”

     

              ...........................

     

     

     

     

     

     

     

              เสียงสะอึกที่ดังขึ้นมาทำให้คนที่ต่อแถวอยู่หันขวับมามองเป็นจังหวะเดียวกัน 

     

     

     

     

     

     

              จินยองก้มหน้าลงมองพื้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย ปากเม้มแน่นกลั้นขำอย่างแรงเพื่อรักษาหน้าของคนรักแม้เจ้าตัวจะทำมันพังไปหมดทั้งด้วยการกระทำและสารรูปที่เป็นอยู่ แจบอมยกมือขึ้นพร้อมกับก้มศีรษะลงน้อยจะเอ่ยขอโทษผู้คนที่เขาทำให้ตกใจทว่าพออ้าปากได้แค่นิดเดียวเสียงสะอึกก็ดังขึ้นมาอีกรอบ

     

              “ออกไปข้างนอกไป” จินยองกระซิบบอกเสียงเบาพร้อมกับไล่แจบอมออกไปข้างนอก แจบอมก็ไม่รอช้าที่จะทำตามและต่อให้จินยองไม่บอกแจบอมก็อยากจะขอตัวออกมาก่อนอยู่แล้วเพราะไม่อยากทำให้จินยองต้องอับอายต่อหน้าคนในมินิมาร์ทซึ่งก็คือคนที่พักอยู่ในคอนโดนี้กับการที่เขายืนส่งเสียงอึ้กๆ อยู่ข้างใน

              

     

              

     

     

     

              ยืนรออยู่ข้างนอกนั้นไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับแจบอม ทว่าเวลาที่ผ่านไปนานจนผิดปกติทำให้เขาขมวดคิ้ว เพราะเมื่อครู่จินยองอยู่เป็นคิวที่สี่จนถึงตอนนี้ก็น่าจะจ่ายเงินเสร็จแล้วแต่จินยองกลับยังไม่ออกมาเสียที 

     

              แจบอมชะโงกมองดูผ่านผนังกระจกก็ต้องแปลกใจที่เห็นอีกคนต่อแถวใหม่ อยากจะเดินเข้าไปหาข้างในแต่อาการสะอึกรุนแรงที่มีอยู่ก็ยังไม่หายไปไหน ตอนนี้แจบอมไม่กล้าแม้แต่จะอ้าปากเพราะกลัวเสียงอึ้กๆ จะหลุดออกมา ได้แต่ยืนอยู่ในสภาพที่น่าอายให้คนที่เดินผ่านเข้าออกมินิมาร์ทหันมองด้วยความขบขัน สงสัยและหวาดกลัว

     

     

              และในที่สุดจินยองก็เดินออกมา แจบอมเห็นแล้วก็ยิ้มกว้างก่อนจะส่งเสียงเรียกไปอย่างลืมตัว

     

     

              “จินยอ– อึ้ก!” 

     

     

              เด็กสาวตัวน้อยที่มากับแม่และกำลังจะเดินสวนกับจินยองที่หน้าประตูมินิมาร์ทหันมามองอย่างตกใจกับเสียงสะอึกของแจบอมพร้อมกับยู่หน้ามองอย่างรังเกียจ 

     

              “แม่ขาลุงเค้าเรอ” มือเล็กชี้ไปที่หน้าแจบอมในขณะที่อีกข้างนั้นสะกิดแขนคนเป็นแม่ยิกๆ

              “ไม่ใช่นะลูก พี่เขาแค่สะอึกแรง ไม่ชี้แบบนั้นด้วย”

     

              ผู้เป็นแม่หันมาก้มศีรษะขอโทษแจบอมก่อนจะพาลูกสาวเธอเดินเข้ามินิมาร์ทไป จินยองได้แต่ก้มหน้ากลั้นขำด้วยความสงสารแฟนตัวเองในขณะที่แจบอมได้แต่ยืนหน้าเสียอยู่เงียบๆ 

     

              จินยองเดินมายืนอยู่ข้างๆ แจบอม ยังคงเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นยิ้ม คล้องถุงของที่เพิ่งซื้อไว้กับแขนตัวเองก่อนจะหยิบน้ำเปล่าขวดเล็กออกมายื่นให้

              

              “อ่ะ”           

     

              “หืม? – อึ้ก!”

     

              จินยองกลั้นขำจนหน้าแดง ก่อนจะพยายามควบคุมเสียงให้นิ่งแล้วพูด

     

              “กลั้นหายใจดื่มน้ำสามอึก แล้วก็ก้มหน้าลงซักพัก”

     

              แจบอมสะอึกอีกหนึ่งครั้งก่อนจะยิ้มจนตาปิดให้กับคำพูดของตัวเองที่ใช้บอกจินยองไปเมื่อตอนบ่าย รับขวดน้ำมาเปิดออกแล้วทำตามวิธีที่ว่า หลังจากเงยหน้าขึ้นมาแล้วก็ใช้เวลาสิบวินาทีในการเช็คจังหวะการหายใจของตัวเอง พอได้มั่นใจว่าอาการสะอึกหายไปแล้วก็ยิ้มกว้าง แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรกับคนที่ยืนอยู่ข้างๆ แจบอมก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน เมื่อเห็นว่าไอศครีมถ้วยใหญ่ที่จินยองเลือกมาในตอนแรกกลับถูกเปลี่ยนเป็นถ้วยเล็กนิดเดียว 

     

              และอาจเป็นเพราะเขาจ้องถ้วยไอศครีมในมือนั้นนานไปนิด จินยองจึงหันกลับมาเอียงคอมองเขาอย่างสงสัยพร้อมกับช้อนพลาสติกคันเล็กที่คาอยู่ที่ปาก

     

              “อยากกินหรอ”

     

              “หือ?”

     

              “อ่ะ”

     

              ไอศครีมที่ถูกตักขึ้นมาเต็มช้อนจ่อไว้อยู่ที่ปากทั้งที่แจบอมยังไม่ได้พูดอะไรสักคำทว่าเขาก็รับของหวานเย็นๆ เข้าปากไปทันทีที่ได้ยินเสียงบ่นว่าทำไมไม่รีบกินเดี๋ยวมันก็ละลาย 

     

              

              “ทำไมจินยองไม่ซื้ออันนั้นล่ะ” แจบอมถามขึ้นหลังจากที่อ้าปากรับไอศครีมที่จินยองป้อนไปยิ้มไปอยู่หลายคำจนกระทั่งใกล้จะหมดถ้วย เพราะไอศครีมที่จินยองซื้อมานั้นคนละยี่ห้อกับที่เลือกมาในตอนแรก แจบอมจำได้ว่าจินยองเคยบอกว่าในบรรดาไอศครีมแบรนด์ตามร้านค้ายี่ห้อนั้นที่จินยองเลือกตอนแรกจะอร่อยกว่าอันอื่นๆ จึงเป็นเรื่องน่าแปลกใจที่คนที่ชอบเก็บรายละเอียดในเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบจินยองเลือกมากินอันนี้แทนทั้งที่ก็มีตัวเลือกที่ดีที่สุด

     

              ทว่าคำตอบของคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาตักทุกหยดทุกคำของไอศครีมที่เหลือติดอยู่ตามขอบถ้วยก็คลายความสงสัยของแจบอมได้หมดแล้วก็ทำให้แจบอมต้องเมื่อยหน้าเพราะหุบยิ้มไม่ได้

     

     

              “ก็ถ้าซื้อไอติมถ้วยนั้นเงินจะไม่พอค่าน้ำเปล่า”

     

     

              ถึงแม้คำพูดต่อๆมาจะเกี่ยวกับเหตุการณ์สะอึกที่น่าอับอาย สลิปเปอร์ที่ลืมเปลี่ยน ทรงผมที่น่าขายขี้หน้า และเรื่องที่แจบอมลืมไอศครีมไว้ในตู้เย็นที่ออฟฟิศ แจบอมก็ยังคงฟังจินยองไปพูดตอบไปและยิ้มไป

     

     

     

     

     

     

     

     

              แล้วอยู่ๆ เขาก็นึกถึงวันนี้ตอนไปกินข้าวกับคุณคิม... ถึงแจบอมจะไม่ค่อยฉลาด(ในเรื่องพวกนี้)นักแต่เขาก็ดูออกไม่ยากเลยว่าคุณคิมสนใจเขา ด้วยแววตา คำพูด และการบีบมือไม่เบาตอนเชคแฮนด์ ทว่าแจบอมก็รู้ว่าคุณคิมนั้นติดใจเพียงแค่ภาพลักษณ์ที่แจบอมสร้างขึ้นมา ภาพลักษณ์ของการเป็นลูกชายประธานบริษัทที่ต้องดูดีและน่าเชื่อถือ

     

     

              แจบอมหันมองตัวเองที่ผนังกระจกของมินิมาร์ทที่พอจะสะท้อนภาพเขาในตอนนี้ให้เห็นได้ลางๆ แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างทุเรศและตลกตัวเองไปพร้อมๆกันก่อนจะหันมาที่คนข้างตัวที่เพิ่งจะโยนถ้วยไอติมทิ้งลงถังขยะไว้ สงสัยไม่น้อยเมื่อเห็นจินยองมองกลับและยืนยิ้มขำอยู่โดยไม่พูดไม่จาอะไร

     

              “ตอนที่เด็กผู้หญิงคนนั้นเห็นพี่แจบอม เค้าทำหน้ายังไงนะ” จินยองถามขึ้น แจบอมหลุดขำออกมาแล้วก็เลียนแบบเด็กผู้หญิงคนที่กล่าวหาว่าเสียงสะอึกของเขาเป็นเสียงเรอด้วยการยู่หน้าเข้าหากันพร้อมกับอ้าปากหวอ 

     

     

              จินยองยกนิ้วขึ้นชี้หน้าเขาก่อนจะขำออกมาเสียงดังอย่างลืมตัว แจบอมก็เช่นกัน ในเวลาแบบนี้ที่มีคนยังเดินเข้าออกมินิมาร์ทกันให้ควักพวกเขาสองคนคงดูเหมือนคนบ้าที่ยืนสวมสลิปเปอร์ลายตัวการ์ตูนและหัวเราะกันไม่หยุด และถึงแจบอมจะรู้ตัวว่าตอนนี้เขาดูน่าอายมากแค่ไหน แจบอมก็ไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น

     

     

     

              การได้อยู่กับจินยองทำให้แจบอมยิ้มได้เสมอ ยิ้มโดยที่ไม่ต้องแคร์ว่าตัวเองจะเป็นยังไง เพราะต่อให้เขาจะทำตัวเสล่อแค่ไหน ไม่ว่าใครจะมองยังไง 

     

     

     

              จินยองก็ยังยืนอยู่ข้างๆและพร้อมจะมีความสุขไปกับพี่แจบอมที่เป็นแค่ผู้ชายโง่ๆเซ่อๆคนนึงเท่านั้น

     

     

     

              

              

     

              

     

              

     

    เธอมาทำให้เวลาแห่งรักสวยงามทุกวัน

    หัวใจฉัน

    จะมีแต่เธอ

     

     

     

     

     

     

    The best gift of my life

    is to be with YOU.

     

     

     

    FIN

     
     
     
     
     
     
    talk.
    เขียนไปเขียนมานี่คิดว่าตัวเองเป็นเลขาคุณอิม......5555555
     
    ไม่ได้เขียนฟิคแบบนี้มาเป็นเดือน ถ้ามันแปลกๆก็ขอโทษด้วยน้า
    ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ค่ะ ♥

     
    #ฟิคพี่ปมคนโง่ / #วนบน

     

     

    。SYDNEY♔
    อบคุณธีม <3
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×