ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [sf/os] smiles and tears ; Chanbaek

    ลำดับตอนที่ #1 : Start | Happy New Year

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.67K
      75
      4 เม.ย. 60

    ;เราเข้ามาแก้แท็กค่า;

    Start
    Happy New Year

     

     

                อุณหภูมิที่ลดลงเรื่อยๆในช่วงหัวค่ำ ในฤดูหนาว ควันที่ออกจากจมูกยามหายใจ เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความหนาวได้ดี ร่างเล็กที่นั่งอยู่บนชิงช้าตัวเล็กในสนามเด็กเล่นที่ตอนนี้ปราศจากผู้คนกำลังถูฝ่ามือไปมาเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย ถึงแม้จะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไร

     

                เพิ่งจะเลยเวลานัดมาแค่หนึ่งชั่วโมงเอง ร่างเล็กคิดในใจ มือเรียวหยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองมากดปลดล็อคแล้วเข้าไปในแชทล่าสุดที่คุยค้างไว้

     

                ‘ติดประชุมด่วน รอแป๊ปนึงนะครับ พี่จะรีบไป

     

                ก็ในเมื่อเขาบอกจะมา แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะไม่รอ ถึงแม้อากาศมันจะหนาวมากๆก็ตามที ใจจริงอยากไปซื้อโกโก้ร้อนที่มินิมาร์ทที่ตั้งอยู่หัวมุมถนน แต่ก็กลัวว่าถ้าตัวเองไป แล้วคนที่เขารอมาพอดี มันจะคลาดกัน อีกไม่นานเดี๋ยวเขาก็มาแล้วล่ะ ทนหนาวเอาหน่อยแล้วกัน

     

                ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง ก็ยังไม่มีวี่แวว ขาเล็กๆเริ่มก้าวเดินไปมา เพื่ออบอุ่นร่างกาย ปากบางยกยิ้มเมื่อนึกภาพตอนที่เจอกัน สองอาทิตย์กับการไม่ได้เจอหน้ากันเลย ได้ยินแค่เสียงผ่านโทรศัพท์เพียงชั่วครู่เท่านั้น เพราะอีกฝ่ายเป็นถึง CEO บริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ คงไม่มีเวลาว่างมากนัก

     

    “แบคฮยอน” ชายร่างสูงหุ่นดีเอ่ยเรียกคนที่เอาแต่เดินไปเดินมา ร่างบางหันไปทางต้นเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นคนที่ตนกำลังรอ ก็ยิ้มกว้างแล้วก้าวขาเข้าไปสวมกอดอย่างแรง

     

    “แบคฮยอนคิดถึงพี่ชานยอลจังเลย” พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน หัวเล็กๆซุกไปที่ไหล่กว้างราวกับหาความอบอุ่นให้ร่างกาย

     

    “พี่ชานยอลก็คิดถึงแบคฮยอนครับ” คนตัวสูงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น “ไหนดูซิ หนาวขนาดนี้ทำไมยังอยู่ที่นี่อีก มือเย็นไปหมดแล้ว” มือหนาจับมือขาวซีดของร่างเล็กมากุมไว้ ไออุ่นจากมือคู่นี้ทำให้แบคฮยอนนั้นรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

     

    “ผมกลัวพี่ชานยอลหาไม่เจอ”

     

    “โธ่ โทรศัพท์ก็มี ถ้าพี่ไม่เจอเรา พี่ก็ต้องโทรหาเราอยู่ดี”

     

    “ง่า”

     

    “วันหลังอย่าทำแบบนี้ รู้ไหมครับ ถ้าพี่ยังไม่มาต้องไปหาที่อุ่นๆ ถ้าเราไม่สบายไปจะทำยังไง พี่เป็นห่วงนะรู้ไหม” ร่างสูงกล่าวเสียงเข้มเชิงดุ แต่ก็แฝงด้วยความเป็นห่วง

     

                ร่างเล็กตัวบอบบางกับอากาศหนาวแบบนี้มันไม่ใช่ของคู่กันเลยสักนิด ถึงแม้คนตัวเล็กนี่จะชอบบอกตัวเองแข็งแรงก็เถอะ แต่นั่นเหมือนเป็นคำสาปกลายๆ เพราะทุกครั้งที่พูดว่าตัวเองแข็งแรง วันรุ่งขึ้นต้องป่วยทุกที

     

    “ไม่เป็นไรผมขะ..”

     

    “ไม่เอาครับไม่พูด” นิ้วเรียวยาวแตะเข้าที่ริมฝีปากบางที่ตอนนี้เย็นเฉียบแล้วส่ายหัวเบาๆ “ขึ้นรถเถอะครับ เดี๋ยวพี่พาไปหาอะไรร้อนๆทานนะ”

     

    “ครับ” คนตัวเล็กพยักหน้ารัวๆ มือเล็กๆนั้นสอดเข้าไปประสานมือกับมือหนา ก่อนจะหันไปยิ้มให้แฟนหนุ่ม

     

                แบคฮยอนเป็นเพียงนักศึกษาจากต่างจังหวัดที่เข้ามาเรียนในโซล ที่เพิ่งจะอยู่ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยโซลเท่านั้น ใช้ชีวิตเหมือนนักศึกษาคนอื่นทั่วไป เที่ยว เล่น ไปเรียน จนกระทั่งมาเจอกับ ปาร์คชานยอล CEO บริษัทค่ายยักษ์ใหญ่ อายุเข้าใกล้เลข 3 เต็มที โดยบังเอิญ หรือจะเรียกว่าพรหมลิขิตก็ไม่รู้ กับการที่แบคฮยอนโดนรถของ CEO หนุ่มคนนี้เฉี่ยวเอาจนขาหัก ซึ่งไม่แน่ใจนักว่าเฉี่ยวหรือชนกันแน่ แต่ดีที่แค่ขาหัก อ่า อาจจะไม่ดีเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าเจ็บหนัก เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น เด็กต่างจังหวัดที่ใช้ชีวิตคนเดียวในโซลต้องลำบากมากแน่ๆ ในใจแบคฮยอนคิดว่ามันเป็นวันที่แย่ที่สุด แต่แล้วความคิดก็เปลี่ยนไปเมื่อ ปาร์คชานยอลเอ่ยปากจะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลทุกอย่าง

     

                ตั้งแต่วันนั้น CEO หนุ่มก็คอยไปรับไปส่งแบคฮยอนไปกลับมหาลัยและหอพักตลอด บางวันที่ไม่ได้มาก็จะส่งคนมาแทน จนแบคฮยอนรู้สึกเกรงใจ จนลืมไปว่าเขาเป็นคนที่ทำให้แบคฮยอนเป็นแบบนี้ แต่เมื่อแบคฮยอนหายดีแล้ว ปาร์คชานยอลก็ยังคงไปรับไปส่ง ทำให้แบคฮยอนแปลกใจไม่น้อย ถึงแม้จะเอ่ยถาม แต่ก็ได้รับคำตอบเป็นรอยยิ้มเล็กๆกลับมาแทน ทำให้เด็กหนุ่มคนนี้ล้มเลิกความคิดที่จะถามและเลิกตั้งข้อสงสัย

     

                มันคงจริงที่ว่า รักแท้แพ้ใกล้ชิด ยิ่งมีช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันบ่อยๆ มันก็ก่อเกิดเป็นความรู้สึกดี จนกลายเป็นความรัก ถึงแม้แบคฮยอนจะกังวลเรื่องที่ตนกับชานยอลนั้นอายุห่างกันตั้ง 10 ปี แต่ชานยอลนั้นไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย

     

                ‘ต่อให้พี่กับแบคฮยอนห่างกันเป็น 20 ปี พี่ก็รักครับ

     

                คำพูดของชานยอลที่พร่ำบอกเขาอยู่เสมอ มันทำให้ใจเต้นแรงทุกครั้งที่นึกถึง สุดท้ายแบคฮยอนก็ตกลงเริ่มความสัมพันธ์กับชานยอล เพราะเชื่อใจ CEO หนุ่มคนนี้ ว่าจะไม่ทำให้ตนเสียใจ ถึงแม้เขาสองคนจะเป็นแฟนกันได้เพียง 2 เดือน แต่ทุกอย่างที่ชานยอลทำ ความรัก ความจริงใจที่ชานยอลมอบให้ มันเหมือนคนที่รักกันมาเป็นสิบๆปี นั่นถือว่าเป็นเรื่องดีๆในความสัมพันธ์ แต่ช่วงหลังมานี้ ชานยอลงานเยอะมากขึ้น ทำให้พวกเขาต้องห่างกัน แต่ชานยอลก็ยังหาเวลามาเพื่อพบเจอเขาให้ได้ เหมือนกับวันนี้

     

    “เหนื่อยไหมครับพี่ชานยอล” แบคฮยอนถามไปพลาง นวดขมับให้กับคนบนตักไปพลาง

     

    “เหนื่อยครับ แต่พอเจอหน้าแบคฮยอนแล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย” ชานยอลลืมตามองคนตัวเล็ก คนที่ทำให้ตนรู้สึกดีได้ไม่ว่าจะทำงานมาเหนื่อยแค่ไหน

     

                ตอนนี้ทั้งสองอยู่ที่หอพักของแบคฮยอน ถึงแม้ห้องมันจะเล็กไปหน่อย แต่ CEO หนุ่มก็ชอบที่จะมาที่นี่เสมอ ได้มาอยู่กับแบคฮยอน ไม่ว่าจะที่ไหน ชานยอลก็ชอบทุกที่

     

    “ปีใหม่นี้อยากไปเที่ยวไหนไหมครับ”

     

                อ่า จริงสิ นี่ก็เข้าเดือนธันวาแล้ว อีก 20 กว่าวันก็จะขึ้นปีใหม่ และวันนั้นยังเป็นวันครบรอบของทั้งคู่ด้วย แบคฮยอนเอาแต่ยิ้ม เขาไม่กล้าที่จะพูดว่าอยากไปไหน เพราะเขารู้ ว่าผู้ชายบนตักนั้นงานเยอะ และไม่ค่อยมีเวลาเสียเท่าไหร่

     

    “ผมอยากไปทุกที่ที่มีพี่ชานยอล”

     

    “เราไปเที่ยวต่างประเทศกันไหม”

     

    “แล้วงานพี่--”

     

    “พี่จะพยายามเคลียร์ให้เสร็จก่อนปีใหม่ครับ” ยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นมานั่ง จ้องเข้าไปดวงตาใสๆแล้วใช้ก้านนิ้วเกลี่ยแก้มขาวเบาๆ “ไม่ต้องห่วงนะครับ ปีใหม่เราจะได้อยู่ด้วยกัน พี่สัญญา”

     

                แบคฮยอนไม่ได้ตอบอะไร ร่างเล็กขยับเบียดตัวเข้าหาร่างสูงแล้วใช้แขนเรียวๆโอบลำคอแกร่งแล้วซุกหน้าบนไหล่ลาดนั่น

     

    “อยู่กับพี่แล้วผมมีความสุขที่สุดเลย”

     

     

                หลังจากวันนั้นมาอีก 2 อาทิตย์ แบคฮยอนกับชานยอลก็ไม่ได้เจอกันเลย และเหตุผลก็คงไม่พ้นที่ว่า ชานยอลงานยุ่งจนหาเวลาปลีกตัวออกมาเจอแบคฮยอนไม่ได้เลย ดังนั้นวันนี้ แบคฮยอนจึงเป็นฝ่ายมาหาถึงที่บริษัท จริงๆเขาก็ไม่เคยมาที่นี่หรอก เคยแค่ผ่านๆ แล้วชานยอลชี้ให้ดู ว่าทำงานที่นี่

     

                แบคฮยอนเดินเข้าไปอย่างเงอะๆงะๆ สายตาเหลือบมองไปรอบๆ ที่นี่ใหญ่เหมือนกันแฮะ มันใหญ่จนแบคฮยอนเดินไปไม่ถูก ร่างเล็กหยุดยืนแล้วชั่งใจว่าจะโทรหาคนตัวสูงนั้นดีหรือเปล่า แต่ก็เกรงว่าจะไปรบกวนการทำงาน คิดดังนั้นจึงเปลี่ยนแผนกะทันหัน ไว้เจอวันที่พี่ชานยอลว่างก็ได้

     

    “แบคฮยอน” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับคนร่างสูงเดินมาหยุดตรงหน้า

     

    “คุณจื่อเทา..”

     

                จื่อเทา เลขาของชานยอล ที่แบคฮยอนรู้จักก็เพราะคนตัวสูงคนนี้แหละที่คอยไปรับไปส่งแบคฮยอนช่วงที่ตนขาหักและชานยอลไม่ว่าง จื่อเทามองแบคฮยอนอย่างสงสัยว่ามาทำอะไรที่นี่ แบคฮยอนจึงบอกเหตุผลให้คนตรงหน้ารู้ จื่อเทาจึงบอกให้ไปนั่งรอที่ห้องรับรองก่อน

     

                จื่อเทาพาแบคฮยอนมายังห้องรับรอง ซึ่งรอบข้างเป็นกระจกใส ระหว่างทางเดินมาก็มีแต่คนเอ่ยปากถามว่าเขาเป็นใคร คุณเลขาตัวสูงก็ตอบไปเพียงว่าเป็นแขกของชานยอล จื่อเทายังไม่รู้ความสัมพันธ์ของชานยอลกับแบคฮยอนว่าไปถึงขั้นไหน เพราะเจ้านายของตนก็ไม่ได้เล่า แต่ท่าทางจะพิเศษน่าดู คอยตามรับส่งแบบนั้น

     

    “รับกาแฟไหมครับแบคฮยอน”

     

    “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ” ร่างเล็กยิ้มหวานให้คุณเลขา จื่อเทาพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกจากห้อง แต่ก็ไปเพียงไม่นาน จื่อเทาก็เดินกลับมาพร้อมแก้วใบเล็กใบหนึ่ง

     

    “ดื่มชาแทนแล้วกันนะครับ ถ้าคุณชานยอลรู้ว่าผมไม่ได้เสิร์ฟอะไรให้แบคฮยอนเลยเขาคงจะไม่พอใจ” จื่อเทาไม่ปล่อยให้ร่างเล็กมองตนอย่างสงสัย ก็พูดเหตุผลที่นำชามาให้

     

    “อ่า..ขอบคุณนะครับ”

     

    “รออีกสักครู่นะครับ คุณชานยอลคงใกล้เข้ามาแล้วล่ะครับ เพราะออกไปแต่เช้าแล้ว”

     

    “ครับ”

     

                แล้วแบคฮยอนก็ถูกปล่อยให้อยู่ในห้องรับรองคนเดียวอีกครั้ง มือเรียวยกแก้วชาขึ้นมาจิบ รู้สึกเกร็งๆเมื่อถูกสายตาของคนในบริษัทที่อยู่ภายนอกจ้องเข้ามา อาจจะเป็นเพราะไม่คุ้นหน้าเขา และยังเป็นแขกของ CEO ของบริษัทนี้ด้วย

     

                แบคฮยอนพยายามไม่สนใจสายตาที่มองมา เขาพยายามมองนู่นมองนี่เพื่อหาที่วางสายตา แต่ดวงตาใสก็ต้องหยุดมองหา เมื่อเห็นว่าคนที่ตนมาพบกำลังเดินมา..

     

     

                กับใครอีกคน

     

                เขาอยากจะคิดว่าคนข้างกายแฟนหนุ่มของเขาเป็นเพียงพนักงานบริษัทธรรมดา แต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้เขาคิดไม่ได้ ถ้าเป็นพนักงานธรรมดาคงไม่เกาะแขนกันแบบนั้น คงไม่ส่งสายตาให้กันแบบนั้น และคงไม่ยิ้มให้กันแบบนั้น ความจริงแบคฮยอนควรจะพาตัวเองออกจากห้องนี้แล้วไปทักทายคนที่ตนมาหา แต่เขาก็กลับนั่งนิ่ง แล้วมองทั้งคู่เดินผ่านห้องรับรองนี้ไป โดยไม่สังเกตเลยว่ามีคนนั่งอยู่ในนั้น

     

                มือเรียวสอดประสานกันวางไว้บนโต๊ะ ฟันกระต่ายน่ารักขบลงที่ริมฝีปากล่างอย่างไม่ตั้งใจ คิ้วเข้มที่เกิดจากการเขียนขมวดติดกัน แต่ก็ต้องเงยหน้าขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่ามีใครเข้ามาในห้อง ตอนแรกนึกว่าจื่อเทาจะเข้ามาตาม แต่กลับเป็นผู้ชายตัวขาวยืนยิ้มโชว์ลักยิ้มบุ๋มอยู่

     

    “คุณเป็นแขกของคุณชานยอลสินะครับ”

     

    “อ่า..ครับ” แบคฮยอนลุกขึ้นเพื่อที่จะทักทายคนตรงหน้า

     

    “ผมจางอี้ชิงครับ”

     

    “ผมบยอนแบคฮยอนครับ”

     

    “คือจื่อเทารีบออกไปทำธุระให้ท่านประธานข้างนอกกะทันหันน่ะครับ เลยสั่งให้ผมมาดูแลคุณจนกว่าคุณชานยอลจะมา ซึ่งตอนนี้เขาก็มาแล้ว”

     

    “อ่าครับ”

     

    “แต่ดูเหมือนว่าคุณยังไปพบตอนนี้ไม่ได้นะครับ นั่งรออีกสักพักนะ”

     

    “เอ่อ..คุณอี้ชิง” เสียงเล็กเอ่ยเรียกคนตรงหน้าไว้เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะก้าวออกจากห้อง

     

    “ครับ?”

     

    “คือ..ผมถามได้ไหม ว่าคนที่มากับพี่..เอ่อ มากับคุณชานยอลคือใคร”

     

    “อ๋อ คนนั้นน่ะเหรอ คุณซอฮยอนน่ะครับ”

     

    “ซอฮยอน” แบคฮยอนเอ่ยทวนชื่อเบาๆ

     

    “เป็นเลขาคนเก่าของคุณชานยอลน่ะครับ”

     

    “อ๋อ..” ร่างเล็กพยักหน้าเมื่อรู้ในสิ่งที่ตนสงสัย

     

    “แล้วก็เป็นแฟนเก่าของคุณชานยอลน่ะ”

     

    “...” แต่ประโยคถัดมา ก็ทำให้แบคฮยอนพูดไม่ออก มือเล็กๆเริ่มชื้นเหงื่อ ในใจโหวงๆแปลกๆ

     

    “แต่ไม่รู้จะเรียกว่าแฟนเก่าได้อีกนานแค่ไหน”

     

    “?”

     

    “เหมือนว่าจะรีเทิร์นหรืออะไรไม่รู้ เห็นว่าช่วงนี้ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย” ยิ่งอี้ชิงพูด มันก็เหมือนมีดที่บาดลงกลางใจของแบคฮยอน

     

    “อ่า..เหมาะสมกันดีนะครับ” แบคฮยอนพูดไปตามที่ได้เห็น สองคนนั้นอยู่ด้วยกัน มันเหมือนเป็นอะไรที่ลงตัว ถึงแม้เขาจะเห็นเพียงแค่สองคนนั้นเดินผ่านไปเท่านั้น

     

    “ครับ ช่วงที่คบกันคุณชานยอลก็รักคุณซอฮยอนมากนะครับ คุณซอฮยอนมีความสำคัญกับคุณชานยอลมากๆเลย คบกันมาก็นาน แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเลิก ถ้ากลับมาคบกัน คงเป็นที่พึงพอใจของใครหลายๆคน”

     

    “...” จางอี้ชิงยังคงพูดต่อไป โดยไม่ได้สนใจเลยว่าคนตัวเล็กนี่อยากฟังไหม

     

    “อ่า..ผมนี่มาพูดจาไร้สาระให้คุณฟังก็ไม่รู้ เอาเป็นว่าถ้าคุณชานยอลกลับผมจะมาเรียกนะครับ”

     

    “ไม่เป็นไรครับ ผมนึกได้ว่ามีธุระ ไว้วันหลังเดี๋ยวผมเข้ามาใหม่”

     

    “อ่ะ..”

     

    “ขอตัวนะครับ” แบคฮยอนโค้งให้คนตรงหน้าก็จะรีบเดินออกจากห้องรับรอง

     

                ร่างเล็กค่อยๆก้าวขาเดินออกจากบริษัทนั่น ในมือกำโทรศัพท์แน่น ก่อนจะยกขึ้นมาเพื่อพิมพ์บางอย่าง ส่งไปหาใครบางคน

     

                ‘พี่ชานยอลครับ วันนี้ผมเข้าไปหาพี่ที่บริษัทได้ไหม

     

                แบคฮยอนจ้องหน้าจอโทรศัพท์ เพื่อรอให้ปลายทางตอบกลับ ซึ่งไม่รู้ว่าชานยอลจะมีเวลาอ่านข้อความและพิมพ์ตอบกลับเขามาไหม

     

                ‘ขอโทษนะครับ วันนี้คงไม่สะดวก พี่งานยุ่งมากเลย ไว้วันหลังจะพาแบคฮยอนไปทานข้าวนะครับ

     

                ข้อความได้ถูกส่งกลับมาในเวลาไม่ถึงนาที ดวงตาใสไล่อ่านประโยคที่ได้รับมาประมาณสามสี่รอบได้ ก่อนจะพิมพ์กลับไป

     

                ‘เข้าใจแล้วครับ ตั้งใจทำงานนะครับพี่ชานยอล

     

                เข้าใจแล้วครับพี่ชานยอล เข้าใจแล้วว่าพี่คงไม่อยากให้ผมไปขัดความสุขของพี่กับคนนั้นของพี่

     

                แบคฮยอนพยายามก้าวขาที่หมดเรี่ยวแรงเพื่อไปเรียกแท็กซี่ น้ำตาก็ร่วงหล่นลงมาจากดวงตาใสเม็ดแล้วเม็ดเล่า มือเรียวพยายามปาดน้ำใสๆออกอย่างลวกๆ เพราะน้ำตาที่ไหลลงมามากเกินทำให้บดบังทัศนียภาพข้างหน้าไปหมด

     

     

     

     

                ร่างเล็กนอนซมอยู่บนเตียงเพราะพิษไข้ที่ได้หลังจากผ่านการร้องไห้อย่างหนัก ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจนัก ว่าทำไมถึงได้ร้องไห้หนักขนาดนี้ ในเมื่อก็ยังไม่รู้เรื่องว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ เขาเพียงได้ฟังมาจากปากคนอื่นเท่านั้น แต่ถึงแม้อยากจะฟังจากปากเจ้าตัวมากแค่ไหน แต่คนต้นเหตุของการป่วยครั้งนี้ก็ยังไม่โผล่หน้ามา

     

                แบคฮยอนกำลังจะหลับตาลงอีกครั้งเพราะยังปวดหัวไม่หาย แต่ก็ต้องพยายามยันตัวลุกขึ้นมาอย่างลำบาก เมื่อได้ยินเสียงไขกุญแจที่ประตูหน้าห้อง แต่สุดท้ายก็ต้องล้มตัวลงนอนแบบเดิม เพราะไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย

     

    “แบคฮยอน!” เสียงเอ่ยเรียกชื่อเจ้าของห้องดังขึ้นอย่างร้อนรน ก่อนจะเผยให้เห็นร่างสูงคุ้นตาเดินเข้ามาหาคนตัวเล็กที่นอนหมดสภาพ

     

    “พะ..พี่ชานยอล” เสียงแหบแห้งของเจ้าของห้องพยายามที่จะเรียกคนที่เพิ่งเข้ามาในห้องของตัวเองด้วยกุญแจที่เขาให้ร่างสูงไว้

     

    “อ่า..พี่โทรหาแบคฮยอนตั้งหลายครั้งแต่ไม่ติดเลย ทำไมไม่ไปเรียนครับ ไม่สบายเหรอ” ชานยอลนั่งลงบนเตียงข้างๆร่างเล็กที่นอนอยู่ พร้อมเอาฝ่ามือหนาอังหน้าผากที่มีอุณหภูมิที่อุ่นจนเกือบร้อน

     

    “ขอโทษครับ โทรศัพท์ผมแบตหมด ไม่มีแรงลุกขึ้นมาชาร์จ”

     

    “ทำไมไม่สบายขนาดนี้ครับ แล้วทานยาหรือยัง” ชานยอลถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง เวลาที่แบคฮยอนป่วยช่างน่าสงสาร หน้าที่เคยอมชมพูตอนนี้กลับซีด ริมฝีปากแห้งผาก ทำเอาแฟนหนุ่มอดเป็นห่วงไม่ได้

     

    “...” คนตัวเล็กได้แต่ส่ายหัว ไม่อยากพูดเพราะเจ็บคอ

     

    “รอพี่เดี๋ยวนะครับ พี่จะไปทำข้าวต้มร้อนๆให้ทาน จะได้ทานยา” และเป็นอีกครั้งที่แบคฮยอนได้แต่พยักหน้า

     

                ผ่านไปครึ่งชั่วโมงชานยอลก็ทำข้าวต้มให้เสร็จ เขาป้อนแบคฮยอนที่ไม่มีแรงแม้แต่จะหยิบช้อน ก่อนจะให้ทานยา ชานยอลจัดการนำกะละมังและผ้าขนหนูเพื่อมาเช็ดตัวให้ร่างเล็ก

     

                แบคฮยอนอมยิ้มเมื่อเห็นว่าแฟนหนุ่มของตนนั้นมีท่าทางเป็นห่วงมากแค่ไหน แต่ยิ้มได้ไม่นานก็มีน้ำตาเอ่อล้นมาเมื่อในหัวพลันนึกไปถึงเหตุการณ์ที่ตนเจอที่บริษัท

     

    “ร้องไห้ทำไมครับ ปวดหัวหรอ” ร่างสูงหยุดเช็ดตัวเมื่อเห็นม่านตาใสมีน้ำตา

     

    “เปล่าครับ”

     

    “ห่มผ้าห่มไว้ดีๆนะ ไข้จะได้ลด” ชานยอลกระชับผ้าห่มให้แบคฮยอนก่อนจะลุกไปเก็บกะละมัง

     

                แบคฮยอนนอนมองเพดานตาใสแป๋ว พลางนึกในใจ ว่าเขาควรถามร่างสูงให้รู้เรื่องเลยไหม ตาเหลือบไปมองชานยอลที่เดินตรงมาหาตัวเองแล้วนั่งข้างๆ มือหนาลูบผมร่างเล็กอย่างทะนุถนอม พร้อมกับส่งรอยยิ้มที่แบคฮยอนชอบไปให้

     

    “เมื่อวานผมไปหาพี่ชานยอลที่บริษัทด้วย”

     

    “อ่า..มาทำไมครับ พี่บอกแบคฮยอนแล้วไม่ใช่เหรอว่าพี่ไม่สะดวก”

     

    “ผมไปก่อนที่จะถามพี่ชานยอลน่ะครับ..”

     

    “แล้วทำไมไม่บอกพี่ พี่จะได้ไปหา”

     

    “ผมเห็นว่าพี่ติดธุระ..กับคุณซอฮยอน”

     

    “อ่า ซอฮยอน..แล้วรู้ได้ไงล่ะเรา คนในบริษัทบอกเหรอ”

     

    “ครับ..พี่ชานยอล ผมขอถามพี่ชานยอลอย่างนึงได้ไหม”

     

    “หลายอย่างก็ได้ครับ” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหาเป็นเส้นตรง หายใจเข้าลึกๆก่อนจะเอ่ยถามหลังจากที่ได้รับอนุญาตแล้ว

     

    “คุณซอฮยอนเป็นอะไรกับพี่ครับ”

     

    “...”

     

    “...” ร่างเล็กมองหน้าชานยอลที่นิ่งไป ในใจก็ลุ้นว่าเขาจะตอบอะไรกลับมา จะเป็นอย่างที่แบคฮยอนได้ยินมาไหม

     

    “เป็นเลขาคนเก่าน่ะครับ..”

     

    “...”

     

    “แล้วก็เป็นแฟนเก่าด้วย” ร่างสูงตอบอย่างสบายๆ และไม่ลืมที่จะระบายยิ้มให้คนป่วยด้วย

     

    “สำคัญ..”

     

    “ครับ?” ร่างสูงโน้มหน้าลงมาใกล้คนป่วย เพราะเขาไม่ได้ยินว่าแบคฮยอนพูดอะไร

     

    “เขาสำคัญกับพี่มากไหม”

     

    “สำคัญครับ..แต่นั่นมันในอดีต”

     

    “...”

     

    “ไปได้ยินอะไรมาหรือครับ..แบคฮยอน” แบคฮยอนเบือนหน้าหนี เมื่อได้ยินชานยอลบอกว่าเขาคนนั้นสำคัญ ถึงแม้จะเป็นในอดีตก็ตาม แต่ก็ถูกมือหนาประคองหน้าให้กลับมาจ้องตากันอีกครั้ง

     

    “คุณอี้ชิง..เขาบอกผมว่าคุณซอฮยอนเป็นแฟนเก่าพี่ชานยอลที่พี่รักมากและก็สำคัญมาก”

     

    “ครับ แต่เติมเคยเข้าไปด้วยจะดีมาก เคยรักและเคยสำคัญมาก แต่ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้ว”

     

    “...” เพื่อนกันแล้วทำไมต้องกอดแขนกันแบบนั้น มันเป็นคำถามที่ได้แต่ถามในใจ ไม่กล้าที่จะเอ่ยถามอีกฝ่ายออกไป

     

    “มันเป็นแค่อดีตครับ ตอนนั้นพี่คบเขา พี่ก็รักเขา ส่วนตอนนี้พี่คบแบคฮยอน พี่ก็รักแบคฮยอนครับ” มือหนาลูบใบหน้าขาวซีดนั่นอย่างทะนุถนอม ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มให้เสมอ และไม่มีท่าทางเหมือนคนมีอะไรปิดบังเลยแม้แต่น้อย

     

    “...”

     

    “รู้อะไรไหม พี่น่ะ..คบใครก็คบคนเดียว รักใครก็รักคนเดียว ความรักมีมากแค่ไหน พี่ก็มอบให้แฟนพี่คนเดียว”

     

    “พี่ชานยอล..” แบคฮยอนเอ่ยเรียกคนตรงหน้าด้วยเสียงแหบพร่า พร้อมกับใบหน้าหล่อที่โน้มลงมาใกล้ใบหน้าสวย

     

                ริมฝีปากหนาถูกประทับลงบนหน้าผากมน กดริมฝีปากค้างไว้แบบนั้นก่อนจะผละออกไป

     

    “พี่รักเรานะ”

     

     

     

                หลังจากวันนั้น วันที่ได้ปรับความเข้าใจกัน ก็เป็นเวลาล่วงเลยมาอาทิตย์กว่าแล้ว วันนี้เป็นวันสิ้นปี ที่ชานยอลสัญญากับแบคฮยอนว่าจะไปฉลองปีใหม่ด้วยกันที่ต่างประเทศ แต่สุดท้ายตารางนั้นก็ต้องยกเลิกไป เพราะชานยอลยังทำงานไม่เสร็จ CEO หนุ่มคนเก่งยังคงยุ่งกับงานในบริษัทเหมือนเคย ส่วนแบคฮยอนก็อยู่ในช่วงปิดปีใหม่ จึงไม่ได้ไปเรียน

     

                เพื่อนๆของเขาได้ไปต่างจังหวัดเพื่อเที่ยวปีใหม่ บ้างก็ไปกับแฟน บ้างก็ไปคนเดียว ดังนั้นในวันสิ้นปีแบบนี้ แบคฮยอนจึงต้องอยู่คนเดียว ร่างเล็กเดินเรียบถนนไปเรื่อยๆ มือเล็กสอดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ทสีน้ำตาล เท้าที่สวมรองเท้าบูธสีดำปิดข้อเท้า ย่างเท้าเรื่อยๆอย่างไม่รีบนัก ระหว่างทาง ร้านริมถนนที่เจ้าตัวเดินผ่านต่างเปิดเพลงสำหรับวันสิ้นปี ไฟสีส้มสวยถูกประดับไว้ตามถนน มันยังหลงเหลือกลิ่นอายของคริสต์มาสอยู่เลย

     

                ร่างเล็กเดินไปจนถึงจัตุรัสกลางเมืองที่มีต้นคริสต์มาสใหญ่ตั้งอยู่หลายคนต่างหยิบกล้องมาถ่ายรูป บ้างก็ถ่ายเซลฟี่ แบคฮยอนพยายามเดินหลบเพื่อไม่ให้เข้ากล้อง แต่มีคนถ่ายรูปเยอะเกินไป เขาจึงตัดสินใจเดินเลี่ยงออกมา และเขาก็เริ่มเดินไปเรื่อยๆอีกครั้ง เพื่อรอเวลาที่มีการเคาท์ดาวน์และจุดดอกไม้ไฟที่จะจัดขึ้นที่จัตุรัสกลางเมือง

     

                อย่างน้อยๆก็มีคนร่วมเคาท์ดาวน์ ดีกว่านอนอยู่บ้านคนเดียว ใช่ แบคฮยอนคิดแบบนั้นจึงเลือกที่จะออกมาทนหนาวอยู่ข้างนอก มาพบเจอผู้คนดีกว่าที่จะหมกตัวอยู่แต่ในห้อง ที่แม้จะอุ่น แต่มันกลับเหงาพิกล

     

                ร่างเล็กที่เอาแต่เดินมองพื้นต้องหยุดชะงัก เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นคนที่บอกว่าติดงานกำลังเดินเข้าไปในร้านอาหารหรู โดยมีคนข้างกายกอดแขนเหมือนอย่างที่เขาเห็นในวันที่เขาไปหาชานยอลที่บริษัท

     

                ชานยอลกับซอฮยอนเดินเข้าไปในร้านอาหารหรูที่ถัดออกไปจากที่แบคฮยอนยืนอยู่ประมาณ 3 บล็อก  คนตัวเล็กได้แต่แค่นหัวเราะก่อนจะเงยหน้ามองไปยังท้องฟ้า ที่ตอนนี้มีดวงดาวเต็มไปหมด แต่มันก็เลือนรางเต็มที

     

                น้ำตาค่อยๆเอ่อล้นม่านกลมใส แต่แบคฮยอนก็พยายามเงยหน้าเพื่อไม่ให้มันไหลลงมา เหยียดยิ้มแล้วได้แต่นึกสมสารตัวเอง คนอื่นมีความสุข มีรอยยิ้ม ในวันสิ้นปีแบบนี้ แม้กระทั่งแฟนหนุ่มของเขายังมีความสุขกับคนข้างกายที่ไม่ใช่เขา แต่ทำไมมีเพียงแบคฮยอนคนเดียวที่ต้องมีน้ำตาในวันที่ควรมีแต่รอยยิ้ม

     

    “พี่ชานยอลพี่ทำอะไรอยู่ครับ” แบคฮยอนพยายามทำเสียงให้เป็นปกติกรอกเสียงหวานลงไปในโทรศัพท์ที่ตนเพิ่งกดโทรออกเมื่อครู่นี้

     

    (พี่มีนัดกับบอร์ดบริหารครับ) คำตอบที่แบคฮยอนได้จากแฟนหนุ่ม มันทำให้น้ำตาที่เขาพยายามไม่ให้ไหลลงมาอีกมันก็ไหลลงมาอีกครั้ง

     

    “...”

     

    (แบคฮยอนอยู่ไหนครับ)

     

    “ผมออกมาฉลองกับเพื่อนครับ” แบคฮยอนปั้นคำโกหกคำโตและพยายามข่มเสียงไม่ให้สั่น

     

    (อ่า ฉลองให้สนุกนะครับ ระวังตัวด้วยนะ ไว้พี่คุยงานเสร็จพี่จะโทรหานะครับ)

     

    “ครับ..แฮปปี้นิวเยียร์ล่วงหน้านะครับพี่ชานยอล”

     

    (ครับผม แฮปปี้นิวเยียร์ล่วงหน้าครับ พี่รักเรานะ)

     

    “ครับ ผมก็รักพี่” นิ้วเรียวกดวางสาย มือเล็กกำโทรศัพท์แน่น ปล่อยน้ำตาให้ล่วงหล่นลงมาอย่างไม่คิดที่จะกลั้น

     

                ชานยอลมักจะบอกรักแบคฮยอนอยู่บ่อยครั้ง เขารู้สึกดีอยู่เสมอเมื่อได้ยินคำบอกรักนั่น แต่วันนี้มันกลับทำให้หัวใจดวงเล็กๆนี่ บีบรัดจนเหมือนมันจะแตก เขาไม่ได้รู้สึกดีกับคำบอกรักนั่น เมื่อภาพที่เขาเห็นว่าชานยอลอยู่กับซอฮยอนมันลอยเข้ามาในหัว คำบอกรักนั่นมันมีน้ำหนักมาแค่ไหน ถ้าเทียบความสำคัญ แบคฮยอนที่เป็นแฟนปัจจุบันที่คบไม่กี่เดือน กับซอฮยอนที่เคยเป็นคนที่ชานยอลรักและให้ความสำคัญมาก ใครจะมีความสำคัญมากกว่ากัน

     

                แบคฮยอนเคยจินตนาการไว้ว่าช่วงเวลาที่ได้ฉลองปีใหม่กับชานยอล มันต้องเป็นความทรงจำที่ดีมากๆ มันอาจจะเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่ดี แต่ในวันนี้ แบคฮยอนคงต้องคิดใหม่ ภาพในจินตนาการได้สลายหายไป มันถูกแทนที่ด้วยภาพคนสองคน คนหนึ่งคือแฟนหนุ่มของเขา และอีกคนหนึ่งคือคนที่แฟนหนุ่มของเขาเคยรักมาก ซึ่งตอนนี้ก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ ว่าความรู้สึกนั้นมันยังคงหลงเหลืออยู่หรือเปล่า

     

                แบคฮยอนเลือกที่จะกลับหอพักของตนแทนที่จะอยู่เคาท์ดาวน์อย่างที่ตั้งใจไว้ เมื่อกลับมาถึงห้อง ร่างเล็กก็เอาแต่ซุกหน้าไว้กับหมอนใบโตปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอย่างนั้น อยากจะร้องไห้จนน้ำตาหมด แต่ยิ่งร้อง มันก็เหมือนมีเพิ่มมากขึ้นทุกที

     

    ครั้งนี้คงเป็นครั้งแรก ที่แบคฮยอนเริ่มต้นปีใหม่ด้วยน้ำตา บางคนอาจจะกินข้ามปี บางคนเล่นโซเชียลข้ามปี บางคนนอนข้ามปี แต่สำหรับแบคฮยอนแล้ว เขาร้องไห้ข้ามปี

     

     

     

     

    ร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียงสามฟุตครึ่งหยีตาเมื่อถูกแสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างมา สงสัยเมื่อคืนลืมปิดม่าน แบคฮยอนพยายามลืมตาเพื่อต่อสู้กับความง่วง และอาการปวดตา ผลพวงมาจากที่ร้องไห้เมื่อคืน แต่เมื่อสติของแบคฮยอนกลับมาเต็มร้อย ตาเรียวเสียวลืมตาได้อย่างเต็มตา ก็ต้องตกใจกับสิ่งแปลกประหลาดในห้องตัวเอง

     

    “พี่ชานยอล” แบคฮยอนเอ่ยเรียกคนที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเก้าอี้

     

                ร่างสูงที่สวมแจ็กเก็ตสีดำทับเสื้อขาว มีแว่นกันแดดแบรนด์ดังเสียบไว้ที่คอเสื้อ กางเกงยีนส์สกินนี่สีดำ ที่เข้ากับช่วงขายาวนั่น และมีหมวกใบเก่งที่เจ้าตัวชอบใส่ถูกสวมอยู่บนหัว ข้างๆตัวมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่วางอยู่

     

    “ตื่นแล้วเหรอครับ ไปอาบน้ำครับ วันนี้เราจะไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์กัน” ชานยอลลุกขึ้นยืนเต็มความสูง และก้าวขายาวๆมาหาแบคฮยอนที่นั่งงงอยู่บนเตียง

     

    “เที่ยว..”

     

    “ครับ ตามสัญญา อาจจะช้าหน่อย แต่พี่จะพาแบคฮยอนไปเที่ยวตามสัญญา” ชานยอลฉีกยิ้มกว้างให้

     

                แบคฮยอนเดินเข้าห้องน้ำอย่างไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์นัก เขารีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกมาเพื่อจะจัดเตรียมของ แต่ก็ถูกร่างสูงเอ่ยห้ามไว้ เพราะตนได้จัดกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ชานยอลพาแบคฮยอนออกมาทานอาหารข้างนอก ร้านที่ใกล้ๆกับสนามบิน

     

                ในระหว่างที่รออาหารที่พวกเขาสั่ง สายตาของแบคฮยอนก็เหลือบไปเห็นคนที่ตนคุ้นหน้าเป็นอย่างดี แม้จะเห็นหน้าเพียงแค่สองครั้ง

     

    “ซอฮยอน” แบคฮยอนหันไปหาชานยอลที่เอ่ยเรียกชื่อซอฮยอนพร้อมกับโบกมือให้ เมื่อเจ้าของชื่อเห็นจึงโบกมือกลับมาอย่างร่าเริงพร้อมเดินมายังโต๊ะนี้

     

                แบคฮยอนเอาแต่นั่งจ้องจานเปล่าตรงหน้า มือที่เคยวางไว้บนโต๊ะ ตอนนี้กลายเป็นวางไว้บนตักพร้อมกับกำมันแน่น

     

    “ไงคะ งานเสร็จก็ยิ้มหน้าบานเชียวนะ” ซอฮยอนเดินมาแล้วหย่อนสะโพกนั่งลงตรงข้ามแบคฮยอน

     

                ชานยอลบอกเขาว่าจะมีเพื่อนมาทานข้าวด้วย แต่เขาก็นึกไม่ถึงว่า ชานยอลจะชวน ‘แฟนเก่ามา นี่ชานยอลกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่นะ

     

    “นี่ซอฮยอนครับแบคฮยอน” มือหนาแตะเข้าที่ไหล่บาง แบคฮยอนสะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะสบตากับคนตรงหน้าแล้วพยายามฉีกยิ้มให้

     

    “ฉันซอฮยอนค่ะ..คนนี้เองเหรอที่ทำให้เจ้านายตั้งใจทำงานอดหลับอดนอนเพื่อให้ทันปีใหม่น่ะหืม” ซอฮยอนแนะนำตัวก่อนจะหันไปหาชานยอลที่เอาแต่ยิ้มอย่างเดียว

     

    “พี่ชานยอล..” แบคฮยอนเรียกแฟนของตนอย่างแผ่วเบา

     

    “อ้ะยงฮวาทางนี้” ซอฮยอนโบกไม้โบกมือเพื่อเรียกแฟนหนุ่มของตนที่ยืนเงอะงะเพราะหาโต๊ะไม่เจอ

     

    “อ่าอยู่นี่เอง สวัสดีครับคุณชานยอลแล้วก็..” คนที่เพิ่งมาใหม่เอ่ยทักทายชานยอลก่อนจะหันไปทางแบคฮยอน

     

    “แบคฮยอน..แฟนผมครับ” เป็นชานยอลที่เป็นฝ่ายแนะนำ หน้าของแบคฮยอนเห่อร้อนขึ้นมา ชานยอลไม่เคยแนะนำใครว่าเขาเป็นแฟน นี่คงเป็นครั้งแรกมั้ง

     

    “แบคฮยอน นี่จองยงฮวา คู่หมั้นของซอฮยอนครับ” และคำพูดของชานยอลก็ทำให้แบคฮยอนอ้าปากค้าง

     

    “ครับ จองยงฮวา” ยงฮวาฉีกยิ้มโชว์ฟันทั้ง 32 ซี่

     

    “แบคฮยอน นายรู้ไหมว่าชานยอลทุ่มเวลาให้กับโปรเจกต์นี้มากเลยนะ”

     

    “ครับ?” แบคฮยอนตอบรับอย่างไม่เข้าใจเมื่อซอฮยอนหันมาพูดกับตน

     

    “โปรเจกต์ใหม่ที่ทางบริษัทลงทุนไปสูง เพราะเมื่อโปรเจกต์นี้จบ ชานยอลก็จะได้หยุดพักร้อน 1 เดือนเต็มๆเลย” แบคฮยอนหันไปหาชานยอลที่ก็มองมาทางแบคฮยอนเหมือนกัน

     

    “ขอโทษนะครับที่ไม่มีเวลาให้เลย แต่ต่อจากนี้พี่เวลาให้แบคฮยอนเต็มที่เลยนะ”

     

    “หมายความว่า..”

     

    “1 เดือนหลังจากนี้เราจะเที่ยวให้ทั่วสวิตฯเลยดีไหมครับ”

     

    “...” แบคฮยอนไม่ได้ตอบอะไร เพราะตอนนี้ ปากของแบคฮยอนเอาแต่ยิ้มไม่หุบ

     

                หลังจากที่คู่รักสองคู่ทานข้าวเสร็จ ซอฮยอนกับยงฮวาก็เดินทางมาส่งแบคฮยอนและชานยอลที่สนามบิน งานนี้ต้องขอบคุณซอฮยอนที่ทำให้โปรเจกต์นี้เสร็จสมบูรณ์และใช้ระยะเวลาไม่นานมาก และยังเป็นคนจัดการเรื่องที่พักที่สวิตเซอร์แลนด์ให้อีกด้วย เพราะครอบครัวของซอฮยอนธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรม และมีโรงแรมที่เปิดที่สวิตเซอร์แลนด์ด้วย จึงทำให้ชานยอลได้ไปพักผ่อนยาวๆ โดยไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายที่จะหมดไปกับที่พัก ถึงแม้ว่าชานยอลจะมีเงินมาก แต่การใช้มันให้หมดไปกับค่าโรงแรมก็กระไรอยู่ สู้เอาเงินพวกนั้นพาแบคฮยอนไปเที่ยวดีกว่าไหม

     

     

     

                การเดินทางอันแสนยาวนานก็จบลง ใช้เวลาไปทั้งหมด 13 ชั่วโมงในการเดินทาง ตอนนี้ทั้งคู่ก็อยู่ที่เมืองเจนิวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เรียบแล้ว ทั้งคู่เดินทางไปยังโรงแรมเพื่อพักผ่อนโดยมีรถที่โรงแรมมารับ โรงแรมระดับ 5 ดาว ที่อยู่ระดับแถวหน้าของเมืองนี้ มีเซอร์วิสที่ให้ความสะดวกสบายทุกอย่าง เมื่อทั้งคู่มาถึงโรงแรม ร่างเล็กของแบคฮยอนก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มๆของโรงแรมทันที

     

    “แบคฮยอน ไปอาบน้ำแต่งตัวหล่อๆนะครับ วันนี้จะพาไปดินเนอร์”

     

    “ไปพรุ่งนี้แทนได้ไหม วันนี้ผมเหนื่อยมากเลยครับพี่ชานยอล”

     

    “ไม่ได้ครับ ไปอาบน้ำนะ แล้ววันอื่นๆพี่จะให้แบคฮยอนพักยาวๆเลย นะครับ นะ” จนสุดท้าย แบคฮยอนก็ทนเสียงออดอ้อนของแฟนหนุ่มไม่ไหว จึงลุกไปอาบน้ำตามที่ชานยอลบอก

     

                ขณะนี้ทั้งสองก็ได้ลงมายังสวนของโรงแรมที่ตอนนี้ไม่มีใครเลย มีเพียงโต๊ะอาหารที่ถูกปูด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาว บนโต๊ะมีอาหารหลายอย่างวางเรียงรายเต็มไปหมด และยังมีขวดแชมเปญที่ท่าทางจะแพงวางอยู่ ต้นไม้รอบๆตกแต่งด้วยไฟสีส้ม ทางเดินมีเทียนวางอยู่ขนาบสองข้างเพื่อเป็นทางเดินจากทางเข้าสวนไปยังโต๊ะทานข้าว แบคฮยอนที่มันแต่ยืนอึ้งก็ถูกมือใหญ่ดุนๆหลังให้เดินไป

     

    “พี่ชานยอลเตรียมเองเหรอครับ”

     

    “เปล่าครับ คนของซอฮยอนทำให้..”

     

    “อ่า..”

     

    “แต่พี่เป็นคนคิดนะ”

     

    “พี่ชานยอล”

     

    “วันนี้เป็นวันพิเศษ รู้ไหมครับ”

     

    “อ๋า..วันนี้วันปีใหม่”

     

    “ไม่ใช่ครับ” ชานยอลส่ายหัวเบาๆ แบคฮยอนจึงเปลี่ยนคำตอบ

     

    “อ่า..งั้นก็วันครบรอบของเราใช่ไหมครับ” แบคฮยอนตอบไปแต่ชานยอลก็ส่ายหน้าอีกครั้ง

     

    “ทานอาหารดีกว่าครับ เดี๋ยวมันจะเย็นชืดหมด”

     

    “พี่ชานยอลครับ” แบคฮยอนนั่งนิ่ง มือไม่ได้ยื่นมือไปหยิบมีดกับส้อม แต่กลับกำกางเกงไว้แน่น

     

    “ครับ?”

     

    “กับคุณซอฮยอน..พี่เขายังเป็นคนสำคัญอยู่หรือเปล่าครับ”

     

    “ทำไมถามอย่างนั้นล่ะครับ” คนตัวสูงขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ คนตรงหน้าจึงต้องรีบพูดต่อ

     

    “เอ่อ..คือ พี่เคยบอกว่าพี่รักเขามาก สำคัญมาก..และก็คบมานาน ผมก็แค่คิดว่าตอนนี้อาจจะยังรักอยู่.. แล้วยิ่งพวกพี่ทำงานด้วยกัน..”

     

    “ไม่เชื่อใจพี่เหรอครับ”

     

    “เปล่าครับเปล่า..ผมแค่กลัว..กลัวว่าพี่จะเห็นว่าคุณซอฮยอนสำคัญกว่าผม กลัวว่าพี่จะยังรักเขาทั้งที่คบกับผมอยู่”

     

    “...” ร่างสูงตรงหน้าผ่อนลมหายใจก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินมาอยู่ข้างๆแบคฮยอน

     

    “พี่ชานยอล..” แบคฮยอนเอ่ยเรียกเมื่อเห็นว่าคนตัวสูงคุกเข่าลงไปข้างหนึ่งก่อนจะดึงมือของเขาที่วางไว้อยู่บนตักมากุมไว้

     

    “ฟังพี่นะครับ พี่ขอยืนยันตรงนี้ว่าพี่กับคนเก่าเราเป็นเพื่อนกันอย่างสนิทใจ มันอาจจะใช่ที่พี่เคยรักและเคยให้ความสำคัญกับเขา แต่นั่นมันในอดีตครับ ตอนนี้ ตรงนี้ พี่มีเรา แฟนของพี่ที่พี่รักมาก และก็มีความสำคัญกับพี่มากๆ พี่ไม่อยากให้เราเอาเรื่องของคนในอดีตพี่มาทำให้ตัวเองคิดมาก ไม่มีใครรู้สึกดีหรอกครับที่คนรักของตัวเองคิดมาก เห็นเราคิดมาก พี่ก็ไม่สบายใจ มันทำให้พี่รู้สึกว่าพี่ดูแลคนที่พี่รักไม่ดีพอ..”

     

    “...”

     

    “พี่รักเรามาก รักจนไม่ได้แบ่งความรักไปให้ใคร ถ้าพี่บอกว่ารัก คือพี่รัก ถึงพี่จะรักเขามานาน แล้วยังไงครับ? มันเลยจุดนั้นมาแล้ว จุดที่รักเขามาก ถ้าถามว่ายังรู้สึกดีอยู่ไหม พี่ตอบได้ว่ายังรู้สึก แต่แค่ในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง มันเป็นความรู้สึกที่เพื่อนคนหนึ่งจะให้กับเพื่อนอีกคนหนึ่งได้..”

     

    “...”

     

    “แต่กับเรา ถึงแม้มันจะเป็นช่วงเวลาที่แสนสั้นที่เรามีด้วยกัน แต่เราก็ต่างคนต่างมีความรู้สึกดีให้กัน ระยะเวลามันไม่มีความสำคัญหรอกครับ ความรักที่เรามีให้กันมากกว่าที่สำคัญที่สุด”

     

    “...”

     

    “พี่อยากจะย้ำกับเราว่าพี่รักเรามาก ถ้าพี่ไม่รัก พี่จะไม่คิดถึงอนาคต จำได้ไหมว่าพี่จะเปิดร้านเบเกอร์รี่ให้หลังเราเรียนจบ พี่ยังคิดแบบนั้นอยู่นะ..”

     

    “ฮึก..”

     

    “ไม่ร้องไห้สิครับคนดี” มือหนายกขึ้นมาแล้วใช้ก้านนิ้วเกลี่ยน้ำตาที่ไหลออกมาจากม่านตาใส

     

    “ก็..ฮึก..ก็พี่..ฮึก พี่พูด”

     

    “พี่พูดความจริงครับ..แล้วที่พี่บอกว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ รู้หรือยังว่าเป็นวันอะไร” ชานยอลถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน คนถูกถามก็ได้แต่ส่ายหน้า

     

    “...”

     

    “วันนี้วันเกิดของเราไงครับ เป็นวันที่ต่อจากวันครบรอบ วันเกิดตัวเองจำไม่ได้หรอครับ”

     

    “...” แบคฮยอนไม่ได้ตอบอะไรเลย มีเพียงรอยยิ้มที่ถูกส่งกลับไปให้คนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า

     

    “พี่ไม่รู้จะให้ของขวัญอะไรแบคฮยอน พี่เลยรีบทำโปรเจกต์ให้จบเพื่อจะได้มีเวลาพักร้อน และได้พาแบคฮยอนมาเที่ยวแบบนี้”

     

    “พี่ชานยอลไม่ต้องให้อะไรผมเลย พี่ชานยอลคือของขวัญที่ดีที่สุดในโลก” แขนเรียวยื่นไปโอบกอดลำคอแกร่ง พร้อมกับน้ำตาแห่งความสุขที่ไหลลงมา

     

    “ไม่ใช่ครับ ของขวัญที่ดีที่สุดในโลกคือแบคฮยอน” ชานยอลผละออกจากแบคฮยอน แล้วจ้องเข้าไปข้างในตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา

     

    “เราคือของขวัญที่ดีที่สุดของพี่ ขอบคุณที่เกิดมานะครับ พี่รักเรานะ”

     

    “...”

     

    “แล้วก็..สุขสันต์วันปีใหม่นะครับ อยู่ฉลองด้วยกันแบบนี้ไปทุกปีเลยนะครับ แบคฮยอนของพี่

     

     

     

     

     

    จริงๆเรื่องนี้เราแต่งไว้เป็นฮุนฮาน แต่เป็น SF เรื่องแรกที่เราแต่ง แล้วเราก็อยากลงในบทความนี้ เราเลยเอามาแปลงเป็นชานแบค ไม่ว่ากันเนอะ

    สุขสันต์วันปีใหม่นะคะ ขอให้ทุกคนมีแต่เรื่องดีๆเข้ามา

    ฝากเม้น ฝากสกรีมแท็กเป็นกำลังใจให้เราด้วยน้า 

    เปลี่ยนมาเป็นแท็กนี้ดีกว่าเนาะ #smatCB

     

     
     

     

    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×