ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [sf/os] smiles and tears ; Chanbaek

    ลำดับตอนที่ #16 : Birthday | Special

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.84K
      45
      5 ส.ค. 60

    *อย่าลืมอ่านตอนที่แล้วนะคะ
    (เข้ามาแก้คำผิด แฮ่ะ)

     

     

     

    Birthday | Special

     

                ปาร์คชานยอลเดินลงมาจากรถพร้อมดอกไม้ช่อใหญ่ หลังจากวนหาที่จอดรถอยู่นาน เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญ ทั้งคนทั้งรถก็เยอะแยะไปหมด ชานยอลถอนหายใจเล็กน้อย เพราะเขาไม่ค่อยชอบมาอยู่ในที่ๆคนเยอะๆแบบนี้ เขาหอบช่อดอกไม้ช่อใหญ่เดินไปยังที่ๆเขานัดกับใครคนหนึ่งไว้ เมื่อมาถึงจุดนัดหมาย ตาคมก็กวาดสายตามองหาคนที่นัดไว้แต่ก็ไม่เจอ มือหนายกโทรศัพท์หมายจะโทรหาคนนั้น แต่ก็ต้องหยุดชะงักไว้ก่อน

     

    “พี่ชานยอล ผมอยู่นี่!” บยอนแบคฮยอน คนที่นัดกับชานยอลไว้วันนี้

     

                ชานยอลหันไปหาเสียงเรียกและแรงสะกิดที่ไหล่เมื่อครู่ ก็เห็นเด็กน้อยคุ้นตายืนยิ้มกว้างอยู่ แต่วันนี้แบคฮยอนดูแปลกตาเล็กน้อย อาจเป็นเพราะเจ้าตัวแต่งหน้าบางๆ และเซ็ตผมเล็กน้อย ถ้ามองแวบแรกอาจดูหล่อ แต่แน่นอน ในสายตาชานยอลแบคฮยอนจะน่ารักเสมอ และจะน่ารักมากๆเมื่อคนตัวเล็กยิ้ม

     

    “ยินดีด้วยนะครับ” ชานยอลยิ้มตอบกลับแล้วยื่นช่อดอกไม้ให้

     

    “ขอบคุณนะครับ พี่ชานยอล”

     

                วันนี้เป็นวันสำคัญของแบคฮยอน สำคัญมากถึงขนาดที่ชานยอลยอมลางานทั้งวันเพื่อบึ่งรถไปซื้อดอกไม้ช่อโตๆแล้วมาหาแบคฮยอนในที่ๆคนเยอะๆ และอากาศร้อนๆแบบนี้ แต่ถึงอากาศจะร้อนยังไง แบคฮยอนก็ยังมีรอยยิ้มเสมอ ชานยอลมองรอยยิ้มนั้นแล้วก็ยิ้มตาม แบคฮยอนโดนคนนู้นเรียกถ่ายรูปที คนนั้นเรียกถ่ายรูปที ปวดหัวแทนแบคฮยอนไปหมด แต่ไม่ว่าแบคฮยอนจะไปถ่ายรูปกับใคร ช่อดอกไม้ของเขามันจะอยู่ในมือคนตัวเล็กเสมอ

     

                จู่ๆก็พลันหวนไปนึกถึงวันที่เจอกับแบคฮยอนในวันเกิดของคนตัวเล็กเมื่อปีก่อน ไม่คิดว่าแบคฮยอนจะอยากออกมาทานข้าวกับเขาอีก แต่วันเกิดปีนี้ ที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่เดือน เราก็ไม่ได้ไปด้วยกันอย่างที่นัดไว้ เพราะชานยอลติดงานปลีกตัวไม่ได้ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เสียดายหรอกนะที่ไปไม่ได้

     

              วันเกิดของแบคฮยอนที่ผ่านมา

     

              วันนี้เป็นวันเกิดของแบคฮยอน แต่ปีนี้กลับไม่ได้ตรงกับวันหยุด ชานยอลต้องอยูเคลียร์งานถึงค่ำ แต่เขาก็โทรไปบอกแบคฮยอนเรียบร้อยพร้อมเอ่ยขอโทษเสียยกใหญ่ แต่คนตัวเล็กก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงเช่นเคย

     

    (ไม่เป็นไรหน่าพี่ชานยอล พี่ต้องอยู่เคลียร์งานให้เสร็จนะครับ)

     

    “พี่อุตส่าห์สัญญากับเราไว้แล้ว ไม่น่ามีงานแบบนี้เลย”

     

    (อย่าทำเสียงแบบนั้นสิครับ)

     

    “งั้นวันหลังเราไปทานข้าวด้วยกันนะ”

     

    (ได้เสมอสำหรับพี่)

     

              หลังจากที่พบกันโดยบังเอิญเมื่อปีก่อน ชานยอลกับแบคฮยอนก็ติดต่อกันมาเรื่อยๆ จากที่คุยแชทกันบ้างเป็นบางวัน ก็เป็นคุยกันทุกวัน และจากที่คุยแค่แชท ก็กลายมาเป็นโทรคุยกันก่อนนอนทุกคืน มีบ้างที่จะนัดกันทานข้าวข้างนอก มีบ้างที่ชานยอลจะแวะไปหาแบคฮยอนที่มหาลัย และมีบ้าง ที่แบคฮยอนจะไปหาชานยอลที่บริษัท

     

              จู่ๆความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ดีขึ้นอย่างน่าประหลาด การกระทำไม่เหมือนคนที่เป็นแฟนเก่ากัน แต่กลับเหมือนคนที่กำลังจีบกันอยู่มากกว่า ไม่ได้เกร็งกันเหมือนเคย และความทรงจำวันเลิกกันก็เหมือนจะไม่ได้อยู่ในหัวของทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างมีความสุข แต่นั่นแหละ ทุกการกระทำมันอยู่ภายใต้คำว่า พี่น้องไม่ได้มีใครเอ่ยถึงความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ ไม่มีใครเอ่ยถามความรู้สึกของกันและกัน เหมือนกับว่า ใจของทั้งสองสื่อถึงกัน คำพูดทั้งหลายจึงไม่สำคัญอีกต่อไป

     

    (พี่ชานยอลทานข้าวหรือยังครับ) แบคฮยอนโทรหาชานยอลหลังจากที่วางสายล่าสุดไปเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว

     

    “กำลังจะทานเลยครับ เลขาคิมเพิ่งซื้อมาให้พี่เมื่อกี้ เราล่ะ”

     

    (กำลังเหมือนกัน ผมเพิ่งเดินลงไปซื้อเมื่อกี้เลย)

     

    “ไม่ออกไปไหนกับเพื่อนหรือครับ”

     

    (ไม่ล่ะครับ ถ้าไม่ได้ออกไปกับพี่ ผมก็อยากอยู่ที่ห้องในวันเกิด) แบคฮยอนเอ่ยขำๆ

     

    “เปิดกล้องหน่อยได้ไหม” ชานยอลเอ่ยถาม แบคฮยอนงงๆเล็กน้อยแต่ก็ยอมเปิด

     

    “อะไรกันครับพี่ชานยอล” แบคฮยอนเอ่ยทักชานยอลหลังจากที่เปิดกล้องเรียบร้อยแล้ว

     

              ตอนนี้ชานยอลดูโทรมนิดหน่อยหลังจากที่พยายามเคลียร์งานตั้งแต่เมื่อคืน แต่สุดท้ายก็ไม่เสร็จจึงต้องลากยาวจนถึงค่ำวันนี้ แบคฮยอนยิ้มให้กับชานยอล ก่อนจะหาอะไรมาวางเพื่อพิงโทรศัพท์

     

    “อยากกินข้าวด้วยไงครับ” ชานยอลตอบ พร้อมกับชานยอลที่จัดโทรศัพท์ให้ตั้งไว้พอให้มองเห็นทั้งหน้าของชานยอล

     

    “แบบนี้ก็ได้หรอ” แบคฮยอนอมยิ้ม

     

    “อ้อ พี่ซื้อนี่มาให้ด้วยนะ..” ชานยอลพูดแล้วลุกออกไปจากกล้อง ปล่อยให้แบคฮยอนสงสัยว่าซื้ออะไรไว้ แต่ไม่นานชานยอลก็เดินกลับมาพร้อมกับของในมือ และนั่นมันก็ทำให้แบคฮยอนหุบยิ้มไม่ได้เลย

     

    “อะไรของพี่เนี่ย”

     

    “ก็ซื้อมาให้” ชานยอลพูดเขินๆแล้วมองไปยังเค้กก้อนเล็กที่ปักเทียนไว้อยู่เล่มหนึ่ง

     

    “พี่ไม่ทานเค้กไม่ใช่เหรอ”

     

    “ซื้อมาไว้ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่เอาไปให้..” ชานยอลยิ้ม ก่อนจะร้องเพลงวันเกิดให้กับเด็กน้อยในโทรศัพท์ “Happy birthday to you Happy birthday to you Happy birthday Happy birthday Happy birthday to .. HONEY

     

              เสียงทุ้มเปล่งเสียงร้องเพลงวันเกิดออกมา นั่นมันทำให้แบคฮยอนน้ำตาคลอ เพราะเนื้อเพลงคำสุดท้าย มันเหมือนกันเมื่อสามปีก่อน ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ความรู้สึกไม่ได้ห่างกันเลย

     

    “ฮึก..ขอบคุณนะครับ พี่ชานยอล” แบคฮยอนปาดน้ำตาแล้วฉีกยิ้มตาหยีให้กับชานยอลเมื่อเพลงวันเกิดจบลง

     

    “อธิษฐานแล้วรีบเป่าเทียนสิครับ” แบคฮยอนพยักหน้า หลับตาลงแล้วยกมือประสานกันไว้ที่อก

     

    “ฟู่ว” แบคฮยอนอธิษฐานเสร็จแล้วเป่าเทียน ถึงแม้มันจะไม่ได้ทำให้เทียนดับได้ แต่แบคฮยอนก็เป่ามันจริงๆ เพราะเขารู้ ว่าชานยอลรู้ว่าควรทำยังไง

     

              ไฟดับลงพร้อมๆกับที่แบคฮยอนเป่ามัน ชานยอลเป่ามันพร้อมๆแบคฮยอน ใครจะไปคิดว่าคนอายุ 27 จะมาทำอะไรแบบนี้ให้ เพียงเพราะต้องการให้คนตัวเล็กในโทรศัพท์มีรอยยิ้ม

     

    “มีความสุขมากๆนะครับแบคฮยอน เป็นเด็กที่น่ารักแบบนี้ไปตลอดเลยนะ..แล้วก็ ยิ้มให้พี่แบบนี้ไปเรื่อยๆเลยนะครับ”

     

    “ขอบคุณนะครับพี่ชานยอล ไม่คิดว่าจะทำอะไรแบบนี้”

     

    “ก็เราไม่ได้อยู่ด้วยกันนี่ครับ”

     

    “คิก แค่นี้ก็เหมือนอยู่ด้วยกันแล้วครับ”

     

    “พี่ถามได้ไหม ว่าอธิษฐานว่าอะไร”

     

    “ก็..เหมือนกับทุกปีแหละครับ ขอให้วันเกิดของผม มีพี่ชานยอลอยู่ด้วยทุกๆปี” แบคฮยอนยิ้มให้ชานยอล และมันก็ทำให้รอยยิ้มของชานยอลผุดขึ้นมาอัตโนมัติเหมือนเดิม

     

    “ขอบคุณนะครับ”

     

    “เราทานข้าวกันดีกว่ามั้ยครับ พี่จะได้รีบทำงาน”

     

              และในมื้อนั้น ก็มีทั้งเสียงพูดเจื้อยแจ้วของแบคฮยอน และเสียงหัวเราะของชานยอล แต่หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ ทั้งสองก็ไม่ได้วางสาย ชานยอลวางโทรศัพท์ไว้แบบเดิมและทำงานต่อไปเรื่อยๆ ส่วนแบคฮยอนก็ถือโทรศัพท์เดินไปนู่นที นี่ที หาอะไรทำไปเรื่อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกเหงาเลย เพราะคนในโทรศัพท์ทำให้แบคฮยอนรู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียว

     

              ในวันเกิดปีนี้ของแบคฮยอน ก็ยังคงมีชานยอลอยู่ด้วยอีกเหมือนเคย แบคฮยอนเลิกเดินแล้วไปนอนบนเตียง เขานอนมองชานยอลนั่งทำงานอย่างเคร่งเครียด ตอนนี้นาฬิกาบอกเวลาว่าสี่ทุ่มแล้ว ชานยอลดูล้ามากๆ แต่ก็ยังคงไม่หยุดทำงาน

     

    “พี่ชานยอลครับ พักก่อนมั้ย” แบคฮยอนเอ่ยถาม ชานยอลละสายตามามองคนในโทรศัพท์แล้วส่ายหัวเบาๆ

     

    “จะเสร็จแล้วล่ะครับ”

     

    “ขับรถกลับบ้านดึกๆมันอันตรายนะครับ”

     

    “วันนี้ไม่กลับครับ คงนอนที่นี่แหละ เลขาคิมเตรียมหมอนผ้าห่มให้แล้ว” ชานยอลเอ่ยขำๆ เหมือนเลขาเขาจะรู้ว่าน่าจะต้องอยู่ดึก เลยเตรียมมาให้เรียบร้อย

     

    “เตรียมพร้อมเลยนะครับ”

     

    “แล้วเราล่ะ ไม่นอนหรือ”

     

    “ใกล้แล้วครับ แต่อยากนอนพร้อมพี่ชานยอล” แบคฮยอนเอ่ยง่วงๆ ตาปรือๆนั่นมันทำให้ชานยอลหมั่นเขี้ยวอย่างบอกไม่ถูก

     

    “งั้นรอพี่แป๊ปนึงได้ไหม จะเสร็จแล้ว”

     

    “อื้อ รอได้ครับ”

     

              และคืนนั้น ทั้งสองก็นอนพร้อมกัน พร้อมๆกับที่ไม่มีใครวางสาย จนตื่นเช้ามาโทรศัพท์ชานยอลแบตหมดเพราะไม่ได้ชาร์จไว้ แต่ถึงแบบนั้นชานยอลคิดว่าเมื่อคืนเป็นวันที่เขามีความสุขที่สุด และคิดว่าแบคฮยอนจะคิดแบบนั้นเช่นกัน

     

     

                กลับมายังปัจจุบัน แบคฮยอนยืนอยู่ตรงหน้าเขา แต่รอยยิ้มยังคงแต่งแต้มอยู่บนใบหน้า ตรงขมับมีเหงื่อเม็ดเล็กอยู่ ชานยอลเอื้อมมือไปเช็ดให้แล้วถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

     

    “เหนื่อยมั้ยครับ พักหน่อยมั้ย”

     

    “อื้อ ก็ดีครับ ผมยิ้มจนปากจะฉีกแก้มจะแตกแล้ว” แบคฮยอนเอ่ยอย่างงอแง ชานยอลพาคนตัวเล็กไปยังโต๊ะที่มีพ่อแม่แบคฮยอนนั่งอยู่

     

    “สวัสดีครับ คุณพ่อคุณแม่”

     

    “ไม่ได้เจอชานยอลนาน หล่อขึ้นหรือเปล่าลูก” แม่แบคฮยอนเอ่ยทักคนที่คุ้นเคย

     

    “ฮะๆ ขอบคุณครับ”

     

    “งานเป็นไงบ้างล่ะชานยอล ไปได้ด้วยดีหรือเปล่า” คราวนี้เป็นพ่อของแบคฮยอนที่เอ่ยถาม

     

                ความจริงแล้วชานยอลกับครอบครัวของแบคฮยอนก็สนิทกันในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้เจอกันบ่อยนักเพราะบ้านเกิดของแบคฮยอนอยู่ต่างจังหวัด พ่อแม่ของแบคฮยอนเปิดรีสอร์ทจึงมาหาแบคฮยอนในเมืองไม่ค่อยได้ แต่เมื่อมีเวลาว่าง ชานยอลจะพาแบคฮยอนไปเยี่ยมพ่อแม่เสมอ

     

    “ก็ดีล่ะครับ แต่ช่วงนี้เหมือนแผนกพัฒนาตลาดขาดคน ไม่รู้ว่าจะมีคนมาสมัครเมื่อไหร่” ชานยอลเอ่ยแล้วเหล่มองคนข้างๆ นั่นทำให้พ่อแม่ยิ้มตาม

     

    “เฮ้ยพี่ จ้างผมสิ จ้างผม นักศึกษาจบใหม่ไฟแรงเกียรตินิยมอันดับหนึ่งแบบผมหาไม่ได้ง่ายๆนะครับ” แบคฮยอนได้ยินดังนั้นจึงรีบเสนอตัวอย่างตื่นเต้น

     

    “อืม..เอาไงดีน้า”

     

    “งั้นเดี๋ยวผมจะไปสมัคร ผมเตรียมเรซูเม่ไว้เรียบร้อยแล้ว” ท่าทางของแบคฮยอนทำให้ชานยอลหลุดขำ

     

    “แล้วไม่กลับไปช่วยงานพ่อแม่หรือครับ” พูดจบ แบคฮยอนก็หันไปทำหน้าอ้อนๆพ่อกับแม่

     

                ชานยอลรู้ว่าแบคฮยอนอยากทำงานในสายที่ตัวเองจบมา แต่ใช่ว่าจะไม่อยากช่วยงานที่บ้าน แต่นักศึกษาจบใหม่แบบนี้ ใครๆก็อยากใช้ความรู้ที่เรียนมามาใช้ประโยชน์

     

                อ้อ ลืมบอกใช่มั้ย ว่าวันนี้เป็นวันรับปริญญาของแบคฮยอน ซึ่งแน่นอนมันสำคัญมาก ปาร์คชานยอล ประธานบริษัทจึงยอมลาหยุดแล้วมางานนี้แทน

     

    “อยากทำอะไรก็ทำเถอะลูก ไม่ต้องห่วงทางนี้” แม่ของแบคฮยอนยิ้มให้แล้วพูดอย่างอ่อนโยน

     

    “พี่เปิดรับสมัครหรือยัง ผมสมัครได้มั้ย” หลังจากได้ยินคำตอบของผู้เป็นแม่ เป้าหมายต่อไปที่แบคฮยอนจะอ้อนก็เป็นคนข้างๆ

     

    “จริงๆตำแหน่งนี้มันถูกล็อคไว้แล้วนะ มีเจ้าของแล้วล่ะ” ทันทีที่ชานยอลบอกออกไป รอยยิ้มของแบคฮยอนก็หายไป

     

    “หรอครับ..” แบคฮยอนหน้างอมันทำให้ชานยอลนึกอยากจะแกล้ง แต่วันนี้วันดี จะปล่อยไปสักวันแล้วกัน

     

    “เจ้าของมันคือบยอนแบคฮยอน ตอนนี้รอเขามาสมัครอยู่”

     

    “จริงนะ! อย่าโกหกผมนะ เย่!” แบคฮยอนเอ่ยออกมาอย่างดีใจ แล้วโผเข้ากอดชานยอลอย่างลืมตัว

     

    “บะ..แบคฮยอน” ชานยอลสะกิดไหล่แบคฮยอนแล้วเหลือบไปมองพ่อแม่ที่กำลังมองมาทางนี้ แต่ท่านทั้งสองก็ทำได้เพียงพยักหน้าแล้วยิ้มให้

     

    “เอ่อ..ขอโทษครับ ดีใจเกินไปหน่อย” แบคฮยอนเกาท้ายทอยด้วยใบหน้าแดงจัด อาจจะเป็นเพราะอากาศร้อน แต่ที่แน่ๆ ต้องมีอาการเขินปนอยู่ด้วย

     

     

                หลักจากที่แบคฮยอนแยกตัวไปห้องประชุม ชานยอลก็นั่งคุยกับพ่อแม่ของแบคฮยอน ท่านทั้งสองก็แอบกังวลว่าการที่ชานยอลรับแบคฮยอนเข้าบริษัทแบบนี้อาจไม่แฟร์กับคนอื่นๆ แต่ชานยอลก็ได้อธิบายว่า จริงๆแล้วช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา แบคฮยอนได้มาฝึกในบริษัทของเขา แบคฮยอนเป็นคนเก่ง และทำงานได้มีประสิทธิภาพ ใครๆก็บอกว่าอยากได้แบคฮยอนเข้ามาทำงานด้วย จึงได้มีการประชุมกับหัวหน้าฝ่ายต่างๆ จนได้ลงมติว่า ถ้าแบคฮยอนมาสมัครที่นี่ ก็จะรับไว้อย่างไม่มีข้อกังขา อีกทั้งยังมีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งการันตี แน่นอนว่าความสามารถไม่ใช่ไก่กา

     

                รู้ดังนั้น พ่อแม่ก็เบาใจลงไปเยอะ คิดว่าลูกจะได้ทำงานเพราะใช้เส้นสาย แต่ชานยอลก็หัวเราะแล้วบอกว่า ถึงจะรู้จักกันหรือสนิทกันแค่ไหน ถ้าทำงานไม่ดีชานยอลคงไม่รับ และอีกอย่าง ชานยอลอยากให้แบคฮยอนได้อยู่ในสายตาตลอดเวลา ไม่ว่าแบคฮยอนจะทำอะไรก็ตาม

     

     

    •••

     

                หลังจากงานรับปริญญาของแบคฮยอนจบลง พ่อแม่ของแบคฮยอนก็ขอตัวกลับบ้านไปจัดการงานต่อ เย็นวันนั้น ชานยอลจึงพาแบคฮยอนไปทานอาหารค่ำที่ร้านที่ชานยอลจองไว้ ถือว่าเป็นการฉลองให้กับคนตัวเล็กด้วย

     

    “ร้านหรูแบบนี้พี่ชานยอลเลี้ยงผมใช่มั้ย” แบคฮยอนกวาดตามองไปยังรอบร้านแล้วเอ่ยถาม ชานยอลมองคนตัวเล็กที่ตอนนี้แต่งชุดกึ่งทางการเพราะชานยอลบอกให้ใส่จะได้กลมกลืนกับสถานที่แล้วพยักหน้า

     

    “ไม่ว่าจะไปร้านไหน พี่ก็เลี้ยงเราอยู่ดีแหละ”

     

    “ผมจะสั่งให้พี่กระเป๋าฉีกเลยคอยดู”

     

    “เอาเท่าที่ทานก็พอ เดี๋ยวทานไม่หมดจะมาร้องโอดโอยไม่ได้นะครับ”

     

    “ฮื่อ พี่ชานยอลอ่ะ” แบคฮยอนคว่ำปากมองคนตัวสูงที่หัวเราะ

     

                พนักงานเข้ามารับออร์เดอร์ แบคฮยอนไม่ได้สั่งเยอะเหมือนที่คุยไว้ แต่สั่งแค่เท่าที่อยากทานเท่านั้น ทั้งสองคนสั่งอาหารเสร็จก็คุยกันไปเรื่อย แบคฮยอนถามถึงเหตุผลที่รับเขาเข้าทำงาน ชานยอลก็บอกเหมือนที่บอกพ่อแม่แบคฮยอนไป แบคฮยอนบอกว่าตอนนั้นมัวแต่ดีใจจนไม่ได้นึกถึงปัจจัยอะไร แต่พอมาคิดๆดูแล้ว เหมือนใช้เส้นสายชานยอลเข้าทำงาน เลยกังวลเล็กน้อย จนได้มารู้เหตุผล จึงเบาใจไปเปราะหนึ่ง

     

                คุยกันได้ไม่นาน พนักงานก็มาเสิร์ฟอาหาร ของที่แบคฮยอนสั่งมาเป็นอย่างแรก พนักงานวางจานที่มีฝาสแตนเลสครอบไว้ แบคฮยอนมองของตรงหน้าพลางนึกไปว่า เมนูไหนที่เขาสั่งน่าจะเสิร์ฟด้วยลักษณะนี้ แต่ความคิดก็ต้องหยุดลง เมื่อพนักงานเปิดฝา

     

    “พี่ชานยอล..” คนตัวเล็กเงยหน้าไปมองคนที่อยู่ตรงข้าม ดวงตาคมที่มองมาทำเอาแบคฮยอนต้องหลบตา อยู่ดีๆใจก็เต้นแรงขึ้นมาซะงั้น

     

                ตรงหน้าของแบคฮยอนแทนที่จะเป็นอาหาร แต่บนจานกลับมีกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเล็กๆวางอยู่ ตอนนี้พนักงานคนนั้นได้ออกไปจากตรงนี้แล้ว ฉะนั้น มันจึงเหลือแค่ชานยอลและแบคฮยอนสองคน

     

    “เปิดดูสิครับ” ชานยอลบอกแบคฮยอน มือเรียวค่อยๆหยิบกล่องนั่นขึ้นมาแล้วเปิดดู

     

                ภายในเป็นแหวนเงินเรียบๆ ไม่ได้มีลายอะไร แบคฮยอนหยิบมันด้วยใจที่เต้นแรง มือสั่นเทาหมุนแหวนดู ก็เห็นภายในมีสลักอะไรสักอย่าง เมื่อจ้องมองดีๆ แบคฮยอนก็อยากจะระเบิดตัวเองเสียตอนนี้

     

              ‘MyB’

     

    “เป็นแฟนกันมั้ยครับ” เสียงทุ้มเอ่ยออกมา ทำเอาสติของแบคฮยอนแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตาเรียวจ้องมองไปยังคนข้างหน้า แต่มันก็เลือนราง เพราะน้ำตาที่คลออยู่

     

    “ฮึก..อะไรเนี่ย”

     

    “อย่าร้องไห้สิครับ ไม่ชอบเหรอ” ชานยอลขมวดคิ้วทันทีที่เห็นน้ำตาแบคฮยอน

     

    “ไม่รู้จักคำว่าตื้นตันหรอครับ” แบคฮยอนปาดน้ำตา

     

    “งั้นเป็นแฟนกันนะครับ”

     

    “ผมตอบอะไรได้บ้างล่ะครับ”

     

    “ก็..อยากตอบอะไรล่ะครับ”

     

    “งั้น..เป็นครับ” ชานยอลยิ้มออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำตอบ

     

                ชานยอลขอแหวนมาจากแบคฮยอนแล้วสวมเข้าที่นิ้วนางข้างขวา ก่อนจะลุกขึ้นแล้วโน้มตัวไปประทับริมฝีปากบนหลังมือของแบคฮยอน

     

    “ขอบคุณนะครับ ที่ยอมให้พี่กลับมาดูแลเราอีกครั้ง”

     

    “ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณ ผม..ทำให้พี่เสียใจ” แบคฮยอนเอ่ยด้วยความรู้สึกผิด คนตัวเล็กก้มหน้าลง ไม่กล้ามองหน้าชานยอล เมื่อพลันนึกไปถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งคู่ต้องเลิกกัน

     

    “รู้อะไรมั้ยแบคฮยอน พี่ยอมรับนะว่าพี่เสียใจ และพี่ก็โกรธเรา จริงๆหลังจากที่เลิกกันไปจนได้มาเจอกันวันนั้น พี่ก็คิดว่าพี่ไม่ได้รักแบคฮยอนแล้วล่ะ มันเหลือแค่ความรู้สึกที่ว่า เป็นแค่พี่น้องมันก็ดีแล้ว..” ชานยอลพูด นั่นทำให้แบคฮยอนไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตา “..แต่หลังจากที่เราได้ใช้เวลาร่วมกันอีกครั้ง มันเหมือนเราไปเริ่มใหม่ เหมือนเริ่มรู้จักกันใหม่ เพราะช่วงเวลาที่เราเลิกกัน เราไม่ได้เจอกันเลย เราไม่รู้เรื่องของกันและกัน แต่พอมาเจอกัน เราได้แลกเปลี่ยนอะไรหลายๆอย่างกัน”

     

                ชานยอลที่เห็นแบคฮยอนไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา เขาจึงเดินไปอยู่ข้างๆแบคฮยอน คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมามองชานยอล ก่อนจะลุกขึ้นยืน เพื่อให้ได้ใกล้ชานยอลมากขึ้น

     

    “เราทำความรู้จักกันในฐานะพี่น้อง ไม่ใช่แฟนเก่า ที่เรากลับมายืนในจุดนี้ ก็เพราะตลอดระยะเวลาปีกว่าที่เรากลับมาเจอกัน เราสร้างความทรงจำใหม่ๆขึ้นมา ที่พี่พูดกับแบคฮยอนในวันนี้ พี่ไม่อยากให้เรานึกไปถึงวันที่เราเลิกกัน แต่อยากให้นึกถึงวันที่เราได้ใช้เวลาร่วมกันหลังจากนั้นมากกว่า”

     

    “...”

     

    “ช่วงเวลาเหล่านั้น มันทำให้พี่รู้ว่า สุดท้ายแล้ว คนที่พี่อยากจะรัก คนที่พี่อยากจะใช้เวลาด้วยก็คือแบคฮยอน บยอนแบคฮยอนคนนี้” มือหนาวางไว้บนหัวกลมๆของแบคฮยอนแล้วลูบเบาๆ

     

    “ฮึก..ขอบคุณนะครับ พี่ชานยอล”

     

    “แบคฮยอน..รักพี่มั้ยครับ”

     

    “รักสิครับ..” แบคฮยอนช้อนตามองชานยอล “ผมขอโทษเรื่องวันนั้นด้วยนะครับที่ทำให้พี่เสียใจ ผมยอมรับว่าตอนนั้นรักที่ให้พี่มันเหลือแค่พี่น้อง แต่ตลอดระยะเวลาที่เราอยู่ด้วยกันหลังจากที่เราเจอกันวันนั้น มันทำให้ผมมีความสุขมากจริงๆ ผมลืมว่าผมเคยทำให้พี่เสียใจ อาจจะดูเห็นแก่ตัว แต่ผมอยากจะหยุดช่วงเวลานั้นไว้ ไม่อยากให้มันหายไป แต่ยิ่งเราได้ใช้เวลาร่วมกันมากเท่าไหร่ มันก็ทำให้ผมได้รู้ ว่าจริงๆแล้วคนที่ผมรักจริงๆคือพี่ชานยอล และผมผิดเองที่หวั่นไหวง่ายๆให้กับคนที่เข้ามา”

     

    “ไม่เอาหน่า เรื่องมันผ่านมาแล้ว”

     

    “แต่ผมรู้แล้ว ผมรู้แล้วว่าตอนนี้คนที่ผมรักคือพี่ชานยอล และคนที่ทำให้ผมมีความสุขมากๆคือพี่ชานยอล ต่อจากนี้ ผมจะไม่หวั่นไหวปันใจให้ใครง่ายๆแล้ว”

     

    “ขอบคุณนะครับ”

     

    “แล้ว..แหวนนี่ ให้ผมใส่คนเดียวหรือ” แบคฮยอนชูมือที่ใส่แหวนให้ชานยอลดู เขายิ้มแล้วล้วงมือไปในกระเป๋า แล้วหยิบแหวนอีกวงที่เหมือนกัน แต่ข้างในสลักว่า

     

                ‘MyC’

     

    “นี่ไงครับ” เมื่อแบคฮยอนเห็นแหวนในมือชานยอลก็ยิ้มกว้าง เอื้อมมือไปหยิบมันมา

     

    “ขอมือด้วยครับ” แบคฮยอนแบมือขอมือคนตรงหน้า

     

    “ไม่ใช่หมานะครับ” ชานยอลขมวดคิ้ว แต่ก็ยื่นมือไปวางบนมือแบคฮยอน

     

                คนตัวเล็กยิ้มแล้วค่อยๆสวมแหวนนั่นไปที่นิ้วนางข้างขวาของชานยอล ถ้าแบคฮยอนเงยหน้ามองมาที่ชานยอลสักหน่อย จะเห็นว่ารอยยิ้มนั่นมันอ่อนโยนและชวนใจเต้นแค่ไหน

     

    “เป็นแฟนกันแล้วนะครับพี่ชานยอล” แบคฮยอนเงยหน้ามองชานยอลแล้วยิ้มกว้าง

     

                ชานยอลมองหน้าแบคฮยอนนิ่งๆ ก่อนจะโน้มตัวไปประทับริมฝีปากบางนั่น ชานยอลกดจูบไว้นิ่งๆ ไม่ได้มีการรุกล้ำอะไร ใครจะรู้ว่าการกระทำนี้ มันทำให้ใจของทั้งสองเต้นแรง แต่ที่แปลกก็คือ มันเต้นไปพร้อมๆกัน และเป็นจังหวะเดียวกัน

     

    “รักนะครับ”

     

    “รักนะครับ”

     

    เอาสเปมาฝากคับ ฮี่ๆ

    เราอยากอ่านคอมเม้น เราชอบอ่านคอมเม้น

    ขอบคุณทุกคนที่คอมเม้นนะคะ

    รักส์ อิอิ

    #smatCB

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×