ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [sf/os] smiles and tears ; Chanbaek

    ลำดับตอนที่ #19 : SF #เราชื่อบยอนแบค : 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.19K
      42
      27 ม.ค. 61

    Chapter 2

     

                หลังจากที่เมื่อคืนชานยอลต้องแต่งตัวให้ภูติตัวจิ๋วที่ตอนนี้ไม่จิ๋วแล้ว ทั้งคู่ก็เข้านอน และแน่นอน บยอนแบคนอนทั้งๆที่ยังเป็นมนุษย์ เขาบอกกับชานยอลว่าจะรอให้กลับไปเป็นภูติเอง และคืนนั้นบยอนแบคก็เล่าเรื่องของภูติที่ชานยอลต้องรู้อีกเรื่อง ซึ่งนั่นก็คือการแปลงเป็นมนุษย์นี่แหละ และมันก็ทำให้ชานยอลถึงกับกุมขมับ แฟนตาซีกว่านี้มีอีกไหม

     

    นี่ ตื่นได้แล้วชานยอลเอื้อมมือไปเขย่าไหล่คนตัวเล็กข้างกายเบาๆ เจ้าภูตินี่น่ะยังอยู่ในร่างมนุษย์ คงเป็นเพราะแปลงเป็นมนุษย์เมื่อคืน กว่าจะกลับร่างภูติก็คงเป็นคืนนี้

     

    งือ..บยอนแบคครางอื้ออึงในลำคอแล้วพลิกตัวกลับไปอีกข้าง

     

    จะออกไปข้างนอกด้วยกันไหม หรือจะนอนอยู่ที่ห้องและคำว่า ข้างนอก ของปาร์คชานยอลที่ออกมาจากปาก มันก็ทำให้บยอนแบครีบหันกลับมา

     

    ไปด้วยซี่ตาแป๋วๆของบยอนแบคมองหน้าชานยอล ซึ่งนั่นต้องทำให้เขาเสมองไปทางอื่น

     

                ทำไมพอเป็นมนุษย์แล้วน่ารักกว่าเดิมอีก

     

    งั้นก็..ไปอาบน้ำ

     

    เราเป็นภูติ เราไม่ต้องอาบ

     

    แต่ตอนนี้นายเป็นมนุษย์ ถ้าไม่อยากตัวเหม็นก็รีบไปอาบน้ำเร็วเข้า ชานยอลดุเล็กน้อย บยอนแบคก็ค่อยๆลุกขึ้นมา ปากก็ขมุบขมิบบ่นอุบอิบ ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ชานยอลยิ้มออกมาเล็กน้อย

     

                ชานยอลที่อาบน้ำเสร็จก่อนที่จะปลุกคนตัวเล็ก ก็จัดการหาชุดที่บยอนแบคน่าจะใส่ได้ และมันก็ยากมากๆ เพราะขนาดตัวค่อนข้างต่างกัน ชานยอลหยิบเสื้อยืดมาหนึ่งตัวและกางเกงวอร์ม มันเป็นยางยืดบยอนแบคน่าจะใส่ได้ แต่ความยาว อ่า..ถ้าปลายกางเกงมันกองๆมันคงไม่ดูตลกเกินไปหรอกเนอะ

     

    ชานยอล!” ชานยอลที่เถียงกับตัวเองในความคิดหันไปหาเสียงเรียกชื่อของตน ก็ต้องกุมขมับ เพราะตอนนี้ตัวของบยอนแบคเปียกไปทั้งตัว แต่ยังคงอยู่ในชุดนอน และนั่นก็เดาไม่ยาก

     

    ถอดเสื้อกับอาบน้ำไม่เป็นใช่ไหม

     

    แฮ่ และก็ได้รอยยิ้มแสบๆกลับมา ชานยอลจึงต้องละจากการเตรียมเสื้อผ้าไปช่วยบยอนแบคอาบน้ำ

     

                ให้ตายเถอะ เหมือนมีลูก

     

                กว่าจะจัดการบยอนแบคให้อาบน้ำได้ก็เล่นเอาชานยอลเหนื่อย เพราะเจ้าภูติดูจะสนุกเหลือเกินกับการเล่นน้ำ กว่าจะสระผมให้ได้ กว่าจะถูสบู่ เอ่อ หมายถึงสอนให้ถูสบู่ แน่นอนว่าชานยอลคงไม่ถึงกับถูให้บยอนแบคหรอก ถึงจะเป็นภูติ แต่ตอนนี้ก็อยู่ในร่างมนุษย์ มันก็แอบเขินอยู่เหมือนกัน

     

                บยอนแบคออกมาก็อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำของชานยอล ยืนรอตาแป๋วระหว่างที่ชานยอลก็ต้องเปลี่ยนชุดด้วยเพราะบยอนแบคทำเปียกหมด พอชานยอลเปลี่ยนเสร็จ ต่อไปก็เป็นการแต่งตัวให้บยอนแบค ไม่รู้ว่าจะแปลงเป็นมนุษย์อีกไหม แต่ชานยอลก็สอนทุกอย่างตั้งแต่การอาบน้ำและแต่งตัว

     

    วันนี้ฉันต้องไปมหาลัยเพราะรุ่นพี่นัด แล้วหลังจากนั้นเดี๋ยวพาไปซื้อเสื้อผ้านะ

     

    มหาลัยคืออะไร

     

    เฮ้อ..สถานศึกษา ฉันต้องไปเรียนที่นั่น หมายถึง หาความรู้น่ะนะ

     

    อ้อ เหมือนหอคอยเรียนรู้ที่โลกเรา ที่นั่นมีหนังสือเยอะแยะเลย เรารู้อะไรหลายๆอย่างจากที่นั่นบยอนแบคพยักหน้ารับรู้แล้วเล่าถึงโลกของตัวเอง

     

    นั่นแหละ มาทาลิปมันหน่อยชานยอลจับหน้าบยอนแบคให้หันมาหาตัวเอง ก่อนจะบรรจงทาลิปปาล์มลงที่ปากบางๆนั่น ในคราแรกเหมือนบยอนแบคจะต่อต้านหน่อยๆ แต่พอชานยอลลูบหัว ก็กลับมาอยู่นิ่งอีกครั้ง

     

                เหมือนหมาเลย สงสัยชอบให้ลูบหัว นี่ภูติหรือลูกหมากันนะ

     

                ทันทีที่ทาลิปมันให้เสร็จ บยอนแบคก็วิ่งไปที่ประตูแล้วจัดการเปิดมันออก เมื่อเปิดมันออกได้ ก็ดูบยอนแบคจะดีใจแบบโอเวอร์แอคติ้ง เขาส่งเสียงดังแล้วยิ้มกว้าง ชานยอลไม่รู้หรอกว่าการเปิดประตูเองได้มันจะน่าดีใจอะไรขนาดนั้น แต่ถ้าการที่ดีใจแล้วแสดงท่าทางน่ารักแบบนั้นออกมา ชานยอลก็อยากให้บยอนแบคดีใจแบบนี้กับทุกๆเรื่อง

     

                ชานยอลขับรถออกมาจากคอนโด ซึ่งระหว่างทางบยอนแบคก็เอาแต่หน้ามุ่ย ผิดกับตอนที่ดีใจกับการเปิดประตู้หองได้เอง ถามไปถามมาก็ได้ความว่า หิวนั่นเอง เอ้อ เหมือนเป็นเด็กน้อย แล้วชานยอลก็ได้รู้อีกอย่างว่าตอนเป็นมนุษย์ภูติก็ใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์ เวลาหมดแรงก็ต้องกินอาหารเหมือนเราๆ แล้วที่บยอนแบคหน้ามุ่ยดูเซื่องซึมแบบนี้เพราะไม่ได้กินเกสรตั้งแต่เมื่อคืน แล้วพอเป็นมนุษย์ก็กินไม่ได้ ชานยอลจึงแวะมินิมาร์ทให้เจ้าภูติหาอะไรรองท้องไปก่อน

     

                แซนวิชกับนมกล้วยเป็นสิ่งที่ชานยอลเลือกให้บยอนแบคกิน แต่หลังจากที่ซื้อมาให้ เขาก็เจอศึกหนัก เพราะเขาไม่รู้ว่าบยอนแบคเคี้ยวไม่เป็น..

     

    แค่กๆๆบยอนแบคไอจนหน้าแดงเพราะพยายามกลืนแซนวิชทั้งชิ้นโดยไม่กัดเคี้ยว

     

    คายมาๆชานยอลแบมือรองรับแซนวิชที่บยอนแบคกินเข้าไป เจ้าภูติในร่างมนุษย์ก็คายทุกอย่างใส่มือชานยอลแล้วเงยหน้ามองชานยอลน้ำตาคลอ

     

    อึก..ไม่อร่อยเลย ทรมานมากเลยชานยอลบยอนแบคเบะปาก ชานยอลถอนหายใจก่อนจะใช้มือที่ว่างลูบหัวบยอนแบค

     

    เดี๋ยวสอนวิธีกินนะ ชานยอลพูดจบก็เดินไปที่ถังขยะแล้วจัดการกับมือตัวเองที่มีแซนวิชอยู่ เขาใช้ทิชชู่เปียกที่ซื้อมาเช็ดมือตัวเอง แล้วเดินกลับไปหาบยอนแบคที่นั่งหงอยอยู่เก้าอี้ข้างหน้ามินิมาร์ท

     

    ฮือชานยอลบยอนแบคเรียกชานยอลที่เดินมา ดวงตาใสๆเอ่อไปด้วยน้ำตา ปากบางๆเบะแต่ในปากก็คาบหลอดไว้อยู่

     

                นมมันเป็นน้ำเหมือนเกสร บยอนแบคเลยกินได้ จึงหยุดงอแงไปพักหนึ่ง เห็นดังนั้น ชานยอลก็ยื่นแซนวิชที่ซื้อมาใหม่ให้บยอนแบค แต่เจ้าตัวกลับส่ายหน้าพรืดแล้วเหมือนจะร้องไห้อีกครั้ง

     

    หยุดๆ อย่าร้องนะ เดี๋ยวสอนกิน นายจะกลืนโดยไม่เคี้ยวไม่ได้

     

    เคี้ยว? ยังไงบยอนแบคเอ่ยถามด้วยท่าทางใสซื่อ นี่ชานยอลมีลูกจริงๆใช่ไหม

     

    เอาฟันกระทบกัน แบบนี้ชานยอลทำท่าเคี้ยวให้บยอนแบคดู คนตัวเล็กกว่าก็ทำตามอย่างน่ารัก ทำเอาชานยอลยิ้มตามกับการกระทำนั่น

     

    กึกๆๆๆ

     

    อย่างทำแรงสิ อ่ะ งั้นลองกัดอันนี้ดูชานยอลยื่นแซนวิชไปจ่อที่ปากบยอนแบค

     

    กัดหรอ เรากัดโอเซกับคิมไคบ่อยๆ บยอนแบคยิ้มตาหยีก่อนจะงับแซนวิชไปหนึ่งคำใหญ่ๆ

     

    อ้ะ อย่าเพิ่งกลืนนะ ชานยอลรีบเอ่ยห้ามไว้เพราะเห็นว่าบยอนแบคกำลังจะกลืนแซนวิชก้อนโตนั่นโดยไม่เคี้ยว

     

    อื้อ

     

    ทำเหมือนเมื่อกี้สิ เคี้ยวน่ะสิ้นคำชานยอล บยอนแบคก็ทำตาม พอมาถึงตอนนี้ บยอนแบคก็เคี้ยวและกลืนได้แล้ว

     

    เย่ๆ เราทำได้ ฮี่ๆหลังจากบดแซนวิชคำนั้นด้วยฟันเล็กๆและกินได้แล้ว บยอนแบคก็ดูจะดีใจอีกแล้ว

     

                และนั่นแหละ ชานยอลชอบมองการกระทำนั่น มันดูน่ารักไม่หยอกเลยล่ะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการกระทำ หรือเจ้าของการกระทำ ที่ทำให้น่ามองขนาดนี้ หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จ ชานยอลก็รีบไปมหาลัยทันที ถ้าโอ้เอ้กว่านี้เห็นทีจะสายเอา

     

     

                มหาลัยกับมินิมาร์ทที่ชานยอลแวะไม่ได้ไกลจากกันมากนัก เลยใช้เวลาไม่นานในการเดินทาง ชานยอลเอารถไปจอดแล้วตรงไปยังตึกคณะที่เคยมาเมื่อ 3 อาทิตย์ก่อนตอนมายื่นเอกสาร เขาพาแบคฮยอนไปนั่งที่ใต้ตึก พร้อมกำชับว่าห้ามไปไหนกับใคร ให้รอจนกว่าชานยอลจะกลับมา บยอนแบคก็พยักหน้าตอบรับคำของชานยอลแล้วนั่งอยู่ตรงนั้น คอยมองนั่นมองนี้ไปเรื่อย

     

                ชานยอลที่ไปยังสถานที่ที่รุ่นพี่นัดก็เห็นว่าเพื่อนมากันเยอะแล้ว ชานยอลเดินไปเกือบหลังสุดเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักของตัวเองโบกมือให้ และข้างๆก็มีใครคนหนึ่งที่หน้าตาไม่รับแขกเท่าไหร่

     

    มาช้าอ่ะมินกิเอ่ยทัก

     

    แวะหาซื้อไรกินอ่ะ แล้วนี่..ชานยอลชี้ไปที่คนนั่งข้างๆ

     

    อ๋อ นี่คังดงโฮ เป็นลูกเพื่อนป๊าอ่ะ เจอตอนไปจีน โชคดีที่เรียนที่เดียวกัน จะได้ไม่เหงา มินกินยิ้มให้ผมแล้วหันไปยักคิ้วให้คนข้างๆ

     

    อืม คังดงโฮ

     

    ปาร์คชานยอล

     

                เมื่อทั้งสองคนทักทายกันเสร็จเรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่รุ่นพี่นัดพอดี รุ่นพี่วันนี้มากันแบบสบายๆ แค่ช่วยแนะนำเรื่องหลักสูตรที่เรียนคร่าวๆ กฎระเบียบ เรื่องตึกเรียน โรงอาหาร แล้วก็ให้ทำความรู้จักกับเพื่อนๆในภาค มีออกไปแนะนำตัว ความจริงมันควรจะสนุกเพราะได้เจอคนหลายๆคน แต่ปาร์คชานยอลกลับไม่มีอารมณ์ร่วมกับกิจกรรม ในใจก็นึกไปถึงบยอนแบคที่ป่านนี้ไม่รู้จะไปซนที่ไหนหรือเปล่า จะอยู่ตรงนั้นตามที่เขาบอกหรือเปล่า

     

    เป็นไรอ่ะชานยอล ทำไมคิ้วขมวดมินกิที่นั่งอยู่ข้างๆสะกิดไหล่ชานยอล เขาหันไปหาเพื่อนก่อนจะส่ายหน้า

     

                รุ่นพี่พูดอีกไม่กี่อย่างก็ปล่อยรุ่นน้องให้กลับได้ เมื่อได้ยินดังนั้น ชานยอลก็รีบวิ่งออกมาจากตรงนั้นโดยไม่สนใจเสียงเรียกของมินกิเลย

     

    บยอนแบค!” ชานยอลตะโกนเรียกบยอนแบคที่ฟุบอยู่ตรงโต๊ะที่เดิม

     

    งือ..เสียงดังจังเลยบยอนแบคเงยหน้าขึ้นมาอย่างงัวเงีย ชานยอลได้แต่ถอนหายใจ นึกว่าจะเป็นไรไป

     

    ง่วงหรอ

     

    อือ เพลียๆอ่ะ สงสัยเราไม่ชินกับร่างนี้ ครั้งแรกเลยนะเนี่ย บยอนแบคที่เคยงัวเงียเมื่อนาทีก่อนได้หายไป เพราะตอนนี้รอยยิ้มซนๆได้กลับมาแล้ว

     

                อืม เชื่อว่าครั้งแรก เพราะใส่เสื้อผ้าก็ไม่เป็น ถอดก็ไม่เป็น อาบน้ำก็ไม่เป็น กินก็ไม่เป็น ให้ตายเถอะ อยู่มาตั้งนาน ไม่คิดอยากจะลองแปลงเป็นมนุษย์เลยเหรอ ทำไมต้องมาแปลงตอนอยู่กับชานยอล

     

    งั้นเดี๋ยวพาไปซื้อเสื้อผ้า กินข้าว แล้วกลับห้อง ชานยอลพูดไปพลางลูบหัวกลมๆไปพลาง

     

    ชานยอล!” เสียงคุ้นเคยของเพื่อนรักดังขึ้น ชานยอลจึงเพิ่งระลึกได้ว่าเขาทิ้งเพื่อนไว้แล้วรีบออกมาหาบยอนแบค

     

    แหะ มินกิชานยอลยิ้มแห้งใส่มินกิ

     

    อ้าวคนนี้..บยอนแบคเอ่ยขึ้น มินกินจึงเปลี่ยนความสนใจจากเพื่อนมาเป็นคนที่ไม่คุ้นหน้า

     

    ใครอ่ะ เราเคยเจอกันด้วยเหรอมินกิถาม

     

    เคยๆๆๆ ที่ร้านอะไรย่างๆแล้วก็ที่ห้องชานยอล!” บยอนแบคเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น แหงล่ะ บยอนแบคดูท่าทางจะชอบมินกิ พอได้คุยเลยร่าเริงแบบนี้ แต่เดี๋ยวๆ มันไม่ใช่ประเด็น

     

    ฮะ..เดี๋ยวนะ--

     

    นี่บยอนแบค คนที่ฉันคุยโทรศัพท์ไง เอ้อ นี่แหละมินกิที่ฉันบอก ชานยอลรีบพูดแรกแล้วเดินมาโอบไหล่บยอนแบคไว้

     

    บยอนแบค?” มินกิทวนชื่อด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย หมายถึง..ชื่อแบค นามสกุลบยอนหรอ

     

    อ่า..ชานยอลอ้ำอึ้ง แต่สายตาเหลือบไปเห็นโปสเตอร์งานมหาลัยที่มีชื่อไอดอลคนหนึ่งแปะอยู่ตัวใหญ่ แบคฮยอน! ชื่อแบคฮยอน นามสกุลบยอนชานยอลรีบพูดออกมาทันที

     

                คิมฮยอนอา คือชื่อของไอดอลที่แปะอยู่กับโปสเตอร์งานมหาลัย ชานยอลจึงเลือกชื่อนั้น

     

    แบคฮยอนอะไรชานยอล เราอ่ะ--!!” บยอนแบคที่กำลังจะเถียงก็ถูกชานยอลปิดปากด้วยมือใหญ่ๆนั่นไปก่อน

     

    แล้วเขาเป็นใครมินกินที่ยังไม่หายสงสัยถามขึ้นอีกครั้ง

     

    เอ่อ เพื่อนอ่ะ เพื่อนสมัยเด็กชานยอลตอบออกไป เขาไม่ได้โกหกนะ ก็เพื่อนจริงๆ เล่นกันมาตั้งแต่เด็กจริงๆ

     

    ใช่ๆ ข้าเป็นเพื่อนชานยอลตั้งแต่เด็ก นี่เจ้ารู้ไหม ว่าตอนเด็กอ่ะ ชานยอลตัวกลมมากเลย!” บยอนแบคแกะมือชานยอลออกแล้วพูดเจื้อยแจ้ว

     

    ข้า? เจ้า?” มินกิดูงงๆกับสรรพนามที่บยอนแบคเรียกเขา

     

    ต้องแทนคนอื่นว่านาย แทนตัวเองเหมือนคุยกับฉันชานยอลกระซิบไปบอกบยอนแบค คนตัวเล็กก็พยักหน้ารัวๆ

     

    นายๆ เราหมายถึงนาย

     

    อ่าๆ งั้นไว้คุยกันนะชานยอล เดี๋ยวไปซื้อของเข้าหอเป็นเพื่อนดงโฮก่อน มินกิพยักหน้ารับแบบงงๆก่อนจะชี้ไปยังดงโฮที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ไม่ไกลนัก

     

    อือๆ ไว้เจอกัน

     

                หลังจากที่มินกิแยกตัวออกไป ชานยอลก็พาบยอนแบคไปที่รถ แต่ระหว่างทางบยอนแบคซนมากที่เดียว จะออกเส้นทางตลอดจนชานยอลต้องจับมือไว้

     

    เราต้องคุยกันยาวเลยบยอนแบค

     

    อะไรอ่ะ คุยอะไรยาวๆ

     

    ก็เวลาเจอคนอื่น สรรพนามเรียก หรือชื่อของนาย

     

    ชื่อเราก็บยอนแบคไง ส่วนเวลาเรียกคนอื่นเรารู้แล้ว ต้องเรียกว่านาย

     

    นายต้องบอกว่าบยอนแบคฮยอน จะได้ไม่แปลก

     

    แล้วบยอนแบคแปลกตรงไหน เราใช้มาตั้ง 18 ปี ก่อนเธอเกิดอีกนะชานยอล!” บยอนแบคดูเกรี้ยวกราดเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงชื่อเจ้าตัว

     

    อ่าๆ มันก็ไม่ได้แปลก แต่แปลกสำหรับมนุษย์น่ะ เข้าใจไหม

     

    ไม่เข้าใจหรอก แต่เข้าใจก็ได้ นี่โลกของเธอ เราจะทำตามที่ชานยอลพูด

     

    ดีมาก..ชานยอลยื่นมือไปลูบหัวบยอนแบคที่ยิ้มกว้าง แล้วเวลาเจอผู้หญิง นายต้องแทนว่าเธอ ใช้นายไม่ได้นะ

     

    เฮ้! ทำไมยุ่งยากงี้อ่ะ โลกเราไม่เห็นต้องแยกเลยว่ากับใครต้องเรียกอะไร บยอนแบคกอดอกแล้วคว่ำปากลงเหมือนเด็กเอาแต่ใจ แต่ก็นั่นแหละ มันน่ารักในสายตาชานยอล

     

    เอาหน่า เดี๋ยวก็ชิน อีกอย่างพูดเหมือนจะแปลงมาเป็นมนุษย์บ่อยๆ

     

    เราว่าสนุกดี ทุกอย่างที่เคยใหญ่มากๆสำหรับเรามันไม่ใหญ่แล้ว บยอนแบคพูดพลางเอามือทั้งสองแนบกับกระจกแล้วมองออกไปข้างนอกเหมือนเด็กๆ สายตากวาดดูทุกอย่างที่รถผ่าน

     

    อืม ก็นี่ไง เลยต้องไปเตรียมอะไรหลายๆอย่าง นายจะได้ใช้ตอนเป็นมนุษย์

     

    ฮี่ ชานยอลใจดีจังเลยบยอนแบคหัวเราะอย่างน่ารักแล้วมองไปข้างนอกตามเดิม

     

    ♦♦♦

     

                หลังจากที่ชานยอลพาบยอนแบคไปซื้อของและกินข้าว ตอนนี้มาถึงห้องชานยอลก็ถึงกับหมดแรง เพราะต้องคอยห้ามบยอนแบคไม่ให้ทำนู่นทำนี่ ต้องคอยบอกให้อยู่นิ่งๆตอนลองเสื้อผ้า ต้องคอยป้อนข้าวแล้วบอกให้เคี้ยวตอนกินข้าว และตอนนี้ชานยอลก็ได้รู้อีกอย่างว่า

     

                บยอนแบคไม่ชอบกินแตงกวา

     

                ในเมนูอาหารวันนี้มีแตงกวา ซึ่งบยอนแบคก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่บอกว่ากลิ่นมันแปลก แต่พอตักเข้าปากคำแรกยังไม่ทันจะเคี้ยว จ้าตัวเล็กก็คายออกมาใส่จานแล้วร้องไห้ทันที

     

              ฮือชานยอล มันขม

     

              ‘จะขมได้ไง แตงกวาไม่ขม

     

              ‘ก็เราบอกว่ามันขม ฮือ เหม็นด้วย

     

                แล้วก็ต้องเหนื่อยชานยอลกับการปลอบบยอนแบคให้หยุดร้องไห้ ต้องสั่งน้ำหวานมาให้เพื่อดับความขมของแตงกวา ซึ่งจริงๆแล้วก็รู้ใช่ไหม ว่าแตงกวามันก็ไม่ได้ขม นับวันบยอนแบคยิ่งเหมือนเด็ก แต่ก็นั่นแหละ มันก็น่ารักดีสำหรับชานยอล ถึงวันนี้จะเหนื่อยๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอยู่กับบยอนแบคแล้วมันสนุกมาก

     

    ไปอาบน้ำเร็วบยอนแบค ชานยอลดึงตัวบยอนแบคที่นอนแผ่อยู่บนเตียงให้ไปอาบน้ำ

     

    ไม่เอา เราเหนื่อย เดี๋ยวเราก็กลับไปเป็นภูติแล้ว ไม่ต้องอาบหรอก บยอนแบคพูดทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา

     

    ไม่ได้ อีกตั้งหลายชั่วโมง ลุกเร็ว ไปอาบ

     

    ชานยอลอาบให้เราอีกได้ไหมบยอนแบคลืมตาขึ้นมาแล้วเอ่ยด้วยเสียงอ้อนๆ

     

                แล้วมีหรือที่ชานยอลจะปฏิเสธ สุดท้ายก็ต้องไปอาบน้ำพร้อมกัน ดีจริงๆเลยที่เลือกห้องที่มีอ่างน้ำ ชานยอลเปิดน้ำอุ่นใส่อ่าง ใช้เวลาไม่นานในการรอให้มันเต็ม เมื่อบยอนแบคเข้าไปในห้องน้ำ ความอ่อนเพลียเมื่อกี้ก็ดูเหมือนจะหายไป ตื่นเต็มตาเมื่อเห็นอ่างน้ำ

     

    อู้ว ชานย๊อลล น้ำๆบยอนแบคตีน้ำแบบที่เด็กๆชอบทำ ชานยอลมองขำๆก่อนจะหย่อนตัวลงไปนั่งในอ่างด้วย

     

    เดี๋ยวน้ำมันก็ออกหมดหรอก อ่ะแบมือซิชานยอลบอกบยอนแบคก่อนจะบีบสบู่ในมือเล็กๆที่ยื่นมา

     

    อันนี้สบู่ เราจำได้ เราถูเป็น พูดจบบยอนแบคก็ทำเหมือนที่ชานยอลเคยสอนไปเมื่อเช้า

     

                ถึงจะดูเปิ่นๆ หรือเด๋อๆไปบ้าง แต่ยอมรับเลยว่าบยอนแบคเป็นคน อ่า เป็นภูติที่เรียนรู้เร็วมากจริงๆ ชานยอลและบยอนแบคใช้เวลาสักพักใหญ่ๆเลยกว่าจะอาบน้ำเสร็จ เพราะบยอนแบคเอาแต่เล่น นี่กะว่าอีกหน่อยชานยอลคงต้องหาเป็ดมาใส่อ่างน้ำเอาไว้ให้บยอนแบคเล่นตอนอาบน้ำแล้วล่ะมั้ง

                อ่ะ คิดไปนั่น

     

                หลังจากที่ชานยอลแต่งตัวให้บยอนแบคเสร็จ อ่า ไม่สิ บยอนแบคแต่งตัวเอง แต่ชานยอลหาชุดให้ วันนี้ยังคงต้องใส่ชุดชานยอลไปก่อน หลังจากที่เสื้อผ้าของบยอนแบคซักเสร็จเมื่อไหร่ค่อยเอามาใส่ เมื่อทั้งสองแต่งตัวเสร็จก็ถึงเวลาที่ต้องเข้านอน ชานยอลเป็นคนปิดไฟโดยแบคฮยอนมุดเข้าไปอยู่ในผ้านวมผืนโตก่อนแล้ว

     

    พรุ่งนี้ไปเรียน ไปด้วยกันไหม ชานยอลถามหลังจากที่สอดตัวเข้ามาในผ้าห่มแล้ว

     

    ไม่เอาอ่ะ เราเหนื่อย ขอเป็นภูติไปก่อน ไว้เราอยากเล่นเราจะเป็นมนุษย์นะ ไม่เหงานะเจ้ามนุษย์ยักษ์บยอนแบคไม่ว่าเปล่า แต่ยังยื่นมาไปลูบหัวชานยอลเหมือนเอ็นดู

     

    จะมนุษย์หรือยักษ์ หืม? แล้วใครเหงา นายสิจะเหงา ฉันไปมหาลัยได้เจอเพื่อนเยอะแยะ

     

    แล้วจะลืมเราไหมบยอนแบคถามเสียงอ่อน

     

    พูดสิว่าจะไม่ไปเรียนกับฉัน ทำมาเป็นหงอย ชานยอลเป็นฝ่ายยื่นมือไปลูบหัวบยอนแบคบ้าง ไม่สิ ไม่ใช่ลูบ

     

    ย่าห์ ขยี้หัวเราทำไม!” บยอนแบคโวยวายทันทีเมื่อโดนชานยอลขยี้หัวด้วยความหมั่นเขี้ยว เอ้อ ใช่ เราจะไปกับชานยอล เราจะติดตามชานยอลไปทุกทีเลย

     

    เป็นภูติหรือบอดี้การ์ด

     

    บอดี้การ์ดคืออะไร

     

    อ่า..คนที่คอยปกป้อง..อะไรทำนองนั้นมั้ง

     

    เหมือนการ์เดี้ยนน่ะหรือ

     

    อือ นั่นแหละ

     

    งั้นเราเป็นบอดี้การ์ด คอยปกป้องชานยอล จะไม่ให้ใครมารังแกเลย!

     

    ตัวแค่นี้อ่ะหรอ

     

    เห อย่าลืมซี่ เป็นภูตินะ นี่เป็นภูติ!” บยอนแบคชี้เข้าหาตัวเอง

     

                ขนาดห้องมืดๆ มีเพียงแค่แสงจันทร์ส่องลอดม่านเข้ามา ยังเห็นเลยว่าบยอนแบคน่ารักขนาดไหน

     

     

    ♦♦♦

     

                วันนี้ชานยอลตื่นเช้าเพราะตารางเรียนเขามีเช้า แต่ก็ต้องตกใจเมื่อคนที่คิดว่าควรจะกลับไปเป็นภูตินั้น ยังอยู่ในร่างมนุษย์แล้วหลับอุตุอยู่ข้างเขาอยู่เลย

     

    นี่..ชานยอลเขย่าร่างคนตัวเล็กเบาๆ

     

    อือ..

     

    บยอนแบค

     

    ฮื่อบยอนแบคไม่ตื่น แถมยังพลิกตัวหนีชานยอลอีกด้วย

     

    บยอนแบคฮยอน!!

     

    ฮื้อ นั่นชื่อเรา ขื่อเราๆๆ บยอนแบคสะดุ้งขึ้นมาแล้วนั่งหันหน้ามาหาชานยอล

     

    เออ นั่นชื่อนาย

     

    นี่..บยอนแบคพูดขึ้นแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆชานยอล

     

    อะ..อะไร

     

    ทำไมชานยอลตัวเล็กลงอ่ะ

     

    ฮะ!?” สิ้นเสียงบยอนแบค ชานยอลก็หลุดเสียงออกมาอย่างไม่เข้าใจ

     

    เนี่ยๆ หน้าชานยอลยังเล็กกว่ามือเราเลย เอ๊ะ เดี๋ยวนะ.. บยอนแบคที่ยื่นมือไปเทียบกับหน้าชานยอลก็สังเกตเห็นบางอย่างที่ผิดปกติไป นี่เรายังไม่กลับร่างภูติเลย!” บยอนแบคพูดเสียงดังแล้วทำตาโต

     

    เออนั่นแหละ จะบอกอยู่ชานยอลกุมขมับ ส่วนบยอนแบคก็เอาแต่พึมพำกับตัวเองไม่หยุด

     

                แต่ในระหว่างนั้น กริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้น ชานยอลจึงลุกออกไปโดยปล่อยให้บยอนแบคนั่งพึมพำกับตัวเองต่อไป เมื่อเปิดประตูก็เห็นเพื่อนรักคนเดิมยืนอยู่หน้าห้องพร้อมกับน้องชายที่ตอนนี้อยู่ในชุดนักเรียนอินเตอร์ชื่อดัง

     

    เอ้า ยังไม่อาบน้ำอีก ไปอาบสิ ฉันมาทำอาหารเช้าให้กิน

     

    อรุณสวัสดิ์ครับพี่ชานยอลลู่หานยิ้มหวานให้ชานยอล ชานยอลก็ยิ้มตอบแล้วหลีกทางให้สองพี่น้องเข้าไปในห้อง

     

    รีบไปอาบน้ำเร็ว เดี๋ยววันนี้ไปพร้อมกัน แต่ขอแวะไปส่งลู่หานก่อน มินกิโบกมือชานยอลให้ไปอาบน้ำ ส่วนตัวเองก็เดินเข้าไปในครัว

     

    เอ้อมินกิ

     

    หือ

     

    ฝากทำเพิ่มอีกที่นะชานยอลพูด และยังไม่ทันที่มินกิจะเอ่ยถาม คำตอบของชานยอลก็เดินออกมาจากห้องนอน สภาพตอนนี้เหมือนลูกเอาเสื้อผ้าพ่อมาใส่เลย เพราะชุดชานยอลกับตัวบยอนแบคมันต่างกันมาก

     

    ฮือ ชานยอลทำยังไงดีบยอนแบคยังคงคร่ำครวญไม่หยุด เดินเบะปากออกมาจากห้อง ซึ่งนั่นทำให้สองพี่น้องผู้มาเยือนต้องหันไปมองหน้ากันโดยที่ไม่ได้นัดหมาย

     

    แบคฮยอน..?” มินกิพึมพำชื่ออีกคนออกมา เมื่อบยอนแบคเห็นว่าใครมา จากที่เบะปากจะร้องไห้ก็กลับกลายเป็นรอยยิ้มร่าเริงเหมือนทุกครั้ง

     

    ฮ้า นี่ลู่หานๆๆแต่แทนที่จะวิ่งเข้าไปหาคนที่เอ่ยชื่อ กลับไปหาอีกคนที่ยังทำหน้างงอยู่

     

    นี่ๆ ลู่หานตกใจหมดแล้วดีที่ชานยอลจับไว้ทัน ถึงจะเป็นเสื้อก็เถอะ แต่ดีที่ไม่ถลาเข้าไปหาลู่หาน ดูนั่น น้องตกใจหมดแล้ว

     

    ใคร..เหรอครับลู่หานถามออกมา

     

    เราชื่อบยอนแบค!” บยอนแบคแนะนำตัวออกมาอย่างเสียงดัง แต่เมื่อสายตาหันไปสบกับชานยอลพอดี จึงมีเสียงแผ่วๆต่อท้าย “..ฮยอน

     

    อ๋า..ผมลู่หานครับ

     

    เรารู้ๆ

     

    รู้?”

     

    ก็--

     

    อ่า นี่เพื่อนสมัยเด็กน่ะ แล้ววันที่ลู่หานกับมินกิมาพี่คุยกับเขา ชานยอลต้องรีบพูดออกมาก่อนที่บยอนแบคจะทำเสียเรื่อง

     

    อ๋อ..ครับ

     

    งั้นเดี๋ยวไปอาบน้ำก่อนนะชานยอลพูด มินกิก็พยักหน้ารับน้อยๆก่อนจะไปสนใจสิ่งที่ต้องทำในครัว

     

    ชานยอล วันนี้เราแช่อ่างน้ำเหมือนเมื่อวานได้ไหมบยอนแบคที่เดินตามชานยอลถามขึ้นมา นั่นทำให้มินกิกับลู่หานหันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมายกันอีกแล้ว

     

    ไม่ได้ ต้องรีบอาบ ถ้าแช่น้ำเดี๋ยวก็ช้าอีก

     

    ฮื่อ

     

    อย่างอแง ไว้ตอนเย็นค่อยอาบในอ่างชานยอลรีบพูดออกมาเมื่อเห็นว่าบยอนแบคเริ่มเบะปากอีกแล้ว และชานยอลก็ต้องยอมอีกแล้ว

     

    ฮี่ น่ารักจังเล้ย บยอนแบคพูดออกมาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องนอนไป

     

                หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ซึ่งบยอนแบคก็ยังต้องใส่ชุดชานยอลอยู่วันนี้ชานยอลจึงให้บยอนแบคใส่ชุดบาสเพราะไม่ต้องออกไปไหน ยังอยู่ในร่างมนุษย์คงจะไปเรียนกับเขาไม่ได้ ตอนนี้ทั้งสี่คนอยู่บนโต๊ะอาหารที่มีข้าวผัดกิมจิที่มินกิทำไว้ให้

     

    ชานยอล..บยอนแบคเบะปาแล้วกระตุกเสื้อชานยอลเบาๆ เมื่อชานยอลหันไป ยังไม่ทันจะถามว่าอะไร ก็กระจ่าง เพราะในข้าวผัดนั้นมีแตงกวาอยู่ด้วย

     

    อ่าๆ เอามาๆ ชานยอลพยักหน้าเข้าใจแล้วใช้ช้อนของตัวเองตักแตงกวาจากจานแบคฮยอนมาใส่จานตัวเอง นั่นทำให้บยอนแบคยิ้มออกมาแล้วหัวเราะคิกคัก

     

    แบคฮยอนไม่กินแตงกวาเหรอ ขอโทษนะเราไม่รู้

     

    ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้บอกเองอ่ะ กินเถอะ เดี๋ยวสาย ชานยอลพยายามเบนความสนใจ มินกิก็แค่พยักหน้าไม่ได้สนใจอะไร ส่วนบยอนแบคก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตากิน พอรู้วิธีกินเข้าหน่อยนี่ก็ไม่หยุดเลยนะ จะมีก็แต่ลู่หานที่เอาแต่เงียบมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว แต่ชานยอลก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป หันมาตั้งใจกินต่อแทน

     

                เหลือเวลาอีกเกือบๆชั่วโมงที่โรงเรียนลู่หานจะเข้า ชานยอลเลยบอกให้ทั้งสองไปรอที่รถก่อนเดี๋ยวตามไป พอสองคนนั้นไปแล้ว ชานยอลก็หันมาหาบยอนแบคที่ยืนตาแป๋วมองชานยอล

     

    วันนี้อยู่ห้องนะ เรียนแป๊ปเดียวเดี๋ยวกลับมา

     

    อื้อ!” บยอนแบคพยักหน้า

     

    แล้วก็ถ้าหิวอ่ะ.. ชานยอลเดินไปที่ห้องครัวโดยมีบยอนแบคเดินตามแล้วเปิดตู้เย็น กินนมไปก่อนนะ รู้ใช่ไหมกินยังไงชานยอลชี้ไปที่นมกล้วยที่เมื่อวานซื้อยกแพ็คมาติดห้องไว้

     

    อื้อ!

     

    งั้นไปแล้วนะ

     

    อื้อ!

     

    พูดอย่างอื่นเป็นไหม 

     

    อืม.. รีบกลับมาเล่นกับเรานะแค่คำพูดว่าน่ารักแล้ว ยังยิ้มน่ารักๆไปให้ชานยอลอีก บอกเลยว่า ตาย ตายเลยชานยอล โดนความน่ารักของเจ้าภูติแอดแทคเต็มๆ

     

     

                แล้วหลังจากนั้น ระหว่างที่ชานยอลเรียน กลับไม่ได้สนใจการเรียนเท่าที่ควร เอาแต่นึกไปถึงหน้าบยอนแบคตอนพูดประโยคนั้นเมื่อเช้า ซึ่งมันก็ทำให้ใจชานยอลเต้นจังหวะแปลก

     

                ปึก!

     

    เอาหัวโขกโต๊ะทำไมอ่ะชานยอลมินกิถามด้วยความสงสัย

     

                ส่วนชานยอลก็พยายามสงบจิตสงบใจ ฟุบกับโต๊ะแบบนั้นอยู่พักใหญ่ ในใจก็ภาวนาให้รีบหมดเวลาเร็วๆ เขาล่ะอยากจะรีบกลับไปเล่นกับบยอนแบคแล้ว

     

    ♦♦♦

     

     

    “แม่!!!” เสียงเล็กเอ่ยเรียกผู้เป็นแม่ดังลั่นบ้าน

     

    “อะไร! เจ้าลูกคนนี้นี่ แก้วหูจะแตก” ซันนี่ ผู้เป็นแม่ที่ถูกเรียกก็บินมาหาพร้อมกับปิดหูทั้งสองข้าง

     

                ก็เสียงบยอนแบคใช่ว่าจะฟังรื่นหูเสียเมื่อไหร่

     

    “ก็คิดว่าอยู่ไกลอ่ะ” เจ้าภูติน้อยบึนปากแล้วบินไปกอดแม่ที่ไม่ได้เจอกันหลายวัน

     

    “แล้วกลับมาทำไม เจ้าชานยอลไล่กลับมาหรือ”

     

    “อย่างชานยอลน่ะหรือจะไล่ข้า ฮึ ชานยอลน่ะนะ เชื่อฟังข้าทุกอย่างแหละ ฮี่ๆ” บยอนแบคภูติโอ้อวด แล้วหัวเราะ พอนึกไปถึงหน้าชานยอลตอนหัวเสียเวลาบยอนแบคดื้อแล้วมันก็น่าดื้อใส่จริงๆ

     

    “อ่ะๆ ว่ามามีอะไรล่ะ ไม่ใช่ว่าคิดถึงบ้านหรอกนะ”

     

    “อ้อ ข้ารู้แล้ว คืองี้แม่ ข้าอ่ะแปลงเป็นมนุษย์ใช่ม้า ทีนี้อ่ะแม่เคยบอกข้าว่าเราแปลงเป็นมนุษย์ได้แค่ 1 วัน แล้วจะกลับมาเป็นภูติ..” บยอนแบคพูดเจื้อยแจ้ว ซันนี่ก็ได้แต่พยักหน้าตาม

     

    “ถูก แล้วไงต่อ”

     

    “แต่ว่าข้าไม่กลับร่างภูติอ่ะสิแม่”

     

    “เดี๋ยวๆ” สิ่งที่บยอนแบคพูดออกมาทำให้ซันนี่ต้องเบรกผู้เป็นลูกไว้ “แล้วนี่คืออะไร ก็เป็นภูตินี่ ยังกลับมาได้อยู่เลย” ซันนี่ชี้ไปที่บยอนแบคที่ตอนนี้ก็เป็นภูติตามปกติ

     

                ย้อนกลับไปเมื่อเช้า บยอนแบคที่อยู่ในร่างมนุษย์ก็อยู่ที่ห้องคำบอกของชานยอล ถึงแม้จะอยากออกไปเล่นแค่ไหนก็ตาม เจ้าภูติตัวเล็กเอาแต่นั่งๆนอนๆไม่ได้ทำอะไร จนกระทั่งรู้สึกแปลกๆที่ท้อง บยอนแบคก็คิดไปว่าน่าจะหิวอะไรนี่แหละ เลยไปเปิดตู้เย็นหยิบนมกล้วยเหมือนที่ชานยอลได้สอนไว้ แต่ยังไม่ทันจะได้หยิบ แสงสว่างวาบก็ออกมาจากตัวบยอนแบค รู้ตัวอีกทีก็กลับร่างภูติแล้ว

     

                บยอนแบคนั่งอยู่บนโต๊ะกินข้าว แล้วทบทวนเรื่องราวต่างๆ ว่าทำไมจู่ๆถึงกลับมาเป็นร่างภูติตอนนี้ แทนที่จะเป็นเมื่อคืน เพราะครบ 1 วันของมนุษย์ เสียงชานยอลก็ดังขึ้นจากหน้าประตู บยอนแบคจึงรีบบินไปหา เมื่อทั้งสองเจอกัน ชานยอลก็ต้องกุมขมับอีกครั้ง อย่าว่าแต่บยอนแบคเลยที่งง ชานยอลก็งงเหมือนกันว่าทำไมจู่ๆถึงกลับร่างภูติ ชานยอลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา ก็เห็นว่าเป็นเวลา 12.25 พอถามบยอนแบคว่ากลับร่างนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็ได้คำตอบเพียงแค่ว่าสักพัก และนั่นก็ทำให้ชานยอลได้รู้ว่าบยอนแบคคงจะดูนาฬิกาไม่เป็น  แต่ถ้ามันสักพัก ชานยอลก็ขอเดาว่าเป็นช่วงเที่ยงแล้วกัน มันดูเป็นเวลาที่อะไรๆน่าจะเกิดได้ง่าย จากการดูหนังมา

     

                จนสุดท้าย ทั้งสองที่เอาแต่งงและคิดไม่ตกกับการกลับร่างภูติช้าแบบนี้ก็เป็นต้องเลิกคิดไป เพราะบยอนแบคบอกว่าจะกลับไปโลกภูติเพื่อถามพ่อกับแม่ และบอกชานยอลว่าอาจจะกลับมาในอีกหลายวันข้างหน้า เพราะไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่ แต่เชื่อเถอะ ถ้าให้ชานยอลเดาว่าที่กลับมาช้าคงจะอยู่เล่นกับเพื่อนๆเขานั่นแหละ เห็นบ่นทุกวัน

     

     

    “เฮ้อ..” ซันนี่ถอนหายใจเมื่อได้ฟังเรื่องราวจากบยอนแบค

     

    “สรุปทำไมอ่ะแม่ ข้างงมากเลย”

     

    “ข้าไม่รู้”

     

    “อ้าว ไม่เหมาะเป็นแม่เลยอ่ะ ทำไมแค่นี้ไม่รู้ แม่ต้องรู้ทุกอย่างไม่ใช่หรือไงอ่ะ” บยอนแบคตัดพ้อแล้วส่ายหัวเบาๆ

     

                เพี๊ยะ

     

                และนั่นเลยทำให้โดนฝ่ามือเล็กๆของแม่ตีเข้าที่ไหล่เบาๆ

     

    “นี่แน่ะ เดี๋ยวเถอะ นี่แม่นะ”

     

    “ฮื่อ นี่ก็ลูกไง ข้าเป็นลูกนะ”

     

    “เฮ้อ..ข้าก็ไม่รู้ไงบยอนแบค เจ้าเพิ่งจะแปลงเป็นมนุษย์ครั้งแรก”

     

    “ข้าแปลกกว่าภูติตนอื่นอีกแล้วหรือแม่” บยอนแบคหน้างองุ้ม นึกแล้วก็น้อยใจ บยอนแบคแตกต่างจากภูติตนอื่นในหลายๆเรื่อง เพราะตอนคลอดมาก็มีปัญหาหลายๆอย่าง ทำให้ภูติตัวน้อยคอยแต่จะรู้สึกน้อยใจตลอดเวลาที่เห็นตัวเองมีความประหลาดต่างจากภูติตนอื่น

     

    “ไม่หรอก ดีออกน้า ได้เป็นมนุษย์นานกว่าตนอื่นอีก” ซันนี่ดึงบยอนแบคเข้ามากอดแล้วลูบหัวเบาๆ หัวอกคนเป็นแม่เวลาที่เห็นลูกซึมแบบนี้มันก็ไม่ดีนักหรอก บยอนแบคเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าหน้าบึ้ง

     

    “นั่นสิน้า ข้าได้ไปเที่ยวกับชานยอลด้วยแหละแม่ ชานยอลสอนข้าหลายอย่างเลย” พอซันนี่พูดถึงเวลาการเป็นมนุษย์ที่นานกว่าตนอื่น ก็ทำให้บยอนแบคยิ้มออกมา

     

                ใบหน้าที่เคยงองุ้มตอนนี้กลับมาสดใสอีกครั้ง บยอนแบคเล่าทุกเรื่องที่เกี่ยวกับชานยอลให้ผู้เป็นแม่ฟัง และระหว่างที่เล่านั้น ซันนี่ก็สังเกตได้ว่าบยอนแบคยังไม่หุบยิ้มเลยแม้แต่นาทีเดียว และนั่นมันก็ทำให้เธอสบายใจขึ้น คิดว่าจะอยู่กับชานยอลไม่ราบรื่นแล้ว แต่พอเห็นแบบนี้ก็ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว อีกอย่าง บยอนแบคดูมีความสุขมากจริงๆ อาจจะมากที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลยมั้ง

     

    “ฮ้า! แม่ คุยเพลินเลย ข้าต้องรีบกลับแล้ว ทิ้งเจ้าชานยอลไว้ มนุษย์นั่นต้องเหงาแน่เลย” บยอนแบคเด้งตัวขึ้นมาจากตักผู้เป็นแม่ เมื่อนึกได้ว่ามีใครบางคนรออยู่ที่โลกมนุษย์

     

    “ไม่ไปหาโอเซกับคิมไคหรือ กลับมาทั้งที” ซันนี่เอ่ยถาม บยอนแบคได้แต่ขมวดคิ้วแล้วพึมพำคนเดียว

     

    “ไม่ดีกว่า ข้ามานานแล้ว ไม่รู้ที่โลกมนุษย์จะผ่านไปกี่วัน เดี๋ยวชานยอลเหงา” บยอนแบคบอก ซันนี่ก็ได้แต่หัวเราะเบาๆ ไม่รู้จะกลัวชานยอลเหงาหรือตัวเองจะเหงากันแน่ มันออกจะแปลกหน่อยๆเพราะบยอนแบคตัวติดกับเพื่อนซี้สองตนนั้นมาก กลับมาทั้งทีควรจะไปหาเพื่อนบ้าง แต่บยอนแบคกลับเลือกที่จะรีบกลับไปหาชานยอลที่โลกมนุษย์

     

    “อ่ะๆ โอเค งั้นเดินทางดีๆ อย่าลืมที่ข้าบอก”

     

    “ได้เล้ย ไปแล้วนะแม่” บยอนแบคเอ่ยลาผู้เป็นแม่แล้วเข้ากระจกไป

     

     

    ♦♦♦

     

    “ชานย๊อลลล!!” ทันทีที่ถึงโลกมนุษย์ บยอนแบคก็ส่งเสียงเรียกชานยอลดังลั่น

     

    ภูติตัวน้อยๆบินไปรอบห้องนอน บินไปยังห้องน้ำเพื่อหาชานยอล และบยอนแบคก็ต้องยิ้มออกมาตาหยี เพราะเห็นว่าประตูห้องไม่ได้ปิด อาจจะเป็นเพราะชานยอลเปิดไว้ให้บยอนแบค แต่เมื่อออกมาจากห้องนอนก็ไม่เห็นมีวี่แววของชานยอลเลย บยอนแบคจึงตัดสินใจไปนั่งรอที่ตู้รองเท้าหน้าประตู ชานยอลเปิดมาจะได้เจอเขาเลย

     

     

    “บยอนแบค..นี่ ตื่นได้แล้ว” เสียงแว่วๆของชานยอลดังเข้าหูบยอนแบค แต่ก็ไม่ได้ทำให้บยอนแบคตื่นเต็มตา

     

                ชานยอลกลับมาในช่วงเย็นเพราะวันนี้มีเรียนทั้งวัน เมื่อเปิดประตูห้องมาก็ต้องตกใจเพราะบนตู้รองเท้ามีเจ้าภูติตัวน้อยหลับอยู่ ชานยอลจึงพาไปนอนในห้องดีๆ นี่ขนาดว่าชานยอลไม่ได้เดินเบานะ บยอนแบคที่อยู่บนฝ่ามือชานยอลก็ไม่เห็นมีทีท่าว่าจะตื่นเลย ชานยอลปล่อยให้บยอนแบคหลับไปแบบนั้นก่อนจะไปจัดการธุระของตัวเองให้เสร็จ ชานยอลอาบน้ำกินข้าวเรียบร้อย ตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินแล้ว ชานยอลเข้ามาในห้องก็ยังเห็นว่าบยอนแบคยังคงหลับอุตุอยู่ ไม่รู้จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน ชานยอลเลยจัดการปลุกอีกครั้ง

     

    “ถ้าไม่ตื่นจะไม่เล่นด้วยแล้วนะ”

     

    “ฮึม..อ้ะ ชานย๊อลลล” บยอนแบคที่ค่อยๆลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าชานยอลอยู่ตรงหน้า จากนั้นก็กลายเป็นตื่นเต็มตาแล้วโผเข้าไปกอดที่หน้าชานยอล

     

    “เฮ้ๆ อะไรเนี่ย”

     

    “เจ้าชานยอลคิดถึงเราไหม เราไม่อยู่คิดถึงเราหรือเปล่า”

     

    “ไม่อ่ะ ไม่มีนายสบายหูขึ้นเยอะเลย”ชานยอลพูดยิ้มๆ บยอนแบคชักสีหน้าเล็กน้อยแล้วบินกลับไปนั่งอยู่ที่หมอนประจำตำแหน่ง

     

    “ฮึ มนุษย์ขี้โกหก”

     

    “ฮ่าๆๆ แล้วเป็นไงบ้าง แม่ว่าไง”

     

    “อ้อ ใช่ๆ แม่บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน แต่ให้เรามาบอกชานยอลว่าตอนเราแปลงเป็นมนุษย์ครั้งต่อไปช่วยดูหน่อยว่ากี่ชั่วโมงถึงจะกลับร่าง” บยอนแบคพูดในสิ่งที่ซันนี่ฝากมาบอกชานยอล “..ว่าแต่ทำไมต้องฝากบอกชานยอลอ่ะ ให้เราดูไม่ได้เหรอว่ากี่ชั่วโมง”

     

    “ดูนาฬิกาเป็นหรอนายอ่ะ”

     

    “นาฬิกาหรอ..” บยอนแบคทวนคำชานยอล ก่อนที่มือเล็กๆจะหยิบอะไรออกมาจากกระเป๋าคาดเอวที่แม่ให้เอาติดตัวไว้เสมอ “นี่ๆ อันนี้หรือเปล่า” บยอนแบคยื่นสิ่งที่ตนเอาออกมาให้ชานยอลดู

     

    “นี่มันนาฬิกาทราย”

     

    “ก็นาฬิกาเหมือนกันนี่”

     

    “เออเอาเหอะ เดี๋ยวฉันดูเวลาให้ งั้นพรุ่งนี้แปลงเป็นมนุษย์นะ จะพาไปเที่ยว”

     

    “เที่ยวหรอ เย่! เราจะไปเล่นกันใช่ไหม” บยอนแบคถามออกมาด้วยความตื่นเต้น

     

    “คงงั้นแหละ งั้นฉันนอนนะ นายอ่ะ จะหลับลงหรือเปล่า เล่นหลับทั้งวันเลย”

     

    “หลับซี่ เราเหนื่อยมากเลย ไปกลับโลกมนุษย์กับภูติติดกัน” พูดแล้วก็หาวโชว์ ชานยอลมองภาพนั้นด้วยความเอ็นดู ก่อนจะยื่นนิ้วไปลูบหัวบยอนแบคที่หลับตาพริ้มยามโดนลูบหัว

     

    “งั้นหลับได้แล้ว เก็บแรงไว้เล่นพรุ่งนี้”

     

     

    ♦♦♦

     

                เช้านี้บยอนแบคตื่นแต่เช้า สงสัยจะตื่นเต้นที่จะได้ออกไปข้างนอก เจ้าตัวจิ๋วเอาแต่ส่งเสียงกวนชานยอลทำเอาชานยอลหลับต่อไม่ลง เมื่อบยอนแบคเห็นว่าชานยอลลืมตาตื่นก็รีบแปลงเป็นมนุษย์ทันที และนั่นแหละ มันทำให้ชานยอลตื่นเต็มตา เพราะเมื่อบยอนแบคแปลงเป็นมนุษย์ ก็หมายความว่าบยอนแบคกลับมาเปลือยเปล่าอีกครั้ง

     

                จะให้เห็นอีกกี่ครั้งก็ยังไม่ชินหรอก ชานยอลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูเวลาก่อนจะพาบยอนแบคไปอาบน้ำ เพราะบยอนแบคเอาแต่ง้องแง้งขออาบน้ำกับชานยอลอยู่แบบนั้น และวันนี้มันก็มาถึง วันที่บยอนแบคจะได้ใส่ชุดที่ซื้อมาใหม่ ชานยอลจับคนตัวเล็กแต่งตัวตามปกติ และชานยอลก็ยอมรับเลยว่าบยอนแบคใส่ชุดที่พอดีกับตัวเองนี่มันน่ารักมากจริงๆ

     

     

                วันนี้ชานยอลพาบยอนแบคมาที่จัตุรัสกลางเมือง เพราะช่วงนี้เป็นเทศกาลของหวาน ไม่รู้ทำไมพอชานยอลเห็นว่ามีเทศกาลนี้ในหัวก็พลันนึกไปถึงหน้าภูติตัวจิ๋วนั่นแล้ว ถึงแม้บยอนแบคจะไม่เคยกินของหวาน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะถูกปากหรือไม่ แต่ท่าทางแบบนั้น มันก็เหมาะกับพวกของหวานหน้าตาน่ากินไม่ใช่หรือไง

     

                เมื่อมาถึงที่หมาย บยอนแบคดูตื่นตาตื่นใจกับสิ่งรอบตัวเป็นอย่างมาก เพราะวันนี้ที่เป็นวันหยุด คนที่จัตุรัสก็มากมาย มองไปทางไหนก็แน่นขนัดไปหมด บยอนแบคมองไปที่ร้านขนมหวานต่างๆ ปากก็พูดออกมาแต่ว่าน่ารัก ก็ไม่เข้าใจว่าขนมหวานนี่มันน่ารักตรงไหน

     

    “มานี่เร็วแบคฮยอน” ชานยอลยื่นมือไปให้บยอนแบคจับพร้อมกับเรียกชื่อที่ตนตั้งให้

     

    “หือ?” บยอนแบคมองหน้าชานยอลตาแป๋ว เหมือนจะสงสัยว่าทำไมต้องเรียกชื่อนั้นแทนที่จะเป็นชื่อจริงๆ

     

    “เรียกให้ชินไง เป็นมนุษย์แล้วนะอย่าลืม” ชานยอลบอกเพื่อไขข้อสงสัย บยอนแบคจึงยิ้มกว้างแล้วสอดมือเข้าไปยังมือหนาของชานยอลที่ยื่นมารอ

     

    “ไปเล่นกัน!” บยอนแบคพูดเสียงดังฟังชัด นั่นทำให้ชานยอลยิ้มตามได้ไม่ยาก

     

                ชานยอลพาบยอนแบคเดินไปทั่วๆก่อนหนึ่งรอบ ก่อนจะให้บยอนแบคตัดสินใจว่าจะกินอะไร และคำตอบของชานยอลมันก็ทำให้ต้องเอามือใหญ่ๆของตัวเองมาตบเข้าที่หน้าผากตัวเองเบาๆ

     

    “เราอยากได้หมดเลยชานยอล เอาหมดเลยได้ไหม” บางทีชานยอลก็อยากจะจับบยอนแบคโยนออกไปนอกโลกเสียจริง

     

    “ถ้านายกินหมดนายต้องท้องแตกแน่ๆ”

     

    “ท้องแตกเลยเหรอ! ทำไมอาหารมนุษย์อันตรายอ่ะ” บยอนแบคบ่นพึมพำอยู่คนเดียว แต่ชานยอลก็ยังได้ยิน

     

    “ป่ะ งั้นเดี๋ยวพาไปกินบิงซูก่อน เมื่อกี้เห็นมีเมนูพีชด้วย”

     

    “บิงซูคืออะไร อร่อยไหม”

     

    “บิงซูคือน้ำแข็งไส มาเถอะ เดี๋ยวก็รู้เอง” ชานยอลกระตุกมือบยอนแบคที่เอาแต่มองไปรอบๆให้เดินตาม

     

                ชานยอลมาถึงร้านบิงซู ชานยอลก็จัดการสั่งบิงซูพีชเมนูยอดฮิตของร้านแบบ Take Home เพื่อที่จะพาบยอนแบคไปนั่งกินตรงลานกว้างที่มีโต๊ะเก้าอี้สำหรับทานของหวานโดยเฉพาะ บยอนแบคเอาแต่ตื่นเต้นกับทุกอย่าง ชะเง้อหน้าเข้าไปมองพนักงานตอนทำจนพนักงานต้องขำกับท่าทางเด็กๆนั่น ส่วนชานยอลก็ต้องคอยจับบยอนแบคไว้ไม่ให้เข้าใกล้ไปกว่านี้

     

                เมื่อได้รับบิงซูที่สั่งเรียบร้อย ชานยอลก็พาบยอนแบคเดินไปยังโต๊ะที่ว่างๆ และแน่นอน เขายังไม่ปล่อยมือบยอนแบค เขาจับมือบยอนแบคไว้แน่น ในขณะเดียวกันบยอนแบคก็จับมือชานยอลไว้แน่นเช่นกัน

     

    “อ่ะ อ้าปากเร็ว” เมื่อหาที่นั่งเรียบร้อย ชานยอลก็ตักบิงซูพอดีคำป้อนบยอนแบค คนตัวเล็กไม่ได้อิดออกอะไร อ้าปากรับบิงซูนั่นแล้วอมไว้แก้มป่อง

     

    “ฮื้อ ทำไมหายไป” อมไว้ได้ไม่เท่าไหร่ บยอนแบคก็งอแงอ้าปากให้ชานยอลดู

     

    “เอ้า มันเป็นน้ำแข็งอมไว้มันก็ละลายน่ะสิ”

     

    “ทำไมไม่ได้เรื่องเลย” บยอนแบคบ่น แต่มือนี่หยิบช้อนเตรียมตักคำต่อไปแล้ว

     

    “ทำไมเดี๋ยวนี้ขี้บ่นล่ะ”

     

    “ชานยอลแหละขี้บ่น” บยอนแบคชี้ช้อนที่จับอยู่ไว้มาทางชานยอล

     

    “เอ่อ..ขอโทษนะครับ” แต่ยังไม่ทันที่ชานยอลจะพูดอะไรกลับไป ก็มีผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งเดินเข้ามา

     

    “ครับ?” เป็นชานยอลที่เงยหน้าไปรับคำทักทาย ส่วนบยอนแบคก็เอาแต่สนใจบิงซูตรงหน้า

     

    “เอ่อ..ขอไลน์ได้ไหม” ผู้ชายคนนั้นถามขึ้น นั่นทำให้ชานยอลคิ้วขมวดแล้วชี้ไปที่ตัวเอง

     

    “ผม?”

     

    “เปล่า..คุณตัวเล็กคนนี้ต่างหาก” ผู้ชายคนเดิมชี้ไปที่บยอนแบคที่ตอนนี้เงยหน้าขึ้นมามองผู้มาใหม่

     

    “แฮ่” บยอนแบคฉีกยิ้มกว้างตามฉบับ และนั่นมันก็ทำให้แก้มผู้ชายคนนั้นขึ้นสีเล็กน้อย

     

    “อ่ะ..เอ่อ”

     

    “ผมชื่อคิมจีซูนะครับ”

     

    “เราชื่อบยอนแบคฮยอน” บยอนแบคตอบไปด้วยชื่อที่ชานยอลตั้งให้ด้วยสีหน้าที่ร่าเริง ซึ่งปกติเวลาชานยอลเห็นท่าทางนั่นจะยิ้มตาม แต่ทำไมวันนี้มันถึงหงุดหงิดแปลกๆก็ไม่รู้

     

    “ขอไลน์ได้ไหม”

     

    “อ่ะแฮ่ม!”ชานยอลกระแอ่มขึ้นมา และเรียกความสนใจของทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี

     

    “ชานยอลเป็นอะไร” บยอนแบคถามด้วยความเป็นห่วง

     

    “บิงซูติดคอ”

     

    “อ๋า..เราต้องทำยังไง แบบนี้หรือเปล่า” บยอนแบคลุกลี้ลุกลน  รีบลุกมาจากที่นั่งแล้วลูบหลังชานยอลเหมือนตอนที่ชานยอลเคยทำตอนที่บยอนแบคแซนวิชติดคอ

     

    “เอ่อ..แบคฮยอน” คนที่ชื่อจีซูนั่นเรียกบยอนแบค คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมามอง่อนจะเอ่ยถาม

     

    “อะไรเหรอ”

     

    “ให้ผมได้ไหม ไลน์น่ะ”

     

    “ไลน์อะไร เราไม่มีหรอก” บยอนแบคส่ายหน้า มันคืออะไรบยอนแบคไม่รู้จักด้วยซ้ำ

     

    “งั้น..เบอร์ได้ไหม”

     

    “010-6140-4xxx” ไม่ใช่บยอนแบคที่ตอบกลับไป แต่เป็นชานยอลต่างหากที่พูดออกไป ถามว่านั่นเบอร์บยอนแบคหรือ..

     

    “เบอร์แบคฮยอนหรือครับ”

     

    “เบอร์ฉันเอง พอดีใช้เครื่องเดียวกัน” นั่นแหละ มันคือเบอร์ชานยอล ภูติไม่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์นี่นา

     

    “ไม่ทราบว่า พวกคุณ..เป็นอะไรกันครับ” สิ้นเสียงคำถามของผู้มาใหม่ มือใหญ่ของชานยอลก็เอื้อมไปดึงมือบยอนแบคที่ยืนอยู่ข้างๆให้มานั่งตัก

     

    “คิดว่าเป็นอะไรล่ะ” ชานยอลถามเสียงเรียบ ส่วนบยอนแบคก็หันไปมองชานยอลด้วยความสงสัย แต่ก็สงสัยได้ไม่นาน เมื่อสายตาพลันเหลือบไปเห็นบิงซูที่อยู่ตรงหน้า บยอนแบคเอื้อมมือไปหยิบช้อนแล้วตักเข้าปากตัวเอง

     

    “อ่ะชานยอล” และแน่นอน ตักเข้าปากชานยอลด้วย

     

                ชานยอลอ้าปากรับบิงซูนั่นแล้วยักคิ้วไปให้เจ้าของคำถามที่ว่าเป็นอะไรกัน เมื่อจีซูเห็นภาพดังนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่เดินหนีออกไปจากตรงนั้นแค่นั้น

     

    “หนักอ่ะ ไปนั่งดีๆสิ” เมื่อจีซูเดินออกไปพ้นสายตาชานยอลแล้ว ชานยอลก็พูดขึ้น

     

    “เอ้า ชานยอลให้เรามานั่งเองนะ..ว่าแต่คนนั้นไปไหนแล้วอ่ะ” บยอนแบคกลับมานั่งที่ตัวเองตามเดิม แต่เมื่อนึกได้ว่าคนที่มาใหม่หายไปก็มองหา

     

    “มองหาทำไม”

     

    “นั่นเพื่อนใหม่ไง” สิ้นคำตอบของบยอนแบค ชานยอลก็ขมวดคิ้วทันที

     

    “เพื่อนใหม่อะไร เขานับนายเป็นเพื่อนหรือเปล่าเถอะ”

     

    “ฮั่นแน่ กลัวเราทิ้งอ่าเด้” บยอนแบคไม่ได้สนใจคำพูดของชานยอลเท่าไหร่ เพียงแต่พูดหยอกชานยอลขึ้นมาเท่านั้น

     

    “นายอ่ะแหละจะกลัวฉันทิ้ง ที่มหาลัยฉันมีเพื่อนเยอะแล้วนะจะบอกให้”

     

                มันไม่ใช่เรื่องโกหก ระหว่างที่บยอนแบคกลับโลกภูติไป เวลาของโลกมนุษย์มันผ่านไปเกือบ 1 อาทิตย์แล้ว ระหว่างนั้นที่มหาลัยชานยอลก็มีกิจกรรมมากมาย และหนึ่งในนั้นมีการคัดเลือกดาวเดือน และตำแหน่งเดือนมันก็คงไม่พ้นปาร์คชานยอลคนนี้

     

    “อือ..เรากลัวชานยอลทิ้ง ถ้างั้นชานยอลมีเพื่อนแล้วชานยอลก็จะไม่อยากให้เราอยู่ด้วยใช่ไหม” หลังจากที่บยอนแบคได้ยินว่าชานยอลมีเพื่อนเยอะแล้ว เจ้าตัวเล็กก็หงอยขึ้นมาทันที บางทีชานยอลอาจไม่ต้องการเขาแล้ว

     

    “เฮ้ยๆ คิดอะไร อย่าร้องไห้นะ” ชานยอลเห็นคนตรงหน้าหงอยจึงรีบพูดขึ้นมา

     

    “หึ ไม่ร้อง” บยอนแบคส่ายหัว แต่ปากบางกลับคว่ำลง มือที่ตอนแรกจับช้อนก็กลายมาเป็นวางไว้บนตักตัวเอง ทำไมเวลาบยอนแบคงอแงนี่มันน่ารักจังนะ ใจนึงชานยอลก็อยากจะแกล้งให้ร้องไห้ แต่อีกใจกลับสงสาร ไม่อยากให้คนตัวเล็กหงอยแบบนี้

     

    “โอ๋ๆ” ชานยอลลุกยืนเต็มความสูงแล้วเดินไปข้างๆบยอนแบคที่นั่งอยู่ ก่อนจะดึงตัวบยอนแบคมากอดไว้

     

                ตอนนี้หัวบยอนแบคจึงอยู่ที่หน้าท้องขอชานยอลพอดี นี่ถ้าบยอนแบคเตี้ยกว่านี้ชานยอลคาดว่าน่าจะมีความเรทในระดับหนึ่ง

     

    “เศร้าเลยอ่ะ” บยอนแบคพูดอู้อี้

     

    “มากไหม”

     

    “ไม่หรอก เราเคยโดนทิ้งแล้ว เลยไม่เป็นไรมาก” คำตอบของบยอนแบคทำให้ชานยอลต้องก้มตัวไปกอดบยอนแบคให้แน่นขึ้น

     

    “งานดราม่าก็มา”

     

    “งานดราม่าคืออะไร เพื่อนใหม่หรอ เขาจะมาหาชานยอลหรอ” แต่เศร้าได้ไม่นาน ชานยอลก็ต้องหลุดขำออกมาก่อนจะผละออกจากบยอนแบค

     

    “ฮะๆ อธิบายยากอ่ะ แต่เอาเป็นว่าไม่ทิ้งหรอก จะมีเพื่อนใหม่กี่คนก็ไม่ทิ้ง เห็นมาตั้งแต่ฉันตัวกลมไม่ใช่เหรอ ทิ้งไม่ลงหรอก”

     

    “ฮี่ๆ เจ้าชานยอลมนุษย์ตัวกลม” และนั่นแหละ บยอนแบคเหมาะกับรอยยิ้มที่สุดแล้ว

     

                อาจจะเป็นข้อดีอย่างหนึ่งของบยอนแบคที่เศร้าไม่นาน สุดท้ายก็ต้องกลับมาร่าเริง อย่างตอนนี้ไงล่ะ ชานยอลพาบยอนแบคมาเดินดูของหวานอีกครั้ง และก็มีบางอย่างที่ถูกตาถูกใจบยอนแบคจนถึงกับต้องปล่อยมือชานยอลแล้ววิ่งเข้าใส่

     

    “ชานยอล! เมฆ!” บยอนแบควิ่งไปหยุดอยู่ที่หน้าร้านขายสายไหมแล้วตะโกนเรียกชานยอลก่อนจะชี้ไปสายไหมที่คนขายกำลังทำ

     

                และเสียงบยอนแบคมันก็ไม่ได้เบาเลย จึงทำให้คนรอบข้างหันมามองไปสายตาเดียวกันหมด ชานยอลได้แต่ส่ายหน้าเล็กน้อยกับท่าทีเด็กน้อยนั่นแล้วเดินไปหาบยอนแบค

     

    “อย่าเสียงดังสิ คนมองหมดแล้วเห็นไหม” ชานยอลเดินเข้าไปกระซิบบยอนแบค คนตัวเล็กจึงหันไปมองรอบๆอย่างที่ชานยอลบอกก่อนจะโบกมือแล้วยิ้มให้ เหมือนว่าตัวเองเป็นผู้ว่าอะไรทำนองนั้น

     

                จะไปโบกมือให้เขาทำไมล่ะบยอนแบคเอ้ย

     

                ท่าทางของบยอนแบคทำให้หลายๆคนหลุดหัวเราะออกมา ชานยอลพยายามไม่สนใจแล้วดึงบยอนแบคไปสั่งสายไหม และในขณะที่ทำบยอนแบคก็เอาแต่บอกว่าน่ารักๆวนไปวนมา จนกระทั่งคนขายทำเสร็จ

     

                สายไหมเรนโบว์ที่บยอนแบคอยากได้ตอนนี้มาอยู่ในมือเจ้าตัวเล็กแล้ว แต่เชื่อเถอะว่าบยอนแบคน่ะไม่รู้วิธีกินหรอก

     

    “เหนียวจังอ่ะ” บยอนแบคหันมากางมือให้ชานยอลดูที่ตอนนี้เต็มไปด้วยสายไหมที่เจ้าตัวเอามือไปแตะ

     

    “แล้วไปแตะทำไมเล่า ค่อยๆกัดสิ ให้มันละลายในปาก” บยอนแบคทำตามที่ชานยอลบอก ส่วนชานยอลก็หยิบทิชชู่เปียกที่ซื้อติดตัวไว้มาเช็ดมือให้บยอนแบค

     

    “อร่อยจังเลยอ่ะ” บยอนแบคยิ้มให้ชานยอล เมื่อชานยอลเห็นใบหน้าของบยอนแบคก็ถึงกับหลุดขำ สายไหมไม่ได้เปื้อนมือแล้วก็จริง แต่กลับเลือกจมูกและมุมปากของเจ้าตัว

     

                เหมือนลูกหมาจริงๆเลย

     

    “วันหลังไม่ซื้อให้แล้วนะ กินเลอะเทอะมาก” ชานยอลพูดไปก็เช็ดมือที่เปื้อนไป ดูๆแล้วเหมือนชานยอลเป็นพ่อที่ต้องคอยดูลูกอย่างบยอนแบคเลย “อ่ะ..หันหน้ามาหน่อย” ชานยอลเอ่ย บยอนแบคที่กำลังกินสายไหมอย่างเอร็ดอร่อยก็ต้องหยุดแล้วหันไป

     

    ชานยอลใช้ทิชชู่เปียกเช็ดตรงที่เปื้อนให้บยอนแบค อย่าว่างั้นงี้เลย เมื่อกี้เหมือนพ่อลูก แต่ตอนนี้เหมือน..คู่รัก ล่ะมั้ง ชานยอลตัวสูงกว่าบยอนแบค จึงทำให้บยอนแบคต้องเงยหน้าเพื่อที่ชานยอลจะได้เช็ดอย่างสะดวก คนตัวเล็กกว่ายิ้มให้ชานยอลที่กำลังตั้งใจเช็ดหน้าให้ คนรอบข้างที่มองมาก็เอาแต่ยิ้ม บางคนก็ถ่ายรูป แต่เชื่อเถอะ ไม่มีใครจะยิ้มกว้างไปคนที่ได้รับรอยยิ้มนั่นแล้ว ก็ตอนนี้น่ะ ปาร์คชานยอลยิ้มกว้างกว่าใครเลย

     

     

    ♦♦♦

     

    “ทำไมมีแต่คนมองอ่ะ” ปาร์คชานยอลที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่โรงอาหารกลางของมหาลัยเอ่ยถามขึ้น เมื่อรับรู้ได้ถึงหลายๆสายตาที่จ้องมองมา

     

                เมื่อวานหลังจากที่พาบยอนแบคเที่ยวจนเหนื่อยแล้วเริ่มงอแงว่าง่วง ชานยอลจึงพากลับห้อง ความจริงบยอนแบคจะนอนเลยไม่อาบน้ำ ชานยอลจึงล่อด้วยการบอกว่าจะให้เล่นน้ำในอ่าง เท่านั้นแหละ ความง่วงก็มลายหายไปอีกแล้ว แต่ก็เล่นได้ไม่นาน เจ้าตัวเล็กก็หลับคาอ่าง ลำบากชานยอลต้องอุ้มออกจากอ่างและพาไปแต่งตัว ยอมรับเลยว่าเขินหน่อยๆ ทั้งๆที่เคยแต่งตัวให้บยอนแบคมาแล้ว

                และเช้านี้ชานยอลมีเรียนตอนสายๆ และชานยอลก็ตื่นสายเช่นกันจึงต้องพาบยอนแบคที่ยังอยู่ในร่างมนุษย์มากินข้าวข้างนอกด้วยเพราะที่ห้องไม่มีอะไรกินเลย จริงๆครบ 1 วันมนุษย์แล้ว แต่บยอนแบคยังคงอยู่ในร่างมนุษย์ หากนับเวลาให้เหมือนครั้งก่อนๆ อาจจะอีกสักประมาณสองชั่วโมงคงจะกลับร่างเดิม ชานยอลจึงรีบพามากินข้าว แล้วกะว่าจะให้ไปอยู่ที่ห้องสมุดรอก่อน อย่างน้อยๆที่นั่นก็ไม่มีคน หากกลับร่างก็คงไม่มีใครสนใจ

     

    “ก็..เพราะคนข้างๆนายมั้ง” มินกิที่นั่งกินข้าวอยู่ตรงข้ามชี้ไปที่บยอนแบคที่ก้มหน้าก้มตากินข้าวไม่สนใจใคร

     

    “แบคฮยอนเนี่ยนะ” ชานยอลหันไปชี้ที่บยอนแบคด้วย

     

    “เราหรอ” บยอนแบคหันไปหาชานยอลเมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง

     

    “จะมีครั้งไหนไหมที่กินแล้วไม่เลอะ” ชานยอลดุบยอนแบคเมื่อเห็นว่ามีข้าวติดที่มุมปาก ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบออกให้

     

    “ปากเราเล็ก” คนตัวเล็กเถียง แต่ชานยอลกลับหัวเราะ

     

    “เล็กตรงไหน”

     

    “ตรงปาก” ความจริงบยอนแบคซื่อหรือกวนตีน ชานยอลก็ไม่อาจรู้ได้

     

    “ดูนี่สิ” มินกิที่นั่งกดโทรศัพท์อยู่ได้ครู่หนึ่งก็ยื่นมันมาให้ชานยอล

     

                ในโทรศัพท์ปรากฏให้เห็นเป็นรูปๆหนึ่ง ซึ่งคนในรูปก็เป็นคนที่ชานยอลคุ้นเคยเป็นอย่างดีเลยล่ะ ก็มันคือชานยอลเอง และอีกคนก็เป็นเจ้าภูติตัวแสบบยอนแบคตอนที่เขาไปเทศกาลของหวานเมื่อวาน ในรูปที่ชานยอลเห็นคือรูปที่ชานยอลกำลังเช็ดหน้าให้บยอนแบค โดยที่ทั้งคู่มีรอยยิ้มให้กันและกัน ทำไมรู้สึกได้ถึงความมีบาเรียสีชมพูออกมาแปลกๆ

     

    “อือ ทำไมอ่ะ”

     

    “เอ้า เขาพูดกันให้ทั่วว่าเดือนคณะมีแฟนแล้ว ในคอมเม้นบางคนก็บอกว่าไม่มี แล้วพอวันนี้นายพามาก็เลยต้องมองไง แบคฮยอนกลายเป็นแฟนของนายไปแล้วชานยอล” มินกิพูดเพื่อความกระจ่าง

     

    “ตลกอ่ะ ฮะๆ ฉันกับแบคฮยอนเนี่ยนะแฟนกัน” ชานยอลส่ายหัว เจาภูตินี่รู้หรือเปล่าเถอะว่าแฟนคืออะไร

     

    “นี่ชานยอล เราขอลองกินอันนั้นหน่อย” บยอนแบคที่ไม่รู้เรื่องราวสะกิดชานยอลแล้วชี้ไปที่ลูกชิ้นในชามก๋วยเตี๋ยว

     

    “ลูกชิ้น”

     

    “อื้อ ลูกชิ้น อ้า!” บยอนแบคพยักหน้าแล้วอ้าปากรอรับลูกชิ้นจากชานยอล อาจจะเป็นความผิดของชานยอลเองที่ชอบป้อนบยอนแบค เลยทำให้บยอนแบคติดนิสัยที่ว่า ถ้าอยากกินของๆชานยอลต้องรอให้ชานยอลป้อน

     

              น่ารักดี

     

                แน่นอนว่าการกระทำทั้งหมดอยู่ในสายตามินกิ ดงโฮ และอีกหลายคนในโรงอาหาร

     

    “สรุปไม่ได้เป็นแฟนจริงๆถูกไหม” คราวนี้เป็นดงโฮที่เอ่ยถาม เพราะภาพที่เห็นตรงหน้ามันไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่

     

    “อือ”

     

                หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเอ่ยถามอะไรขึ้นมาเลย เมื่อใกล้ถึงเวลาเริ่มคลาส ชานยอลบอกให้เพื่อนไปก่อน จะพาบยอนแบคไปห้องสมุด จึงแยกกับเพื่อนตรงนั้น ชานยอลเข้ามาในห้องมุดแล้วพาไปอยู่ตรงมุมห้องที่ไม่ค่อยมีใครเดินผ่านเท่าไหร่

     

    “อยู่นี่ก่อนนะ นายอาจจะกลับมาเป็นภูติเร็วๆนี้”

     

    “อยู่คนเดียวหรอ” บยอนแบคเอ่ยถาม ยกนิ้วขึ้นมากัดเบาๆ

     

    “อย่ากัดเล็บ” ชานยอลเห็น่าจู่ๆบยอนแบคก็ยกนิ้วขึ้นมากัดเฉยเลย

     

    “ไหนใครกัด” บยอนแบคดึงนิ้วออกแล้วมองข้างๆเหลอหลา

     

    “ก็เห็นอยู่”

     

    “เรากัดนิ้ว ไม่ได้กัดเล็บ!” เจ้าตัวเล็กเถียง

     

    “แล้วต่างกันตรงไหน”

     

    “ก็นี่ไง เรากัดนิ้ว ตรงนี้ๆ” ไม่พูดเปล่า บยอนแบคยื่นนิ้วชี้ที่ตนกัดเมื่อครู่ไปตรงหน้าชานยอล แล้วใช้นิ้วอีกข้างชี้ไปยังส่วนที่ตนกัด

     

    “แล้วเล็บอยู่ตรงไหน”

     

    “ตรงนี้!” บยอนแบคเปลี่ยนที่ชี้

     

    “แล้วเวลากัดมันโดนไหม” สิ้นคำถาม บยอนแบคเลยลองกัดนิ้วแบบที่เจ้าตัวกักเมื่อครู่อีกครั้ง

     

    “โดน”

     

    “งั้นแสดงว่านายกัดเล็บน่ะสิ” ชานยอลมองไปที่เจ้าภูติจอมซนที่เอียงหัวคิดตามที่ชานยอลว่าไว้

     

    “จริงด้วย” บยอนแบคพพยักหน้า ส่วนชานยอลก็ต้องกลั้นขำเต็มที่ คนอะไรซื่อขนาดนั้น อ่อ ลืมไป ไม่ใช่คน

     

    “อืม วันหลังอย่ากัดอีก”

     

    “ไม่กัดแล้ว!

     

    “อืม งั้นไปก่อนนะ เรียนเสร็จจะรีบมาเลย” ชานยอลพูดเหมือนเห็นว่ามันใกล้เวลาจะเข้าเรียนเต็มที

     

    นี่ถ้าไม่กลัวว่าบยอนแบคจะกลับไปเป็นร่างภูติตอนเขาเรียนอยู่ก็อยากจะพาไปนั่งในห้องด้วยนั่นแหละ

     

    “อื้อ รีบมานะ เราไม่อยากอยู่คนเดียวอ่ะ รู้สึกได้ว่าจะเหงา” บยอนแบคยิ้มเผล่ ชานยอลจึงบีบจมูกบยอนแบคไปทีเพราะหมั่นเขี้ยว

     

    “รู้แล้ว ห้ามไปไหนนะ จะรีบมา” พูดจบชานยอลก็รีบออกจากห้องสมุดทันที

     

                คล้อยหลังชานยอล บยอนแบคก็นั่งลงที่พื้นแถวนั้น ก่อนจะเปลี่ยนอิริยาบถจากนั่งเป็นนอน ตาที่ใสแจ๋วเมื่อกี้เริ่มปิดเพราะอากาศที่เย็น บยอนแบครู้สึกเหนื่อยแปลกๆ ทั้งๆที่เพิ่งจะตื่น แต่บยอนแบคก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เหนื่อยก็นอนแค่นั้น และใช้เวลาไม่นาน บยอนแบคก็ไปท่องห้วงนิทราเรียบร้อย

     

    Tbc.

     

     

    #เราชื่อบยอนแบค

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×