ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    UNIVERSE of LOVE :: ชุลมุนกางเกงน้ำเงิน... เต็มคราบ!! [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #3 : [??? x ฟี่] Love is in the Air || Short Story about us

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 34.11K
      99
      13 ธ.ค. 53

     

    Universe of Love :: ชุลมุนกางเกงน้ำเงิน...เต็มคราบ!

     

     

    Title : Love is in the Air

    Genre : Yaoi, Short Story

    Paring : ... x ฟี่

    Rated : PG-15

     

               

                "โน่... ตกลงเย็นนี้ว่าไง ไปบ้านกูป่าว" เสียงออดอ้อนฟังดูน่ารำคาญดังขึ้นไม่ไกลนักจากเด็กชายเจ้าของเอกสารกองพะเนินที่ตั้งอยู่ตรงหน้ามาเป็นเวลาเกือบอาทิตย์แล้ว ฟี่เกาหัวตัวเองเซ็ง ๆ ระหว่างเปิดเอกสารเล่มใหม่ ขณะที่ปุณณ์ยังโต้ตอบกับโทรศัพท์เครื่องสีดำต่อ

     

                "เฮ้ยไรวะ ไหนบอกจะไปวันนี้ไง" หึ... สมน้ำหน้า... ฟี่ที่ได้ยินเพื่อนตัวเองเปลี่ยนจากเสียงอ่อนเสียงหวานเป็นขึงขังขึ้นมา แล้วก็แอบอดสะใจไม่ได้

     

                "ติดเกมไรของมึง บ้านกูก็มี มึงจะเอาเกมไหน.... อะไรนะ.. ตลก มึงก็เอาเม็มมาเสียบดิ่.... ไม่ได้ สัญญาต้องเป็นสัญญา กูนับวันรอมา 1 เดือนกับอีก 6 วันแล้วนะ" แถมยังดูท่าทางฟ้าจะเข้าข้างฟี่เสียอีก เพราะไม่ว่าปุณณ์จะทั้งอ่อนข้อทั้งขู่เข็นยังไง ปลายสายก็ไม่มีทีท่าจะยอมแพ้เลย

     

                "โน่ครับ...."

     

                "โน่!"

     

                "โน่...."

     

                "โน่อะ!"

     

                โว้ยยยยยย แล้วพวกมึงจะยืดเยื้อตื้อกันอีกนานไหม! ฟี่(ที่แอบฟังอยู่นาน)ชักเริ่มหงุดหงิดใจ หมายจะเดินไปใช้สิทธิ์ขาดในการเป็นประธานนักเรียนสั่งให้ไอ้เลขาฯตัวดีวางโทรศัพท์ซักที (ด้วยความหมั่นไส้) แต่ปุณณ์ดันไหวตัวทัน รีบยกมือห้ามทัพเขา แล้วยื่นคำขาดให้คนที่อยู่ปลายสายทันที "ก็ได้ งั้นกูไปนอนบ้างมึงเอง"

     

                แม่งเอาเข้าไป... ตื้อกันเข้าไป

     

                ฟี่ชักสีหน้าใส่เลขาสภาฯก่อนจะกลับไปกระแทกตัวนั่งตรวจเอกสารต่ออย่างเคือง ๆ

     

                หลังจากนั้นไม่ว่าไอ้คู่รักแห่งปีนั่นจะง้องอนอะไรต่อเขาก็ไม่สนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ปุณณ์ตลบหลังปลายสายโดยการบอกว่าวันนี้เตรียมเสื้อผ้าออกมา เพราะตงิด ๆ อยู่ว่ามีโอกาสถูกเบี้ยวสูง หรือแม้แต่ตอนที่ปุณณ์เหมาเอาเองเสร็จสรรพว่าโน่ตกลงจนปลายสายแหวลั่นเสียงดังออกมานอกโทรศัพท์ เขาก็ยังไม่อยากจะสนใจ

     

                ฟี่แอบฟังเพื่อนตัวเองที่แม้จะทะเลาะกันไปมาแต่ก็ดูว่ามีความสุขดี จนอดคิดเปรียบเทียบกับตัวเองให้อิจฉาเล่นไม่ได้

     

                ก็มันนานแค่ไหนแล้ว... ที่จอโทรศัพท์ตรงหน้าเขาไม่ปรากฏเบอร์ของคน ๆ นั้นโทรเข้ามา

     

                ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เขาต้องเป็นฝ่ายโทรหา.. เพื่อจะได้ยินเสียงปลายสายตอบกลับมาว่า "ไม่ว่าง"

     

                "เฮ้อ..." ประธานนักเรียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะเดินไปล้มตัวนอนยาวบนโซฟาเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ  ตอนนี้ปุณณ์วางสายจากโน่ไปพักนึงแล้ว นำความสงบสุขมาสู่ห้องสภาฯ แต่ดูเหมือนว่าความสงบนี้จะสวนทางกับจิตใจฟี่ที่ยังว้าวุ่นเช่นเคย

     

                โทรศัพท์ทัชสกรีนจอกว้างจากค่ายผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ แสดงหน้าจอเตรียมการสีดำสนิทเบื้องหน้าผู้ถือมัน  ฟี่มองโทรศัพท์เครื่องนั้นด้วยใจอ่อนล้า เพราะไม่ว่าจะภาวนาแค่ไหน คนที่เขาแสนคิดถึงก็ไม่เคยติดต่อมาซักที

     

                ฝ่ามือผอมทิ้งตัวลงข้างโซฟาทั้งที่มือยังกำโทรศัพท์แน่นอยู่  ฟี่ค่อย ๆ ปิดเปลือกตาช้า ๆ ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือปุณณ์กำลังสาวเท้าเข้ามา

     

                'ขอเพลงเพราะที ช่วยทำให้เขาหายเหงา ช่วยร้องให้ฟังแทนตัวเรา...'

                แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อโทรศัพท์สีดำเครื่องนั้นทั้งร้องทั้งสั่นคามือเขาอย่างแรง! ฟี่รีบกระเด้งตัวขึ้นมาด้วยท่าทีตื่นเต้น แต่ไม่วายส่งสายตาสงสัยไปหาปุณณ์ ซึ่งมาหยุดยืนตรงหน้าเขา แต่เจ้าตัวเพียงยิ้มขำ ๆ และทำมือไล่ให้ไปรับโทรศัพท์ก่อนก็เท่านั้น

     

                ฟี่รีบกดรับโทรศัพท์ทันทีอย่างลิงโลดใจ "ฮัลโหลอาย!... อ้าวว ไอ้แบงค์ มีไร... เออ กูรู้แล้ว... เออ ๆ ไม่ต้องย้ำ... เออ สัด กูอารมณ์ไม่ดี แค่นี้นะ... เออ รู้แล้วโว้ยยย! บาย!" ก็ทั้งที่อุตส่าห์ตั้งความหวังไว้เต็มที่แล้วว่าต้องเป็น อาย แฟนสาวจากรั้วโรงเรียนสาธิตใจกลางเมืองของเขาแท้ ๆ ดันกลายร่างเป็นสาราณียกรประจำสภาฯ ที่โทรมาย้ำนักย้ำหนาเรื่องเอกสารที่เขาต้องจัดเตรียมให้เสร็จก่อนพรุ่งนี้ซะได้... ฮึ่ย มันน่าเบื่อนัก!

     

                ฟี่รีบกดวางสายก่อนจะถูกอีกฝ่ายย้ำอะไรซ้ำ ๆ มากไปให้อารมณ์เสียยิ่งกว่านี้  โทรศัพท์ทัชสกรีนรุ่นล่าสุดถูกปล่อยลงบนพื้นห้อง ขณะที่เจ้าตัวนอนยาวบนโซฟา

     

                "มีไรวะปุณณ์" เพราะในเมื่อตะกี้ก่อนที่เขาจะรับโทรศัพท์เห็นเลขาสภาฯตัวดีเดินเข้ามาทำท่าเหมือนมีเรื่องอยากคุยด้วย ดังนั้นในฐานะประธานนักเรียน จะปล่อยปละละเลยเพื่อนร่วมงานก็คงไม่ดีอยู่

     

                ฟี่เหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาของเพื่อนตัวเองที่คลี่ยิ้มกว้าง พลางอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง "กูจะบอกว่า..."

     

                'ขอเพลงเพราะที ช่วยทำให้เขาหายเหงา ช่วยร้องให้ฟังแทนตัวเรา...'

                เสียงโทรศัพท์ดังขัดบทสนทนาอีกแล้ว! ฟี่เกาหัวตัวเองเซ็ง ๆ ก่อนจะกดมารับโดยไม่ต้องมองเบอร์

     

                "ไอ้สัด! รู้แล้วโว้ยยย อย่าย้ำมากได้มะ กูหงุดหงิด เดี๋ยวกัดหูแม่ง!"

     

                "ฟี่... นี่อายนะ" อึ๋ยยยย แต่เสียงหวานจากปลายสายทำเอาคนฟังต้องกระเด้งตัวขึ้นจากโซฟาแทบจะทันที ราวกับมีเข็มพันเล่มทิ่มอยู่

               

                "อ... อ้าว.. อาย! ฟ... ฟี่ขอโทษ ฟี่นึกว่าเพื่อน ขอบคุณนะ เอ๊ย!!! ขอโทษนะ!" แถมยังลิ้นรัวพันกันจุกปากไปหมด เมื่อรู้ว่าทักคนผิดอย่างมหันต์ โชคดีว่าปลายสายคล้ายไม่ได้สนใจอะไร

     

                น้ำเสียงหวานนั้นพูดต่อ "อืม เย็นนี้ฟี่ว่างรึเปล่า" ซึ่งแน่นอนว่าคำถามเรียบ ๆ อย่างนี้ยิ่งทำให้ฟี่ตกใจได้ยิ่งกว่าเก่า ในเมื่อแค่โทรมาก็เซอร์ไพร์สเขามากแล้ว ยังมีเรื่องเซอร์ไพร์สยกกำลังสองเข้าไปอีก!  ใบหน้าของประธานนักเรียนฉายแววลิงโลดใจราวกับเพิ่งเอนท์ติดหมอ (ทั้งที่ตัวเองเรียนสายศิลป์) ก็ไม่ปาน

     

                "ว่างสิ ว่าง ว่างมาก ๆ ด้วย เราจะไปไหนกันดีอาย"

     

                "งั้น.. เจอกันที่ Bookends นะ เดี๋ยวอายไปรอ" ถึงแม้ปลายสายจะพูดแล้ววางหูไปทันทีที่ธุระจบ แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้ฟี่หยุดรอยยิ้มที่กว้างเป็นจานดาวเทียมได้

     

                "อายโทรหากูแล้ว เย้~~~~~~~~~!!" และก็เพราะท่าทางมีความสุขปรอทแตกนั่นทำเอาปุณณ์หลุดหัวเราะขำ ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างยินดี "เออ ดีใจด้วย"

     

                "แล้วตะกี้มึงมีไร เห็นเดินมาเหมือนจะพูด"

     

                คนถูกถามคลี่ยิ้มกว้าง "ก็กูกับโน่เห็นมึงนอย ๆ เลยว่าจะชวนไปเล่นเกมด้วยกันเย็นนี้อะ แต่คงไม่ต้องแล้วมั้ง"

     

                "เออ ไว้โอกาสหน้า วันนี้กูขอไปหาแฟนกูก่อน วู้วววววววววววววววว" ปุณณ์มองภาพประธานนักเรียนของเขาที่เอาแต่ส่งเสียงประหลาดพลางกระโดดโลดเต้นโหยงเหยงหยองแหยงออกไปนอกห้องสภาฯอย่างขำปนระอาใจ

     

                "หมายความว่าเย็นนี้กูต้องอยู่เคลียร์เอกสารให้มึงแทนใช่มะ... ไอ้เวร"

     

     

     

    ***

     

     

                ยามเย็นที่สยามสแควร์ ศูนย์รวมวัยรุ่นจากทั่วกรุงเทพ ที่มีประชากรหนาแน่นขั้นสูงสุดหลังเวลาเลิกเรียน

     

                ฟี่เบียดตัวเองออกจากรถไฟฟ้าอันแสนตะกุกตะกัก เพราะวันนี้รถไฟเดี๋ยววิ่งเดี๋ยวจอดผลัด ๆ กันนานนับสิบนาที ช่างน่าอารมณ์เสียจนเจ้าตัวแทบตะโกนด่าบุพการีคนขับซะให้รู้แล้วรู้รอด โทษฐานดันมาเจ้าปัญหาในวันที่เขามีนัดสำคัญอย่างนี้!

     

                ใช่แล้ว สำหรับฟี่ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าแฟนสาวจากรั้วโรงเรียนสาธิต ที่ไม่เจอหน้ากันนานจะครบ 2 เดือนอยู่รอมร่อ เขาคิดถึงใบหน้าหวานน่ารัก เรียบร้อย และพูดน้อยเสมอเมื่ออยู่ด้วยกัน

     

                เธอช่างเป็นคนที่แตกต่างจากเขา แต่ฟี่บอกตัวเองทุกวันว่าคนนี้แหละ ที่จะมาช่วยเติมเต็ม

     

                "อาย! ฟี่ขอโทษ รถไฟฟ้ามันเสียอะ นี่ฟี่รีบที่สุดแล้วนะ!" เด็กหนุ่มกระหืดกระหอบวิ่งมาตลอดทางจนกระทั่งหยุดหอบตรงหน้าแฟนสาวที่นั่งรอเขาในร้านกาแฟโปร่ง ตรงหน้าเธอปรากฏถ้วยกาแฟและโดนัทเจ้าอร่อยอีกหนึ่งชิ้น

     

                "ไม่เป็นไร พักก่อนสิ" เด็กหญิงว่าพลางเขยิบเก้าอี้ให้อีกฝ่าย ฟี่ล้มตัวลงขยับคอเสื้อไล่ความร้อนให้จางไป

     

                "อายมานานยัง ช่วงนี้เรียนไม่หนักแล้วเหรอ" คนถูกถามพยักหน้ารับช้า ๆ

     

                "ก็ยังเหมือนเดิมแหละ ฟี่ล่ะ"

     

                "งานยุ่งมากเลย นี่ก็ฝากปุณณ์เคลียร์งานให้ เพราะอยากมาเจออายมากกว่า" แน่นอนว่าการโปรยคำหวานพลางยิ้มตบอีกหนึ่งทีคือไม้เด็ดของฟี่ หากแต่สาวเจ้าเพียงแค่พยักหน้ารับเบา ๆ เท่านั้น "อืม.."

     

                "แล้วเราไปไหนกันดีอะ ดูหนังมั้ย ไม่รู้มีเรื่องไรน่าดูบ้างเนอะ"

     

                "วันนี้อายต้องรีบกลับบ้าน"

     

                "อ้าวเหรอ..." ฟี่อดรู้สึกเซ็งเล็ก ๆ ไม่ได้ ในเมื่อนาน ๆ จะมีโอกาสเจอกันซักทีแท้ ๆ..

     

                แต่ใบหน้าหวานของแฟนสาวที่ดูอึดอัด ทำให้เขาไม่กล้างอแง "งั้นแค่กินข้าวก็ได้ ไปบ้านหญิงมั้ย หรือเกรย์ฮาวด์ดี"

     

                "คือฟี่..."

     

                "หืม?"

     

                "....."

     

                "ว่าไงอะ?" แถมยังเรียกแล้วไม่ยอมพูด ทำเอาเจ้าตัวเซ็งขึ้นมาได้อีกนิดหนึ่งเหมือนกัน  ฟี่เลิกคิ้วมองแฟนสาวตรงหน้าที่ดูอึก ๆ อัก ๆ เหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่ยอมพูดซักที

     

                "มีไรป่าวอาย" ในเมื่อเว้นช่วงไปนานขนาดนี้แล้วจึงต้องเรียกเตือนสติกันบ้าง..

     

                เธอคนแก้วกาแฟในมือก่อนจะพูดต่อ "อืม ช่วงนี้ฟี่เรียนหนักรึเปล่า" แถมยังวกกลับมาเรื่องเดิม ๆ แฮะ... ฟี่ที่งงไปเกาหัวแกรกก่อนจะตอบแบบงง ๆ กลับเช่นกัน "ก็หนักอยู่ ม.5 แล้วนี่ ทำไมอะ"

     

                "อายก็เรียนหนักมากเหมือนกัน มีสอบเกือบทุกวันเลย" แล้วจะมาบอกเขาทำไมนะ ในเมื่อรู้อยู่แล้วเต็มอกแท้ ๆ  ฟี่คิดไพล่ไปถึงช่วงเวลากว่า 2 เดือนที่ผ่านมา อายไม่ยอมออกมาหาเขาเลยเนื่องด้วยเหตุผลที่ว่าเรียนหนัก แถมยังต้องติวหนังสือเกือบทุกวัน  ก็ทั้งที่เขารู้อยู่แล้วยังจะมาย้ำทำไมอีก

     

                "อืม" เด็กหนุ่มตอบรับแบบกลาง ๆ เพราะไม่รู้อีกฝ่ายต้องการพูดเรื่องอะไรกันแน่

     

                "ดังนั้นเราเลิกกันเถอะ" ห้ะ!!!!!!!!!!!!!!!

     

                "อะไรนะ!" คราวนี้เขาตะโกนลั่นพลางลุกจากเก้าอี้แทบทันทีจนคนแถวนั้นหันมามองเป็นตาเดียว ฟี่ยืนอ้าปากค้างขณะบอกตัวเองว่าเขาต้องฟังผิดไป หรือมันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ

     

                หากแต่เด็กสาวตรงหน้าก็ยังยืนยัน "เลิกกันเถอะ"

     

                "เฮ้ย! ฟี่ทำไรผิดอะ!" ในเมื่อถึงแม้จะไม่ค่อยเจอ แต่เขาก็โทรไปหาอายเกือบทุกวัน หรือต่อให้วันไหนอายไม่ว่างคุย เขาก็ยังเพียรส่ง sms ไปบอกฝันดีให้ก่อนนอน แถมบางโอกาสยังฝากของขวัญ ของกิน หรือขนมอร่อย ๆ ผ่านทางเพื่อนฝ่ายหญิงไปประเคนให้อีก

     

                แล้วแบบนี้มันสมควรเหรอที่เขาจะถูกบอกเลิก!

     

                "อายอยากตั้งใจเรียน ช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญ อายอยากเข้ามหาลัยดี ๆ ให้ได้" แน่นอนว่าเหตุผลนี้ไม่เมคเซนส์เอาซะเลย

     

                ฟี่ขมวดคิ้วจนแทบเป็นเงื่อนตายก่อนจะเถียงกลับไป "ฟี่ก็ไม่ได้ว่าไรนี่ อายจะเรียนจนไม่มีเวลาให้ฟี่ก็ไม่เป็นไร ที่ผ่านมาฟี่ก็รับได้ แล้วทำไมต้องเลิกอะ งง"

     

                "อายเกรงใจฟี่น่ะ เอาเป็นว่าตามนั้นนะ ขอโทษด้วย" แถมนอกจากจะไม่บอกยอมเหตุผลให้ชัดเจนแล้ว ยังเดินหนีไปจากร้านเลยอีกต่างหาก ทิ้งให้ฟี่ที่ยังคงไม่ได้สตินั่งนิ่งอยู่กับโต๊ะพักใหญ่ ทบทวนเรื่องทั้งหมดช้า ๆ ก่อนจะสะดุ้งออกมา

               

                "เอาจริงเหรอวะเนี่ย!"

     

     

    ***

     

     

                สยามสแควร์ยามค่ำคืนยังคลาคล่ำด้วยผู้คน

     

                ท่ามกลางแสงไฟหลากสีจากป้ายนีออนของร้านรวงริมถนน ปรากฏเด็กชายตัวผอมในชุดนักเรียนกางเกงสีน้ำเงิน กำลังเดินลอยไปลอยมาอยู่โดยไม่มีทีท่าจะสนใจอะไร

     

                ฟี่เดินใช้ความคิดกับตัวเองอย่างหนัก ว่าที่ผ่านมาเขาผิดตรงไหน...

     

                ทำไมอยู่ดี ๆ อายถึงพูดแบบนั้น

     

                "ไอ้ฟี่ ทำไรอยู่!" แน่นอนว่าคนกำลังใช้ความคิด อยู่ดี ๆ มาถูกตะโกนเรียกชื่อบวกกับตบไหล่ดังบั้ก ก็ทำเอาสะดุ้งได้สุดตัวเหมือนกัน

     

                คนถูกเรียกหันกลับไปมองต้นเสียง พบเพื่อนร่วมห้องตัวเองมายืนอยู่ในระยะประชิดจนต้องถอนหายใจออกมา "ไอ้ออย กูตกใจหมด!"

     

                เด็กชายร่างสูงเจ้าของชื่อออยขมวดคิ้วมุ่น "แล้วมึงเดินเหม่อไรวะ" ในเมื่อฟี่ที่เขารู้จักนั้นแสนจะอะเลิร์ท ร่าเริง วัน ๆ พูดได้เป็นต่อยหอยจนลิงสลบ ไม่ใช่ประเภทจะมาเดินทอดหุ่ยซึมกระทือแบบนี้แน่

     

                ฟี่ถอนหายใจยาว "กูอกหัก" แต่พูดไปแล้วก็ยังรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจนัก จนต้องเติมคำหลังออกมา "มั้ง..."

     

                "อ้าว ตกลงหักหรือไม่หัก"

     

                "ไม่รู้ว่ะ" ในเมื่อตอนนี้เขายังงง ๆ อยู่เลย

     

                ออยเลิกคิ้วข้างหนึ่งพลางถามต่อ "จากเด็กสาธิต ที่เรียบร้อย ๆ คนนั้นอะนะ"

     

                "อือ"

     

                เล่นเอาคนฟังหลุดขำ "กูว่าแล้ว ไม่ได้เข้ากันเลยพวกมึงอะ มึงคงวุ่นวายจนเค้ารำคาญอะดิ่"

     

                แน่นอนว่าพูดแบบนี้คนถูกกล่าวหาเลยมีอารมณ์ขึ้นกันบ้าง "วุ่นวายพ่อมึงดิ่! กูนะตามใจเค้าทุกอย่าง เค้าจะอยากไปเดทที่หอสมุดแห่งชาติ เขาจะพากูไปหมกอยู่ในเอเชียบุ๊คส์เป็นชั่วโมง หรือจะไม่ออกมาหากูเลยสองเดือนเพราะเอาแต่อ่านหนังสือ กูก็ไม่เคยบ่นซ้ากกกคำ!"

     

                "แล้วไมเลิกอะ"

     

                "ไม่รู้เหมือนกัน" ยิ่งมาคิดถึงตรงนี้แล้วฟี่ยิ่งเซ็งหนัก เด็กชายฟันเหล็กถอนหายใจยาว โดยไม่ทันสังเกตว่าดวงตาของเพื่อนที่เพิ่งบังเอิญเจอกันฉายแววอะไรบางอย่าง "กูคิดว่ากูรู้แล้ว" เจ้าของชื่อออยว่าพลางพยักพเยิดไปทางร้านอาหารเล็ก ๆ ด้านหลังพวกเขา

     

                ฟี่หันไปมองตามอย่างเซ็ง ๆ "รู้ไรวะ"

     

                ฉับพลันจึงได้เห็น ว่าอายกำลังนั่งกินข้าวกระจุ๋งกระจิ๋งกับไอ้เด็กหัวเกรียนโรงเรียนอื่นอยู่!!

     

                ดูจากเสื้อพละของไอ้นั่นแล้วก็เดาได้ไม่ยากว่าคือเด็กโรงเรียนโคตรเก่ง ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนักจากสาธิตของอาย

     

                "โดยพระเกี้ยวคาบไปแดกแล้วมึง หึหึหึ"

     

                "ไอ้เชี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย" ฟี่ร้องโวยวายออกมาก่อนจะรีบหันหลังกลับโดยพยายามระวังไม่ให้คู่รักใหม่ในร้านสังเกตเห็น "แม่งได้ใหม่ทำไมไม่บอก นี่วันก่อนมีเด็กคอนแวนต์มาขอเบอร์กู กูอุตส่าห์ปฏิเสธไปนะ รู้งี้กูให้ดีกว่า!"

     

                "โห..." ประโยคนั้นทำเอาคนฟังร้องคราง "นี่ตกลงมึงรักเค้าจริงป่าววะ"

     

                "รักดิ่วะ... แต่แม่ง... ทำกันแบบเนี้ยะ กูเซ็ง!" ท่าทางทั้งรักทั้งแค้นที่ฟี่แสดงออกมานั้น ทำให้ออยขำทันที

     

                "ฮ่าฮ่าฮ่า ตลกสัด เออ กูช่วยเซ็ง หาใหม่ตอนนี้เลยปะล่ะ! ข้ามไปพารากอนแม่ง สวรรค์คอนแวนต์"

     

                "ไม่เอา! กูหมดรมณ์ ไปแดกเหล้ากัน กูเสี้ยน"

     

                "เฮ้ยยยย" แต่คำเชิญชวนนี้เกินเลยความคาดหมายของเขาไปมากโข

     

                เจ้าของส่วนสูงกว่า 175 ถามเพื่อนร่วมห้องตัวเองที่สูงเพียง 170 แบบงง ๆ "พรุ่งนี้มีเรียนนะ มึงลืมเหรอ"

     

                "ไม่ลืม แต่อยากเมา ไปกัน!" สุดท้าย... เจ้าของส่วนสูงเพียง 170 ก็ประสบความสำเร็จในการลากเพื่อนตัวโย่งให้ตกกระไดพลอยโจนได้โดยดี

     

     

    ***

     

     

                ทั้งคู่ฉุดกระชากลากถูกันมาถึงบ้านฟี่ ที่ไม่มีผู้ใหญ่อยู่ซักคนจนได้  ท่าว่าคืนนี้คงจะเงียบสงบดี ถ้าลูกชายเจ้าของบ้านไม่ได้ตั้งวงเหล้ากลางห้องโถงแบบนี้

     

                ออยที่หลบไปโทรศัพท์บอกที่บ้านว่าจะค้างกับเพื่อน เดินกลับมาพบขวดเหล้าแบบกลม ตั้งอยู่พร้อมมิกเซอร์เต็มอัตรา

     

                "นี่มึงเอาจริงอะ พ่อแม่ไปไหนเนี่ย"

     

                "ต่างจังหวัด เหมาะเหม็ง!" ฟี่ว่าพลางกระทุ้งใต้เหล้าขวดใหม่ ก่อนจะรินลงแก้วแล้วยกดื่มแบบเพียว ๆ เป็นการประเดิม

     

                "เฮ้ย! รีบไปไหน ค่อย ๆ แดกก็ได้ กูอยู่ทั้งคืน!"

     

                "ไม่เอา กูรีบ มึงก็รับไป ออนเดอะร็อคก่อนแก้วนึง โอ?"

     

                ออยมองแก้วที่มีแต่เหล้าเพียว ๆ อย่างสะอิดสะเอียนแต่ก็รับมาแบบเสียไม่ได้ "เชี่ย ปกติเค้าออนเดอะร็อคกันแก้วเป็ก มึงเล่นแก้วใหญ่แบบนี้กูคงอยู่ได้แค่สามทุ่ม"

     

                "อ่อน"

     

                "เดี๋ยวมึงคอยดู!" แน่นอนว่าถูกปรามาสแบบนี้ผู้มาเยือนจึงยกกระดกรวดเดียวหมดทันที ความรู้สึกขมแผ่ซ่านทั่วแผ่นลิ้น ก่อนร่างกายจะเริ่มร้อนผ่าว เป็นสัญญาณว่าเครื่องเขาเริ่มเดินแล้ว

     

                เสียงปากขวดกระทบกับแก้วดังแทบตลอดเวลาภายในห้องโถงของบ้านอันเงียบสงัด ฟี่รู้สึกว่าตัวเองดื่มเข้าไปมากอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะระดับเหล้าในขวดกลมนั้นพร่องลงไปแล้วมากกว่าครึ่ง ทั้งที่สมาชิกร่วมวงมีกันเพียงแค่ 2 คน และนี่ก็เพิ่งปาเข้าไปห้าทุ่มกว่าเท่านั้น

     

                เสียงเพลงดังเบา ๆ จากมือถือของออยที่เพิ่งเปิดเพื่อทำลายความเงียบ จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรก ที่เขาสองคนได้ใช้เวลาด้วยกันนานขนาดนี้

     

                ฟี่แอบมองเพื่อนร่วมห้องตรงหน้า ที่จะให้พูดกันตามจริงพวกเขาก็ถือว่าอยู่คนละกลุ่ม  ในเมื่อออยเป็นพวกบ้าพลัง ชอบเล่นกีฬา เพื่อน ๆ ของออยจึงมักจะเป็นพวกเดียวกัน คือว่างไม่ได้เป็นต้องลงไปเตะบอลประจำ ขณะที่เขาจะบอกว่าไม่ชอบเล่นกีฬาก็คงไม่ใช่ เพียงถ้าให้เลือกก็ขอลอยชายไปลอยชายมามากกว่า ดังนั้นกลุ่มเพื่อนของเขาจึงมักจะเป็นพวกชอบเล่นอะไรบ้า ๆ บอ ๆ บนห้องเรียน อย่างเช่น ร้องเพลง ถ่ายคลิปวีดีโอ เล่นเกม แลกหนังสือการ์ตูน อะไรเทือกนั้นมากกว่า

     

                แต่ถึงอย่างไรด้วยความเป็นเด็กผู้ชาย ไม่ว่าอยู่กลุ่มไหนจึงจอยกันได้ไม่มีปัญหา ฟี่กับออยเองถึงจะถือว่าอยู่กันคนละกลุ่ม แต่ก็สามารถคุยกันได้ไม่ขัดเขิน แถมยังสามารถลากมากินเหล้าเป็นเพื่อนที่บ้านแบบนี้ได้ โดยอีกฝ่ายไม่บ่นสักคำอีกต่างหาก

     

                "มึงแอบมองกูนานแล้วนะ กูหล่อใช่มะ" แต่ด้วยคำนี้ ทำเอาฟี่สะดุ้งได้แทบทันที

     

                เจ้าของบ้านแยกเขี้ยวใส่คนตรงหน้า "ถ้ามึงหล่อ กูก็ชายงามโอลิมปิกแล้ว"

     

                "ถุย มาตรฐานไหนวะ ฮ่าฮ่า" ออยต่อว่าปนขำ แต่ฟี่ไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงกลับ เขาเปลี่ยนเป็นถามเรื่องที่อยากรู้ขึ้นมาแทน

     

                "ทำไมมึงยอมมากะกูวะ ใจง่ายไปปะ"

     

                ออยเหลือบตามองเพื่อนร่วมห้องยิ้ม ๆ "กูสงสารคนอกหัก พอดีกว่าหัวอกเดียวกัน" แล้วก็หันไปรินเหล้าใส่แก้วมาดื่มต่อ

     

                แน่นอนว่าฟี่ตาโตทันทีที่ได้ฟังคำนั้น ความรู้สึกเหมือนสร่างเมามากกว่าครึ่ง "จริงดิ่! มึงก็อกหักเหรอวะ"

     

                "เออ เมื่อวานเลย"

     

                ก็จะไม่ให้สร่างได้ไงล่ะ ในเมื่อเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าออยมีแฟนด้วย! ถึงแม้จะอยู่คนละกลุ่มก็เถอะ แต่ถ้าเพื่อนในห้องคนไหนมีแฟนนี่เขาไม่เคยพลาด เพราะมันเป็นเรื่องน่าล้อสุด ๆ พอ ๆ กับชื่อพ่อชื่อแม่ยังไงยังงั้น "มึงมีแฟนตอนไหน กูไม่เห็นรู้เลย ใครวะ"

     

                คราวนี้ออยบอกปัดพลางหยิบแก้วฟี่มารินเหล้าให้ "ช่างเหอะน่า ดื่มไป เอาให้หมดนะ!"

     

                ฟี่ยกแก้วเหล้าตรงหน้ามากระดกรวดเดียวด้วยความเคยชิน และยังใจจดจ่อกับคำถามของตัวเองอยู่ "เฮ้ยย บอกก่อนดิ๊ ใครวะ! เด็กที่ไหน!"

     

                ดวงตาแดงก่ำของอีกฝ่ายบอกให้รู้ว่าออยเมาไม่น้อย แต่เจ้าตัวยังมีแรงหัวเราะในลำคอตอบ "อย่ารู้เลย"

     

                "ไรวะ" ฟี่บนอุบ ขณะเริ่มไถหัวลงกับโซฟาที่ตั้งอยู่ด้านหลัง เนื่องจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เริ่มส่งผลให้เขาไม่สามารถนั่งตัวตรงได้เองแล้ว

     

                เด็กชายเจ้าของบ้านลอบมองเพื่อนที่ถูกลากให้มาดื่มด้วยกันด้วยสายตางุนงงระคนสงสัย เพราะจะว่าไป ออยจัดว่าเป็นผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง ทั้งผิวขาวที่เจ้าตัวบอกว่าได้มาจากแม่ และคิ้วสีเข้มที่ฟี่รู้ว่าคงเป็นพันธุกรรมจากฝ่ายพ่อ เนื่องจากเคยเห็นครอบครัวนี้มาร่วมงานในวันสำคัญของโรงเรียนต่าง ๆ  ยิ่งถ้าเรื่องหุ่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะออยชอบเล่นกีฬาทุกชนิด และไม่เคยพลาดจะลงไปเตะบอลทุกครั้งเมื่อมีโอกาส ดังนั้นทั้งแขนและขาจึงสะสมกล้ามเนื้อไว้เต็มไปหมด

     

                "มึงก็หล่อนะ โดนทิ้งได้ไงวะ สาวที่ไหนกล้าทิ้งมึงลงอีก" ฟี่ซักไซ้ต่อขณะรินเหล้าแก้วต่อไป ดูคล้ายว่าในเวลานี้มิกซ์คงไม่จำเป็นแล้ว เมื่อไม่ว่าจะกรอกเหล้าแบบเพียว ๆ แค่ไหน พวกเขาก็ไม่รู้สึกอะไรอีก

     

                ความคิดของฟี่ในเวลานี้คือ... ถ้าคนอย่างออยถูกทิ้ง ไอ้แบบเขานี่คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร         

     

                ออยเขยิบมานั่งพิงโซฟาบ้าง หัวคิ้วเข้มนั่นขมวดมุ่นเพราะพิษแอลกอฮอล์เล่นงานอยู่ เจ้าตัวกลืนเหล้าอีกอึกใหญ่ก่อนจะตอบ "สงสัยลีลากูไม่ดีพอ"

     

                "ไอ้เชี่ย ปากดี เคยแล้วรึไง"

     

                "พวกกูไม่อินโนเซ้นอย่างคู่มึงหรอก" ราวกับโดนปรามาสอย่างไงอย่างงั้น ฟี่กระเด้งหลังออกจากโซฟาทันที แล้วจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง ทั้งที่นัยน์ตาลืมได้ยากเต็มที

     

                "รู้ได้ไงว่าคู่กูอินโนเซ้น!"

     

                "ใคร ๆ เขาก็รู้" ยิ่งฟังแบบนี้ฟี่ยิ่งเดือดเข้าไปอีก "ไม่จริงโว้ยยย!"

     

                "ถ้างั้นพวกมึงถึงขั้นไหนกันแล้ว" ออยถามยิ้ม ๆ โดยที่กลืนน้ำสีอำพันลงคออีกอึกหนึ่ง ระหว่างรอฟี่ขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด

     

                แต่คิดนานเกินไปจนคนรอฟังไม่ทันใจ "จับมือ?" ออยส่งเสียงถามเป็นไกด์ไลน์

     

                ฟี่รีบพยักหน้าแข็งขัน "จับแล้วเว่ยย เดินจับรอบสยามเลยด้วย!" ทำเอาคนฟังหลุดขำกับเรื่องที่ไม่น่าอวดเหล่านั้น

     

                เด็กหนุ่มยกแก้วขึ้นดื่มอีกแล้วถามต่อ "หอมแก้มอะ?"

     

                คราวนี้คนถูกซักหน้าแดงเป็นสีประหลาด เพราะจากที่เคยแดงด้วยฤทธิ์เหล้าอยู่แล้ว ยิ่งแดงเข้าไปใหญ่ด้วยฤทธิ์ความเขิน "โห่ย... เคยแอบหอมครั้งนึง ในโรงหนัง โดนด่าเละ"

     

                "ถ้างั้นเรื่องจูบคงไม่ต้องถามแล้วมั้ง" ได้ฟังดังนั้นออยจึงสรุปเองเสร็จสรรพด้วยสีหน้าเยาะ ๆ จนฟี่ต้องรีบแก้ตัวเสียงดัง

     

                "เฮ้ยย ไรวะ ก็ถ้าไม่เลิกกันก่อนนะ กูก็คงได้จูบเร็ว ๆ นี้แหละ แม่ง!"

     

                "เหรอวะ กูว่าผู้หญิงเขาไม่อยากจูบมึงหรอก เพราะจูบกับคนไม่มีประสบการณ์มันเซ็ง เลยต้องรีบเลิกกะมึงนี่ไง ฮ่าฮ่า" แน่นอนว่าโดยดูถูกแบบสุด ๆ อย่างนี้มีหรือฟี่จะยอม

     

                "แล้วมึงถึงขั้นไหน!"

     

                "สวรรค์ชั้นเจ็ด"

     

                "โห่ยย ซุย! กูไม่เชื่อหรอก" ทำเอาออยเลิกคิ้วสูง ก่อนจะขำออกมาใหม่ "ซุยไรวะ คนอย่างออยไม่เคยซุยคร้าบบบ"

     

                "จิงปะวะ รู้สึกไง" คราวนี้ฟี่เปลี่ยนจากแยกเขี้ยวเป็นใบหน้าอยากรู้อยากเห็นแทน เจ้าตัวเขยิบร่างกายผอม ๆ ไปใกล้เพื่อนตัวหนามากขึ้น จนคนถูกรุกรานต้องเบี่ยงตัวหลบ

     

                "ลองเองดิวะ แม่ง แค่จูบเอาให้ได้ก่อนเหอะ"

     

                "แล้วจะให้กูลองกะใครวะ เห็นอยู่ว่าเพิ่งโดนทิ้ง" ฟี่บ่นอุบพลางกลับไปนั่งพิงโซฟาเหมือนเดิม ฝ่ามือบางคว้าแก้วเหล้ามาดื่มย้อมใจ

     

                ไม่รู้ว่าหูฝาดรึเปล่าที่ได้ยินเสียงเพื่อนข้าง ๆ เปรย "ลองกะกูมั้ยล่ะ"

     

                ทำเอาคนฟังต้องกะพริบตาถี่ "ว่าไงนะ"

     

                สีหน้าตระหนกตกใจนั้นทำเอาออยหลุดหัวเราะเสียงดัง "ฮ่าฮ่า กูล้อเล่น!"

     

                "เฮ้ย เอาดี ๆ ดิ่ มาลองจูบกัน" แน่นอนว่าคำนั้นทำเอาออยชะงักกึก เขามองกลับไปในดวงตาที่ไม่โตนักของฟี่อย่างสงสัย "เมาแล้วรึไง"

     

                "เออ ถ้าไม่เมาทำไม่ได้หรอก" เจ้าประธานนักเรียนยืนยันแข็งขันจนคนฟังต้องมองลึกลงไปในดวงตาตี่ ๆ คู่นั้น... แดงก่ำน่าดู ท่าทางจะเมาจริงอย่างที่เจ้าตัวว่า

     

                เป็นไงเป็นกัน... ออยคลี่ยิ้มสบาย ๆ ออกมา "เอาเลย โชว์ฝีมือหน่อย"

     

                คำอนุญาตนั้นนำให้ฟี่เม้มปากแน่นพลางมองใบหน้าเพื่อน แล้วเลยมาบริเวณปาก ริมฝีปากของออยกำลังคลี่ยิ้มราวกับยั่วเย้าและท้าทายเขาในคราวเดียวกัน

     

                "หลับตาดิ่"

     

                "ไรวะ ฮะฮะ" ออยบ่นเล็กน้อย แต่ก็ยอมปิดตาลงโดยดี ฟี่ลังเลชั่วครู่ก่อนจะประกบริมฝีปากตัวเองลงไป

     

                ความรู้สึกประหลาดเกิดขึ้นอย่างที่เขาไม่สามารถอธิบายได้ เมื่อความหยุ่นของริมฝีปากคนตรงหน้าทำให้เขาสั่น ฟี่ค่อย ๆ ส่งลิ้นเข้าไปอย่างขลาดกลัว แต่เมื่อปลายลิ้นของอีกฝ่ายตวัดกลับมา เจ้าตัวก็รีบถอนออกโดยไว "เฮ้ย ทำไรอะ!"

     

                "อ้าว ก็จูบไง" ออยตอบทั้งที่ยังขำอยู่

     

                ฟี่รู้สึกเสียหน้ามากจึงได้แต่ตบหัวอีกฝ่ายฉาดใหญ่ "ห่า กูตกใจ"

     

                แต่ได้รับเพียงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลับมา

     

                ลำแขนแข็งแกร่งกว่าดึงให้เจ้าของบ้านลุกขึ้น ก่อนจะโยนลงบนโซฟาตัวที่เคยอาศัยนั่งพิง "ทำไรวะ" ฟี่ออกเสียงถามอย่างไม่เข้าใจเหตุการณ์เท่าไรนัก

     

                ออยเคลื่อนตัวเองมาคร่อมทับคนด้านล่างไว้ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไป "กูจะทำให้ดูก่อนแล้วกัน"

     

                "เฮ้ย!!!" คำอุทานที่ฟี่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ขณะนั้นมีเพียงเท่านี้ ก่อนที่ริมฝีปากบางจะถูกปิดจนไม่สามารถประท้วงอะไรได้อีก

     

                ออยบดริมฝีปากตัวเองกับคนด้านล่างอย่างเร่าร้อนและรุนแรงจนฟี่เผลอตัวบดเบียดร่างกายกลับมา ปลายลิ้นทั้งคู่พัวพันกันอย่างหาที่สุดไม่ได้ จนฟี่รู้สึกราวกับตัวเองลอยอยู่ในห้วงอวกาศขนาดใหญ่ ในหัวเขาขาวโพลนไปหมด จนไม่สามารถคิดถึงอะไรได้ นอกจากริมฝีปากของออยที่กดลงมาซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ ให้ผู้ถูกกระทำรู้ว่านี่คือ 'ของจริง'

     

                "อยากรู้มากกว่านี้อีกไหม" ออยถอนริมฝีปากออก ปล่อยให้คนด้านล่างนอนหอบจนตัวโยน ก่อนจะถามทั้งรอยยิ้ม แต่ในคำถามนั้นไม่ได้รีรอคำตอบใด เมื่อทั้งปลายจมูกโด่งและริมฝีปากคู่เดิมก้มลงซุกไซ้ไปทั่วร่างกายคนตรงหน้าทันที

     

                ฟี่เกร็งตัวจิกเล็บลงบนโซฟาเมื่อความรู้สึกแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยรู้จักประเดประดังเข้ามา

     

                กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อน ๆ คละคลุ้งจากร่างกายที่เคลื่อนไหวอยู่เบื้องบนเขา เตือนให้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเมา เช่นเดียวกับเขาเอง ที่ก็คงไม่ต่างจากกัน

     

                ฟี่กัดริมฝีปากแน่น เมื่อลมหายใจร้อนของออยระรินทั่วแอ่งชีพจร เช่นเดียวกับริมฝีปากหยุ่น ที่ไม่หยุดซุกซนอยู่กับใบหู "ชอบรึเปล่า" เสียงทุ้มกระซิบถามเขาโดยไม่ต้องการคำตอบอีกครั้ง

     

                ปลายลิ้นอุ่นของออยลากเรื่อยไปทั่วลำคอจนฟี่หอบหายใจสะท้านด้วยความรู้สึกราวกับตกจากที่สูง ฝ่ามือหนาค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อนักเรียนอีกฝ่ายทีละเม็ด ทีละเม็ด จนแผ่นอกบางเผยแก่สายตา

     

                "อาาา" ในที่สุดฟี่ก็ทนไม่ไหวจนต้องเปล่งเสียงออกมา เพราะความรู้สึกฟ้องว่าร่างกายเขากำลังร้อนรุ่มขึ้นไปอีก ฟี่จิกเลื่อนมือมาจิกลงบนไหล่แกร่งเมื่อปลายลิ้นนุ่มของออยเปลี่ยนเป้าหมายมาฉกชิมยอดอกเขา

     

                ท่อนแขนคนเบื้องบนสอดเข้าไปกอดกระชับร่างกายผอมบางของเพื่อนที่มีศักดิ์เป็นถึงประธานนักเรียนให้เข้ามาแนบชิดกันมากขึ้น เช่นเดียวกับตัวฟี่เอง ที่แอ่นร่างกายรับสัมผัสทั้งหมดอย่างเผลอไผล

     

                ฝ่ามือข้างที่ว่างของผู้มาเยือน เลื่อนไปวุ่นวายบริเวณขอบกางเกง

     

                ฟี่กระตุกตัวเกร็ง เมื่อมือข้างนั้นลากผ่านบริเวณที่ไวต่อความรู้สึกของเขา

     

                "เฮ้ยย อ.. ไอ้ออย! พอแล้ว... พอแล้ว... กูไม่อยากรู้มากกว่านี้แล้ว" เด็กชายเจ้าของบ้านรีบปรามทั้งที่เสียงยังขาดเป็นช่วง ๆ อยู่ ด้วยแรงกระตุ้นจากเบื้องบน

     

                หากแต่ออยไม่คิดจะหยุดการกระทำใดอีกต่อไป

     

                ฝ่ามือหนาจงใจกระตุ้นส่วนที่ไวต่อความรู้สึกนั้นอย่างไม่รอรี

     

                "มึงไม่อยากรู้?" เสียงทุ้มถามย้ำราวกับจะหยอกเย้า

     

                ฟี่รีบยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองอย่างอับอาย "เออ!"

     

                "แต่กูไม่หยุด..."

     

                สิ้นคำตอบนั้น ทุกอย่างก็ดำเนินต่อทันที และดูเหมือนจะหนักข้อยิ่งกว่าเก่าเสียด้วย  ฟี่ถึงกับร้องเสียงหลงทั้งที่ร่างกายยังบิดเร้าอยู่ เมื่อออยรุกรานเขาอย่างเต็มที่ "เฮ้ย!!! ไอ้เชี่ยยยย ไม่เอา!! พอแล้ว!... พ.. พออ ... โอ๊ยย... อืมม... อาาา... พ.... พอ.. แล้ววว"

     

     

     

    ***

     

     

                "ไอ้ฟี่ เป็นไรวะ นั่งหน้าตูด เปลี่ยนคาบแล้วมึง!" เสียงแหลม ๆ ของโมดังขึ้นท้ายคาบภาษาไทยอันน่าเบื่อ เรียกให้ฟี่เงยหน้ามองเพื่อนที่มายืนค้ำโต๊ะอยู่ตอนนี้

     

                "แล้วไงอะ" เจ้าของเหล็กดัดฟันสีนู้ดถามกลับอย่างเซ็ง ๆ วันนี้เขาไม่มีอารมณ์จะขยับตัวไปไหนเลยให้ตาย จะเดินแต่ละก้าวมันปวดร้าวจริง ๆ

     

                คนถูกสวนกลับรีบรัวลิ้นตอบก่อนจะหันไปโบกมือให้เพื่อนคนอื่นที่รออยู่หน้าห้อง "ก็คาบต่อไปต้องเรียนตึกก.ไง รีบไปล่ะมึง กูไปก่อนนะ ต้องไปช่วยไอ้ปอยกของ"

     

                ตึกก.! แค่คิดก็เจ็บแล้ว ฟี่ทำหน้าเซ็งสุดขีดเมื่อรู้ว่าคาบต่อไปต้องเปลี่ยนตึก แถมยังเป็นตึกที่ต้องเดินขึ้นอีกต่างหาก

     

                "แม่ง..." เจ้าตัวสบถเสียงแผ่วขณะคุ้ย ๆ เอาข้าวของที่ต้องใช้เรียนในกระเป๋าออกมา แต่พอจะคว้าถุงดินสอที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ กลับมีมือดีคว้าไปเสียก่อน

     

                เจ้าของนัยน์ตาชั้นเดียวเหลือบมองบุคคลต้องสงสัยที่มากวนตีนเขาด้วยการฉกถุงดินสอ แล้วก็พบว่า...

     

                "เชี่ย เอาของกูมา"

     

                "เดี๋ยวกูถือให้" คิดได้! ฟี่เหลือบมองใบหน้าขาวของตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาปวดไปทั้งตัวในวันนี้ แล้วก็คว้าถุงดินสอตัวเองกลับมาแทบจะทันที "ถุงดินสอกูไม่ใช่กระสอบข้าวสาร แค่นี้ถือเองได้เว้ย!" จะช่วยอะไรไม่ได้ดูสมเหตุสมผลเลยให้ตาย

     

                ออยคลี่ยิ้มขณะหลบให้ฟี่ลุกจากที่นั่ง ตอนนี้ในห้องเรียนไม่เหลือใครแล้วนอกจากเขาสองคน เนื่องจากเพื่อนคนอื่น ๆ ทยอยเดินออกไปเรียนกันหมด

     

                "เดินไหวป่าว" และถ้าจะมาเป็นห่วงตอนนี้ ก็ควรฟังที่เขาห้ามตั้งแต่เมื่อคืนก็หมดเรื่อง

     

                "..." คนถูกถามไม่ตอบ แต่เดินฉิว ๆ ออกไปกดลิฟท์ นำให้ออยวิ่งตาม เด็กชายตัวสูงกว่ายัดตัวเองเข้าไปในลิฟท์ได้ทันก่อนอีกฝ่ายจะกดปิดพอดี

     

                "โด่ นึกว่าจะเจ็บ ที่ไหนได้เดินซะเร็ว สรุปไม่เป็นไรใช่มะ ดี"

     

                "เหอะ!" ฟี่แค่นเสียงหัวเราะอย่างเอือมสุด ๆ ออกมาแทน จนคนฟังเลิกคิ้วสูง "อ้าวยังไงกันแน่ บอกมาเร็ว ถ้าเจ็บจะได้ช่วยดูแลให้"

     

                "ไม่ต้องเว้ย" แล้วมันจะตื้ออะไรนักหนา... ฟี่คิดอย่างโกรธผสมรำคาญ เพราะมันตั้งแต่เช้าแล้วที่ออยเอาแต่เทียวไล้เทียวขื่อคอยถามสวัสดิภาพในการใช้ชีวิตของเขา ซึ่งอยากจะบอกอีกครั้งจริง ๆ ว่า ถ้าจะมาเป็นห่วงตอนนี้ ก็ควรฟังตั้งแต่ที่เข้าห้ามเมื่อคืนก็หมดเรื่อง!

     

                ลิฟท์เปิดออกที่ชั้น M เด็กชายตัวเล็กกว่าเดินดุ่ม ๆ ลงบันไดเพื่อมุ่งหน้าไปยังตึกเก่าที่อยู่ติดกัน โดยมีอีกคนตามไปติด ๆ

     

                "อะไร ตกลงมึงโกรธกูเหรอ ก็เมื่อคืนยัง..."

     

                "หยุดพูดนะไอ้สัด!" ก็เล่นถูกรุกซะขนาดนั้นจะให้แข็งใจไหวได้ไงวะ นี่คนนะไม่ใช่ตุ๊กตายาง!

     

                ฟี่ทำตากลับก่อนจะเดินมุ่งหน้าต่อไปยังตึกเรียนเป้าหมาย

     

                ออยสาวเท้าตามมาเดินข้าง ๆ "ไรวะ.. สรุปมีไรให้กูช่วยป่าวเนี่ย กูรู้สึกผิดนะ"

     

                "ก็แทนที่มึงจะฟังที่กูห้ามแต่แรก"

     

                "ก็กูจะไปอดใจไหวได้ไง เมาก็เมา แถมไปถึงขนาดนั้นแล้วอะ! มึงก็ผู้ชายนะเว้ย ต้องเข้าใจอารมณ์ดิ่!"

               

                "กู... ไม่... เข้า... ใจ" ช้า ๆ ชัด ๆ ทำเอาออยหน้าเสีย

     

                เจ้าของส่วนสูง 175 รีบสาวเท้าเร็ว ๆ มายืนดักหน้าเพื่อนที่มีศักดิ์เป็นถึงประธานนักเรียน แถมยังเพิ่งมีความสัมพันธ์กันไปเมื่อคืนอีกต่างหาก "เอางี้..."

     

                "อะไร" พี่ถามกลับเสียงห้วนพลางยกนาฬิกาให้อีกฝ่ายดูว่ามันใกล้เวลาเข้าเรียนไปทุกทีแล้ว

     

                ออยท้าวเอวอย่างไม่สนใจ "คบกัน"

     

                "พ่ออออออมึงสิ! บ้าป่าวเนี้ยยย!" ฟี่โวยลั่นพลางเกาหัวตัวเองจนหนังแทบร่น แต่ออยไม่มีสีหน้าล้อเล่น

     

                "กูพูดจริงนะเนี่ย สรุปว่าคบกันแล้วกัน ไหน ๆ ก็มาถึงขนาดนี้ละ" แถมไม่พูดเปล่ายังเดินหนีไปเลยอีก ทำเอาฟี่ได้แต่ยืนงงเพราะถูกทิ้งระเบิดไว้ลูกเบ้อเร่อโดยที่เจ้าตัวต้นเหตุไม่ได้สนใจจะฟังว่าเขาต้องการหรือไม่แม้แต่น้อย

     

                "ไอ้เชี่ยออย กูไม่เอา!!!!!!!!!"

     

     

     

    ***

     

     

                "ยืนดูไรวะปุณณ์" เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นข้างกายเด็กชายร่างโปร่งที่ยืนอยู่ริมระเบียงบนตึกเรียน 12 ชั้น มองจากตรงนี้เขาเห็นลานแดงหน้าตึกก.ชัดเจน

     

                ผู้ถูกถามหันกลับไปหาเพื่อนสนิททั้งที่ตายังจ้องเหตุการณ์ด้านล่างอยู่ "ไอ้ฟี่อะ ตลกดี เพื่อนมันคนนั้นหน้าคุ้น ๆ นะ มึงรู้จักปะโจ๊ก"

     

                โจ๊กมองคนที่อยู่ด้านล่างอย่างใช้ความคิด "ไอ้ออยไง ที่เป็นสวัสฯ แล้วพ่อมันก็เป็นกรรมการสมาคมศิษย์เก่า มึงนึกไม่ออกเหรอ"

     

                "อ๋อ... มิน่าคุ้น ๆ" ปุณณ์ร้องครางเบา ๆ เมื่อนึกออก

     

                โจ๊กมองไปด้านล่างอีกรอบด้วยนัยน์ตาประหลาด "มันสนิทกันเหรอวะ" ผู้มาใหม่ถามให้คนที่ยืนอยู่ก่อนใช้ความคิดต่อ

     

                "ไม่รู้ว่ะ เห็นมันยืนเถียงกันหน้าดำหน้าแดงนานละ ตลกดี" ปุณณ์ว่าพลางหัวเราะขำ เพราะตอนนี้ฟี่กำลังวิ่งไล่กวดออยอย่างเอาเป็นเอาตาย

     

                โจ๊กนิ่งไปพักใหญ่ก่อนจะพูดต่อ "กูว่านะ... มึงไปบอกฟี่ให้อยู่ห่าง ๆ ออยดีกว่า"

     

                "ทำไมอะ" ปุณณ์ถามสวนแทบจะทันที ในเมื่อคำพูดแปลก ๆ นั่นฟังดูน่าสงสัยไม่น้อย

     

                แต่โจ๊กไม่ได้ตอบอะไร นอกจากเพียงยักไหล่เบา ๆ "ช่างเหอะ.."

     

                "อะไรวะ....."

     

     

     

    - FIN? -

     

    Postscript : เย้ววววววว แวะเอาเรื่องของน้องฟี่มาแปะ (ฮี่ ๆๆๆ) ไม่รู้มีใครอยากรู้รึเปล่า แต่เราอยากเขียน เรื่องนี้ติดเรทนิดหน่อย จึงต้องโดนกบว.เห็ดเซ็นเซอร์ไปตามระเบียบ กร๊ากกกก จั่วหัวไว้เรียบร้อยว่าเป็น Short Story แสดงว่ามันมีแค่นี้นะจ๊ะ 555 ไม่ต้องหวังตอนต่อไป แต่ถ้านึกอะไรออกก็อาจจะมาเขียนให้อีก อุฮิ..... ชอบไม่ชอบยังไง เชียร์ไม่เชียร์ยังไงเม้นบอกไว้ได้เด้อ ^^ ส่วนคู่อื่น ๆ ก็จะทยอย ๆ แต่งมาตามโอกาส(เวลาว่าง)แล้วกันเน่อ~

    ปล. น้องออยเป็น item ลับ ไม่เคยปรากฏใน Love Sick มาก่อน ไม่ต้องกลับไปหาอ่านนะ เหนื่อยฟรี 5555


    cya!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×