ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love across the world. พันธนาการข้ามชาติ (All27)

    ลำดับตอนที่ #4 :

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 294
      9
      13 ม.ค. 56

    “ว้าว  ห้องนี้เป็นแบบตะวันตกรึ  สวยจังเลย”สึนะเดินเข้ามาสำรวจห้องของตัวเอง  บรรยากาศแบบตะวันตกที่ร่างบางชอบถูกจัดออกมาอย่างงดงาม  ด้วยสีส้มทองและสีของท้องฟ้า

    “ชอบไหมล่ะ   ข้าอยู่ห้องตรงข้ามเจ้า  ส่วนเจ้าสองตัวนี้อยู่ข้างเจ้า  มีอะไรเรียกได้เสมอ”ฮิบาริเดินออกจากห้องของร่างบางพร้อมกับโกคุเดระ และยามาโมโตะ

    “เฮ้อ  เหนื่อยจังเลย”ร่างบางล้มตัวลงที่นอนก่อนจะเข้าสู้ห้วงนิทรา

    ที่นี้ที่ไหนกัน  ทำไมมันมืดไปหมด  ใครก็ไดพาข้าออกจากที่นี้ทีเถอะใครก็ได้.......ร่างบางวิ่งไปทั่วในความมืดมิด  ก่อนจะหยุดเพราะเห็นแสง  ..........นั่นต้องเป็นทางออกแน่.......ร่างบางวิ่งไปสู่แสงสว่างที่อยู่ตรงหน้า   เมื่อผ่านพบไปต้องตกใจกับภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า

    “ข้าเกลียดท่าน  ท่านฆ่าคนที่ข้ารัก   ท่านต้องเจ็บปวดกว่าข้า   ต้องสูญเสียคนรักเช่นข้า ต้องจมในความมืดมิดมากกว่าข้า  จนกว่าข้าจะพอใจภาพที่สึนะเห็นคือเขากำลังร้องไห้และตะคอกใส่บุคคลที่เคยทำร้ายเพื่อนพ้องของเขาท่ามกลางศพมากมายที่คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของเข้า

    “ข้าขอโทษ  ที่ข้าทำเพราะข้ารักเจ้าน่ะสึนะ”บทสนธนาถูกเปิดขึ้น  โดยมีสึนะมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่

    “การบอกรักที่โกหกของท่าน ข้าไม่ฟัง สัมผัสของท่าน ข้าไม่รับรู้ เมื่อท่านเจ็บปวด ข้าจะยินดี”ร่างบางว่าก่อนจะใช้มีดสั้นแทงตัวเองให้ตายตามคนรักไป โดยมีจ็อตโต้ประคองร่างที่ไร้ลมหายใจอยู่ 

    “ไม่จริงใช่ไหม  ข้าไม่เชื่อ  ข้าไม่เชื่อ”สึนะกรีดร้องเสียงดัง ก่อนทุกสิ่งจะเข้าสู่ความมืดมิดอีกครา

    “ข้าไม่เชื่อ มันไม่จริง  ข้าไม่เชื่อ!!!!!!!!!!!”สึนะสะดุ้งตื่นขึ้นมในกลางดึก  เหงื่อไหลท่วมตัว

    อะไรกัน  แค่ความฝันรึ  แต่มันเหมือนจริงเกินไป........สึนะคิด  ก่อนหันไปมองดวงจันทร์นอกหน้าต่าง 

    อ้า  ข้าแต่เทพยดา  ช่วยบอกข้าที่สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องจริง  หากจะเกิดขึ้นข้าขอสาบานว่า  จะเปลี่ยนแปลงมันให้จงได้

    ร่างบางที่เหนื่อยล้าจากความฝัน  ได้หลับไปอีกครา

    อีกแล้วทำไม  มันถึงมืดมิดเช่นนี้   สึนะเดินไปเรื่อยๆจนเดินไปถึงแสงสว่าง  อ้า..คราวนี้จะเป็นเรื่องอะไรกันอีกล่ะ  ร่างบางก้าวผ่านไปช้าๆ  เหตุการณ์มากมายไหลเข้ามาให้เห็น

    “สึนะ  อยู่ไหน  เจ้าอยู่ไหนสึนะ”ร่างของบุรุษผู้มีผมสีทองและดวงตาสีน้ำทะเล  กำลังมองหาบุคคลคนสำคัญอยู่

    “เรียกหาเจ้าสัตว์กินพืชองค์ชาย  มีอะไร”ร่างของฮิบาริ  เคียวยะ  หนึ่งในองครักษ์ของเจ้าชายสึนะถามแบบไร้การเคารพ

    “ท่านพ่อให้มาตามน่ะ  นายไปตามให้หน่อยแล้วกัน”

    “นายก็ไปตามเองสิ  อยู่ที่สวนหลังปราสาทน่ะ”ร่างของฮิบาริก็เดินจากไปแบบไม่สนใยคนข้างหลัง

    ณ  สวนหลังปราสาท

    “สึนะอยู่นี่เอง  รู้ไหมพี่หาตั้งนาน  ท่านพ่อเรียกหาน่ะ”

    “เอ๋  ท่านพ่อเหรอครับ  ท่านพี่”ร่างบางของเจ้าชายองค์น้อยแห่งอาณาจักรวองโกเล่  หันมาทักถามผู้เป็นพี่ชาย

    “เราไปกันเถอะ”

    “ครับ  ท่านพี่”ร่างของพี่น้องได้เดินหายเข้าไปในปราสาท

     

    ณ  ห้องโถงกลางปราสาท

    “ท่านพ่อ  เรียกหาข้า  กับท่านพี่มีอะไรครับ”ร่างน้อยๆของร่างบางเดินเข้ามาในห้องโถงพร้อมพี่ชายของตน

    “สึนะ  พ่ออยากจะถามเจ้าว่า  เจ้าจะยอมให้ท่านพี่ขึ้นเป็นพระราชาแห่งอาณาจักรต่อจากข้าไหม”

    “ได้ครับ  เพราะข้าไม่ต้องการเป็นราชา”

    “ดี  เอาละเคียวโกะออกมาเถอะ”

    “ค่ะ”ปรากฏร่างของหญิงสาวใบหน้าอ่อนวัยเดินออกมาจากด้านหลังของพระราชา

    “จ็อตโต้  เจ้าจะต้องแต่งงานกับเคียวโกะ  เพื่อทำให้อาณาจักรนามิโมริและวองโกเล่ปรองดองกัน”

    “ท่านพ่อ  ข้าไม่ต้องการจะแต่งงานกับใครทั้งสิ้น”

    “นี่เป็นคำสั่ง  เจ้าจะต้องแต่งงานกับเคียวโกะและต้องคอยดูแลนางจนกว่าจะถึงวันงาน”ร่างของจ็อตโต้ถึงกับสะดุด  ก่อนจะรับคำบัญชา

    “รับด้วยเกล้า  ท่านพ่อ”ใบหน้าของจ็อตโต้ถึงกับไม่มีความสุข  สึนะที่อยู่ ข้างๆก็อดเป็นห่วงไม่ได้

    “ดี  เจ้าจงพาเคียวโกะ  ไปเที่ยวรอบปราสาทซะ  ส่วนสึนะลูกจงไปพักผ่อนเถอะ”

    “ครับ”ร่างขององค์ชายตัวน้อยเดินออกไปจนสุดสายตาของจ็อตโต้...นี่เรา   ต้องแต่งงานกับนางหรอ.....

     

    ณ ห้องขององค์ชายสึนะ

    “เฮ้อ  เหนื่อยจังเลย”  ร่างของสึนะล้มลงบนเตียงเพื่อพักผ่อนร่างกายเพราะต้องได้รับความกดดันจากผู้เป็นพ่อเป็นอันมาก

    “องค์ชายสึนะ  หัดอาบน้ำก่อนนอนสิครับ  คุฟุฟุ”ร่างของโรคุโด  มุคุโร่    องครักษ์อีกคนหนึ่ง  เดินเข้ามาเพื่อติเตียนองค์ชายตัวน้อยๆ   

    “มุคุโร่  ไม่ต้องบอกข้าหรอก  ข้ารู้แล้ว  แต่ข้าอยากนอนจริงๆนี่น่า”สึนะยังเถียงกลับอย่างสู้ตาย

    “แต่พระองค์ก็ไม่ควรกระทำ”

    ZZZZzzzz” องค์ชายตัวน้อยไดหลับไปซะแล้ว

     

    วันรุ่งขึ้น  

    ณ  บันไดระหว่างทางเดิน

    “สวัสดีค่ะ  องค์ชายสึนะ”ร่างของเคียวโกะ  เดินเข้ามาใกล้สึนะ

    “อืม  สวัสดีเคียวโกะ”องค์ชายน้อยตอบตามมารยาท

    “พระองค์ไม่ต้องมาทำเป็นคนดีน่ะค่ะ  ฉันรู้ว่าพระองค์น่ะชอบองค์ชายจ็อตโต้”

    “ข้าไม่ได้ชอบท่านพี่หรอกน่ะ”

    “ฮึ  ท่านโกหก คอยดูข้าจะทำให้จ็อตโต้เกลียดแก”เคียวโกะยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะทิ้งตัวเองลงจากบันได

    “ระวัง”ร่างของจ็อตโต้พุ่งเข้ารับตัวเคียวโกะ  ก่อนที่จะถึงพื้น

    “ท่านสึนะ  ทำไมต้องผลักข้าด้วย  ข้าทำอะไรให้ท่านกัน”เคียวโกะทำมารยาเสแสร้ง

    “สึนะ  เจ้าผลักนางทำไมกัน”

    “ท่านพี่ ข้าเปล่าทำ  นางทิ้งตัวลงไปเอง”

    “อย่ามาโกหก  ก็เห็นอยู่ว่าเจ้าทำ”

    “แต่ข้าเปล่าน่ะ  เชื่อข้าสิ”

    “ข้าไม่เชื่อ  เจ้าไปไหนก็ไปเลยน่ะ”

    “แต่ท่านพี่ทำไมท่านถึงเชื่อนางมากกว่าข้าล่ะ  แสดงว่าท่านไม่เห็นข้าเป็นพี่น้องแล้ว ฮือ”ร่างบางวิ่งไปที่ห้องของตนพร้อมทั้งปล่อยน้ำตาอย่างเจ็บปวด

    “ทำไมกัน  ทำไมท่านพี่เชื่อนางมากกว่าข้า”

    “องค์ชาย  เราขอเข้าไปน่ะ”องครักษ์ทั้งสองเปิดประตูเข้าไป  ต้องตกตะลึง

    ความปรารถนาที่เติบโตขึ้นในแบบของฉัน

    คือการค้นหาดอกไม้ที่งดงาม หากความฝันนั้นไม่เป็นจริงจนฉันนั้นอยากจะยอมแพ้

    ขอแค่เพียงรากเดียวที่งอกออกมาก็ยังดี... ตอนนี้ทำได้แค่อยู่ในสายลมที่มองไม่เห็น

    และยึดปีกเอาไว้ เพื่อที่จะได้นอนหลับอย่างสงบ มองหาหนทางแห่งชะตากรรมที่ฝากมา

    ในเวลาที่ปีกค่อยๆร่วงโรยไปทีละน้อย... ดั่งถูกเชิญชวนจากภาพมายา จนมาถึงสถานที่แห่งนี้

    ใครก็ได้ช่วยบอกทีว่าฉันไม่ได้โดดเดี่ยวเดียวดาย ก่อนที่รูปร่างของความฝันจะจางหายไป...

    มันฉายอยู่ในดวงตาคู่นี้ของฉัน ประกายแห่งความโศกเศร้าได้มารวมกันในนี้

    และความเป็นนิรันดร์มันช่างน่าเศร้าและไม่มีวันเอาชนะได้ จนเหมือนฉันจะชินและชากับมันไปแล้ว...

    ความฝันมันช่างเหมือนภาพลวงตา ที่ค่อยๆหายไปที่ไหนสักแห่ง... อย่างเงียบเงียบ...

     

     น้ำเสียงหวานใสเปล่งออกมาพร้อมประกายแงความโศกเศร้า ภาพที่พวกเขาเห็นคือร่างบางกำลังร้องไห้  น้ำใสๆไหลรินทีละน้อยๆ แววตาที่ไม่ว่าใครเห็นต้องสงสาร  ใบหน้าที่เคยเปื้อนยิ้มไร้แววความสดใส

     “องค์ชาย”

    “อ่ะ  ทั้งสองคนมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”ร่างบางเมื่อเห็นองครักษ์ก็รีบเช็ดคราบน้ำตา

    “ว่าแต่มีอะไรรึ”ร่างบางส่งยิ้มให้ทั้งสองคน  ซึ่งรู้กันว่าเป็นการฝืนยิ้ม

    “ไม่มีอะไรหรอกครับ  พระราชาให้มาเรียก  รีบไปเถอะครับ”

    “อืม”  องค์ชายน้อยเดินไปทางองครักษ์ทั้งสองก่อนจะเดินไปหาผู้เป็นพ่อ

     

    ณ  ห้องโถง

    “เรียกข้า  มีอะไรรึท่านพ่อ”

    “ข้าได้ยิน  มาว่าเจ้าผลักเคียวโกะ  จงขอโทษนางซะ”ใบหน้าของสึนะเปลี่ยนไปมีแต่ความเย็นชากลับคืนมาแทน

    “ถ้าเรียกข้ามาขอโทษนาง  ก็ทรงคิดผิด  ข้าไม่ผิดข้าไม่ขอโทษนางเด็ดขาด”

    “นี่เป็นคำสั่ง  เจ้าผิดเจ้าก็ต้องขอโทษ”

    “ข้าไม่ผิด  แม้แต่ท่านยังไม่ฟังข้าเลย”

    “หุบปาก  เจ้าจะขัดคำสั่งข้ารึไง”น้ำใสไหลรินมาจากดวงตาของสึนะ  ความเจ็บปวดถูกซ้ำเติม

    “ข้าตัดสินใจแล้ว   ในเมื่อไม่มีคนเชื่อข้า  ข้าก็ไม่ขอเป็นองค์ชาย  พวกท่านจงจำไว้ข้าไม่ใช่สึนะโยชิที่เป็นองค์ชาย  แต่ข้าเป็นบุคคลธรรมดา  จงจำไว้!!!!!!”สึนะตะโกนใส่ทุกคนกลางท้องพระโรง  ก่อนจะวิ่งออกไปนอกปราสาท

    “องค์ราชา  เราขออยู่กับองค์ชายตลอดไป  เราไม่ขออยู่ที่นี่หากขาดองค์ชาย”

    “แต่ก่อนจากข้าให้นี้กับเจ้า  จงเปิดมันเมื่อถึงเวลาที่เจ้าต้องการรู้  เมื่อนั้นเจ้าจะได้รู้ว่าสิ่งที่เจ้าทำมันผิด”ฮิบาริให้เทปกับจ็อตโต้ ก่อนที่องครักษ์ทั้งสองวิ่งตามสึนะไป  โดยปล่อยบุคคลทั้งสามไว้ในท้องพระโรง  เคียวโกะแสระยิ้ม  เธอดีใจที่สามารถทำให้สึนะถูกเกลียดได้

     

    หน้าปราสาท

    “สึนะคุง/เจ้าสัตว์กินพืช  รอพวกเราด้วย  เราขอไปกับนาย”สองคนวิ่งตามร่างบางไปเรื่อยๆ  สายฝนเริ่มเทลงมา  เหมือนแสดงให้เห็นว่าท้องฟ้าสงสารบุคคลที่อยู่ตรงหน้าทั้งสอง

    “คุณฮิบาริ  มุคุโร่”ร่างบางวิ่งไปกอดทั้งสองคนพร้อมทั้งร้องไห้ออกมา

    “ทำไมกัน  ทำไมไม่มีใครเชื่อข้าเลย  ทั้งท่านพ่อ  ท่านพี่ก็ด้วย”สึนะร้องไห้แบบไม่มีที่ท่าจะหยุด  ฮิบาริและมุคุโร่ได้แต่ปลอบร่างบางเท่านั้น   พวกเขาเชื่อในคำพูดของร่างบางเพราะเขาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นแต่ไม่สามารถพูดมันออกไปได้

    “มุคุโร่  ข้าขออะไรอย่างหนึ่งสิ”

    “ว่ามาสิ สึนะ”

    “ทำให้ข้าลืมทุกอย่างเกี่ยวกับคนในปราสาทให้หมดเถอะ  ข้าไม่อยากจะเจ็บปวดอีก“ร่างสูงถึงกับชะงัก  แต่ให้สัญญาแล้วก็ต้องทำ

     

    อะไรกัน  ข้า..ข้าทำไมถึงจำมันไม่ได้ล่ะ   เจ็บจังเลย  เจ็บปวดจังเลย  อ้า...ขอทิ้งมันไว้แบบเดิมไม่อยากเห็นอีกแล้ว  สึนะเดินออกห่างจากแสงสว่างและเข้าสู่ความมืดมิดโดยไม่รู้ตัว

     

    “สึนะ  สึนะ”ร่างบางตื่นขึ้นหลังจากได้ยิน  เสียงของเพื่อนสนิทปลุกตนอยู่

    “ยามาโมโตะ  เช้าแล้วรึเนี่ย”สึนะบิดตัวก่อนเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ....

    ..........................................

    ..................

    “อะไรกันเนี่ย  ทำไมชุดของข้าต้องเป็นชุดผู้หญิงด้วย”สึนะแหกปากโวยวาย  เมื่อเปิดตู้มาแล้วพบว่ามีแต่ชุดของเด็กผู้หญิง

    “เงียบๆเจ้าสัตว์กินพืช   เลือกชุดใส่ซะไม่งั้นมีขย้ำ”ฮิบาริว่าก่อนจะเดินจากไปปล่อยให้ร่างบางเลือกชุดอยู่คนเดียว 

    “ชุดไหนดี  อะ  ชุดนี้และกัน”สึนะหยิบชุดออกมา  แล้วสวมใส่มัน

    ..............................................

    ........................................

    ตอนนี้สึนะอยู่ในสภาพนี้

    “ทุกคน  ข้าเป็นไง”สึนะที่เดินลงมาจากบันไดอย่างเขินอาย  พูดกับทุกคนที่นั่งอยู่ด้านร่าง  ทั้งหมดไม่ได้ตอบแต่กลับหน้าแดงอยู่

    “เออ  ข้าเป็นอย่างไรรึ”สึนะถามอีกครั้งทุกคนก็เอาแต่ก้มหน้า  จนสึนะคิดเออออผิดไปเอง

    “ข้าทุเรศใช่ไหมล่ะ”สึนะถามอีกครั้งคราวนี้ได้รับคำตอบเป็นเสียงเดียวกัน

    “ไม่...ไม่ทุเรศหรอก  ข้าว่าน่ารักซะอีก x4”ทุกคนปฏิเสธอย่างรวดเร็ว  ใบหน้าสึนะเปื้อนยิ้มอีกครั้ง

    “นี่เบียคุรัน  ข้าอยากให้ท่านแวะมาหาบ่อยๆจังเลยล่ะ”สึนะส่งยิ้มไปทางเบียคุรัน  ก่อนจะหุบยิ้มลงเมื่อนึกความฝันเมื่อคืน

    “มุคุโร่  ฮิบาริ  รู้ไหม  เมื่อคืนข้าฝันว่าข้ากับผู้ชายที่ทำร้ายพวกเจ้าเป็นพี่น้องกัน  ข้าอยู่ในปราสาทของวองโกเล่  ข้าทนทุกข์ที่ไม่มีใครเชื่อ  มันเป็นเรื่องโกหกใช่ไหม”สึนะปริปากเล่าฝันที่เห็นให้มุคุโร่กับฮิบาริฟัง  ทั้งคู่จ้องหน้ากันก่อนจะพูดออกมา

    “ไม่ต้องกังวลหรอกน่ะ  มันก็แค่ฝันร้ายที่เห็นเท่านั้น  ไม่ใช่ความจริงหรอกน่ะ”ทั้งสองปลอบประโลมร่างบางที่เหมือนกันน้ำตาอยู่

    “หรอ  แต่พอข้าฝันมันเจ็บต้องหัวใจเหมือนโดนบีบตลอด  ทรมานมากเลยล่ะ”สึนะส่งยิ้มไปให้ทั้งคู่แม้จะเป็นการฝืนก็ตาม

    “นี่  ถ้าเจ็บก็ร้องสิ สึนะโยชิคุง”เบียคุรัยเดินมาปลอบสึนะอีกคน  น้ำตาของสึนะไหลเป็นทางยาวและไม่หยุดสักทีเมื่อกับว่า  สึนะต้องการปลดปล่อยมันและไม่มีวันปลดปล่อยอีกกระนั้นแหละ

    “เอาล่ะ  ข้าไปก่อนน่ะ  วันหลังจะพาโชจังกับสปาน่ามาด้วย”เบีคุรันกล่าวลาก่อนจะเดินออกไปจนสุดสายตาของสึนะ

    “นี่มุคุโร่  ข้าอยากฟังเพลงประจำตัวเจ้าจัง  ข้าจำได้ว่าตอนอายุสิบกว่าๆเจ้าร้องให้ฟัง   เพราะฉะนั้นร้องหน่อยสิ  ฮิบาริด้วยน่ะ”สึนะหันไปส่งยิ้มให้ทันสองคน  จนพวกเขาอดใจอ่อนไม่ได้

    “ก็ได้/ครับ”ทั้งสองคนนั่งลง  โดยมุคุโร่เริ่มร้องเพลงเป็นคนแรก

    แม้ไม่เคยคิด จะอาจเอื้อมไปถึงเธอ

    ยังมีบางคนอยากครอบครองใจของเธอ

    แล้วเวลาใดที่ทั้งใจเธอระรวน จะล่วงรู้ เข้าสู่ใจของเธอ

    สายตาคู่นี้จะมองดูอยู่ใกล้เธอ มองลงในใจจนลึกลงจนใกล้เกิน

    แล้วเวลาใดเราพบเจอกันเมื่อไร จะเจอความหวาดกลัวของเธอ

    fukuku

    สิ่งนี้ พันธนา เชื่อมโยงเรา เอาไว้ใกล้ๆกัน

    ก่อนวันนั้น ความทรงจำ ก่อนจะลบเลือนไป

    kufufu kufufu kufufu no fu

    เริงระบำไปใน สายหมอก ที่คอยลวงตา ดั่งราตรีที่งดงามเหลือเกิน

    จะไปยังหนแห่ง ที่ความทุกข์หายจาก อำลาไปจากโลกเรา

    แค่เธอเริงระบำ บอกกล่าวพันธสัญญา จะเป็น "ของผม" เสมอไป

    แค่หนึ่งคำขอที่ได้ยินคำพูดเธอ เพียงภาวนา อยากจะลืม ความเศร้าใจ

    แค่ในตอนนี้ หรือว่าถึงเมื่อไร(oya oya)

    ตลอดกัปชั่วกาล

    จะร้องไห้ทำไม ที่ผมทำไป มันก็เพื่อให้เธอ

    ผิดอะไร ผิดใช่ไหม ผิดตรงไหนกันเอ่ย?

    kufufu kufufu kufufu no fu

    เธอจงเริงระบำ ข้ามผ่าน ทำนองบางเบา ผ่านหมอกเงาของชีวิตเธอ

    จะก้าวเท้า ข้ามผ่าน หนึ่งชีวิตที่ผ่าน พังทลายไปกับสายตา

    ความทุกข์เศร้าในใจ ที่กลั่นเป็นสายน้ำตา จะเป็นของผมเสมอไป (นั่นสินะ)

    สิ่งนี้ พันธนา เชื่อมโยงเรา เอาไว้ใกล้ๆกัน

    ก่อนวันนั้น ความทรงจำ ก่อนจะลบเลือนไป

    kufufu kufufu kufufu no fu

    เริงระบำไปใน สายหมอก ที่คอยลวงตา ดั่งราตรีที่งดงามเหลือเกิน

    จะไปยังหนแห่ง ที่ความทุกข์หายจาก อำลาไปจากโลกเรา

    แค่เธอเริงระบำ บอกกล่าวพันธสัญญา จะเป็น "ของผม" เสมอไป

     

    เมื่อมุคุโร่ร้องจบ  ฮิบาริก็ร้องต่อ

     

    โบยบินไปทุกแห่ง ด้วยปีกอันสง่างาม

    สิ่งที่บานสะพรั่งให้แก่ฉันนั้น คือ Pride

    (*ความภาคภูมิของฉันกำลังบานสะพรั่ง)

    ดังเช่นนก ที่แสนอิสระเสรี

    โบยบินไปในฟากฟ้าที่ไกลแสนไกล Fly

    ล่องลอยอยู่ ท่ามกลางหมู่คลื่นแห่งเมฆี

    ที่ที่ฉันจะโผบินลงนั้น ก็คือ อนาคต

    ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหน

    ก็จะไม่มีคำว่าปรานี

    คมเขี้ยวที่ฉีกกระชาก

    ก็หยัดยืนเผชิญหน้า

    ลึกยิ่งกว่าท้องทะเลใด

    เย็นเยือกยิ่งกว่าน้ำแข็งมหาสมุทรอันอ้างว้างนี้

    พวกที่รวมฝูง ไม่ว่าใคร ไม่มีละเว้น

    ดวงตาที่โง่เขลานั้นจะบดขยี้ให้สิ้น

    จะทลายกำแพง สีเงินที่ขวางกั้นนั้นทิ้ง

    โบยบินไปทุกแห่ง ด้วยปีกอันสง่างาม

    สิ่งที่บานสะพรั่งให้แก่ฉันนั้น คือ Pride

    (*ความภาคภูมิของฉันกำลังบานสะพรั่ง)

    ณ ที่นี้ ที่ชะตาต้องดับสิ้น

    ถึงอ้วนวอน ขอให้ช่วยไป ก็ไร้ค่า cry

    ไร้ซึ่งผู้ที่กล้าเข้ามาขัดขวาง

    ไร้ซึ่งการผูกมัดไม่ว่ากับสิ่งใด

    ช่วงเวลาที่ ความเงียบ เข้ามาปกคลุม

    ไม่ว่าใครที่รบกวนสายตา

    ช่วยไม่ได้

    ที่ต้องกลายเป็นของเล่นฆ่าเวลา

    ในโลกที่ กว้างใหญ่ อันแปรปรวนนี้

    พวกโง่เขลานั้นจะ กำจัดทิ้งให้สิ้นซาก

    พวกเหยื่อไร้ระเบียบ จะต้องแตกกระจายไป

    คมดาบที่ตื่นขึ้น เป็นอิสระจากนิทรา

    สิ่งที่สะท้อนอยู่ สำหรับฉันนั้น คือ Pride

    [สะท้อนความภาคภูมิของฉัน]

    ท้องฟ้าที่มองจากดาดฟ้าเพียงลำพัง

    ได้ยินเสียงระฆัง(Chime) ที่ดังก้องสะท้อนมา

    อุดมการณ์มั่นคง ไร้ซึ่งรอยมลทินใด

    สิ่งที่*ยึดมั่น(ขย้ำ?)อยู่ สำหรับฉันนั้น คือ Pride

     

    เมื่อฮิบาริร้องจบ  ซึ่งก็บอกว่า”เพลงนี้ตรงนิสัยของคุณดีนะ”ซึ่งฮิบาริไม่สนใจ   และฮิบารกับมุคุโร่ก็ร่วมกันขับขานเพลงสุดท้าย

     

     

    [Hibari]ดั่งดอกไม้ ร่วงโรย บิดและโปรยพริ้วไป

    แต่ทำไมทั้งใจ ไม่อาจคว้ามาสักที

    [Mukuro]ไม่จีรังยั่งยืน ไม่อาจคืนย้อนมา ราวกับสายน้ำตา ดั่งดอกไม้งามที่เหมือนเธอ

     [Hibari]เด็กน้อยคอยเวลาที่ผ่านผันไป เมื่อเขามองไปจะพบประตูเดิมๆที่ปิดบัง

    ด้วยสองมือเอื้อมมือขึ้นสู่ฟ้าไกล เก็บความเป็นจริงที่ซ่อนภายในและลึกลงกว่าเดิม

     [Mukuro]หากแม้ทุกๆวัน ว่างเปล่า ไม่พบอะไรความหมายเดิมๆ มันเหมือนเลือนห่างลาไกล

    หากแม้ว่าหัวใจแสนเย็นชา ลองหลับตาหาเวลาเดิมๆ ที่ใจฉันรอคอยคืนวันนั้น

     [Hibari&Mukuro] ดั่งดอกไม้ ร่วงโรย บิดและโปรยพริ้วไป

    แต่ทำไมทั้งใจ ไม่อาจคว้ามาสักที

    ไม่จีรังยั่งยืน ไม่อาจคืนย้อนมา ราวกับสายน้ำตา ดั่งดอกไม้งามที่เหมือนเธอ

     [Mukuro]กี่ครั้งบนเส้นทาง ที่เราก้าวไป อาจพบแต่ขวากหนามเดิมๆซ้ำๆจนหวั่นใจ

    [Hibari]"อยากหนีไปให้ไกลถึงสุดสายตา" จะเอ่ยซ้ำๆเหมือนเดิมว่าเพียงพอ

    ก่อนร่ำลาไปตามเส้นทาง จากนี้

     [Hibari]สิ่งที่หายไป เคยตามหามันเท่าไหร่ไม่พบ

    กลับคืนย้อนมา ในวันที่เธอ คอยยืนเคียงอยู่ใกล้ๆกัน

    [Mukuro]ดั่งดอกไม้พัดปลิว ปลิดแปรพริวพริ้วมา

    ผ่านพายุพัดพา ผ่านตามสายลมผ่านไป

    จะก้าวไปเช่นไร ฝ่าผ่านไปเช่นไร

    ผ่านพายุพัดไป

    ดั่งดอกไม้งามที่เหมือนเธอ

     [Hibari&Mukuro] ที่ตรงนี้ เพื่อเธอ เพียงกลับมาได้เจอ สิ่งที่เคยหายไป สิ่งที่หาจะหวนคืน

    ไม่จีรังยั่งยืน ไม่อาจคืนย้อนมา ราวกับสายน้ำตา ดั่งดอกไม้งามที่เหมือนเธอ

     

    เมื่อทั้งคู่ร้องจบก็ยกมือสึนะขึ้นมาประทับริมฝีปากทั้งสองข้าง  ซึ่งร่างบางได้แต่หน้าแดงด้วยความเขินอาย

    “มันจะมากไปแล้วน่ะ  ไม่เห็นพวกข้ารึไงกานนนนนนนนนนนนนนนนนนนน”โกคุดระตะโกนลั่นก่อนจะชากตัวสึนะมากจากฮิบาริกับมุคุโร่

    “ท่านสึนะไม่เป็นไรน่ะครับ  ต้องขอโทษจริงๆที่ทำร้ายท่าน”โกคุเดระก้มหน้าให้สึนะ โดยได้รับคำอภัยด้วยเสียงที่ดูเหมือนจะแผ่วเบาลงไปเรื่อยๆ

    “อืม  ไม่เป็นไรหรอกน่ะ”สึนะส่งยิ้มให้กับทุกคนที่อยู่ในห้อง  โดยมีสายตาคู่หนึ่งแอบมองอยู่ห่างๆ

    “หึ  สวยดีจัง  มิน่าองค์ชายจ็อตโต้ถึงต้องการ”เจ้าของดวงตาที่จ้องมองร่างบาง  ณ  สถานที่อันไกลแสนไกเผยยิ้มแสนชั่วร้ายออกมา  ก่อนจะเดินไปเรื่อยๆเพื่อไปทำตามสิ่งที่หวังของตน

    ..............................

    ...........

    หลายอาทิตย์ผ่านพ้นไป

    “นี่  โชอิจิคุง  ทำอะไรหรอ  สปาน่าก็ด้วย”สึนะเดินเข้าไปหาชายหนุ่มสองคนที่เป็นคนติดตามของเบียคุรัน

    “ทำยาแยกร่างอยู่น่ะ”ทั้งคู่ตอบพร้อมกัน  โดยปล่อยร่างบางนั่งอยู่แบบไร้ตัวตนและสนสิ่งที่ทำต่อ 

    “อืม”สึนะส่งยิ้มให้ทั้งคู่  ร่างบางมองท้องฟ้ารอบๆตัวเองนานมาก  จนกระหายน้ำ  และพอดีก็เห็นน้ำสีม่วงๆเลยหยิบมาดื่ม

    “อึก!  หายใจไม่ออก”สึนะรู้สึกอึดอัดมาก  จนโชอิจิกับสปาน่าที่ทำงานอยู่เดินเข้ามารับตัวของสึนะที่ล้มลง  แล้วเหลือบไปเห็นขวดใส่ยาแยกร่างที่ทำผิดที่ว่างเปล่าอยู่

    ...เวรแล้วไงล่ะ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×