ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ TITAN FIC ] ' CAUSE.

    ลำดับตอนที่ #2 : 01. การทำหน้าตาน่าสงสารไม่ได้ช่วยอะไรเลย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 476
      10
      13 มี.ค. 57






    01



     

    …………………..” 

    ………………..….


    บรรยากาศมาคุแบบโคตรพ่อโคตรแม่ยังคงดำเนินมาเป็นเวลานานกว่า 20 นาทีอันไร้ซึ่งบทสนทนา คนสร้างมันก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าของบ้านและ ”แขก” อีกหนึ่งคน (?) ที่มาเซอร์ไพรส์ถึงบ้านกันจนตัวเปียกกันทั้งคู่ ซึ่งถ้ามองจากความจริง คนที่นั่งกลัวตัวสั่นน่าจะเป็นเจ้าของบ้านซะมากกว่า แต่ว่าในตอนนี้มันกลับกันเพราะเรื่องนี้เป็นเพียงแฟนฟิคชั่นจากมโนของคนเขียนแค่นั้นเอง


    เจ้าของบ้านนั่งมองแขกของตนด้วยสายตาเรียบเฉย ทำเหมือนไม่มีอะไรแต่ถึงกระนั้นไอสีดำก็ยังแผ่ออกมาไม่หยุด (นี่คนหรือท่อไอเสีย) ขีดดำๆตรงเปลือกตาเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆบ่งบอกว่ากำลังอารมณ์เสียขั้นรุนแรง

    แม้จะกำลังอารมณ์เสีย แต่นัยน์ตาสีขี้เถ้ายังคงจ้องมองร่างตรงหน้า เรือนผมสีน้ำตาลแนบลงกับแก้ม ดวงตากลมโตสีมรกตมองพื้น  นิ้วเรียวยาวจิ้มพื้นจนพื้นแทบจะเป็นรู ผิวขาวๆที่เปียกน้ำนั่นก็ชวนให้ใจเต้น….


    เอ่อะ ไม่ใช่ประเด็นในตอนนี้



    “เฮ้ย” ก่อนความคิดจะฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ เจ้าของบ้านจึงเริ่มเอ่ยปากเซย์เฮโหลแขกของตน ซึ่งได้รับปฏิกิริยาจากคนตรงหน้าสมใจ หากยังเงียบไม่พูดอะไรก็คงจะไม่ได้เรื่องและไม่ช่วยอะไรเลย


    “ ค ครับ !!! “ ตอบกลับทันทีด้วยความเร็วแสง ร่างกายเริ่มสั่นขึ้นเรื่อยๆ เป็นผลจากความกลัวหาใช่ความหนาวจากน้ำไม่เพราะตอนนี้เจ้าของบ้านแทบจะกินหัวของเขาอยู่แล้ว ยิ่งบวกกับสถานการณ์ในตอนนี้ก็นะ


    ความหนาวไม่ทำให้เดือดร้อนสักเท่าไหร่ (?)



    “อธิบายฉันทีว่าเรื่องนี้มันเป็นมายังไง” ก่อนจะเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นกับพื้นบ้าน มือเรียวเชยคางคนตรงหน้าให้เงยขึ้นสบตา แค่นี้ก็ทำเอาคนตรงหน้าสั่นจนแทบจะสะบัดหน้าหนี แต่เมื่อเจอกับสายตาคมกริบชวนบาดเสื้อก็ต้องจำใจเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างช่วยไม่ได้



                “ คือว่ามัน……




    เริ่มเล่าเรื่องประหนึ่งกดปุ่มรีเพลย์ ย้อนกลับไปยังช่วงเช้าของวันนี้  บนสวรรค์


    ใช่แล้ว ที่นี่คือสถานที่ที่สวยงามราวกับในเทพนิยายหรืออีกชื่อที่มนุษย์เรียกก็คือสวรรค์ เขาคือเทวดาผู้เป็นที่รักใคร่ในหมู่เทวดาด้วยกัน เขาเดินออกจากห้องของพระเจ้าที่เป็นที่รู้จักกันดีในมวลหมู่เทวดาและมนุษย์หลังจากรับงานสุดท้ายเสร็จ เรือนผมสีน้ำตาลเข้ากับผิวขาวๆและนัยน์ตาสีมรกต เมื่อบวกกับรูปร่างสูงโปร่งของเขาแค่นั้นก็ชวนให้ทุกคนมองเหลียวหลังกันเป็นแถว เอเลน เยเกอร์เดินอย่างคนไร้สติไปเรื่อยๆ งานสุดท้ายต้องสงสัยทำเอาเขาสติพังจริงๆ


    “ เฮ้ย ! เป็นไรเอเลน อาการหนักจริงๆนะเนี่ย” เอเลนเงยหน้าขึ้นมองและส่ายหัวให้กับคนที่เป็นผู้ส่งข้ามโลกและคนในสถานะที่โดนเขาเดินชนเมื่อกี้อย่างไร้เรี่ยวแรง ผู้ส่งข้ามโลกหรือฮานเนส เป็นคนที่คอยส่งเขาลงไปยังโลกมนาย์บ่อยๆและดูเหมือนจะเอ็นดูเขามากเหลือเกิน


    “งานสุดท้ายแล้วสินะเอเลน !! น่าหมั่นไส้จริงๆ แต่ก็ยินดีด้วยละกัน ขอให้ภารกิจสำเร็จนะ ”


    “ ขอบคุณครับแต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกครับ แหะๆ” เอเลนเกาหัวแกรกๆให้กับฮานเนส ถึงแม้ตัวเองจะหัวเราะแห้งๆไปแต่ในใจกลับอาบไปด้วยน้ำตา งานสุดท้ายของเขามันชวนให้ร้องไห้เป็นเลือดซะจริงๆ


    เอเลนยืนประจำตำแหน่งบริการพิเศษจากทางสวรรค์ เป็นจุดที่ถ้ากระโดดลงไปแล้ว จะสามารถไปถึงเป้าหมายบนพื้นโลกได้ โดยที่ไม่ต้องไปตามหาให้เสียเวลาเหมือนกับการหายตัวไป เอเลนยื่นที่อยู่ของมนุษย์ให้ฮานเนส “กางแขนซะ”

     
     

    ฮานเนสสั่งทั้งรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มนั่นดูมีพิรุธซะจริงๆ ถึงแม้ว่าเขาจะสงสัยแต่ก็ยอมกางแขนแต่โดยดี และสิ่งที่ได้คือการสวมปีกที่ลักษณะคล้ายปีกของเล่นบนโลกมนุษย์เข้าที่หลังของเขา


    “ ปีกอะไรหรอครับ ?” ถามพลางยื่นที่อยู่ของเป้าหมายให้ อีกมือจับๆคลำๆขนบนปีกที่เหมือนของจริงมากกว่าของเล่นซะเหลือเกิน แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาก็ไม่ตรงประเด็นกับคำถาม


    “ หา รีไวล์นี่ชื่อผู้ชายชัดๆ เสียใจด้วยนะที่ไม่ใช่ผู้หญิง “ ฮานเนสหัวเราะอย่างร่าเริง ผิดกับเอเลนที่ทำหน้างงตาแตกอยู่ข้างๆ



    จะวิจารณ์อะไรเป้าหมายผมก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่กรุณาตอบคำถามผมก่อนเซ่ !



     “ เดี๋ยวครับบบบบบ !! ปีกนี่มันอะไรกันแน่ครับเนี่ยย !? “  เอเลนสะดุ้งเมื่อมืออุ่นๆทาบลงที่หลังของตน รู้สึกถึงแรงที่กระทำต่อหลังมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ได้คือปีกของเล่นที่เริ่มกลายเป็นปีกจริงขึ้นเรื่อยๆ บวกกับรอยยิ้มและคำตอบ…. “ของขวัญไง ฮ่าๆๆๆ ! โชคดีนะ !


     

    แล้วเขาก็ร่วงลงมา





     

    “ให้ตายสิ” รีไวล์ (นามสกุลxx) นักวิทยาศาสตร์ที่ไม่หนุ่ม อายุ 30 ปีต้นๆ คือเป้าหมายของเอเลน เยเกอร์ ไม่ผิดแน่ วันที่ควรจะไปทำงาน แต่ดันไม่ไปเนื่องจากองค์กรต้นสังกัดของเขาปิดวันหนึ่งเพื่อทำความสะอาด ซึ่งมันก็ดี ! แต่ที่เขารู้สึกอารมณ์เสียก็เพราะเมื่อกี้เขาออกจากบ้านไปจนถึงที่ทำงานแล้วน่ะสิ ! แล้วทำไมไม่แจ้งล่วงหน้าก่อนซักวันสองวันฟ่ะ นอกจากจะทำให้เขาเปลืองค่าน้ำมันรถฟรีๆแล้ว ยังทำให้เขาเสียเวลานอนอันมีค่าที่หาได้ยากยิ่ง เขาเลยออกมาเดินท่อมๆข้างสระน้ำในบ้านเพื่อสงบสติอารมณ์ นี่ถ้าไม่ปิดเพราะทำความสะอาดนะ พ่อจะไปถล่มไอ้ประธานเอลวินถึงบ้านเลยทีเดียว



    “เฮ้อ ! ” ถอนหายใจเพื่อระบายอารมณ์อย่างก้าวร้าว (?) ก่อนจะพบกับขนนกสีขาวบริสุทธิ์ที่ล่วงหล่นลงมาในมือ


    แปะ

     

     

    "ขนนก ?" รีไวล์หยิบมาขึ้นมาพลิกเล่นๆ มองไปมองมามันก็ใหญ่เกินที่จะเป็นนกธรรมดา แต่พอจะเดินไปล้างมือป้องกันเชื้อโรคที่อาจติดมากับขนนก เขาก็รู้สึกถึงเงาดำที่ทาบทับลงมาที่เหนือหัว เสียงตะโกนลั่นสนั่นโลกด้วยระดับเสียงล้านแปดหลอด 

     
     

    " ว้ากกกก ! คนข้างล่างหลบ !!!!!! "

     

    ตูม !!!! 

     

     

    แล้วก็เขากลิ้งตกสระน้ำลงไปพร้อมกับคู่กรณี “เอเลน เยเกอร์”



     

    ตัดฉับกลับมายังปัจจุบันอย่างรวดเร็ว..


    “บ้ารึเปล่า ?” เอเลน เยเกอร์ที่นั่งนวดปากลดอาการเมื่อยหลังการเล่าเหตุการณ์สะดุ้งเฮือก ไอ้เสียงโหดๆตะกี้นั่นคืออะไรแต่ไม่สำคัญเท่าที่อยู่ดีๆก็โดนด่า !? “บ้าอะไรครับ..


    “ นายคิดว่าฉันเป็นเด็กอนุบาลรึไง สวรรค์ เทวดง เทวดาอะไร ใครจะไปเชื่อ”  ขีดที่เปลือกตากลับมาเพิ่มจำนวนขึ้นอีกครั้งหลังพูดจบ ใครเชื่อก็บ้าแล้ว


    “คุณไม่เชื่อผมก็ไม่เป็นไร แต่ที่ผมพูดไปเมื่อกี้นี้คือเรื่องจริงทั้งหมดครับ” เอเลนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง เรื่องที่เขาเล่ามาทั้งหมดนี่คือเรื่องจริงนะ จะมีมนุษย์ที่ไหนตกลงมาจากท้องฟ้ากันฟ่ะ ….. เอเลนมุ่ยหน้าใส่รีไวล์อย่างไม่รักตัวกลัวตาย ทีเมื่อกี้ยังนั่งสั่นหงึกๆกลัวเขาอยู่เลย


    “งั้นเอาใหม่.. เมื่อกี้แกบอกฉันว่า แกเป็นเทวดาที่มาช่วยเหลือมนุษย์เป็นงานสุดท้ายบนโลกมนุษย์ ซึ่งมนุษย์คนนั้นคือฉัน??” เอเลนชะงักนิดๆกับสรรพนามที่เปลี่ยนไป แต่ก็พยักหน้าตาใสแจ๋วหงึกๆเป็นการตอบรับ


    “ใช่ครับ”

    ……….. หลังจากรีไวล์เงียบใส่เอเลนพอเป็นพิธี มือหยิบโทรศัพท์มือถือสีดำสนิทของตนขึ้นมากดโทรหาใครบางคน เอเลนนั่งมองอย่างงงๆ เวลาผ่านไปซักครู่ปลายสายก็รับ


                “เอลวิน ? มาเอาคนบ้าในบ้านฉันไปทำการทดลองเดี๋ยวนี้เล..


                “อย่า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” เอเลนกระโจนเข้าตะครุบโทรศัพท์มือถือพร้อมกดตัดสายทันทีหลังจากรีไวล์ทักทาย (?) คนปลายสาย ตอนนี้เขากลายเป็นตัวอย่างการทดลองไปแล้วรึ !?  “ผมไม่ใช่คนบ้านะครับ!


                “แล้วใครจะเชื่อแกฟะ !!?” รีไวล์ตะคอกกลับ ทำเอาเอเลนสะดุ้งและคืนโทรศัพท์ให้เจ้าของเมื่อเห็นไอดำแผ่ออกมาจากตัวเจ้าของ รีไวล์รับโทรศัพท์คืนก่อนนั่งกุมขมับนี่ตูกำลังคุยกับตัวอะไรอยู่ฟะเนี่ย


                “เอาเถอะ ยังไงฉันก็ไม่เชื่อนาย รู้แล้วก็กลับบ้านไปซะ”


                “ฮืออออ รีไวล์ซังง แต่งานนี้มันสำคัญกับผมมากเลยนะ !” เอเลนเข้ากอดขาของรีไวล์ที่สะบัดมือไล่เขาแน่น รีไวล์ตกใจเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆแงะเจ้าเด็กที่ไหนก็ไม่รู้ที่ทำตัวเป็นปลิงให้หลุดออกจากขาของเขา


                “นั่นมันเรื่องของนาย ปล่อยขาฉันแล้วกลับบ้านไปซะ” อยู่ๆคนที่ทำตัวเป็นปลิงก็หยุดกอดขาและเงยหน้าขึ้นสบตาปิ๊งๆใส่เขาแทน ไม่มีการกอดขาและแงะ บรรยากาศในบ้านตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงแค่คนสองคนจ้องตากันเท่านั้น ถ้าเป็นปลากัดก็คงจะท้องและออกลูกเป็นโหลไปแล้ว บ้าจริงๆ


                “………………






     

                10 นาทีต่อมา



                “รีไวล์ซัง ! เปิดประตูให้ผมเถอะครับ !!!!” ถ้าย้อนกลับไปอ่านข้างบนอีกรอบคงจะคิดว่ารีไวล์ต้องยอมรับเขาแน่ๆ แต่เขาคิดผิด ! เพราะฉะนั้นตอนนี้ เอเลนเลยได้แต่เคาะหนักๆไปทางทุบประตูบ้านของรีไวล์แทนหลังจากโดนโยนออกมาจากบ้านอันใหญ่โตหลังนั้นมาได้สิบนาทีกว่าๆแล้วไม่ว่าจะเคาะยังไง เขาก็ยังไม่เห็นเจ้าของบ้านวายร้ายคนนั้นแม้แต่เสียงตะโกนด่าก็ตาม


    หมดแรงซะแล้วสิ


                การออกแรงทุบประตูและตะโกนเป็นเวลานาน โดยที่ตัวยังเปียกๆอยู่บวกกับอากาศที่ยังหนาวถึงแม้ว่าจะเป็นตอนเกือบๆเที่ยงมันชั่งชวนทำให้หน้ามืดและเป็นลมเหลือเกิน เอเลนได้แต่ทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าอยู่ที่หน้าประตูบ้านของรีไวล์อย่างสิ้นหวัง มนุษย์คนแรกและน่าจะเป็นคนสุดท้ายที่โยนเขาออกจากบ้านอย่างเยือกเย็น  “ใจร้าย….


                “นายว่าใครใจร้าย” เสียงที่ดังขึ้นมาจากข้างหลังทำให้เอเลนพยายามหันกลับไปแม้จะเหลือแรงเพียงน้อยนิด เมื่อพบว่าเป็นเจ้าของบ้านที่โยนเขาออกมาเมื่อซักพักใหญ่ๆ เอเลนก็สะบัดหน้ากลับจนแทบคว่ำ


                “แถวๆนี้ล่ะครับ” ประโยคที่ฟังดูประชดประชันเมื่อกี้ทำเอารีไวล์อยากจะจับเอเลนฆ่ารัดคอมันหน้าบ้านซะตรงนี้จริงๆ แต่ก็พยายามเก็บอารมณ์ไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยซะ ถึงแม้เขาจะรู้สึกรำคาญเด็กคนนี้ แต่เหมือนมีอะไรมาดลใจให้เขาเปิดประตูและพูดประโยคที่ทำเอาเอเลนตาลุกวาว


                “งั้นหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องเข้าบ้านฉันละกัน”


     

    -----------------------------------------------
    T B C
    กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด มาแล้วตอนแรก 55555555555
    กว่าจะคลอดออกมาเป็นตอนนี้ได้มันผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมากมาย
    แต่ก็ยังผ่านมาได้ 5555555 ตัวละครหลักของเราปรากฏตัวแล้วค่ะ!
    ใครเป็นใครคงรู้นะคะ อิอิ ส่วนบางเรื่องอะไรที่สงสัยก็ไม่เป็นไรค่ะ เรายังไม่บอกในตอนนี้
    ถ้างงก็เชิญงงต่อไปเพราะเค้าเองก็แขนแบบงงๆเหมือนกัน 5555
    ฮรือออว์ เอางี้ เป็นไงบ้างคะกับตอนแรก ขอคำติชมด้วยน้าาา

    เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ !!
    + โบ่นัส . เป็นกิฟในดวงใจจริงๆ หนูเอเลนน่าสงสารอยู่นะแต่ฮามากกว่า 5555


    BlackForest✿

    ----------------------------------------------
    'CAUSE.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×