ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Honeypooh079

    ลำดับตอนที่ #29 : เกริ่นเรื่อง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 228
      0
      18 ธ.ค. 51

    บทนำ

    ผ้าม่านบางใสไหวแยกออกจากกัน ร่างสตรีผู้หนึ่งนอนงอกายอยู่บนที่นอนกว้างตามลำพัง มือเล็กจิกผ้าปูแน่นขณะที่มืออีกข้างกุมเหนือทรวงอกฝั่งซ้าย

                    โอ...ไม่ เสียงหวานคร่ำครวญ

    ไม่... ข้าจะไม่... หญิงสาวครางสลับกับบิดกายด้วยอาการทรมานยิ่งยวด

    ได้โปรด หยุด หยุด...

    ดวงตาสีเขียวแกมฟ้าลืมขึ้น วงหน้าเนียนกระจ่างชื้นด้วยหยาดเหงื่อ ริมฝีปากอิ่มแดงช้ำจากการขบเม้ม หญิงสาวหอบหายใจก่อนจะเริ่มสงบลงทีละน้อย ร่างบางแตะทรวงอกบริเวณที่แสดงสัญญาณแห่งชีวิตเบาๆ ความเจ็บปวดสลายไปจนเกือบไม่หลงเหลือ... หากข้าก็ยังไม่สบายใจ

    นางลุกขึ้นจากที่นอน แหวกม่านโปร่งออกไปยืนริมหน้าต่าง มองเหม่อสู่ความมืดไร้ที่สิ้นสุดข้างนอก สองมือโอบรอบกายให้ความอบอุ่น

    สายลมแผ่วพาหยาดเหงื่อระเหยพร้อมกับมัน ผิวกายหญิงสาวเย็นลงจนเปลี่ยนเป็นหนาวสะท้าน เส้นผมดกหนาสีอ่อนเลื่อนไปด้านหลังเปิดรูปหน้าเรียว เครื่องหน้างามงดจับใจ นัยน์ตาสีเขียวแต้มฟ้าแฝงนัยลึก บางคราก็อ่อนโยน บางคราก็แข็งกร้าว เปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็วเกินไป หญิงสาวปิดเปลือกตา สูดลมหายใจเข้าลึก ระบายออกช้าๆ หวังให้หัวใจที่เต้นรัวสงบลงสักนาที

    อา... มันเกิดอะไรขึ้นกับข้ากันแน่? นางคิดด้วยความกลัดกลุ้ม รู้สึกสังหรณ์ไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก

     

                เสียงออดยาวดังไปทั่วบริเวณโรงเรียนเล็กๆแห่งหนึ่ง พักเดียวเด็กๆก็กรูออกมาจากอาคารเรียนเข้าสู่สนามเด็กเล่น นั่งเล่นกองทรายบ้าง เครื่องเล่นจำพวกกระดานหก ม้าหมุนและกระดานลื่นบ้าง บางคนก็จับกลุ่มวิ่งเล่นไล่จับ รอบๆสนามเด็กเล่นมีพี่เลี้ยงเด็กสี่คนคอยจับตาดูไม่ให้เด็กๆได้รับบาดเจ็บ ระหว่างนั้นผู้ปกครองเริ่มเข้ามาติดต่อกับอาจารย์ผู้ดูแลเรื่องรับตัวเด็กๆกลับบ้าน พวกเขาต้องแสดงบัตรระบุตัวเองและสิทธิในการรับบุตรหลานกลับบ้าน

    รถยนต์สีเทาขับเข้ามาในบริเวณที่จอดรถ ดวงตาหลังแว่นดำกวาดหาที่ว่าง พอเห็นรถตู้คันหน้าถอยหลังก็เหยียบเบรคหยุดรอ จากนั้นจึงหมุนพวงมาลัยเข้าไปจอดแทนที่อย่างไม่รอช้า

    หญิงสาวเปิดประตู ก้าวเท้าลงมายืนบนพื้นซีเมนต์ ปลดแว่นดำกรองแสงออกจากใบหน้า นัยน์ตาสีเข้มโดดเด่นด้วยการเขียนขอบตาตวัดตรงปลาย เหนือดวงตาคู่คมเป็นคิ้วเรียวโก่ง เธอก้มตัว วางแว่นตาไว้ในช่องข้างประตู ปิดประตูเสียบกุญแจล็อครถ จากนั้นจึงหันหน้าไปทางอาคารเบื้องหน้า ร่างอรชรก้าวเท้าเดินตรงไปยังจุดหมายโดยไว

    สวัสดีค่ะ รับน้องธิค่ะ มือเรียวยื่นบัตรประจำตัวให้อาจารย์

    สวัสดีค่ะ คุณแม่... น้องธิกำลังเล่นสนุกอยู่กับเพื่อนๆเลยค่ะ อาจารย์สาวยิ้มแย้ม

    ดีเลยค่ะอาจารย์ ณีมีลูกสาวคนเดียวกลัวว่าเค้าจะเหงา สุธาริณี โกมลมองผ่านรั้วโปร่งไปด้านใน ร่างเล็กๆหลายร่างสวมเครื่องแบบโรงเรียนวิ่งเล่นกันจนมองหายากว่าใครเป็นใคร หากเธอก็เห็น...

    เดี๋ยวให้เด็กไปเรียกตัวให้นะคะคุณแม่ อาจารย์มองตามสายตาผู้ปกครองคนสวยแล้วบอก

    ไม่เป็นไรค่ะ ปล่อยให้เค้าเล่นสักครึ่งชั่วโมงก็ได้ค่ะ หญิงสาวส่ายหน้า ยิ้มหวาน

    เชิญคุณแม่นั่งตรงม้านั่งแถวนั้นได้เลยนะคะจะได้ไม่เมื่อย เธอผายมือไปยังม้านั่งหลายๆตัวซึ่งตั้งไว้บริเวณใกล้ๆกับรั้วเหล็ก

    ขอบคุณค่ะอาจารย์ สุธาริณียกมือไหว้ทำให้อาจารย์สาวยกมือไหว้ตอบ

    เธอเลือกนั่งตรงเก้าอี้ตัวที่สามารถมองเห็นสนามเด็กเล่นชัดที่สุด ดวงตาสีน้ำตาลแก่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนยามทอดมองร่างลูกสาวในกลุ่มเพื่อนๆด้วยกัน  เรียวปากอิ่มคลี่ยิ้มอย่างสุขใจ    

    ครบครึ่งชั่วโมงสุธาริณีก็ลุกขึ้นไปหาอาจารย์อีกครั้งแล้วขอให้ช่วยเรียกตัวบุตรสาว สักพักเด็กหญิงร่างป้อมผมยุ่งๆก็วิ่งสะพายกระเป๋านักเรียนตรงมาที่ประตู ใบหน้าที่มีเค้าความสวยยามเจริญวัยแดงก่ำเพราะใช้พลังงานในการเล่น หยาดเหงื่อซึมบนดั้งจมูกโด่ง หากเจ้าตัวไม่ได้สนใจจะเช็ด

    สนุกไหมจ๊ะ? เสียงหวานถามบุตรสาว

    สวัสดีค่ะแม่ สนุกมากเลยค่ะ ธิดาบอก

    วันนี้เล่นอะไรจ๊ะ? สุธาริณีส่งมือให้ลูกสาวจับจูง

    เล่นวิ่งไล่จับค่ะ ธิเป็นตั้งหลายรอบแน่ะ เด็กหญิงย่นจมูก

    สุธาริณีหัวเราะแล้วเอาสองนิ้วหนีบบนจมูกลูกสาวอย่างหมั่นไส้ เพราะลูกวิ่งช้าหรือเปล่าคะ?

    ไม่ช่ายค่ะแม่ ช้างกับนายขี้โกงค่ะ สองคนนี้เป็นทีไรมาไล่จับธิคนเดียวทุกที เสียงเล็กๆเถียง

    แล้วพอลูกเป็นลูกก็ไล่แต่น้องช้างกับน้องนายใช่ไหมล่ะจ๊ะ? คุณแม่บอกแบบรู้ทันนิสัยลูกสาว

    ทำไมแม่รู้ล่ะคะ? ก็สองคนนั้นมาแปะธิทุกทีเองนี่คะ ธิดาไม่ยอมแพ้

    จ้า สุธาริณีหัวเราะ ไม่ต่อปากค่อคำด้วย

    วันนี้ทานอะไรดีจ๊ะ? ไปร้านอาหารกันไหม? เธอถาม และเห็นดวงตาเด็กหญิงเป็นประกายวับทันตา

    ร้านกริลล์บาร์บีคิวนะคะ ธิอยากกินบาร์บีคิว

    ได้เลยจ๊ะ แม่ก็อยากทานเหมือนกันนะนี่ ใจตรงกันเลย พอได้สถานที่ฝากท้องมื้อเย็น สองแม่ลูกก็คุยกันกระจุ๋งกระจิ๋งพลางเดินเคียงกันไปยังลานจอดรถ  

     

    แม่ขา แม่ขา เสียงเรียกพร้อมกับมือเล็กแตะบนบ่า เขย่าๆทำให้คนหลับไปแล้วต้องลืมตาขึ้น

    อะไรลูก? สุธาริณีโอบร่างเล็กเข้ามาใกล้ตัว ร่างนั้นสั่นสะท้าน ลมหายใจเข้าออกรุนแรงกว่าปกติ คุณแม่รีบลุกขึ้นนั่ง มือเอื้อมไปเปิดโป๊ะไฟ จากนั้นจึงหันมามองลูกสาวด้วยแววตาห่วงใย

    ธิฝันร้ายค่ะ ความมืด...มืดมาก กับเสียงหัวเราะก้องไปหมด เด็กหญิงเล่าพลางร้องไห้

    อย่าร้องจ๊ะลูก หญิงสาวปลอบโยนก่อนจะยกหลังมือทาบหน้าผาก ตัวไม่ร้อน เธอจึงใช้นิ้วเช็ดน้ำตาจากแก้มอิ่มๆ

    ลูกเจ็บตรงไหนไหมคะ?

    ไม่ค่ะ แม่ ธิดาส่ายหน้า

    งั้นมานี่ลูก แม่จะเล่านิทานให้ฟัง สุธาริณีกางแขนออก รับร่างลูกสาวเข้ามากอด เธอลูบเรือนผมสลวยแล้วเริ่มเล่าเรื่องเจ้าหญิงกับเจ้าชาย ปราสาทหลังใหญ่ คำสาปแม่มด มังกร...

    เมื่อมังกรถูกสังหารด้วยคมดาบเจ้าชายรูปงาม... เสียงหญิงสาวแผ่วเบา ดวงหน้าสวยก้มลงมองลูกสาวที่นั่งอิงอกเงียบกริบ ลมหายใจผ่อนเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอแล้วเปลือกตาหลับพริ้มทำให้คุณแม่ยิ้มน้อยๆ สุธาริณีค่อยๆขยับตัวธิดาลงนอนบนหมอน เธอก้มหน้าลงจูบหน้าผากเกลี้ยงๆ

    นอนหลับฝันดีนะลูก

    ไฟในห้องดับลง ข้างนอกบ้านแมลงราตรีส่งเสียงขับขานประสานกัน สายลมพัดพากลิ่นดอกไม้หอมๆอวลกรุ่นไปทั้งบริเวณ  
    ปล.บทนำเอามาเกริ่นจริงๆค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×