คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Lost Forever ✿ จุดเริ่มต้นของเวลา
INTRO
จุดเริ่มต้นของเวลา
บ้านหลังใหญ่สองชั้นที่ตั้งเด่นตรงหน้าคือจุดวางสายตาของเจ้าบ้านคนใหม่
ร่างบางกระชับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไว้ด้วยมือเรียวสวยที่บัดนี้กลับซีดเสียจนเห็นเส้นเลือดจางๆ
บนผิวเนื้อขาว สองเท้าเล็กเดินย่ำไปตามสนามหญ้าสีเขียวสะอาดตา ก่อนที่เจ้าของร่างจะหยุดยืนเต็มความสูงเพื่อทอดมองบรรยากาศรอบตัวบ้าน
‘บยอนแบคฮยอน’ ยิ้มกว้างเมื่อได้กลับมายืนบนสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง
ที่ที่เรียกได้เต็มปากว่าบ้าน ที่ที่เป็นดั่งชีวิตทั้งหมดของเขา และเป็นที่ที่เปรียบเสมือนโลกของความทรงจำซึ่งครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นกับตัวเอง
ไม่ได้กลับมาที่นี่กี่ปีแล้วนะแบคฮยอน…
หนึ่งปี
สองปี
สามปี
…หรืออาจจะเป็นสี่ปี
บรรยากาศของบ้านหลังเดิมโอบอุ้มหัวใจดวงน้อยให้รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้ยืนอยู่ตรงนี้
ภาพตรงหน้าที่เห็นยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปจากเมื่อสี่ปีก่อน ไม่ว่าจะเป็นกระถางต้นไม้ที่เขาเคยซื้อมาเพื่อเริ่มปลูกดอกไม้และต้นไม้เล็กๆ
ประดับบ้านที่แสนจะกว้างขวางในยามไร้ซึ่งสิ่งของตกแต่งต่างๆ เวลาผ่านไปรวดเร็วจนสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นเติบโตผลิใบเป็นสีสันสดใสให้แก่เจ้าของบ้านเสียแล้ว
ชิงช้าตัวเดิมใต้ต้นบ๊วยที่พวกเขามักจะนั่งเล่นรับลมเย็นและพูดคุยหยอกล้อกันในทุกวันยังคงผูกไว้ด้วยเชือกสีน้ำตาลเส้นเก่า
เมื่อยามทอดสายตามองก็ทำให้ภาพวันวานหวนกลับมาฉายซ้ำภายในหัวอีกครั้งราวกับมีคนกดปุ่มสั่งการทำงาน
ทั้งเสียงหัวเราะ คำพูดแสนหวาน การกระทำอ่อนโยนเช่นนั้นตราตรึงให้ร่างเล็กหลับตาลงซึมซับความสุขภายในความทรงจำ
แต่แล้วเปลือกตาบางก็ต้องปรือขึ้นเมื่อความเจ็บปวดเข้าเล่นงานรุนแรง แบคฮยอนก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งที่เอาแต่จมอยู่กับอดีต
สิ่งดีๆ ที่เคยได้รับมันไม่มีอยู่จริง ไม่มีอะไรเหลือเลยสักอย่าง
เพราะแม้แต่คำว่าเพื่อน เขาคนนั้นก็คงให้แบคฮยอนไม่ได้อีกต่อไป
“โฮ่ง! โฮ่งๆ”
“อามูร์!”
เจ้าสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวใหญ่ลุกขึ้นจากพื้นสนามหญ้า ก่อนจะส่งเสียงเห่าดังก้องไปทั่วบริเวณบ้านสีขาวหลังกว้าง
เรียกให้แบคฮยอนระบายยิ้มอ่อนโยนพร้อมทั้งวิ่งตรงเข้าไปหาสุนัขตัวโปรดด้วยความคิดถึงพอๆ
กับที่คิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างภายในบ้านหลังนี้
เจ้าอามูร์ส่ายหางไปมาแสดงอาการดีใจเมื่อเห็นร่างเล็กคุ้นตากลับมายังบ้านอันแสนเงียบเหงาอีกครั้ง
ไม่รอช้าสัตว์เลี้ยงตัวใหญ่ก็กระโจนใส่เต็มแรง ส่งผลให้เจ้านายตัวเล็กหงายหลังล้มลงนอนกับผืนหญ้าสีเขียวขจี
“ไม่ได้เจอกันนานคิดถึงเราบ้างหรือเปล่า
เราคิดถึงอามูร์มากเลยรู้ไหมเจ้าอ้วน คิก~ ใจเย็นๆ ซี่ อย่าดีใจขนาดนั้น”
ร่างเล็กเอ่ยถามน้ำเสียงหวานเจือไปด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ
เจ้าสุนัขตัวใหญ่แสดงอาการดีใจมากเสียจนแบคฮยอนรับมือไม่ไหว ลิ้นสีแดงของเจ้าอามูร์เลียทั่วใบหน้าสวยที่เบี่ยงหลบไปมาพร้อมทั้งหัวเราะเพราะรู้สึกชอบใจไม่น้อย
แบคฮยอนวางมือเรียวลงบนกลุ่มขนสีเหลืองอ่อนที่ครั้งหนึ่งมันเคยนุ่มลื่นมือ
แต่ทว่าในตอนนี้ขนของอามูร์กลับหยาบกระด้างราวกับไม่ได้ทำความสะอาดหลายเดือน
ไม่สิ อาจจะมากกว่านั้นก็ได้
คงเป็นเพราะ ‘เขา’ เกลียดแบคฮยอนมากเสียจนพาลให้รังเกียจเจ้าอามูร์ไปด้วย
ทำไมกัน…
ทำไมเขาคนนั้นถึงได้ใจร้ายมากขนาดนี้
แม้แต่สุนัขที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรก็ยังถูกเมินเฉยอย่างนั้นหรือ?
“อามูร์สบายดีหรือเปล่า รู้ไหมว่าตอนนี้นายผอมลงมากเลยนะ”
ดวงตาเรียวรีทอดมองร่างกายซูบผอมของสัตว์เลี้ยงแสนรู้ตรงหน้าด้วยความสงสารจับใจ
เมื่อก่อนเจ้าอามูร์อ้วนท้วมสมบูรณ์เพราะได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี
แบคฮยอนและผู้ชายคนนั้นช่วยกันทำความสะอาดให้สุนัขตัวโปรดอาทิตย์ละครั้ง
คอยให้อาหาร ใส่ใจในทุกๆ เรื่องเพราะอามูร์เปรียบเสมือนตัวแทนของพวกเขาทั้งสองคน
เพียงแค่มองก็รู้ได้ว่าตอนนี้ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
อามูร์คงถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังภายในบ้านแสนกว้างขวางแต่กลับไร้ซึ่งความอบอุ่น
สิ่งแทนใจที่ครั้งหนึ่งเคยสำคัญมากสำหรับเขาคนนั้นอย่างเจ้าอามูร์ยังถูกปล่อยทิ้งไว้ราวกับสุนัขจรจัดข้างถนน
แล้วนับประสาอะไรกับมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ มีหัวใจ มีความรู้สึกและเจ็บได้ร้องไห้เป็นอย่างแบคฮยอนคนนี้ล่ะ
คงไม่ต่างกันเลยสินะ
ในสายตาของเขา แบคฮยอนก็คงมีค่าแค่เพียงเท่านี้
“เขากลับมาที่นี่บ่อยหรือเปล่า”
เจ้าสุนัขตัวใหญ่ครางหงิงในลำคอราวกับรับรู้ถึงคำถามของเจ้านายตัวเล็ก อามูร์ใช้ใบหน้าถูไถกับหน้าอกของแบคฮยอนเพื่อต้องการบอกความรู้สึกข้างใน ถึงพูดไม่ได้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีหัวใจ เพราะต่อให้เจ้าอามูร์จะเสียใจมากแค่ไหนก็คงอธิบายให้มนุษย์ฟังเป็นคำพูดไม่ได้ ไม่สามารถบอกเล่าเป็นน้ำเสียงที่ทำให้เราสื่อสารกันรู้เรื่อง นอกเสียจากแสดงท่าทางและแววตาแสนเศร้าเหมือนในตอนนี้
แบคฮยอนสงสารลูกชายของเขาเหลือเกิน
อามูร์ไม่สมควรถูกเกลียด เพราะถ้าจะเกลียดก็ขอให้เกลียดแบคฮยอนคนเดียวเท่านั้น
“ไม่ต้องเสียใจหรอกนะ ถึงเขาจะกลับบ้านไม่บ่อย
แต่เขาก็ยังรักนายเหมือนเดิมนั่นแหละ เลี้ยงมากับมือนี่เนอะ จะทิ้งได้ลงคอเชียวหรือ”
แสร้งหัวเราะกลบเกลื่อนความจุกแน่นที่เริ่มตีตื้นขึ้นมาบริเวณหน้าอก
รู้ทั้งรู้ว่าความรู้สึกที่เขามีให้กันมันคืออะไรกันแน่
แต่แบคฮยอนก็ยังเลือกที่จะเชื่อมั่นว่าสักวันเขาจะเลิกเกลียดและกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ต่อให้ต้องอยู่ในฐานะเพื่อน
ไม่ใช่คนรักเหมือนที่อยากให้เป็นมาโดยตลอดก็ตาม
แบคฮยอนยอม…
กลุ่มขนสีเหลืองของเจ้าอามูร์พลิ้วไหวไปตามแรงลมอ่อนๆ ที่พัดผ่านเข้ามายังรั้วบ้าน
คนตัวเล็กกอดคอลูกชายสุดที่รักแล้ววางปลายคางลงบนศีรษะของสุนัขตัวโปรดด้วยความคิดถึง
แบคฮยอนเลี้ยงอามูร์มาตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ จนกระทั่งตอนนี้อามูร์เติบโตเต็มวัยมีรูปร่างสมบูรณ์ตามสายพันธุ์
เว้นแต่ความซูบผอมและแววตาแสนเศร้าเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ความเด่นสง่าของเจ้าสุนัขแสนรู้ลดลงมากเป็นเท่าตัว
เวลาที่ได้มองเจ้าอามูร์ ความทรงจำที่เคยสร้างร่วมกับผู้ชายใจร้ายก็ย้อนกลับมาเล่นงานแบคฮยอนอีกครั้ง
‘นี่ แบค…ฉันขอตั้งชื่อให้มันได้ไหม’
‘ได้สิ ชานยอลอยากให้เค้าชื่ออะไรล่ะ’
‘อืม…อามูร์!
อามูร์ในภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า ‘ความรัก’ ยังไงล่ะ นายว่าเข้าท่าไหม?’
‘เราชอบชื่อนี้มาก ชานยอลคิดได้ยังไงเนี่ย คิก~ ว่าแต่ทำไมต้องเลือกความหมายที่แปลว่าความรักด้วยล่ะ?’
‘เพราะฉันกับนายเป็นเพื่อนสนิทที่รักกันมาก
แล้วเราสองคนก็ต้องช่วยกันเลี้ยงด้วยรู้ไหม สามคนพ่อแม่ลูกไง
เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เพราะฉะนั้นคำว่าความรักนี่แหละเหมาะที่สุด
เหตุผลแค่นี้พอหรือเปล่า?’
‘ใช่ที่ไหนเล่า ใครเขาเป็นครอบครัวเดียวกันกับชานยอล
มั่วแล้ว คำว่ารักมันเอาไว้ใช้กับคนรักต่างหาก’
‘ความสัมพันธ์แบบเพื่อนมันก็เป็นความรักเหมือนกันนั่นแหละ
ห้ามเถียงดิเจ้าลูกหมา’
‘ก็ได้ เราไม่เถียงชานยอลก็ได้ ต่อให้ชานยอลไม่บอก
เราก็จะเลี้ยงเจ้าอามูร์ให้ตัวโตเท่าชานยอลเชียวล่ะ!’
‘นายนี่มันเหมาะเป็นแม่ของเจ้าอามูร์จริงๆ
นิสัยเหมือนลูกหมาชะมัด’
‘ชานยอล!’
สัมผัสอบอุ่นของปลายนิ้วที่ละเลงบนกลุ่มผมในครั้งนั้นยังคงติดตรึงภายในใจไม่จางหาย
แบคฮยอนสูดลมหายใจเข้าปอดลึก แก้วตาเรียวรีทอดมองชิงช้าตัวเดิมใต้ต้นบ๊วยที่ออกใบแตกแขนงเป็นสีชมพูสด
ไม่มีการเคลื่อนย้ายสิ่งของใดๆ เกิดขึ้นแม้แต่ชิ้นเดียว ภายในบ้านหลังนี้นอกจากจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังหวนให้นึกถึงทุกการกระทำเหล่านั้นเสมอ
ท้องฟ้าแสนสว่าง ต้นไม้แสนร่มรื่น สนามหญ้าแสนสบายตา ทุกสิ่งยังคงเหมือนเดิมเช่นเดียวกับหัวใจของเขาคนนั้น
ไม่ว่าจะเกลียดแบคฮยอนยังไง วันนี้ก็ยังคงเกลียดอยู่อย่างนั้น
…ไม่มีทางเปลี่ยนไปเลย
ในจังหวะที่กำลังจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสดใสราวกับรับรู้ว่าแบคฮยอนพึงต้องการให้บรรยากาศรอบข้างเป็นใจในยามที่หัวใจถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีครึ้ม
ช่วงขายาวภายใต้กางเกงยีนของใครสักคนที่พอจะเดาได้ว่าเขาคงตัวสูงไม่น้อยก้าวมาหยุดตรงหน้าในระยะที่ไม่ไกลมากนัก
เพียงแต่เว้นช่องว่างตรงกลางมากพอที่จะไม่ทำให้เราต้องอึดอัดใจดังที่เคยเป็น
รองเท้าผ้าใบสีหม่นคู่นั้น กางเกงยีนสีซีดตัวเก่า เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด
ไล่ขึ้นมาจนถึงคางสากได้รูปและริมฝีปากอิ่มในระดับพอดีสายตา
จมูกโด่งเป็นสันสะดุดลมหายใจ ก่อนจะสบเข้ากับดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความน่ากลัว
โดยเฉพาะความชิงชังที่ฉายชัดเสียจนร่างเล็กต้องเม้มปากแน่น
คุ้นเหลือเกิน คิดถึงเหลือเกิน อยากพบ อยากพูดคุย…
แต่ไม่อยากเห็นแววตาเกลียดชังที่มองมายังตัวเองเลยสักนิด
“กลับมาทำไม”
น้ำเสียงแข็งกระด้างของคนตัวสูงดังเข้ามาภายในโสตประสาทการรับรู้
ส่งผลให้ร่างทั้งร่างอ่อนแรงเจียนจะล้มลงกับพื้น
“ชานยอล”
แบคฮยอนรีบก้มหน้างุดไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าเผชิญกับเจ้าของคำพูดเพียงเพราะหัวใจที่เต้นโครมครามแทบจะทะลุออกมานอกอกกำลังบ่งบอกถึงความประหม่าไม่น้อย
น้ำเสียงที่แสนคุ้นเคย น้ำเสียงที่สะกดทุกลมหายใจ
ไม่มีครั้งไหนที่ร่างบางจะลืมได้เลย เพราะคนตรงหน้าเป็นคนเดียวที่ครอบครองหัวใจของแบคฮยอนมาโดยตลอด
“ฉันถามว่ากลับมาทำไม!”
ดวงตาสีดำขลับทรงเสน่ห์ที่กำลังมองมายังตนเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน
คนที่เคยมองกันด้วยความเอ็นดู น้ำเสียงแสนอ่อนโยนชวนให้ใจเต้นแรงทุกครั้งที่ร่างสูงเอื้อนเอ่ยเป็นคำพูด
หรือแม้แต่การกระทำแสนดีที่มอบให้กันกำลังกลายเป็นเพียงแค่ความทรงจำดีๆ เท่านั้น
แต่ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน แบคฮยอนก็ยังคงเป็นแบคฮยอนคนเดิม
เจ็บแล้วไม่เคยจำใส่ใจ เสียงเรียกร้องเพียงหนึ่งเดียวที่ทำให้ร่างเล็กยอมกลับมาที่นี่อีกครั้งเป็นอะไรไปไม่ได้นอกเสียจากผู้ชายตัวสูงตรงหน้า
คิดถึงแทบขาดใจ คิดถึงผู้ชายที่เคยใจดีคนนี้ ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีอย่างถูกต้องตามกฎหมายของบยอนแบคฮยอนทุกประการ
“ไม่ได้เจอกันนานเลย ชานยอลสบายดีใช่ไหม”
จะรู้หรือเปล่าว่าแบคฮยอนคนนี้คิดถึงเขามากแค่ไหน
ไม่สิ…แบคฮยอนน่ะไม่เคยเลิกคิดถึงชานยอลได้เลยสักครั้ง
หัวใจที่เคยมอบให้ไม่เคยแปรเปลี่ยนไปจากเดิม
แล้วมีเศษเสี้ยวหนึ่งที่คนใจร้ายจะรับรู้บ้างหรือเปล่าว่าสายตาคมดุทำให้แบคฮยอนอ่อนแอลงทุกครั้งที่ได้สบตากับเขา
คิดถึง
…คิดถึงทุกลมหายใจ
“หูแตกหรือไง! ฉันถามว่ากลับมาที่นี่ทำไม!”
“ชานยอล…”
แบคฮยอนครางเสียงแผ่วในลำคอ ดวงตาทั้งสองข้างเริ่มรื้นไปด้วยหยาดน้ำสีใสเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังแสดงท่าทางไม่พอใจที่เห็นตนปรากฏตัวอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานถึงสี่ปี
ไม่มีคำว่าคิดถึงออกจากปากของเขา
ไม่มีท่าทางที่แสดงถึงความดีใจเมื่อได้พบเจอแบคฮยอนอีกครั้ง
มีแต่ความเกลียดชังที่ฉายแววชัดเจนภายใต้ดวงตากลมโตคู่นี้ แสดงออกว่าเกลียดแบคฮยอนมากแค่ไหน
เกลียดจนไม่อยากเห็นหน้า เกลียดจนอยากไล่ให้คนตัวเล็กหายไปให้ไกลจากชีวิต
“ระ...เราแค่คิดถึงที่นี่ แล้วก็คิดถึงชานยอลมาก
เราอยากเจอชานยอล แต่…”
“เหอะ งั้นเหรอ?”
“…”
“แล้วรู้อะไรไหม…ฉันไม่เคยคิดอยากให้นายกลับมาสักนิด”
“...”
คนตัวเล็กคิดว่าเขาไม่สามารถกักเก็บน้ำตาที่เอ่อคลอบริเวณรอบดวงตาของตัวเองได้อีกต่อไป
ทรมานเหมือนอย่างที่เคยได้รับเมื่อสี่ปีก่อน น้ำเสียงกระแทกกระทั้น
คำพูดร้ายกาจเชือดเฉือนหัวใจให้แหลกเป็นเสี่ยงๆ หรือจะเป็นแววตาเกลียดชังที่คนตัวสูงใช้มองกันอย่างในตอนนี้
ทุกอย่างที่เขามอบให้เปรียบเสมือนมีดเล่มคมที่คอยทิ่มแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่าตรงหัวใจของแบคฮยอนจนเหวอะหวะไม่มีชิ้นดี
ไม่ว่าจะขอร้องอ้อนวอนให้ตายยังไง ซาตานร้ายก็ไม่เคยคิดที่จะปรานีกัน
เพราะการได้เห็นคนอย่างแบคฮยอนเจ็บเจียนตาย มันก็สาสมดีแล้ว
“คงเข้าใจนะว่าเกลียดมันเป็นยังไง ถ้าคิดจะไป
ก็ช่วยหายไปจากชีวิตของฉันด้วย แค่อยู่ร่วมโลกกับนาย ฉันยังขยะแขยงจนจะขาดใจตายเต็มทน!”
“ฮึก…ชานยอล ฟังเราก่อน ฟังเราก่อนได้ไหม”
“ฉันเกลียดนาย ไสหัวไปให้พ้น!!!”
สวัสดีค่า :D
คิดว่าทุกคนที่หลงเข้ามาน่าจะเป็นคอดราม่ากัน
หวังว่าอ่านแล้วคงไม่อวยพระเอกกันทั้งเรื่องนะคะ
เดี๋ยวพี่เขาเขิน อิอิ
555555555555555555555555
สกรีมได้ที่นี่เลยฮับ
#ฟิคเข็มนาฬิกา
วันที่ลง : 14/06/2558
แก้ไขล่าสุด : 27/03/2559
ความคิดเห็น