คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Lost Forever ✿ เวลาที่ 15 [100%]
เวลาที่ 15
มนุษย์มักแก้ไขความผิดพลาดในวันที่ไม่มีโอกาส
และหันมาใส่ใจคนข้างกายในเวลาที่ใกล้สูญเสีย
ชานยอลอยากจะสงสัยเป็นพันครั้ง
ทว่าพอครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เผชิญมานับครั้งไม่ถ้วน
สุดท้ายแล้วก็ต้องพับเก็บความประหลาดใจใส่ลงกล่องที่ซ่อนไว้จนลึกสุดใจไม่ให้ผู้ใดได้เห็นมัน
เป็นเช้าอีกหนึ่งวันที่เขาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าบนเตียงข้างกายไร้ร่างของภรรยาตัวน้อย
ชานยอลไม่เข้าใจว่าเขารีบร้อนลงมายังชั้นล่างด้วยเหตุอันใด ชายหนุ่มกวาดสายตามองทุกสิ่งภายในบ้านเพียงเพราะหวังจะได้พบกับเจ้าของกายคุ้นเคย
แต่แล้ววินาทีนั้นชานยอลก็ต้องผิดหวัง
ในห้องครัว…ว่างเปล่า
ห้องนั่งเล่น…เงียบสงัด
สวนดอกไม้…ไร้ร่างที่เฝ้าหา
หรือจะบนโต๊ะทรงสวยก็ไม่มีแม้แต่อาหารจานโปรดที่มักทำเผื่อเขาในทุกๆ
มื้อ ไม่ว่าชานยอลจะเพิกเฉยต่อมันสักกี่พันครั้ง
อาหารเหล่านั้นก็จะยังถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบพร้อมกระดาษโน้ตแผ่นเล็กที่มักแปะไว้ด้วยข้อความสั้นๆ
ทุกครั้ง
ไฉนเลยวันนี้จึงไม่เหมือนเคย
คนที่เอาแต่วิ่งตามมาโดยตลอดเริ่มอ่อนแรงแล้วอย่างนั้นหรือ
ร่างสูงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่ทั้งรู้สึกสับสน
ความไม่เข้าใจแล่นวนอยู่ในสมองจนปั่นป่วนไม่เป็นท่า
เขากำลังเป็นอะไรอยู่กันแน่
มันก็เป็นปกติไม่ใช่หรือที่แบคฮยอนมักจะหายไปโดยไม่มีแม้แต่คำบอกกล่าว
ทำไมครั้งนี้เขาจะต้องรู้สึกแปร่งๆ ในอก อยากรู้ความเป็นไปเกี่ยวกับชีวิตของอีกฝ่าย
ทั้งที่ก่อนหน้าพยายามเมินเฉยการมีอยู่ของแบคฮยอน
ทว่าครานี้ไม่อาจฝืนกระทำในสิ่งที่ขัดแย้งกับความต้องการของจิตใจได้อีกแล้ว
แม้ภรรยาตัวน้อยจะเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ยาวนานร่วมสี่ปี
แต่ประเทศกว้างแห่งนี้ก็ไม่ใช่บ้านเกิดเหมือนดังเกาหลีที่แบคฮยอนอาศัยอยู่มาทั้งชีวิต
หากเป็นอะไรขึ้นมา คนตัวเล็กๆ
เช่นนั้นจะเอากำลังที่ไหนไปสู้ไหว
ในตอนนั้นเองที่คนตัวโตผุดลุกขึ้นอย่างว่องไวเมื่อบางสิ่งแล่นวาบเข้ามาในระบบความคิด
เขารีบสาวเท้าเดินกลับขึ้นไปบนห้องราวกับกลัวว่าสิ่งที่ต้องการจะพลันหายไปอย่างไม่มีทางหวนคืน
ชายหนุ่มเดินมาหยุดข้างเตียง
เขาย่อตัวลงแล้วสอดมือควานหาสิ่งสำคัญที่โยนทิ้งไปอย่างไม่เห็นค่า แต่ตอนนี้กลับวิ่งตามหาเพราะกลัวจะสูญเสียมันไป
ชานยอลสูดลมหายใจคลายอาการบีบรัดตรงอกด้านซ้าย ไม่ว่าจะเคลื่อนปลายนิ้วไปทิศทางใดก็ไม่มีแม้แต่สัมผัสที่ทำให้เขารู้ว่าสิ่งนั้นยังไม่ได้หายไปไหน
แต่แล้วหัวใจก็พลันกระตุกเต้นขึ้นมาไม่ต่างจากต้นไม้เหี่ยวเฉาที่ได้รับน้ำมาหล่อเลี้ยงลำต้น
เขาเผลอคลี่ยิ้มจนปรากฏรอยบุ๋มเล็กๆ ข้างแก้มที่ไม่มีใครได้เห็นบ่อยครั้งนัก
ชานยอลชูมันขึ้นมาในระดับสายตา แหวนเงินที่ถูกร้อยไว้กับสร้อยเส้นเล็กทอประกายล้อแสงตะวันที่ส่องกระทบผ่านรอยแยกของผ้าม่าน
สิ่งสำคัญที่เขาพยายามมองข้ามมาโดยตลอดยามอยู่ต่อหน้าใครอีกคน
ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าทุกครั้งชายหนุ่มต้องฝืนข่มใจมากแค่ไหน
เขา…ต้องทำตัวขัดแย้งกับสิ่งที่หัวใจสั่ง ไม่เคยรับฟัง
ไม่เคยยอมรับความจริง
แต่แล้ววันนี้ชานยอลกลับสับสนจนยากจะอธิบาย
ไม่รู้เลยว่าหัวใจต้องการอะไรกันแน่
ระหว่างการสร้างกำแพงปิดกั้นความรู้สึกหรือเปิดใจรับฟังเสียงแผ่วเบาที่ร่ำร้องในอกเสมอมา
‘Chanyeol’
ตัวอักษรสวยงามถูกสลักลึกลงบนโลหะมนมานานนับหกปี
ทว่าแหวนเงินวงงามกลับไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนสักนิดเดียว บ่งบอกให้รู้ว่ามันถูกเก็บรักษาอย่างดีมาโดยตลอด
เขารู้แล้ว…
รู้แล้วว่าเหตุใดแบคฮยอนถึงได้แสดงท่าทีหวงแหนมากมายเช่นนั้น
เพราะแหวนวงนี้ไม่มากค่ามากราคา
แต่กลับมีคุณค่าทางจิตใจมากมายนัก
ชานยอลยังจำได้ขึ้นใจว่าเขาเป็นคนมอบสิ่งนี้ให้กับร่างเล็กเมื่อหลายปีก่อน
ทั้งยังกำชับส่งท้ายให้แบคฮยอนดูแลและอย่าทิ้งขว้างไป
แต่เมื่อคืน…เขากลับทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยลงไปเสียเอง
เขากระชากสร้อยแหวนที่ร่างน้อยแสนหวงแหนหลุดติดมือ
ก่อนตัดสินใจโยนทิ้งลงบนพื้นจนกระทั่งมันไถลไปตกอยู่ใต้เตียง กว่าจะหาเจอก็ทำเอารู้สึกวูบโหวงสั่นคลอนราวมีพายุลูกใหญ่พัดถล่มในอก
และอาจใช่…
ชานยอลกำลังกลัว
กลัวว่าสิ่งสำคัญจะลอยหายไปไกลลับสายตา
ครานี้เขาจึงกำสร้อยแหวนไว้ในมือแน่นอย่างยากจะหลุดออก
เข้าใจแล้วว่าการกำบางสิ่งไว้แน่นจนเกินไปก็รังแต่จะทำให้เจ็บปวด
ความโกรธเคืองภายในใจไม่ต่างจากไฟสุมอกจนหมกไหม้ ไม่เคยส่งผลดีต่อใครนอกจากตนเอง
สุดท้ายแล้วก็เป็นเขาที่ทุกข์ทรมานไม่จบสิ้น
หรือชานยอลควรจะปล่อยวางทุกอย่างไว้แล้วเริ่มต้นใหม่เสียที
หากแบคฮยอนกลับมา
เขาจะเป็นคนพูดคุยเรื่องนี้กับคนตัวเล็กเอง
วินาทีนั้น จังหวะเดียวกับที่เขาเลื่อนลิ้นชักโต๊ะข้างเตียงออกมาเพื่อตั้งใจเก็บสร้อยแหวนให้กับภรรยาตัวน้อยอย่างดี
สายตาก็พลันสะดุดเข้ากับกระดาษแผ่นสีขาวซึ่งวางซ้อนกันเป็นจำนวนมาก
ข้างกันเป็นม้วนกระดาษที่ถูกมัดด้วยเชือกเส้นบาง
รวมทั้งดินสอที่ถูกใช้งานไปแล้วไม่ต่ำกว่าห้าแท่ง
ชานยอลไม่อาจรู้ได้ว่าสิ่งใดดลใจให้เขาเสียมารยาทเอื้อมไปหยิบกระดาษม้วนนั้นขึ้นมา
ปลายนิ้วยาวค่อยๆ คลายปมเชือกอย่างใจเย็น วินาทีที่เข็มนาฬิกาเคลื่อนผ่านไม่ต่างจากระเบิดเวลาที่พร้อมทำงานเต็มประสิทธิภาพ
กระดาษเขียนแบบถูกคลี่ออกปรากฏให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน
สภาพของกระดาษน่าจะผ่านมานานหลายปีแล้ว ภาพร่างเค้าโครงด้วยปลายดินสอจึงเริ่มจางลงคล้ายหมึกที่หยดลงบนน้ำใส
ดวงตาคมจ้องค้าง เนิ่นนาน
นานมากเสียจนไม่รู้ว่าใจกำลังให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่ในมือมากแค่ไหน นานมากจนแทบไม่รับรู้เลยว่าตนกำลังหายใจติดขัดราวจมลึกลงไปใต้ท้องทะเล
อึดอัดและไม่อาจโผล่พ้นขึ้นเหนือผิวน้ำได้
“นะ…นี่มันอะไรกัน”
ลายเส้นที่ถูกเชื่อมโยงเป็นโครงสร้างบ้านสองชั้นดูโดดเด่นยากจะละสายตา
อาจจะไม่เป็นที่น่าแปลกใจสำหรับผู้อื่น แต่ชายหนุ่มกลับคุ้นเคยและผูกพันกับมันมากมายเหลือเกิน
แบบบ้านที่เขาเคยร่างเสร็จเพียงครึ่งหนึ่งเพื่อหวังจะสร้างเป็นของขวัญวันแต่งงานให้กับหญิงคนรัก
สร้างเป็นเรือนหอแสนอบอุ่นที่พร้อมใช้ชีวิตร่วมกันไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ หากแต่น่าเสียดายที่ชานยอลไม่อาจกลับไปจินตนาการถึงห้วงฝันหวานได้อีกแล้ว
เขาจึงขยำมันทิ้งจนยับเยินไม่ต่างจากใจของตัวเองในเวลานั้น
วันนี้โครงสร้างบ้านจากความตั้งใจของเขาถูกต่อเติมส่วนที่ขาดอีกครึ่งหนึ่ง
ลายเส้นจากดินสอต่างชนิดกัน แต่กลับดูกลมกลืนและเข้ากันได้ดีอย่างน่าประหลาด
ตอนนี้มันเสร็จสมบูรณ์เสียปฏิเสธไม่ลงว่าเรือนหอของเขาช่างงดงามอย่างไร้ที่ติ
กลายเป็นโครงสร้างแบบบ้านที่ชายหนุ่มเฝ้าฝันมาโดยตลอด
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่…” คนตัวสูงพึมพำเสียงแผ่ว แม้แต่ลมที่พัดผ่านภายนอกยังดังเสียยิ่งกว่า “ทำไมมันถึงมาอยู่กับนายได้”
ชานยอลไม่มีทางรับรู้
เขาไม่มีทางได้รับคำตอบหากยังเอาแต่นั่งมองกระดาษแผ่นนี้อยู่ซ้ำๆ
ไม่ละไปไหน
ก้านนิ้วยาวไล้ไปมาบนแผ่นกระดาษเนื้อสะอาดแต่กลับเต็มไปด้วยรอยยับย่น
กว่าจะสังเกตเห็นตัวหนังสือที่เขียนกำกับไว้ข้างหลังก็ใช้เวลาไปร่วมครึ่งชั่วโมง
ทันทีที่อ่านจบชายหนุ่มก็ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรง
ความแข็งของมันทำให้สะโพกของเขาปวดร้าว
หากแต่ไม่มีสิ่งใดเทียมเท่าเมื่อเนื้อความในประโยคนั้นบีบหัวใจให้รัดแน่นจนเกือบจะหายใจต่อไปไม่ไหว
‘ของขวัญชิ้นสุดท้ายที่อยากมอบให้ เป็นเพียงสิ่งเดียวที่พอจะไถ่โทษได้
ต่อจากนี้คงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้ว
ขอให้ชานยอลมีความสุข…กับชีวิตที่ไม่มีเรา
บยอน แบคฮยอน’
หมายความว่าอย่างไร?
คนตัวเล็กจะไปไหน?
แบคฮยอนคนที่เขาแสนเกลียดขี้ขลาดจนไม่อยากเจอหน้ากันแล้วหรือ?
หลากหลายคำถามที่ประดังประเดเข้ามาอย่างไม่คิดปรานี
สมองของชานยอลปวดหน่วงเพราะหลายสิ่งอัดแน่นจนแทบระเบิด
ผู้ชายเข้มแข็งอย่างเขาไม่มีสิทธิ์กรีดร้องให้กับความรวดร้าวบริเวณอกข้างซ้าย
แม้แต่น้ำตาที่พอจะช่วยบรรเทาความเจ็บให้ทุเลาลงบ้างยังไม่อาจร่วงหล่นจากดวงตา
เขาไม่เคยต้องอดทนมากมายขนาดนี้
หากแบคฮยอนอยู่ตรงหน้า ชานยอลคงไม่รีรอดึงอีกฝ่ายเข้ามาถามให้กระจ่างแจ้งไปเลยว่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคืออะไรกันแน่
สิ่งเดียวที่เด่นชัดในหัวใจของเขาตอนนี้…
คงไม่พ้นการได้เห็นคนตัวเล็กยืนอยู่ไม่ไกล
คอยมอบรอยยิ้มแสนหวานและคำสัญญาของเรา
สัญญาที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น…
แบคฮยอนจะไม่มีวันทิ้งเขาไปไหน
ชานยอลยังคงเชื่อว่าภรรยาที่เขาเฝ้าต่อต้านเสมอมายังไม่ได้หายไปไหน
ไม่มีสิ่งใดบ่งบอกว่าแบคฮยอนจะทิ้งเขาไว้ยังสถานที่แห่งนี้เพียงลำพัง
เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ยังคงวางไว้ที่เดิมไม่มีการเคลื่อนย้ายแม้แต่สิ่งเดียว
เวลาเริ่มล่วงเลยมานานจนกระทั่งตะวันลาลับขอบฟ้าไป
ชานยอลใช้เวลาทั้งวันเก็บตัวอยู่ภายในห้องนอนของร่างจ้อย
การมาเยือนฝรั่งเศสในครั้งนี้คือการพักผ่อนร่างกายและฟื้นฟูสภาพจิตใจจากการทำงานหนักติดต่อกันนับเดือน
แต่ร่างสูงกลับไม่รับรู้ถึงคำว่าผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย
นอกจากจะต้องเอาแต่นั่งครุ่นคิดเรื่องเก่าๆ จนหัวแทบระเบิด เขายังจมอยู่กับความดื้อด้านและขังตัวเองไว้ในห้องมืดภายใต้จิตใจอย่างไม่มีหนทางออก
ตัวเลขนับสิบหลักถูกจดไว้ในโน้ตสีขาวแผ่นเล็ก
ชานยอลเหลือบมองมันหลายคราเสียจนนึกหงุดหงิดใจตัวเองเหลือเกิน
เขาไม่กล้ากดเบอร์โทรไปหาคนที่หายไปตั้งแต่เมื่อเช้า
เราไม่เคยติดต่อกันเลยนับตั้งแต่ที่ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสั่นคลอน และเขาก็ไม่กล้าพอจะเป็นฝ่ายเริ่มเข้าหาคนที่เคยเอ่ยปากบอกว่าเกลียดจนไม่อยากพานพบหน้า
อคติและทิฐิที่สูงเสียยิ่งกว่ากำแพงสิบชั้นไม่อาจเอาชนะความต้องการในส่วนลึกได้
เช่นนั้น…
ชานยอลจึงต้องยอมพ่ายแพ้ให้กับศักดิ์ศรีที่มากเกินกว่าสิ่งใดของตัวเองไป
คนตัวสูงล้มเลิกความตั้งใจแล้วลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับสิ่งที่กำลังจะเกิด
เขาเดินลงไปสำรวจห้องครัวสะอาดตา ก่อนพบว่าภายในตู้เย็นมีของสดจำนวนหนึ่งที่พอจะทำมื้อเย็นได้
อย่างไรแบคฮยอนก็ต้องกลับมา
ชานยอลยังคงปักใจเชื่อเช่นนั้น
เชื่อ…อย่างไม่คิดที่จะผิดหวัง
ลูกชายคนเล็กของตระกูลปาร์คไม่คิดว่าเวลาหนึ่งทุ่มของประเทศฝรั่งเศสจะเงียบเหงามากขนาดนี้
แม้ภายนอกจะประดับประดาไปด้วยดวงไฟตามท้องถนนดูสวยงามราวกับอยู่ในเทศกาลแห่งความสุข
ทั้งยังถูกรายล้อมไปด้วยตึกรามบ้านช่องสูงเฉียดสิบชั้น เป็นระแวกที่ผู้คนพลุกพล่านไปมาคล้ายเมื่อตอนกลางวัน
แต่นั่นไม่ทำให้ชายหนุ่มตัวสูงรู้สึกดีขึ้นมาได้เลย
ภาพเดิมๆ ย้อนกลับมาฉายซ้ำอีกครั้ง
ภาพที่คนตัวเล็กทำอาหารไว้มากมายเพื่อรอให้เขากลับมาทานมื้อเย็นร่วมกัน
ภาพที่คุณหนูตัวน้อยทำสีหน้าเศร้าสร้อยเมื่อเขาเลือกเพิกเฉยต่อตนและสิ่งที่เจ้าตัวเล็กตั้งใจทำให้
ภาพที่ร่างจ้อยนั่งเฝ้าคอยให้เขากลับมาพูดคุยกันระหว่างมื้อเย็น
แลกเปลี่ยนเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตประจำวันให้กันและกันฟัง
สุดท้ายแล้วภาพจินตนาการก็พลันมลายลง
วันนี้เขากำลังถูกใครสักคนลงโทษ
…ลงโทษในสิ่งที่เคยทำไม่ดีกับแบคฮยอน
เวลาเคลื่อนผ่านจากนาทีเป็นชั่วโมง
รู้สึกได้ถึงความทรมานที่แผ่ซ่านไปทั่วจิตใจ
สมาร์ทโฟนเครื่องหรูถูกฝ่ามือหนาหยิบยกซ้ำไปมาแล้ววางลงที่เดิม มันเป็นอย่างนี้หลายครั้งจนน่าหงุดหงิด
ชานยอลถอนหายใจยามเหลือบมองอาหารที่เขาลงมือทำไว้สองสามอย่าง มันยังคงพูนเต็มจานเมื่อไม่ได้รับการแตะต้องเลยแม้แต่น้อย
หากจะให้สารภาพความจริง
เขาก็แค่กำลังเฝ้ารอ
เฝ้ารอให้ใครอีกคนกลับมาแล้วทานข้าวพร้อมกัน
…ก็เท่านั้นเอง
แกรก
เสียงไขบานประตูดังสะท้อนโสตประสาท บุคคลที่อยู่เพียงลำพังภายในบ้านไม่รู้เลยว่าร้อนรนเด้งตัวลุกจากเก้าอี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ไม่รู้ว่าเผลอคลายปมคิ้วซึ่งขมวดเข้าหากันตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีคนที่คอยเฝ้าหามาทั้งวันก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเสียแล้ว
ชานยอลยืนนิ่งค้างเมื่อคนตัวน้อยหยุดชะงักการเคลื่อนกาย
ทั้งสองเผลอสบสายตาเพียงเสี้ยววินาทีก่อนผู้เป็นภรรยาจะหลุบมองพื้นไปเสียก่อน
แบคฮยอนค้อมตัวเล็กน้อยแล้วพยายามเดินผ่านไปโดยไร้ซึ่งคำทักทาย
คนมองเผลอใจกระตุกติดต่อกันจนกลายเป็นช่วงจังหวะ
มีบางอย่างที่เปลี่ยนไป…จนแทบไม่อยากยอมรับ
เอื้อมไปคว้าข้อมือของอีกฝ่ายมาไว้ในอาณัติของตน
ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าร่างกายของภรรยาจะบอบบางมากขนาดนี้
เขาสาบานว่าไม่ได้รุนแรงเลยสักนิด แต่ดวงหน้าที่เหยเกก็ทำให้ชานยอลต้องคลายแรงที่กำแน่นรอบข้อมือเล็กลง
“ไปไหนมา”
เพียงประโยคแรกที่ชายหนุ่มเปล่งเสียงถามก็ทำเอาอีกคนก้มหน้างุดราวไม่อยากเผชิญหน้า
แท้จริงแล้วแบคฮยอนกำลังกลัวเขาต่างหาก
หลังจากคืนนั้นก็ไม่อยากเจอหน้าผู้ร่วมอาศัยเลยแม้แต่น้อย
ยังจำภาพของผู้ชายใจร้ายได้ติดตรึง จำได้ว่าเขาน่ากลัวมากแค่ไหน
จำได้ว่าถูกเขารังแกจนหมดหนทางสู้และไร้สิทธิ์ร้องขอ
ถึงอย่างนั้นใจก็อดที่จะเป็นห่วงเขาไม่ได้ แม้จะอยู่ใกล้กันเพียงปลายนิ้ว
แต่แบคฮยอนก็ยังคงเป็นแบคฮยอน
เคยเลิกห่วงชานยอลได้เสียที่ไหน
“เรา…”
ตอบทั้งน้ำเสียงสั่นเครือ กายก็ยังควบคุมให้เลิกประหม่าไม่ได้เลย
คาดเดาไม่ออกว่าคืนนี้จะเอาเรี่ยวแรงจากไหนมาต่อสู้กับอารมณ์ร้ายของผู้ชายตัวสูงได้
เมื่อไหร่ละครเรื่องนี้จะจบลงเสียที แบคฮยอนไม่อยากสวมบทคนเข้มแข็งที่เริ่มอดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
หากครั้งนี้เขาคิดจะทำลาย
แบคฮยอนคงแหลกสลายไปทั้งตัว
“ฉันถามว่าไปไหนมา”
ลำคอตีบตันจนไม่สามารถเค้นเสียงตอบผู้เป็นสามีได้
ริมฝีปากบางเฉียบเม้มเข้าหากันแน่นขณะบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมด้วยแรงที่มี
เหตุการณ์เดิมๆ ที่เคยพานพบมานักต่อนักกำลังจะเกิดขึ้นอีกแล้ว
ต่อจากนี้ชานยอลคงจะลงโทษกันให้สาสมกับความโกรธแค้นที่ก่อร่างขึ้นในจิตใจ
จะผ่านไปอีกสักกี่ครั้งมันก็คงไม่เพียงพอ…ไม่เพียงพอต่อความเจ็บปวดที่ผู้หญิงของเขาเคยได้รับ
แบคฮยอนหลับตาสูดลมหายใจเข้าออกที่ดูแผ่วเบาเหลือล้น
ไม่อยากมองเห็นใบหน้าที่แสนรักโกรธขึ้งเมื่อตนปรากฏตัวขึ้น
ไม่อยากมองเห็นริมฝีปากที่เฝ้าหวงเปล่งวาจาร้ายกาจให้ดวงใจทุกข์ระทม และไม่ต้องการได้ยินน้ำเสียงทุ้มเสนาะหูกล่าวว่ากันด้วยถ้อยคำรุนแรงจนไม่อาจทานทนไหว
เจ็บปวด…
เจ็บปวดทุกครั้งที่ได้รับการกระทำเช่นนั้นจากเขา
“ใช้ไม่ได้”
“…”
“หายไปตั้งแต่เช้าปล่อยให้คนเขารอมาทั้งวัน
พอกลับมายังทำท่าทางแบบนี้ใส่ฉันอีก”
ความแปลกใจฉายชัดบนดวงหน้าอ่อนเยาว์ให้คนตัวโตอดนึกขันไม่ได้
แบคฮยอนช้อนลูกแก้วใสขึ้นมองแววล้อเล่นในดวงตาของอีกฝ่าย
สุดท้ายก็ได้แต่เฝ้าทบทวนซ้ำไปมาเพียงผู้เดียวว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา
ไม่มีถ้อยคำว่าร้าย
ไม่มีสีหน้าดุดัน
ไม่มีดวงตาแข็งกร้าวส่งมาให้ปวดปร่าหัวใจ
มีเพียงปาร์ค
ชานยอลที่เคยพบเจอเมื่อนานมาแล้ว
นานจนแทบลืมเลือน…
“ระ เรา…ขอตัวขึ้นไปบนห้องก่อนนะ”
แบคฮยอนพยายามแล้ว
พยายามไม่สนใจการกระทำที่สั่นคลอนไปทั้งใจ
ฝืนเมินเฉยประโยคบอกกล่าวเมื่อก่อนหน้าเพราะกลัวเหลือเกินว่าจะถูกเขากลั่นแกล้งด้วยการหลอกให้ตายใจ
ท้ายที่สุดคงเป็นแบคฮยอนที่หลีกหนีความเจ็บปวดไม่พ้น
“เดี๋ยวสิ”
ทว่าการเคลื่อนกายพลันชะงักลงเมื่อถูกรั้งไว้ด้วยฝ่ามือหนาคู่เดิม
มันอุ่นวาบไปทั้งใจเสียจนอยากได้มาครอบครองเพียงผู้เดียว
แบคฮยอนรู้ว่ามันผิดที่เผลอคิดเช่นนั้นในเมื่อรู้เต็มอกว่าชานยอลมีเจ้าของมาตั้งนานแล้ว
ต่อให้แลกด้วยสิ่งใดก็ไม่มีวันที่เขาจะหันมองมา
แบคฮยอนทำได้เพียงเท่านี้…ทำได้เพียงยืนมองเขามีความสุขกับใครคนอื่นที่ไม่ใช่เรา
“…”
“กินอะไรมาหรือยัง”
ยิ่งกว่าถูกใครสักคนบอกกล่าวว่าวันพรุ่งนี้โลกจะพลันสลายลง
หัวใจถึงได้กระหน่ำเต้นรัวเร็วจนปกปิดเอาไว้ไม่มิด หากความรู้สึกมีเสียง
ชานยอลคงจะได้ยินถ้อยคำต่างๆ ที่กลั่นออกมาจากใจของแบคฮยอนไปจนหมดเปลือกแล้ว
ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของเขา
คำที่แบคฮยอนเป็นฝ่ายเฝ้าถามมาโดยตลอด
“ยะ…ยัง”
“…”
“แต่ว่าเราไม่…”
“กินข้าวเป็นเพื่อนกันหน่อยสิ”
“…”
“จะว่าบังคับก็ได้”
“…”
“เพราะฉันไม่ยอมให้นายปฏิเสธแน่”
หากเขายังปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเหมือนที่ผ่านมา
ชานยอลไม่แน่ใจเลยว่าวันพรุ่งนี้เราทั้งสองคนจะยังมีโอกาสได้พูดคุยกันอยู่ไหม
มันคงไม่สายเกินไป…ไม่สายเกินจะเปิดใจ…
เขาได้แต่หวังอย่างนั้น
หลังทานมื้อค่ำเสร็จ แบคฮยอนตั้งใจถือชามที่วางอยู่บนโต๊ะไปทำความสะอาดภายในห้องครัว
ความจริงเรียกว่าพยายามหลบหลีกหน้าใครบางคนคงจะถูกเสียมากกว่า
นับไม่ถ้วนเลยว่าหัวใจเผลอไผลให้กับการกระทำของผู้เป็นสามีไปแล้วกี่ครั้ง
ชานยอลมีท่าทีแปลกไป
แปลกจนไม่อยากเชื่อเลยว่าคนตรงหน้าคือปาร์ค ชานยอลตัวจริง
“มา ฉันทำเอง”
แบคฮยอนถูกเขาฉวยถ้วยชามในมือไปถือไว้เสียเอง
ร่างสูงแทรกตัวไปยืนแทนที่ร่างเล็กเพื่อเริ่มลงมือล้างจานซึ่งเปื้อนไปด้วยคราบอาหาร
แม้จะยื้อแย่งคืนสักกี่ครั้งก็เป็นอันพ่ายแพ้ไปเมื่อส่วนสูงของเราทั้งสองต่างกันมากเหลือเกิน
เขาจึงแกล้งกันด้วยการชูมือขึ้นเหนือศีรษะไม่ให้แบคฮยอนคว้าถึง คนตัวน้อยได้แต่ทอดถอนใจปล่อยให้อีกฝ่ายทำอย่างที่ต้องการโดยไม่คิดขัด
เขา…ไม่เหมือนคนที่เคยใจร้ายต่อกัน
ไม่เหมือนเลยสักนิด
แบคฮยอนบอกใจตัวเองว่าอย่าเผลอถลำลึกให้กับท่าทีอ่อนลงของเขา
เพราะถ้าหากกำแพงความเข้มแข็งที่เริ่มแตกร้าวพังทลายลงมา
วันนั้นแบคฮยอนคงไม่อาจยืนหยัดต่อไปไหว
ถึงต่อให้อีกคนจะลวงหลอกกันจริง
คนตัวน้อยก็คงไม่ถือโทษโกรธเคืองอะไร
ได้แต่ยิ้มรับและเอ่ยคำขอบคุณจากใจ
ขอบคุณ…ที่ครั้งหนึ่งเคยทำดีต่อกัน
ไม่นึกเลยว่าค่ำคืนแสนสงบสุขจะถูกก่อกวนโดยมนุษย์ตัวยักษ์ที่เดินแทรกตัวเข้ามายังบานประตูซึ่งกำลังจะปิดลง
ดวงตาเรียวเบิกกว้างทันทีที่เห็นร่างสูงของผู้เป็นสามีเข้ามาอยู่ภายในห้องนอนได้สำเร็จ
ชานยอลเหลือบมองภรรยาของเขาด้วยสายตาที่อธิบายไม่ถูก
แบคฮยอนมองมาราวจะถามว่า ‘เข้ามาทำไม’ อย่างไรอย่างนั้น
ไม่ต้องถามก็รับรู้ได้เพราะคำถามเหล่านั้นฉายชัดอยู่บนใบหน้าหวานหมดแล้ว
เขาให้คำตอบอีกคนไม่ได้หรอกว่าเหตุใดจึงไม่ยอมกลับไปนอนที่ห้องซึ่งถูกจัดไว้ให้ในคราวแรก
ชานยอลเชื่อว่าทุกคนย่อมมีความย้อนแย้งอยู่ในตัวกันทั้งนั้น
ฉะนั้น จึงไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องหาคำตอบให้กับคำถามนี้
“ชานยอลจะนอนห้องนี้ใช่ไหม”
“อืม”
“…”
คำตอบสั้นๆ
ในลำคอทำเอาคุณหนูตัวน้อยใจเสียลง
แบคฮยอนติดนิสัยก้มหน้ายามถูกตำหนิหรือเวลาที่ถูกจับจ้องด้วยแววตาคาดคั้น
แต่ตอนนี้เพิ่งค้นพบความจริงอีกข้อว่าท่าทางเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าชานยอลเช่นกัน
หมอนใบโตถูกคว้ามาอยู่ในอ้อมกอดจนแทบจะทับร่างเล็กๆ
ชานยอลขมวดคิ้วมุ่นเมื่อกายบอบบางทำท่าจะเดินผ่านไปยังบานประตูห้องราวกับเขาไร้ตัวตน
อยากจับมาลงโทษนักที่แบคฮยอนกล้าเมินเฉยต่อเขาถึงหลายครั้งหลายครา ทั้งที่เมื่อก่อนแม้แต่จะมองเขาด้วยสายตาแบบนั้นยังไม่กล้าเลยด้วยซ้ำ
“จะไปไหน”
“เราจะไปนอนอีกห้อง”
“ใครอนุญาต”
แบคฮยอนเม้มปากด้วยความไม่เข้าใจ
ความสับสนปั่นป่วนในอกจนแทบระเบิด ใครกันที่เคยบอกว่ารังเกียจจนไม่อยากเข้าใกล้
แล้วเหตุใดจึงเอื้อนเอ่ยคล้ายอยากนอนร่วมห้องกับคนที่เขาแสนชังน้ำหน้า
“ชานยอลอาจอึดอัด” แบคฮยอนเป็นคนพูดออกมาเองทั้งนั้น แล้วทำไมมันถึงได้เสียดแทงใจถึงเพียงนี้
อย่างไรก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความจริงได้ ความจริงที่แสนทรมานใจเหลือเกิน
“ฉันพูดหรือไง”
“ไม่…ตะ แต่ชานยอลไม่ชอบเรา”
ร่างสูงกำลังพูดไม่ออก
สิ่งที่แบคฮยอนพูดไม่ผิดไปจากความจริงนัก
เขาทำให้อีกคนกลัวเกรงจนไม่กล้าแม้แต่เผชิญหน้า เขาทำให้ใจดวงน้อยดังก้องและเต็มไปด้วยคำว่ารังเกียจ
น่าขยะแขยง
หากแบคฮยอนกังวลว่าจะสร้างความอึดอัดให้กับเขา
ชานยอลก็คงไม่สงสัยเลยสักนิด
“เอาหมอนมาวางไว้ที่เดิมแล้วนอนลงไปซะ”
ชานยอลออกคำสั่ง
หลีกเลี่ยงการพูดถึงเรื่องนั้น เขารู้ดีว่าสิ่งนี้เป็นนิสัยไม่ดีที่ควรแก้ไข
แต่จะทำอย่างไรได้ เขาเคยพยายามมานักต่อนักแล้ว
พอเห็นท่าทางต่อต้านจากอีกฝ่ายทีไรก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความไม่พอใจออกไป
ริมฝีปากบางเบะลงไม่ต่างจากยามที่ถูกผู้ใหญ่ตำหนิ
แบคฮยอนกอดกระชับหมอนใบนุ่มแล้วค่อยๆ เดินกลับไปยังเตียงนอนอย่างกล้าๆ กลัวๆ
โคมไฟบนโต๊ะข้างเตียงถูกดับลงด้วยฝีมือคนตัวสูง
ห้องกว้างเงียบลงจนได้ยินเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ยังคงทำงานอยู่ ทั้งสองนอนหันหลังให้กันต่างจากคู่สามีภรรยาทั่วไปที่พึงปฏิบัติต่อกัน
ราวกับมีเส้นคั่นกลางที่คล้ายกับรอยแยกระหว่างความสัมพันธ์ของเราทั้งสองคน
แบ่งให้เรากลายเป็นเส้นขนาน
…ที่ไม่มีวันมาบรรจบกัน
ชานยอลคงหลับไปแล้ว
แต่ใครอีกคนกลับไม่มีทีท่าว่าจะเข้าสู่ห้วงนิทราเลยแม้แต่น้อย
แบคฮยอนยังคงนอนซบแก้มยุ้ยๆ ลงบนหมอนทั้งกลั้นรอยยิ้มที่ปรากฏชัดเจนบริเวณใบหน้า
คืนนี้เป็นคืนแรกที่เราทั้งสองคนนอนร่วมเตียงกันโดยไร้ซึ่งความหม่นหมองใจ
หัวใจเจ้าเอ๋ย
อย่าเต้นแรงไปมากกว่านี้เลย
ไม่เหนื่อยบ้างหรือยังไงนะ
คนตัวน้อยได้แต่พร่ำถามตัวเองซ้ำๆ
อยู่อย่างนั้น
หากมีความกล้าพอ หากแบคฮยอนไม่ใช่คนที่เขาเกลียด
หากไม่มีข้อขัดแย้งกับความต้องการก็คงจะดี เพราะแบคฮยอนจะได้เอ่ยมันออกไป เอ่ยบอกให้เขาได้รับรู้ถึงความรู้สึกข้างใน
กายบอบบางพลิกตัวไปอีกทางเพื่อเฝ้ามองแผ่นหลังกว้างได้เต็มสองตา
ชื่นชมความสมบูรณ์แบบของเขาโดยไม่ต้องกลัวว่าชานยอลจะตำหนิเอาได้
เราห่างกันแค่เพียงเอื้อมมือเท่านั้น แต่แบคฮยอนกลับรู้สึกว่ามันห่างไกลเหลือเกิน
ไกลเกินกว่าจะคว้าถึงหัวใจของเขา
‘คืนนี้คงจะฝันดีใช่ไหม เราหวังว่าคำขอของเราจะทำให้ชานยอลหลับฝันดี’
แม้เขาจะไม่ได้อยู่กับคนรักในคืนนี้
แบคฮยอนก็ได้แต่หวังว่าเขาจะไม่ฝันร้าย
ฝากบอกดวงจันทราให้นำพาความหวังนี้ไปสู่เขา…ผู้ชายที่แสนรัก
ฝันดีนะครับ
…ดวงใจของแบคฮยอน
เช้าวันรุ่งขึ้นเคลื่อนผ่านมาถึงเมื่อแสงจ้าของดวงอาทิตย์เข้าแทนที่ความมืดมนบนท้องนภา
แสงสว่างจากธรรมชาติปลุกให้คนหลับใหลบนเตียงรู้สึกตัวตื่นโดยไม่ต้องพึ่งเสียงนาฬิกาปลุกใดๆ
ชานยอลบิดร่างเพียงเล็กน้อยให้กล้ามเนื้อยืดเหยียดเพื่อที่จะได้ไม่ปวดเมื่อยตามเนื้อตัวเปลือกตาทั้งสองข้างปรือขึ้นมองก่อนพบว่าข้างกายว่างเปล่าเหมือนในเช้าเมื่อวาน
ชายหนุ่มกวาดสายตาไปรอบห้องแล้วเด้งกายขึ้นอย่างรีบร้อน
หายไปไหนอีกแล้ว
เขาไม่เคยตื่นทันคนตัวเล็กเลยสักครั้ง
แล้วถ้าหากวันหนึ่งใครบางคนหายไป…แล้วไม่กลับมาอีก…
วันนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับเขากัน
ยิ่งคิดหัวใจก็ยิ่งร้อนรนจนไม่อาจนิ่งเฉย
ลูกชายคนเล็กของตระกูลปาร์คนั่งทานมื้อเช้าง่ายๆ
อย่างขนมปังปิ้งและไส้กรอกซึ่งวางเคียงคู่กับนมสดในแก้วทรงสวยที่ใครบางคนจัดไว้ให้ก่อนจะออกไปข้างนอก
น้อยคนนักจะรู้ว่าเขาไม่ชอบดื่มชาร้อนหรือกาแฟรสขม
ชานยอลเป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่นชอบขนมปังกับนมสดเหมือนเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก
ไม่ใช่รสนิยมเดียวกับว่าที่ท่านประธานบริษัทในคราบชายหนุ่มผู้เคร่งขรึมที่มักจะปั้นหน้านิ่ง
วางตัวให้ดูน่าเกรงขามอยู่เสมอ
และหนึ่งในบุคคลที่รู้ใจชานยอลดียิ่งกว่าใคร…
คงเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากบยอน
แบคฮยอน
แก้วนมสดรสโปรดซึ่งปรุงแต่งด้วยกลิ่นวานิลลาหอมกรุ่นในปากจนกระทั่งหยดสุดท้ายถูกวางลงบนโต๊ะ
น่าเสียดายนัก หากคนทำมาเห็นเข้าคงจะชื่นใจน่าดูที่ร่างสูงดื่มมันจนหมดแก้ว เพียงชั่วครู่
ชานยอลก็นำจานและแก้วใสในมือไปล้างเพื่อรอเวลาที่ผู้ร่วมอาศัยจะกลับมา
มันเป็นแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วที่เขาเฝ้าคอยอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว
ชานยอลไม่เคยรับรู้มันเลย
รายการทีวีช่วงบ่ายดูน่าเบื่อเสียเต็มประดาเมื่อต้องนั่งอุดอู้ภายในบ้านอย่างไร้จุดหมาย
เขาไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหน จึงทำได้เพียงนั่งหายใจในห้องนั่งเล่นทิ้งไปวันๆ ชานยอลเหลือบมองหน้าจอมือถือของตัวเองแล้วได้แต่เอนกายทิ้งร่างลงบนโซฟา
ไม่มีข้อความจากหญิงคนรักนับตั้งแต่วันที่เธอกลับเกาหลีไป มีเพียงบทสนทนาสั้นๆ
ระหว่างเราในคืนถัดมาที่พอจะทำให้เขาคลายความคิดถึงเธอได้บ้าง
มือหนากดเลื่อนไปยังเบอร์มือถือนับสิบหลักที่พิมพ์ค้างไว้โดยไม่ได้กดโทรออก
ไม่มีการติดต่อใดๆ
จากเจ้าของหมายเลขเหล่านี้ด้วยเช่นกัน
ชานยอลเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าสิ่งที่เขาต้องการเห็นคือข้อความจากใครกันแน่
จินอาหรือแบคฮยอน
หากต้องนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นกว้างๆ
แล้วเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องพวกนี้ทั้งวัน ชานยอลต้องเป็นโรคประสาทตายแน่ๆ
แบคฮยอนกลับมาเมื่อไหร่ เห็นทีเขาจะต้องบังคับอีกฝ่ายให้ออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกบ้างเสียแล้ว
เสียงบานประตูถูกแง้มเปิดเรียกความสนใจจากคนในบ้านได้มากโข
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากเมื่อวานเลยสักนิด
ผิดที่เมื่อยามกายหนาเบนใบหน้าหันไปมองผู้ร่วมอาศัยตัวน้อยซึ่งกำลังถอดรองเท้าวางบนชั้นอย่างเป็นระเบียบ
ความตั้งใจที่จะเปิดปากเอ่ยถามความเป็นไปของอีกฝ่ายก็พลันเงียบลงหลังเสียงหัวร่อต่อกระซิกที่ดังลอดให้ได้ยินทำเอาริมฝีปากอิ่มชะงักค้าง
น้ำเสียงหวานกลั้วหัวเราะในลำคอ ดวงตาเรียวรีที่มักแฝงแววหมองเศร้าฉายประกายสดใสเต็มเปี่ยม
จากที่ตรงนี้ชานยอลสังเกตเห็นแบคฮยอนกำลังยืนหันหลังให้กับเขา แนบสมาร์ทโฟนเข้ากับใบหูข้างขวาเพื่อพูดคุยกับบุคคลในปลายสายโดยไม่รู้เลยสักนิดว่าในห้องนั่งเล่นไม่ได้มีเพียงคนตัวเล็กคนเดียวเท่านั้น
ชานยอลไม่เคยรู้มาก่อนว่านอกจากตัวเขาแล้ว…
ใครมันสามารถทำให้แบคฮยอนทำสายตาแบบนั้นได้
“แค่นี้เราก็ดีใจมากแล้ว”
“…”
ชานยอลไม่อยากเสียมารยาท
เขาไม่ได้ตั้งใจแอบฟังแบคฮยอนพูดคุยกับคนที่ไม่รู้เลยสักนิดว่าเป็นใคร แต่ความต้องการที่หลบซ่อนในส่วนลึกก็เอาชนะความถูกต้องทุกอย่างได้ทั้งหมด
“ครับ ขอบคุณมากๆ เลยนะ ไม่นึกเลยว่าจะมีคนจำได้ด้วย”
“…”
“ฮือ น่าเสียดายจัง ตอนนี้เราอยู่ฝรั่งเศส
ถ้าอยู่เกาหลีเราคงทำขนมอร่อยๆ ไปฝากเสียแล้วสิ”
“…”
หมอนั่นเป็นใคร ไอ้คนที่ทำให้ภรรยาของเขายิ้มกว้างจนตาหยีเช่นนั้นมันเป็นใครกัน
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดไปใหญ่
คนที่มักทำหน้าเศร้าสร้อยเวลาอยู่กับเขาน่ะหายไปไหนเสียแล้วล่ะ
ช่างเป็นคนที่เปลี่ยนสีหน้าได้หลากหลายอารมณ์เสียจริงนะ
“ได้สิ!
ยินดีเสมอ ขอแค่คุณลูกค้าบอกมา พ่อครัวแบคฮยอนยินดีทำให้ทานทุกเมนูเลยครับ ฮ่าๆ”
“…”
มันจะมากเกินไปแล้ว…
ไม่เกรงใจสามีที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้เลยหรือไง
“ถ้าเซฮุนรีบขนาดนั้นก็บินมาที่ฝรั่งเศสเลยสิ
ที่นี่สวยมากเลยนะ เราจะพาเซฮุนไปเที่ยวรอบเมืองเลยดีไหม”
ปึง!
กายบางสะดุ้งเฮือกทันทีที่ได้ยินเสียงทุบโต๊ะดังก้องไปทั่วห้องกว้าง
เงาสะท้อนของกายหนาบนผนังดูสูงใหญ่น่าเกรงขาม
รอยยิ้มที่แต้มชัดบนดวงหน้าหวานพลันมลายลงเมื่อคนตัวโตเคลื่อนกายเข้าใกล้ชวนให้ใจวูบไหว
มือเรียวบีบสมาร์ทโฟนในมือแน่นจนสั่นไปหมด
ความน่ากลัวที่เคยได้รับเริ่มคืบคลานเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ
ดวงตาของเราสบกันด้วยความตั้งใจ
แบคฮยอนไม่รู้เลยว่าชานยอลอยู่ในห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อาจจะเป็นเพราะไม่ทันสังเกตจึงเผลอสร้างความไม่พอใจให้กับเขาอีกแล้ว
“มีความสุขดีนี่”
“ชานยอล…”
เพียงแค่ได้ยินชื่อของใครบางคนที่เขาเกลียดขี้หน้าเล็ดรอดจากริมฝีปากบางก็พาลทำให้อารมณ์ขุ่นมัวของชานยอลพุ่งสูงขึ้นจนยากจะควบคุม
โอ เซฮุน
ชื่อที่ไม่ว่าจะได้ยินสักกี่ครั้งก็รู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย
แบคฮยอนกล้าดียังไงเรียกชื่อมันให้เขาได้ยินถึงสองครั้งสองหน
มันจะมากเกินไปแล้ว
“อยู่กับผัวทั้งคนยังกล้าคิดจะพาผู้ชายคนอื่นไปเที่ยว
ไม่ละอายใจบ้างหรือแบคฮยอน”
คนถูกตำหนิก้มหน้ารับคำกล่าวหาโดยที่ยังไม่ได้ตัดสายจากเพื่อนสนิทตัวสูง
เซฮุนจึงได้ยินคำพูดทุกคำที่ปาร์ค ชานยอลเอ่ยมันออกมา หากเขายืนอยู่ตรงนั้น ข้างกายแบคฮยอน
เขาคงไม่ปล่อยให้ใครหน้าไหนก็ตามมาทำให้ดวงใจของเขาต้องรู้สึกแย่โดยเด็ดขาด
เซฮุนเชื่อว่าอย่างไรแบคฮยอนก็ต้องเสียน้ำตาให้หมอนี่อีกครั้งเป็นแน่
“เราแค่คุยกับเพื่อน”
ชานยอลนึกอยากบีบริมฝีปากบางๆ
นั่นให้เลิกเบะลงเสียที ไม่รู้หรือไงว่ามันน่ารังแกให้ร้องไห้นัก หากไปทำแบบนี้ให้ใครเห็นเข้าคงไม่พ้นถูกเขาเอาเปรียบไปแล้ว
“เพื่อนเหรอ? หึ มันหวังอยากเป็นแค่เพื่อนกับนายหรือไง”
ชายหนุ่มคงไม่รู้ว่าคำพูดที่ได้เอ่ยออกไปมันทำร้ายใจคนฟังมากแค่ไหน
แต่ใครเล่าจะเข้าใจว่าเขารู้…รู้ดีเต็มอก…
แต่ก็อดค่อนขอดอีกฝ่ายไม่ได้จริงๆ
“เซฮุนไม่ได้…”
“เอากุญแจรถมา”
เขารีบปัดความรู้สึกบ้าๆ ออกจากอกด้วยการชักเสียงบังคับอีกฝ่ายเพื่อขอกุญแจรถยนต์
หยาดน้ำที่คลอคลองในลูกแก้วเรียวสวยไม่ใช่สิ่งที่เขาพึงต้องการเลยสักนิด
ชานยอลไม่อยากเห็นสัญลักษณ์แห่งความอ่อนแอของมนุษย์
“กะ กุญแจรถเราเหรอ”
“กุญแจรถนายนั่นแหละ”
หลังจากที่แบคฮยอนส่งกุญแจให้กับเขา
ชานยอลก็ผลุนผลันเดินออกจากบ้านไปทิ้งให้ใครอีกคนมองตามด้วยความเป็นห่วง
สถานที่ไกลบ้านเช่นนี้
ซ้ำยังไม่ใช่เส้นทางที่คุ้นเคย
จะไม่เกิดอันตรายขึ้นกับเขาใช่ไหม
…แบคฮยอนได้แต่เฝ้าภาวนาด้วยใจหวัง
90%
สองมือน้อยกุมประสานกันแน่นทันทีที่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดับลงบริเวณโรงจอดรถ
เจ้าของบ้านประหม่าจนรู้สึกได้ถึงความชื้นของเหงื่อใต้ฝ่ามือ
ชานยอลกลับมาแล้ว
ใจที่วูบโหวงกลับมาเต็มตื้นเมื่อรู้ว่าเขากลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย
ทว่าอีกใจนั้นหวาดหวั่นเหลือเกินว่าจะต้องพบเจอกับเรื่องที่ทำให้เราเกิดความบาดหมางกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เพราะทุกครั้งมักจะถูกเขาต่อว่า
หรือมากกว่านั้นก็คงเป็นการถูกทำร้ายใจอย่างรุนแรง
จังหวะการย่ำเท้าใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ
พอๆ กับจังหวะหัวใจที่เต้นรัวอย่างยากจะควบคุม และในที่สุดเจ้าของการกระทำนั้นก็ปรากฏตัวภายในกรอบสายตา
ชานยอลเดินมาหยุดตรงหน้าแล้ววางสิ่งที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะตัวเล็กกลางห้องนั่งเล่น
ไม่มีคำพูดใดเกิดขึ้นระหว่างเรา
ไม่มีถ้อยคำไขความกระจ่างแก่คนที่นั่งรอร่างสูงกลับมานับชั่วโมงเศษ เขาปล่อยให้ร่างน้อยเลิกคิ้วสงสัย
ลูกแก้วเรียวทั้งคู่ฉายแววใคร่รู้ ทว่าไม่กล้าเงยหน้ามองบุคคลที่ตนแสนรัก
แบคฮยอนขี้ขลาดเกินจะทนมองความเกลียดชังในดวงตากลมโตของเขาได้
“อะไรเหรอ?”
คุณหนูบยอนรวบรวมความกล้าถามผู้เป็นสามีด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าทั้งยังไม่ละสายตาจากกล่องกระดาษสี่เหลี่ยมตรงหน้า
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ชานยอลกำลังทำสีหน้าเช่นไรอยู่ ไม่รู้ว่าเขามาดีหรือมาร้าย
หากทำสิ่งใดไม่เข้าตาก็คงถูกเขาต่อว่าให้ปวดปร่าไปทั้งใจ
“เปิดดูสิ”
อารมณ์ที่แสดงออกผ่านถ้อยคำของเขาทำให้แบคฮยอนรู้สึกแปลกใจมากถึงมากที่สุด
น้ำเสียงผ่อนคลายคล้ายไม่หลงเหลือความกรุ่นโกรธใดๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ร่างสูงยังเอ่ยประชดประชันกันให้เจ็บช้ำน้ำใจอยู่เลย
นึกว่าชานยอลจะต่อว่ากันเสียอีก…
“…”
“เปิดสิ” เขาย้ำอีกครั้งให้ร่างน้อยรู้สึกตัว
แบคฮยอนมองใบหน้าคมคายเพียงชั่วครู่ก่อนพบว่าเขากำลังยืนกอดอกจ้องกันไม่ละสายตา
“…”
ท่าทางแปลกไปของร่างสูงทำให้ผู้เป็นภรรยาสมองพร่าเบลอ
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร
แบคฮยอนทำตัวไม่ถูกเลยสักนิด
จึงได้แต่นั่งขบริมฝีปากบางด้วยฟันซี่เล็กอย่างน่าเอ็นดู
“นิ่งแบบนี้แสดงว่าไม่อยากได้สินะ”
“มะ…ไม่ใช่นะ”
ไม่รู้เลยว่าการกระทำนั้นตกอยู่ในสายตาของใครบางคนที่เฝ้ามองมานานแล้ว
แม้ใบหน้าหวานซึ้งของอีกฝ่ายจะดูน่าชังมากแค่ไหน
แม้ความรู้สึกบางอย่างจะเข้าเกาะกินพื้นที่ในหัวใจมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ท่าทีที่เงียบไปของแบคฮยอนก็ทำให้ชายหนุ่มสลัดความรู้สึกนั้นทิ้งแล้วนึกขุ่นเคืองใจที่ร่างน้อยไม่ใยดีกับสิ่งที่เขาต้องการมอบให้เลย
“เหอะ ถ้าไม่อยากได้ก็ไม่ต้องฝืนใจหรอก”
“…”
“ฉันจะได้เอาไปทิ้งให้พ้นๆ”
“ดะ เดี๋ยวสิ!”
ร้องเรียกเสียงหลงขณะเข้าไปคว้ากล่องกระดาษในมือหนาคืน
ทั้งสองไม่รู้ตัวเลยว่ามือของพวกเขาสัมผัสกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ราวกับถูกกระแสไฟฟ้าแล่นพล่านไปทั่วร่าง
ทั้งคู่ต่างนิ่งค้างไปชั่ววินาที ก่อนใครสักคนจะทำลายบรรยากาศแสนน่ากระอักกระอ่วนใจนี้ลงด้วยการขยับกายออกห่างเพียงช่วงแขน
แต่ใจที่เต้นตึกตักยังคงดังชัดเจนเสียจนสลัดทิ้งไม่ลง
“ปล่อย” คนตัวสูงสั่งหน้าตาย
ชานยอลขมวดคิ้วไม่เข้าใจเมื่อมือน้อยคู่นั้นพยายามดึงรั้งกล่องกระดาษไปจากมือของเขาให้ได้
“เรายังไม่ได้พูดแบบนั้นเสียหน่อย”
“…”
“ชานยอลอย่าเอาไปทิ้งเลยนะ”
“…”
“นะครับ”
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เผลอใจลอยยอมปล่อยให้สิ่งนั้นตกไปอยู่ในมือของอีกฝ่าย
แรงกอบกุมจากฝ่ามือหนาถูกคลายออกด้วยความไม่รู้ตัว ชายหนุ่มจดจ้องเรียวนิ้วยาวค่อยๆ
แกะกล่องกระดาษสีสวยอย่างไม่รีบร้อน
กลิ่นหอมละมุนคล้ายครีมหวานลอยแตะจมูกทันทีที่เปิดมันออกมา
เพียงแค่เห็นสิ่งที่อยู่ข้างในก็เรียกความประหลาดใจให้กับร่างน้อยได้ไม่ยาก
หัวใจที่วูบลงถูกปลุกขึ้นมาให้เต้นรัวเร็วอีกครั้ง
แบคฮยอนไม่กล้าช้อนมองคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
ทุกสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นราวกับห้วงแห่งความฝันไม่ผิดเพี้ยน
เค้กขนาดกลางถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยครีมสีขาวซึ่งตัดกับสีแดงสดของสตรอว์เบอร์รีลูกโตที่แบคฮยอนโปรดปราน
กลิ่นหอมจางๆ ชวนให้ลิ้มลองลอยอบอวลรอบกายเสียปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกอย่างกำลังมอมเมาคนตัวน้อยให้เผลอคิดเข้าข้างตัวเองอีกครั้ง
แบคฮยอนไม่อยากหลอกใจว่าเขายอมทำดีด้วย
ไม่อยากหวังมากเกินตัวจนสุดท้ายต้องกลับมานั่งรักษาแผลหัวใจเพียงลำพัง
ไม่อยากรู้ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริงหรือห้วงจินตนาการ
ทว่าสิ่งเดียวที่เด่นชัดคือรอยยิ้มบางซึ่งปรากฏบนใบหน้าคร้ามคมที่แบคฮยอนแสนรัก
ก่อนจะพลันเลือนหายเมื่อคนตัวน้อยสังเกตเห็นและส่งยิ้มตอบรับกลับไป
“ยิ้มอะไร”
“…”
ก็ชานยอลยิ้มให้เราก่อน
แบคฮยอนอยากจะตอบกลับแบบนี้เสียจริงๆ
“ขำฉันหรือไง”
“ระ…เราไม่ได้ขำชานยอลนะ”
“เหรอ”
“จริงๆ นะ อย่ามองเราแบบนั้นสิ”
รีบส่ายหน้าพลางปฏิเสธเป็นพัลวันเมื่อถูกจับจ้องด้วยสายตาคมดุ
ไหนจะมือคู่น้อยที่กอบกุมกล่องเค้กเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือ เพียงเท่านี้ก็แสดงออกได้ชัดเจนแล้วว่าแบคฮยอนไม่มีทางปฏิเสธสิ่งที่ชานยอลต้องการมอบให้ได้ลง
“เลิกยิ้มได้แล้ว” เขาสั่งอย่างเอาแต่ใจ ภรรยาตัวน้อยจึงพยายามสุดความสามารถที่จะไม่เผลอยิ้มออกไปให้เขาได้เห็น
“ไม่ยิ้มแล้วครับ”
ก้มหน้างุดหลบหลีกดวงตากลมโตมากด้วยเสน่ห์เหลือล้น
แบคฮยอนเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงก่อนจะรวบรวมความกล้าเอ่ยคำแทนความรู้สึกภายในใจ
แต่กลับต้องหยุดการกระทำเมื่อชานยอลชิงเอ่ยบางอย่างขึ้นมาเสียก่อน
“พอดีขับรถผ่านร้านเค้กแถวนี้”
6 พฤษภาคมของทุกปี
วันสำคัญที่เขาพยายามจะลืมมาโดยตลอด
“…”
แต่กระนั้น…ชานยอลก็ยังคงจำได้ดี
“เห็นมันน่ากินดีเลยซื้อมาฝาก”
ได้ยินดังนั้นก็อดยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ
แบคฮยอนหัวใจพองโตเสียยิ่งกว่าลูกโป่งหลากสีในสวนสนุก ชานยอลจะรู้หรือไม่ว่าเจ้าตัวโกหกไม่เก่งเอาเสียเลย
ความสนิทที่ยังคงตกตะกอนภายในใจทำให้แบคฮยอนรู้จักนิสัยใจคอของอีกฝ่ายดีทุกอย่าง
ยามที่เขาไม่ได้เอ่ยความจริงเช่นนี้ ชานยอลมักจะหลบสายตาคู่สนทนาเสียทุกครั้ง
คนโกหก ไหนบอกว่าแค่ผ่านไปเจอแล้วซื้อมาฝากยังไงล่ะ
แล้วทำไมหน้าเค้กถึงได้ถูกปักด้วยเทียนสีสวยเป็นตัวอักษร
‘BAEKHYUN’ กัน
“ขอบคุณนะ”
ขอบคุณที่ทำให้วันเกิดของเราในปีนี้พิเศษกว่าปีที่ผ่านมา
ขอบคุณที่ไม่ได้โกรธเกลียดเราจนฝืนทำดีด้วยไม่ได้
ขอบคุณสำหรับความเป็นเพื่อนที่มีให้กันมาโดยตลอด
ขอบคุณนะครับ ขอบคุณสำหรับทุกๆ สิ่ง
ขอบคุณที่เกิดมาให้รัก
แค่ชานยอลยังจำวันเกิดของเราได้ เพียงเท่านี้…
ก็ดีต่อหัวใจของแบคฮยอนมากมายเหลือเกิน
“พูดแค่นี้เนี่ยนะ?”
“…”
“ทีไอ้หมอนั่นยังคุยกับมันเสียยาวเหยียด
เหอะ ลืมไป ก็ฉันไม่ได้สำคัญเท่าผู้ชายของนายนี่”
“เรื่องนั้น…”
“ใครมันจะโทรมาอวยพรวันเกิดนายคนแรกก็ช่าง
ฉันไม่สน! แต่ฉันซื้อเค้กให้นายก่อน ฉะนั้น ถือว่าฉันสำคัญกว่าทุกคน!”
“…”
“เข้าใจไหม!”
“ขะ เข้าใจครับ” แบคฮยอนนึกอยากทุบคนขี้บังคับให้ร้องโอดโอยนัก
คิดอยากจะเอาแต่ใจอย่างไรก็ได้งั้นหรือ เขาแสดงท่าทางเหมือนเด็กตัวน้อยที่ทั้งดูอิจฉาและหวงของเล่นอย่างไรอย่างนั้น
หากใครมาเห็นเข้าคงจะไม่เชื่อสายตาตัวเองอย่างแน่นอน
แบคฮยอนไม่คุ้นชินกับชานยอลในตอนนี้เลยจริงๆ
“ทำหน้าแบบนี้หมายความว่าไง
ไม่เต็มใจตอบหรือไง”
“เราเปล่าเสียหน่อย”
“งั้นแล้วไป
นึกว่าอยากได้ของขวัญจากไอ้หมอนั่นอีกคน”
ถ้อยคำประชดประชันของชายหนุ่มตัวสูงไม่ได้ทำให้ร่างเล็กรู้สึกแย่แต่อย่างใด
กลับกันแบคฮยอนดันเผลอรู้สึกดีเข้าให้เสียอย่างนั้น
ของขวัญวันเกิดไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับคนตัวเล็กเลยแม้แต่น้อย
หากบอกให้เขาได้รับรู้
ชานยอลจะเชื่อคำพูดของแบคฮยอนหรือไม่
“เรา…”
“…”
“ไม่ได้ต้องการของขวัญวันเกิดหรอก”
“…”
“ขอแค่มีชานยอลอยู่ด้วยกันทุกปี
เราก็มีความสุขแล้ว”
วาดรอยยิ้มกว้างเผื่อแผ่ไปถึงเจ้าของหัวใจเสียจนอกด้านซ้ายของอีกฝ่ายกระหน่ำเต้นอย่างไหวหวั่น
ชานยอลไม่อาจละสายตาจากภาพความน่ารักตรงหน้าได้เลยสักนิด
สิ่งที่เขาเฝ้าหลบหลีกมาโดยตลอดกำลังพุ่งชนจนแทบเสียหลัก คำที่เคยพร่ำบอกว่าเกลียดกำลังกลับกลายเป็นความรู้สึกบางอย่างเข้าแทนที่ในส่วนลึกของหัวใจ
เพราะมัวแต่ครุ่นคิดและทบทวนความรู้สึกของตัวเองใหม่อีกครั้ง
นาทีนั้นชายหนุ่มจึงไม่ทันสังเกตเห็นแววตาเรียวรีค่อยๆ หม่นแสงลงจนน่าใจหาย
ไม่เห็นเลยว่ามีใครบางคนกำลังโกหกตัวเอง
โกหก…อย่างหน้าไม่อาย
ทุกปีงั้นหรือ มันจะเป็นไปได้อย่างไร
ไม่หรอก ไม่มีทางเป็นไปได้
เวลาไม่ได้เหลือมากพออีกต่อไปแล้ว
100%
HIV เอ้ย! HVD ย้อนหลังนะค้าคนดีย์ โป๊ะๆ ʕ•ᴥ•ʔ❤
ฮือ ทุกคนห้ามลืมว่าปาร์ค ชานยอลยังเป็นพระเอกฟิคเรื่องนี้อยู่นะคะ
อวยพระเอกหนูจนจะยกขึ้นหิ้งอยู่แล้วค่ะ หลั่งน้ำตาเป็นจังหวะชะชะช่าสามวิ ;__;
หลังๆ พิมาดี พิกำลังกลับตัวกลับใจ (หรือเปล่า)
เนี่ยมีคนเมนต์มาว่าเราบรรยายเยอะไป ขอโทษค่ะ มันเป็นแนวการเขียนของเราไปแล้ว
นี่เป็นคนคิดอะไรมากๆ แล้วชอบใส่มันลงไปในบทง่ะ
ถ้าขี้เกียจอ่านบรรยายเยอะๆ ครั้งหน้าจะปรับปรุงค่ะ
ด้วยรวั๊กส์และฟักไข่ #หยุด #เธอไม่ใช่ไก่
พอๆ มุกไรของแก๊ 555555555555555555555555555555555
เลิ้บยูวซำเหมอ
#ฟิคเข็มนาฬิกา
เมนต์ไม่ถึงหมื่นไม่อัพตอนต่อไปค่ะ
ล้อเล่นควัฟ อิ้อิ้ 555555555555555555555555555555555
ความคิดเห็น