ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สำรวจรวมเล่ม [EXO] △ Lost Forever | ChanBaek

    ลำดับตอนที่ #6 : Lost Forever ✿ เวลาที่ 5 [100%]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.15K
      132
      15 ก.ค. 59


    © themy  butter






    LOST FOREVER

    เวลาที่ 5

    ความจริงที่ย้ำชัดว่าในหัวใจของเขา

    ไม่เคยมีเราอยู่เลย




    เสียงสะอื้นไห้หนักหน่วงของคนในปลายสายปลุกคุณหมอหนุ่มที่เริ่มเข้าสู่ห้วงนิทราให้ตื่นขึ้นมาตอนนาฬิกาบ่งบอกเวลาสามทุ่มตรง ปาร์ค อี้ฝานพยุงกายอ่อนล้าจากการโหมงานหนักไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น ก่อนจะรีบบึ่งรถออกจากคอนโดส่วนตัวแทบในทันทีเพราะความร้อนรนใจเป็นกังวลไม่รู้ว่าน้องคนสนิทจะเป็นอย่างไรบ้าง


    ใบหน้าหวานเปื้อนคราบน้ำตาคือสิ่งแรกที่ฉายชัดในกรอบสายตาของร่างสูง แว่วเสียงสั่นพร่าเปล่งชื่อเขาด้วยความดีใจเคล้าระทมกับเรื่องที่เพิ่งเผชิญมา ดวงตาสดใสเมื่อนานมาแล้วทอแสงหม่นหลังถูกความทุกข์ใจเข้ายึดครองพื้นที่ความรู้สึกจนหมดสิ้น


    แบคฮยอนกำลังนั่งร้องไห้จนดวงตาแดงก่ำและบวมช้ำ


    ในนาทีนั้นแทบจะออกแรงก้าวขาไม่ไหว เขาหยุดชะงักได้ไม่นานก็รีบเข้าประชิดตัวน้องด้วยความห่วงใยทันที


    เพียงปลายนิ้วสัมผัสแผ่วเบาตรงหัวไหล่เล็ก เสียงสะอื้นก็หลุดลอดผ่านลำคอของคนตรงหน้าอย่างแสนง่ายดาย คุณหมอหนุ่มอึกอักอยู่สักพัก เหมือนถูกสะกดให้แน่นิ่งอยู่กับที่ เคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้คล้ายสมองหยุดการทำงานไปชั่วขณะ


    พี่คริสฮึก…”


    น้องก้มหน้าร้องไห้ราวกับยอมรับในชะตากรรม ลำตัวทุกส่วนสั่นไหวกระตุกหัวใจคนมองให้ไหวหวิวยิ่งกว่ายืนท่ามกลางความมืดมิดไร้ผู้คน


    อี้ฝานเป็นคนเดียวที่รับรู้ว่าร่างเล็กทรมานมากแค่ไหนที่ต้องพบเจอเรื่องร้ายๆ รู้ว่าเหตุการณ์วุ่นวายจะต้องเกิดขึ้นในสักวัน แต่ไม่คิดว่ามันจะรวดเร็วจนเกินตั้งตัวและไม่คิดว่ามันจะรุนแรงจนเกินรับมือไหว


    เฮียอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่มีใครทำอะไรเราได้อีก เงียบซะเด็กน้อย เดี๋ยวจะหายใจไม่ออกนะครับ


    น้ำเสียงทุ้มอบอุ่นเอ่ยปลอบประโลมเจ้าของหยาดน้ำตา คนในอ้อมกอดเพิ่มแรงขยำชายเสื้อของเขา ก่อนจะสะอื้นหนักกว่าในทีแรกเพราะคุ้นเคยกับการกระทำแสนใจดีของพี่ชายตัวโต


    วันที่อ่อนแอ วันที่ใจแสนเหนื่อยล้า วันที่โลกทั้งใบมืดมนเพราะถูกคนใจร้ายทำลายความหวังดี


    วันที่ร้องไห้จนน้ำตาท่วมอกก็ยังมีคนนี้


    ยังมีพี่ชายตัวโตแต่ใจดีคอยอยู่เคียงข้างไม่ห่างไปไหน


    เพราะโหยหาสัมผัสปลอบโยนจากใครสักคน น้ำตาจึงร่วงหล่นลงอย่างหมดกำลังจะกลั้นไว้ได้


    มือหนาลูบแผ่นหลังบอบบางช้าๆ พรมจูบลงบนกลุ่มผมนุ่มราวจะบรรเทาความเจ็บปวดให้กับเด็กชายตัวน้อย


    ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ เด็กตัวเล็กในอดีตก็ยังคงเป็นเช่นนั้นในสายตาของพี่ชายคนนี้


    แบคฮยอนแบกรับความเจ็บปวดไว้มากมายที่ใครบางคนอาจจะไม่เคยได้ประสบพบเจอ ร่างบางต้องเผชิญกับปัญหาหลากหลายรูปแบบที่เข้ามาในชีวิตอย่างไม่มีหยุดพัก


    และในตอนที่หัวใจดวงน้อยมืดมนไร้หนทางก้าวไปข้างหน้า พี่ชายตัวโตที่เปรียบดังแสงสว่างก็เข้ามาส่องประกายบางอย่างให้กับเด็กน้อยหลงทางเดินต่อไปได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง


    วันที่ร่างบางตัดสินใจเดินทางไปยังเมืองหนาวเพียงลำพัง แบคฮยอนไม่มีญาติหรือคนรู้จักอยู่ที่นั่นแม้แต่คนเดียว คุณหมอหนุ่มในวัยยี่สิบเก้าปีจึงตัดสินใจคอยเป็นเพื่อนร่วมทางติดตามน้องไปและเข้าทำงานในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ประเทศฝรั่งเศสเป็นระยะเวลากว่าสี่ปี


    รู้ซึ้งถึงปัญหาของคนอายุน้อยกว่าเป็นอย่างดี


    ผู้ที่อยู่ในฐานะน้องสะใภ้ของเขาต้องร้องไห้และเสียน้ำตาอยู่ทุกคืนวัน ขอบตาบวมช้ำที่ได้เห็นบั่นทอนความรู้สึกของคนมองไปไม่น้อย อี้ฝานทั้งรักทั้งสงสารร่างน้อยที่เห็นกันมาตั้งแต่ยังแบเบาะ ตั้งแต่ที่แบคฮยอนยังเป็นเด็กดื้อตัวกะเปี๊ยก เด็กน้อยที่ชอบยิ้มกว้างอวดฟันซี่เล็ก แบคฮยอนเข้ากับคนอื่นได้ง่ายและเป็นที่รักใคร่ของใครหลายๆ คน ความสดใสร่าเริงตามแบบฉบับนิสัยใจคอของเจ้าตัวทำให้คนที่ผ่านมาพบเห็นต่างเอ็นดูไม่น้อย


    พอคิดถึงเรื่องราวเก่าๆ ก็อดยิ้มเพราะความน่ารักนั้นไม่ไหว เขาชอบที่จะมองดูน้องเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา จนเมื่อรู้ตัวอีกที ต่างคนก็ต่างเติบโตเดินตามเส้นทางอนาคตที่ตัวเองเลือกไว้เสียแล้ว


    สิ่งเดียวที่ยังคงเหมือนเดิมเช่นในอดีตก็คือความสัมพันธ์แน่นแฟ้นของพวกเราทั้งสองคน


    ผิดกับใครอีกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องชายแท้ๆ ของเขา


    ตำแหน่งสามีที่เกิดจากความไม่เต็มใจทั้งยังเป็นการกดดันบังคับให้ได้มาซึ่งใบทะเบียนสมรสเพียงแผ่นเดียว ทว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่กลับย่ำแย่และเลวร้ายเสียยิ่งกว่าคนโกรธเกลียดกันมาแต่ชาติปางก่อน


    ความชัดเจนที่ว่าปาร์ค ชานยอลแสนรังเกียจบยอน แบคฮยอนมากจนไม่อยากใช้ลมหายใจร่วมกัน


    เพราะจุดเริ่มต้นที่เกิดขึ้นไม่เป็นดังต้องการนำพาเหตุการณ์บางอย่างมาสู่เด็กชายตัวน้อยของเขาราวกับถูกใครลิขิตหนทางชีวิตเอาไว้


    อี้ฝานทนไม่ได้แน่ถ้าต้องปล่อยให้แบคฮยอนเผชิญปัญหาแต่เพียงลำพัง หากแบ่งเบาความเจ็บปวดภายในหัวใจดวงน้อยได้สักครึ่งหนึ่งก็คงจะดี คนที่เขารักเสมือนน้องชายแท้ๆ จะได้ไม่ต้องเสียน้ำตาให้กับความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า


    เขาให้คำมั่นสัญญากับตัวเองแล้วว่าต่อให้ต้องเจอเรื่องราวหนักหนาสาหัสมากเพียงใด แม้ในตอนที่แบคฮยอนจะไม่เหลือใครสักคนข้างกาย คนที่คอยยืนอยู่เคียงข้างไม่ห่างไปไหนจะยังคงเป็นเขาเสมอ


    ฮึกแบค…”


    แรงสั่นเทิ้มน้อยๆ จากการสะอื้นกระทบความรู้สึกของพี่ชายตัวสูงให้สั่นคลอนหนักหน่วง ไหล่ที่แสนบอบบางเหลือเกินในสายตาของอี้ฝานกำลังห่อเข้าหากันอย่างไร้เรี่ยวแรง


    เขาที่เอ็นดูแบคฮยอนไปไม่น้อยกว่าใครโอบน้องไว้แนบอกเพราะไม่ต้องการทนเห็นเจ้าตัวเล็กร้องไห้ราวจะขาดใจแทบทุกวินาที


    ที่ผ่านมาอ้อมกอดของเขาเป็นดั่งผืนผ้าคอยซับน้ำตาให้กับคนตัวเล็ก เขามองดูน้องร้องไห้ในทุกๆ วันโดยที่ทำอะไรไปไม่ได้มากกว่าการปลอบใจ พยายามทำทุกวิถีทางที่จะหยุดการเคลื่อนไหวของหยาดน้ำใสเหล่านั้นแต่ก็ไม่เป็นผล เข้าใจว่าสิ่งที่ทำลงไปไม่อาจทดแทนช่องว่างภายในหัวใจของร่างเล็กได้


    เพราะสิ่งเดียวที่แบคฮยอนโหยหามาตลอดไม่ใช่ถ้อยคำสวยหรูจากเขา


    ร่างบางเพียงแค่ต้องการความรักและการให้อภัยจากผู้ชายที่ตนรักก็เท่านั้น


    ต้องการน้องชายของเขา


    ต้องการปาร์ค ชานยอลเพียงผู้เดียว


    ไหนบอกเฮียหน่อยซิว่าเจ็บตรงไหน เดี๋ยวคุณหมอจะช่วยรักษาให้หายดีไหมครับ?”


    เจ็บ อึกแบคเจ็บตรงนี้ มันเจ็บและปวดไปหมด แบคทรมานมากเลยครับ ฮึกทำยังไงถึงจะหายจากความรู้สึกนี้เสียที


    มือเรียววางทาบลงบนหน้าอกด้านซ้ายของตัวเองที่ยังคงมีหัวใจดวงหนึ่งเต้นเป็นจังหวะปวดร้าวราวกับถูกปีศาจร้ายบีบขยำมันเล่นอย่างสะใจ การเคลื่อนไหวของก้อนเนื้อช่วยย้ำเตือนว่าแบคฮยอนยังคงมีลมหายใจอยู่บนโลกใบนี้ ยังไม่ได้หลับตาลงแล้วลอยไปอยู่ ณ หนแห่งใดที่ไร้ผู้คน


    ถึงแม้จะยังมีลมหายใจ แต่ร่างเล็กกลับรู้สึกว่าเป็นลมหายใจที่โรยรินเสียเหลือเกิน


    อี้ฝานช้อนคางเรียวขึ้นมาให้ดวงตาบวมช้ำสบกับดวงตาคมกริบทว่าฉายแววอ่อนโยนของเขา นิ้วยาวเกลี่ยหยาดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่เลอะแก้มเนียนขณะลูบศีรษะทุยไปมาเพื่อให้น้องผ่อนคลายความกังวล


    เขาไม่ได้มองว่าแบคฮยอนเป็นคนอ่อนแอที่ร้องไห้ได้ทุกเวลา ไม่ได้มองว่าร่างบางเป็นคนเจ้าน้ำตาหรือต้องการเรียกร้องความสนใจจากใคร กลับกันอี้ฝานมองว่าแบคฮยอนมีจิตใจที่เข้มแข็งและกล้าหาญในทุกๆ เรื่อง


    จากเรื่องราวที่ได้เผชิญร่วมกันมาเป็นระยะเวลานาน นิสัยใจคอของอีกฝ่ายก็ค่อยๆ ซึมซับเข้าไปในจิตใจของเขามากขึ้นทุกที แม้คนอื่นจะไม่รู้หรือมองไม่เห็นความดีเหล่านั้น แต่อี้ฝานรู้ดีว่าแบคฮยอนเป็นอย่างไร


    คนที่มองโลกในแง่ดีมาตลอด ไม่เคยพูดจาใส่ร้ายป้ายสีใครให้เสื่อมเสีย ไม่เคยมองเห็นความต้องการของตัวเองเป็นที่ตั้ง คนที่ยอมทำทุกอย่างได้โดยไม่มีข้อแม้เพื่อไม่ให้หัวใจต้องถูกเหยียบย่ำหรือโดนคนอื่นทำลาย คนที่แม้นจะต้องปวดใจแต่ถ้าหากมันทำให้คนที่รักมีความสุขก็พร้อมจะเสียสละให้ได้เสมอ


    คนดีๆ แบบนี้คงหนีไม่พ้นผู้ชายตัวเล็กๆ ที่ชื่อว่าบยอน แบคฮยอน


    น้องชายที่เขาแสนรักแสนหวงแหนเสียจนไม่อยากให้แก้วราคาแพงต้องแตกสลายลงต่อหน้าต่อตา


    ไปเล่นซนมาใช่ไหมตัวดื้อ ถ้าไม่ซนจนได้เรื่องเราก็คงไม่มานั่งร้องไห้แบบนี้หรอกใช่ไหม


    ฮึกมะ ไม่ แบคไม่ได้ซน


    อี้ฝานมองดูอีกฝ่ายสูดลมหายใจเข้าปอด ร่างจ้อยใช้ความพยายามเป็นอย่างมากที่จะหยุดหยาดน้ำใสไม่ให้ไหลลงมาเปรอะแก้มขาวราวเขื่อนแตก


    ไม่ได้ซนแล้วทำไมถึงร้องไห้ไม่หยุดเลยล่ะครับ หืม


    จังหวะที่เหลือบมองใบหน้ากระจ่างตานั้นเอง ร่างสูงถึงได้รู้ว่าสาเหตุของความเจ็บปวดทางใจเหล่านี้เกิดจากสิ่งใด


    รอยแตกบนหางคิ้วข้างขวาเต็มไปด้วยคราบเลือดแห้งกรังเลอะมาจนถึงขมับบาง ความจริงชัดเจนเสียจนอดใจหายไม่ได้


    ใครกันกล้าลงมือทำร้ายร่างบอบบางได้ลงคอ


    ร่างสูงไม่อยากคิดเลยว่าจะเป็นฝีมือน้องชายแท้ๆ ของเขาที่ใจดี สุขุมอ่อนโยนและเรียบนิ่งกว่าคลื่นสงบใต้ท้องมหาสมุทร


    แบคฮยอนใช้มือเล็กๆ ปกปิดร่องรอยบนใบหน้าของตัวเอง แต่ก็ถูกร่างโตกว่าจับข้อมือเอาไว้แล้วเอ่ยปากถามด้วยแววตาเต็มไปด้วยความเห็นใจ


    อี้ฝานไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้เห็นกับตาเลยให้ตาย


    บอกเฮียได้หรือเปล่าว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ


    ฮึก…”


    เขาทำแบบนั้นกับเราจริงๆ เหรอแบคฮยอน


    คนถูกถามเงียบไปสักพัก แบคฮยอนไม่ได้อ้อมแอ้มอึกอัก แต่ร่างบางกลับตอบคำถามได้ไม่เต็มปากนัก


    แบคไม่คิดว่าเขาจะทำร้ายกันได้ลงคอ


    “…”


    แบคแค่เป็นห่วงเท่านั้นเอง แบคผิดมากเลยหรือครับที่ไม่อยากเห็นเขาเจ็บ แบคผิดมากเลยใช่ไหมครับ ฮึก…”


    เราไม่ผิด ไม่ผิดเลยสักนิด


    “…”


    เฮียบอกแล้วไงครับว่าอะไรที่มันหนักหนาเกินไปก็อย่าเพิ่งฝืนดันทุรัง การพยายามไขว่คว้าให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการไม่ใช่เรื่องดีเสมอไปหรอกนะ


    “…”


    เฮียรู้ว่าเราเป็นคนดี เราเป็นห่วงเขามากจนลืมคิดถึงตัวเอง แต่อย่าลืมสิว่าตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่มีอะไรที่จะมั่นคงแน่วแน่ตลอดไปหรอกจริงไหม แบคเข้าใจที่เฮียพูดหรือเปล่า?”


    “…”


    ถ้าหากวันหนึ่งหัวใจมันเจ็บมากๆ ภูมิต้านทานความรู้สึกของเราอาจจะลดต่ำลงจนรับมือไม่ไหวเอาได้นะ เฮียเป็นห่วงเรา ไม่อยากเห็นเราร้องไห้อีกแล้ว


    แบคไม่เข้าใจ ไม่อยากเข้าใจว่าทั้งหมดคือเรื่องจริง


    เฮียเชื่อว่าสักวันเราจะทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้


    อี้ฝานยิ้ม หากแต่เป็นรอยยิ้มที่ฝืดเฝื่อนพอตัว


    เวลาที่ผันผ่านไปตามกาลเวลาจะค่อยๆ ช่วยให้เราชินชากับเรื่องที่ช่วงเวลาหนึ่งเคยทำให้เราทุกข์ระทมหรือเจ็บปวดปางตายได้


    คุณหมอหนุ่มเชื่อว่าเด็กชายตัวน้อยของเขาจะต่อสู้กับมันได้อีกครั้ง


    ทำได้เหมือนอย่างที่ผ่านมา


    ไม่ต้องร้องแล้วนะครับ เฮียจะอยู่ข้างเราแบบนี้ตลอดไป ไหนคนเก่ง เลิกร้องไห้ได้แล้ว ใครกันเคยบอกว่าจะลุกขึ้นสู้เพื่อเอาชนะใจเขาให้ได้ ทำไมตอนนี้เฮียเห็นแต่เด็กขี้แยร้องไห้ขี้มูกโป่งกันล่ะ


    แววตาคมดุดังมังกรน่าเกรงขามเต็มไปด้วยประกายเอ็นดูยามทอดมองร่างตรงหน้า


    อี้ฝานโคลงศีรษะเล็กของคนที่มองสบมาด้วยแววตาฉ่ำน้ำ ขอบตาบวมช้ำแดงก่ำส่งผลให้ดูน่าสงสารมากขึ้นเป็นเท่าตัว รูปร่างบอบบางเสียยิ่งกว่าทรงแก้วสวยงามที่ทำได้เพียงทอดมองเพราะไม่กล้าอาจเอื้อมเข้าไปใกล้หรือแตะต้องให้ระคายเคือง


    คงไม่มีใครอยากทำให้ของล้ำค่าถูกขูดขีดจนกลายเป็นรอยเสียหายได้หรอก


    เงียบซะ เฮียเข้าใจ เงียบซะนะเด็กดื้อ เฮียจะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนจนกว่าเราจะสบายใจ กลับมายิ้มเหมือนเดิมเถอะนะครับแบคฮยอน


    ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์ขับรถออกมาหาถึงที่นี่ แบครบกวนเวลาพักผ่อนของพี่คริสใช่ไหมฮะ ขอโทษด้วยนะครับ วันหลังจะไม่โทรไปรบกวนเหมือนวันนี้อีกแล้ว


    โธ่ เด็กน้อย ทำไมถึงคิดมากแบบนี้นะ เฮียเต็มใจที่จะอยู่เป็นเพื่อนเรา ห้ามคิดโทษตัวเองอีกนะ ที่ผ่านมายังไม่รู้อีกหรือไงว่าเฮียรักเจ้าน้องชายคนนี้มากแค่ไหน


    อี้ฝานโอบเด็กน้อยที่เริ่มกลั้นสะอื้นไม่ไหวอีกครั้งเข้ามากอดแนบอก


    แย่จริง เขาทำแบคฮยอนร้องไห้อีกแล้ว


    ฮึกขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ นอกจากคุณลุงคุณป้าและป้าซังมีที่คอยให้กำลังใจมาโดยตลอด แบคก็ยังมีพี่คริสที่ไม่ทิ้งกันไปไหน แบครู้สึกเหมือนตัวเองเป็นน้องชายแท้ๆ ของพี่คริสเลยฮะ


    ถึงเราจะไม่ใช่พี่น้องที่มีสายเลือดเดียวกัน แต่เฮียก็รักและอยากปกป้องแบคในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง แบคเป็นคนดี ไม่มีใครคิดโกรธน้องชายตัวดื้อของเฮียได้นานหรอก สักวันคนที่มีทิฐิเต็มอกจะรับรู้ถึงความดีของเรา


    “…”


    แบคฮยอนพยักหน้าช้าๆ ทั้งน้ำตานองหน้า ที่อี้ฝานพูดมาเป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้เลย


    ร่างบางมั่นใจเหลือเกินว่าสักวันเขาจะเลิกเกลียดกันได้


    ใช่ครับ


    “…”


    ถ้าหากวันหนึ่งเขาได้คนรักกลับมาอยู่ข้างกาย วันที่เขาได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก วันที่เขาจะได้เป็นอิสระจากแบค


    “…”


    วันนั้นเขาคงจะมีความสุขจนลืมว่าครั้งหนึ่งเคยเกลียดแบคมากแค่ไหน


    เปลือกตาบางปิดลงด้วยความหนักอึ้ง ความปวดร้าวแล่นริ้วทั่วร่างเหมือนที่เคยเป็น


    แบคฮยอนกำลังคิดทบทวนซ้ำไปมาว่าประโยคที่เค้นออกมาอย่างยากลำบากไม่ได้เอ่ยเพื่อต้องการตอกย้ำตัวเอง


    ตลกดี ทั้งที่ควรจะยินดีถ้าหากวันนั้นเกิดขึ้นจริงๆ แต่ทำไมในใจกลับปวดปร่าเมื่อรู้ว่าสักวันจะต้องเดินออกมาจากชีวิตของชานยอล


    กลายเป็นเพียงธาตุอากาศที่ค่อยๆ จางหายไปจากความทรงจำของเขา


    ทุกๆ อย่างที่หลอมรวมเป็นแบคฮยอน


    ดวงตาคู่นี้ที่ทอดมองด้วยความห่วงใยมาตลอดหลายปี


    ริมฝีปากคู่นี้ที่คอยเอ่ยถ้อยคำรื่นหูแต่กลับไม่มีใครอยากฟัง


    มือคู่นี้ที่เมื่อครั้งในอดีตเคยกุมมือหนาทั้งสองข้างของเขาไว้แนบอก


    บัดนี้กาลเวลาค่อยๆ กัดกร่อนให้มันผุพังและกลายเป็นเพียงความว่างเปล่า


    หากรับรู้สักนิด


    เขาจะได้เข้าใจว่าในสักวันหนึ่ง


    สิ่งเหล่านี้อาจจะไม่มีอีกต่อไป







     

     

     

    ราตรีเงียบสงัดในค่ำคืนนี้มีเพียงแสงเรืองรองของจันทราและกลุ่มดวงดาวน้อยใหญ่ทอประกายระยิบระยับทั่วท้องนภา บนชั้นสองของบ้านหลังใหญ่ปรากฏดวงตาคู่คมฉายแววขึงขังขณะทอดมองเครื่องยนต์คันหรูขับห่างออกไปจากบริเวณอาณาเขตของตน


    ร่างสูงผ่อนลมหายใจกรุ่นโทสะระงับอารมณ์เดือดพล่านราวกับเพลิงร้อนที่กำลังแล่นไปทั่วกระแสเลือดให้จางลง ผ้าม่านสีครีมถูกมือหนาปิดทับบานหน้าต่างด้วยแรงกระชากไม่เบานัก ชายหนุ่มย้ายร่างไปยังเตียงขนาดกว้างแล้วทิ้งตัวลงนอนทอดสายตาจดจ้องเพดานเหนือศีรษะอย่างเลื่อนลอย


    พี่ชายของเขามาที่นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่กลับมาจากเมืองหนาวซึ่งห่างไกลบ้านเกิดหลายพันกิโลเมตร หากไม่ใช่เรื่องด่วนหรือสำคัญมากพอ เฮียคงไม่มีทางมาที่บ้านหลังนี้แน่นอน


    จะเป็นใครไปได้ที่สามารถต้อนรับคนนอกเข้ามาได้อย่างง่ายดายนอกจากเจ้าของบ้านอีกคน แบคฮยอนคงจะโทรไปขอความเห็นใจจากพี่ชายของเขาด้วยการบีบน้ำตาร้องไห้ให้ดูน่าสงสาร ไม่เช่นนั้นเฮียคงไม่รีบขับรถมาดูอาการคนที่เขาแสนเกลียดภายในระยะเวลารวดเร็วเช่นนี้ได้


    หึ พรุ่งนี้เขาคงต้องถูกผู้ให้กำเนิดตำหนิจนหูชากันไปข้าง


    หากพี่ชายของเขารู้เรื่องนี้แล้ว มีหรือที่คุณพ่อคุณแม่และคนที่บ้านใหญ่จะพลาดข่าวไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับสะใภ้คนโปรดบ้าง


    รอยยิ้มหยันบริเวณมุมปากถูกเหยียดขึ้น แววตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่อัดแน่นจนแยกไม่ออกว่ากำลังครุ่นคิดสิ่งใดอยู่


    นายมันก็แค่ตัวปัญหาดีๆ นี่เอง


    ตัวปัญหาที่ฉันเกลียดแสนเกลียดจนอยากกำจัดออกไปจากชีวิต


    ความคิดด้านลบเต็มไปด้วยทิฐิอัดแน่นอยู่ในหัว มันถูกบันทึกและสลักลึกลงภายใต้จิตใจมิอาจสลัดทิ้งไปได้ ร่างกายสมส่วนหยุดการเคลื่อนไหวเพื่อต้องการผ่อนคลายอาการเมื่อยล้าจากความกังวลติดต่อกันหลายค่ำคืน ชานยอลปล่อยตัวเอนราบเตียงหลังใหญ่พร้อมจิตใจฟุ้งซ่าน ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นกำลังปั่นป่วนความรู้สึกของเขาให้ไม่เป็นสุข


    รอยน้ำตา สีหน้าแห่งความปวดร้าว เสียงร่ำไห้ที่ชานยอลไม่มีวันเข้าใจ อีกทั้งบาดแผลบนหางคิ้วบนดวงหน้าเนียนที่เกิดจากน้ำมือของเขา ราวกับต้องการลงโทษให้สมกับความเลวร้ายที่ร่างบางเคยกระทำขึ้น


    เขาไม่เข้าใจ


    แท้จริงแล้วมันคืออะไรกันแน่


    สิ่งที่แบคฮยอนแสดงออกมานั้นเป็นเพียงละครตบตาที่สวมบทบาทได้อย่างแนบเนียน หรือจริงๆ แล้วมันคือสิ่งที่เขาพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด ซึ่งก็คือเรื่องราวทั้งหมดชานยอลคิดไปเองแต่เพียงผู้เดียว ชายหนุ่มเพียงแค่เข้าใจผิดว่าร่างเล็กคือผู้ทำลายความรักของเขาจนย่อยยับไม่มีชิ้นดีและไม่มีทางย้อนกลับมาได้อีก


    มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน เขาควรเชื่อมั่นในสิ่งที่ได้เห็นกับตามากกว่าลมปากของคนหลอกลวงไม่ใช่หรือไร ไม่ควรนำความไขว้เขวเพียงเสี้ยววินาทีมาสั่นคลอนหัวใจที่ใครๆ ต่างก็รู้ดีว่ามันแข็งดุจดั่งหินผา ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถทลายมันให้แหลกสลายได้นอกจากหญิงผู้เป็นที่รักของเขา


    ไม่เช่นนั้น ใครต่อใครก็คงได้ล้อเล่นกับก้อนเนื้อภายใต้อกด้านซ้ายอย่างไม่มีเกรงกลัว


    ชานยอลแค่นหัวเราะกับความคิดของตัวเอง เขาเผลอคิดเรื่องคนน่ารังเกียจเข้าให้เสียแล้ว กลับมาจากฝรั่งเศสได้เพียงไม่นานก็สร้างปัญหาให้อึดอัดใจไม่เว้นแต่ละวัน


    เมื่อไหร่จะหายไปจากชีวิตของฉันเสียที


    ชายหนุ่มเกลียดคนไร้มารยาทที่สุด เกลียดคนที่มักเข้ามายุ่งวุ่นวายกับโลกส่วนตัวโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ยิ่งกับพื้นที่ที่เคยเป็นความทรงจำดีๆ ของเขาและคนสำคัญ ชานยอลจะไม่มีวันยอมให้ใครหน้าไหนก้าวก่ายหรือล้ำเส้นได้อย่างเด็ดขาด


    ถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาก็ตาม


    เหตุการณ์ในวันนี้คงทำให้แบคฮยอนไม่กล้าเข้าใกล้ผู้เป็นสามีไปอีกนาน คราแรกร่างสูงไม่ได้ปรารถนาให้อีกฝ่ายเจ็บตัวเลยแม้แต่น้อย เขาไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองนัก ปากบอกว่าเกลียดอยู่ทุกพื้นที่หัวใจ แต่พอได้เห็นร่างบางบาดเจ็บเพราะฝีมือของตัวเอง หัวใจแสนเย็นชาก็กระตุกเกร็งเป็นจังหวะแปลกๆ


    หรืออาจจะเป็นเพราะเมื่อก่อนเราเคยเป็นเพื่อนสนิทที่รักกันมาก


    จนถึงตอนนี้สายใยบางๆ ที่กั้นเราทั้งสองคนเอาไว้ยังไม่ขาดดีมากพอที่จะทำให้เขาใจแข็งทำร้ายอดีตเพื่อนสนิทได้โดยไม่รู้สึกอะไร


    มันไม่ใช่ความสงสาร ไม่ใช่ความรู้สึกผิด ไม่ใช่ความเห็นใจ


    แต่แล้วมันคืออะไรกันเล่า เขาเองก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เช่นกัน


    ในวันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปหมดแล้วทั้งสิ้น ดังเช่นสายน้ำที่ไหลทวนไปแล้วย่อมไม่มีวันหวนกลับมาดังเดิม เขาที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นคนใหม่ คนที่แสนใจร้ายเหลือเกินในสายตาร่างเล็ก


    แล้วจะให้ทำอย่างไรได้ คนที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเราต้องจบลงไม่ใช่ร่างบางหรือ?


    หากเจ้าของหางตาตกราวกับลูกหมาไม่เลือกตัดสินใจทำเช่นนั้น วันนี้เราทั้งสองคนก็คงได้เติบโตไปพร้อมกับคำว่าเพื่อนรักซึ่งพ่วงด้วยความสุขที่ค่อยๆ ผลิบานตามกาลเวลา


    คงจะได้ยิ้มให้กันอย่างไม่มีความเคลือบแคลงใจ


    คงจะได้หยอกล้อกันอย่างสนิทสนมอย่างเช่นในวันวาน


    คงจะได้ไปเที่ยวด้วยกันบ่อยครั้งเหมือนที่ชอบทำในสมัยเรียน


    ดวงตาทั้งคู่เบนไปยังกรอบรูปสีขาวที่วางอยู่บนโต๊ะตรงปลายเตียง ทันใดนั้นความอุ่นวาบก็แล่นกัดกินหัวใจทั้งดวงเมื่อภาพเก่าๆ ย้อนกลับมาฉายชัดในห้วงคำนึงอีกครั้ง


    ชานยอลยังคงเก็บรูปนี้ไว้เสมอแม้อยากจะขว้างทิ้งไปให้ไกลสุดขอบฟ้า เขาที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างคนสองคน แขนยาวโอบร่างเล็กของทั้งคู่แนบแน่นแสดงถึงความรักใคร่สนิทสนม


    จำได้ว่าเรากำลังยืนหัวเราะไปพร้อมๆ กันขณะที่คนถ่ายยกกล้องขึ้นมาบันทึกภาพเอาไว้


    ใบหน้าเปื้อนยิ้มและไอความสุขของเราทั้งสามคนยังคงชัดเจนเหลือเกินในความรู้สึกของร่างสูง


    อยากย้อนเวลาไปยังตอนนั้นแต่ก็รู้ดีว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เขาไม่มีเวทมนตร์วิเศษที่สามารถทำสิ่งใดตามใจปรารถนา


    หรือถ้าขอพรจากคนบนฟ้าได้ก็อยากจะลองดูสักครั้ง อยากอ้อนวอนให้พระเจ้าโปรดเห็นใจส่งคนที่เขารักในอดีตกลับมาอยู่ข้างกาย


    หรือแม้ในฐานะเพื่อนก็ยังดีกว่าคนไม่รู้จักกัน


    ทั้งที่เมื่อก่อนเขาและเธอรักกันมากจนไม่มีช่องว่างให้แยกจาก


    ส่วนอีกคนที่กำลังฉีกยิ้มจนตาหยีบ่งบอกว่ามีความสุขไม่น้อยในรูปถ่ายภายใต้กรอบสีขาวตรงหน้า ชานยอลแทบไม่รู้เลยว่าเขาจะทำใจให้อภัยร่างเล็กได้อย่างไร


    เรื่องราวในอดีตคอยตอกย้ำอยู่เสมอว่าเคยรักใคร่ผูกพันมากเพียงใด ความจริงในวันนี้ก็ยิ่งชัดเจนว่ามันไม่มีทางกลับไปเป็นดังเดิมได้อีกแล้ว


    ไม่ว่าจะรักมากแค่ไหน คำว่าเกลียดก็จะมากกว่าเป็นร้อยเป็นพันเท่า


    เขาจำมันได้ดี วันที่ความสัมพันธ์ของเราแตกหักเพราะการกระทำไร้หัวใจของแบคฮยอน


    วันที่คนเห็นแก่ตัวบีบบังคับให้คนที่เขารักยอมแพ้และเดินจากไปทั้งที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิด


    ไม่ผิดเลยสักนิด





    เราจบกันแค่นี้เถอะนะชานยอล


    ‘…’


    เราไม่อยากทำร้ายเพื่อน เราไม่อยากเห็นแบคฮยอนเสียใจ ให้เราเป็นคนถอยออกมาคงจะดีกว่า


    มะ หมายความว่ายังไง ที่บอกจบกันมันคืออะไร ทำไมถึงพูดแบบนี้?’


    เพราะแบคฮยอนรักชานยอลมากยังไงล่ะ ให้เราฮึก ให้เราเป็นคนเสียสละเถอะนะ หากมันจะทำให้แบคฮยอนมีความสุข เราไม่เป็นไรจริงๆ ฮึก…’


    ไม่ไม่เลิก เราจะไม่มีทางเลิกกัน


    อย่ารั้งเราไว้เลย เราตัดสินใจดีแล้ว ปล่อยเราไปเถอะ ขอร้องนะชานยอล ปล่อยเราไป


    ต่อให้ใครมันจะพูดหรือบังคับยังไง ความสัมพันธ์ของเราก็จะยังเป็นเหมือนเดิม


    แต่เราไม่อยากทำให้เพื่อนเสียใจ แบคฮยอนเป็นคนดี เราเชื่อว่าเขาจะดูแลชานได้ดีไม่แพ้เราแน่ๆ ปล่อยเราไปเถอะนะชานยอล ปล่อยเราไปเถอะ


    'ไม่เอา ชานไม่เลิก อย่าทิ้งชานไว้แบบนี้ จะให้ทำยังไงก็ได้แต่อย่าพูดว่าจะเลิกกันเลยนะ เรารักกันมากแค่ไหนจำไม่ได้หรือไง หากจะมีใครสักคนที่ต้องถอยออกไป แน่นอนว่าคนคนนั้นจะต้องเป็นหมอนั่น!'


    แต่เราไม่เอาอีกต่อไปแล้ว! เราจะไม่ทนอีกต่อไป! ชานไม่รู้ ฮึกไม่รู้หรอกว่าแบคฮยอนมาขอร้องอ้อนวอนกับเราเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว


    ขอร้อง?’


    แบคฮยอนขอชานจากเรายังไงล่ะ ชัดเจนหรือยัง ปล่อยเราไปเสียที!’


    หลังจากวันที่เลิกกับคนรัก ชานยอลก็ทำตัวเฉยชาต่อทุกสิ่งรอบกาย เพื่อนสนิทตัวเล็กยังคงเป็นเหมือนเดิม พูดจาหวานหูและทำตัวปกติราวกับไม่รู้ว่าตนได้ทำสิ่งที่ผิดลงไปอย่างไม่น่าให้อภัย


    หมดสิ้นความอดทนกับการกระทำเหล่านั้น ร่างสูงระเบิดโทสะโดยการตอกหน้าไปแรงๆ ด้วยคำพูดแข็งกระด้างและประกาศชัดเจนว่าไม่ต้องการเห็นแม้แต่เสี้ยวหน้าของแบคฮยอนอีกต่อไป ความเป็นเพื่อนที่เรามีให้กันมาหลายปีขอให้มันจบลงตรงนี้ ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้าก็อย่าได้กลับมาพบเจอกันอีกเลย


    ออกปากไล่เองแต่ในใจย่อมรู้ดีว่าตัวเองกำลังเคว้งคว้าง สมองไร้หนทางออกเพราะมันหนักอึ้งราวกับถูกทุบด้วยค้อนหนักๆ


    เจ้าของดวงตาเรียวยอมถอยห่างออกไปขณะที่ใบหน้าแสดงความไม่เข้าใจกำลังเปรอะเปื้อนด้วยหยาดน้ำตา เพียงเสี้ยววินาทีที่ฝ่าเท้าคู่เล็กเริ่มไกลจากกรอบสายตา หัวใจดวงใหญ่ก็พลันกระตุกวูบผิดจังหวะ ใจหนึ่งส่งเสียงเรียกร้องให้คว้ามือคู่นั้นกลับมา แต่อีกใจก็ต่อต้านว่าต้องผลักไสให้ไกลจากชีวิต


    เขากำลังสับสน


    แต่ในความสับสนนั้นมีสิ่งที่ตะโกนก้องออกมาอย่างชัดเจนว่าอย่าใจอ่อน เขาทำถูกแล้ว


    ชายหนุ่มแสนมั่นใจเหลือเกินว่านับจากนี้ไปเขาจะไม่มีวันเสียใจกับการกระทำของตัวเอง


    แบคฮยอนก็เป็นแค่คนเห็นแก่ตัวที่มองไม่เห็นคนอื่น ไม่มีอีกแล้วคำว่าเพื่อนที่เคยมอบความรู้สึกดีๆ ให้ เพราะเชื่อใจจึงไม่คิดว่าคนแสนซื่อในสายตาจะกลายเป็นศัตรูที่คอยถือมีดเล่มคมลอบแทงให้ชายหนุ่มค่อยๆ ขาดใจตายช้าๆ


    ไม่ว่าอีกฝ่ายจะหยิบยื่นคำขอโทษที่ไพเราะมากที่สุดบนโลกใบนี้ให้กับเขา หรือแม้แต่ยอมลดศักดิ์ศรีก้มหน้าขอร้องให้เขาเห็นใจ


    เมื่อเทียบกับสิ่งที่ร่างสูงเคยได้เผชิญมาเป็นระยะเวลาสี่ปี ความเจ็บช้ำที่ไม่สามารถเยียวยารักษาให้หายดีได้


    ใครกันจะใจอ่อนกับคนที่เคยทำให้เราบาดเจ็บเจียนตายได้


    จะไม่มีอีกแล้วคำว่าให้อภัย ต่อไปนี้จะมีเพียงคนใจร้ายที่มอบแต่ความทุกข์ทรมานให้กับแบคฮยอนอย่างสาสม!

     

     




    60%







     

    หิมะเริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้ง


    กลุ่มเมฆหนาครึ้มลอยปกคลุมท้องฟ้าดูขมุกขมัวชวนให้ใจหมองหม่น อุณหภูมิเย็นจัดที่ยังคงติดลบในบ่ายวันนี้พาลให้ทุกสรรพสิ่งรอบข้างเฉื่อยชายากจะเคลื่อนไหวร่างกาย ไม่ต้องการทำสิ่งใดนอกจากนอนทอดกายบนเตียงหลังใหญ่เพื่อหลับตาพักผ่อนและจมอยู่ในห้วงนิทรา


    เจ้าของเรือนร่างสูงโปร่งพลิกตัวไปมาบนที่นอน จนกระทั่งเริ่มหงุดหงิดตัวเองเมื่อไม่อาจข่มตาให้หลับต่อไปได้อย่างที่ใจต้องการ จึงตัดสินใจลุกไปอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดสดชื่น


    ตอนนี้บ่ายโมงกว่าๆ แล้ว


    ปกติในแต่ละวันชายหนุ่มจะต้องตื่นให้ทันมื้อเช้า แต่วันนี้เขากลับหลับนานไปถึงครึ่งวัน กระเพาะจึงเริ่มส่งเสียงร้องโครกครากจนน่าหงุดหงิดเนื่องจากยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เมื่อคืน


    ชานยอลกำลังครุ่นคิดว่าเขาควรทำอย่างไรต่อไปดี ร่างสูงไม่ต้องการลงไปยังชั้นล่างเพราะรู้ว่าจะต้องได้เจอผู้ร่วมบ้านอีกคนที่ไม่อาจทราบได้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่


    จะนั่งเชิดหน้าชูตาให้รู้สึกรังเกียจเกินกว่าจะเฉียดเข้าใกล้


    หรือจะอยู่ให้รกหูรกตาเสียจนอยากตะเพิดไล่ออกไปจากบ้านหลังนี้


    แม้จะต้องพบเจอทั้งที่ไม่ต้องการอีกสักเท่าไหร่ ถึงอย่างไรก็ตาม การมีอยู่ของแบคฮยอนก็ไม่จำเป็นต่อชีวิตของเขาอยู่ดี


    จะเป็นหรือตาย...


    มันก็ไม่เกี่ยวข้องกับปาร์ค ชานยอลสักนิด


    กระจกบานใหญ่สะท้อนใบหน้าเรียบนิ่งของชายหนุ่มตัวสูงราวๆ หนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเซนติเมตร ชานยอลมองเห็นแววตาดุดันที่จ้องปราดตั้งแต่หัวจรดเท้าสำรวจร่างกายตนเองให้มั่นใจว่ามันไม่ได้ผิดแปลกไปจากเดิม


    ทุกอย่างเป็นปกติดี


    แต่ทำไมภายใต้ก้อนเนื้อด้านซ้ายนี้กลับแปลกไปจนไม่คุ้นชิน


    หรือจะเป็นเพราะเรื่องเมื่อคืนที่สร้างความว้าวุ่นให้ไม่น้อย มันจึงส่งผลให้ร่างสูงสับสนในความรู้สึกของตัวเอง


    กำลังคิดบ้าอะไรกันปาร์ค ชานยอล


    ร่างสูงสะบัดศีรษะไล่ความรู้สึกหลากหลายที่วิ่งวนให้ออกไปจากความคิดของเขา ภาพเจ้าของใบหน้าอ่อนเยาว์กลับมาฉายชัดตอกย้ำถึงสิ่งที่อยู่ภายในใจให้โหมกระพือขึ้นราวเพลิงไหม้ และต้องการย้ำกับตัวเองอีกครั้งว่าแท้จริงแล้วรู้สึกอย่างไรกันแน่


    เสียงเดียวที่ตะโกนก้องในโสตประสาทนั่นก็คือคำพูดที่เขาคอยเตือนตัวเองอยู่ทุกคืนวัน


    ริมฝีปากอิ่มได้รูปขยับเพื่อเปล่งถ้อยคำเพียงไม่กี่คำ แต่มันกลับหนักแน่นสลักลึกลงไปในก้นบึ้งของหัวใจได้เป็นอย่างดี


    ฉันเกลียดนายจริงๆ


    ใช่ ฉันเกลียด


    เกลียดคนเห็นแก่ตัว


    เกลียดนายที่สุด


    เกลียดบยอน แบคฮยอน









     

     

     

    ป้าว่าคุณหนูทานข้าวก่อนเถอะนะคะ นี่ก็บ่ายโมงกว่าๆ แล้ว ไม่ต้องรอคุณชานยอลเธอหรอกค่ะ


    คนสูงวัยเพียงคนเดียวภายในบ้านหลังกว้างเอ่ยทักหลังจากได้เห็นสีหน้าเศร้าหมองของคนที่เธอรักเสมือนลูกคนหนึ่งปรากฏอยู่บนดวงหน้าหวาน


    ภาพที่ร่างขาวผ่องนั่งถูฝ่ามือบรรเทาความหนาวเย็นของอากาศภายนอกที่พัดผ่านเข้ามายังบานหน้าต่างทำให้ป้าซังมีอดเป็นห่วงไม่ได้ บนโต๊ะอาหารขนาดสองที่นั่งไร้เงาใครอีกคนที่ควรจะลงมาตั้งแต่เช้าตรู่ หากแต่แบคฮยอนยังคงเฝ้ารอชายที่ตนรักอยู่ตรงนี้นานกว่าสองชั่วโมง


    คุณหนูตัวเล็กจากตระกูลบยอนรอคอยผู้เป็นสามีเพื่อจะได้ทานอาหารที่เจ้าตัวตั้งใจทำสุดฝีมือร่วมกัน แบคฮยอนกระตือรือร้นรีบตื่นขึ้นมาโชว์ฝีมือทำอาหารที่ชานยอลแสนโปรดปราน ยังจำว่าเขาชอบหรือไม่ชอบทานอะไรได้เสมอ


    เพราะแบคฮยอนรู้ใจเขาดียิ่งกว่าใคร


    เวลาล่วงเลยจนเหยียบย่างเข้าสู่บ่ายโมงครึ่งแล้ว ทว่ายังไม่มีทีท่าหรือเห็นแม้แต่เงาว่าร่างสูงจะลงมาจากชั้นบน การรอคอยทำให้ร่างบางพลาดอาหารมื้อเที่ยงไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ


    คนมองได้แต่ถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่อาจทราบได้ สิ่งที่ป้าซังมีห่วงที่สุดคือการที่คุณหนูทานอาหารไม่ตรงเวลา


    เธออยากให้แบคฮยอนห่วงสุขภาพตัวเองมากกว่านี้


    เพราะถ้าพลาดแม้แต่ครั้งเดียว อะไรๆ ย่อมแปรเปลี่ยนไปได้ตลอดกาล


    เธอรู้ความจริงคับอกแต่ทำได้เพียงเงียบราวกับไร้ปากเสียง มันไม่ต่างอะไรกับคนหูหนวกตาบอดเลยสักนิด


    เมื่อไหร่การรอคอยจะสิ้นสุดลงเสียที


    อีกนานแค่ไหนคุณหนูคนดีจะไม่ต้องเสียน้ำตาให้กับเรื่องเดิมๆ


    อีกนานแค่ไหนคุณหนูผู้แสนบอบบางคนนี้จะไม่ต้องปวดใจกับเรื่องราวเลวร้ายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตอย่างไม่คิดหยุดพัก


    ป้าซังมีอยากให้วันนั้นมาถึงในเร็วๆ นี้เหลือเกิน


    ทานก่อนเถอะนะคะคุณหนู เสร็จแล้วจะได้ทาน…”


    แค่มื้อเดียวเองครับ


    แต่…”


    นะครับ


    เจ้าของหางตาตกคล้ายลูกหมาช้อนมองคุณป้าแม่บ้านพร้อมเอ่ยประโยคที่ทำให้อีกฝ่ายใจอ่อนไม่กล้าขัดความต้องการเหมือนที่ผ่านมา ดวงตาเรียวทอประกายระยิบระยับ ริมฝีปากจิ้มลิ้มที่งอง้ำลงยิ่งเพิ่มความน่าเอ็นดูให้กับคนตัวเล็ก


    มาลูกอ้อนแบบนี้ทีไร เธอก็ใจร้ายใจดำด้วยไม่ลงทุกที


    แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะคะ ถ้ามีครั้งหน้าอีกป้าจะไม่ยอมแล้วจริงๆ ด้วย


    เด็กน้อยพยักหน้าหงึกหงักเป็นจังหวะให้คนแก่กว่าหัวเราะในลำคอ แม้จะทำสีหน้าดุไปสักหน่อย แต่แบคฮยอนรู้ดีว่าคุณป้าซังมีใจแข็งได้ไม่นานหรอก


    อีกสักหน่อยเขาก็คงจะลงมาแล้วล่ะครับ ทำยังไงดี แบคตื่นเต้นจังเลยฮะ


    ท่าทางตื่นเต้นดีใจราวกับได้ของขวัญชิ้นใหม่แสดงออกชัดเจนเสียจนปกปิดไม่มิด ร่างบางถูฝ่ามือชื้นเหงื่อเข้าหากันไปมาด้วยความประหม่าที่อีกไม่นานจะได้พบหน้าเจ้าของหัวใจ แบคฮยอนจะได้ทานข้าวเที่ยงร่วมกับชานยอลเป็นครั้งแรกในรอบสี่ปีหลังจากที่ห่างหายกันไปนาน


    และไม่สามารถเดาได้ว่าวันนี้เขาจะแสดงกิริยาอย่างไรตอนที่เจอกัน


    หากเขาไม่แสดงท่าทางรังเกียจรังงอนกัน เท่านี้ก็ทำให้หัวใจดวงน้อยพองโตได้อย่างง่ายดายแล้วล่ะ


    เมื่อคิดดังนั้น รอยยิ้มหวานก็พลันปรากฏบนใบหน้ากระจ่างตาพาลให้คนมองยิ้มเอ็นดูเต็มแก้ม


    คุณชานยอลต้องรู้สึกดีแน่ๆ เลยค่ะที่คุณหนูตั้งใจทำอาหารให้เธอทาน


    เป็นอีกครั้งที่คุณป้าแม่บ้านอยากวิ่งไปสารภาพบาปต่อหน้าพระเจ้าเสียเดี๋ยวนี้ เธอหลุดโกหกคำโตเพราะไม่ต้องการพรากรอยยิ้มกว้างไปจากร่างเล็ก อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่อยากเห็นที่สุดคือการที่คุณหนูแบคฮยอนต้องเศร้าหากได้รับรู้ความจริงแสนปวดใจ


    ว่าต่อให้ทำอย่างไรก็ตาม คุณชานยอลคงไม่มีวันญาติดีด้วยง่ายๆ


    และจะไม่มีวันทานอาหารร่วมกับคนที่ตัวเองเกลียดได้อย่างแน่นอน


    บางครั้งก็จำเป็นต้องพูดโกหกเพื่อรักษาน้ำใจของใครบางคน หากสิ่งนั้นมันจะช่วยเยียวยาให้ทุกอย่างดีขึ้น


    แบคพยายามทำสุดฝีมือเลยครับ มีแต่อาหารที่เขาชอบทั้งนั้นเลย หวังว่าชานยอลจะไม่ใจร้ายโยนมันทิ้งไปหรอกนะครับ


    อะไรๆ ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ แบคฮยอนไม่เคยคาดเดาอารมณ์แปรปรวนราวกับสภาพอากาศของคนตัวสูงได้เลยสักครั้ง ได้แต่หวังว่าเขาจะเข้าใจความรู้สึกกันบ้าง แค่ไม่โยนอาหารที่แบคฮยอนตั้งใจทำให้ทิ้งไปก็เพียงพอแล้ว


    เพราะทำด้วยใจและแสนเปราะบางไวต่อการแตกหักง่าย


    ดังนั้นจึงไม่ต้องการให้สิ่งที่สร้างขึ้นด้วยใจพังทลายลงต่อหน้าต่อตา


    อย่าคิดมากเลยนะคะ คุณหนูทำดีขนาดนี้ ป้าเชื่อว่าสักวันคุณชานยอลจะเห็นความมุ่งมั่นพยายามของคุณหนู


    ป้าซังมีพยายามมองข้ามรอยแผลตรงหางคิ้วที่ถูกปิดทับด้วยพลาสเตอร์สีขาวสะอาดโดยฝีมือของคุณหมอหนุ่มอย่างอี้ฝาน เธอรู้ดีว่าบาดแผลนั้นเกิดจากน้ำมือของคนใจร้าย แต่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้อะไรเพื่อไม่ต้องการตอกย้ำให้ใจดวงน้อยเจ็บช้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า


    หัวใจของคุณหนูแบคฮยอนคือสิ่งมีค่าที่สมควรแก่การปกป้องดูแลให้ดีที่สุด


    แบคอยากเป็นคนทำอาหารให้เขาทานทุกวันจังเลยครับป้าซังมี แต่แบคไม่รู้ว่าเขาจะต้องการมันไหม


    โถ คุณหนูป้าคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของภรรยาที่จะต้องตระเตรียมอาหารให้สามีทานนะคะ ไม่มีอะไรน่าเสียหายเลยสักนิด


    เมื่อก่อนเขาบอกว่าชอบทานอาหารฝีมือแบค แต่ว่าตอนนี้…”


    “…”


    มันคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว


    สีหน้าสลดลงเมื่อเอ่ยถึงเหตุการณ์ที่ย้ำเตือนถึงความเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์แน่นแฟ้นซึ่งเคยมีร่วมกับผู้ชายคนนั้น แต่เมื่อนึกได้ว่าไม่ควรทำให้คนข้างกายต้องเป็นกังวล แบคฮยอนจึงช้อนสายตาสบกับคุณป้าแม่บ้าน ก่อนจะเอ่ยสิ่งที่อยู่ภายในใจ


    เวลาของแบคเหลืออีกไม่มาก ฉะนั้น แบคจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่าที่สุดครับ จะทำให้เขาเข้าใจเหตุผลที่แบคทำลงไป แบคเชื่อว่าสักวันเขาจะกลับไปเป็นชานยอลคนเดิม


    คนเดิมที่แบครักมาก


    แก้วตาใสสะท้อนความมุ่งมั่นออกมาอย่างชัดเจน


    คุณป้าแม่บ้านกอบกุมมือเรียวทั้งสองข้างที่เย็นจัดจนน่ากลัวเอาไว้ ก่อนจะลูบแผ่วเบาราวกับคุณหนูของเธอจะบุบสลายเพียงสัมผัสด้วยปลายนิ้ว ใจหายไม่น้อยกับประโยคที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมา


    ไม่มีใครต้องการให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ ไม่ต้องการสักนิด


    แต่ความจริงเป็นสิ่งที่มนุษย์หลีกเลี่ยงไม่ได้


     น่าสมเพชสิ้นดี


    ทุกสิ่งเงียบงันราวกับถูกสะกดให้แน่นิ่งอยู่กับที่


    น้ำเสียงแข็งกระด้างเต็มไปด้วยแววสมเพชดังที่เอ่ยวาจากระแทกแดกดันออกมาส่งผลให้หัวใจพองโตเต็มไปด้วยความหวังฟีบเล็กลงราวถูกเข็มนับหมื่นเล่มพุ่งเข้ามาปักตรงกลางใจ


    น้ำเสียงแสดงความตื่นเต้นไม่ช่วยให้หัวใจด้านชาของเขารู้สึกดีดังที่ใครกล่าวไว้ ชานยอลยืนจ้องอีกฝ่ายเขม็ง ปลายเท้าทั้งสองข้างค่อยๆ ก้าวตรงไปยังร่างเล็กแช่มช้าคล้ายอัตราการเต้นของหัวใจดวงน้อย


    ช่างบังเอิญนักที่เขาดันมาได้ยินประโยคชวนกระดากหูนี้เข้าพอดี


    กล้าดียังไงถึงได้พูดว่าอยากทำอาหารสกปรกๆ นี่ให้เขาทานทุกวัน


    หากรับเข้าปากก็คงจะขย้อนออกมาแทบในทันที


    หลงตัวเองเกินไปหรือเปล่า คิดหรือว่าเขาจะรับความหวังดีจอมปลอมนั่นง่ายๆ


    แค่มื้อเดียวชานยอลก็จะไม่มีทางแตะต้อง


    ชานยอล…”


    แบคฮยอนทำตัวไม่ถูกเพราะไม่คาดคิดว่าเขาจะเอ่ยเช่นนี้


    ประโยคร้ายกาจไม่ต่างจากมือปีศาจร้ายที่คอยบีบขย้ำหัวใจกัน


    เจ้าของดวงตาเรียวรีจำได้ดีจำได้ว่าตัวเองแสนน่ารังเกียจในสายตาเขามากแค่ไหน


    ได้ยินคำพูดแทนความหมายของคำว่าเกลียดจากริมฝีปากหยักที่หลงรักมานับครั้งไม่ถ้วน หากแต่ใครกันเล่าจะรู้ว่าดวงใจนั้นปวดร้าวยิ่งกว่าโดนเข่นฆ่าและทรมานให้ขาดใจ


    แท้จริงแล้วมันให้ความรู้สึกที่มากกว่านั้น ดังถูกลากไปยืนกลางลานประหารรอเวลาที่เพชฌฆาตค่อยๆ เชือดเฉือนลมหายใจกันให้ขาดสะบั้นลง


    ช่างเจ็บปวดสิ้นดี


    ไม่รู้หรือไงว่าสิ่งที่นายพยายามทำอยู่มันน่าหัวเราะเยาะแค่ไหน ชานยอลหัวเราะในลำคอ คำพูดและแววตาของเขาแทนความรู้สึกทั้งหมด มีหรือที่อีกฝ่ายจะไม่รับรู้


    ร่างน้อยก้มหน้ามองฝ่ามือชื้นเหงื่อของตนอย่างเก้ๆ กังๆ อีกนานสักเท่าไหร่ความรู้สึกแย่ๆ จะสิ้นสุดลงเสียที เมื่อไหร่เขาจะเลิกดูถูกต่อว่ากันให้เจ็บช้ำน้ำใจ เมื่อไหร่เขาจะหยุดความแค้นทั้งหมดแล้วเริ่มต้นใหม่


    เมื่อไหร่เราทั้งสองคนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม


    แบคฮยอนทำได้แค่หวังลมๆ แล้งๆ เพราะรู้ว่าสิ่งที่เฝ้าภาวนาทุกคืนวันห่างไกลความเป็นจริงเหลือเกิน


    บางทีวันนั้นอาจจะไม่มีอยู่จริง


    เรารู้…”


    “…”


    เรารู้ว่ามันน่าตลกในสายตาของชานยอล ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ไม่เคยเข้าตา แถมยังดูน่ารำคาญเสียด้วยซ้ำไป


    “…”


    ชานยอลคงลำบากใจที่ต่อจากนี้เราต้องได้เจอหน้ากันทุกวัน เรารู้ว่าความสัมพันธ์ของเราทั้งสองคนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ชานยอลรังเกียจเรา อยากให้เราออกไปจากชีวิต เสียใจจริงๆ ที่ทำให้ไม่ได้


    “…”


    ขอโทษขอโทษที่ไม่สามารถทำตามความต้องการของชานยอลได้ ขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่ผ่านมา เราอยากไถ่โทษความผิดที่ทำให้ชีวิตของชานยอลต้องเป็นแบบนี้


    “…”


    เราไม่ขอให้ชานยอลให้อภัย แต่อย่าผลักไสไล่ส่งกันอีกเลยนะ


    “…”


    เราแค่อยากทำดีกับชานยอลให้มากๆ อยากทำในสิ่งที่ใจเรียกร้องมาโดยตลอด


    ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำ


    แบคฮยอนเชื่อเสมอว่าเวลาทุกวินาทีมีค่ากับชีวิตของคนเรามากอย่างแท้จริง


    จงทำตอนที่ยังมีโอกาสได้ทำ เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่สูญเสียไปแล้วย่อมไม่มีทางกลับคืนมาได้อีก


    หากสักวันหนึ่งคนที่เรารักจากไปอย่างไม่มีวันหวนคืน จะรู้สึกเสียดายไหมหากต้องสูญเสียเขาไปทั้งที่ยังไม่ได้ทำดีด้วย แล้วถ้าวันนั้นเกิดขึ้นจริง เราจะคว้าเขากลับมาอยู่ข้างกายได้อีกครั้งหรือเปล่า


    ตอบได้ง่ายดายเหลือเกิน


    ไม่มีทางหรอก


    ต่อให้มีเงินมากมายล้นฟ้าก็ไม่อาจซื้อเวลาของเมื่อวานกลับคืนมาได้


    เพื่ออะไร จะแกล้งทำดีไปเพื่ออะไรวะ ละครน้ำเน่าของนายใช้ไม่ได้ผลกับฉันหรอก เลิกมารยาสักที!”


    เสียงตวาดด้วยอารมณ์กรุ่นโทสะไม่น่ากลัวเท่าสายตาที่กำลังมองจ้องมาราวจะปลิดชีพกันลงตรงนี้ ไม่กล้าแม้แต่จะสูดลมหายใจเมื่อรับรู้ได้ถึงแววโกรธเคืองที่แผ่รัศมีมาจากคนตัวโต แบคฮยอนข่มความกลัวเอาไว้ ก่อนรวบรวมกำลังใจแล้วยิ้มออกมาอีกครั้ง


    ในเมื่อตัดสินใจดีแล้วจะไม่มีทางถอยหลังกลับง่ายๆ แน่นอน


    ขอโทษถ้าการกระทำของเราทำให้ชานยอลคิดไปเป็นอื่น แต่อยากให้รู้ว่าเราไม่เคยคิดจะลวงหลอกเลยสักครั้งเดียว


    ชานยอลกัดริมฝีปากแน่นเมื่อร่างตรงหน้าเอาแต่พูดคำว่าขอโทษซ้ำๆ ไปมา ความไม่พอใจยิ่งแล่นริ้วทั่วร่างเมื่อแปรเจตนาของอีกฝ่ายไปคนละทาง


    แม้จะถูกต่อว่าอย่างชัดเจนเช่นนี้


    แต่แบคฮยอนยังคงยิ้มรับกับคำพูดถากถางของเขาได้อย่างไม่เกรงกลัว


    ชักจะเก่งกาจเกินไปแล้ว ปั้นสีหน้าชื่นมื่นไม่มีแววโกรธเคืองได้แนบเนียนและเชี่ยวชาญ หากไม่รู้มาก่อนว่าร่างน้อยไม่ได้ประกอบอาชีพใดๆ เขาคงคิดไปแล้วว่าแบคฮยอนเป็นนักแสดงมืออาชีพคนหนึ่ง


    ตีบทแตกจนน่ามอบรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมแห่งปีให้เสียจริง


    ชายหนุ่มแค่นยิ้มหลังจากได้รับรอยยิ้มที่เขาแสนเกลียดเหลือเกิน ดวงตาคู่คมเหลือบไปยังโต๊ะตรงหน้าที่มีอาหารหลากหลายชนิดวางเรียงรายน่ารับประทาน แต่สำหรับชานยอล สิ่งเหล่านี้เป็นได้แค่ของไร้ค่าที่เขาพร้อมจะมองผ่านไปโดยไม่คิดเสียดาย


    อยากให้ฉันเชื่อว่านายเป็นคนดีมากจนถึงขั้นลงทุนทำอาหารเยอะแยะพวกนี้ให้ฉันเลยหรือ?”


    ชานยอลถามขึ้นพลางยิ้มเหยียด หากแต่อีกฝ่ายกลับคิดว่ามันคือรอยยิ้มของชานยอลคนเดิมเมื่อสี่ปีก่อน และยังคิดว่ามันคือสัญญาณเตือนที่ดีเพราะอย่างน้อยร่างสูงก็ยอมเปิดปากพูดคุยกันแล้ว


    มะไม่ใช่อย่างนั้นนะ เราแค่คิดว่าอาหารพวกนี้เป็นของโปรดชานยอล เราเลยตั้งใจทำสุดฝีมือ เผื่อว่าชานยอลจะชอบมัน


    “…”


    ตอนอยู่ที่ฝรั่งเศสเราไม่ค่อยได้ทำอาหารน่ะ ไม่รู้ฝีมือตกหรือยัง เราอยากให้ชานยอลลองชิมดูสักหน่อย ถ้ารสชาติแย่ คราวหน้าจะได้ลองปรุงใหม่ เผื่อจะถูกปากชานยอลมากขึ้น


    เมื่อเห็นร่างสูงยืนนิ่งไม่เอ่ยสิ่งใด แบคฮยอนจึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นไม่น้อย เจ้าของดวงตาเรียวกำลังประหม่าแค่ไหนไม่มีใครทราบได้ โดยเฉพาะคนตัวโตที่ยังคงจ้องร่างน้อยไม่ละสายตาไปไหน


    ในแววตาของเขามีแต่คนเห็นแก่ตัวที่กำลังแสดงละครได้อย่างแนบเนียนจึงไม่ทันสังเกตเลยว่าแบคฮยอนกำลังปากสั่นคอสั่นไปหมด


    หากสังเกตสักนิด กระต่ายตัวน้อยคงถูกสิงโตเจ้าเล่ห์ใช้จุดอ่อนเอารัดเอาเปรียบกันได้อย่างง่ายดาย


     ชานยอลคงหิวแล้วใช่ไหม งั้นเราตักข้าวให้นะ


    ไม่ว่าเปล่า เท้าทั้งสองข้างยังพาร่างไปหยุดยืนบริเวณโต๊ะที่มีโถแก้วซึ่งบรรจุข้าวหุงสุกส่งกลิ่นหอมกรุ่นวางอยู่ กระตือรือร้นที่จะตักอาหารให้ร่างสูงทานเป็นมื้อแรกหลังจากห่างหายช่วงเวลาเช่นนี้ไปนานหลายปี หัวใจดวงน้อยคาดหวังไปมากแล้วว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดี


    ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นกว่าเมื่อวาน


    คุณหนูบยอนเดินเข้าไปหาคนที่ยืนจ้องทุกการกระทำของตนโดยไม่เอ่ยสิ่งใด ก่อนจะยื่นจานข้าวทรงสวยไปให้ผู้ชายตรงหน้าด้วยความประหม่า


    หากชานยอลยอมทานอาหารที่แบคฮยอนตั้งใจทำให้สุดฝีมือ


    วันต่อๆ ไปแบคฮยอนคงจะได้ทำอย่างนี้ให้เขาทานทุกมื้อ


    แค่คิดก็มีความสุขจนอยากให้เวลาเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว จะได้ตื่นขึ้นมาพบกับความจริงว่าพรุ่งนี้จะต้องดีกว่าที่ผ่านมา


    แต่ใครเล่าจะล่วงรู้ถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าว่าสิ่งที่คิดมาไม่เป็นดังใจปรารถนาสักประการเดียว


    ชานยอลมองจานข้าวในฝ่ามือที่ดูบอบบางโดยไม่แสดงอาการใดๆ แต่แล้วก็เลือกตัดสินใจที่จะเอื้อมไปรับมาจนอีกฝ่ายเผลอยิ้มเต็มแก้ม หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงมองว่ามันน่ารักน่าเอ็นดู ทว่าตอนนี้ความคิดของชายหนุ่มไม่อาจเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว


    ก็แค่ละครบทหนึ่งที่เขาไม่ต้องการเป็นผู้ร่วมแสดง


    เพล้ง!


    ไวเท่าความคิด ชานยอลก็กระตุกยิ้มแล้วเหวี่ยงมือปัดจานข้าวนั้นทิ้งไปอย่างแรงด้วยความตั้งใจ เขาสาวเท้าตรงเข้าไปกวาดทุกสิ่งทุกอย่างบนโต๊ะจนพังเละเทะไม่น่ามอง การกระทำร้ายกาจเกิดขึ้นท่ามกลางเสียงร้องอย่างตกใจของคุณป้าแม่บ้าน


    และคนที่หัวใจกำลังจะแหลกสลาย ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจบรรเทาอาการชาวาบที่เริ่มแล่นริ้วไปทั่วร่างด้วยความยากลำบาก


    อาหารหลากหลายชนิดที่แบคฮยอนตั้งใจทำให้เขาตกลงบนพื้นกระจัดกระจายไปคนละทิศทาง เพียงเท่านี้ไม่สาแก่ใจนัก คนใจร้ายยังตามมาบดขยี้มันให้แหลกละเอียดคล้ายดังหัวใจร่างบางในตอนนี้ด้วยเท้าทั้งสองข้างของเขา


    แววตื่นเต้นบนใบหน้าอ่อนเยาว์ถูกแทนที่ด้วยความโศกศัลย์ สุดที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดแสดงความรู้สึกภายในใจ


    ไม่คิดว่าชานยอลจะปฏิเสธความหวังดีอีกครั้งด้วยการกระทำไม่รักษาน้ำใจ


    ผลตอบแทนของสิ่งที่ทำให้ด้วยใจเป็นเช่นนี้งั้นหรือ


    ตอนนี้สมองทุกซีกตื้อไปหมด ราวกับโลกทั้งใบถูกกลุ่มเมฆหนาครึ้มลอยปกคลุมจนมองไม่เห็นแสงสว่างของท้องฟ้า มืดมน ไร้หนทาง ช่างเป็นความรู้สึกที่ตอกย้ำให้ใจปวดหนึบเสียจนชาวาบไปทั้งร่าง


    คุณหนูบยอนมองเห็นความสะใจแฝงอยู่ในแววตาคมลึกของชายตรงหน้า เขาคงมีความสุขไม่น้อยที่ได้เห็นแบคฮยอนกำลังเจ็บร้าวบริเวณอกข้างซ้าย คล้ายเวลาที่เดินอยู่ ณ ตอนนี้หยุดทุกสรรพสิ่งให้นิ่งงันไร้การเคลื่อนไหว ไม่มีใครเอ่ยคำพูดใดขึ้นแทรกความอึดอัดในสถานการณ์เลวร้ายนี้ให้มลายหายไป


    จนกระทั่งคนที่ทนรับความเจ็บปวดไม่ไหวกะพริบตาไล่หยาดน้ำซึ่งรื้นล้นดวงตาทั้งสองข้างให้ไหลตามแรงโน้มถ่วงอย่างไม่คิดจะปัดมันทิ้ง อีกทั้งขับไล่ความอ่อนแอให้ถอยห่างไปจากใจดวงน้อยด้วยการกลืนก้อนสะอื้นลงคอ ก่อนจะเค้นคำพูดตัดพ้อถามเขาทั้งเสียงสั่นพร่า


    แบคฮยอนอยากจะถามให้ได้ยินชัดๆ สักครั้งว่าเหตุใดถึงได้กลั่นแกล้งกันให้เจ็บช้ำน้ำใจไม่เลิกรา หากเขาเกลียดแบคฮยอนมากจนอยากทำลายให้แหลกเป็นจุณอย่างที่เคยลั่นวาจาไว้ ร่างบางก็พร้อมโอนอ่อนยอมหลับหูหลับตาให้เขาได้ทำอย่างที่ใจต้องการ


    จะไม่ถือโทษโกรธเคืองใดๆ


    จะยอมมอบดวงชีวีนี้จงรักภักดีต่อผู้เป็นที่รักถ้าเขาต้องการพรากลมหายใจกันให้ดับสูญ


    แม้นตัวและใจจะเจ็บก็คงไม่เป็นไร หากสิ่งเหล่านี้ทำให้คนที่รักมีความสุข


    แบคฮยอนยอมทุกอย่าง


    ชานยอลเกลียดเรามากเลยเหรอ


    รู้ตัวดีนี่ไม่วายเอ่ยย้ำด้วยน้ำเสียงไร้ความนิ่มนวล


    คนตัวเล็กสะอึกไปสักพัก ก่อนจะเริ่มเอ่ยต่อด้วยประโยคถัดมา


    สี่ปีที่ผ่านมาเราทำผิดจนไม่อาจให้อภัยได้เลยใช่ไหม ชานยอลอาจจะคิดว่าเราสะใจที่ยืนอยู่บนความทุกข์ของคนอื่น มองว่าเราเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ต้องการคว้าทุกอย่างมาเป็นของตัวเอง


    “…”


    แต่รู้หรือเปล่าว่าเราไม่ได้รู้สึกดีสักนิดที่เห็นชานยอลเสียใจ แค่ได้เห็นคนที่เรารักจมอยู่กับเรื่องราวในอดีตที่ไม่สามารถลบเลือนไปจากใจได้ เราเองก็เจ็บปวดใจไม่ต่างกันเลย


    “…”


    ถ้าสิ่งที่เราทำมันทำให้ชานยอลลำบากใจ ไม่สิ ชานยอลคงขยะแขยงมากกว่า ต่อจากนี้ไปเราจะไม่เข้าใกล้ชานยอลเกินความจำเป็นอีกแล้ว แต่ถึงยังไงเราก็จะไม่ไปไหนไกล จะอยู่ข้างๆ เสมอหากชานยอลต้องการ


    น้ำเสียงหนักแน่นเอ่ยแสดงความต้องการภายในใจอย่างแท้จริง ส่งผลให้คนฟังยืนนิ่งไม่ตอบโต้ใดๆ รอยยิ้มที่ชานยอลคิดว่าแกล้งปั้นแต่งสั่นคลอนดวงใจของเขาอย่างไม่รู้ตัว


    การกระทำและท่าทางเหล่านี้มันทำให้เขาหวนย้อนไปถึงภาพในอดีตที่เคยมีคำว่าเรา เขาและคนตรงหน้าเข้ากันได้อย่างสนิทใจ ไปไหนด้วยกันทุกที่ ทำตัวติดกันราวกับเป็นคนรัก ทั้งที่ความจริงเขามีคนรู้ใจเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว เราทั้งสองคนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันรุนแรง


    จนกระทั่งวันนั้นก็ดำเนินมาถึง


    วันที่ความสัมพันธ์แตกหักจนไม่อาจต่อกลับไปเป็นดังเดิม


    งั้น…”


    แบคฮยอนสูดลมหายใจเข้าปอดช้าๆ ความปวดลึกไปถึงไขกระดูกเล่นงานจนน่าหงุดหงิด


    ขอเวลาอีกแค่หนึ่งปี เราสัญญาว่าหลังจากนั้นเราจะยอมหย่าให้ และจะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับชีวิตของชานยอลอีกเลย เราจะหายไปหายไปให้ไกลที่สุด


    “…”


    ชานยอลจะได้ไม่ต้องทนอยู่กับคนที่ตัวเองเกลียดอีกต่อไป




     





















    100%

    ฟิคอัลไลเนี่ย เจ็บปวดดีจังเลยค่ะ T_T

    หายไปนานอีกแล้ว แหะๆ ตอนนี้มาต่อให้แล้วน้าตัวเอง ไม่โกรธกันนะ ดีกันนะคะ

    มาลงตอนเบลอมากๆ เจอคำผิดสะกิดบอกกันได้ค่า

    รัก 

    15.07.59







    60%

    เพื่อความเหมาะสมและเข้าถึงอารมณ์ได้ง่ายกว่าเดิม

    ขออนุญาตเปลี่ยนสรรพนามที่แบคใช้เรียกพี่คริสใหม่นะคะ

    60% นี้แทรกปมบางๆ ไว้ให้ทุกคนได้เดากันเล่นๆ

    ใยพี่ชานถึงใจร้ายเช่นนี้เล่า ถ้าเค้าเป็นแบคฮยอนคงช้ำใจตายไปแล้ว

    ช่วงนี้เนื้อหาจะเรื่อยๆ อยู่นะคะ อาจจะมีคนเบื่อกันไปแล้วก็ได้ 55555

    คนเขียนงานเยอะมากเลยค่า พยายามปลีกตัวมาลงเนื้อหาเพิ่มแต่ก็ได้เท่านี้จริงๆ ค่ะ

    ไม่ได้ตั้งใจเล่นตัวแต่อย่างใด

    ถ้าช้าก็ขออภัยด้วยน้าตัวเอง ;---;



    ---


    40%

    คัมแบคอีกครั้งกับความดราม่าแบบเด็กๆ

    40% แรกจะเป็นความสัมพันธ์ของเฮียคริสกับน้องแบคฮยอนค่ะ

    ใครที่อ่านแล้วไม่เข้าใจเราอธิบายได้นะคะ

    สี่ปีที่แล้วพี่คริสไปฝรั่งเศสกับแบคเพราะไม่อยากให้น้องไปคนเดียว

    พี่ฝานของเราเป็นคนคอยดูแลน้องตอนอยู่ที่ฝรั่งเศสตลอด

    เวลาแบคมีเรื่องทุกข์ใจก็จะปลอบทุกครั้งและเห็นน้ำตาของแบคฮยอนทุกวัน

    (แบคร้องไห้ทุกวันจริงๆ ค่ะ แต่ไม่ใช่คนเจ้าน้ำตานะคะ ทุกอย่างมีที่มาที่ไปซึ่งยังบอกไม่ได้)

    ทั้งสองคนรวมถึงพ่อพระเอกของเราสนิทกันตั้งแต่เด็กๆ

    แต่มีเรื่องที่ทำให้พี่ชานปลีกวิเวกไปอยู่คนเดียว

    เดี๋ยวจะได้อยู่คนเดียวจริงๆ แน่ 5555555555555555555




    ชอบก็เม้นให้กำลังใจกันด้วยน้า เหงามากค่ะ อยากอ่านเม้นที่สุด >__<

    รัก 


    #ฟิคเข็มนาฬิกา


    26.06.59

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×