ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สำรวจรวมเล่ม [EXO] △ Lost Forever | ChanBaek

    ลำดับตอนที่ #7 : Lost Forever ✿ เวลาที่ 6 [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.72K
      121
      11 ส.ค. 59


    © themy  butter



    LOST FOREVER

    เวลาที่ 6


    มนุษย์เราแปลกนัก ทั้งที่รู้ว่าความรักนั้นทำให้เจ็บและทรมานเพียงใด
    หากก็ยังฝืนทนรักต่อไปอย่างไม่มีข้อแม้

     



    ระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ดำเนินไปอย่างรวดเร็วราวสายลมพัดผ่านมาให้สัมผัสได้เพียงบางเบา นับตั้งแต่วันนั้น วันที่เคยคิดว่าจะต้องถูกบุพการีทั้งสองท่านเรียกไปตำหนิเพราะอาจหาญทำร้ายสะใภ้คนโปรดของตระกูลปาร์คเข้าให้ ทว่าเหตุการณ์ที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้กลับไม่เหมือนอย่างที่คาดการณ์ไว้สักประการเดียว


    นอกจากจะไม่ต้องถูกกดดันให้ทำในสิ่งที่ไม่ปรารถนาเหมือนอย่างที่เป็นมาตลอด ที่เขาไม่ยอมนอนร่วมห้องกับร่างเล็กก็ดูเหมือนเรื่องราวทั้งหมดจะยังไม่ได้ถูกถ่ายทอดไปถึงหูของผู้มีพระคุณทั้งสองท่านเลยสักประโยคเดียว


    แม้เหตุการณ์ในวันนั้นจะผ่านมาถึงหนึ่งอาทิตย์แล้วก็ตาม


    ชายหนุ่มหยุดนิ่งพลางคิดทบทวนซ้ำไปมา


    เป็นไปได้อย่างไรกัน


    มันน่าแปลกใจน้อยเสียที่ไหน


    คนเห็นแก่ตัวเช่นนั้นน่ะหรือจะไม่นำเรื่องต่างๆ ไปฟ้องมารดาของเขาให้รับรู้ และสุดท้ายร่างสูงก็จะถูกลงโทษโดยการนำสิ่งที่เขาแสนเกลียดมาบังคับให้จำใจรับเอาไว้อย่างไม่มีทางเลือก


    บยอน แบคฮยอนต้องการทำลายชีวิตของเขาให้ป่นปี้ย่อยยับในกำมือเล็กๆ นั่น อีกทั้งยังเหยียบย่ำบดขยี้มันด้วยเท้าทั้งสองข้างอย่างไม่คิดปรานี ไม่เช่นนั้นร่างเล็กคงไม่คิดกลับมายังเกาหลีใต้อีกครั้ง ทั้งที่หายไปได้นานถึงสี่ปีจนใครๆ ต่างก็คิดว่าคุณหนูตระกูลบยอนตั้งใจลงหลักปักฐานที่เมืองหนาวแห่งนั้นไปเสียแล้ว


    และคงไม่คิดกลับมาให้ชานยอลเห็นหน้าอีก


    ทุกอย่างกลับมาสู่สภาวะปกติ ชานยอลยังคงไปทำงานที่ผับของเพื่อนสนิทอย่างจงอินทุกคืน พอเลิกงานก็กลับบ้านในตอนที่ฟ้าใกล้สาง เป็นเวลาที่คนภายในบ้านยังไม่ตื่นจากนิทรา นั่นจึงทำให้ตลอดระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาไม่ได้พบหน้าใครอีกคนเลยแม้แต่น้อย


    แต่มันก็ดี


    ดีแล้ว


    เหม่อได้เพียงไม่นานก็กลับมารู้สึกตัวยามที่ปลายเท้ากำลังย่ำลงบนพื้นสนามหญ้าสีเขียวคุ้นตา จนกระทั่งก้าวมาหยุดบริเวณตัวบ้านซึ่งถูกประดับประดาไปด้วยดอกไม้นานาชนิด สีสันสดใสของบุปผากลีบบางคละเคล้ากลิ่นหอมจางๆ ลอยแตะจมูกโด่งในทันใด


    มันให้ความรู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย แต่พอนึกถึงใบหน้าของผู้เป็นเจ้าของแล้ว ชานยอลก็ได้แต่กลั้นใจเดินผ่านไปพร้อมกับท่าทีเฉยชาที่มักแสดงออกมาจนกลายเป็นความเคยชิน


    อามูร์ อยู่นิ่งๆ ก่อนได้ไหม อย่าซนนักสิ


    พลาดเสียแล้ว


    พลาดที่กลับมายังบ้านหลังนี้ตอนที่นาฬิกาบ่งบอกเวลาเก้าโมงเช้า


    ซึ่งปกติแล้วเขาจะถึงที่นี่ในเวลาตีห้าย่างหกโมง นับว่าเป็นเวลาที่ดีเพราะเขาจะได้ไม่ต้องเจอใครอีกคน


    ทว่าวันนี้กลับต่างออกไป ที่เพียงแค่เดินเข้ามาได้ไม่กี่ก้าว ชานยอลก็สบตากับคนที่เขาไม่ต้องการพบเจอมากที่สุด


    คนที่ทำให้เขาต้องเผชิญกับความเจ็บปวด


    และเป็นคนเดียวที่ชานยอลต้องการให้หายไปจากชีวิตนับตั้งแต่วินาทีนี้


    ชานยอล


    “…”


    ชานยอลกลับมาแล้วเหรอ


    เสียงเล็กๆ ที่คอยพร่ำเรียกชื่อเขานั้นกำลังปั่นป่วนความรู้สึกเป็นอย่างยิ่ง ชานยอลยืนนิ่งไม่เคลื่อนกายไปข้างหน้าดังที่ใจเรียกร้อง เสียงข้างในบอกให้เดินห่างไปจากอีกฝ่าย ไม่ต้องใส่ใจอะไรกับสีหน้าฉายแววเป็นห่วงนั่น แต่เท้าทั้งสองข้างกลับไม่ทำตามคำสั่งสมอง


    มันยังคงหยุดอยู่ ณ จุดนั้น


    หยุดให้เจ้าของร่างสบตากับคนตัวน้อยที่ข้างกายมีสุนัขคู่ใจตัวเปียกโชกไปด้วยหยาดน้ำดูน่าเอ็นดูไม่ต่างจากเมื่อก่อน


    แต่นั่นก็เป็นแค่ความคิดของเขาในอดีต


    ส่วนชานยอลคนนี้ไม่อาจรู้สึกแบบเดิมได้อีกแล้ว


     เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป


    ปาร์ค ชานยอลชะงักหลังถูกอีกฝ่ายเอ่ยรั้งไว้ด้วยโทนเสียงนุ่มหู แบคฮยอนเผยยิ้มกว้าง ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นด้วยท่าทางร่าเริง กลบเกลื่อนร่องรอยเหนื่อยล้าจากการนอนไม่หลับติดต่อกันหลายคืนเพราะเอาแต่ห่วงผู้ชายใจร้ายสุดหัวใจ


    คนตัวสูงไม่ปริปากพูดสิ่งใดเลยแม้แต่คำเดียว เขายังคงทำตัวเย็นชา ห่างเหิน และที่สำคัญ ในแววตากลมโตทรงเสน่ห์ล้วนฉายชัดถึงสิ่งที่เคยประกาศก้องเอาไว้ว่ารังเกียจแบคฮยอนมากกว่าสิ่งใดบนโลก


    แต่ความดื้อดึงยังเอาชนะความกลัวทั้งปวง ถึงได้ทำให้ร่างน้อยกล้าเริ่มต้นคุยกับคนที่รู้ดีแก่ใจว่าเกลียดเรามากแค่ไหน


    ไม่ได้เจอหน้ากันหลายวันเลย ชานยอลสบายดีใช่ไหม กินข้าวตรงเวลาหรือเปล่า เราเตรียมอาหารไว้ให้ทุกมื้อเลย รอทานข้าวเย็นกับชานยอลทุกวัน ถึงจะอยู่บ้านหลังเดียวกัน แต่เวลาของพวกเราก็คลาดกันตลอด


    “…”


    เมื่อสองวันที่แล้วคุณป้าเหม่ยอิงบอกเราว่าชานยอลเป็นหวัด ตอนนี้หายดีหรือยัง ถ้ายังรู้สึกเพลียอยู่ วันนี้ก็อย่าเพิ่งออกไปไหนเลยนะ พักผ่อนอยู่ที่บ้านให้ร่างกายดีขึ้นก่อนดีไหม


    “…”


    เรา…”


    “…”


    เป็นห่วงชานยอลนะ


    แล้วยังคิดถึงมากๆ ด้วย


    คิดถึงสุดหัวใจเลย


    เหอะร่างสูงทำได้เพียงส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ชานยอลอยากปิดหูแล้วเดินถอยห่างจากผู้ชายตัวเล็กให้ไกลเท่าที่จะทำได้ หากในความเป็นจริงกลับทำได้แค่ยืนทอดสายตาดูถูกในตัวของอีกฝ่ายอย่างปกปิดไม่มิด จะเล่นละครไปถึงไหน พอสักทีกับความหวังดีจอมปลอม นายมันน่ารังเกียจสิ้นดี


    เขาต่อว่ากันให้ปวดปร่าที่หัวใจ แล้วเดินเข้าบ้านไปโดยไม่คิดหันกลับมามองแบคฮยอนคนนี้อีกเลย


    คนที่ใกล้จะปล่อยหยาดน้ำตาให้รินไหลลงเต็มที


    แบคฮยอนยืนกลั้นลมหายใจเมื่อตระหนักได้ว่าไม่ควรเข้าใกล้ชานยอลมากจนเกินไป ทำไมถึงยังเซ้าซี้ ถึงยังพยายามดึงรั้งเขาเพื่อต้องการพูดคุยกันให้นานที่สุดอยู่ได้ เขาจะคิดอย่างไรหากไม่รักษาคำพูดที่บอกเจตนารมณ์ของตนเอาไว้เสียดิบดี


    แค่ต้องทนอยู่ร่วมบ้านหลังเดียวกันก็นับว่าเป็นความทุกข์ระทมยิ่งกว่านักโทษที่ถูกกักขังภายในห้องมืดไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน ฉะนั้น เราควรอยู่ในที่ของเรา อย่าเดินล้ำเส้นที่ขีดร่างชัดเจนกำหนดขอบเขตความสัมพันธ์สีเทานี้


    เจ้าของหางตาตกแย้มยิ้ม ยิ้มด้วยแววตาเศร้าโศกเหลือล้น ขณะที่กำลังหลอกตัวเองว่าไม่เป็นไร ภายในใจกลับปวดหนึบราวกับถูกใครบางคนควักมันออกมาบีบขยำเล่นให้แหลกคามือ


    ทนอีกหน่อยนะ อีกไม่นานหรอก ชานยอลจะได้อิสรภาพกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์


    รู้ซึ้งว่าที่เป็นอยู่นี้เขาไม่เคยได้รับความสุขเลยสักครั้งเดียว


    เพราะแบคฮยอนก็เป็นได้แค่เพียงฝันร้ายในชีวิตของชานยอลเท่านั้น


    ฝันร้ายที่ควรจะหายไปจากโลกของเขาเสียที








    25%









    แวะทานข้าวเที่ยงกับเฮียก่อนดีไหม


    พี่คริสไม่ได้เข้าเวรต่อหรือครับ?”


    คงไม่แล้วล่ะ เย็นนี้ป๊าเรียกคุยธุระที่บ้านใหญ่น่ะ


    “…”


    ม๊าถามถึงเราพอดีด้วย ท่านบ่นว่าอยากเจอลูกสะใภ้คนโปรด ตอนเย็นท่านจะเข้าครัวโชว์ฝีมือทำอาหารหน่อยน่ะ เลยอยากให้เราคอยเป็นลูกมือให้


    คุณป้าถามถึงแบคหรือครับ ดีเลย แบคก็คิดถึงคุณป้าจะแย่ งั้นทานข้าวเสร็จเราไปหาคุณลุงกับคุณป้าที่บ้านใหญ่กันนะฮะ


    อี้ฝานมองคนข้างกายแล้วมอบยิ้มอ่อนโยนให้ แบคฮยอนเพียงพยักหน้าตอบรับคำพูดของเขาอย่างน่าเอ็นดูเสียจนอดไม่ได้ที่จะลูบศีรษะทุยนั่นเบาๆ


    ทั้งสองกำลังมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารภายในห้างหรูที่อยู่ไม่ไกลจากบริเวณนี้เท่าไหร่นัก แม้ภายในสถานที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา แต่คุณหมอหนุ่มกลับเลือกที่จะทานอาหารที่นี่เพราะไม่อยากให้แบคฮยอนออกไปข้างนอกนัก เนื่องจากอากาศค่อนข้างหนาวจัด หิมะกำลังโปรยปรายลงมาไม่หยุดหย่อน ราวจะกลั่นแกล้งให้เราทนต่อความหนาวเย็นไม่ไหว


    แบคฮยอนก้าวเดินอย่างเชื่องช้า ครุ่นคิดถึงคำพูดที่เพิ่งได้ยินมาก่อนหน้านี้ชัดทุกถ้อยคำ หัวใจดวงน้อยพลันกระตุกวูบเมื่อไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจะส่งผลดีในเร็ววันนี้หรือไม่


    หรือบางทีทุกอย่างอาจจะย่ำแย่ลงจนน่าใจหายและตั้งรับไม่ไหว


    ทำไมมันถึงได้เป็นเช่นนี้กัน


    แบคฮยอน


    “…”


    แบคฮยอนครับ


    คะครับ


    คิดอะไรอยู่น่ะเรา


    เอ่อปะ เปล่าครับ


    คนตัวเล็กอ้ำอึ้งเพราะไม่รู้ว่าควรตอบออกไปอย่างไรดี จึงพยายามก้มหน้าทานอาหารต่อด้วยอาการเซื่องซึมอย่างเห็นได้ชัด มือไม้ที่จับช้อนสั่นไหวคล้ายไร้เรี่ยวแรงจะแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้เพียงสองมือ


    ยิ่งได้รับรู้ ก็ยิ่งเหมือนจมดิ่งลงไปใต้ก้นมหาสมุทรที่ลึกและแสนกว้างใหญ่


    ไม่รู้จะทำอย่างไรให้ตะเกียกตะกายขึ้นมาบนผิวน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดได้


    หากคิดในแง่ร้ายซึ่งไม่ส่งผลดีต่อจิตใจ แบคฮยอนคงคิดว่า


    เขาควรรอให้ร่างกายขาดออกซิเจนจนไม่สามารถทนหายใจต่อไปไหว


    และค่อยๆ หลับตาปล่อยวิญญาณให้ลอยหายไปยังอีกโลกในที่สุด


    อี้ฝานมองภาพนั้นแล้วได้แต่สงสารจับใจ แววตาเศร้าหมอง ใบหน้าเนียนใสแต่ทว่าอิดโรย รูปร่างผอมบางไม่ต่างจากเมื่อก่อนบีบหัวใจคนที่รักแบคฮยอนเสมือนน้องชายแท้ๆ อย่างเขาให้ปวดร้าวในทรวง


    แบคก็แค่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี


    “…”


    แบครู้ว่าทุกอย่างมีทางออกเสมอ มันต้องมีสักทางที่จะช่วยให้แบคทำทุกอย่างที่ต้องการให้เสร็จทันในเร็ววัน


    เฮียอยากให้แบคตัดสินใจดีๆ อีกครั้ง เพราะถ้าไม่รีบจัดการ มันอาจจะลุกลามไปมากกว่านี้


    ‘…’


    พอถึงตอนนั้น ทุกอย่างคงจะสายเกินไป


    คนตัวเล็กพยายามดึงตัวเองออกมาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว คำพูดของคุณหมอหนุ่มผู้ซึ่งเปรียบเสมือนพี่ชายดังสะท้อนกึกก้องภายในโสตประสาทการรับรู้


    ยอมรับว่าทันทีที่ได้ทราบเรื่องราวในวันนี้ หัวใจที่เคยพองโตและเต็มเปี่ยมไปด้วยกำลังก็ค่อยๆ ฟีบเล็กลงราวกับมันคือลูกโป่งซึ่งถูกเจาะให้แตกด้วยเข็มนับร้อยพัน


    ขอโทษครับ แบคคงฟุ้งซ่านมากเกินไป เวลามันไม่ได้เดินเร็วขนาดนั้นเสียหน่อย จริงไหมครับคุณหมอ” แบคฮยอนหัวเราะเสียงแหบแห้งกับคำพูดของตัวเอง รอยยิ้มสดใสร่าเริง ดวงตาเรียวที่กำลังโค้งลงตกอยู่ในสายตาคมของอีกฝ่าย


    ขณะที่แบคฮยอนเอาแต่หัวเราะราวกับมันตลกนักหนา


    อี้ฝานกลับมองเห็นเพียงเมฆหมอกจางๆ ที่ลอยปกคลุมหัวใจดวงน้อยเพื่อกลบเกลื่อนความจริงในใจ


    ความทรมานที่ต้องแบกไว้บนบ่าคล้ายจะหล่นทับร่างให้เดินหน้าต่อไปไม่ไหว


    แบคฮยอนจะปั้นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเหล่านั้นขึ้นมาทำไมกัน ถ้ามันไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด หรือร่างบางกลัวว่าจะทำให้เขาคิดมาก จึงไม่อยากแสดงอาการเศร้าสร้อยออกมาให้เห็น


    ถึงได้โกหกตัวเองว่ากำลังมีความสุข


    ทั้งที่ความจริงแล้วคือไม่


    ไม่เลยสักนิด


    แบคฮยอนครับ อย่าคิดมากเลยนะ ยิ้มกว้างๆ ในแบบที่เราไม่ต้องฝืนดูสักครั้งสิ ยิ้มให้เฮียดูหน่อยเร็ว


    “…”


    ยิ้มหน่อยสิครับ ยิ้มแบบนี้ไง” คนตัวสูงเอื้อมมาดึงแก้มนุ่มให้ยกขึ้นเป็นรูปโค้งหงาย ในทีแรกแบคฮยอนยังคงยิ้มในแบบเดิม แต่พอเขาลองฉีกยิ้มให้ดูเป็นตัวอย่างหนึ่งที คนตัวเล็กจึงวาดรอยยิ้มกว้างเต็มแก้มชนิดที่เรียกว่าสดใสเจิดจ้าเสียยิ่งกว่าดวงตะวันในยามรุ่งอรุณ


    อย่าแบกรับความทุกข์ไว้มากมายนักเลยคนดี


    “…”


    เฮียเชื่อว่าทุกอย่างจะต้องดีขึ้น


    มันจะต้องดีขึ้น










     

     

    ทั้งสองคนใช้เวลาในการทานอาหารไม่นานเท่าไหร่นัก ปุยหิมะที่ยังคงโปรยลงมาไม่ขาดสายทำให้อี้ฝานเอ่ยชวนร่างเล็กเดินเล่นภายในแห่งห้างนี้ก่อนที่จะเดินทางไปยังบ้านของบิดาและมารดา


    อาจจะเป็นเพราะปัญหาต่างๆ ยังคงตกค้างในจิตใจจนฝังลึกลงในจิตวิญญาณ การออกมาเปิดหูเปิดตาตามสถานที่เต็มไปด้วยผู้คนกลับไม่ทำให้แบคฮยอนรู้สึกมีความสุขอย่างที่ควร


    สมองหนักอึ้งไปหมด


    ทั้งที่ทำใจไว้มานานมากแล้ว


    พอเอาเข้าจริง ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ลงว่าลึกๆ ก็แอบกลัวไม่น้อย


    กลัวว่าบางสิ่งบางอย่างจะถูกพรากไปจากความทรงจำ


    เราอยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า


    สิ้นคำถามนั้น แบคฮยอนก็กวาดสายตามองรอบๆ สถานที่กว้างซึ่งเต็มไปด้วยแผนกจำหน่ายสินค้าต่างๆ แต่ที่สะดุดตามากกว่าแผนกไหนๆ คงจะเป็นแผนกเสื้อผ้าชายซึ่งเริ่มจัดจำหน่ายสินค้าต้อนรับลมหนาวตามฤดูกาล


    วันนี้ถึงได้เห็นเสื้อโค้ทจำนวนมากตั้งโชว์ตามหุ่นบริเวณหน้าแผนกนั้นๆ


    แบคชอบตัวนี้จังเลยครับ


    “…”


    พี่คริสว่ามันเหมาะกับเขาไหม


    “…”


    ช่วงนี้อากาศหนาวเย็นมากแล้ว แบคอยากซื้อเสื้อโค้ทอุ่นๆ ไปให้เขาสักตัว


    ดวงตาเรียวรีทอประกายความสุขยามเอ่ยถึงเรื่องที่เกี่ยวกับผู้ชายตัวสูง ความมัวหมองในใจคล้ายจะมลายหายไปทันใดเพราะถูกความเปี่ยมสุขเข้ายึดครอง มือขาวซีดแตะลงบนผ้าหนาของเสื้อโค้ท ขณะขบคิดไปยังตอนที่มันส่งถึงมือของผู้รับ


    เขาคงไม่ต้องการ ไม่อยากรับความหวังดีของแบคฮยอน


    แต่ถึงอย่างไร คนดื้อดึงก็ยังทำทุกวิถีทางที่จะมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเขา


    ให้ผู้ชายที่ตนนั้นแสนรัก


    ชานยอลใส่แล้วคงดูดีมากแน่เลยครับ


    แน่นอน ก็ชานยอลหล่อเหมือนพี่ชายอย่างเฮียไงล่ะ


    แบคฮยอนหัวเราะกับคำพูดหลงตัวเองอย่างไม่ปกปิดนั่น ก่อนจะรับเสื้อโค้ทสีดำตัวใหญ่มาถือไว้ในมือหลังทำการชำระเงินไปเรียบร้อยแล้ว


    หวังว่าเจ้าบ้านั่นจะไม่ทำให้น้องชายสุดที่รักของเฮียต้องเสียใจอีกครั้งนะ


    อี้ฝานหมายถึงตอนที่คนตัวเล็กเดินเข้าไปหาชานยอล แล้วส่งเสื้อโค้ทที่ตั้งใจเลือกซื้อมาด้วยความปรารถนาดีนี้ให้กับเจ้าของที่แท้จริง หลังจากนั้นเขาก็คงเดาเหตุการณ์ได้เลยว่ามันจะดำเนินไปยังทิศทางใด


    แบคไม่กลัวว่าเขาจะอาละวาดอยู่แล้วแหละครับ


    “…”


    ก็ตั้งใจไว้แล้วนี่ ว่าจะทำให้เขากลับมาเป็นชานยอลคนเดิมให้ได้


    ก็นี่แหละ


    คนที่ใครๆ ต่างก็รู้จักในนามของ บยอน แบคฮยอน









     

     

     

    ใครๆ ต่างก็บอกว่าความรักเพียงข้างเดียวนั้นทำให้มนุษย์เรารู้สึกไม่ต่างไปจากการตกอยู่ในบ่วงแห่งความทรมาน ชอกช้ำระกำทรวง


    ทั้งปวดใจที่ทุกสิ่งไม่สามารถเป็นไปตามความต้องการ แล้วยังรวดร้าวกายเมื่อไม่อาจคว้าผู้เป็นที่รักให้ยินยอมมายืนเคียงข้างกันได้


    นอกจากนั้น พิษสงของความรักยังร้ายกาจเสียปฏิเสธไม่ลงว่าอานุภาพของมันช่างรุนแรงราวกับเจ้าชีวิต ควบคุมความรู้สึก กำหนดการกระทำ จึงสรุปได้ว่าความรักอยู่เหนือทุกเหตุผลใดๆ บนโลกใบนี้


    แบคฮยอนก็เป็นอีกคนที่หาเหตุผลมาขัดแย้งความต้องการของตนเองไม่ได้ รู้แค่ว่าอยากเห็นคนที่เป็นดั่งดวงใจอีกครึ่งหนึ่งยิ้มได้ในทุกๆ วัน อยากเห็นเขามีความสุขและได้ทำในสิ่งที่เขาปรารถนา เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องการนำเหตุผลร้อยแปดมาหักล้างความถูกต้องเหมาะสมที่แท้จริงอีกต่อไป


    จะตัดเชือกแห่งความรักความผูกพันนี้ให้ขาดสะบั้นลงหรือก็ไม่ใช่เรื่องง่าย


    ช่างเหมือนคนโง่งม เต็มใจเป็นผู้ให้โดยไม่คิดหวังผลตอบแทนกลับคืน


    รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่รัก ไม่เคยรัก และไม่อาจรักได้


    ก็เพราะตนเป็นคนที่ทำให้เขาต้องเผชิญกับความเลวร้ายในชีวิต ราวกับเป็นตัวประหลาดที่คอยแต่งแต้มสีดำลงบนผ้าขาวบริสุทธิ์ให้เปรอะเปื้อนไปด้วยมลทิน ด่างพร้อย มัวหมอง แม้จะล้างหรือขยี้ออก มันก็ยังคงเหลือไว้ซึ่งสีเทาที่บ่งบอกถึงสิ่งที่ผ่านมา


    แต่จะทำอย่างไรได้ จะให้แบคฮยอนทดแทนด้วยสิ่งใด


    ให้เขาไปหมดแล้ว


    แม้กระทั่งหัวใจก็ยังไม่ใช่ของตัวเอง


    จะมีก็เพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ได้มอบให้ไป


    หากเขาต้องการชีวิตกันจริงๆ ร่างเล็กก็คงปฏิเสธไม่ลงสักคำเดียว


    แบคฮยอนกลับมายังบ้านของตนในเวลาสี่ทุ่มครึ่ง เนื่องจากเป็นเวลาที่ค่อนข้างดึกจึงทำให้คนตัวเล็กคิดว่าผู้ร่วมอาศัยอีกคนคงออกไปทำงานผับประจำอย่างที่เคยทำมาตลอด ทว่ารถมอเตอร์ไซค์คู่ใจของเขาที่จอดไว้หน้าบ้านเช่นเดิมก็บ่งบอกได้ชัดเจนว่าเขายังคงเก็บตัวอยู่บนห้องไม่ไปไหน


    กลับมาแล้วหรือคะ อ้าว สวัสดีค่ะคุณหมออี้ฝาน เข้ามานั่งพักก่อนสิคะ เดี๋ยวป้าไปยกน้ำเปล่ามาให้ค่ะ


    ท่าทางรีบร้อนของคุณป้าแม่บ้านตกอยู่ในสายตาของผู้มาใหม่ คุณหมอหนุ่มพยักหน้าพลางยิ้มตอบ ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านตามคำเชื้อเชิญของคุณหนูตัวเล็ก


    ขอบคุณมากๆ นะครับที่วันนี้พาแบคออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกบ้าง แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่คริสมอบให้แบคมาโดยตลอด ไม่ว่าจะอยู่ที่ฝรั่งเศสหรือที่นี่ ก็ยังเป็นพี่ที่คอยดูแลแบคเสมอมา ขอบคุณจริงๆ ครับ


    หลังจากนั่งลงบนโซฟาหรูกลางห้องนั่งเล่น แบคฮยอนก็เอ่ยขอบคุณพี่ชายตัวสูงด้วยใจจริงเนื่องด้วยรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งในความดีของพี่ชายคนนี้


    คุณหมอส่งยิ้มละไมกลับไปให้อีกฝ่าย ดวงตาคมดูโฉดเฉี่ยวและน่าเกรงขามเต็มไปด้วยความปรารถนาดีต่อน้องชายตัวเล็กที่เห็นกันมาตั้งแต่ยังเด็ก เพราะแบคฮยอนเป็นคนน่ารัก เขาจึงอยากปกป้องและทะนุถนอมเอาไว้ด้วยอ้อมแขนของตัวเอง


    ซึ่งความรู้สึกที่มีให้คนตรงหน้า แน่นอนว่ามันคือความรัก


    รักในฐานะที่พี่ชายคนหนึ่งจะรักน้องชายของตนได้ก็เท่านั้น


    แต่ทว่ากิริยาท่าทางที่กำลังแสดงออกของคนทั้งสอง มือหนาของคุณหมอหนุ่มที่ยื่นไปยีผมเส้นเล็กด้วยความเอ็นดู การกระทำหยอกล้อเคล้าคลอไปด้วยเสียงหัวเราะกลับทำให้คนที่หยุดยืนตรงมุมบันไดนิ่งงันไปกับสิ่งที่เพิ่งได้เห็นและได้ยินเต็มหู


    ปาร์ค ชานยอลจับจ้องภาพตรงหน้าไม่วางตา


    ไม่อยากจะคิดด้วยซ้ำว่าพี่ชายของเขาและผู้ชายน่ารังเกียจอย่างแบคฮยอนมีความสัมพันธ์กันในรูปแบบใด


    ทั้งไปอยู่ที่ฝรั่งเศสด้วยกันเหยียบสี่ปี กลับมาที่เกาหลียังไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา


    หากคนแบบนั้นอยากจะรักกับใครสักคน ชานยอลหวังว่ามันต้องไม่ใช่พี่ชายของเขา


    ไม่ใช่อี้ฝาน


    นายมันเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการเสียจริง เก่งนักเรื่องปั่นหัวคนอื่นให้สับสนไม่เป็นท่า


    ราวกับเอ่ยย้ำถึงความผิดของอีกฝ่าย เพื่อย้อมจิตใจให้ใคร่เอียงเอนในสิ่งที่ปักใจเชื่อมาโดยตลอด


    แล้วยังคิดจะจับพี่ชายของฉันอีกงั้นหรือ…”


    โดยไม่สนเหตุผล ไม่สนความถูกต้อง ไม่สนว่าบางทีสิ่งที่คิดอาจจะสวนทางกับความจริง


    หึ มาลองดูกันสักตั้งว่าฉันจะขัดขวางความสุขของนายและบีบมันให้แหลกคามือได้ไหม บยอน แบคฮยอน!”


    ปิดหูปิดตา ปิดบังความรู้สึก จนไม่รู้เลยว่าตนกำลังขบกรามเข้าหากันด้วยความไม่พอใจมากเพียงใด


    ชายหนุ่มไม่สนสิ่งใด แม้กระทั่งหัวใจของตัวเอง







     

     

     

    เสียงหัวใจที่กระหน่ำเต้นเป็นจังหวะรัวเร็วเสียจนรู้สึกวูบโหวงในอก ไม่ต่างจากการไปยืนบนจุดสูงสุดของหน้าผาแสนสูงชัน ร่างกายทุกสัดส่วนจึงสั่นระริกราวจะข่มใจกระโดดลงไปอย่างกล้าหาญเพื่อปลิดชีพของตนเอง


    ในตอนนี้ แบคฮยอนรู้สึกหวาดหวั่น แล้วยังใจสั่นมากเหลือเกิน


    ร่างบอบบางก้มมองเสื้อโค้ทสีดำที่ตนนั้นโอบอุ้มเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างหวงแหน สลับกับบานประตูสีน้ำตาลอ่อนที่ถูกปิดสนิทเพราะเจ้าของห้องไม่ต้องการให้ใครเข้าไปรบกวน รวมถึงไม่ต้องการออกมาพบหน้าใคร


    โดยเฉพาะคนที่เขาแสนรังเกียจ


    เจ้าของผิวขาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกเรียกกำลังใจ ก่อนยื่นมือออกไปหวังจะเคาะเรียกบุคคลที่อยู่ภายใน ทว่าความกลัวก็ทำให้ต้องชักมือกลับมาด้วยความเสียดาย


    เคยสัญญาไว้ว่าจะไม่มารบกวนให้ต้องรำคาญใจ


    แต่เพราะความห่วงใยที่มีมากล้น


    ทำให้แบคฮยอนยังคงยืนอยู่ตรงนี้


    ข้างๆ หัวใจของเขา


    เท้าทั้งสองข้างค่อยๆ ถอยหลังกลับเมื่อคำพูดทุกคำที่เคยเอ่ยกับเขาดังชัดในหัว แม้จะเป็นห่วงมากแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าเขาจะพาลหงุดหงิดใส่กันเสียมากกว่า


    แค่ไม่อยากทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ ไม่อยากให้เขาต้องขุ่นเคืองทุกครั้งที่เจอหน้ากัน


    ส่วนความรู้สึกของตัวเอง


    คนตัวน้อยคิดว่ามันคงไม่เป็นอะไรหรอก


    แกรก


    เสียงเปิดของบานประตูเรียกความสนใจจากคนที่จมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองได้มากโข ปลายเท้าทั้งสองข้างหยุดนิ่ง พลันชะงักงันเมื่อไม่ทันได้ตั้งตัวหรือคิดว่าอีกฝ่ายจะเปิดประตูออกมาเผชิญหน้ากันเช่นนี้


    ชานยอลชะงักไปไม่ต่างจากคนตัวเล็กตรงหน้า เพียงครู่เดียวเท่านั้นที่ดวงตากลมฉายแวววูบไหว ก่อนจะกลับมาเป็นปกติดังเดิมราวจะปกปิดไม่ให้อีกคนได้ล่วงรู้ความรู้สึกนึกคิดภายในใจ เขายืนจ้องภรรยาตัวน้อยโดยไม่หลบไปทิศทางอื่น ซ้ำยังใช้สายตาหลอมละลายอีกฝ่ายด้วยเปลวเพลิงแห่งความชิงชัง


    เขาปรายตามองกิริยาท่าทางของร่างเล็กด้วยแววตาเหยียดหยัน ริมฝีปากหยักยกยิ้มดูถูกทันทีที่เห็นเสื้อโค้ทตัวใหญ่ในอ้อมแขนบาง และคำตอบก็พลันกระจ่างขึ้นมาเพราะรู้ว่ามันคงไม่ใช่ของแบคฮยอนเป็นแน่


    เสื้อตัวใหญ่มากเกินกว่าเจ้าตัวจะสวมใส่ได้พอดีเสียอย่างนี้


    สุดท้ายแล้วจะตกเป็นของใครไปได้ หากไม่ใช่ร่างเล็กต้องการมอบมันให้แก่เขา


    เอ่อ…”


    “…”


    เอ่ยด้วยน้ำเสียงติดขัดไม่สมกับทำใจกล้าพร้อมเผชิญหน้ากับเขาเหมือนอย่างที่พูดเอาไว้ นอกจากจะตัวสั่น มือสั่น ปากคอสั่นแล้วดวงใจก็ยังสั่นไหวเสียยิ่งกว่าดินที่ใกล้จะถล่มลงมาเต็มที แบคฮยอนพยายามรวบรวมกำลังใจ ก่อนจะยื่นเสื้อโค้ทตัวหนาที่ตั้งใจเลือกไปให้ผู้เป็นสามีอย่างกล้าๆ กลัวๆ


    ช่วงนี้อากาศเย็นจัดมากเลย แล้วชานยอลก็ยังไม่หายป่วยดีด้วย เรา เอ่อเราเลยเลือกเสื้อโค้ทอุ่นๆ มาฝากชานยอลน่ะ


    “…”


    แล้วก็ยังทำซุปไก่ตุ๋นโสมไว้ให้ด้วยนะ อากาศหนาวจัดแบบนี้ ควรทานของร้อนๆ จะได้รู้สึกสดชื่น แล้วมันยังช่วยบรรเทาอาการหวัดได้อีกด้วย ชานยอลจะได้หายป่วยไวๆ


    แบคฮยอนยืนยิ้มอวดฟันเรียงตัวสวย ขณะที่แววตายังคงเด็ดเดี่ยวไม่หวาดกลัวกับท่าทีเย็นชาของคนตัวโตเลยสักนิดเดียว แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้รับเสื้อตัวหนาในมือไป แต่แบคฮยอนก็พยายามที่จะส่งมันไปให้ ดูแล้วคงไม่ต่างอะไรจากการยัดเยียดกลายๆ


    เพราะดูเหมือนชานยอลจะไม่ต้องการมันเฉกเช่นไม่เคยต้องการแบคฮยอนคนโง่งมงายคนนี้ยังไงล่ะ


    ได้โปรดรับมันไว้ได้หรือไม่


    เราแค่อยากจะวางสิ่งนี้ลงบนฝ่ามือหนาๆ เพื่อมอบความอบอุ่นที่เราไม่สามารถนำมันกลับมาคืนให้ชานยอลได้


    แม้จะไม่อยากรับไว้ก็ไม่เป็นไร เราหวังแค่เพียงว่าความปรารถนาดีที่ส่งไปมันจะช่วยกัดกร่อนกำแพงในใจของชานยอลได้บ้าง


    แล้วหวังว่า


    มันจะค่อยๆ พังทลายลงมาในสักวัน


    ชานยอลมองการกระทำแสนดื้อรั้นนั้นแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น เขาไม่เคยเข้าใจท่าทีหรือความหวังดีต่างๆ ที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้ทุกครั้งที่ได้พูดคุยกัน สมองปิดกั้นทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่อยากเปิดใจรับฟังคำพูดของคนตัวเล็กแม้แต่คำเดียว


    มันจึงส่งผลให้เขาเป็นเพียงคนตาบอด ใจมืดบอด และดูใจร้ายมากในสายตาใครหลายคน


    ทั้งที่ความจริง หากลองรับฟังอีกฝ่ายดูบ้าง


    อะไรๆ คงจะง่ายและดำเนินไปในทิศทางที่ดีกว่านี้


    ไสหัวไปให้พ้น


    นับเป็นประโยคแรกที่เปล่งออกมาอย่างที่สมองคิด ห้วน สั้นและความหมายชัดเจน ไม่คำนึงถึงความรู้สึกของคนฟัง ไม่สนว่าดวงหน้าหวานจะเริ่มซีดเซียวลงอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มไม่ปรารถนาที่จะพบหน้าแบคฮยอนเลยสักนิด ความกรุ่นโกรธซึ่งตกตะกอนภายใต้จิตใจกำลังถูกกวนให้กลับมาขุ่นมัวอีกครั้ง


    และเป็นอีกครั้งที่ชานยอลจะสั่งสอนบทเรียนให้กับคนที่ไม่รักษาสัญญาได้ลิ้มลองรสชาติของมัน


    ระ เราขอโทษถ้าทำอะไรให้ไม่พอใจ ขอโทษนะ…”


    ไปให้พ้นหน้าฉัน


    แต่…”


    ไป!!!”


    เสื้อโค้ทตัวหนาถูกปัดทิ้งไปกองที่พื้นด้วยแรงโทสะของร่างสูง เป็นจังหวะเดียวกับที่แหวนวงเล็กหลุดร่วงออกจากนิ้วนางข้างซ้ายราวกับคนบนฟ้าตั้งใจกลั่นแกล้งกันให้เจ็บช้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า อีกทั้งความปวดร้าวยังแล่นริ้วตั้งแต่ปลายนิ้วจนถึงต้นแขน หากมันไม่ได้เรียกความสนใจจากคนเจ็บได้มากเท่าแหวนที่ตนแสนหวงแหนเท่าชีวิตกลิ้งวนไปตามพื้นอย่างรวดเร็ว


    แบคฮยอนรีบเข้าไปคว้าแหวนเงินวงเก่าซึ่งกลิ้งไปหยุดตรงปลายเท้าใหญ่ ทว่าความว่องไวของใครอีกคนก็ช่วงชิงความต้องการไปได้อย่างทันท่วงที แหวนวงนั้นจึงตกไปอยู่ในมือของชานยอลอย่างไม่ต้องสงสัย


    ในตอนนั้นเองที่หัวใจดวงเล็กหล่นร่วงไปกองกับพื้นเมื่อเห็นได้ชัดว่าชานยอลนิ่งไปตั้งแต่ได้เห็นมันเป็นครั้งแรก


    แหวนที่เขาเคยมอบให้แบคฮยอนเมื่อหลายปีที่แล้ว


    แหวนที่เขาเคยใส่คู่กันเมื่อครั้งยังเป็นเพื่อนรัก


    แหวนที่มีเพียงวงเดียวบนโลก


    กับเจ้าของมันที่มีเพียงคนเดียวบนโลกใบนี้เช่นกัน


    Chanyeol.


    แหวนที่ถูกสลักเป็นชื่อของชานยอล แหวนที่ยังคงสภาพเดิม เป็นแหวนที่ไม่มีรอยขูดขีดซึ่งบ่งบอกว่าไม่เคยถูกทำให้เสียหายมาก่อน แม้จะผ่านมานานหลายปีแล้วก็ตาม


    แบคฮยอนเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี


    ไม่เว้นแม้แต่ของเล็กๆ น้อยๆ หรือสิ่งต่างๆ ที่เขาเคยมอบให้กัน


    ระ เราขอคืนได้ไหม


    ขอให้ไม่ใช่อย่างที่คิด


    ขอให้ชานยอลไม่ลงมือทำลายมัน


    เพราะมิเช่นนั้น คนตัวน้อยคงใจสลายลงตรงนี้เป็นแน่แท้


    ถอดมันทิ้งไปซะ แล้วอย่าให้ฉันเห็นว่ามันยังอยู่บนนิ้วของนายอีก ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน


    ‘…’


    เพราะถ้าฉันเห็นว่านายยังกล้าใส่ไอ้แหวนไร้ค่าไร้ราคานี่อีกเมื่อไหร่ล่ะก็…’


    ‘…’


    ฉันจะทำลายให้มันย่อยยับยิ่งกว่าเศษขยะข้างถนนให้ดู จำเอาไว้!’


    ถ้อยคำประกาศกร้าวเมื่อสี่ปีที่แล้วยังคงติดตรึงเป็นบาดแผลลึกในหัวใจจวบจนทุกวันนี้


    เป็นเพราะเห็นว่ามันสำคัญกับตัวเองมากแค่ไหน แบคฮยอนถึงยังใส่ไว้ตลอดเวลาแม้จะเคยถูกเขาต่อว่าให้ชอกช้ำระกำใจ


    ชานยอลอยากตัดความสัมพันธ์ทุกอย่าง ความผูกพันที่เคยมีให้กัน ความรักใคร่ที่เคยมีต่อกันถูกตัดจนขาดสะบั้นลงไม่เหลือแม้แต่เยื่อใย


    ในวันนี้ทุกอย่างเหลือเพียงความโกรธเกลียดและชิงชังเท่านั้น


    ชานยอล คืนให้เราเถอะนะ…”


    สีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทำให้ความหวาดหวั่นวิ่งเข้าจับหัวใจดวงน้อยอย่างเต็มกำลัง ชานยอลนิ่งมากเสียจนไม่กล้าแม้แต่จะสูดลมหายใจ กลัวว่าเผลอขยับตัวเพียงนิดอาจจะถูกเขาบีบให้แหลกคามือ


    กล้ามาก


    “…”


    กล้ามากที่ใส่มันมาให้ฉันเห็น


    ชายหนุ่มมองแหวนเงินวงเก่าที่มีเพียงวงเดียวบนโลกในมือด้วยสายตาที่ไม่ต้องคาดเดาก็พอจะเข้าใจได้ว่าเขากำลังรู้สึกเช่นไร


    ขะ ขอโทษ อึก ขอคืนเถอะ คืนให้เราเถอะนะชานยอล นะ…” เสียงร้องครวญในลำคอเพียงแผ่วเบาไม่อาจเล็ดรอดไปถึงใจของคนฟังได้ มันจึงเป็นเสียงร้องขอที่แบคฮยอนได้ยินเพียงคนเดียวเสมอมา


    ชานยอลตวัดสายตาคมกริบไปยังร่างของภรรยาตัวน้อยที่เอาแต่พร่ำคำขอโทษด้วยท่าทางสำนึกผิดเสียเต็มประดา ก่อนจะกระชากเสียงถามด้วยวาจาแข็งกร้าวคล้ายตะโกนเพื่อข่มคนอ่อนแอกว่าให้อยู่ใต้อาณัติ


    ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าให้ถอดมันทิ้งไป!”


    และก็ได้ผลชะงัด เพราะกายบอบบางสะดุ้งไหวราวกับเสียขวัญโดยที่ยังไม่จบประโยคดีด้วยซ้ำ แต่คุณหนูตระกูลบยอนก็ข่มความกลัวตอบกลับไปตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ


    เราเราทิ้งไม่ได้ แหวนวงนี้สำคัญกับเรามากแค่ไหน ชานยอลก็น่าจะรู้


    จะรื้อฟื้นให้ได้อะไรวะ!”


    อึก


    คนตัวเล็กกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ถึงจะยืนห่างกันหลายช่วงก้าว แบคฮยอนกลับรู้สึกว่ามันใกล้เสียจนอยากหายไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด


    ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยเพลิงโทสะพร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ และพร้อมจะแผดเผาร่างให้มอดไหม้ไม่เหลือเศษซากใดๆ ความหวาดกลัวจับจิตทำให้สติหลุดลอยหายไปเกินกว่าจะควบคุมได้


    จะลงโทษเราให้เจ็บปวดไปถึงไหนกัน


    ไม่ใช่อย่างนั้น ชานยอลเข้าใจผิดแล้ว ขอคืนให้เราเถอะมันเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องเก็บรักษาไว้เท่าชีวิต เราทิ้งไม่ได้จริงๆ เราทำไม่ได้


    น้ำเสียงหวานสั่นเครือทว่ารื่นหูมิได้แฝงความไม่พอใจเอ่ยบอกเขาอย่างใจเย็น พยายามเกลี้ยกล่อมคนอารมณ์ร้ายให้สงบลงและยอมคืนของสำคัญให้ตน


    แบคฮยอนกลัวเหลือเกินว่าร่างสูงจะทำลายของมีค่าที่เหลืออยู่ทิ้งไปดังที่เคยลั่นวาจาเอาไว้เมื่อสี่ปีก่อน


     เชื่อว่าชานยอลคนนี้ไม่เหมือนคนเดิม เขาทำอย่างที่พูดเสมอ


    ทำลายทุกอย่างที่เป็นของเรา


    ทำลายให้ย่อยยับลงตรงหน้าโดยไม่คิดลังเล


    เฉกเช่นต้นบ๊วยต้นนั้น ที่เติบโตขึ้นพร้อมๆ กับความสัมพันธ์ของเราทั้งสองคน


    และถูกตัดทิ้งไปเมื่อไม่เป็นที่ต้องการ พร้อมกับความสัมพันธ์ที่ขาดสะบั้นลงอย่างไม่เหลือเยื่อใย


    สำคัญงั้นหรือ?”


    “…”


    หึ ไม่ยักรู้ว่าไอ้แหวนกิ๊กก๊อกนี่จะสำคัญกับนายมากขนาดนี้


    มันสำคัญกับเราเสมอ สิ่งที่ชานยอลเคยให้เราล้วนมีค่าทั้งนั้น เราเก็บรักษาไว้อย่างดีทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแหวน หรือว่า…”


    หุบปาก!”


    ร่างสูงตวาดเสียงดังอย่างไม่คิดสนใจสีหน้าจืดเจื่อนลงนั่นเลยสักนิด เขาไม่ชอบใจนักที่คนตัวเล็กพูดถึงเรื่องราวในอดีต อดีตที่ทำลายทุกสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาให้ป่นปี้ไม่เป็นท่า


    ชานยอลกำแหวนในมือแน่นจนชาหนึบแทบไม่รับรู้ความรู้สึกใดๆ


    แหวนนี่คงสำคัญกับนายมากเลยสินะ


    หึ น่าสนุกดีจังหากได้เห็นคนอย่างนายเจ็บปวดปางตายดูบ้าง


    อยากรู้นักว่าถ้าฉันโยนมันทิ้งไป นายจะรู้สึกยังไง


    ไม่เอาไม่เอานะฮือ…”


    สุดท้ายคนที่พยายามทำตัวให้เข้มแข็งก็ปิดซ่อนความอ่อนแอของตัวเองไว้ไม่ไหวอีกต่อไป วินาทีที่เขาประกาศชัด หยาดน้ำตาก็รินไหลลงผ่านสองแก้มอย่างห้ามไม่อยู่


    แบคฮยอนรีบทรุดตัวลงตระกองกอดขาของเขาไว้เพื่อขอร้องอ้อนวอนสุดหัวใจไม่ให้ร่างสูงโยนแหวนทิ้งไปดังที่ลั่นวาจา ศีรษะเล็กส่ายไปมา ขณะซุกซบใบหน้าเปื้อนหยาดน้ำใสกับกางเกงผ้าดีจนเปียกชื้นเป็นวงกว้าง


    คนใจร้ายยืนนิ่งเป็นหินที่แข็งไม่ต่างจากหัวใจของตนเอง ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงได้ข่มใจไม่เลือกสะบัดขาให้อีกฝ่ายหลุดจากการเกาะกุม ทั้งที่บอกว่ารังเกียจนักหนา แล้วเพราะเหตุผลประการใด เขาจึงยอมให้คนตัวเล็กร้องไห้กอดขาเอาไว้แน่นเช่นนี้กันเล่า


    อย่าทิ้งแหวน ฮึก ขอคืนเถอะนะ อย่าใจร้ายกับเราแบบนี้เลย เรายอม ฮือ ยอมแล้ว เราขอโทษ


    “…”


    ตบตีเราได้อย่างที่ชานยอลต้องการ เพื่อแลกกับแหวนวงนั้น เรายอม ฮึกยอมให้ชานยอลแล้วได้ยินไหม ฮือ


    ไม่อาจฟังเสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้นปานจะขาดใจของอีกฝ่ายได้อีกต่อไป ชานยอลกระชากร่างบางๆ ที่เบาหวิวไม่ต่างจากปุยนุ่นขึ้นมาจากพื้น ฝ่ามือหนาทั้งสองบีบเข้าที่ไหล่เนียนเต็มแรง ไม่สนว่าคนน้ำตานองหน้าจะแสดงสีหน้าเหยเกเพราะปวดร้าวที่กระดูกมากเพียงใด


    ดวงตาของทั้งสองฝ่ายสบกันด้วยความตั้งใจ ลูกชายคนเล็กของตระกูลปาร์คมองหยาดน้ำที่คลอคลองเอ่อล้นดวงตาเรียวรีที่ครั้งหนึ่งเขาชอบมองมันในทุกๆ วัน เพราะทุกครั้งที่ได้สบตา เขามักจะรู้สึกอุ่นวาบในอกอย่างไม่มีสาเหตุ


    แต่ ณ ตอนนี้


    ชานยอลกลับมองเห็นเพียงภาพมายาที่อีกฝ่ายสร้างขึ้นมาเพื่อตบตาใครต่อใครก็เท่านั้น


    เล่นละครเก่งเหลือเกินนะ


    ไม่อึกไม่ใช่ ชานยอลปล่อยเรา ฮึก เราเจ็บ” ดวงหน้าหวานซีดเซียวลงราวกับไร้เลือดมาหล่อเลี้ยง คนถูกกระทำรู้ดีว่าเป็นเพราะเหตุใดร่างกายจึงทนต่อแรงบีบคั้นนี้ไม่ไหว ทว่าฝ่ายกระทำยังคงทำในสิ่งที่เพิ่มความสะใจให้แก่ตัวเองไม่รามือ


    มองข้ามความเจ็บปวดที่แท้จริงของผู้อื่น


    ได้โปรดคืนให้เราเถอะ คืนให้เราเถอะนะ ขอร้องล่ะ ฮึก…”


    ง่ายไปหรือเปล่า นายคิดว่าคนที่ไม่รักษาสัญญามีสิทธิ์ขอร้องให้ฉันเห็นใจด้วยงั้นหรือ?”


    ขอของของเราคืน ฮือได้ไหม…”


    “…”


    เราเราสัญญาว่าจะฮึก จะไม่ให้ชานยอลเห็นมันอีกแล้ว เราสัญญา


    “…”


    อึกถ้ามีครั้งหน้า ชานยอลจะทำยังไงกับเราก็ได้ ฮึก เราสาบาน อะเอาคืนมาเถอะนะ


    มันก็แค่ลมปากของคนโกหกที่ฉันไม่จำเป็นต้องรับฟัง


    ใจร้าย…”


    ใช่ ถ้าเป็นคนดีแล้วไม่เหลืออะไร ฉันก็คงไม่ต้องเสียเวลาเสแสร้งแกล้งเป็นคนดีเหมือนอย่างที่นายกำลังทำ


    ฮึก…”


    รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงต้องทำแบบนี้


    ไม่ ฮึก ไม่รู้


    เพราะฉันเกลียดนายยังไงล่ะ!”


    เจ็บ


    เจ็บเหลือเกิน


    คำนี้อีกแล้ว เขาบอกว่าเกลียดกันอีกแล้ว


    ได้ยินไหมแบคฮยอนคนโง่ นายได้ยินชัดหรือยัง


    ทั้งที่พยายามตีตัวออกห่าง แล้วทำไมนายถึงได้ก้าวเข้ามาวุ่นวายในโลกของฉันอีกวะ!”


    แรงบีบตรงหัวไหล่เพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นเท่าตัว ฟันขาวขบลงบนริมฝีปากล่างข่มความเจ็บปวดเอาไว้ไม่ให้แผลงฤทธิ์ออกมาประจักษ์แก่สายตาผู้ชายตรงหน้า


    เราเป็นตัวปัญหา ฮึกเรารู้ รู้ว่าชานยอลไม่อยากเห็นหน้าเราอีก


    “…”


    เราสำนึกผิดอยู่เสมอ แล้วเราก็ไม่เคยรู้สึกดีที่รู้ว่าชานยอลต้องตกอยู่ในความทุกข์ที่หาหนทางออกไม่ได้


    “…”


    เราไม่เคย ฮึกไม่เคยหวังอะไรมากไปกว่าการที่เราสองคนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ขอแค่สักครั้งที่ชานยอลจะยอมพูดดีด้วย แค่นั้นเราก็ดีใจมากแล้ว


    มันไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก


    “…”


    ทุกอย่างมันจบลงตั้งแต่วันที่นายตัดสินใจแต่งงานกับฉันแล้ว!”


    ขอโทษที่เห็นแก่ตัว


    แต่แบคฮยอนไม่ปรารถนาให้หัวใจที่เฝ้าถนอมรักมานานถูกคนอื่นทำลายโดยที่ทำอะไรไม่ได้


    มันจบ…”


    “…”


    ตั้งแต่ที่นายพยายามผลักไสคนที่ฉันรัก บีบคั้นให้เธอไม่มีทางเลือกจนตัดสินใจถอยออกไปให้นายเข้ามาแทนที่เธอ


    “…”


    นายมันเห็นแก่ตัว เห็นแต่ความสุขของตัวเอง


    มันฮึก ไม่ใช่


    นายผิดตั้งแต่ที่คิดจะรักฉันแล้ว!”


    “…ชะ ชานยอลรู้


    ฉันรู้ รู้มาโดยตลอด แล้วก็รู้ด้วยว่านายอยากได้ฉันมากถึงขนาดหน้าด้านเอ่ยปากขอฉันกับผู้หญิงที่ฉันรัก!”


    “…”


    แบคฮยอนหลับตาลงพร้อมๆ กับความปวดร้าวที่ดูจะเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้นเป็นเท่าตัว


    เพราะนายที่ทำให้ฉันเหมือนคนตายทั้งเป็นมาตลอดสี่ปี เพราะนายที่มอบความเจ็บปวดให้ฉันอย่างไม่คิดเห็นใจ


    “…”


    จากนี้ไป ไม่ว่าสิ่งไหนที่มันสำคัญกับนาย ฉันนี่แหละจะเป็นคนทำลายมันให้ย่อยยับทั้งหมด


    ชานยอลฮึก ได้โปรด


    ส่วนไอ้แหวนนี่ ถ้านายอยากได้มากนักล่ะก็


    “…”


    ตามไปคุ้ยที่กองหิมะเย็นๆ นั่นหน่อยเป็นไง














    100%














    มารายงานตัวแล้วค่าาา

    หายไปนานอีกเช่นเคย ฮ่าๆ

    เพิ่งทำเรื่องสารพัดสอบเสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่งค่ะ เลยถือโอกาสมาลงให้ครบตอน

    คนอ่านจะได้ไม่รู้สึกขาดช่วงกัน

    ตอนนี้ลูกชายคนเล็กของตระกูลปาร์คทำคุณหนูบยอนเสียน้ำตาอีกแล้ว T__T

    คือใจร้ายมากจริงๆ ไม่ว่าแบคจะเคยทำผิดแค่ไหน

    แต่การทำร้ายใจกันแบบนี้ก็ถือว่ารุนแรงต่อความรู้สึกมากค่ะ

    หลายคนคอมเมนต์กันมาว่าแบคเป็นโรคอะไรหรือเปล่า

    คำตอบคือ เรามารู้คำตอบกันในตอนถัดๆ ไปกันดีกว่านะคะ

    อยากให้ลองติดตามไปเรื่อยๆ >_<

    ถ้าเค้าแต่งยืดเยื้อเกินไป หรือดูน่าเบื่อเกินไปติชมกันได้เลยน้า

    ช่วงนี้อาจจะวกไปวนมา เพราะต้องปูเรื่องไปทีละขั้นค่ะ

    คอมเมนต์ให้กำลังใจกันด้วยน้าตัวเอง

    รัก 


    #ฟิคเข็มนาฬิกา


    11.08.59


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×