Tellurite
ดู Blog ทั้งหมด

อันตรายรอบด้านหากนำเข้าหมูกำมะถัน

เขียนโดย Tellurite

 
เรื่อง อันตรายรอบด้านหากนำเข้าหมูมะกัน

แหล่งข้อมูล : มติชนออนไลน์ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1373536712&grpid&catid=02&subcatid=0207

โดย รศ.ดร.กานต์ สุขสุแพทย์ คณะเทคโนโลยีเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง





ความเคลื่อนไหวของกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร 3,000 คน ที่เดินทางเข้ายื่น
หนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อคัดค้านการเปิดนำเข้าเนื้อสุกรจากสหรัฐอเมริกา
สะท้อนความกังวลอย่างหนักของเกษตรกรไทยที่มีต่อประเด็นดังกล่าว เนื่อง
จากเป็นอันตรายทั้งต่อสุขภาพของคนไทยทั้งประเทศต่ออาชีพเกษตรกร และ
รวมถึงต่อเศรษฐกิจของชาติด้วย

ประการแรก...อันตรายต่อสุขภาพคนไทย : สหรัฐเป็นแหล่งผลิตสารเร่ง
เนื้อแดงที่สำคัญ ทั้งยังเป็นประเทศที่อนุญาตให้มีการใช้สารเร่งเนื้อแดงได้
อย่างถูกกฎหมาย อาจกล่าวได้ว่าเนื้อสุกรของสหรัฐมีสารเร่งเนื้อแดงทั้ง
100% ก็คงไม่ผิด โดยสหรัฐ พยายามผลักดันให้ทั่วโลกยอมรับสารเร่ง
เนื้อแดง ผ่านองค์กรสากลที่ทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานอาหาร หรือโคเด็กซ์
(Codex) แล้วใช้ผลการโหวตที่ชนะอย่างเฉียดฉิวจากเวทีนี้ในการต่อรองผล
ประโยชน์ในด้านการเปิดตลาดเนื้อสุกรในประเทศต่างๆ พร้อมเปิดตัวสารเร่ง
เนื้อแดงตัวใหม่คือ แร็กโตปามีน (Ractopamine) 

ส่วนประเทศไทยก็ยังคงยืนยันห้ามใช้สารในกลุ่มเบตาอะโกนิสต์ผสมอาหาร
สัตว์ทุกตัว (รวมทั้งแร็กโตปามีน) ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยเช่นกัน
โดยกรมปศุสัตว์ไม่อนุญาตให้นำไปผสมอาหารสัตว์เนื่องจากยาตัวนี้อยู่ใน
กลุ่มเบตาอะโกนิสต์ เช่นเดียวกับ ซาลบูตามอล และเคลนบูเตอรอล

แม้จะสามารถ "เร่งเนื้อแดง" ได้โดยช่วยเพิ่มปริมาณเนื้อแดงและลดไขมันใน
เนื้อสัตว์ลง แต่สารดังกล่าวมีโทษต่อสัตว์และมนุษย์ เพราะมีฤทธิ์กระตุ้น
สมองและระบบไหลเวียนโลหิต ยิ่งถ้าใช้เกินขนาดจะทำให้สัตว์อยู่ในสภาพ
ถูกทรมาน ขณะที่หากมนุษย์บริโภคเข้าไปก็จะเกิดอาการใจสั่นนอนไม่หลับ
ซึ่งไทยเราก็ประกาศห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงผสมในอาหารสัตว์อย่างเด็ดขาด
ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2542 ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับสหภาพยุโรปและ
อีกหลายๆ ประเทศที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในอาหาร

ผลผลิตสุกรของสหรัฐมีมากจนเกินความต้องการ และบางชิ้นส่วนคนอเมริกัน
ก็ไม่รับประทานจึงจำเป็นต้องผลักดันออกสู่ประเทศที่สหรัฐยังพอใช้อำนาจบีบ
บังคับให้เปิดรับเนื้อหมูสหรัฐได้ อาทิ ประเทศกำลังพัฒนาอย่างเวียดนามหรือ
ฟิลิปปินส์ ขณะที่สหภาพยุโรปและรัสเซีย ต่างก็ปฏิเสธหมูสหรัฐอย่างไร้เยื่อใย
ไปแล้วด้วยเหตุผลของความปลอดภัยทางอาหาร

ประการที่สอง...อันตรายต่ออาชีพเกษตรกรไทย : อาชีพการเลี้ยงสุกร
ช่วยสร้างความมั่นคงและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่เกษตรกรไทยทั่วประเทศมา
ช้านาน และในกระบวนการผลิตสุกรของไทยนั้นมีพัฒนาการและเติบโตอย่าง
ต่อเนื่องกระทั่งสามารถผลิตเนื้อสุกรที่มีคุณภาพสูงได้อย่างเพียงพอต่อการ
บริโภคภายในประเทศ แม้บางครั้งผลผลิตจะเกินความต้องการบ้างก็เป็นเพียง
ครั้งคราวตามกลไกตลาดเท่านั้น หากมีสุกรจากสหรัฐเข้ามาอีกก็จะส่งผลให้
ปริมาณสุกรล้นตลาด เกินความต้องการบริโภค ราคาสุกรจะตกต่ำลงทันที

นอกจากนี้ สหรัฐยังเป็นแหล่งปลูกถั่วเหลืองและข้าวโพดของโลก ซึ่งเป็นวัตถุ
ดิบสำคัญในการผลิตอาหารสัตว์ ทำให้อาหารสัตว์มีราคาถูก สุกรจากสหรัฐจึง
มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำมาก ตรงกันข้ามกับการผลิตอาหารสัตว์ของไทยที่ต้อง
อาศัยการนำเข้ากากถั่วเหลืองในอัตราราคาที่แพงลิบแถมยังมีภาษีนำเข้าอีก
ดังนั้น ไม่มีทางเลยที่สุกรไทยจะสามารถทำต้นทุนได้ต่ำกว่าสุกรสหรัฐ
นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐยังอุดหนุนผู้เลี้ยงสุกรสหรัฐในด้านอื่นๆ ด้วย ยิ่งทำให้
ความสามารถในการตีตลาดต่างประเทศของสหรัฐเป็นไปได้ง่ายขึ้นทำการตัด
ราคาจำหน่ายได้อย่างเต็มที่ กลายเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยง
สุกรในเวียดนามและฟิลิปปินส์ ต้องล้มละลายในที่สุด เนื่องจากไม่สามารถต่อ
กรกับยักษ์ใหญ่สหรัฐได้ อันตรายของอาชีพการเลี้ยงสัตว์อีกเรื่องคือ
โรคระบาดสัตว์ ซึ่งขณะนี้สหรัฐอเมริกาก็กำลังเกิดการระบาดของเชื้อไวรัส
ไข้หวัดสุกรสายพันธุ์ EDV โดยพบการติดเชื้อครั้งแรก เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม
ที่ผ่านมา ที่สำคัญคือยังไม่มีวิธีควบคุมเชื้อดังกล่าวได้ ลูกสุกรที่ติดเชื้อไวรัส
ชนิดนี้จะมีอัตราการตายสูงถึง 50-100% และมีข้อมูลระบุว่าลูกสุกรในสหรัฐ
ต้องตายด้วยเชื้อชนิดนี้แล้วกว่า 1 ล้านตัว จึงนับเป็นความเสี่ยง หากไทยเปิด
โอกาสให้มีการนำสุกรสหรัฐเข้ามาในไทย

ประการที่สาม อันตรายต่อเศรษฐกิจชาติ : สหรัฐใช้ความเป็นมหาอำนาจ
ในการต่อรองและบีบบังคับไทยในทุกด้าน ตั้งแต่การกดดันผ่านสถานทูตสหรัฐ
ประจำประเทศไทย ให้เร่งรัฐบาลไทยเปิดตลาดนำเข้าสุกรสหรัฐอีกด้านหนึ่งก็พิจารณาเพิ่มภาษีชดเชยนำเข้ากุ้งไทยหรือ CVD (Countervailing Duties)
มาต่อรอง โดยอ้างว่าเพื่อปกป้องผู้เลี้ยงกุ้งสหรัฐ ซึ่งไม่บอกก็รู้ว่าเป็นเทคนิค
หนึ่งในการบีบประเทศไทย

ไม่เพียงเท่านั้น สมาคมผู้ผลิตสุกรแห่งชาติ-สหรัฐ ก็ยังออกมาข่มขู่ว่าจะเสนอ
ต่อรัฐบาลสหรัฐ พิจารณาตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร หรือ GSP กับสินค้า
ส่งออกประเภทอื่นๆ ของไทย เพื่อตอบโต้ทางการค้า เพราะประเทศไทยยังไม่
เปิดตลาดสุกรในสหรัฐ เหมือนกับประเทศอื่นๆ ในแถบนี้ที่ยอมแล้ว

ที่บอกว่า การนำเข้าสุกรสหรัฐจะส่งผลอันตรายต่อเศรษฐกิจชาติด้วยนั้น เพราะ
ไม่เพียงอุตสาหกรรมเลี้ยงสุกรเท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบ แต่มันจะมีผลเป็นลูก
โซ่ต่อเนื่องไปถึงผู้ผลิตอาหารสัตว์ ยา และเวชภัณฑ์ ซึ่งถ้ารวมมูลค่าทั้ง
อุตสาหกรรมก็สูงถึงราว 80,000 ล้านบาท หากต้องล่มสลายเพราะสุกรสหรัฐ
บุกตลาดไทยแล้ว...ย่อมต้องกระทบภาพรวมเศรษฐกิจของชาติด้วยแน่นอน

เนื้อหมูของบ้านเรามีคุณภาพสูงกว่าและมีปริมาณการผลิตที่เพียงพอต่อความ
ต้องการของผู้บริโภคชาวไทยอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องเปิดรับชิ้น
ส่วนหมูที่คนอเมริกันไม่กินอย่างหัวหมู ขาหมู และเครื่องในหมูเข้ามา ซึ่งก็คง
ขอเป็นอีกแรงหนึ่งที่จะเอาใจช่วยและติดตามรัฐบาลไทยว่าจะรับมือสหรัฐ-
อเมริกาอย่างไร?

 

 

(ที่มา:มติชนรายวัน 11 ก.ค.2556)








 

 




ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น