ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หากจะรัก (นิยายชุดเพียงแสงส่องใจ)

    ลำดับตอนที่ #12 : คืนแรก 50% (รีไรท์)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.77K
      45
      11 ส.ค. 60

    คืนแรก

     

    หลังจากขับรถมาถึงบ้าน ธนดลเห็นนายมั่นและคนงานอีกสามคนกำลังขนกิ่งไม้ที่ตัดไว้ขึ้นรถกระบะ เขาจอดรถหน้าบ้านแล้วเดินเข้ามาดูผลงาน แหงนหน้ามองขึ้นไปข้างบน ก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อความทึบทะมึนก่อนหน้านี้หายไป เหลือเพียงความโปร่งสบายตา

    ต้นอโศกที่เธอแปลให้ฟังว่าปราศจากทุกข์ก็ยังยืนต้นให้ร่มเงาอยู่เช่นเดิม เพียงแต่กิ่งที่ขึ้นระเกะระกะได้ถูกตัดแต่งจนดูบางตา ต้นไม้บางต้นที่เธอบอกว่าโค่นทิ้งได้ ก็ถูกโค่นไปจนเหลือพื้นที่ว่างอีกกว้างขวาง

    “ดูสบายตาขึ้นเยอะเลยนะครับ” ชายหนุ่มหันมายิ้มให้แม่บ้านสาว

    “ค่ะ เบญว่าเราย้ายม้าหินอ่อนชุดนั้น มาตั้งใต้ต้นอโศกดีกว่าไหมคะ” เขาหันไปยังโต๊ะที่เธอว่าแล้วหันกลับมามองต้นอโศก

    “อืม เป็นความคิดที่ดีครับ เพราะตรงโน้นไม่มีต้นไม้บังแสงแดดแล้ว ย้ายมาใต้ต้นอโศกดีกว่า แล้วค่อยหาซุ้มไม้ระแนงน่ารัก ๆ มาวางแทน”

    “ค่ะ ก็ดีนะคะ เบญจะได้ตอนกิ่งแก้วมุกดาที่บ้านมาปลูกให้มันเลื้อยขึ้นพรางแสง บ้านจะได้มีกลิ่นหอมด้วยค่ะ”

    “ดีจัง คุณเบญชอบดอกไม้ไทย ๆ เหรอครับ”

    “ค่ะ เบญชอบดอกไม้แบบไทย ๆ กลิ่นหอมไปไกลดี” เธอตอบด้วยดวงตาเป็นประกาย จนคนฟังอดยิ้มตามไม่ได้

    “งั้น เบญเอาของเข้าไปเก็บในบ้านก่อนนะคะ” ว่าแล้วก็เดินไปยังรถที่จอดไว้หน้าบ้าน

    “เดี๋ยวครับคุณเบญ รอนายมั่นขนกิ่งไม้เสร็จก่อน ผมจะได้เอารถเข้าบ้านเลย แล้วค่อยช่วยกันขนจะได้ไม่ต้องเดินไกล ตอนนี้ผมจะย้ายโต๊ะหินอ่อนนี่ก่อน” เขารีบก้าวเท้ายาว ๆ เดินตาม

    “อ้อ งั้นเบญช่วยค่ะ” เบญจาหันไปมองโต๊ะหินอ่อนที่กำลังจะเดินไปถึง

    “คุณเบญจะไหวหรือครับ มันหนักนะ” เขากลัวว่าเอวบางร่างน้อยของเธอจะหักพับไปเสียก่อนหากยกโต๊ะหนัก ๆ นั่น

    “ก็ช่วยกันหามเก้าอี้ก่อนไงคะ ส่วนโต๊ะนั่น คงต้องขอแรงหนุ่ม ๆ มาช่วยละค่ะ มันน่าจะเกินแรงเบญ” เธอว่าพลางมองเก้าอี้ที่ซึ่งเป็นเพียงแผ่นหินอ่อนไม่มีพนักพิง ซึ่งน่าจะพอยกกันสองคนไหว

    “เอางั้นก็ได้ครับ ลองดู” เขาตอบเสียงแจ่มใสก่อนจะก้มลงยกเก้าอี้ขึ้นมาตัวหนึ่ง เขาพอยกไหว แต่ถ้าช่วยกันหามคงจะเดินถนัดกว่า เธอจึงยกอีกด้านหนึ่ง เขาหามอีกด้านหนึ่ง

    “อ้าว อึ๊บ ไม่ไหวบอกนะครับ” เขาบอกก่อนจะพากันไปจนถึงใต้ต้นอโศก ขนไปพลางหัวเราะกันไปพลางแล้ววางลง แม้จะหนักแต่รู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก

    “โอ๊ย ถึงแล้ว ดีใจจัง” เธอยิ้มกว้าง

    “เหลืออีกสามตัวครับ ไหวไหม” หันมาถามคนร่างบางที่มองผลงานของตัวเองอย่างดีใจ

    “ไหวค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าก่อนจะเดินตามเขากลับไปยกเก้าอี้ที่เหลือ

    “โต๊ะมันแยกเป็นสองชิ้นนี่คะ เบญว่าเบญยกไหวค่ะ” เธอขยับโต๊ะถึงรู้ว่ามันแบ่งเป็นสองชิ้นคือแผ่นหินอ่อนที่ปูด้านบนกับขาโต๊ะเป็นคนละชิ้นกัน จึงช่วยกันยกจนเสร็จโดยไม่ต้องให้นายมั่นและคนงานสามคนมาช่วย

    เบญจานั่งบนเก้าอี้หินอ่อนอย่างหมดแรงเมื่อขนทุกอย่างมากองไว้เสร็จแล้ว ซึ่งเขาก็นั่งลงที่เก้าอี้อีกตัวหนึ่งเช่นกัน เพื่อพักจนมีแรงถึงได้ช่วยกันจัดโต๊ะให้เข้าที่เข้าทางอีกที ชายหนุ่มก้มมองผลงานอย่างพอใจ แม้จะเป็นงานหนักแต่ถ้าทำด้วยความรู้สึกถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ก็ทำให้มีกำลังใจทำจนสำเร็จได้ไม่ยาก

    “ขนกิ่งไม้ไปทิ้งหมดแล้ว มีอะไรให้ผมช่วยอีกไหมครับคุณดล” นายมั่นเดินเข้ามาถามคนเป็นนาย

    “อ้อ ไม่มีแล้วละนายมั่น นี่ค่าแรงเอาไปแบ่งกัน ส่วนนี่ก็เอาไปซื้ออะไรกินกัน โทษทีนะนายมั่นในครัวยังไม่เรียบร้อยเลยไม่ได้ทำอะไรไว้ให้กินกัน ฝากบอกป๊าด้วยว่าฉันอยู่ที่นี่สบายดีไม่ต้องเป็นห่วง” ชายหนุ่มส่งเงินค่าแรงพิเศษและค่าอาหารให้จำนวนหนึ่งแล้วบอกกับคนงานอย่างเป็นกันเอง เพราะนายมั่นทำงานให้กับบิดามาตั้งแต่เขายังเด็ก จนสนิทสนมกันดี

    “ครับ งั้นผมกลับก่อนนะครับคุณดล ขอบคุณมากครับ” นายมั่นยกมือไหว้ลาเจ้านาย คนงานที่ยืนอยู่ข้างหลังทั้งหมดก็ยกมือไหว้เช่นกัน

    ทั้งคู่ยืนมองรถกระบะสีดำที่มีกิ่งไม้เต็มกระบะเคลื่อนที่ออกไปจากบ้าน ก่อนที่ธนดลจะไปขับรถยุโรปสีบอรนซ์เงินเข้ามาเก็บในโรงรถ แล้วลงมาช่วยแม่บ้านคนสวยขนของเข้าบ้าน

    “คุณดลวางไว้เถอะค่ะ เดี๋ยวเบญเอาเข้าไปเก็บเอง” เธอบอกอย่างเกรงใจ เพราะรู้ว่าการจัดการภายในบ้านเป็นหน้าที่ตามตำแหน่งของเธอ เขาเป็นเจ้านายจ่ายเงินแล้วก็ควรได้พักอย่างสบาย

    “ไม่เป็นไรครับ ช่วย ๆ กันจะได้เสร็จเร็ว ถ้าคุณเบญเหนื่อยพักก่อนก็ได้นะครับ” เขาเห็นเธอดูหน้าซีด ๆ เพราะคงเหนื่อยจากการยกโต๊ะเมื่อสักครู่นี้ แต่หญิงสาวปฏิเสธ

    “แค่เก็บของเองค่ะ เบญอยากทำให้เสร็จจะได้ไม่เกะกะบ้าน” เธอว่าแล้วก็หยิบข้าวของไปจัดวางให้เข้าที่เข้าทาง

    “เมี๊ยว!” เสียงทักทายจากเจ้าตัวดำที่เดินออกมาจากทางเข้าห้องครัว

    “อ้าว เจ้านิล ป๊าลืมไปเลยว่าเอาอาหารเม็ดมาให้แล้ว คงหิวแย่แล้วสิ” เขาเพิ่งนึกได้ว่าเมื่อเช้ายังไม่ได้เอาอาหารเม็ดที่หยิบมาจากโรงพยาบาลมาให้กิน ก่อนจะเดินกลับไปที่รถอีกครั้ง แล้วหยิบถุงอาหารแมวกับชามสำหรับใส่อาหารแมวมาแล้วเทใส่ เจ้านิลได้กลิ่นอาหารก็ไม่ลังเลรีบพุ่งเข้ามาหา ก่อนจะชะงักแล้วมองหน้าคนเป็นป๊านิดหนึ่งเพื่อความมั่นใจ

    “กินสิ” เขาขยับชามสีชมพูไปให้นิดหนึ่งเหมือนกับบอกว่าอนุญาตให้กินได้ เจ้าแมวน้อยไม่รอให้เจ้านายเปลี่ยนใจอีกต่อไป มันรีบกินอย่างตะกรุมตะกรามพลางทำเสียง “ม๊าว ๆ” ระหว่างกินไปพลาง ราวกับบอกว่าห้ามแย่งนะ คนเป็นป๊านั่งมองลูกชายสี่ขาแล้วยิ้มอย่างสุขใจก่อนจะเปลี่ยนจากนั่งยอง ๆ เป็นนั่งลงบนพื้นเหยียดขาไปข้างหน้าส่วนมือสองข้างก็ค้ำกับพื้น สายตาจับจ้องอยู่ที่เจ้าตัวตะกละที่กินอย่างไม่คิดจะแบ่งใคร

    “โห กินเกลี้ยงไม่เหลือให้ป๊าเลยนะเจ้านิล” ว่าแล้วก็จับตัวเจ้าเหมียวที่อิ่มจนพุงกางแล้วมาอุ้ม

    เบญจามองคนเป็นเจ้านายแล้วยิ้มขำก่อนจะหลุดหัวเราะเบา ๆ เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย ธนดลหันมามองแล้วเลิกคิ้วสงสัย

    “หัวเราะอะไรหรือครับคุณเบญ” เบญจายิ้มก่อนว่า

    “ถ้าเจ้านิลเหลือให้ แล้วคุณดลจะกินเหรอคะ” คนเป็นเจ้านายยิ้มเขินจนแก้มแดงกับคำเย้าแหย่ก่อนแก้ตัว

    “โธ่ คุณเบญก็...ผมแค่พูดเล่นกับเจ้านิลเท่านั้นเองครับ” เบญจาไม่เถียงแต่อมยิ้มแล้วนั่งจัดของเข้าตู้ปล่อยให้พ่อลูกเขาได้พูดคุยกันตามสะดวก


    -----------------------------------------------

    เย้!!! ในที่สุดเค้าก็แฟนครบร้อยแล้ว ดีใจจังที่เมื่อวานกดแอด fav กันจนผ่านหนึ่งร้อยแรกมาได้แล้ว ขอบคุณทุกคอมเมนต์และทุกคนที่กดแอด fav.กันมานะคะ เข้ามาเป็นพันธมิตรโคอ่อนหญ้าแก่กันนะคะ ฝากติดตามและเป็นกำลังใจกันต่อไปนะคะ...ทิพย์ทิวา 25/2/2016 22.39

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×