ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The fell in flirting

    ลำดับตอนที่ #3 : chapter 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 167
      0
      26 ก.พ. 57


     








     




              หลังจากที่ขับรถออกจากโรงพยาบาลมาได้ไม่นาน ผมก็เลี้ยวรถเข้าในซอยซอยหนึ่งเพื่อมุ่งหน้าไปยังสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า บ้าน

     

     

    ไม่บ่อยนักหรอกที่ผมจะมาที่นี่ ไม่ใช่ว่าบ้านผมไม่ดีแต่บางทีมันก็อบอุ่นจนเกินไป แค่นั้นเอง

     ก็ผมรักอิสระ เลยต้องออกไปอยู่คอนโดข้างนอกคนเดียว ขืนผมอยู่บ้านชีวิตนี้ก็ลั่นล๊าได้ไม่เต็มที่น่ะสิ

     

     

              ผมทิ้งยัยบ้านั่นให้อยู่โรงพยาบาลคนเดียวเพราะหมอยังไม่อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล ให้ตายเหอะ!! ซวยแล้วซวยอีก ลูกรักใช้การไม่ได้ นอนแอ้งแม้งอยู่ในอู่ ผมเลยต้องเอารถคันอื่นมาขับแทน เลยเป็นเหตุให้ต้องกลับมาบ้านบ่อยๆนี่ไง เพราะไอ้คันที่ขับดันเป็นลูกรักของม๊าผม

     

     

              ตอนนี้ผมขับรถมาจอดรออยู่ที่ประตูใหญ่ เพื่อกดรีโมทแล้วรอให้ประตูมันค่อยๆเลื่อนออกอย่างอัตโนมัติ ผมว่าจ้างยามมาคอยเปิดยังเร็วกว่านี้อีก ไม่เข้าใจป๊ากับม๊าเลยว่ะ



    เมื่อประตูเปิดออก ผมก็ถอนหายใจทีหนึ่งอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเหยียบคัดเร่งพุ่งทะยานเข้าไปในบริเวณบ้านที่กว้างขวางมาก จะเรียกว่าคฤหาสน์ก็คงไม่ผิด

     

     

    ผมขับรถผ่านบ้านไม้สองชั้น หลังไม่ใหญ่มากที่ตั้งอยู่ท่ามกลางสวน    ไม้ดอกไม้ประดับทั้งหลาย เกือบจะเป็นป่าดงดิบเลยก็ว่าได้ ก่อนจะมุ่งหน้าไปสู่เรือนใหญ่ที่มีสาวสวยยืนยิ้มหวานรออยู่

     

     

    “วิลด์ ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ” เธอเดินเข้ามาประชิดตัวผมแล้วเอามือทั้งสองข้างกุมใบหน้าผมไว้ เธอมักจะทำอย่างนี้ทุกครั้งที่รู้สึกเป็นห่วงผมและคนอื่นๆ

     
     

    “ผมขับรถชนคนฮะ” ผมตอบออกไปอย่างหน้าตาย

     
     

    จริงอยู่ที่ผมเป็นผู้ชายร่าเริงสดใสเหมือนสาวน้อยวัยแรกแย้ม แต่เมื่อมีเรื่องมากวนใจผมมักจะตีหน้าตายอย่างนี้เสมอ

     

     

    “อะไรนะ!!!!!.......


    “ม๊า.....” ผมเอามืออุดหูแทบไม่ทันเมื่อผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเอ็ดขึ้นมาเหมือนผมไปฆ่าใครตาย


     

    “เขาตายมั้ย”

     
     

    -_-!! ” ม๊าปากเสียอ่ะ

     



             ผมก้มลงมองใบหน้าของผู้หญิงที่หน้าตาน่ารักอ่อนกว่าวัยที่ตอนนี้ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ ผิวขาวสว่างอย่างมีออร่าเริ่มซีดลง รูปร่างตัวเล็กสมกับชื่อ.... แทบจะกระโดดลอยขึ้นกลางอากาศอย่างตื่นตูม

     
     

    “วิลด์....”

     
     

    “เขาไม่เป็นไรฮะ ม๊าอย่าตื่นตูมไปเลยน่า”

     
     

    “อืม” ครับ-_- แค่นี้แหละ ม๊าผมเป็นคนไม่ค่อยพูด เก็บความรู้สึกเก่งแต่มักจะแสดงความรู้สึกออกทางแววตามากกว่า และตอนนี้แววตาเธอดูตื่นตระหนกอย่างปิดไม่มิด


    “แต่อย่าบอกป๊านะ” ผมก้มลงกระซิบข้างหูม๊าก่อนจะส่งสายตาเว้าวอนไปให้ เพราะเรื่องนี้จะถึงหูป๊าไม่ได้เด็ดขาด เดี๋ยวเรื่องมันจะวุ่นวายกว่าเดิม

     
     

    “ไม่สัญญา”

     
     

    “นะ..”

     
     

    “........”

     
     

    “นะ ม๊าครับ” อ้อน*_*

     
     

    “.......”

     
     

    “นะ นะ”

     
     

    “ก็ได้ แต่....”


    “ขอบคุณครับ จุ๊บ!!^^ ยังไม่ทันที่ม๊าจะได้อ้าปากพูดต่อ ผมก็รีบตัดบทแล้วจุ๊บแก้มนุ่มๆของม๊าอีกทีก่อนจะวิ่งหายเข้ามาในบ้าน ปล่อยให้คุณเธอยืนอ้าปากพะงาบๆอยู่หน้าบ้านคนเดียวพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักของคนรับใช้

     


     

    มันไม่ใช่เรื่องสนุกที่จะมาโดนซักไซ้ไล่ถาม เพราะฉะนั้นเมื่อหาโอกาสปลีกตัวออกมาได้ก็ควรจะที่ทำ

     

     

    ผมเดินขึ้นมาชั้นบนก่อนจะเข้ามาในห้องนอนของตัวเองที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยหรูแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างเหน็ดเหนื่อย ภายในห้องมีของใช้ของผมอยู่บางส่วนเท่านั้นและเป็นส่วนน้อยด้วย เพราะส่วนใหญ่ล้วนแต่อยู่ที่คอนโด

     

     

    บ้านหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยความเงียบสงบ มันเงียบมากจนน่ากลัวเพราะไม่ค่อยมีคนอยู่ ส่วนใหญ่แล้วป๊ากับม๊าก็จะอยู่เรือนเล็กซะมากกว่า

     

     

    ครึ่น... ครึ่น...

     

     

    เพิ่งจะนอนแผ่หลาได้ไม่นาน มือถือก็สั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่ในกระเป๋ากางเกง พอเอาออกมาดูชื่อที่โชว์อยู่หน้าจอก็ต้องขมวดคิ้วอย่างหนัก

     

     

    “ครับหมอ” ทันทีที่กดรับสาย ผมก็แทบจะเด้งออกจากเตียงเมื่อปลายสายพูดอย่างร้อนรนว่า....

     
     

    คนไข้หนีออกจากโรงพยาบาล

     
     

    ให้มันได้อย่างนี้สิ....  ยัยประสาทกลับนั่นคิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงหนีออกจากโรงพยาบาล ความจำเสื่อมยังซ่าได้ขนาดนี้ ถ้าสมองปกติดีจะขนาดไหน หรือคิดจะชิ่งค่าเสียหาย หึ! คงเป็นอย่างนั้นสินะ

     

     

    ผมรีบเหยียบคัดเร่งไปที่โรงพยาบาลจนรถแทบเหาะ พอได้ฟังเหตุการณ์ทุกอย่างจากปากหมอเจ้าของไข้และพยาบาลที่ดูแล ผมก็ไม่รอช้าที่จะออกตามหา

     

     

    คิดจะหนีคนอย่างผม ไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอก....



    ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่อง... ที่จะต้องมาร้อนรนตามหายัยตัวแสบแบบนี้ แค่เงินไม่กี่บาทมันไม่สะเทือนขนหน้าแข้งผมหรอก แต่ผมไม่ปลื้มคนหนีความรับผิดชอบว่ะ

     

     

    ถ้าไม่ได้เงิน ก็เอาตัว แทนละกัน

     

     

    [ฮัลโหลลลลล] ถือสายรอไม่นาน เสียงอันยืดยานก็ดังขึ้นมาทำเอาขนลุกเลยทีเดียว


    “ตื่น มีไรจะให้ช่วย”


    [ไรอีกวะ คนจะนอน] ปลายสายทำเสียงหงุดหงิดบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์


    “มีเวลานอนในโลงเยอะแยะ ตอนนี้มาช่วยกูก่อน” ผมเริ่มเอ็ดเบาๆเมื่อไอ้น้องแฝดนรกมันทำงัวเงียไม่ยอมสร่าง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเมื่อคืนมันไปทำอะไรมา


    [โหดว่ะ อื้อ....  ]


    “จะช่วยมั้ย” ผมแทบจะลืมคำพูดตัวเอง เมื่อมีเสียงครางอย่างเย้ายวนดังเล็ดลอดแทรกผ่านโทรศัพท์เข้ามา


    [ว่ามา..]


    “ตามหาเด็ก”


    [หืม....]


    “เด็ก กุ หาย ว่ะ”

      

     

              หลังจากที่ขับรถไปในที่ต่างๆที่พอจะมีแววว่ายัยนั่นจะไปได้ เหมือนขับรถให้เปลืองน้ำมัน ไม่เห็นแม้แต่เงาหัว

     

     

              ตอนนี้ผมก็เลยมานั่งจิบเบียร์เย็นๆอยู่ที่ห้อง รอคำตอบจากผู้ถูกบังคับให้ช่วยตามหาอีกหนึ่งคน ไม่รู้ว่าจะได้เรื่องหรือเปล่า แต่เท่าที่รู้จักกันมาตั้งแต่อยู่ในห้องแม่ มันก็ไม่ได้ทำงานชุ่ยขนาดนั้นนะ

     

     

              จนกระทั่งผ่านไปเกือบสิบนาที เสียงเมสเสจก็ดังขึ้นเรียกให้ผมตื่นจากภวังค์ พอกดดูแค่นั้นแหละ...

     

     

              ((คืนนี้ เจอกันที่ เทมป์ ผับ แอน บาร์))

     

     

              ไม่คงไม่นัดผมไปเที่ยวเล่น ในสถานการณ์ไม่สบอารมณ์แบบนี้หรอกมั้ง ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ พ่อ!จะฟาดก้านคอให้



              ณ Tempt Pab&Bar

     

     

    เสียงอัดบีทหนักๆดังกระแทกเข้ามาในแก้วหูพร้อมกับเรือนร่างอันเย้ายวนในเดรสเกาะอกสีน้ำเงินรัดติ้วจนเนินอกอันอวบอั๋นแทบจะปริล้นออกมา กำลังโยกย้ายบดเบียดเรือนร่างเข้ากับกายผมท่ามกลางแสงสีในผับหรูใจกลางเมือง

     
     

              “ไม่สนุกเหรอ ทำไมทำหน้าเครียดจัง” ปลายนิ้วเรียวยาวแตะปลายคางผมพร้อมกับสายตาอันเชื้อเชิญ


              “มีคนสวยอยู่ตรงนี้ทั้งคน จะไม่สนุกได้ไง จริงมั้ย” ผมลูบไล้ฝ่ามือไปตามทรวดทรงที่เว้าและโค้งอย่างได้สัดส่วน ให้ตายเหอะ!! ของว่างคืนนี้เอ็กซ์ชะมัดเลยว่ะ


              “คิก.....” เธอหลุดขำอย่างชอบใจ ก่อนจะยืนใบหน้าเข้ามาซุกไซ้ซอกคอผม กลิ่นน้ำหอมแนวเซ็กซี่ลอยมาแตะจมูกยิ่งทำให้ลุ่มหลงจนอยากจะขย้ำมันซะตรงนี้

     


     

              เกือบยี่สิบนาทีแล้วที่ผมยืนเต้นเคล้าคลอกับแม่เสือสาวคนนี้ในระหว่างที่รอไอ้น้องชายสุดบรรลัยกำลังเดินทางมาที่นี่

     


     

              ผมนัดมันมาคุยเรื่องยัยบ้าตัวแสบนิฟตี๊อะไรนั่น วันนี้ทั้งวันผมตามหาตัวเธอไม่เจอเลย ทั้งที่ยัยนั่นความจำเสื่อมแต่มีความสามารถหนีหายไปได้ขนาดนี้นับว่าสุดยอดเหมือนกัน แต่จะหายไปอยู่ที่ไหนได้ ก็ในเมื่อเธอจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง

     

     

              “วิลด์คะ.... นายเหม่อนะ” ยัยผู้หญิงตรงหน้านี่ก็เรียกร้องความสนใจดีจริง

     

     

              และยังไม่ทันได้ตั้งตัว ริมฝีปากร้อนเจือด้วยกลิ่นและรสชาติของแอลกอฮอล์ก็ประทับบดจูบกับริมฝีปากผมอย่างรวดเร็ว เหมือนเธอหิวกระหายผู้ชายอย่างหนัก ผมก็ควรจัดให้เธอหน่อยสิ ใช่มั้ย?

     

     

              ผมมีมารยาทพอน่า เมื่อเธอเสนอ ผมก็ต้องสนอง.....

     

     

              ท่ามกลางผู้คนมากมายที่ไม่มีใครสนใจใคร หรืออาจจะมี อันนี้ก็ไม่รู้ แต่ ณ เวลานี้ร่างทั้งสองกำลังบดเบียดแนบชิด จูบกันอย่างดูดดื่มโดยไม่อายสายตาเหล่าผีเสื้อกลางคืนที่รายล้อมอยู่

     

     

              คนอย่างผม มีเหรอจะอายใคร และผู้หญิงอย่างเธอคนนี้ก็คงไม่มียางอายเช่นกัน ไม่งั้นจะกล้ามายั่วผมแบบนี้เหรอ

     

     

              “อื้อ....” ร่างเพรียวบางสั่นสะท้านก่อนจะเบียดกายเข้ามาเรื่อยๆพร้อมกับส่งเสียงครางอย่างพอใจ เพียงแค่ผมสัมผัสตรงโคนขาใต้เดรสสั้น เธอก็สั่นระริกแล้ว คงจะสั่นสู้ล่ะมั้ง

     

     

              หึ!!! นี่แหละผู้หญิง

     

     

              สำหรับผม ผู้หญิงก็เป็นได้แค่ของว่างเวลาเหงาหรือของแก้เหงาเวลาว่าง เป็นอะไรสักอย่างที่มีผลต่อร่างกาย แต่ไม่มีผลต่อจิตใจ

     

     

              ขณะที่ผมกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับสิ่งยั่วยุและบรรยากาศ เสียงปรบมือและเสียงร้องโห่อย่างตื่นเต้นก็ดังขึ้นอย่างอื้ออึงจนผมอดไม่ได้ที่จะผละออกจากสาวโนตมตรงหน้า แล้วมองหาสาเหตุที่ทำให้เกิดเสียงดังนี่

     

     

    บนเคาน์เตอร์บาร์แก้วที่สะท้อนแสงเล่นสีสลับกันไปมาอย่างล่อตาปรากฏร่างเพรียวบางได้สัดส่วนยืนตระหง่านอยู่ด้วยชุดล่อแหลมราว 3-4 คน และหนึ่งในนั้นคือ.........

     

     

              ยัยบ้าตัวแสบนั่น!!!!

     

     

              ยัยนิฟตี๊นิฟเต้ออะไรนั่น ไปยืนทำอะไรตรงนั้นวะ….?

     


     

              เธออยู่ในชุดกางเกงหนังขาสั้นสีดำเอวต่ำและเสื้อตัวสั้นแขนยาว พร้อมกับส้นสูงสีดำเช่นกัน เสื้อผ้าที่เป็นสีดำทั้งชุดตัดกับผิวที่ขาวผ่องจนสะท้อนแสงไฟยิ่งทำให้นิฟตี๊โดดเด่นมากเมื่ออยู่บนนั้น

     


     

              ขาเรียวยาวเริ่มขยับตามเสียงเพลง เอวคอดและบั้นท้ายเริ่มโยกย้ายตามจังหวะดนตรี ลีลาอันพลิ้วไหวแต่ก็ยังดูติดๆขัดๆอยู่บ้าง ได้สะกดทุกสายตาในผับไว้เรียบร้อยแล้ว

     

     

              เป็นไปได้ยังไง?

     

     

    ทำไมนิฟตี๊ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ก็เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองเลย แม้กระทั่งชื่อยังจำไม่ได้ แล้วจะมาโผล่อยู่ในผับนี้ในตำแหน่งโคโยตี๊ได้ยังไง

     

     

    และให้ตายเหอะ!! ใครก็ได้ช่วยเอายัยโนตมนี่ออกไปที เริ่มรำคาญแล้วว่ะ เกี่ยวแน่นจริงกว่าหนวดหมึกยักษ์ซะอีก ใครจะเอาไประยำที่ไหนก็เอาเหอะ

     

     

    “เฮ้... โทษทีที่มาช้า” เสียงอันคุ้นหูของไอ้น้องแฝดนรกดังแทรกขึ้นมาขณะที่ผมกำลังพยายามแกะมือยั้วเยี้ยนี้ออก และมันก็ดันมาได้จังหวะซะด้วยสิ


    “ไนท์ จัดการที” เมื่อได้จังหวะ ผมก็เหวี่ยงแม่สาวโนตมไปให้ไอ้ไนท์รับไว้โดยไม่ให้มันได้ปฏิเสธทัน ซึ่งยัยนั่นก็หน้าตื่นไปเหมือนกันเมื่อเห็นคนหน้าเหมือนผม

     

     

    ก็ฝาแฝดจะไม่ให้เหมือนกันได้ยังไง แต่ก็ไม่เหมือนทั้งหมดหรอก คนหนึ่งคนย่อมมีความแตกต่างจากอีกคนแน่นอน แต่เท่าที่รู้ผมกับไอ้ไนท์เหมือนกันมากที่สุดในบรรดาแฝดสี่ หมายถึงนิสัยอ่ะนะ

     

     

    ใช่แล้วล่ะ... คนหน้าตาหล่อแบบนี้มีถึงสี่คน เราเกิดวันเดียวกัน เวลาไล่เลี่ยกัน โรงพยาบาลเดียวกัน แต่ทีมแพทย์คนละทีม นึกดูแล้วแล้ว ณ วันนั้นห้องคลอดคงวุ่นวายน่าดู

     

     

              “เฮ้ย!! ไรวะ”

     

     

              ผมรีบเดินแทรกผ่านผู้คนหนีออกมาจากจุดนั้นโดยไม่ฟังเสียงร้องโวยวายของไอ้ไนท์เลยแม้แต่น้อย รู้ตัวอีกที ก็มายืนอยู่เยื้องๆกับเคาน์เตอร์บาร์เล่นแสงนี่ละ

     

     

              และไม่รู้เพราะอะไร ทำไมผมถึงละสายตาจากยัยนั่นไม่ได้ โอเค! ยอมรับว่าสวย เอ็กซ์ เซ็กซี่ แต่มันดูจืดชืดไปสำหรับผมว่ะ

     

     

              ผมกำลังจ้องมองใบหน้าที่เชิดขึ้นอย่างท้าทาย สายตาหลุบต่ำ ปากเผยอออกอย่างยั่วยวน ดูแล้วก็ไม่ต่างจากผู้หญิงจำพวกนั้นนักหรอก หรืออาจจะเป็นจำพวกนั้นเลยก็ได้ แล้วตอนโดนคร่อมในโรงพยาบาลทำเป็นตัวสั่น



    หึ! มารยาสินะ


    อยากจะรู้เหมือนกันว่า มารยาหญิง จะสู้เล่ห์เหลี่ยมชายได้มั้ย

     
     


     


     

    Don't evade.
            อย่าหนี
              Your will not safe.
              คุณจะไม่ปลอดภัย

     


     

    ..................................................................................................................

    อัพแล้วคร้า  พักหลังๆจะเห็นว่าไรท์ห่างหายไปบ่อยและนาน ไรท์ยุ่งมากจริงๆค่ะไม่มีเวลาว่างเลย แต่ก็พยายามเจียดเวลาอันน้อยนิดมาปั่นนิยาย>.< อย่าโกรธกันน้า
    คิดถึงรีดเดอร์ทุกคน จะลืมกันหรือเปล่าเอ่ย?

    แอบกระซิบนิดนึงว่าพระเอกเรื่องนี้... เป็นลูกชายของนางเอกเรื่องก่อนๆ
    คอยติดตามกันนะ หรือใครจะเดาไปก่อนก็ไม่ว่ากัน อิอิอิ

    อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนน้าาาาาาา ติดตามกันต่อไปเรื่อยๆนะคะ
    อาจจะไม่มีเวลามาอัพ แต่จะพยายามให้ถึงที่สุดค่ะ
    ยังไงก็อย่าลืมเม้นๆๆๆๆให้เค้าด้วยนะ เจิมรอกันน้าาา เค้าจะได้มีกำลังใจ (ส่งสายตาอ้อน+.+)

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×