คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : เกียร์ ตัด เกียร์
“มึงต้องขอโทษกูป่ะที่มาหลงรักเมียกู”
MIN SAID
EP 22: เกียร์ ตัด เกียร์
MIN’S TALKS
ผมกำหมัดแน่นและใจเต้นแรงเพราะความโกรธก่อนจะเดินเลี่ยงผู้คนออกมานอกงานด้วยความรู้สึกอยากจะพุ่งใส่ใครสักคน
แม่งโคตรเชี่ยเลยว่ะ..
ผมเหมือนโดนเล่นตุกติกลับหลังจากคนที่ผมสนิท กุญแจซอลเพิ่งเล่าให้ผมฟังเรื่องที่มีคนอาสาจะเอาเกียร์มาให้เธอใส่คอแทน โอ้ คิดถึงตรงนี้ตีนกระตุกเลยว่ะ หัวใจผมเต้นดังยิ่งกว่าเพลงที่เปิดกันหูแตกในงานบายเนียร์ซะอีก ผมเดินดิ่งออกมาจากงานอย่างหงุดหงิดและพ่นลมหายใจออกมาแรงๆอย่างพยายามข่มอารมณ์
ผู้หญิงของผมกำลังโดนใครบางคนอยากฝาก ‘เกียร์’
สำหรับเด็กวิศวะ..ฝากเกียร์ก็คือการฝากใจ ผมไม่รู้ว่าแม่งทำตัวเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วไม่คิดรึไงว่าพูดแบบนี้กับซอลแล้วผมจะรู้? หรืออีกอย่างนึงคือมันแอบรักกุญแจซอลจนทนไม่ไหวแล้ว และผมว่ามันเป็นอย่างหลัง
มัน ที่เป็นถึงเดือนวิศวะ
มัน ที่เป็นน้องสายรหัสของผม
มัน ที่เป็นเพื่อนสนิทของแฟนผมด้วย
เหี้ย.. พอคิดมาถึงตรงนี้เหมือนผมโดนแทงข้างหลังสัส ผมพยายามคิดหาเหตุผลว่าทำไมมันกล้าทำแต่คำตอบที่ได้ก็คงมาจากเสน่ห์คงยัยตัวร้ายเพียงอย่างเดียว พูดง่ายๆคือไอ้เหี้ยโฟล์คตกหลุมรักกุญแจซอลหัวปักหัวปำเข้าไปเรียบร้อยแล้ว
ผมว่ามันเป็นเอาหนัก.. ไม่งั้นมันคงไม่ทำอะไรโง่ๆโดยการบอกซอลหรอกว่าจะเก็บเกียร์ไว้ให้เพราะยังไงถ้ามันฉลาดมันก็ต้องรู้ว่าซอลต้องบอกผมแน่ๆ เว้นแต่สมองมันจะเหมือนซองเลย์แม่งถึงคิดไม่ได้ นี่ผมควรจะสงสารที่มันหลงรักแฟนผมหัวปักหัวปำหรือควรเอาตีนสะกิดให้มันได้สติวะ
แต่ผมว่ามันคงจุกหนักที่ผมกับซอลหวานกันทั้งวันจนเบาหวานแทบแดก หวานกันต่อหน้าต่อตา หวานทั้งต่อหน้าและลับหลังด้วย มิน่า.. ผมถึงเห็นสายตาเหมือนหมาถูกทิ้งของไอ้โฟล์คที่มองตามซอลอยู่
โอเค.. ปริศนาทุกอย่างไขกระจ่างแล้วครับ!
ผมเดินตามหามันจนมาถึงหน้าตึกที่จัดงานอยู่ก่อนที่ผมจะเห็นร่างสูงของคนที่ผมตามหายืนหลบสูบบุหรี่อยู่ข้างๆที่จอดรถ ผมรีบเดินดุ่มเข้าไปหามันทันที งานนี้ผมอยากเคลียร์ความรู้สึกกับมันด่วนๆ ไอ้โฟล์คเหม่อๆยืนสูบบุหรี่อยู่แต่พอมันหันมาเห็นผมมันก็ชะงัก
“ไง มึง”
ผมเดินเข้าไปทักด้วยท่าทางปกติแต่แอบสังเกตสีหน้าและท่าทางมันทุกอย่าง ไอ้โฟล์คดูอึ้งๆนิดหน่อยที่หันมาเห็นผม
“อ้าว..พี่”
“ขอบุหรี่ตัวดิ” ผมขอบุหรี่จากมันทั้งๆที่ผมตั้งใจหักดิบเลิกไปแล้วเพราะซอลไม่ชอบ แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเพราะตอนนี้ผมตั้งใจเดินมาเคลียร์กับมัน “ไม่เข้าไปในงานซักทีวะ”
ผมคาบบุหรี่ไว้ที่ปากแล้วก้มตัวจุดบุหรี่ขึ้นสูบ ไอ้โฟล์คทำท่าเกร็งๆนิดหน่อย แมร่ง.. กล้าขนาดแอบฝากเกียร์กับเมียกูลับหลังกูแล้วยังจะเกร็งทำซากอะไรอีกวะ
“ผมไม่ถนัดงานแบบนี้อ่ะพี่”
“หรอ ไม่ถนัดงานแบบนี้” ผมเป่าควันสีขาวลอยอ้อยอิ่งขึ้นฟ้าแล้วมองหน้ามัน “แล้วถนัดแบบไหนล่ะ ตีท้ายครัวกูลับหลังไรงี้หรอ”
“อะ อะไรนะครับ” ไอ้โฟล์คเงยหน้ามองผมอึ้งๆ “พี่มิณทร์ว่าไงนะ”
“เป็นเอาหนักแล้วนะมึง” ผมอัดบุหรี่ลงปอดก่อนจะเป่าใส่หน้ามัน “เป็นห่าไรวะ
หลงรักเมียกูจนทนไม่ไหวแล้วรึไงถึงโผล่หางออกมา” ท่ามกลางควันสีขาวที่ลอยฟุ้งผมเห็นมันหน้าเสีย
“พี่มิณทร์”
“เลิกคิดซะ..” ผมปาบุหรี่ลงพื้นแล้วกระทืบด้วยปลายเท้า “อย่าเสือกล้ำเส้นเพราะกูยังอยากเห็นมึงเป็นน้องอยู่”
“.......” ไอ้โฟล์คก้มหน้ากำหมัดแน่น ผมเห็นมันค่อยๆลอบกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
“กูไม่พูดซ้ำนะ”
“แต่ผม..”
“ที่มึงกำลังยุ่งอยู่คือเกียร์กู ซอลคือเกียร์ของกูไม่ใช่เกียร์มึง!” ผมปราดเข้าไปกระชากคอเสื้อมันอย่างขาดสติโชคดีที่ไม่มีคนเห็นว่าผมกำลังจะซัดมัน “กูกับซอลรักกัน ซอล เป็นเกียร์ของกูมาตั้งแต่ก่อนที่เด็กอย่างมึงจะรู้จักความรักซะอีก”
มันเป็นเรื่องที่โคตรเหี้ย.. ที่เลือดสีเดียวจะมาแย่งเกียร์อันเดียวกัน
“เก็บเกียร์มึงไปซะ!”พูดจบผมก็ผลักอกไอ้โฟล์คจนมันเซถอยหลังไปสองสามเก้า ดีนะที่งานบายเนียร์ตอนนี้ยังมันส์กันอยู่ข้างใน ข้างนอกตอนนี้เลยมีผมกับไอ้โฟล์คเท่านั้น ไอ้โฟล์คหอบหายใจน้อยๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาประจันหน้ากับผมด้วยสายตาจริงจัง
“พี่มิณทร์..ผม”
“นี่มึงยังไม่เลิกคิดอีกใช่มั้ย”
“แต่ผมรักซอลพี่!”ไอ้โฟล์คพูดออกมาในที่สุด นาทีนี้ผมโกรธจนหน้าชา ผมไม่สนแล้วว่าแม่งจะตกหลุมรักซอลแค่ไหน
ฉิบหาย.. มึงก็รู้ว่ากูแทบจะรั้งสติตัวเองไม่ได้แล้วมึงจะเติมเชื้อไฟทำห่าไรเนี่ย!
“กูจะเตือนมึงอีกครั้งว่าอย่ามายุ่งกับเมียกู” ผมชี้หน้ามันอย่างเดือดสุดๆ “มึงกำลังทำเหี้ยไรอยู่ มึงเป็นน้องกูป่ะ!!”
เพราะถ้าผมไม่เห็นว่ามันเป็นน้องผมคงซัดมันหน้าหงายไปแล้วไม่ปล่อยให้แม่งมายืนบอกรักเมียผมปาวๆแบบนี้หรอก ไอ้โฟล์คตอนนี้มันก็แค่เด็กหนุ่มคนนึงที่เพิ่งเคยมีความรัก
“มึงต้องขอโทษกูป่ะที่มาหลงรักเมียกู” ผมพยายามเตือนสติมัน “สิ่งที่มึงต้องทำคือห้ามใจตัวเอง ไม่ใช่มาบอกรักเมียกูต่อหน้ากูไอ้เหี้ย!!!” ผมตวาดใส่หน้ามัน
“เลิกยุ่งกับซอลซะ!”
“แต่ซอลไม่ได้คิดอะไรกับโฟล์คเลยนะคะ”
SOL SAID
ห้ามความรักไม่ให้เกิดขึ้นได้ยากฉันท์ใด ห้ามความหึงหวงในใจไม่ให้มันเกิดขึ้นก็โคตรยากฉันท์นั้น ผมพยายามลดระดับความโกรธของตัวเองลงเพื่อพบว่ามันเอาลงยากเหี้ยๆ ยิ่งไอ้โฟล์คตื้อจะรักกุญแจซอลแบบนี้ ผมยิ่งอยากฆ่ามัน
ผมเดินหันหลังกลับเข้างานเพราะไม่อยากเห็นขี้หน้ามันอีก อีกอย่างเพราะกลัวความเป็นคนคิดบวกของตัวเองด้วยกลัวจะเผลอไปกระทืบน้องสายรหัสตัวเองเข้า คิดแล้วผมก็หงุดหงิดที่กุญแจซอลที่ทำตัวน่ารักเกินไปจนไม่ว่าใครที่ได้อยู่ใกล้เป็นต้องตกหลุมรักไปซะหมด แถมเมื่อกี้ยังลักไก่แอบผมถอดเสื้อคลุมเดินไปเดินมารอบงานอีก
มันน่าจับตีก้นนัก!
ผมเดินกลับเข้ามาในงานอีกครั้งและพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆและทำหน้าให้เป็นปกติ ผมพยายามไม่ทำหน้าหงิกเพราะกลัวซอลจะรู้ว่าผมกำลังโกรธ แต่พอผมเดินกลับไปที่โต๊ะแล้วเห็นซอลกำลังยิ้มหวานหัวเราะเล่นกับพวกไอ้นัทไอ้ฉัตร ผมรู้สึกเหมือนถอยหลังกลับไปอยู่จุดเดิมเลย
ความโกรธของผมลดลง ซอลเหมือนยาใจของผม
แม่ง.. จะน่ารักไปไหนวะ
“ไปไหนมาอ่ะคร้าบบบเพื่อนมิณทร์ ไปหลบมุมไปกิ๊กกับสาวมาหรอค้าบบบบ” คำแรกไอ้ห่านัทก็ยุแยงผมให้บ้านแตกเลย เข้! น่าเอาตีนเหยียบปากนัก
“หิวแดกข้าว ห้าวแดกตีน อยากแดกตีนแล้วป่ะ?”
ผมสวนมันไปสั้นๆเล่นเอาไอ้ฉัตร แอ๊นท์และกุญแจซอลที่ฟังอยู่ขำก๊ากกันไปเลย เสียงหัวเราะของซอลทำอารมณ์ของผมที่ยังคุกรุ่นอยู่เบาบางขึ้น
โห เมียพี่.. รอยยิ้มนางฟ้าชัดๆ
ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆซอลก่อนจะกอดเอวซอลอย่างเป็นเจ้าของโดยไม่สนใจสายตาใคร เกียร์ของผม..ผมจะไม่มีวันให้ใคร ผมเอียงตัวไปแตะจูบลงที่ข้างแก้มซอลอย่างแผ่วเบา
“ไอ้เชี่ยมิณณณณณณทร์ ทำอะไรเกรงใจคนดูบ้างเห้อออออ เชี่ยยย พวกกูตาร้อนผ่าวๆจะสำลักน้ำตาลตายอยู่แล้วไอ้ห่า มึงนี่ก็ขยันสวีทโชว์เพื่อนจังงงง”
“พี่มิณณณทร์ ปล่อยซอลก่อนน อายคนอื่นเค้าค่ะ!”
ทั้งกุญแจซอลกับไอ้นัทต่างมีปฏิกิริยากับการนัวเนียของผมกันอย่างเต็มที่ผิดกับไอ้ฉัตรที่นั่งมองหน้านิ่ง ผมเกลียดตัวเองที่เวลาอยู่กับซอลแล้วผมมักห้ามใจตัวเองไม่ได้จนเผลอรุ่มร่ามกับซอลทุกที ผมรู้ว่ามันไม่ดีแต่ผมยอมรับ.. ว่าผมโคตรหวงซอลเลยว่ะ!
“ก็พี่อยากกอดหนูนี่คะ”
อาจจะเพราะว่าเรารอเวลาเพื่อที่จะได้รักกัน..และผมก็รู้ว่าหลังจากนี้นั้นเราก็ต้องห่างกันไปอีก ต่อไปผมอาจจะไม่ได้กอด ไม่ได้หอมซอลบ่อยๆเพราะงั้นถ้าผมอยากกอด ผมอยากหอม ผมอยากจูบ ผมก็จะทำ..
จริงๆผมก็อึดอัดเพราะผมยังไม่ได้บอกซอลเลยว่าผมต้องเลื่อนไปทำงานต่างจังหวัดเร็วขึ้นทั้งๆที่เราเพิ่งตกลงคบกันแท้ๆ ผมกับซอลเพิ่งได้ทำตามที่หัวใจปรารถนาเอง เราเพิ่งได้อยู่ในอ้อมกอดของกันและกันเองและยิ่งผมได้เห็นหน้าอ้อนๆของซอลแบบนี้แล้วผมว่าทุกอย่างมันเร็วเกินไปว่ะ
และยิ่งไอ้โฟล์คคอยเสียบอยู่แบบนี้นะผมนี่แทบไม่อยากไปไหนเลยจริงๆ ผมเสียดายเวลาที่ผ่านมาที่เคยใช้ไปกับคนอื่น ผมโง่เองที่รู้สึกตัวช้า.. แต่ในความโง่นั้นผมก็ยังโชคดีที่กุญแจซอลยังคงรอผมอยู่และซอลก็ไม่เคยหมดรักในตัวผมเลยสักครั้ง
“ซอลขา เรากลับกันเถอะค่ะ”
ผมจูงมือซอลให้ลุกขึ้นขณะที่แอ๊นท์กับไอ้นัทมองผมตาโต ทำมายยย จูบตรงนี้ก็ผิดก็จะกลับไปจูบที่บ้านแล้วจาอะไรกันอีกล่ะ
“เข้!! พอกอดพอหอมเสร็จมึงก็จะดึงน้องเข้ามุมมืดไปฟัดกันส่วนตัวเลยเหรอวะ” ไอ้นัทโวยวายเสียงดังแต่ผมไม่สน ผมจับซอลให้ลุกขึ้นก่อนจะหยิบกระเป๋าคลัชของซอลมาถือไว้ซะเอง ก็จะกลับไปมุ้งมิ้งกันสองคนจะเสือกอะไรอีกล่ะ
“เรื่องของกูป่ะ กูจะกลับแล้วไอ้ห่าโวยวายทำไม ไปละมึงแล้วไว้เดี๋ยวค่อยคุยกัน”
“ยังไงมึง มึงจะพาน้องเขาไปไหนวะ”
คำแรกที่หมาจอมเสือกอย่างไอ้ฉัตรเอ่ยปากพูดก็อัดผมซะตรงประเด็น ไอ้ฉัตรตวัดสายตามองหน้าซอลที่แดงแปร๊ด เหมือนแม่งจะรู้เลยว่าคืนนี้ผมกับซอลวางแผนจะใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
“หุ้ยๆๆๆ นั่นดิจะไปไหนกันอ่ะคร้าบบบ” ไอ้นัทเองถึงจะเมาอยู่แต่ก็อยากเสือกเรื่องของผมพอกัน ทั้งไอ้นัทกับไอ้ฉัตรต่างก็ทิ่มสายตามองไปยังกุญแจซอลที่ยืนก้มหน้าเฉลยคำตอบโดยการทำหน้าแดงถึงหู ผมกระตุกมือซอลให้มายืนข้างๆแล้วพูดหน้านิ่ง
“กูจะไปส่งซอลที่บ้าน พอใจพวกมึงยัง” ผมปิดปุ่มเสือกของไอ้นัทไอ้ฉัตรกะให้แม่ง กระสันอยากรู้กันจนนอนไม่หลับไปเลย ผมเลือกที่จะปิดประโยคและเดินจูงมือซอลออกมาท่ามกลางสายตาที่คอยเสือกอยู่ของพวกแม่ง “ซอลคะ เราไปกันเถอะค่ะ”
“เชี่ยมิณณณณณทร์ ทีงี้รีบชิ่งเลยนะสาดดด”
ไอ้นัทโวยวายตามหลังแต่ช่างหัวมันเพราะผมไม่สนหรอก ผมอยากอยู่กับซอลสองคนมากกว่า ผมโบกมือให้พวกมันก่อนจะชิ่งออกมาอีกอย่างผมไม่อยากเปิดโอกาสให้ไอ้โฟล์คเข้าใกล้ซอลด้วย เดี๋ยวเผื่อผมคิดบวกกลางงานบายเนียร์จะยุ่งกันใหญ่
โชคดี.. ที่พอผมจูงซอลเดินกลับออก มาหน้างานไอ้ห่าโฟล์คมันก็ไปที่ชอบๆแล้ว คงเหลือแต่เศษก้นบุหรี่กับอารมณ์ตะวันตัดบูรพาที่ยังคุกรุ่นอยู่เท่านั้น
“เอ้ออ พอพี่กลับมาอีกทีไอ้โฟล์คก็ไม่อยู่แล้ว หนูเห็นมันในงานบ้างมั้ยคะ”
“อืมมม ไม่นะคะ ซอลไม่เห็นเลย” กุญแจซอลทำหน้านึกก่อนจะส่ายหัวเบาๆดวงหน้าหวานดูไม่รู้เลยว่าผมหลอกถามถึงไอ้โฟล์คอยู่ ผมอยากรู้ว่าซอลรู้เรื่องที่ไอ้โฟล์คแอบตกหลุมรักอยู่รึเปล่าแต่คำตอบคือไม่.. ตรรถกะง่ายๆที่ผมสรุปได้คือไอ้โฟล์คตกหลุมรักกุญแจซอลข้างเดียว
เด็กบ้านี่เสน่ห์แรงจนน่าหงุดหงิดอ่ะ..
“ทีหลังหนูอย่าไปขอเกียร์ใครเขามั่วซั่วอีกนะคะ สำหรับเด็กวิศวะการให้เกียร์ก็หมายถึงการให้หัวใจ ถ้าหนูรับเกียร์จากใครก็แปลว่าพี่อกหัก”
“มะ ไม่ใช่นะคะ!! ซอลไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลยค่ะพี่มิณทร์”
กุญแจซอลรีบหันมาแก้ต่างกับผมหน้าตาเลิกลั่ก มือบางฉวยจับแขนผมแน่น
“ซอลก็แค่คิดว่ามันเหมือนกับเกียร์ของพี่มิณทร์ก็เท่านั้นเอง ซอลไม่ได้คิดว่าโฟล์คจะฝากเกียร์อะไรกับซอลเลยด้วยซ้ำ..”
เป็นอีกครั้งที่กุญแจซอลทำหน้าตกใจปนจะร้องไห้อธิบายกับผมเสียงสั่น ก็เพราะว่าน่ารักแบบนี้ไงใครๆก็เลยหลงรัก แล้วผมควรจะโกรธยัยเด็กเจ้าปัญหาที่ทำให้คนอื่นหลงรักโดยไม่รู้ตัวดีมั้ยเนี่ยย
“พี่รู้ค่ะ พี่แค่พูดไว้เฉยๆ” ผมถอนหายใจทิ้งแล้วยื่นมือไปหยิกปลายจมูกซอลเป็นการทำโทษก่อนจะส่ายไปส่ายมา “ทีหน้าทีหลังจะทำอะไรก็หัดระวังตัวด้วยนะคะ พี่ไม่โกรธหนูหรอกค่ะแต่แค่หนูอาจไปให้ความหวังใครโดยไม่รูต้ตัว พี่แค่อยากให้ระวังไว้”
“แต่ซอลไม่ได้คิดอะไรกับโฟล์คเลยนะคะ”
“อันนั้นพี่ก็รู้ค่ะ แต่ถ้าไอ้โฟล์คมันคิดอะไรกับหนูล่ะคะ หือมม ไหนบอกพี่มาซิ๊”
“ซอลคะพี่แค่ไม่ไว้ใจตัวเอง”
MIN SAID
คราวนี้ผมเปลี่ยนใช้สองมือหยิกพวกแก้มยุ้ยของซอลแทน พวงแก้มเนียนใสเริ่มแดงเป็นตามรอยหยิกเป็นปื้นๆ อุ้ยย รู้งี้ใช้ปากทำโทษแทนดีกว่าว่ะ
“ไม่หรอกค่ะ ซอลกับโฟล์คเป็นเพื่อนกันค่ะพี่มิณณณทร์” มาถึงตรงนี้ผมเริ่มสงสารไอ้โฟล์คนิดๆแล้ว ทั้งที่มันก็ชัดเจนออกปานนั้นแต่ซอลก็ยังไม่รู้ว่าไอ้โฟล์คคิดไม่ซื่ออยู่อีกก เป็นผมผมก็จุกว่ะ
“ดื้ออออออ จังเลยนะคะ”
ผมบิดแก้มซอลเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยวอีกครั้งก่อนจะปล่อยมือจากแก้มนุ่มเพราะกลัวพวงแก้มเป็นรอยเพราะมือหนาๆของผม “พี่พูดก็หัดฟังบ้างนะคะ”
“ฟังงงค่ะแต่พี่มิณทร์นั่นแหล่ะไม่ยอมฟังซอล” กุญแจซอลหน้ายู่คลำแก้มตัวเองป้อยๆ ดู๊ดูสิยังจะเถียงอีกน่ะ
“ขี้เถียงจังค่ะ ไปค่ะเรากลับรถกันได้แล้วดึกมากแล้วเดี๋ยวหนูจะกลับบ้านดึกเอานะคะ”
“อ้าว แล้วพี่มิณทร์ไม่พาซอลไปคอนโดหรอคะ” จากที่ทำหน้าง้ำกุญแจซอลช้อนตามองผมอย่างงงๆ ไม่ต้องงงค่ะ.. เพราะถ้าพี่พาหนูกลับคอนโดคืนนี้พี่คงเผลอฟัดหนูหนักแน่ๆ “นี่พี่แกล้งซอลเล่นอีกแล้วใช่มั้ยคะ”
“ไม่ได้แกล้งค่ะพี่ชวนหนูไปคอนโดพี่จริงๆ นี่ตกลงหนูอยากค้างคอนโดกับพี่จริงๆหรอคะ” อย่านะคะ อย่าตอบว่าอยาก เพราะพี่แทบจะกระชากหนูกลับไปฟัดที่คอนโดอยู่แล้ว โอยย แล้วดูทำหน้ากระเง้ากระงอดเข้าสิ ทำหน้าแบบนี้ โอเค..
Next station คอนโดพี่ค่ะ
“ยังกล้าถามอีกหรอคะ นี่ซอลไม่รู้แล้วนะคะว่าอันไหนพี่พูดเล่นพี่พูดจริง” กุญแจซอลกอดอกแล้วหันหน้าหนีไปอย่างงอนๆ อ้าว ก็ที่พี่เปลี่ยนใจกลางอากาศเนี่ยก็เพราะห่วงสวัสดิภาพหนูล้วนๆเลยนะคะ
“พี่ชวนหนูจริงๆ พี่ไม่ได้พูดเล่นค่ะ” ผมคล้องแขนรอบเอวซอลอย่างอ้อนๆ กุญแจซอลที่งอนผมจนแก้มป่องยิ่งทำให้ดูน่ารักไปกันใหญ่ โอยย ถ้าหนูจะน่ารักมากกว่านี้ พี่จะไม่ทนแล้วนะคะ!
“ซอลไม่เชื่อพี่แล้วค่ะ”
“ซอลคะพี่แค่ไม่ไว้ใจตัวเอง” ผมก้มลงจูบที่บ่าซอลอย่างแผ่วเบา “พี่กลัวอยู่ใกล้ๆแล้วห้ามใจตัวเองไม่ได้ค่ะ” นี่ขนาดแค่จูบผ่านเสื้อสูทที่ไหล่เบาๆนะ แค่สัมผัสแผ่วๆและกลิ่นหอมจางๆผมยังแทบจะยั้งใจตัวเองไม่ได้เลย แล้วถ้าไปอยู่กับผมสองคนในห้อง ผมว่าผมหนีไปบวชดีกว่าว่ะ!
“แล้วพี่มิณทร์ไม่อยากอยู่กับซอลหรอคะ” โอ้ยย น้องคะสติพี่ปลิวราวกับเส้นด้ายบางๆที่จะขาดแหล่ไม่ขาดแหล่ พี่อยากเป็นคนดีทำไมหนูถึงสนับสนุนให้พี่เลวจังงง
“อยากค่ะแต่พี่กลัวหยุดตัวเองไม่อยู่” ผมบอกซอลไปตรงๆก่อนจะกดปลายจมูกและคลอเคลียริมฝีปากแช่ไว้ที่ไหล่ซอลและกดจูบซ้ำๆย้ำๆอยู่แบบนั้น เข้..ถ้าอดไม่ไหว จูบซอกคอกันกลางที่จอดรถนี่จะโดนแอบถ่ายคลิปมั้ยวะ
“แต่ซอลอยากอยู่กับพี่มิณทร์นะคะ”
ที่ระเบิดตูมแล้วเละเป็นโกโก้ครันซ์คือสติผมตอนนี้เลย.. เลือดลมผมสูบฉีดและถ้าถามว่าอะไรที่ทำให้ผมคลั่งไคล้และหลงหัวปักหัวปำที่สุดก็เด็กบ้าที่ยืนทำหน้าน่ากินอยู่ตรงหน้าเนี่ยล่ะ
“งั้นตกลงคืนนี้ค้างคอนโดพี่นะคะ”
“ค่ะ” พวงแก้มขาวแตะสีแดงระเรื่อก่อนจะค่อยๆพยักหน้ารับอย่างช้าๆ ผมได้แต่กัดปากมองเด็กน้อยตรงหน้าอย่างหมั่นเขี้ยว
คืนนี้ถ้าทำมากกว่าฟัดจะเป็นไรมั้ยวะ..
“เออ กูไปบอกรักซอลมา..”
FOLK SAID
SPECIAL PART: คนที่เฝ้ามอง
FOLK’S TALKS
หน้าหอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัย K
ผมรู้สึกเหมือนหมาตัวนึง..
หมาขี้เรื้อนโง่ๆที่รักเธอ
ผมเดินวนเวียนอยู่รอบสระน้ำหน้าหอประชุมใหญ่ทั้งๆที่ห้องจัดเลี้ยงอเนกประสงค์ด้านในกำลังสนุกกันอยู่สุดๆ แม่ง..สุดท้ายพระเอกก็ชนะ จะมีเรื่องไหนบ้างมั้ยวะที่เว้นวรรคให้พระรองอย่างผมชนะใจนางเอกบ้าง เพราะผมมั่นใจว่าผมเองก็รักกุญแจซอลไม่น้อยหน้าใครแน่ๆ
ผมรู้ตั้งแต่แรกแล้วถึงคนในใจของยัยนั่น แต่ก็นั่น..ถึงจะพยายามแค่ไหนก็แพ้คนในใจอยู่ดี กุญแจซอลไม่เคยมองใครนอกจากพี่มิณทร์เลยสักครั้ง พวกเขาเหมือนเกิดมาเพื่อกันและกันและทั้งที่รู้แบบนั้นแต่ผมเองแหล่ะที่เผลอใจ ผมไม่รู้ว่าเผลอหลงรักยัยนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้อีกทียัยนั่นก็โดดมานั่งอยู่กลางใจไปแล้ว..
“แต่ซอลไม่ได้คิดอะไรกับโฟล์คเลยนะคะ”
จ้ะ.. ไม่ต้องปฏิเสธเสียงแข็งขนาดนั้นก็ได้แม่คุณ เสียงหวานรีบปฏิเสธพี่มิณทร์อย่างเข้มแข็งโดยที่ไม่รู้ว่าผมแอบฟังอยู่ สองคนนั่นเดินจูงมือกันผ่านผมไปโดยไม่รู้ว่าผมแอบหลบอยู่และได้ยินสิ่งที่พี่ทั้งสองคนคุยกัน
“ซอลกับโฟล์คเป็นเพื่อนกันค่ะพี่มิณณณทร์”
คำก็เพื่อน.. สองคำก็เพื่อน.. เคยถามผมสักคำมั้ยว่าผมอยากเป็นเพื่อนด้วยป่าววะ ยังไม่ทันได้สารภาพรักก็อกหักจะมีใครน่าสมเพชกว่าผมอีกมั้ยเนี่ย ไม่เคยอยากเป็นเพื่อน อยากเป็นแฟน อยากเดินควงแขน อยากจับมือ เข้าใจกันบ้างป่าววะ
พอเห็นซอลกับพี่มิณทร์ทำท่าจะเลิฟซีนกัน ผมแม่งแทบกระอักจนต้องเดินหนีหางจุกตูดมาเนี่ย แม่งโซซัดโซเซสัส..
ผมมาทีหลัง ซอลกับพี่มิณทร์มีใจให้กันอยู่ก่อน แต่คนที่คอยจับมือยัยนั่นตอนท้อ คนที่คอยเช็ดน้ำตาให้ยัยนั่น คนที่ยัยนั่นโทรหาเวลาไม่เห็นใครมันก็ผมป่ะวะ?
แล้วพี่มิณทร์เองป่ะที่ไม่ได้เลือกซอลแล้วหันไปคบกับพี่มิ้นท์ตั้งแต่แรก พี่มิณทร์เลิกที่จะหันหลังให้ความรู้สึกของซอล แล้วหันไปคบกับดาวมหาลัย.. สี่ปีก่อนพี่มิณทร์เอาซอลไปไว้ที่ไหนเคยใส่ใจยัยนั่นสักครั้งมั้ยก็เปล่า
แล้วทำไมผมจะไม่มีสิทธิในตัวยัยนั่นวะ?
ผมรู้ว่าผมไม่มีทางสู้ผู้ชายที่ชื่อ มิณทร์ ปันณพัชร แต่สักวันที่คอยัยนั่นต้องมีเกียร์ของผมคล้องอยู่ เพียงแต่ตอนนี้ยอมเป็นเพื่อนไปก่อนก็ได้วะ.. ผมเดินโต๋เต๋ด้วยใจที่โบ๋เบ๋กลับเข้าไปที่งานอีกครั้ง กว่า ๕๐ เปอร์เซ็นต์ของงานเมาแอ๋และเต้นเรื้อนกันเต็มไปหมด
ผมเดินไปสมทบกับไอ้อินที่นั่งรวมอยู่กับก๊วนพวกปีหนึ่ง ดูจากขวดโซดาที่วางกองเรียงกันแล้ว นี่พวกมึงแดกกันเกรงใจเจ้าของงานกันบ้างป่าววะ?
“ไอ้เชี่ยโฟล์คหลบไปเลียแผลใจที่ไหนมาวะ” ไอ้อินโบกมือทักผมที่เดินหลบๆผู้คนเข้าไป เพื่อนอกหักต้องแหกปากประจานไหม ถาม? “กูเห็นพี่มิณทร์เดินจูงมือกุญแจซอลต้อยๆกลับไปแล้วว่ะ”
“แดกไรวะ แดกด้วยดิ”
ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างไอ้ดินอย่างเบื่อๆก่อนจะฉกแก้วเหล้าจากมือมันมากินซะเอง ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าแต่ทำไมรสชาติเหล้าวันนี้มันอ่อนจังวะ "นี่มึงกินน้ำเปล่าป่ะ แม่งจืดฉิบหาย” ผมเติมเหล้าลงไปอีกสองสามฝาจนไอ้อินตาโต
“เชี่ยยยยโฟล์ค มึงกลัวไม่เมาตายไงวะ”
“แดกอ่อนอย่างมึงปีหน้าจะเมาป่ะไอ้อิน เชี่ยยแดกได้ชนชั้นประถมสัส”
“แล้วมึงเทสามฝาพรวดนี่มึงกะจบปริญญาเอกเลยรึไงวะ ไปเสือกเห็นอะไรมาอีกล่ะเมื่อเช้าก็หน้าร้าว ตอนนี้ก็ดูสะบักสะบอมเชียวมึง” ไอ้อินแบ่งเหล้าเทออกจากแก้วไปครึ่งแล้วเทโซดาใส่ก่อนจะส่งคืนให้ผม แบบนี้เรียกมีเพื่อนประเสริฐหรือเรียกว่ามีเพื่อนเนิร์ดดีวะ?
“เออ กูเจ็บหนัก”
“ก็เล่นกับใครไม่เล่นเสือกเล่นกับเทพบุตรวิศวะไม่จุกก็แปลกล่ะมึง ตอนมึงไม่อยู่พี่มิณทร์ขึ้นไปร้องเพลงเรียกแขกบนเวทีนี่กูนึกว่าโดม ปกรณ์มาเองเลยนะ” ผมรู้ว่าไอ้อินพูดไม่ผิดเลยสักนิดเดียว ผมพยักหน้ารับรู้แล้วกรอกเหล้าเข้าปากอั๊กๆ
“ก็ปกติของพี่แกอยู่แล้วป่ะ”
“แต่มึงรู้ไรป่ะตอนสาวๆหวีดกันแล้วพิธีกรถามเรื่องกุญแจซอลบนเวที พี่แกตอบแบบไม่กลัวเสียเรทติ้งเลยว่า ‘วันนี้ผมมากับคนรักของผมครับ’”
จากที่กระดกๆเหล้าอยู่ผมชะงัก นาทีนั้นผมรู้ได้เลยว่าพี่มิณทร์เอาจริงกับกุญแจซอล ผมอดนึกถึงสายตาจริงจังที่กระชากคอเสื้อผมไม่ได้ ทั้งๆที่พี่มิณทร์จะต่อยผมให้คว่ำลงตรงนั้นเลยก็ได้แต่ก็ไม่ทำ..
แต่ถึงกับประกาศบนเวทีเลยหรอวะ?
“ไอ้โฟล์คกูว่ามึงเจอศึกหนักแล้วว่ะ ตัวพ่อออกตัวแรงขนาดนั้นกูว่ามึงหมดสิทธิ”
เออ ถึงมึงไม่ย้ำกูก็รู้ แต่ถึงขนาดประกาศบอกทุกคนบนเวทีแบบนี้พี่แม่งกลัวผมไม่แพ้รึไงวะ? “ตกลงมึงไปเจอไรมาอ่ะสภาพรุ่งริ่งกลับมาเชียว แอบไปสารภาพรักกับกุญแจซอลมารึไงวะ” ผมไปสารภาพกับพี่มิณทร์ว่าผมหลงรักกุญแจซอลมาต่างหากล่ะ นี่ถ้าบอกมันจะช็อคมั้ยวะ? แม่งเดาผิดไปนิสเดียว
“เออ กูไปบอกรักซอลมา..” ผมเว้นวรรค “แต่กูไปบอกกับพี่มิณทร์นะ”
“เข้!!!!!!!! แล้วมึงไม่โดนสอยหน้าแหกมาหรอวะ” ไอ้อินตกใจตาค้างอย่างที่ผมเก็งไว้จริงๆ ผมฉกแก้วเหล้าที่ผสมสามฝาที่เหลือคืนมาจากไอ้อิน กูบอกแล้วว่ายังไงคืนนี้ต้องเน้นๆทีละสามฝาเท่านั้น
“ไม่นะ” ผมรีบยกแก้วซดจนเหล้าพร่องไปกว่าครึ่งเพราะกลัวไอ้อินจะฉกกลับไปอีกเพราะขี้เกียจชงใหม่ “พี่มิณทร์แค่กระชากคอเสื้อกูและบอกให้กูเลิกยุ่งกับซอลซะ”
“เชี่ยยย ตะวันตัดบูรพาสัสอ่ะ!”
“ก็จะให้ทำไงวะ กูหลุดปากไปแล้ว..” ผมกระดกแก้วยกซดจนเหลือแต่น้ำแข็ง ในหัวมีแต่งเรื่องของกุญแจซอล เรื่องที่ปะทะกับพี่มิณทร์วนเวียนไปหมด
“เชี่ยโฟล์คแล้วมึงจะเอาไงต่อวะ”
“จะเอาไรต่อล่ะไม่มีไรให้เอาแล้ว” ทุกอย่างออกมาชัดเจนขนาดนั้นแล้วว่าพี่มิณทร์ไม่ยอมแน่ๆถ้าผมยังยุ่งกับซอล อยู่ แต่ใครแม่งจะไปตัดใจได้ง่ายๆวะ
“ตกลงมึงจะยอมว่างั้น?”
“ยอมเหี้ยไรมันไม่มีทางให้ไปก็เห็นอยู่”
“กูไม่ได้บอกให้มึงชนแต่กูบอกให้มึงรอ มึงจำไม่ได้ไงวะ” บอกตอนไหนวะไม่เห็นจำได้ ผมวนแก้วเหล้าเปล่าที่อยู่ในมือเล่นจนน้ำแข็งกระทบรอบๆแก้วเสียงดัง
“ทฤษฏีรอเสียบมึงอ่ะนะ”
พอนึกไปนึกมาไอ้ที่ไอ้อินแนะนำก็มีอยู่แค่วิธีเดียวคือรอเสียบ รอให้พี่มิณทร์กับซอลเลิกกัน
“มึงคิดดิ ถ้าพี่มิณทร์ไปมีใหม่นี่มึงรอเคลมสวยๆเลยนะแล้วมึงลองคิดดูเฮียแกหล่อออกขนาดนั้นสาวๆรอพุ่งเสียบแทนกุญแจซอลกันรึ่ม กูว่าคู่นี้ยังไงก็ไม่นานว่ะ”
จากเพื่อนที่แสนดีผมเปลี่ยนโหมดเป็นวายร้ายรอเสียบเต็มขั้น ทั้งที่ไม่เคยเห็นด้วยกับไอ้อินมันแต่ตอนนี้ผมกลับเริ่มเห็นด้วยเต็มร้อยแล้วดิ ความคิดเวรๆเลยทิ่มขึ้นมาในหัวว่าเมื่อไหร่ซอลกับพี่มิณทร์จะเลิกกัน
“เออ ตามนั้น” ไม่อยากจะยอมรับแต่ผมอยากไปยืนตรงนั้นแทนที่พี่มิณทร์จริงๆ ยัยนั่นไม่เคยมองผมอย่างหลงใหลและเต็มไปด้วยความรักแบบนั้นเลยสักครั้ง
“ให้มันได้งี้ดิว้าอย่าเพิ่งหูตกไประหว่างนี้มึงก็ดูแลใจกุญแจซอลไปก่อน รักทางไกลยังไงก็มีปัญหาว่ะ”
ให้มันมีปัญหาวันนี้พรุ่งนี้เลยได้มั้ยวะผมไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว ภาพซอลกับพี่มิณทร์ที่เห็นวันนี้มันบาดใจไปวะ.. ผมเจ็บเหมือนหมาที่เห็นซอลกับพี่มิณทร์เดินจับมือกัน ภาพที่ทั้งคู่มองตากันและทำเหมือนโลกนี้มีแค่เพียงสองคนทำให้ผมจุกสุดๆ นี่ไม่รู้หลังจากนี้สองคนนั่นจะไปไหนกันต่อด้วยนะ
“ไอ้อินคืนนี้กูอยากเมาว่ะ”
พอคิดว่าซอลกับพี่มิณทร์จะมีอะไรกันผมงี้แม่งอยากวิ่งไปพุ่งหลาวลงสะพานหรือเอาหัวจุ่มน้ำให้ตายห่าไปเลย เอาตีนขยี้หน้ายังเจ็บน้อยกว่าสิ่งที่ผมจินตนาการอยู่เลยว่ะ ผมมองไอ้อินที่ยกนิ้วโป้งให้แล้วจัดแจงชงเหล้าให้ผมอย่างเมามันส์ คืนนี้แม่งเหมือนอยากเมาเหล้าแต่เอาจริงๆผมแม่งเมารัก
และก่อนที่ภาพในหัวจะฆ่าผมมากไปกว่านี้คืนนี้ผมอยากเมาให้หนัก อยากเมาแม่งให้ลืมคืนลืมวัน เมาจนลืมหน้ายัยใจร้ายได้ก็คงดี
หนึ่งฝา.. สองฝา.. สามฝา..
เทแม่งลงไปให้หมด อยากเมา!
เมา..
(LOADING 100%)
เชียร์พี่มิณทร์ กด 1
เชียร์โฟล์ค กด 2
เหมาๆ กด 3
ก็อยากจะเชียร์โฟล์คนะ
แต่เค้าแพ้รังสีเลิฟๆของพี่มิณทร์กับหนูซอลอ่ะ มิ้งงงงมากกก
รักนิยายเรื่องนี้ เม้นต์มาคุยกันบ้างน้าา
ขอบคุณค่ะ
..
❤
รักส์
ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ
ความคิดเห็น