NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BaBY_LoVe : แรกรักเธอ

    ลำดับตอนที่ #31 : ช่องว่างของระยะทาง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.91K
      68
      5 มิ.ย. 66

    “ข้างๆซอลเป็นผู้ชายใส่ช็อปวิศวะ” 
    MIN SAID



     

    EP 33: ช่องว่างของระยะทาง
    MIN’S TALK
    บ้านพักคนงานโครงการก่อสร้างอุโมงค์ผันน้ำ จังหวัดลำพูน, 11:20 PM

                

    ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้..
            

    ผมลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้อง.. พอกลับมารีบกดโทรออกก็เจอเสียงนี้ เยดเขร้~~  ผมจะฟังเสียงเมียยย  เสียงนี้ไม่เอาาาา ว๊อดดด ดา ฟักกกกกกก
              

    ช่วงนี้ผมวุ่นๆอยู่กับงานที่ไซต์เกือบทั้งวัน  ไม่สิ.. ข้ามคืนข้ามวันเลยต่างหาก พอเข้าฤดูฝนแล้วงานขุดเจาะที่ผมทำอยู่เริ่มทำงานได้ยาก เพราะนอกจากจะเข้าไปบริเวณไซต์งานลำบากแล้วถนนลูกรังโดยรอบยังเป็นดินแดงผสมโคลน  แล้วยิ่งฝนตกทุกอย่างยิ่งเละเทะไปหมด งานแม่งก็รีบบ  ฝนก็ตกอีกกแล้วก็เสือกลืมโทรศัพท์ด้วย  


    ซวยเช็ดเป็ดเลยว่ะ!!
              

    อาทิตย์นี้ผมทำงานข้ามคืนข้ามวัน  ที่สำคัญต้องช่วยดูงานในส่วนของมิ้นต์ที่ไม่สบายเป็นไข้ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วด้วย  ผมสัญญากับซอลว่าถ้าว่างเมื่อไหร่ผมจะกลับลงไปหา  แต่ตั้งแต่เริ่มทำงานมา เวลาว่าคืออารายยย นุ้งมิณทร์ไม่เคยสัมผัส พอหยุดช่วงเสาร์อาทิตย์พวกรุ่นพี่พวกเพื่อนแม่งก็ชอบชวนกินเหล้ากัน  ไม่ได้กินได้ป่ะละ?ก็ไม่ได้ไงก็ต้องกินน เอนจิเนียร์ทั้งทีมกินผมก็ต้องกินน  แม่งไม่กินก็หมาอ้ะ!
                

    ตั้งแต่เมื่อวานที่ผมขลุกอยู่ที่ไซต์แล้วก็ยืนคุมเทปูนข้ามคืนข้ามวัน  คือแม่งแบบทั้งเหนื่อยทั้งหิวมากอ่ะ  ก็อยากออกมาหาไรกินนะแต่อย่างที่บอกว่าถนนทางเข้าไซต์งานมันเชี่ยยแม่งเละเป็นโคลน  ผมก็เลยอดทนไว้ออกมากินทีเดียวตอนมาถึงบ้านพัก พอมาถึงห้องปุ๊ปผมก็รีบตะครุบคว้าโทรศัพท์  เหยดดโด้ววว  โทรศัพท์ดับ! 


    แถมพอเปิดเครื่องกุญแจซอลโทรมาหลายสายเลยอ่ะ  พอผมกดอ่านข้อความในไลน์ก็พบว่าซอลเป็นห่วงเรื่องที่ผมหายไปอยู่  แต่พอผมรีบเสียบสายชาร์จแบตกุญแจซอลดันปิดโทรศัพท์ซะงั้นนน  
              

    ฮรือออ  นุ้งมิณทร์ช่างอาภัพพ
              

    ผมไม่ค่อยมีเวลาให้ซอลมาหลายวัน  เวลาคุยกันก็ดูซอลเข้าใจผมนะแต่ช่วงหลังผมสังเกตเห็นว่าสีหน้าและแววตาเมียผมดูแปลกๆ  มันเหมือนว่าซอลมีอะไรในใจเพียงแต่ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไรก็เท่านั้น..
              

    ผมพยายามไล่กดโทรศัพท์โทรออกพร้อมๆกับส่งไลน์  ที่ผมหายไปซอลคงเป็นห่วงผมน่าดู  แล้วนี่ซอลทำไรอยู่ไม่รู้ทำไมถึงปิดโทรศัพท์?
              

    ก๊อกๆ
              

    “มิณทร์ เราเข้าไปได้ป่ะ” 


    เสียงป่วยๆและเสียงไอค๊อกแค่กของมิ้นต์ดังลอดเข้ามาจากประตูหน้าห้อง  มิ้นต์ป่วยเป็นหวัดมาได้หลายวันแล้วไอค๊อกแค่กอยู่ห้องข้างๆ บอกให้ลาไปหาหมอก็ไม่ไปหา  จนบางทีผมก็สงสัยว่ายัยนี่เป็นผู้หญิงจริงป่าววะ?
              

    “เข้ามาดิ” ผมเดินดิ่งไปเปิดประตูให้ก่อนจะหน้านิ่วกลับมาพยายามกดโทรศัพท์หาซอลต่อ  แบตหมด?  หลับแล้วแต่ลืมชาร์จแบต? แม่งต้องเป็นเหตุผลอะไรสักอย่างละวะ 
              

    “งานเป็นไงบ้างอ่ะ”  


    มิ้นต์ที่หน้าซีดเหมือนผีพร้อมคาดหน้ากากอนามัยโดนสะโหลสะเหลเข้ามาในห้องผมทั้งชุดนอนและผ้าห่มหนาๆที่คลุมตัวไว้อยู่  ผมเงยหน้าขึ้นมาดู.. นี่ศพป่ะวะ?
              

    “เออ ก็ทันกำหนดนะ” ผมเลิกล้มความพยายามในการกดโทรศัพท์เพราะยังไงโทรไปซอลก็ยังปิดเครื่องติดต่อไม่ได้อยู่ดี  ผมจึงเปลี่ยนทาเก็ตเป็นไปส่องเฟซบุคซอล แทน  เอ.. ตั้งแต่ผมเข้าไปสิงอยู่ในไซต์ หนูซอลไปไหนหรือบ่นอะไรบนเฟสบ้างน้าา
              

    “แล้วนี่ทำไรอ่ะ”
              

    “ส่องเฟซบุคเมีย..”
              

    “ส่องทำไม  หนูซอลโกรธอะไรนายรึไง” เมื่อเห็นผมยังก้มหน้าง่วนกับโทรศัพท์อยู่อย่างไม่สนใจ  มิ้นต์เลยเดินตัวลอยๆเหมือนผีมานั่งไอค๊อกแค่กอยู่ข้างๆ  ผมหรี่ตาหันไปมอง  ผมว่ายัยนี่แหล่ะสารตั้งต้นของไข้หวัดที่ระบาดในไซต์  นี่มันตัวแพร่เชื้อชัดๆ
              

    “ไม่สบายก็กลับไปนอนป่ะ?”
              

    “นอนมาแล้วทั้งวัน.. เบื่อ อากาศแบบนี้โคตรชวนป่วยเลยอ่ะ”
              

    “เออ งั้นก็ไปนอนพัก”
              

    “เห็นหน้าแบบนี้แล้วไม่เอาอ่ะ อยากเสือก  ทำไม ไปทะเลาะอะไรกับหนูซอลมาอีกล่ะ?”
              

    “ไม่ได้ทะเลาะแต่แค่ลืมโทรศัพท์” ผมกดเข้าไปในเฟซบุคซอลแล้วเลื่อนหน้าจอส่องไปเรื่อยๆ  อ๋อ.. ที่ปิดเครื่องไม่รับโทรศัพท์เพราะดอดไปดูหนังรอบดึก  ผมเห็นซอลโพสต์รูปตั๋วหนังและเช็คอินที่ห้างๆนึง  งืมมม  ตั๋วมีสองใบ เมียไปกับใครวะ..
              

    “ดูไรอ่ะ ดูด้วยดิ” 


    มิ้นต์ชะโงกหน้ามาใกล้ๆอย่างตั้งใจเผือก  ผมขมวดคิ้วมุ่นแล้วพยายามใช้สมองคิดนิดหน่อย  ความจริงก็โล่งใจไปเปราะว่าที่ซอลปิดเครื่องเพราะดูหนังอยู่  เดี๋ยวออกจากโรงก็คงโทรกลับเอง แต่เอ๊ะ.. รูปต่อมาที่ซอลโพสต์ทำเอาผมกระพริบตาปริบๆ  เดี๋ยวนะ..
              

    “โห  ขนาดหัวกระเซิงยังน่ารักเลยอ่ะ” 


    มิ้นต์ที่กระแซะตัวมาเผือกเรื่องผมอยู่ข้างๆชมรูปกุญแจซอลเปาะ  รูปที่ซอลโพสต์เป็นรูปที่ซอลอยู่ในรถ?  ในสภาพหัวกระเซิง  ซอลทำปากจู๋แต่โคตรน่ารักพร้อมแคปชั่น ‘มีใครให้กระเซิงกว่านี้อีกมั้ยคะ’ ข้างๆซอล ผมเห็นชายเสื้อสีแดงเลือดหมูแพรมออกมาในรูปเล็กๆ  


    ใครไม่เห็นแต่ผมเห็น  ทำไมผมจะจำมันไม่ได้เพราะเป็นชายเสื้อช็อปที่ผมใส่อยู่มาตลอดสี่ปี  ผมใส่มาตั้งแต่สมัยเรียนตั้งแต่ก่อนผมจะเนรเทศตัวเองมาทำงานที่นี่  ข้างๆซอลเป็นผู้ชายใส่ช็อปวิศวะ

       
    “สายตาสั้นรึไงน่ะ” 


    มิ้นต์กระพริบตาปริบๆมองผมที่พยายามแหกรูปของซอลแล้วถ่างให้ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ  ใช่.. ผมมั่นใจว่านั่นคือชายเสื้อช็อปวิศวะ ลมหึงตีขึ้นจนผมโมโหขึ้นมาติดหมัด สมองผลประมวลผลแล้วก็ได้คำตอบมาในเวลาอันสั้น 
              

    ที่นั่งข้างซอลอยู่คือไอ้โฟล์ค..
              

    และก็คงเป็นไอ้โฟล์คที่ดูหนังรอบดึกกับซอลอยู่  เชี่ย..  วาร์ปจากลำพูนไปโผล่ที่เมเจอร์เลยได้ป่าววะ!
               

    “เป็นไรอีกอ่ะ”  มิ้นต์ขมวดคิ้วมองผมที่แยกเขี้ยวทำตาขวางอยู่อย่างงงๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ไปจากมือผมไปส่องบ้าง  “คือไร.. ไม่ชอบน้องเค้าที่หัวฟูรึไง”
               

    โว้ยยยยย ยัยตัวแพร่เชื้อหวัดด  มันใช่ประเด็นมั้ยวะ!!
                

    ผมฉกโทรศัพท์กลับสลับไปส่องเฟซไอ้โฟล์คบ้างแต่ก็พบว่าแม่งไม่อัพเดทเชี่ยไรเลย  เฟซบุคแม่งมีแต่หยากไย้เกาะ รูปล่าสุดที่มันโพสต์คือตอนมันสวมสายสะพายรับรางวัลเดือนวิศวะ
              

    “โหวว น้องคนนี้งานดีว่ะ” มิ้นต์ชะโงกหัวมาเผือกอีกครั้งก่อนจะชมไอ้โฟล์คเปาะ ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้แล้วถามความเห็นมิ้นต์กลับ
              

    “หล่อป่ะ?”
              

    “อือ หล่อ  งานดี  งานละเอียด  ดูกรุบๆน่ากินอ่ะ”
              

    “อ่ะนะ  คนนี้น้องสายรหัสเราเอง”
              

    “จริงงงงดิ  หูยย แซ่บส์น่ากินมากกอ่ะ”
              

    “แต่ก่อนเรามานี่  มันมาบอกว่ามันแอบชอบแฟนเราอยู่ว่ะ”
              

    “เอาจริงป่ะ?”
              

    “จริงดิ แล้วตอนนี้แม่งก็ดูหนังรอบดึกกับแฟนเราอยู่ เราโทรไปหาแฟนเราก็ดันปิดโทรศัพท์”  
              

    “นี่กำลังจะบอกเราว่าหนูซอลนอกใจนายไปกับน้องสายรหัส??”
              

    “ไม่ใช่  ซอลไม่มีทางนอกใจเราหรอกสำหรับซอลไอ้ห่าโฟล์คมันเป็นแค่เพื่อน” ผมกดออกจากเฟซบุคอย่างหงุดหงิด  ซอลคิดกับไอ้โฟล์คแค่เพื่อนจริงแต่สำหรับไอ้โฟล์คมันฝันไปไกลมากกว่านั้น
              

    “เอ้าา ก็ถ้าเชื่อใจแฟนแล้วจะมานั่งหางตกน้ำลายฟูมปากทำไมอ่ะ”
              

    “หึง” ผมตอบมิ้นต์ไปสั้นๆ เพราะคนที่จะควงซอลไปดูหนังรอบดึก ขับรถพาซอลไปโน่นมานี่  มันควรจะเป็น “ผม” คนเดียวป่ะ
              

    “งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ทำแทนให้ นายก็ขับรถกลับไปหาแฟนที่กรุงเทพ เอามั้ยล่ะ” 
              

    “ไม่อ่ะ ไม่ต้อง ไม่ต้องถึงขนาดนั้น” ผมเชื่อใจซอลและผมก็ขอบใจในความหวังดีของมิ้นต์  เอาจริงๆมันก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆเท่านั้น
              

    “ไม่เจอหน้าหนูซอลมาจะสองเดือนกว่าแล้วป่ะ  พรุ่งนี้รีบตีรถกลับไปก็ได้นะเดี๋ยวเราทำแทนให้เราเข้าใจความรู้สึกผู้หญิง  หนูซอลเองก็คงอยากจะเห็นหน้านายเหมือนกัน”  


    ไอ้อยากไปก็อยากไปอยู่หรอกนะ.. แต่เอาเข้าจริงๆการไปหากุญแจซอลตอนวันหยุดสุดสัปดาห์มันเป็นอะไรที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย  ขับรถจากกรุงเทพมาลำพูนใช้เวลาเกือบสิบชั่วโมง  กลับอีกสิบชั่วโมง  แล้วผมมีเวลาแค่สองวันมันจะไปพออะไรวะ?
              

    “ขอบใจแต่ไม่เป็นไรอ่ะ”
              

    “อ้าว”
              

    “เราว่าเรากับซอลเคลียร์กันได้  จริงๆเรื่องมันก็ไม่มีอะไรซอลก็แค่ไปดูหนังรอบดึกกับเพื่อนก็เท่านั้น” 
              

    “โอ้ยยย ทำเป็นพูดดด  กัดฟันเลือดออกปากแล้วป่ะ?”
              

    “ไม่เป็นไรจริงๆมิ้นต์เราเชื่อใจซอล  เดี๋ยวช่วงไหนลาพักร้อนได้ค่อยไป”
              

    “บ้าป่ะเนี่ยยย  ที่พูดอีกนานเลยนะ”  เอาจริงๆกว่างานผมจะซาอีกทีก็ตอนหมดฤดูฝน เพราะช่วงนี้ยิ่งในป่าด้วยฝนยิ่งตกหนัก  พอฝนตกหนักถนนก็พังแล้วไหนยังจะมีน้ำใต้ดินจากชั้นบาดาลโผล่ออกมาทำให้การขุดเป็นไปอย่างล่าช้าอีก  ก็จนกว่าจะหมดฤดูฝนอย่างต่ำๆก็อีกเกือบ ๔ เดือน  ผมว่านะ..
              

    “เธอจำที่เราเคยบอกได้ป่ะว่าคนที่รักกันไม่มีวันปล่อยมือจากกันง่ายๆหรอก จะมีแต่พวกที่รักกันไม่จริงเท่านั้น”
              

    “พูดงี้แน่ใจนะ”
              

    “แน่ใจดิ  เรากับซอลรักกันมากพอเดี๋ยวคอยดูแล้วกัน” ว่าแล้วผมก็หยิบโทรศัพท์แล้วโพสต์ลงหน้าวอลล์ของซอลในเฟซบุคอย่างประกาศเจตนารมย์ชัด          

              
     

    MIN PANNAPAT  >  GUNJAESAL
    คิดถึงมาก โทรหาด่วนค่ะ



    ตอนนี้อีกสิบนาทีเที่ยงคืน  พี่ให้เวลาหนูโทรกลับจนหนังเลิกเท่านั้นนะคะกุญแจซอล! 

     


    EP 34: อัศวินของเธอ
    FOLK’S TALK 
    วันต่อมา, คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย K, 2:40 PM



    ผมนั่งแกร่วอยู่ตรงม้าหินข้างลานเกียร์อย่างเบื่อๆ สายลมจางๆที่พัดมาชวนง่วงขณะที่บริเวณรอบๆมหาลัยยังคงมีนักศึกษาเดินควักไขว่กันไปมา พวกเพื่อนๆในกลุ่มผมต่างแยกย้ายกันไปเรียนตามภาค จริงๆผมควรตั้งใจมากกว่านี้นะแต่ช่วงนี้ผมไม่ค่อยมีสมาธิเลยจริงๆ ใบหน้าหวานที่ดูเหงาๆกับดวงตาช้ำๆของยัยกุญแจซอลทำเอาความตั้งใจผมเตลิดไปเลย 


    เชี่ยยย จะทำอะไรก็พะว้าพะวนว่ะ
              

    มันนานเกินไปแล้วนะที่ผมเห็นยัยกุญแจซอลอ่อนแอดั่งนกเจ็บแบบนี้.. ก็ถ้ารักแล้วมันทรมานทำไมถึงไม่เลิกกันซักที ผมหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นกุญแจซอลต้องทำหน้าเศร้าเพราะพี่มิณทร์ซ้ำๆ  ยัยนั่นมีรอยยิ้มแห้งๆที่มาพร้อมกับดวงตาแห้งผากเพราะคนๆเดิมซ้ำๆ  


    ผมไม่เข้าใจว่ะ.. ก็ถ้าไม่มีความสุขขนาดนั้นทำไมไม่เลิก  ก็ถ้าจะรักไปร้องไห้ไปก็สู้เลิกกันไปมันไม่ดีกว่าหรอวะ?
              

    “โฟล์ค  เราขอโทรหาพี่มิณทร์ก่อนนะ” 


    ยัยนั่นจะทำหน้าตาดีใจและรีบตีปีกโทรกลับไปหาพี่มิณทร์ทุกครั้งที่ได้รับข้อความจากพี่มิณทร์ที่ส่งเข้ามา  ดูจากสีหน้าและแววตาที่โคตรมีความสุขของยัยนั่นแล้ว.. ผมพูดไม่ออกเลยว่ะ
              

    เมื่อคืนผมกับซอลดูหนังรอบดึกกัน  กว่าผมจะทำให้ยัยนั่นยิ้มได้ก็ใช้เวลาตั้งเป็นวัน  แต่ผมกับพี่มิณทร์ดีกรีไม่เหมือนกันเพราะสำหรับพี่มิณทร์แค่ไลน์มาหายัยนั่นสั้นๆหรือแค่โพสต์ถ้อยคำกะหลั่วๆในเฟซบุคยัยนั่นก็ดีใจเหมือนถูกหวยแล้ว 
       

    MIN PANNAPAT > GUNJAESOL
    คิดถึงมาก โทรหาด่วนค่ะ
              


    โลกแม่งโคตรไม่ยุติธรรมเลยว่ะ..


         
    “พี่มิณณณณทร์  พี่หายไปไหนมาคะ” กุญแจซอลรีบโทรกลับไปหาพี่มิณทร์ปากคอสั่นหลังจากที่ออกจากโรงหนังแล้วเปิดโทรศัพท์แล้วพบว่าพี่มิณทร์ทั้งโทร ทั้งไลน์มาแล้วที่สำคัญยังไปประกาศโต้งๆตรงหน้าวอลล์เฟซบุคอีก  พอยัยกุญแจซอลเห็นก็รีบโทรกลับแทบไม่ทัน
              

    “ซอลกำลังจะกลับบ้านค่ะ  นี่พี่ไม่เป็นไรนะคะ?” สีหน้าและแววตาของยัยกุญแจซอลตอนนี้ทำให้ผมต้องหันหน้าหนีแล้วทำเป็นไม่ได้ยิน  แม่ง.. ต้องยิ้มอย่างมีความสุขขนาดนั้นเลยหรอวะ? 
              

    “นี่พี่อยู่ในนั้นข้ามวันเลยหรอคะ..ไม่เป็นไรค่ะซอลเข้าใจแค่พี่ไม่เป็นไรก็พอ  ค่ะ.. ซอลเป็นห่วงพี่มิณทร์นะคะ”
              

    แค่อธิบายไม่กี่คำก็ทำให้หน้ายัยกุญแจซอลกลับมาเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกได้แล้ว  


    เกิดเป็นพี่มิณทร์นี่แม่งเจ๋งว่ะ..


    “แล้วนี่พี่ไม่สบายรึเปล่าคะ ฝนตกหนักระวังเป็นหวัดด้วย  อ๋อ.. ที่กรุงเทพฝนไม่ตกแดดเปรี้ยงเลยค่ะ” ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมพยายามเล่นมุกให้ยัยนั่นยิ้มตั้งหลายครั้ง แต่ก็ไม่เท่ากับพี่มิณทร์โทรมาหายัยนั่นแค่ครั้งเดียว  


    ผมสมเพชตัวเองว่ะ
              

    “โฟล์คกำลังขับรถพาซอลไปส่งที่บ้านค่ะ  ได้ค่ะ  เดี๋ยวซอลถึงบ้านแล้วจะรีบโทรหาพี่  พี่มิณทร์ไปอาบน้ำหรือไปทำอะไรก่อนก็ได้ค่ะ  ค่ะ.. ไม่นานหรอกค่ะ” ยัยนั่นฉีกยิ้มเต็มหน้าเหมือนโลกทั้งใบกลับมาหมุนรอบตัวเองอีกครั้ง  ดีนะ รักกันดี  แล้วสุดท้ายผมก็เป็นได้แค่ติ่ง  เป็นได้แค่หมาหัวเน่ามองซอลกับพี่มิณทร์รักกัน
              

    “โฟล์คค  พี่มิณทร์ฝากขอบใจที่นายมาส่งฉัน” พอยัยนั่นวางหูปุ๊ปก็หันมาหาผมหน้าแป้น  เหอะ.. ฝากขอบคุณหรอ?  ฝากมาย้ำแสดงความเป็นเจ้าของมากกว่ามั้งง
              

    “แล้วไง พี่เค้าหายไปไหนมาล่ะ แล้วนี่ดีกันแล้วดิยิ้มหน้าบานถึงหูเชียว”
              

    “อื้อ พี่มิณทร์เพิ่งกลับมาจากไซต์เพราะเข้าเวรแทนเพื่อนตั้งแต่เมื่อวาน”
              

    “เพื่อน?” ผมทวน “เพื่อนที่ชื่อพี่มิ้นต์ที่เธอเพิ่งมาระบายกับฉันอ่ะนะ” 


    บางทีผมแม่งก็เหี้ยว่ะ.. ผมสังเกตเห็นกุญแจซอลหน้าเจื่อนไปนิดนึง  ผมย้ำเพราะผมรู้ว่าถ้าพูดถึงกุญแจซอลจะเจ็บ  บางทีผมก็อยากเลวเพียงเพราะอยากให้ซอลกับพี่มิณทร์เลิกกัน
              

    “ใช่..พี่มิณทร์บอกพี่มิ้นต์ป่วย” กุญแจซอลตอบกลับผมมาอย่างหงอยๆ เชี่ยย พอทำไปแล้วก็เสือกมาเสียใจเอง  ผมอยากให้ซอลเลิกกับพี่มิณทร์นั่นคือเรื่องจริง  แต่ผมเองก็ไม่ต้องการเห็นสีหน้าเศร้าๆของซอลแบบนี้เพราะผมเองก็รักซอลเหมือนกัน
              

    “แล้วจะเศร้าทำไม  ก็อย่างที่บอกพวกเขาก็เป็นแค่เพื่อนกันป่ะวะ” ผมเหมือนตบหัวแล้วลูบหลัง เพราะผมเป็นคนพูดจี้จุดซอลเองแล้วผมก็ปลอบซอลเอง แม่งเลวว่ะ
              

    “ฉันจะพยายามไม่คิดมากตามที่นายบอกนะ” กุญแจซอลยิ้มแห้งๆใส่ผมแล้วหันไปก้มหน้าก้มตาส่งไลน์หาพี่มิณทร์  ซอลเหมือนคนที่โง่งมงายอยู่แต่พี่มิณทร์  ไม่ว่าจะตอนนี้หรือเมื่อสี่ปีก่อนสายตาของซอลก็มีแต่พี่มิณทร์เท่านั้น
              

    “อือ  ก็อย่างที่บอกถ้าเหงาก็โทรมาหาฉันล่ะ”
              

    “ขอบใจนะ”
              

    “ไม่เป็นไร แต่ฝากบอกพี่มิณทร์ด้วยว่าถ้าเขาไม่ว่างฉันจะช่วยดูแลเธอเอง ยังไงซะเราก็เป็นพี่น้องสายรหัสกัน”  
              

    “เอ่อ ฉันจะบอกให้นะ” กุญแจซอลกระพริบตาปริบๆด้วยท่าทีงงๆ  ก็ถ้าพี่มิณทร์ฝากสาสน์มากับกุญแจซอลเพื่อมาบอกผม  ผมก็จากสาสน์ท้ารับกลับไปกับซอลเหมือนกัน
              

    “อย่าลืมล่ะ”
              

    “อะ อื้อ ไม่ลืมหรอก แล้วจู่ๆเป็นไรเนี่ยโฟล์คพูดซะจริงจัง”
              

    “เปล่า ก็แค่ไม่อยากให้พี่มิณทร์เป็นห่วงเรื่องเธอก็แค่นั้น”
              

    “อ๋ออ ถ้าแค่นั้นเดี๋ยวฉันบอกให้  เมื่อกี้ก็เห็นพี่มิณทร์ถามๆถึงเรื่องโฟล์คอยู่เหมือนกัน” ถามเพราะอยากรู้ว่าผมแอบมายุ่งกับกุญแจซอลลับหลังรึเปล่าอ่ะดิ  ผมนับถือพี่มิณทร์ก็จริงแต่กับเรื่องหัวใจมันคนละเรื่องกัน
              

    “นี่สบายใจขึ้นแล้วสินะ”
              

    “อื้อ โฟล์คขอบใจมากนะสำหรับวันนี้” กุญแจซอลพยักหน้ารัวๆแล้วยิ้มหวานใส่ “ขอบใจที่คอยอยู่ข้างๆฉันนะ” 
              

    “เออ ไว้เอาเพื่อนสวยๆมาแลกแล้วกัน”
              

    “เลววอ่ะ” กุญแจซอลหัวเราะขำในขณะที่ผมแอบเหลือบมองรอยยิ้มที่มีความสุขของเธอ  ถ้าคนที่ทำให้กุญแจซอล ยิ้มได้แบบนี้เป็นผม.. ก็คงดีนะ
              

    ผมรู้ว่าผมไม่มีทางเทียบได้กับ มิณทร์ ปันณพัชร ผู้ชายหล่อจัดที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูจะเป็นผู้ชนะมาโดยตลอด      แต่ผมสู้ได้แค่อย่างเดียว.. ผมมั่นใจว่าผมก็รักกุญแจซอลไม่แพ้ใครเหมือนกัน
              

    “สัสโฟล์คคค มึงโดดอีกแล้วน้าา” เสียงไอ้อินดังลอยมาพร้อมกับสายลม  ไอ้อินเป็นเพื่อนสนิทผมที่เพิ่งออกมาจากใต้ตึกหลังจากขึ้นไปเรียนวิชาภาคเสร็จ  คือ.. ก็ไม่ได้อยากโดดแต่ไม่มีอารมณ์จริงๆว่ะ
              

    “เออ  แล้วจดโน้ตมาให้กูป่ะ”
              

    “ไอ้โฟล์คครับ  ถ้าเวลาเรียนไม่พอจดโน้ตก็ไม่ช่วยนะเว้ยย นี่มึงเลิกโดดเรียนไปหากุญแจซอลซักทีจะได้มั้ยวะ” 
    ไอ้อินโยนสมุดโน้ตลงตรงหน้าผม  เรื่องนี้ซอลไม่เกี่ยวจริงๆผมโดดของผมเองทั้งนั้น

    “กูโดดของกูเองไม่เกี่ยวกับซอลป่ะ”   
              

    “เชี่ยยย  เดี๋ยวมึงจะไม่จบเอานะ”
              

    “เออ กูรู้น่ะ วิชาเมื่อกี้กูแค่มาไม่ทันไม่เกี่ยวกับซอล  มันสายแล้วกูเลยไม่อยากเข้า ก็แค่นั้น”
              

    “เทียวไปเทียวมาคอยดามใจสาวขนาดนี้ จะมีข่าวดีรึยังวะ”
              

    “ข่าวดีเชี่ยไรล่ะเขายังคบกันอยู่  กูก็แค่ไปเที่ยวเป็นเพื่อนซอลก็แค่นั้น”
              

    “แหมม จะบอกว่าที่มึงถ่อไปนี่คือไม่หวัง?” หวังนะ.. แต่เป็นความหวังที่ลมๆแล้งเหลือเกิน  ผมก็หวังแค่สักวันนึงซอล จะมองมาที่ผมบ้างแค่นั้น
              

    “อิน.. ทฤษฏีรอเสียบของมึงจะได้ผลจริงๆหรอวะ” ผมไม่มั่นใจว่าความห่างจะทำให้พี่มิณทร์กับซอลเลิกกัน ก็แววตาซอลฟ้องว่ารักพี่มิณทร์ออกขนาดนั้นและก็ไม่มีช่องว่างให้ผมเข้าไปเสียบสักนิด  แค่คิดก็แป้วแล้วว่ะ..
              

    “เชี่ยยย  ก็ลองแค่ห่างกันไม่กี่เดือนพี่มิณทร์ยังทำให้กุญแจซอลน้ำตาแตกขนาดนี้นะ กูฟันธงว่ายังไงก็เลิกกกกกกก”  
              

    “แล้วถ้าเขาเลิกกันแล้วซอลจะหันมามองกูหรอวะ” ผมก็อยากจะเชื่อนะแต่ดูจากสายสัมพันธ์ระหว่างซอลกับพี่มิณทร์แล้ว  ความหวังผมเหมือนว่าวที่ลอยอยู่ลิบๆบนฟ้า      


    “ไม่รักมึงแล้วจะไปรักใครวะมึงดูแลเค้าดีขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่พี่มิณทร์ก็ต้องเป็นมึงแหล่ะว่ะ”
              

    “กูจะรอต่อไปแล้วกัน”


    ผมอาจจะเหี้ย.. ที่รอให้เขาเลิกกัน  ถ้าพี่มิณทร์คือเจ้าชายที่กุญแจซอลใฝ่ฝันผมมันก็แค่ อัศวินที่ปกป้องได้แค่กายไม่ใช่หัวใจ..



    (LOADING 100%)

     


     


    TALK 1
    อุ้ยตายย  ใครกันนะที่นั่งอยู่ข้างๆเมีย
    ใครกันนะที่ช่วยดูแลเมีย
    ใครกันนะ ใครกันน้ออออ พี่มิณณณร์
    ฮ่าๆ สะจายย
      
    รักส์
     


    ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ
    ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ

     


     


     


     

     

     

     

     


     

     


     

     






     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×