NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BaBY_LoVe : แรกรักเธอ

    ลำดับตอนที่ #37 : คลื่นอีกฝั่ง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.07K
      55
      5 มิ.ย. 66

     

    EP 40: คลื่นอีกฝั่ง
    SOL’S TALK
    V Hotel, หัวหิน            
              
              

    ฉันยืนมองมองเฮียกรกับพี่ก้อยที่กำลังถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกันในชุดไทยด้วยอาการตาค้างใจและพองโตสุดๆ   โหยย เฮียกรกับพี่ก้อยดูสมกันจังอ่ะ         


    “สวยค่ะ.. สวย”          


    แชะ!         


    “คุณกรมองตาคุณก้อยนะคะ  ดีค่ะ  หวานมากค่ะ เยี่ยมเลยย”
              

    แชะๆๆ!!
              

    มายก๊อดด  เห็นแล้วอยากแต่งงานบ้างเลยอ้ะ.. พี่ก้อยอยู่ในชุดไทยบรมพิมานสีครีมหวานที่ขับผิวขาวผ่องอย่างเปล่งประกายมีออร่าสุดๆ  เรือนผมนุ่มสีน้ำตาลสวยถูกเกล้าขึ้นจับช่อเป็นทรงอยู่ตรงต้นคอขาวแซมด้วยดอกไม้ไทยกลิ่นหอมที่ส่งกลิ่นจรูงใจชวนฝัน  พี่ก้อยสวยราวกับนางในวรรณคดี 


    โง้ยย พี่สะใภ้คนนี้สามผ่านค่ะ!!
              

    “คุณกรเชยมือคุณก้อยขึ้นมาจรดริมฝีปากช้าๆค่ะ น่านน อย่างนั้นค่ะ” 


    โฮกกกกกก พี่ชายฉันก็หล่อเหลาปานเทพบุตรไม่แพ้กัน  ฉันว่างานวันหมั้นชะนีน้อยใหญ่ทั้วกรุงเทพต้องอกหักดังเป๊าะกันแน่ๆ  ก็ดูเฮียกรสิ.. หล่อสะบัดเลยอ่ะ!
            

    ฉันยืนปักหลักอยู่กลางกองพรีเวดดิ้งพี่ก้อยกับเฮียกรที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่หัวหินซึ่งเป็นโรงแรมในเครือของวีกรุ๊ปธุรกิจของบ้านพี่ก้อย  บรรยากาศโดยรอบและคู่บ่าวสาวตรงหน้าชวนเพ้อฝันมากก  ฉันกับมะม๊าและอาจ๊ะโอ๋แม่ของพี่ก้อยก็ตามมาให้กำลังใจและควบคุมการผลิตในวันนี้ด้วย  


    ถึงจะครึ้มฟ้าครึ้มฝนแต่ทุกคนก็ตกอยู่ในบรรยากาศที่อบอวลในรักมากอ่ะ  เวลาเฮียกรกับพี่ก้อยมองตากันเล่นเอาทะเลจืดไปเลย  ‘สมกับดั่งกิ่งทองใบหยก’ คือนิยามของวันนี้
              

    “กร  กอดน้องแน่นๆหน่อยลูกก”  ฉันอมยิ้มเขินๆเมื่อมะม๊าเดินกางร่มไปตะโกนเชียร์เฮียกรเสียงดัง  ก็แน่ล่ะยิ่งใกล้วันมะม๊าฉันยิ่งคึกคักและหน้าบานสุดๆ  อะไรจะออกนอกหน้าขนาดนั้นนน
              

    “หูยย มะม๊าขาา  เชียร์เบาๆหน่อยค่ะ” 


    ฉันแอบไปกระแซะมะม๊าที่ยืนกางร่มแซวเฮียกับพี่ก้อยด้วยระยะประชิด  ขนาดเริ่มถ่ายมาตั้งแต่เช้ามะม๊าก็ยังแรงดีไม่มีไม่ตก  ก็นะ.. ลูกชายคนโตอย่างเฮียกรจะแต่งงานถึงว่ามะม๊าฉันคึกจัง
              

    “จูบจริงเลยกร มานพสกุล!  อย่าให้เสียหน้ามะม๊า” มะม๊าตะโกนเย้วๆเชียร์เฮียกรเสียงดังอย่างกับเชียร์มวย  เฮียกรส่ายหัวเบาๆอย่างเขินๆขณะที่พี่ก้อยหน้าแดงแป๊ด
              

    “มะม๊าคะ ตะโกนอะไรเกรงใจอาจ๊ะโอ๋หน่อยค่ะ”
              

    “เรานี่หัวโบราณไปมั้ยกุญแจซอลเฮียเรากับพี่เขาจะแต่งกันอยู่แล้ว เอ้า! เร็วกร มะม๊ารออยู่นะ” มะม๊าฉันยังคงคอยกำกับไม่เลิก.. ฉันมองไปที่อาจ๊ะโอ๋ที่นั่งอยู่ในร่มและคอยให้กำลังใจพี่ก้อยอยู่ยิ้มๆ  
              

    โห.. สองมะม๊านี่  สีแดงกับสีขาวชัดๆ
              

    “โอ้ยย ม๊าขาา เรื่องจัดท่าปล่อยเป็นหน้าที่ของทีมงานดีมั้ยคะ” ฉันพยายามลากแขนมะม๊ากลับขณะที่มะม๊าจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด  
             

    “กุญแจซอลล หนูนี่ขัดใจมะม๊าจัง”
              

    “เราดูอยู่ไกลๆก็ได้มั้งคะ”
              

    “ได้ที่ไหนล่ะ ลูกชายคนโตมะม๊าแต่งงานทั้งทีมะม๊าก็ต้องควบคุมการผลิตอย่างใกล้ชิดหน่อย  นี่ถ้าเป็นงานเราแต่งมะม๊าคุมใกล้ชิดกว่านี้อีกนะ” ฉันลากแขนมะม๊ากลับมานั่งขณะที่อาจ๊ะโอ๋นั่งฟังเราสองแม่ลูกคุยกันยิ้มๆ  อาจ๊ะโอ๋เป็นแม่ของพี่ก้อยที่นิสัยค่อนข้างเรียบร้อยและสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไรนัก         
     


    “ซอลไม่ได้แอบคุย.. แต่ซอลแค่แอบไปส่งไลน์ค่ะ”
    SOL SAID


    “พักกินน้ำก่อนก็ได้นะเปียโนปล่อยให้เด็กๆถ่ายรูปสบายๆไปก่อน  ไปคอยจ้องอยู่ใกล้ๆเด็กๆจะเขินเอานะ” อาจ๊ะโอ๋ยื่นขวดน้ำเย็นให้มะม๊าแล้วส่งมาให้ฉัน “หนูซอล ทานน้ำเย็นจ้ะ”
               

    โห อาจ๊ะโอ๋เนี่ย.. เป็นแม่สามีในอุดมคติเลย  ฉันลองคิดเล่นๆถึงครอบครัวของพี่มิณทร์  เอาจริงๆฉันก็ยังไม่มีโอกาสได้เจอกับครอบครัวพี่มิณทร์เลยสักครั้ง
              

    “ขอบคุณค่ะ” 


    ฉันรับน้ำจากอาจ๊ะโอ๋พอดีกับข้อความจากไลน์ที่ดังสวนขึ้น ฉันแกล้งเดินออกไปเนียนๆทำทีเดินไปดูวิวทั้งที่ความจริงแอบเดินออกไปกดโทรศัพท์


    MIN_EN44 ถ้าจะจับมือไม่ต้องจับบ่อย ขอแค่จับและอย่าปล่อยมือกันก็พอ??’•

     

    มะม๊าจรดริมฝีปากบางสวยจิบชาด้วยสีหน้าชิลๆแต่ฉันสิเหงื่อแตกพลั่กๆ “อย่าให้ม๊าต้องพูดนะ”
              

    ตอนแรกฉันกะจะตีเนียนนิ่งไว้ก่อนเพราะฉันไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมะม๊ารู้เรื่องของฉันมากแค่ไหน  เพราะนอกจากเรื่องที่ฉันแอบคบกับพี่มิณทร์โดยไม่บอกเฮียกรแล้ว เรื่องความสัมพันธ์ของฉันที่มันเกินเลยกับพี่มิณทร์มันก็โคตรที่จะสมควรเป็นความลับ
              

    “ว่าไงจ๊ะ”     
              

    “คือ..ซอล” 


    ฉันกำลังถัวเฉลี่ยค่าความเสี่ยงอยู่ว่าจะยอมรับกับมะม๊าหรือจะตีเนียนไว้ก่อนดี  แต่ฉันคำนวนๆดูแล้วยังไงฉันคงบอกมะม๊าไม่ได้  ฉันไม่รู้จะบอกมะม๊ายังไงและที่สำคัญคนที่ฉันควรจะบอกคนแรกเรื่องฉันกับพี่มิณทร์คือเฮียกร  เพราะถ้าเฮียรู้เป็นคนสุดท้ายเฮียคงจะเสียใจและผิดหวังในตัวฉันมากแน่ๆ เพราะงั้นขอโทษนะคะมะม๊าา
              

    “ซะ ซอลขอยังไม่บอกได้ไหมคะ” ฉันพยายามต่อรองมะม๊าขอยืดเวลาหายใจออกไปอีกนิดนึง  ขอฉันบอกเฮียกรก่อนแล้วค่อยบอกให้มะม๊ารู้เถอะนะ
              

    “เจ้าความลับ!” 


    มะม๊ายื่นมือมาหยิกปลายจมูกฉันขณะที่อาจ๊ะโอ๋ที่นั่งฟังอยู่อมยิ้มให้กับเราสองแม่ลูก  ฉันมองไปที่เฮียกรที่กำลังถ่ายพรีเวดดิ้งอยู่ไกลๆ  โอ้ยย ทำไมฉันต้องมารู้สึกกลับไม่ได้ไปไม่ถึงแบบนี้นะ  
              

    “ไว้ซอลพร้อม ซอลจะบอกนะคะ”
              

    “แอบที่บ้านขับรถออกไปหาจนรถมาตายที่สิงห์บุรี  นี่ต้องให้มะม๊าสืบเองสินะ”
              

    “มะม๊าขาา  ไว้ซอลพร้อมซอลจะบอกจริงๆค่ะ”
              

    “มะม๊ากลัวจะไม่ทัน” มะม๊ากอดอกแล้วถอนหายใจน้อยๆ“ก็ถ้าซอลไม่ยอมบอกมะม๊า มะม๊าก็ไม่รู้จะช่วยซอลยังไง”
              

    “มะม๊าหมายความว่าไงคะ” ฉันเรื้อยไปเกาะแขนมะม๊าอย่างงงๆ  ไม่ทัน? ไม่ทันอะไร?  แล้วที่บอกว่าไม่รู้จะช่วยฉันยังไงนี่หมายความว่าไงอ่ะ??
              

    “วันงานหมั้น.. ย่าหยกจะแนะนำซอลให้รู้จักกับลูกชายเจ้าสัวเกื้อกูล”
              

    “มะม๊าาา!!!!” ฉันเผลอลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจเสียงดัง  วันงานหมั้นย่าหยกจะให้แนะนำฉันให้รู้จักกับลูกชายเจ้าสัวคู่ค้าทางธุรกิจ  เห้ยย นี่มันสมัยไหนแล้วน่ะ!!
             


    “ซอลใจเย็นลูก  ย่าหยกแค่จะแนะนำให้รู้จักกันไม่ใช่ดูตัวเพราะถ้าจะมาบังคับซอลให้ดูตัวมะม๊าก็ไม่ยอมหรอก  ทางฝั่งผู้ใหญ่บอกว่าแค่อยากให้ทำความรู้จักกัน”
              

    “ซอลไม่ยอมนะคะ!” 


    แล้วมันต่างจากการดูตัวของคนจีนตรงไหนล่ะ แนะนำให้รู้จักกันก็หมายความว่าผู้ใหญ่ต้องอยากให้ดองกันแน่ๆ  หัวใจฉันบีบรัดเมื่อคิดถึงพี่มิณทร์  ถ้าไม่ใช่พี่มิณทร์ฉันก็จะไม่ยอมไปดูตัวกับใครทั้งนั้น!!
               

    “อย่าเพิ่งโวยวายสิลูก  ผู้ใหญ่แค่อยากให้เด็กๆรู้จักกัน”
              

    “แต่ซอลไม่ได้อยากรู้จักด้วยนี่คะ!” ไม่นะ..ฉันไม่เอาแบบนั้น!! พี่มิณทร์กำลังจะกลับมาแต่กลับกลายเป็นว่าฉันต้องไปปั้นหน้ายิ้มทำความรู้จักกับผู้ชายอีกคน  หัวใจฉันสั่นระริกและน้ำตาเริ่มเอ่อคลอ  ฉันไม่อยากทำแบบนั้น..
              

    “กุญแจซอล” 


    มะม๊าดึงฉันให้กลับลงไปนั่งด้วยสีหน้าจริงจัง ขณะที่เฮียกรกับพี่ก้อยหันมามองฉันที่ยืนทำหน้าจะร้องไห้เขม็ง “ไม่ใช่ว่ามะม๊าไม่เข้าใจหนูนะ” 
              

    “แต่มะม๊าก็ไม่ได้ปฏิเสธย่าหยกนี่คะ”
              

    “ก็จะให้ม๊าปฏิเสธคุณย่าได้ยังไง  ม๊าจะเอาเหตุผลอะไรไปปฏิเสธ  หนูเองก็ยังไม่มีใครแล้วจะให้ม๊าเอาอะไรไปบอกคุณย่าล่ะ”  
                

    “ซอลไม่ใช่ไม่มีนะคะ!”
              

    “อะไรกันซอล  โวยวายอะไรเสียงดัง” ฉันหันไปอีกทีเฮียกรก็กำลังเดินมุ่งหน้าตรงมาหาฉัน  ฉันจะบอกเหตุผลกับมะม๊าได้ไงล่ะถ้าเฮียกรยืนฟังอยู่  เหตุผลของฉันก็คือพี่มิณทร์และฉันก็ยังไม่ได้บอกเฮียเลยเรื่องฉันกับพี่มิณทร์  
              

    โอ้ยย นี่มันงูกินหางชัดๆ
              

    “ปะ เปล่าค่ะ” ฉันหันไปยิ้มให้เฮียกรและปรับสีหน้าเป็นปกติ ฉันอยากบอกมะม๊าเรื่องพี่มิณทร์แต่ฉันบอกไม่ได้  ก็เฮียกรมายืนอยู่ตรงนี้จะให้ฉันทำไงล่ะ
              

    “แล้วเสียงดังอะไรกัน” 


    เฮียกรเดินกลับมาหยุดตรงหน้าฉันพร้อมพี่ก้อยเพื่อทำการเปลี่ยนชุดเป็นเซ็ทต่อไป  ฉันเหลือบหันไปมองมะม๊าที่รอคำตอบจากฉันอยู่  ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างช้าๆ
              

    “ไม่มีอะไรค่ะ..”
              

    “แล้วตะโกนอะไรเสียงดัง”
              

    “เฮียรู้เรื่องที่ย่าหยกจะแนะนำให้ซอลรู้จักกับลูกชายเจ้าสัวเกื้อใช่มั้ยคะ” ฉันไม่ตอบคำถามมะม๊าที่ถามค้างไว้แต่ฉันหันไปพุ่งใส่เฮียกรแทน  ฉันไม่เชื่อว่าเฮียจะไม่รู้!
                


    “ก้อย ไปเปลี่ยนชุดกันลูกเดี๋ยวมะม๊าช่วย” อาจ๊ะโอ๋ลุกขึ้นตัดบทและลากพี่ก้อยที่ยืนทำหน้างงออกไปจากดงสงครามของมานพสกุลแทน  โต๊ะนั่งพักตอนนี้เหลือแต่มะม๊า เฮียกร และฉัน
              

    “ว่าไงคะ”
              

    “อืม เฮียรู้” เฮียกรยอมรับง่ายๆจนฉันไม่อยากเชื่อ ฉันหลงคิดว่าเฮียจะเป็นคนแรกที่ปกป้องฉัน “เดี๋ยวสิซอล ฟังเฮียก่อน!” เฮียกรคว้าข้อมือฉันขณะที่ฉันกำลังจะเดินหนี กลายเป็นว่าเรื่องนี้ทุกคนในบ้านรู้หมด ยกเว้นฉัน
              

    “เฮียยอมให้ซอลถูกคลุมถุงชนหรอคะ” ฉันช้อนสายตาขึ้นถามเฮียน้ำตานองหน้า “ซอลเป็นน้องเฮียนะ..”
              

    “ผู้ใหญ่แค่อยากให้รู้จักกันเฉยๆซอลไม่ได้คลุมถุงชน  มันก็แค่นั้น”
              

    “ก็ถ้าพี่ก้อยถูกแนะนำให้รู้จักกับคนอื่นบ้างเฮียยอมมั้ยล่ะ!”
              

    “หัดมีเหตุผลบ้างซอล  โตแล้ว”
              

    “เฮีย!”
              

    “ถ้าเป็นการดูตัวแบบคลุมถุงชนเฮียคงไม่ยอม  แต่นี่ผู้ใหญ่แค่อยากให้รู้จักกัน”
              

    “มันก็ไม่ต่างจากการดูตัวหรอกค่ะ!”
              

    “ย่ารับปากกับเฮียแล้วว่าถ้าซอลไม่ชอบก็จะไม่ฝืนใจแต่ยังไงก็แค่อยากให้ทำความรู้จักกันไว้ก่อน  เพราะถ้าซอลมีแฟนอยู่แล้วย่าก็ไม่ขัด”
              

    “แต่ซอล..” ฉันเกือบหลุดปากออกไปเรื่องฉันกับพี่มิณทร์ “ซะ ซอล..” ฉันตะกุกตะกักอ้ำอึ้งไปอ้ำอึ้งมา  การประกาศเรื่องฉันกับพี่มิณทร์คือทางแก้ไขปัญหาตรงหน้า  แต่ฉันกลับไม่กล้าพูด..  
              

    ยิ่งฉันมองสบตาเฮียกร  ฉันยิ่งรู้สึกเหมือนมีชนักติดหลัง
              

    “ซอล..” จากที่เคยกล้าเก่งแทบจะทุกเรื่องแต่พอเรื่องที่สำคัญที่สุดกลับไม่กล้า มันเกินเลยไปมากสำหรับความสัมพันธ์ของฉันกับพี่มิณทร์  ฉันกลัวเฮียกรกับมะม๊ารู้จะเสียใจ.. สุดท้ายฉันก็พูดไม่ออก “วันนั้นซอลยอมไปทำความรู้จักก็ได้ค่ะ”
              

    เพราะความขี้ขลาดของฉัน  เรื่องมันถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้..  ฉันรู้สึกเจ็บปวดเมื่อนึกถึงหน้าพี่มิณทร์  การไปทำความรู้จักกับคนอื่นนี่มันเข้าข่ายนอกใจไหมนะ?
              

    “แต่แค่รู้จักนะคะ..ซอลมีคนในใจอยู่แล้ว” 


    สุดท้ายฉันก็ยอมบอกเฮียกรกับมะม๊าไปแค่นั้น  มะม๊าพยักหน้ารับรู้ขณะที่สายตาคมกริบของเฮียกรมองฉันอย่างทะลุสุดๆ  เฮียกรคงกำลังคิด.. ว่าใครคือผู้ชายคนนั้นของฉัน ความจริงมันก็อยู่ตรงนั้น  อยู่ต่อหน้าทุกคนแต่เพียงแค่ไม่มีใครสังเกต  ว่า..พี่มิณทร์คือคนๆนั้น
              

    เฮียกรขยับทำท่าจะถามฉันพอดีกับสไตลิชกรูกันมาหามแขนเฮียกรไปเปลี่ยนชุดแต่งหน้าทำผมสำหรับพรีเวดดิ้งชุดต่อไป  มะม๊าเองก็เลือกที่จะไม่ถามอะไรขณะที่ฉันได้แต่นั่งรับสภาพไปอย่างเงียบๆ  ฉันเกลียดที่ต้องไปทำความรู้จักกับคนอื่นที่ไม่ใช่พี่มิณทร์
              

    พี่มิณทร์ขา.. ซอลขอโทษนะ


    (LOADING 100%)
     


    ❤❤
    TALK 2
    เป็นงานหมั้นที่รวมมิตรสุดๆ
    มีใครให้ได้มากกว่านี้มั้ยย
    ไม่รู้จะเคลียร์เรื่องอะไรก่อนดี
    ระหว่างอีพี่ที่คิดน้อยกับน้องที่โดนบังคับดูตัว
    มิณทร์ไปหาซอลแน่ๆ แต่ซอลจะทำยังไงถ้าเห็นใครข้างมิณทร์
    ส่วนมิณทร์จะทำยังไงถ้าเห็นซอลโดนจับคู่กับใครที่ไม่ใช่ตัวเอง


    แอร๋ยย

     


    TALK 1
    เป็นหนูซอลนี่ต้องสตรองแค่ไหนนะ
    คลื่นลมเยอะเกิ๊นนนนน
    ถ้าอีพี่เป็นคนคิดน้อย  กุญแจซอลก็คิดโคตรเยอะ 5555+
    บอกๆเฮียกรไปซะก็หมดเรื่อง
    ถ้าฝั่งมิณทร์มีคลื่น ฝั่งหนูซอลก็มีคลื่นเหมือนกัลล
    และดูท่าคลื่นฝั่งนี้จะซัดกระหน่ำกว่าด้วย 555+

    คอมเมนต์เมื่อวาน เด็ดดวงจริงเชียว (อีพี่โดนด่าเละ)
    ถถถถถ อะฮั้นเอามาตอบไม่ถูกเบยย 
    แต่มีคนเดาใจเค้าถูกด้วยง่ะะ กรีดร้องงง

    รักส์
     


    ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ
    ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ

     


     


     


     

     


     

     

     


     

     

     



     

     




     

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×