NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BaBY_LoVe : แรกรักเธอ

    ลำดับตอนที่ #39 : กลับมาเจอกัน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5K
      77
      5 มิ.ย. 66


    “ยิ่งผมรู้ว่าเมียผมอยู่ใกล้ๆ.. ผมยิ่งอยากพุ่งเข้าไปในงานให้เร็วที่สุด” 
    MIN SAID


     

    EP 42: กลับมาเจอกัน

    MINTT’S TALK
    ๒ ชั่วโมงก่อนงานหมั้น, ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งแถวอยุธยา

     

              
    “วิ๊ดวิ้วววววว~ ~คนสวยจะไปไหนจ๊ะ”
              

    เสียงแซวชวนหงุดหงิด.. ที่ได้ยินเมื่อไหร่ก็ตีนกระตุก  ฉันที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาจากห้องน้ำปั๊มเสร็จหันไปยิ้มหวานให้กับต้นเสียง
              

    พ่อเป็นนกหรอคะ?” 


    เป็นคำตอบสั้นๆที่ฟังแล้วก็สมกับคนแซวดี  อยู่ดีไม่ว่าดี ปากอยากวอนตีนซะงั้น  ฉันเดินกระแทกเท้ากลับก่อนจะเสียหลักตกจากส้นสูงหัวแทบทิ่ม  ดีนะ.. ที่เกาะรถที่จอดอยู่แถวนั้นได้ไม่งั้นล่ะอายตายเลย  ปกติฉันใส่แต่ผ้าใบค่อยใส่ส้นสูงซะที่ไหนล่ะ
             

    “ซี๊ดดดสส์” แล้วเคราะห์กรรมอีกอย่างคือรองเท้ากัด! นอกจากฉันจะไม่ชินกับส้นสูงแล้วก็ดูเหมือนส้นสูงจะไม่ชอบผู้หญิงเท้าบานๆอย่างฉันจริงๆ  นี่ขนาดฉันเพิ่งซื้อมาใส่แค่ทีสองที  ยังกัดซะ..
              

    โอ้ยยยย  นี่ขนาดยังไปไม่ถึงงานเลยนะ  นี่ขนาดฉันแค่ซ้อมเดินในปั๊มรองเท้ายังกัดฉันยับขนาดนี้  แล้วฉันต้องไปเดินกระย่องกระแย่งในงานเนี่ยะนะ!
               

    “เหมือนเป็ดเดินเลยว่ะ..”  


    เกือบละ.. เกือบหันไปด่าว่ามีหมาตายในปากรึเปล่าถ้าคนที่หันไปเจอไม่ใช่มิณทร์  ไอ้หล่อนี่ก็ขยันกวนตีนฉันจังง
              

    “สวยอ่ะ” ฉันหันไปจีบปากและเชิดหน้าใส่มิณทร์อย่างมั่นใจ  แต่รู้อะไรมั้ย..ไอ้หล่อแม่งนั่งขำก๊ากอยู่กลางปั๊ม  
    เลวววววววววอ่ะ!!
               

    “มีเป็ดเป็นไอดอลรึไงแม่คุณ  ถ้ามันใส่ยากก็ใส่ผ้าใบไปมั้ยจะฝืนใส่ส้นสูงทำไมเดินไปก็ไม่ถนัด”  ฉันใส่ผ้าใบไปแน่.. ถ้าฉันไม่มารู้ทีหลังว่าเพื่อนที่มิณทร์บอกว่าจะไปงานหมั้นคือ กร มานพสกุล นะ  ฉันก็ว่าแล้ววววว่าถ้าไอ้หล่อนี่นามสกุลปันณพัชร เพื่อนสนิทก็คงดีกรีไม่ต่างกันแต่ฉันไม่ยักรู้ว่าเพื่อนสนิทมิณทร์จะตระกูลไฮโซขนาดนั้นน่ะสิ  ไฮโซขนาดรวยเป็นอันดับต้นๆของตระกูลในประเทศไทยเลยนะ!
                

    “ตลกละ.. งานไฮโซขนาดนั้นขืนให้เราใส่ผ้าใบไปเราโดนการ์ดหามออกมาทิ้งหน้างานแน่ๆ  แต่ความจริงเราไม่ไปก็ได้นะ” 


    ฉันก้มตัวลงนั่งยองๆแล้วแปะพลาสเตอร์ยาตรงบริเวณที่รองเท้ากัดจนพองหน้ารถขณะที่มิณทร์เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน
              

    “อ้าว ทำไมอ่ะ” 


    มิณทร์ที่เข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำปั๊มยืนหยุดอยู่ตรงหน้าฉันแล้วล้วงกระเป๋าชุดสูทด้วยลุคที่โคตรเท่..  โอ้ยย ก็เพราะแบบนี้ไงล่ะ  ไอ้หล่อไม่ว่าแต่งอะไรมันก็หล่อ! ส่วนฉันสิ.. ขนาดพยายามขนาดนี้ยืนเทียบแล้วยังดูเหมือนหนอนเลย  มิณทร์เป็นผู้ชายที่ไม่ว่าจะใส่อะไรก็ดูแพงและดูราศรีจับ
                

    “ก็เราเป็นแค่คนธรรมดาป่ะ” ฉันก้มหน้าอย่างหงอยๆ “ก็ที่ๆจะไปมีแต่เซเลปไฮโซป่ะ?”  


    นี่ขนาดฉันลงทุนสั่งเดรสที่ดูน่ารักๆจากในไอจีแล้วให้ไปส่งที่ลำพูนเลยนะ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังดูเหมือนจาน กระเบื้องอยู่ดีเมื่อเทียบกับจานเนื้อดีอย่างคุณหนูสุดไฮโซกุญแจซอล..  สิ่งที่มิณทร์ลืมบอกคือ “หนูซอล” แฟนคนสวยของมิณทร์กับ กร มานพสกุลเป็นพี่น้องกัน! 
                

    โว้ยยยยยย ไม่บอกตอนแจกการ์ดเลยล่ะยะ!!  ฉันก็ว่าสวยๆอย่างหนูซอลก็หน้าคุ้นๆอยู่..
                

    “คนธรรมดาแล้วไงวะ” มิณทร์ย่อตัวลงมานั่งยองๆตรงหน้าฉัน  “เราก็คนเหมือนกัน  ที่งานไม่มีใครเป็นนางฟ้าหรือเทวดาหรอก..”
              

    แหมม ก็ถ้าฉันสวยอย่างกุญแจซอลฉันจะรู้สึกเป็นหนอนอย่างงี้มั้ยล่ะ?
              

    “จริงๆนะมิณทร์เราไม่ไปก็ได้นะ” ฉันเงยหน้าขึ้นต่อรอง “ชุดเราก็เหมือนซื้อมาจากสำเพ็งอ่ะขณะที่คนที่ไปงานก็สวยๆดูดีกันทุกคน  บอกตรงๆเราอาย”
              

    “อายอะไร.. เราเป็นเพื่อนกันป่ะ?” 


    ฉันรู้ว่ามิณทร์ไม่เคยอวดรวยหรือทำตัวเหมือนคนนามสกุลดังเลยสักครั้ง แต่ความจริงมันก็คือความจริงป่ะ.. 
    ว่ามิณทร์คือ มิณทร์ ปันณพัชรและมีแฟนคนสวยชื่อ กุญแจซอล ดาริกา มานพสกุล  และสังคมของฉันกับมิณทร์มันคนชั้นกัน
              

    “เออ  แต่ขอเว้นงานไฮโซแบบนี้ได้มะ”
              

    “คิดมากไปป่ะ  แล้วถ้าไม่ไปจะไปเจอเพื่อนเราได้ไง  เพื่อนเราหล่อนะ”
              

    “ขี้คุยว่ะ..” จริงๆไม่อยากไปหรอกนะ  ความจริงที่ฉันติดรถมิณทร์มากรุงเทพด้วยก็แค่อยากหลบหน้าภัทรเฉยๆ  ฉันแค่อยากตั้งหลักอยู่ในที่ๆไม่มีภัทรสักพัก
              

    “ไอ้ฉัตรมันหล่อน้าา”
              

    “แม่ง.. ขายเพื่อนว่ะ”
              

    “ใครวะก่อนมาท้าเหยงๆ ว่าไม่กลัวอยากเจอ.. แต่พอจะมาเจอจริงๆกลับป๊อดซะงั้น” มิณทร์เริ่มขยี้จุดฉัน “ แม่งอ้างว่ะ.. ทำเป็นไม่อยากไปงานไฮโซที่จริงๆก็ป๊อด  พูดแล้วไม่รักษาคำพูด  นี่เด็กโยธาจริงป่ะวะ”
              

    “คือแค่ไม่ไปต้องขุดมาด่าขนาดนั้น?”
              

    “ก็กะด่าให้เสียหมาเลยอ่ะถ้ามีคนป๊อดไม่ไป” 
              

    “เออ! ไปก็ได้ ถ้านาย ‘ฉัตร’อะไรเนี่ยงานไม่ดีนี่กลับมาด่าเลยนะ”
              

    “ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ไอ้ฉัตรปัญหาอยู่ที่ตัวเธอเองที่ไม่ชอบเปิดใจ  จริงอยู่ที่ความรักดีๆมันไม่หาได้ง่ายๆแต่ถ้ายังมัวจมอยู่แต่กับความเสียใจยังไงก็ไม่เจอป่ะ?” มิณทร์ยิ้มกว้างแล้วยื่นมือส่งมาให้ฉัน..  ความจริงฉันก็รู้นะว่าเป็นเพราะฉันจมอยู่แต่ความสุขในอดีตมาตลอดฉันเลยลืมภัทรไม่ได้  ถึงฉันจะหนีแต่ฉันก็แอบหวังไว้ในใจว่าภัทรจะกลับมาหาฉัน           
              

    “รู้น่ะ..” 


    ฉันเอื้อมมือจับมือมิณทร์ที่เอื้อมมาฉุดฉันให้ลุกขึ้น  แปลกที่คนแปลกหน้าที่ไม่น่าจะมาเจอกันกลับมอบความรู้สึกดีๆให้และทำให้ฉันรู้สึกถึงคำว่า “เพื่อน”ที่แท้จริง  มิณทร์เป็นผู้ชายอบอุ่นเป็นเพื่อนที่ดีและเป็นคนรักที่แสนน่ารัก
              

    “ไอ้ฉัตรมันหล่อน้าา ~”
              

    โวะ.. ไอ้หล่อนี่ก็ย้ำจัง!  จะหล่อแค่ไหนกันนะไอ้คนชื่อฉัตรเนี่ย?  แต่สำหรับฉันฉันไม่ต้องการคนหล่อแค่รักเดียวใจเดียวก็พอ
              

    ฉันขอแค่นั้น..


     


    MIN’S TALK
    V hotel, งานหมั้นกรรณารา & กร มานพสกุล, 8:40 am          
              
              

    ผมขับรถเข้ามาจอดในโรงแรมดังระดับห้าดาวซึ่งเป็นสถานที่จัดงานหมั้นอย่างฉิวเฉียด เยดเข้! กรุงเทพแม่งรถติดตั้งแต่รถผมเหยียบกลับเข้ามาในเขตเลยว่ะ นี่ขนาดผมรีบเหยียบมาแล้วนะยังมาถึงเกือบสายเลย 


    เชี่ยยย  กุญแจซอลของพรี่~  พี่มิณทร์คนดีมาถึงแล้ววววค่ะ 
             

    “เฮ้ย มิ้นต์เร็วหน่อยดิวะ!” 


    ผมรีบสาวเท้าออกมาจากที่จอดรถก่อนจะหันไปเร่งมิ้นต์ที่เดินๆหยุดๆอย่างหงุดหงิด  แม่งงงตัวผมอยู่นี่แต่ใจผมบินไปยังสถานที่จัดงานเรียบร้อยแล้ว  โว้ยยย  มัวแต่เดินๆหยุดๆเดี๋ยวผมก็ไปเซอร์ไพร์ซเมียไม่ทันนน
              

    “รองเท้ากัดอ่ะ..” มิ้นต์ลงไปนั่งยองๆแล้วทำหน้ายู่ยี่ใส่ผม สองมือจับๆคลำๆอยู่ที่รองเท้าคู่สวย  “เราเจ็บจนเดินแทบไม่ไหวเลยอ่ะ”
              

    “ก็บอกให้เปลี่ยนใส่ผ้าใบป่ะ?”
              

    “ไม่ทันแล้วมะ” มิ้นต์จิ๊ปากแล้วยู่หน้าใส่ผมอย่างหัวเสีย  “โคตรรรเจ็บเลยอ่ะ..” 
              

    “กลับไปเปลี่ยนที่รถก่อนป่ะ”ตอนนี้ผมกับมิ้นต์เดินมาเกือบถึงหน้าล็อบบี้เพื่อที่จะกดลิฟท์ไปยังห้องจัดงานแต่มิ้นต์ก็มาเดินไม่ไหวซะก่อน  “รองเท้ากัดขนาดนี้ไม่ต้องห่วงสวยแล้วป่ะ” 
              

    “นายไปก่อนเหอะเดี๋ยวไม่ทัน”
              

    “แล้วเธออ่ะ”
              

    “เดี๋ยวเราค่อยกระดื๊บๆตามไปไม่ต้องกลัว” มิ้นต์โบกมือไล่ผม “ นายไม่อยากเจอหน้าหนูซอลเร็วๆรึไงห้ะ” โห.. นี่ถ้ามีปีกคงบินไปแล้ววว เมียอยู่ใกล้แค่เอื้อมขนาดนี้.. อยากเจอหน้าเมียจะตายอยู่แล้วอ้ะ!
              

    “โทษทีนะมิ้นต์  งั้นเดี๋ยวเจอกันในงานนะ” 


    ผมยกมือขอโทษมิ้นต์ก่อนจะวิ่งไปกดลิฟท์เพื่อดิ่งไปยังห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ด้านบน  แค่คิด..เท้าแม่งยังวิ่งเร็วไม่เท่าหัวใจ ยิ่งผมรู้ว่าเมียผมอยู่ใกล้ๆ.. ผมยิ่งอยากพุ่งเข้าไปในงานให้เร็วที่สุด
            

    “เอาล่ะค่ะท่านผู้มีเกียรติ.. หลังจากรอกันมาอีกไม่นานก็จะถึงฤกษ์สวมแหวนแล้วค่ะ”  ทันทีที่ลิฟท์เปิดออกปั๊ป  เสียงประกาศของพิธีกรของวิ่งแล่นเข้ามาในโสตประสาทผม เยดเขร้~ เกือบมาไม่ทันน
              

    ผมรีบสาวเท้าเข้าไปในงานที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาร่วมงาน  ทั้งดารา เซเลป และคนมีชื่อเสียงมากมายมาร่วมงานหมั้นแห่งปีกันเต็มไปหมด  สื่อจ้าวต่างๆต่างเดินกันให้พล่านเยอะแยะมากมาย  เชี่ยยย งานหมั้นของไอ้กรที่มันงานหมั้นระดับชาติชัดๆ  แขกแต่ละคนที่มากันมีแต่ระดับไฮคลาสทั้งนั้นเลย  ผมเดินหลบบรรดาผู้คนแล้วแทรกตัวเข้าไปในงาน  


    เอ.. ท่ามกลางคนที่แออัดอย่างกับตลาดนัดเปิดท้ายแบบนี้ เมียของผมอยู่ไหนน้า ~
              

    ผมยืนด้อมๆมองๆหากุญแจซอลอยู่บริเวณภายในงานขณะที่พิธีกรก็กำลังแจ้งกำหนดการอยู่ด้านหน้า แสงแฟลชวิบ วับที่สาดไปมาทำเอาผมตาพล่าและทำให้ทุกอย่างในงานเป็นสีขาวไปหมด  โอ้โห นามสกุลไอ้กรนี่มันบิ๊กจริงว่ะ.. 
              

    “ขอเชิญสื่อมวลชนทั้งหลายประจำที่ด้วยค่ะ” 
              

    จากตอนแรกที่คิดว่าผมคงจะมาไม่ทันแต่ตอนนี้ผมรู้สึกโคตรโชคดีเลยที่ผมมาทันงานหมั้นเพื่อนที่สนิทที่สุดของผมตั้งแต่เริ่ม  งานหมั้นของไอ้กรเต็มไปด้วยคนดังระดับบิ๊กๆมากมาย  ด้วยความที่ “มานพสกุล” เป็นนามสกุลใหญ่แล้วยังจะมาดองกับตระกูลอสังหาริมทรัพย์อย่าง “ธราธร” อีกกก  งานนี้คนดังเลยคับคั่ง!
               

    ไอ้กรกับเกี่ยวก้อยเพาะบ่มความรักด้วยกันนานเป็นสิบปีและผมก็อยู่ด้วยในเหตุการณ์ตลอด  การที่เพื่อนที่ผมรักสมหวังและเป็นฝั่งเป็นฝาแบบนี้ผมรู้สึกยินดีกับมันด้วยจริงๆว่ะ  


    บรรยากาศในงานชื่นมื่นและอบอวลไปด้วยกลิ่นอายความรัก  ภายในงานถูกประดับประดาด้วยดอกไม้น้อยใหญ่ตระการตาสมกับเป็นงานหมั้นประจำปีภาพพรีเวดดิ้งของไอ้กรกับเกี่ยวก้อยที่ในอิริยาบถต่างๆถูกตกแต่งอยู่เป็นมุมๆจัดเป็นซุ้มๆกระจายอยู่ทั่วงาน  ผมเดินไล่ดูภาพแห่งความสุขทีละภาพและอดยินดีด้วยไม่ได้จริงๆ  


    กร กูยินดีด้วยจริงๆว่ะ..

              

    กรกับเกี่ยวก้อยเป็นตัวอย่างรักแท้ที่ฝ่าฟันหลายสิ่งหลายอย่างมาด้วยกัน  กว่าจะได้ยืนข้างกันกว่าจะสมหวังอย่างวันนี้  ผมพูดได้ว่าไอ้กรกับก้อยฝ่าฟันอะไรด้วยกันมามากมายจริงๆ  และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นไอ้กรกับก้อย..ก็ไม่เคยปล่อยมือไปจากกัน  กับอุบัติเหตุใหญ่ที่เกิดขึ้นกับไอ้กรคราวนั้นแม้แต่ความทรงจำ.. ก็ไม่สามารถพรากความรักของไอ้กรกับเกี่ยวก้อยได้  ผมยกนิ้วโป้งให้บ่าวสาวในรูปบานใหญ่
              

    “ยินดีกับมึงด้วยจริงๆว่ะ”
              

    ผมพยายามมองหากุญแจซอลพร้อมๆกับมองหาไอ้ฉัตร..  ไอ้ฉัตรก็มางานนี้ด้วยเหมือนกัน  ผมโทรคุยกับมันเมื่อคืนมันบอกอยากจะมาอวยพรเกี่ยวก้อยด้วยตัวเอง  เกี่ยวก้อยเป็นความรักที่ฝังใจของมัน.. แต่การจะมองหาไอ้ฉัตรท่ามกลางเหล่าไฮโซไฮซ้อเป็นสิบขอบอกว่าจนป่านนี้ผมยังไม่เห็นเงาหัวไอ้ฉัตรเลย 


    เมียทั้งคนก็ยังไม่เห็นน  หรือผมต้องแอ๊บทำเป็นโทรไปหาซอลวะ?  
              

    “ไง มาเมื่อไหร่วะ” แล้วก็เป็นไอ้ฉัตรที่เดินอ้อมมายืนอยู่ตรงหน้าผม กลายเป็นไอ้ฉัตรเป็นคนเดินมาทักผมทั้งๆที่ผมกำลังเดินมองหามัน
              

    “เยดเข้ ~ไม่ได้เจอกันตั้งนานหล่อสาดด” 
              

    “ตกลงมึงเหาะมารึไงวะจากลำพูนมากรุงเทพใช้เวลาแค่คืนเดียว  ตีนผีสัส”
              

    “ก็จะรีบมาหาเมียอ่ะ”
              

    “ตกลงไม่ได้คิดจะมางานหมั้นเพื่อนสินะแต่กะจะมาปล้ำเมีย  มึงนี่แม่งงงจริงๆเลยว่ะ” เกลียดดดนักคนรู้ทัน!  ตอนแรกก็กะว่าจะสงสารขี้หน้าแม่งอยู่หรอกนะแต่พอเจอปากหมาๆของมันเข้า  ผมว่าผมร้องเพลง “คำยินดี” ปลอบมันดีกว่าว่ะ
              

    “เปล๊าา กูแค่อยากมาดูหน้าหมาอกหัก”
              

    “กูแค่จะมาแสดงความยินดีกับคนที่กูรัก  ไม่ได้กะมาปล้ำน้องสาวเจ้าบ่าวอย่างมึง” 


    เหยดดดดเขร้ ~~ ไอ้ฉัตรแม่งกัดไม่ปล่อยเลยว่ะ  นี่ขนาดแค่ทักกันเบาๆนะไอ้ฉัตรยังกัดผมซะจมเขี้ยว  งุ้ยยย แต่แม่งเอาความจริงมาพูดได้ไงอ้ะ 
     

              

    “เออ แล้วมึงเจอไอ้กรกับเกี่ยวก้อยรึยังวะ”
              

    “ไอ้กรน่ะกูเห็นแว่บๆ  ส่วนเกี่ยวก้อยเห็นพิธีกรบอกว่าจะให้เจ้าบ่าวเชิญเจ้าสาวออกมาตอนได้ฤกษ์ทำพิธี  ส่วนเมียมึงก็ยืนทักทายแขกอยู่ด้านนู้นอ่ะ”
              

    เชี่ยยยยยย เพื่อนฉัตรรรรรร  กูรักมึงงงงงงงว่ะ!!
                

    “พ่อเมิง! แล้วทำไมไม่รีบบอกกูวะ กูเดินหาซอลจนขาจะลากอยู่แล้ว” ผมระริกระรี้รีบเดินไปตามคำพูดไอ้ฉัตร  ท่ามกลางผู้คนร้อยพันผมมั่นใจว่าผมมองหาหัวใจของผมเจอแน่ๆ 


    ผู้หญิงคนเดียวที่ผมคิดถึงและอยากที่สุด.. ผู้หญิงที่ผมรัก
              

    โดดเด่นและส่องสว่างท่ามกลางคนนับร้อยพัน  ร่างบางของผู้หญิงที่ยืนหันหลังและยิ้มให้กับฝูงกล้องที่กำลังลั่นแฟลชอยู่ตรงหน้า  จะเป็นใครไม่ได้นอกจากคนที่ผมคิดถึงที่สุด.. กุญแจซอล
              

    “น้องซอลคะ ยิ้มให้กล้องนี้ด้วยค่ะ” 


    เสียงหนึ่งของบรรดาช่างภาพดังขั้น ร่างบางที่ยืนหันหลังอยู่ยกมือขึ้นมาเท้าเอวแล้วยิ้มสู้กล้องราวกับนางแบบ โหยย เมียใครวะน่ารักจังง
              

    “น้องซอลคะมองกล้องนี้ด้วยค่ะ” ร่างบางหันไปยิ้มสู้ตายให้กล้องอีกครั้ง ขนาดเห็นแค่ข้างหลังผมยังแทบใจละลายเลย..  ผมรู้สึกถึงความคิดถึงที่มันจุกอกอยู่ข้างใน  ยิ่งได้มองใกล้ๆ  ยิ่งโคตรอยากดึงเข้ามากอดเลยว่ะ.. 
              

    “เอ่อ.. เดี๋ยวพวกพี่พอแค่นี้ก่อนแล้วกันนะคะ งานกำลังจะเริ่มแล้วค่ะซอลต้องขอตัวก่อน” ร่างบางกล่าวตัดบทอย่างนอบน้อมก่อนจะค้อมตัวให้กับบรรดาสื่อที่มาขอถ่ายรูปอย่างน่าเอ็นดู  โหยย เมียพรี่~  ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ
              

    “งั้นเดี๋ยวจบงานพวกพี่ขอถ่ายรูปน้องซอลอีกนะคะ”  
              

    “ได้เลยค่ะ” เสียงหวานตอบรับ  สาบานเลยเลยว่าให้ผมยืนแอบมองซอลทั้งวันผมก็ทำได้  ซอลคือเหตุผลว่าทำไมคนบางคนถึงเพียงแค่แอบมองก็มีความสุข..
              

    ใช่.. เพราะซอลคือคำว่ารัก
              

    การที่เราสองคนต้องอยู่ห่างกันทำให้ผมรู้คุณค่าของความสุขเวลาที่เราได้อยู่ใกล้ ผมรู้ถึงความรักและความคิดถึงที่มันท่วมท้นใจ.. คำตอบของความคิดถึงมากมาย  คือกุญแจซอล..
              

    ผมหายใจลึกๆและสืบเท้าเข้าไปใกล้ๆ..งุ้ยยย อยากดึงเมียเข้ามากอดจังงง~

              

    เยดเข้.. ทำไมแค่จะทักเมียถึงได้รู้สึกตื่นเต้นจังวะ ผมยืนเงอะงะอยู่สักพักก่อนจะย่องเข้าไปใกล้ๆแล้วกระซิบเบาๆข้างหูเมีย          
             

    “ซอลขา.. พี่กลับมาแล้วค่ะ”

     



    ❤❤
    TALK 2
    งุ้ยยยย ในที่สุดก็กลับมาเจอกันแล้นน
    วันนี้ที่รอคอยยยยยยย วั้ยยย
    ขออนุญาติจบตอนสั้นกว่าปกติหน่อย เพราะเดี๋ยวยาวเกินนน
    ขอเคลียร์พื้นที่โล่งๆให้กับ EP หน้า ฮี่ๆ
    จะหวานสมกับที่รอมั้ยน้าาาา ตื่นเต้นแทน 555+

     


    TALK 1
    งานใกล้เริ่มแล้วค่ะ
    ตัวละครมาครบแล้ว
    อีพี่มาพร้อมมิ้นต์ ส่วนอีน้องโดนบังคับดูตัว
    ต้องเป็นงานหมั้นที่สนุกม๊ากกมากแน่นวลลล
    กร + เกี่ยวก้อย @ งานหมั้น
    พร้อมด้วยพี่ฉัตรที่มาแสดงความยินดี

    ฮี่ๆ


    รักส์
     


    ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ
    ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ

     


     


     



     

     


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×