NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BaBY_LoVe : แรกรักเธอ

    ลำดับตอนที่ #43 : ระหว่างงานหมั้น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.4K
      135
      5 มิ.ย. 66


    “ความสำคัญของฉันคงรั้งอยู่อันดับท้ายๆ”   
    SOL SAID


     

    EP 46: ระหว่างงานหมั้น
    SOL’S TALK           
     



     

                ฉันทำมันลงไปแล้ว..

              ฉันพลั้งมือเอาน้ำส้มสาดใส่หน้าพี่มิ้นต์

              ฉันทำต่อหน้าพี่มิณทร์แล้วก็วิ่งหนีกระเจิดกระเจิงออกมา  

              พี่มิณทร์จะโกรธฉันไหมนะ?      


              ฉันยืนใจสั่นอยู่หลังมะม๊าและเอาแต่ก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเองอยู่บนเวทีเพราะกลัวน้ำตาตัวเองจะรื้นขึ้นระหว่างที่งานหมั้นสุดยิ่งใหญ่แห่งปีกำลังเริ่มขึ้น  เสียงปรบมือดังกึกก้องพร้อมๆกับเฮียกรที่เดินจูงมือพี่ก้อยเดินกลับเข้ามาในงานหลังจากการแห่ขันหมากเสร็จสิ้น  


    สินสอดทองหมั้นถูกวางจัดเรียงวางอยู่บนเวทีอย่างละลานตา  พี่ก้อยในชุดไทยบรมพิมานค่อยๆเดินเกาะแขนเข้ามากับเฮียกรพร้อมด้วยช่อดอกไม้ในมือ ชุดบรมพิมานสีครีมหวานดูสวยสง่าจับตายามต้องแสงสปอร์ตไลท์  ก้าวแรกที่พี่ก้อยเดินเข้ามาราวกับเวลาได้หยุดนิ่ง  พี่ก้อยเป็นเจ้าสาวที่สวยมาก..
              

    ภาพพี่ก้อยที่เดินเคียงคู่มากับเฮียกรเหมือนภาพฝัน  คนทั้งคู่ดูเหมาะสมกันที่สุด ในเวลาแบบนี้ฉันควรยิ้มดีใจให้กับคนทั้งคู่แต่ทำไมน้ำตาถึงพาลจะไหลนักนะ ฉันมองภาพบ่าวสาวที่เดินเคียงคู่มาด้วยกันพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตา ทั้งที่ฉันควรจะยิ้มเต็มหน้าแต่น้ำตาฉันกลับไหลออกมาไม่หยุด
              

    เฮียกรขา.. ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของเฮียแต่ความรักของน้องของเฮียกลับพังไม่เป็นท่า  ในหัวฉันตอนนี้มีแต่ภาพพี่มิณทร์ยิ้มให้กับพี่มิ้นต์วนไปเวียนมา  ตกลงนี่คือเซอร์ไพร์ซที่ว่าจริงๆนะหรอ..
              

    ถ้าพี่มิ้นต์คือเซอร์ไพร์ซของพี่มิณทร์.. แล้วเรื่องระหว่างเราล่ะ?
              

    “ปรบมือให้คุณกรกับคุณกรรณาราด้วยค่ะ” และพอฉันเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง เฮียกรกับพี่ก้อยก็ทำพิธีแลกแหวนกันเรียบร้อยแล้ว  เฮียกรกำลังยื่นมือเช็ดน้ำตาให้พี่ก้อยและมองพี่ก้อยด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความรัก ทุกอย่างดูงดงามเหมือนฝัน.. บรรยากาศทั่วงานเต็มไปด้วยความชื่นมื่น  เสียงปรบมือดังกึกก้องพร้อมกับพิธีหมั้นที่จบลงอย่างสมบูรณ์แบบสวยงาม
              

    “ซอล มาถ่ายรูปลูก” 


    มะม๊ากวักมือเรียกฉันไปถ่ายรูปรวมโดยมีช่างภาพนับสิบรออยู่ด้านหน้า  ฉันรีบสาวเท้าไปยืนข้างมะม๊าแล้วแสร้งยิ้มอย่างจำใจ  ท่ามกลางแสงแฟลชมากมายฉันเห็นพี่มิณทร์ยืนมองฉันอยู่  พี่มิณทร์ยืนล้วงกระเป๋าปะปนอยู่กับเหล่าช่างภาพและกำลังจ้องเป๋งมาที่ฉัน  พี่มิณทร์มายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ?
              

    “ซอล มิณทร์มา..” พี่ก้อยเอี้ยวตัวมากระซิบกระซาบกับฉันอย่างตื่นเต้น  พี่ก้อยคงมองลงไปแล้วเห็นว่าพี่มิณทร์มาเหมือนกัน  ฉันได้แต่ยิ้มแหะๆไม่กล้าสบตากับพี่ก้อย ใช่..พี่มิณทร์มาแต่เขาก็ไม่ได้มาคนเดียว  เขาพาพี่มิ้นต์กลับมาเซอร์ไพร์ซฉัน..             
              

    “ซอลเห็นแล้วค่ะ” 


    ฉันตอบพี่ก้อยไปแค่นั้นก่อนจะก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเองต่อ  ฉันไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพี่มิณทร์.. ฉันกลัวสายตาพี่มิณทร์จะมองฉันอย่างตำหนิ  ฉันกลัวเขาจะเลิกรักฉัน..      
            

    “หนูทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะคะ!!”
              

    ใช่..ฉันมันทำตัวไม่น่ารัก ฉันสาดน้ำส้มใส่พี่มิ้นต์เพราะฉันไม่ชอบที่พี่มิ้นต์ชอบมาอยู่ใกล้ๆพี่มิณทร์  อยู่ด้วยกันที่ลำพูนก็มากพอแล้วยังตามมาขยี้ใจฉันที่กรุงเทพอีก  ฉันไม่รู้ว่าพี่มิ้นต์จริงๆแล้วคิดอะไรอยู่กันแน่  ฉันกลัวพี่มิ้นต์จะใช้คำว่าเพื่อนแย่งพี่มิณทร์ไปจากฉัน     
              

    “พี่ก็ไม่เคยรักกันอยู่แล้วนี่คะ..” 


    ฉันประชดพี่มิณทร์ไปแบบนั้นเพราะฉันอยู่ในอารมณ์น้อยใจพี่มิณทร์สุดๆ  ฉันรู้ว่าพี่มิณทร์วิ่งตามมาแต่ฉันหลบเข้ามาในงานทันซะก่อน  ก็ถ้าพี่มิ้นต์สำคัญขนาดนั้นแล้วพี่มิณทร์ยังจะมาสนใจฉันมาทำไมล่ะ..
              

    “เดี๋ยวอีกสิบห้านาทีเชิญสื่อต่างๆประจำตามจุดที่กำหนดให้นะคะ หลังจากนี้คุณกรกับคุณกรรณาราจะให้สัมภาษณ์และถ่ายรูป  รบกวนไปเจอกันที่ห้องที่จัดไว้สำหรับให้สัมภาษณ์ด้วยค่ะ”
              

    เสียงพิธีกรประกาศออกไมค์เสียงดัง  สื่อบางส่วนเริ่มย้ายกันไปจับจองพื้นที่กันบ้างแล้วแต่ยังมีสื่อบางส่วนที่ยังคอยเก็บภาพคู่บ่าวสาวอยู่  ผู้คนในห้องบางตาลงจนฉันเห็นใบหน้าหล่อเหลาในชุดสูทที่กำลังทำหน้าหงิกและเขวี้ยงสายตามาที่ฉันอย่างเห็นได้ชัด  คนบ้า..ที่ฉันทั้งคิดถึงเขาและอยากจะวิ่งหนีเขาไปพร้อมๆกัน  สายตาของเขาทำให้หัวใจฉันสั่นยิ่งกว่าตอนสาดน้ำส้มใส่หน้าพี่มิ้นต์ซะอีก  
              

    พี่ยังจะรักเด็กที่ทำตัวไม่น่ารักคนนี้อยู่อีกมั้ยคะ?
              

    ช่วงเวลาที่เราห่างกัน..ไม่เคยมีสักวันที่ฉันไม่คิดถึงพี่มิณทร์ ฉันทั้งคิดถึงและเป็นกังวลไปหมด  ฉันเฝ้านับวันรอที่เขาจะกลับมาหากัน
              

    “กุญแจซอล ย่าหยกเรียกแน่ะลูก” เสียงมะม๊าปลุกฉันให้ตื่นขึ้นมาจากภวังค์  ถ้าการที่พี่มิณทร์กลับมายืนอยู่ตรงหน้าคือความฝัน  เพราะงั้นการดูตัวกลายๆของฉันกับหลายชายเจ้าสัวเกื้อมันก็คือเรื่องจริงๆ  


    ทั้งๆที่พี่มิณทร์ยังคงยืนมองอยู่ที่ตรงนั้น..     
              

    “แต่ มะม๊าคะ..”  ถ้าฉันบอกมะม๊าตอนนี้มันจะยังทันมั้ยนะ?  ฉันกำลังจะไปทำความรู้จักกับคนอื่นต่อหน้าพี่มิณทร์  ฉันกำลังทำสิ่งที่เลวร้ายที่สุดต่อหน้าคนที่ฉันรัก
              

    “กุญแจซอล เราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ” มะม๊านิ่วหน้าดุฉัน  ขาฉันสั่น..หัวใจฉันเบาหวิวไปหมด  ฉันเป็นคนพาตัวเข้ามาในจุดอับด้วยตัวเอง  ไม่มีทางเหลือรอดใดๆเลยสำหรับฉัน  
              

    “ก ก็ได้ค่ะ..” 


    ในสังคมธุรกิจการแนะนำให้รู้จักกันกลายๆก็ไม่ต่างอะไรกับการจับคู่ดูตัวกัน  การแนะนำให้รู้จักก็เป็นเพียงแค่ข้ออ้างของผู้ใหญ่เท่านั้นเอง  ฉันกำลังเดินตรงไปสู่ปากเหวชัดๆ “แต่แค่ไปทักทายทำความรู้จักกันเท่านั้นนะคะ” 
             

    ฉันย้ำมะม๊าอีกครั้งตอนเดินตามหลังมะม๊าไปหาย่าหยกที่กำลังยืนคุยกับเจ้าสัวและหลานชายอยู่ด้านข้างเวที 


    “ซอลมีคนที่ซอลรักอยู่แล้วค่ะ”


     

    ในเมื่ออยากให้ฉันไปทำความรู้จักนักฉันก็จะไปทำความรู้จัก!  แต่ฉันจะไม่สานต่ออะไรทั้งนั้นเพราะฉันมีคนที่ฉันรักทั้งใจอยู่แล้ว  ฉัน..กุญแจซอลกล้าทำก็กล้ารับ!
              

    “โอเคๆ มะม๊ารู้แล้วน่ะ” 


    มะม๊าถอนหายใจน้อยๆกับความดื้อเบอร์แรงของฉัน ฉันรักแต่พี่มิณทร์เท่านั้นแต่ถ้าอยากให้ฉันทำความรู้จักกับคนอื่นและรับความพยศของฉันได้..ฉันโอเค!!  มะม๊ากับย่าจะได้รู้ว่าบังคับฉันได้แค่ตัวเท่านั้นนะ
              

    “สวัสดีค่ะ นี่กุญแจซอลลูกสาวคนเล็กค่ะ” มะม๊ะผายมือมาแนะนำฉัน ขณะที่ฉัน ก้มตัวไหว้เจ้าสัวและฉีกยิ้มที่ดูก็รู้ว่าฝืนสุดๆ  ฉันทำตามหน้าที่คือมายืนทำความรู้จักกับหลายชายเจ้าสัวเท่านั้น  
              

    “โห ตัวจริงสวยกว่าที่เห็นในทีวีอีกครับ” หลานชายเจ้าสัวปราดเข้ามาทำความรู้จักฉัน  โอยย อยากจะบอกจังว่ามีหลัวแล้วว  “พี่ชื่อก้องนะครับ”
              

    “กุญแจซอลค่ะ..” 


    ถามคำฉันก็ตอบคำ  หลายชายเจ้าสัวอะไรนี่ก็หล่อดีอยู่หรอกนะแต่เทียบกับพี่มิณทร์แล้วยังห่างกันอีกหลายขุม  ฉันถอยออกมาอย่างเว้นระยะและไม่เปิดโอกาสอะไรทั้งนั้น
              

    “น้องกุญแจซอลเรียกพี่ก้องก็ได้ครับ”จร้าา เนียนเลยจ้ะ พอดีมีพี่ชายคนเดียวค่ะและก็ไม่นิยมเรียกคนแปลกหน้าว่าพี่  “เรียกพี่ก้องดีกว่านะจะได้ดูสนิทกัน” 
              

    “เอ่อ  ก็ได้ค่ะ” 


    ตอนนี้ฉันกังวลก็แต่เรื่องของพี่มิณทร์เท่านั้น  ฉันสาดน้ำส้มใส่หน้าพี่มิ้นต์แล้วเราก็ยังไม่เคลียร์กัน  ฉันวิ่งหนีเขามาแล้วยังต้องมายืนปั้นหน้าทำความรู้จักกับไอ้พี่ก้องอะไรนี่อีก  ฉันกลัวก็แต่สายตาพี่มิณทร์ที่กำลังมองทะลุมาที่ฉัน
              

    ฉันแอบเหลือบมองไปอีกทีพี่มิณทร์ก็ดูเหมือนจะหายไปจากที่ตรงนั้น  ฉันกวาดสายตาไปรอบๆด้านก็ดูเหมือนพี่มิณทร์จะเดินหายไปกับกลุ่มคนจริงๆ ฉันมองซ้ายมองขวาอย่างหลุกหลิก  พี่มิณทร์หายไปไหนแล้วนะ?
              

    “น้องซอลมองหาใครอยู่หรอครับ”  พี่ก้องคะ เคยมีคนพูดมั้ยคะว่าอย่าขี้เสือก.. ฉันตวัดสายตากลับมาสบตากับพี่ก้องแล้วแกล้งยิ้มปัญญาอ่อนใส่
              

    “อ๋อ เปล่าค่ะ”
              

    “เดี๋ยวผู้ใหญ่จะคุยธุระกันก้องพาน้องไปหลบคุยกันที่อื่นก่อนไป” เจ้าสัวกับย่าหยกที่ดูเหมือนจะใจดีเป็นพิเศษเปิดไฟเขียวให้อีตาพี่ก้องพาฉันเดินออกมาหลบมุมคุยกัน  ความจริงฉันก็ไม่โทษใครหรอกนะเพราะทั้งหมดเป็นเพราะฉันไม่กล้าพูดความจริงเรื่องฉันกับพี่มิณทร์เอง  และการที่ฉันต้องมายืนทนให้พี่ก้องจีบอยู่นี่ก็เป็นเพราะฉันทั้งนั้น
              

    “คุยตั้งนานน้องซอลคงคอแห้ง เดี๋ยวพี่ไปหยิบน้ำให้น้องซอลนะครับ”  


    หือมม เมื่อกี้คุยไรกันบ้างอ่ะ..  บอกตรงๆว่าฉันไม่ได้ฟังที่พี่ก้องพูดเลย  สมองฉันเอาแต่โฟกัสมองหาพี่มิณทร์ท่ามกลางผู้คนที่เดินกันวุ่นวายเท่านั้น
              

    “เอ่อ พี่ก้องไม่เป็นไรค่ะ!” ฉันยกมือห้ามพี่ก้องไม่ทันและดูเหมือนเสียงร้องห้ามของฉันก็คงดังไปไม่ถึงโสตประสาทของอีตาพี่ก้องสักนิด  เพราะนอกจากอีตาพี่ก้องจะตั้งหน้าตั้งตาจีบฉันอย่างเอาเป็นเอาตายแล้วแล้วอีตาพี่ก้องยังเอาแต่โปรยเสน่ห์ใส่ฉัน  
              

    “น้ำส้มสำหรับนางเอกครับ” 
              

    ฮ่ะฮ่ะ.. ถ้ารู้ว่าฉันเคยใช้น้ำส้มทำวีรกรรมอะไรมานะ  อีพี่ก้องคงไม่กล้าเรียกฉันว่านางเอกแน่ๆ  ฉันกรอกตาใส่แก้วน้ำส้มที่อีตาพี่ก้องอุตส่าห์เดินออกไปหยิบมาให้ฉัน 
              

    “ขอบคุณค่ะ” ฉันฉีกยิ้มอย่างปัญญาอ่อนที่สุดก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำส้มที่อีพี่ก้องเดินไปหยิบมาให้ฉัน  ความจริงถ้ามองอย่างไม่อคติอีพี่ก้องนี่ก็จัดได้ว่าเป็นผู้ชายที่โปรไฟล์เริ่ดคนนึงเลยนะ รวยระดับพันล้านแถมนามสกุลดัง  เป็นใครก็คงอยากจับเพราะพรีเมียมและเฟิร์สคลาสแบบสุดๆ   
              

    แต่ไม่ใช่ฉันอ่ะ..
              

    หัวใจฉันหงอยๆเหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลมออกเพราะตั้งแต่พี่มิณทร์หายไปจากสายตาฉัน  เพราะพอฉันเดินตามมะม๊ามาทำความรู้จักกับพี่ก้องและพอฉันมองกลับไปยังที่ๆพี่มิณทร์เคยยืนอยู่อีกครั้งพี่มิณทร์ก็หายไปจากที่ตรงนั้นเรียบร้อยแล้ว  


    ท่ามกลางผู้คนที่เดินขวักไขว่กันวุ่นวายพี่มิณทร์หายตัวไปเหมือนไร้ตัวตน  เหมือนการกลับมาของเขาเป็นแค่ฝัน.. ฉันรู้สึกเจ็บจนใจกระเทาะอีกครั้ง  ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ใช่คนสำคัญเหมือนเขาไม่สนใจเลยว่าฉันกำลังพูดคุยกับผู้ชายคนไหนอยู่  ทั้งๆที่เขาเป็นคนที่สำคัญที่สุดสำหรับฉัน  


    คนสำคัญที่สุดของฉันมีแต่เขาเท่านั้นแต่สำหรับพี่มิณทร์ความสำคัญของฉันคงรั้งอยู่อันดับท้ายๆ  และพี่มิ้นต์ก็คงจะอยู่อันดับต้นๆอะไรประมาณนั้น
              

    “น้องซอล น้ำครับ” 


    พี่ก้องยิ้มหวานแล้วยื่นแก้วน้ำส้มส่งมาให้ฉันอีกครั้ง  ความจริงฉันควรสาดน้ำส้มใส่ตัวเองมากกว่าไม่ใช่ไปสาดใส่พี่มิ้นต์  ฉันควรเตือนสติตัวเองมากกว่าที่จะไปทำอะไรตามอารมณ์แบบนั้น
              

    กุญแจซอลสำหรับพี่มิณทร์เธอมันคนไม่สำคัญ  เธอมันทำตัวไม่น่ารัก..และพี่มิณทร์ก็กำลังจะเบื่อเธอ  ระยะเวลาที่เราห่างกันไกลทำให้ฉันไม่มั่นใจในตัวเองสักนิด  ฉันกลัวที่จะรู้ว่าฉันสำคัญน้อยกว่าพี่มิ้นต์และพี่มิณทร์ก็กำลังเบื่อเด็กงี่เง่าอย่างฉัน
              

    ผลักก!!  


    และจังหวะที่ฉันกำลังจะเอื้อมไปแตะแก้วนั้นแก้วน้ำส้มก็มีอันหกกระจายออกไปต่อหน้าฉันจริงๆ แรงกระแทกจากคนที่เดินมาชนพี่ก้องทำให้น้ำส้มหกออกมาจากแก้วเกือบหมด  มือและแขนเสื้อสูทของพี่ก้องมีน้ำส้มหยดติ๋งๆออกมาเป็นทาง  แก้วน้ำส้มมีน้ำเหลืออยู่แค่ค่อนแก้ว  


    ฉันอ้าปากค้างอย่างตกใจก่อนที่จะตกใจมากขึ้นเมื่อใบหน้าหล่อเหลาที่ฉันกำลังมองหาอยู่มายืนหน้าหงิกอยู่ข้างๆฉัน
              

    “โทษทีครับ”


    ฉันกลืนน้ำลายเฮือกเมื่อพี่มิณทร์ในชุดสูทโผล่มายืนประกบอยู่ข้างๆพี่ก้อง  ใบหน้าหล่อเหลาเรียบตึงประหนึ่งตี๋ใหญ่  นี่มัน.. พี่มิณทร์โหมดคิดบวกชัดๆ


    “....!!” 


    ฉันได้แต่อ้าปากค้างอยู่แบบนั้นขณะที่พี่ก้องมองน้ำส้มค่อนแก้วที่อยู่ในมือตัวเองอย่างเซ็งๆ  แขนเสื้อสูทเปรอะน้ำส้มจนน้ำหยดติ๋งๆลงกับพื้นไม่หยุด พี่ก้องดูหัวเสียนิดหน่อยผิดกับฉันที่ช็อกจนหัวใจกระเด็นหลุดไปดาวอังคารเรียบร้อย แล้วเพราะถ้าเมื่อกี้ฉันมองไม่ผิด  ฉันเหมือนเห็นพี่มิณทร์จงใจเดินมากระแทกไหล่อีพี่ก้อง 
              

    “เปื้อนหมดเลย  ขอโทษอีกทีนะครับ” พี่มิณทร์ขอโทษพี่ก้องด้วยสีหน้านิ่งสนิท  โอ้โห.. เหตุการณ์เมื่อกี้แถวบ้านเรียกจงใจชัดๆ!!
                

    “ไม่เป็นไรครับ” พี่ก้องสะบัดแขนเสื้อสูทที่ชุ่มไปด้วยน้ำส้มด้วยสีหน้าเซ็งก่อนจะเงยหน้ามาสบตาฉัน  “น้องซอลไม่เปื้อนนะครับ”
              

    “มะ ไม่ค่ะ” รังสีพร้อมบวกของพี่มิณทร์ตอนนี้ทำเอาฉันขนหัวลุกสุดๆ  ออร่าความแบดของพี่มิณทร์ตอนนี้กร้าวววววใจมากอ่ะ!   
              

    “งั้นพี่ขอตัวไปล้างมือที่ห้องน้ำก่อนนะครับ  เดี๋ยวออกมาแล้วเราค่อยคุยกันต่อ” อีพี่ก้องผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่วางระเบิดลูกใหญ่ให้ฉันลูกนึงก่อนจะค้อมตัวแล้วเดินออกไป  ฉันตวัดสายตากลับมาที่พี่มิณทร์ที่กำลังจ้องเป๋งมาที่ฉัน
              

    “โสดหรอคะ ถึงทำตัวว่างให้ผู้ชายมาจีบ” 


    พี่มิณทร์กอดอกแซะฉันหน้านิ่งใบหน้าหล่อเหลาตึงสนิทแต่หล่อโคตร! สายตาคมกริบของพี่มิณทร์กำลังทำให้หัวใจฉันละลาย แต่ไม่สิ..ฉันกำลังโกรธเขาอยู่เพราะงั้นฉันไม่กลัวหรอกนะ!
                

    “ถึงไม่โสดก็จีบได้ค่ะ เพราะ-แฟน-ซอล-ไม่-หวง” ฉันเชิดหน้าตอบกลับอย่างไม่กลัว  เพราะถ้าพี่มิณทร์หวงและฉันยังสำคัญ.. เขาจะพาพี่มิ้นต์มาด้วยทำไมล่ะ
              

    “แน่ใจแล้วนะคะที่พูด..”พี่มิณทร์กัดฟันกรอดก่อนจะคว้าหมั่บที่ข้อมือฉัน “สงสัยคืนนี้เราต้องเคลียร์กันยาวแล้วค่ะ”
              

    “โอ้ยย  พี่มิณทร์ซอลเจ็บนะ!” 
            

    “เดี๋ยวรู้เลยค่ะว่าแฟนหวงหรือไม่หวง”
              

    “พี่มิณทร์!!!!”
              

    “มายืนให้หมาจีบแบบนี้เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันยาวค่ะ! แล้วเลิกดิ้นซะทีนะคะถ้าหนูไม่อยากให้พี่คิดบวกไปกว่านี้”
              

    “ซอลไม่มีอะไรจะคุยกัยพี่ พี่ปล่อยซอลเลยนะ!”ฉันพยายามฝืนกระชากข้อมือกลับแต่พี่มิณทร์กลับดึงฉันเข้าไปสวมกอดขณะที่ในห้องจัดงานยังเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินกันควักไขว่อยู่  ฉันเหลือบไปมองเฮียกรที่กำลังยืนให้สื่อถ่ายรูปกับพี่ก้อยอยู่ไกลๆ  และไหนจะแก๊งค์มะม๊ากับย่าหยกของฉันที่ยืนจ้อคุยกับเจ้าสัวอยู่อีกมุม  


    โง้ยยยยยย นี่พี่มิณทร์กำลังเย้ยมัจจุราชอยู่นะ!
                

    “ทำไม กลัวใครเห็นหรอคะ?” 
              

    “พี่มิณทร์หยุดทำแบบนี้เลยนะ!”
              

    “พี่ไม่หยุดค่ะและพี่จะทำมากกว่านี้อีกถ้าหนูขยันยั่วพี่” พี่มิณทร์กระชับอ้อมกอดจนฉันถลำเข้าไปในอ้อมอกเขาใกล้ขึ้น  หลายสายตาเริ่มมองมาอย่างสงสัยแต่พี่มิณทร์ดูเหมือนจะไม่สนใจอะไรสักนิด  แววตาคมกริบจ้องลึกลงไปในตาฉัน “พี่ไม่ชอบที่หนูยืนเฉยให้ไอ้หน้าเห่ยมาแจกขนมจีบค่ะ”
              

    ความจริงก็โกรธอยู่นะ แต่พอเห็นพี่มิณทร์หึงอีพี่ก้องจนฟิวส์ขาดแบบนี้แล้วมันอดอมยิ้มไม่ได้ ก็..ยืนให้ไอ้หน้าเห่ย เมื่อกี้จีบเพื่อให้ไอ้หน้าหล่อคนนี้มาหึงไงคะ
              

    “พี่ไม่รักซอลแล้วจะมาหึงซอลทำไมคะ”  
              

    “ถ้าไม่รักพี่ก็คงไม่ขับรถโต้รุ่งมาจากลำพูนเพื่อที่จะมาเซอร์ไพร์ซหนูหรอกค่ะ”พี่มิณทร์ดึงหน้าดุใส่ฉัน “ไปค่ะไปกับพี่” 
              

    พี่มิณทร์ปล่อยฉันออกมาจากอ้อมกอดก่อนจะฉุดกระชากฉันให้เดินออกมาจากพื้นที่จัดงานขณะที่อีกสิบหมื่นสายตาที่มองมาที่มือพี่มิณทร์ที่กำลังจับอยู่ที่ข้อมือฉันเขม็ง โอ้ยยยยยย ไม่นะ
              

    “พี่มิณทร์ คนมองใหญ่แล้วปล่อยซอลก่อนค่ะ”
              

    “ไม่ปล่อยค่ะ.. พี่ปล่อยมือหนูนานเกินไปแล้วตั้งแต่ไปอยู่ลำพูน  ตอนนี้พี่กลับมาแล้วเพราะงั้นพี่จะไม่ปล่อยมือจากหนูหรอกค่ะ”
              

    “แต่ทุกคนมองเราอยู่นะคะ!” 


    ไหนจะสื่อและไหนจะพวกคนรู้จักที่อาจจะเอาไปพูดกันปากต่อปากอีกล่ะ..  ก็ในเมื่อเรื่องฉันกับพี่มิณทร์มันยังเป็นความลับและการที่เขาทำแบบนี้แน่นอนว่าต้องมีคนสงสัยแน่ๆ  และถ้าเฮียกรเกิดมองมาเห็นอีกล่ะ..
              

    “อยากมองก็มองไปสิคะ” พี่มิณทร์หยุดเดินแล้วหันมาทำสายตาดุฉัน “มองแล้วเอาไปพูดต่อก็ดีค่ะจะได้รู้ว่าเราเป็นอะไรกันสักที” 
               

    เลือดในตัวฉันสูบฉีด..  หัวใจฉันเต้นตึกตัก
              

    “พี่ไม่ยอมยืนเฉยๆให้หมาตัวอื่นมาจีบเมียพี่แน่ค่ะ ไปให้สัมภาษณ์ต่อจากคู่ไอ้กรเลยก็ได้นะคะว่าหนูน่ะคบอยู่กับพี่”
               

    พระเจ้า..ฉันรู้สึกหัวใจพองโตจนแทบจะระเบิดออกมา
             


    “ให้คนรู้กันไปเลยว่าหนูเป็นว่าที่สะใภ้ของปันณพัชร”



    (LOADING 100%)




    TALK 3
    คิดบวกแบบเบาๆตามสไตล์พี่มิณทร์ <3
    ถ้าคิดบวกแล้วดีต่อใจแบบนี้ พี่รีบบวกเลยค่ะ ขอร้องง 555
    แอบไปบวกกันสองคนก็ได้นะ 
    ยังไงก็ประกาศชัดว่าเป็นว่าสะใภ้แล้ว ฮี่ๆ




    TALK 2
    บวกเลย! บวกเลย! บวกเลย!
    บวกแล้วอย่าลืมเลิฟซีนหนักๆนะ
    ฮรือออออออออ >_<


    TALK 1
    คล้ายกับตอนต่อไปพี่มิณทร์จะคิดบวกกลางงานหมั้นเฮียกร
    บวกเลยค่ะพรี่~  คนอ่านรออยู่ค่ะ
    บวกให้แรงและฟินให้แรงนะคะ
    อยากเติมน้ำตาลแล้วว ~ 


    รักส์


    ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ
    ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ


     


     


     


     



     

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×